ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) ฝากเลี้ยง (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #2 : ☺ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.2K
      71
      18 เม.ย. 64





    2.


     

     

    Christmas  Café

    20.42 น.

     

    แกร็กกก!!!!!!

     

     

                “เชี่ยยย!@#$%^&*_+#@%$=-&*!!!!!!!!!

     

                มีแต่คำสบถอยู่ในใจมากมาย...และต้องรีบจัดเรียงจานกระเบื้องให้เข้าที่ก่อนเด็กจะงอแง  กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?  แล้วรู้ได้ไงว่าร้านกูอยู่ตรงนี้??  ไอ้ควายยยยยย?!!!!!!  ไอ้สัดดดดดดดด!!!!!!!!  ไอ้$%^&*_+#@%$=-&*!!!!  ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่อยู่...ป่านนี้ภาชนะลายซานตาครอสคงลอยไปกระแทกหน้าคนตัวดำจนกว่าจะพอใจ  เพราะชีวิตของโอ  เซฮุน  ไม่ได้มีเพียงพ่อแม่ที่จากไปด้วยอุบัติเหตุ  ไม่ได้มีพี่สาวที่หนีไปและทิ้งลูกน้อยไว้ให้เลี้ยง  แต่มันยังมีเพื่อนสนิท...ที่หายเงียบโดยไม่มีการบอกลา  แล้วจะให้เรียกมันว่าเพื่อนก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำคำนี้ได้อยู่หรือเปล่า??

     

     

                คิม  ไค...คือเพื่อนสนิท  เพราะเรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมและเป็นเพื่อนกันเรื่อยมาจนเข้ามหาวิทยาลัย  ถึงแม้จะเรียนคนละคณะแต่เจ้าเพื่อนตัวดำก็มักจะมานอนเล่นที่ห้องของเขาเสมอเมื่อเลิกคลาส  ห้องตัวเองมีไม่กลับ  บ้านตัวเองมีก็ไม่อยู่  แล้วก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร  ไคเหมือนเป็นโรคเบื่อบ้านเนื่องจากแม่มีสามีใหม่  ซึ่งสามีใหม่ก็อายุมากกว่ามันไม่กี่ปี  และเมื่ออยู่บ้านแล้วไม่มีความสุข  ที่พักกายที่พักใจของมันก็คือบ้านของเขา  วันไหนถูกแม่บ่นก็จะหอบกระเป๋าใบใหญ่มาขอนอนด้วยที่บ้าน  อยู่สามวันบ้าง  ห้าวันบ้างก็แล้วแต่อารมณ์  ยิ่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยิ่งไม่กลับบ้านหนักกว่าเดิม  และหอพักของเพื่อนคนนี้ก็ยังเป็นที่พึ่งสำหรับไคเสมอ

     

    แต่คำว่า  “เพื่อน”   มันเริ่มพูดได้ไม่เต็มปากเมื่อวันหนึ่งมันมาพร้อมกับกระเป๋าใบเดิมและรอยจูบ

     

                เซฮุนยังจำวันนั้นได้ดี...ไคไม่ได้เมา  มันเป็นจูบที่แสนลึกซึ้ง  แล้วเพื่อนสนิทก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย  ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไปไหน  มาถามหากับเพื่อนๆในคลาสก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้เลยสักคน  ช่วงนั้นเริ่มสอบปลายภาคและเรียนอีกแค่ปีเดียวก็จบแล้ว  แต่ไค...ก็ทิ้งทุกอย่างไปโดยไม่บอกลา  มันทิ้งไว้เพียงรอยจูบที่ยังคงเป็นปริศนา  มันเกิดอะไรขึ้น?  มึงจูบกูทำไม??  มึงหายไปไหน???  แล้วตอนนี้มึงกลับมาทำ(ส้นตีน)อะไร????

     

                “พี่!!...”

     

                เสียงของหลานตัวน้อย...เหมือนเป็นสิ่งที่เรียกสติให้คนเป็นน้าต้องกลับมาอยู่กับปัจจุบัน  แถมรอยยิ้มหวานๆของโฮยอนก็ยังเป็นสิ่งที่ช่วยลดความหงุดหงิดได้เป็นอย่างดี  เซฮุนหยิบผ้าในลิ้นชักมาคลุมจานที่เรียงเสร็จแล้วก่อนปลดเป้อุ้มเด็กออกจากอกแล้วประคองกายหลานเอาไว้ในอ้อมแขน  แต่สายตา...ก็ไม่อาจละจากคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงประตูร้านพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบ

     

                “ลูกมึงเหรอวะ?”

     

                “เออ!!!

     

                “กูไม่เชื่อ”

     

                คำแรกที่ควรพูดคือ  “ขอโทษ”  แต่พอเห็นเด็กน้อยในอ้อมอกเพื่อนรัก  มันจึงอดถามไม่ได้ว่าเป็นลูกใคร  และคำตอบที่ได้ยินก็ทำให้ทราบได้ทันทีว่าเป็นเรื่องโกหก  เซฮุนเกลียดเด็กยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทำไมเขาจะไม่รู้  เวลาไปกินข้าวด้วยกันแล้วเจอเด็กงอแงหรือวิ่งเล่นไปทั่วร้านก็จะรีบเดินหนีทันที  ที่ไหนมีเด็กที่นั่นจะไม่มีเพื่อนของเขา  เลี่ยงได้ก็เลี่ยง...แต่ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้เซฮุนก็จะทำหน้าดุจนเด็กไม่กล้าเข้าใกล้  แล้วเจ้าตัวน้อยแก้มป่องที่เรียกเขาว่าพี่เป็นลูกของใครกันล่ะ??

     

                “พี่!!

     

    นั่นไง...เรียกพี่อีกแล้ว

     

                “คนนั้นไม่ใช่พี่นะคะโฮยอน”

     

                “พี่...”

     

                “ไม่ใช่ค่ะ”

     

                เป็นครั้งแรกที่เห็นหรือได้ยินเพื่อนรักพูดคะพูดขา  แถมยังเป็นคนที่ดูอ่อนโยนขึ้นมากกว่าแต่ก่อน  รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มโดยไม่รู้ตัวและการได้พบเซฮุนกับเด็กที่ชื่อโฮยอนมันก็พาให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก  จะให้เรียกสิ่งนี้ว่าพรหมลิขิตหรือโชคชะตามันก็คล้ายว่าจะน้ำเน่าเกินไปหน่อย  แต่จะให้เขาเปรียบว่าอะไรดีล่ะ??  ไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะได้กลับมาพบเพื่อนคนนี้อีกครั้ง  เพราะตั้งแต่จากไปเขาไม่รู้เลยว่าเซฮุนจะเป็นอย่างไร  จะโกรธกันไหม  จะเกลียดกันหรือเปล่า  แล้วถ้าอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...มึงจะต่อยกูไหมวะ???!

     

     

                จากไปไม่ลา...กลับมาไม่บอก  และกลับมาครั้งนี้ก็คิดว่าจะมาหาเช่าคอนโดฯอยู่สักระยะแล้วค่อยติดต่อเซฮุนในวันหลัง  แต่...ร้านกาแฟที่ชื่อว่า  Christmas  Café  กลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาจนต้องรีบวิ่งข้ามถนนเพื่อเข้ามาดูใกล้ๆ  ไฟในร้านเปิดอยู่  การตกแต่งภายในก็เป็นธีมของวันคริสต์มาสทั้งหมด  และประตูที่ยังไม่ได้ล็อคพร้อมกับคนที่คิดถึงเดินวนเวียนอยู่ด้านในก็คือสิ่งที่พาให้ความตั้งใจสัมฤทธิ์ผล

     

     

                ใจหนึ่งมันลังเลว่าคนที่เห็นจะใช่เพื่อนรักหรือไม่  เพราะเด็กที่อยู่ในเป้มันเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่แน่ใจ  แต่ใบหน้าเรียวสวยกับไฝบนลำคอและรอยแผลเป็นบนแก้มขาวเนียนมันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจมากขึ้น  แล้วเขาก็จำได้ดีว่าร้านกาแฟที่เห็นอยู่ตอนนี้มันคือความฝันของเซฮุน  ซึ่งในที่สุด...สิ่งที่มันฝันมาตลอดหลายปีหรือคำพร่ำเพ้อที่ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมก็เป็นจริงดั่งที่หวัง

     

                “กูชอบวันคริสต์มาส  ถ้ากูมีร้านกาแฟนะ...ทุกอย่างในร้านของกูต้องเกี่ยวกับวันคริสต์มาสทั้งหมด  กูจะตกแต่งร้านให้เหมือนวันคริสต์มาส  มีกระดิ่ง  หิมะขาว  โต๊ะเก้าอี้สีเขียวสีแดง  แก้วน้ำจานชามต้องเป็นรูปซานตาครอส!!

     

              “เออ...เอาดิ  กูเชียร์  กูก็ชอบวันคริสต์มาสเหมือนกัน  แล้วมึงก็ต้องติดไฟให้มันวิบวับวิบวับทั้งร้านเลยนะ”

     

              “เรียนจบกูทำแน่...แต่ตอนนี้ขอเก็บตังค์ก่อน”

     

              “สู้ๆนะ...กูจะรอดู”

     

              “สู้!!!

     

    ดีใจที่เพื่อนรักมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองสักที  แต่ใจลึกๆก็รู้สึกเสียดายที่กลับมาไม่ทันเพื่อแสดงความยินดี  และ......

     

                “พี่!!!....

     

                “งุนงุนบอกว่าไม่ใช่พี่ไงคะ!

     

                “พี่”

     

                “ไม่ใช่พี่ค่ะ...โฮยอนต้องเรียกมันว่า  เหี้ย!!!

     

                (เฮ้ยยยย!!...มึงสอนเด็กแบบนั้นไม่ได้นะเว้ยยย!!)

     

                “แง!!!!!!!!!!!!!.....”

     

                คนหนึ่งตกใจที่เพื่อนรักสอนให้เด็กพูดจาหยาบคาย  แต่เสียงตักเตือนทุ้มหนักจนคล้ายกับเป็นการตะคอกก็ทำให้โฮยอนตกใจจนร้องไห้เช่นกัน  ไคหน้าซีดยิ่งกว่าผ้าอ้อมสีขาวที่เซฮุนหยิบมาซับน้ำตาให้เด็ก  และรีบเดินเข้าไปหาต้นเสียงในเคาน์เตอร์บาร์อย่างถือวิสาสะ  มือหนาลูบหลังโฮยอนเบาๆเพื่อปลอบขวัญปนขอโทษ  แล้วการกระทำแบบนั้นก็พาให้เขาได้เห็นหน้าเซฮุนชัดขึ้น  ได้ใกล้กันมากขึ้น  รวมถึงได้รู้ว่าที่ถูกด่าเมื่อครู่มันเป็นเพียงแค่การระบายความรู้สึก

     

     

                ไม่ใช่แค่ความฝันของเซฮุนเท่านั้นที่เขารู้ดี...แต่นิสัยส่วนตัวของเพื่อนคนนี้เขาก็รู้ดีมากกว่าใครๆ  ถ้าเกลียดก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้  เซฮุนไม่ชอบอะไรหรือเกลียดใครก็จะไม่เอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยว  หน้าไม่มอง  ชื่อไม่เอ่ยและจะไม่สนด้วยว่าบุคคลที่เกลียดจะมีชีวิตเป็นเช่นไร  จะดีจะร้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจ  ตัวใครตัวมัน  ต่างคนต่างอยู่  ไม่ต้องมายุ่งกันอีก  เกลียดแล้วเกลียดเลย  และจะไม่ให้อภัยด้วยเพราะต่อให้อภัยก็ยังเกลียดอยู่ดี

     

                “โอ๋ๆ...โฮยอนไม่ร้องนะคะ  เรากลับไปกินนมนอนกันดีกว่า”

     

                “ฮึกก!!...เป็ด”

     

                “โอเค...ไปเป็ดก็ได้ค่ะ”

     

                คำสนทนา  คำปลอบใจและความอ่อนโยนของเซฮุน  มันทำให้เพื่อนอย่างเขายิ้มได้อีกครั้ง  แต่น้ำตาสองหยดบนแก้มกลมๆของเด็กตัวน้อยก็ยังทำให้รู้สึกผิดไม่หาย  ขอโทษที่เสียงดังนะครับ  พี่เหี้ยๆคนนี้ไม่ได้ตั้งใจ  คราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว  โฮยอนอย่าโกรธพี่เลยนะครับ  ใช้รอยยิ้มและการทำหน้าทะเล้นแทนคำพูดมากมายที่อยู่ในใจพร้อมจับมือน้อยๆโยกไปโยกมาเพื่อสร้างความคุ้นเคย

     

                “มึงจะไปไหนก็ไป...กูจะปิดร้านแล้ว!!

     

                “คืนนี้กูไปนอนด้วยดิ?”

     

                “กูไม่ให้ไป”

     

                “เซฮุนนน...มึงอย่าใจดำดิวะ”

     

                “ใครกันแน่วะที่ใจดำ!!!

     

                “ขอโทษ....”

     

                “มึงมันเหี้ย!!  ไอ้ดำ  ไอ้เลววว!!  อะ...ไอ้”

     

                “ขอโทษ  ขอโทษ  ขอโทษ....”

     

                เคยโมโหจนร้องไห้ไหม?...เพราะเซฮุนกำลังเป็นเช่นนั้น  อยากโกรธแต่โกรธไม่ลง  อยากเกลียดก็เกลียดไม่ได้  ในใจมันมีแต่คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว  มึงหายไปไหนมาตั้งนาน  จูบในวันนั้นมันหมายความว่าอะไร  แล้วมึงก็ยังเป็นเพื่อนกูอยู่เสมอ  คำว่าเป็นห่วงมันกัดกินใจเขาอยู่ทุกวัน  ยิ่งเป็นเพื่อนแบบไคด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเพื่อนคนไหนไหน

     

     

                เรารู้จักกันมาตั้งนาน  นอนเล่นเกม  อ่านการ์ตูน  ดูหนังโป๊ด้วยกันก็บ่อย  มีปัญหาไม่ว่าเรื่องใดก็ปรับทุกข์ให้กันฟังเสมอ  แล้ววันที่เพื่อนสนิทจากไปโดยไม่ลา  มันเหมือนเป็นวันโลกแตกสำหรับเขา  ไปตามถึงบ้าน...บ้านปิดประกาศขาย  ไปดูที่หอพัก...เจ้าของก็บอกว่าย้ายไปตอนไหนไม่รู้  โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้  ข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ  ทุกๆอย่างมันเหมือนถูกเสกให้หายไปภายในพริบตา

     

                “แง.....!!!!

     

                “ฮึกก!...โฮยอนไม่ร้องนะคะ  งุนงุนจะพาไปเป็ดๆแล้ว”

     

                ผ้าอ้อมที่เคยซับน้ำตาให้หลานกลับต้องหยิบมาซับน้ำตาของตัวเอง  ส่วนคนต้นเหตุอย่างไคก็ต้องหน้าซีดเป็นรอบที่สองเพราะทำให้ทั้งน้าทั้งหลานร้องไห้พร้อมกัน  เป็นอีกครั้งที่ต้องปลอบประโลมความเศร้าโศกด้วยการลูบหลังเบาๆ  และการปลอบขวัญในครั้งนี้มันก็ทำให้เขารู้ว่าเซฮุนไม่ได้เกลียดกันเลยแม้แต่น้อย  มือหนึ่งลูบหลังเด็กแก้มป่อง  อีกมือก็เช็ดน้ำตาให้เพื่อนรักก่อนยีหัวของมันด้วยความหมั่นเขี้ยว  ขอบคุณที่ไม่โกรธไม่เคือง  ขอบคุณที่ไม่ขับไล่ไสส่ง***  และขอบคุณที่มอบรอยยิ้มให้แม้รอยยิ้มนั้นจะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

     

                “ตกลงเด็กคนนี้เป็นลูกใครวะ?”

     

                “แล้วมึงล่ะ?...หายหัวไปไหนมา??”

     

                “มึงถามเหมือนผัวกลับบ้านผิดเวลา”

     

                “ไอ้....!!

     

                “อย่าเพิ่งด่า  แล้วเรื่องกูก็เอาไว้ก่อน...เพราะตอนนี้กูอยากรู้ว่าโฮยอนเป็นลูกใคร?”

     

                “ลูกพี่สาว”

     

                “แล้ววว...”

     

                “มันทิ้งลูกให้กูเลี้ยง  ตอนแรกมันก็แค่ฝาก...ไปๆมาๆแม่งทิ้งไว้เลย  กูไปตามหามันทุกที่ก็ไม่เจอ  ผัวมันก็ด้วย...หายไปกันหมด  ไม่รู้แม่งหนีไปไหน  กะ...กู!!

     

                “โอเค...พอ!!  กูไม่อยากรู้ก็ได้”

     

                เหมือนช่วงชีวิตที่ไร้การติดต่อกับเพื่อนรัก...จะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย  พี่สาวมันแต่งงาน  มันเปิดร้านกาแฟและมีสิ่งที่เกลียดมาให้เลี้ยงดู  เซฮุนคงเหนื่อยกับสิ่งที่เป็นอยู่เพราะภาระหรือความรับผิดชอบในเรื่องของเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของมันเลยสักนิด   คิม  ไค...รู้จักพี่สาวของเซฮุนเป็นอย่างดี  พี่มันทำอาหารอร่อย  เป็นคนสวย  แถมยังเรียนเก่ง  ไปนอนค้างที่บ้านมันบ่อยแค่ไหนพี่สาวก็ไม่เคยบ่นไม่เคยว่าและมักจะเตรียมที่หลับที่นอนเอาไว้ให้เสมอ  แต่ตอนนี้...หญิงสาวที่แสนใจดีคนนั้นหายไปไหน?  ทำไมถึงทิ้งลูกน้อยไว้ให้น้องชายเลี้ยงดู??  แล้วคนเป็นสามีล่ะ???

     

     

                อยากถามอีกหลายเรื่อง...แต่อารมณ์ของเพื่อนรักคงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรอีกแล้ว  เพราะเพียงแค่ถามว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร  ทั้งน้ำเสียง  สีหน้า  แววตามันก็แสดงออกถึงความไม่พอใจทันที  ไคจึงต้องหยุดความสงสัยไว้เพียงเท่านั้นและรีบเดินตามเซฮุนออกไปจากร้านกาแฟก่อนที่จะถูกเตะก้านคอ  ประตูบานเลื่อนถูกปิด  ร้านถูกล็อค  ส่วนเด็กน้อยโฮยอนก็ยังถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับตุ๊กตาช้างสีชมพู

     

                “จ๊างงง...เป็ดๆ!

     

                “เป็ดๆก่อนแล้วก็นมๆนอน  เอ่เอ๊”

     

                “งุนงุน....”

     

                “โฮยอนยอน”

     

                 ^O^

     

                สองขาก้าวตาม...เจ้าของบทสนทนาแปลกประหลาดแต่ก็ทำให้ยิ้มไม่หุบ  สองมือลากกระเป๋าเดินทางตามสองน้าหลานด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเอ่ย  และสองดวงตาก็กำลังทอดมองคนตรงหน้าด้วยหวังว่าการกลับมาของตัวเองจะทำให้แฟน(ในอนาคต)มีความสุขมากขึ้น

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    XXX  Condominium

    21.26 น.

     

    แกร๊กก!!!

     

                “โห...เจ๋งว่ะ!!

     

                ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องของเพื่อนรักเพราะร้านกาแฟกับคอนโดฯแห่งนี้มันอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ช่วงตึก  และเมื่อประตูไม้ถูกเปิดออกก่อนไฟภายในห้องจะสว่างด้วยมือผู้เป็นเจ้าของ  ไคถึงกับต้องเอ่ยปากชมความสวยงามของห้องพักพร้อมกับเดินสำรวจตรงนั้นตรงนี้อย่างถือวิสาสะ  ส่วนกระเป๋าเดินทางก็ทิ้งไว้ที่หน้าประตู  ขนาดมีเด็กมาให้เลี้ยง  มีร้านกาแฟให้ดูแล  แต่ห้องของเซฮุนก็ยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย  ห้องนั่งเล่นมีทีวี  ตู้เย็นในห้องครัวก็มีของกินมากมาย  แล้วห้องนอนล่ะ...จะเป็นยังไง?

     

                “ไค...มึงหยุดเดินก่อนดิ  กูเวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย!

     

                “มึงเช่าหรือซื้อวะ?”

     

                “ซื้อ”

     

                “กูชอบว่ะ  ขออยู่ด้วยคนดิ”

     

                “ง่ายไปมั้ง”

     

                “งั้นกูจะช่วยมึงเลี้ยงเด็ก...แลกกับที่นอน”

     

                “เดี๋ยวค่อยว่ากัน  กูขอเอาโฮยอนไปอาบน้ำกินนมนอนก่อน  ส่วนมึงก็ไปเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย”

     

                “ค้าบบบบบบ”

     

                ถึงจะไม่ได้คำตอบก็ไม่เป็นไร...เพราะมันยังดีการถูกไล่ให้ไปนอนที่อื่น  สองขารีบก้าวฉับๆเดินไปคว้ากระเป๋าสองใบมาเก็บไว้ในห้องนอนและนั่งมองการกระทำของเพื่อนไปพร้อมๆกับการจัดเก็บสัมภาระ  เด็กหญิงโฮยอนถูกจับแก้ผ้าก่อนอุ้มเข้าไปที่ห้องน้ำ  ไคจึงอดไม่ได้ที่จะเดินตามไปดูอย่างเงียบๆ  สายตาจับจ้องมือบางที่กำลังลูบเจลใสลงไปบนตัวเด็กอย่างทะนุถนอม  แก้มป่องๆถูกฟองน้ำนุ่มนิ่มซับอย่างแผ่วเบา  โฮยอนหยิบตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองมาตีกับน้ำจนกระเด็นไปทั่วทั้งอ่าง  ซึ่งการทำแบบนั้นก็พาให้คนเป็นน้าเปียกไปด้วย  แล้วคำว่า  “เป็ดๆ”  ที่ได้ยินอยู่หลายครั้งก็คือการอาบน้ำนี่เอง

     

    เป็ดๆ = อาบน้ำ (จำไว้)

     

                “มึงเก่งว่ะ”

     

                “ไม่เก่งก็ต้องเก่ง  ทำไม่เป็นก็ต้องหัด  เหนื่อยฉิบหาย!!

     

                “มึงพูดไม่เพราะอีกแล้ว  อยู่หน้าเด็กมึงต้องระวังคำพูดบ้าง”

     

                “เป็นเพราะมึงนั่นแหละ!

     

                “กูผิด?!

     

                “เออ...มึงผิด”

     

                “อะไรวะ!

     

                “เดินไปหยิบครีมมาหน่อยดิ  ขวดสีฟ้าๆอะ”

     

                “ใช้กูอีก”

     

                “อย่าบ่น  ไปหยิบ...เร็วๆ”

     

                อาบน้ำเด็กเพิ่งเสร็จก็ต้องมาทะเลาะเพื่อนตัวดำ...แล้วตอนนี้ชีวิตของโอเซฮุนก็คล้ายว่าจะยุ่งมากกว่าที่เคย  แค่มีเด็กมาให้เลี้ยงมันก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว  ยิ่งมีไคเข้ามาเพิ่มอีกคนชีวิตของเขาก็คงต้องยุ่งแบบคูณสอง  แต่ไหนไหนมึงก็มาแล้ว...กูขอใช้ให้คุ้มหน่อยก็แล้วกัน  อย่างแรกก็ช่วยไปหยิบครีมทาผิวบนโต๊ะหน้ากระจก  อย่างที่สองก็ช่วยใส่ชุดนอนให้โฮยอนเพราะเขาจะต้องไปชงนมและต้องทำบัญชีต่อเมื่อหลานหลับ  งานก็เยอะ  คนก็เยอะ  เยอะไปหมดทุกสิ่ง

     

                “งุนงุน”

     

                “งุนไปชงนมครับ  โฮยอนอยู่กับพี่ไปก่อนนะครับ”

     

                “งุน...!!

     

                “โอเคๆ...ไปหางุนงุนกัน  พี่ขออุ้มนะครับ”

     

                “พี่!!

     

                เด็กอะไรน่ารักชะมัด  ไม่กลัวคนแปลกหน้าแถมยังยิ้มจนเห็นเหงือก...ไคไม่เคยอุ้มเด็กเลยสักคน  แต่ก็จะพยายามทำเหมือนที่เพื่อนพูดกระแทกใส่หน้าเมื่อครู่  “ไม่เก่งก็ต้องเก่ง  ไม่เป็นก็ต้องหัด”  และสองมือก็ค่อยๆประคองโฮยอนเข้าสู่อ้อมอกด้วยความระมัดระวัง  แต่ดึกขนาดนี้ทำไมเด็กยังดูร่าเริงสดใส  กลางวันคงนอนเยอะน่าดูหรือไม่ก็พากันเล่นกับคุณน้าจนไม่ได้หลับได้นอน  ไคคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...แล้วที่คิดแบบนั้นก็เป็นเพราะเห็นเพื่อนต้องแบกหลานตัวน้อยไว้บนหลังไปพร้อมๆกับการทำงานในร้านกาแฟ  ซึ่งมันก็อาจทำให้เด็กวัยเพียงเท่านี้พักผ่อนไม่เพียงพอ

     

                “นั่นไง...งุนงุนชงนมอยู่”

     

                “นม!!...งุนงุน!

     

                “หิวแล้วใช่ไหมครับ”

     

                ยืนมองเพื่อนรักด้วยความรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง  เพราะการที่เซฮุนเขย่าขวดพลาสติกรูปกระต่ายก่อนวัดอุณหภูมิของนมด้วยหลังมือมันเป็นภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น  มันดูคล่องแคล่ว  ดูชำนาญ  แล้วก็ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก  ส่วนเด็กในอ้อมอกพอได้ยินเสียงเขย่าขวดนมก็รีบชูแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ  และขยับมือป้อมๆพร้อมส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจ

     

                “มาเลยมาเลย...ได้เวลานอนแล้วค่ะ”

     

                “พี่!!...”

     

                “หืม...จะให้พี่ไปนอนด้วยเหรอคะ?”

     

                “พี่”

     

                “พี่ต้องไปเป็ดๆก่อนถึงจะนอนกับโฮยอนได้นะคะ  พี่เหม็น...สกปรก!

     

                “เป็ดๆ  พี่...เป็ด!

     

                อยู่ดีๆก็โดนไล่ไปล้างความสกปรก  เพราะความหมายของคำว่าเป็ดๆก็คือการอาบน้ำ  ไคจำเป็นต้องส่งโฮยอนให้คนเป็นน้าและต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากเตียงนุ่มๆไปที่ใต้ฝักบัว  ก็ดีเหมือนกัน...เดินทางมาตั้งไกล  ข้าวก็ยังไม่ได้กิน  แล้วการได้อาบน้ำมันก็คงจะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง  ส่วนเด็กที่ควรจะนอนตั้งแต่หัวค่ำก็ถูกของโปรดป้อนใส่ปากโดยมีเซฮุนคอยขับกล่อมด้วยเสียงเพลงเพียงแผ่วเบาบนเก้าอี้โยกตัวใหญ่

     

                “ฮืมม..♪♫...♪♫♪...♪♫

     

                “.....?!  ^_^) ”

     

                เป็นอีกครั้ง...ในหลายๆครั้งที่ทำให้เพื่อนคนนี้ยิ้มได้  เพราะเสียงเพลงที่ออกมาจากปากของเซฮุนคือสิ่งที่ไคไม่เคยคิดว่าจะได้ยินหรือได้เห็น  เพื่อนรักไม่เคยร้องเพลง  ไม่ชอบการร้องเพลงและแม้แต่เขาที่เป็นเพื่อนสนิทก็ไม่เคยได้ยินเซฮุนร้องเพลงเลยสักครั้งจนกระทั่งวันนี้  ชุดนอนพร้อม  ข้าวของเครื่องใช้ในการอาบน้ำก็พร้อม  แต่เพลงกล่มเด็กที่ได้ยินอยู่ตอนนี้มันพาลให้สองขาต้องหยุดไว้เพียงแค่หน้าประตู  และยืนฟังเสียงฮึมฮัมนั้นอย่างตั้งใจ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    23.41 น.

     

    ปึ่กก!!

     

                “จริงๆเอาแค่รามยอนก็ได้  กูเกรงใจ”

     

                “อะ!!...แดกซะ”

     

                “ขอบคุณนะ”

     

                “พอดีกิมจิกับข้าวเย็นมันเหลืออยู่ในตู้  กูก็เลยผัดให้มึงแดก...นี่พิเศษไข่ดาวด้วยนะ  แดกให้หมดอย่าให้เหลือ!!

     

                กล่อมหลานเพิ่งเสร็จ  น้ำก็ยังไม่ได้อาบ  แถมยังต้องมาทำมื้อดึกให้เพื่อนกิน  มีอะไรที่โอเซฮุนต้องทำอีกไหม???  แล้วที่บอกว่าขอแค่รามยอน...มันก็เป็นเพียงแค่คำตอแหลเพราะไคไม่กินรามยอน  ไคไม่ชอบกิน  มันบอกเสมอว่าไม่มีปะโยชน์  เกิดมาบ้านรวย  มีแม่บ้านทำอาหารดีๆให้ทาน  มีของหวานเสิร์ฟทุกมื้อ  ไอ้หน้าหมาาาา!!!  มือบาง...ขัดกระทะล้างตะหลิ่วด้วยความหงุดหงิด  เนื่องจากยังไม่ได้ทำบัญชีเลยสักตัวเลข  วันนี้ได้กำไรเท่าไหร่  หักลบค่าเสียหายที่ลูกน้องทำแก้วแตกกับขนมไหม้ไปสามชิ้นจะเหลือกำไรอยู่บ้างไหมก็ยังไม่ได้คำนวณ

     

    เหนื่อยยยยยยย!!!

     

                “ขนาดทำของเหลือให้แดกยังอร่อย”

     

                “กูไม่อยากได้คำชม  กูอยากรู้ว่ามึงหายไปไหนมา  แล้วถ้ามึงยังไม่เล่านะ...มึงออกไปนอนข้างถนนเลย!!!

     

                “เดี๋ยวเล่าให้ฟัง  ตอนนี้ขอน้ำกินหน่อยดิ...ข้าวติดคอ”

     

                “เรื่องเยอะจริงๆ!!

     

                ถ้ายกตู้เย็นไหวก็คงทุ่มใส่หัวเพื่อนตัวดำไปนานแล้ว...กินข้าวต้องมีน้ำมาเสิร์ฟ  กินเสร็จต้องมีคนคอยเก็บจานให้  แล้วนี่ก็ผลไม้นะครับคุณชาย!!!  กล่องพลาสติกที่บรรจุทั้งสตอร์เบอร์รี่และองุ่นม่วงถูกวางลงตรงหน้าเพื่อนสนิทอย่างประชดประชัน  ส่วนน้ำที่เอ่ยขอเมื่อครู่ก็ยกมันออกมาทั้งขวดพร้อมแก้วเปล่าหนึ่งใบ  อยากกินก็รินเอาเองเพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของมึง...แล้วกูก็ไม่ใช่คนใช้

     

                “อิ่มมากกกก...อร่อยด้วย  ขอบใจนะ”

     

                “อย่าลีลา  เล่ามาเร็วๆ...กูรอฟังอยู่เนี่ย!

     

                “เฮ้อออ...กูขอโทษ”

     

                ไคไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนก่อนนอกจากคำนั้น...และเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่  ถึงแม้เรื่องราวต่างๆมันจะผ่านไปนานมากแล้ว  แต่ในระหว่างที่ต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง  ชีวิตมันก็ทุกข์จนแทบทนไม่ไหว  เกิดมารวยมันก็ดี...เพราะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ  แต่การมีแม่ที่เห็นลูกเป็นแค่สิ่งที่ช่วยเสริมหน้าตาในสังคมมันช่างน่าอาย  ลูกฉันต้องเรียนเก่ง  ลูกฉันต้องสอบได้ที่หนึ่ง  ลูกฉันต้องเรียนจบจากเมืองนอก  แถมยังมีพ่อเลี้ยงที่วันวันไม่ทำอะไรนอกจากเดินเคียงข้างหญิงแก่และตัวเองก็อายุน้อยกว่าตั้งหลายปี

     

     

                ชีวิตมีแต่เรื่องน่าอายเต็มไปหมด...แม่มีผัวเด็ก  บ้าการเข้าสังคม  มีลูกไว้เพื่ออวดใครๆว่าดีเลิศ  แล้วลูกอย่างเขาก็ต้องทนเพื่อที่วันหนึ่งจะได้รับอิสระ  อิสระจากการถูกตีกรอบ  อิสระจากการถูกกดดัน  อิสระจากผู้ที่ให้กำเนิด  และอิสระจากหลายๆสิ่งที่พาให้ประสาทเสีย  ไคยอมย้ายไปอยู่อังกฤษกับแม่เพียงเพื่อให้ได้อิสระคืนมา  แล้วอิสระที่ว่ามันก็ทำให้เขาต้องทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง  ไม่อยากบอกให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  ไม่อยากบอกให้เพื่อนทราบด้วยเหตุของความจำเป็นภายในครอบครัว  แต่วันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ

     

                “ไคต้องเรียนที่อังกฤษให้จบ  แม่ถึงจะให้กลับ!!

     

              “ถ้าแม่ผิดสัญญา  ผมจะทำทุกทางให้แม่ต้องอับอายคนที่นี่”

     

              “แกขู่ฉันเหรอ?!!

     

              “ผมไม่ได้ขู่”

     

              “ไค...!!!!

     

              “แม่อยากอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป  ส่วนผมถ้าเรียนจบ...ผมจะกลับ  แล้วแม่ก็ไม่มีสิทธิมาบังคับอะไรผมอีกแล้ว”

     

              “เออ!!!...เรียนจบเมื่อไหร่แกจะไปไหนก็ไป  แต่อย่าสร้างเรื่องให้ฉันต้องขายหน้าก็แล้วกัน!!

     

     

    (เอ่อออ!! ขอโทษนะไคคือว่า...แม่มึงเหี้ยเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ)

     

                เป็นคำด่าที่พูดได้แค่ในใจ...เพราะเมื่อฟังสิ่งที่เพื่อนเล่ามาทั้งหมดมันคงพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำนั้น  เซฮุนทราบดีว่าแม่ของไคเป็นคนเช่นไร  แล้วเรื่องแบบนี้ก็เคยเห็นหรือได้ยินจากในละครเท่านั้นและที่ไม่น่าเชื่อก็คือ...มันเสือกเป็นเรื่องจริงของเพื่อนสนิท  ครอบครัวของไคมีฐานะดีมากๆ  มีบ้านหลังใหญ่  มีคนใช้เหมือนละครทุกอย่าง  แต่การมีพร้อมทุกสิ่งกลับสร้างความทุกข์ให้มากกว่าความสุข  เซฮุนเคยไปบ้านของไคอยู่ครั้งหนึ่งและนั่นก็เป็นครั้งสุดท้าย  เนื่องจากบรรยากาศภายในบ้านมันช่างน่าอึดอัด  สามี(เด็ก)กับภรรยานั่งทานข้าวกันอยู่สองคน  แต่อาหารที่จัดไว้มันเยอะเหมือนมีงานเลี้ยง  ช้อน  ส้อม  มีด  แก้วน้ำ...เรียงไว้จนหยิบใช้ไม่ถูกและจะเดินไปตรงไหนก็เจอแต่แม่บ้าน

     

                “ละ...แล้วแม่มึงจะให้คนมาตามกลับไปไหมวะ?”

     

                “ไม่มาหรอก  คนอย่างเขารักหน้าตา  รักสังคม  รักผัวเด็กมากกว่ากูอีก”

     

                “แล้วมึงจะเอายังไงต่อ...จะทำงานอะไรคิดไว้หรือยัง?”

     

                “ไม่คิดอะไรทั้งนั้นแหละ...กูขอพักสมองก่อนแล้วกัน”

     

                “กูขอโทษนะไค...กูไม่รู้ว่าเรื่องมันจะแย่ขนาดนี้”

     

                “ช่างมันเหอะ  เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

     

                “มึงเครียดไหมวะ...”

     

                “ตอนนั้นเครียด  แต่ตอนนี้ไม่...กูโคตรดีใจเลยที่เจอมึง”

     

                “กูก็ดีใจ”

     

                อ้อมกอด...ถูกโอบกันและกันเอาไว้โดยอัตโนมัติ  มันคิดถึง  มันเป็นห่วง  อยากปลอบใจ  อยากปรับทุกข์หรืออีกหลากหลายความรู้สึกที่เริ่มแยกแยะไม่ออก  ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง  เสียใจที่ปล่อยให้เพื่อนต้องมาเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง  ขอโทษที่โกรธเป็นฝืนเป็นไฟและขอบคุณที่นึกถึงเขาเป็นคนแรก  ส่วนไคก็รู้สึกไม่ต่างไปจากเซฮุนเลยสักนิด  เพราะหลังจากที่ห่างหายไปหลายปี  คนที่เกลียดเด็ก...กลับต้องมาเลี้ยงเด็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  มีพี่สาวก็เหมือนไม่มี  พ่อแม่ก็มาเสียชีวิตตอนเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมปลาย  และเซฮุนก็ไร้ที่พึ่งพิงมาตั้งแต่ตอนนั้น  พี่น้องต้องแยกกันอยู่  ต่างคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง  ซึ่งเขาก็เข้าใจความลำบากของเพื่อนมากที่สุด

     

    อาจมีบ้างที่รู้สึกอิจฉาการมีอิสระในชีวิตของเพื่อนคนนี้  แต่ในความอิจฉามันก็มีความเป็นห่วงปะปนอยู่ด้วยเสมอ

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     


     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    01.26 น.

     

    แกร็กก!!

     

     

                “อ้าว...ทำไมยังไม่นอนอีกวะ”

     

                “เจ็ทแลค***มั้ง  แล้วมึงล่ะ...ทำไมยังไม่นอนอีก”

     

                “งานยังไม่เสร็จ”

     

                “งานอะไรวะ?”

     

                “ก็งานที่ร้านไง”

     

                ประตูห้องนั่งเล่นถูกเปิดออกพร้อมเพื่อนตัวดำที่เดินเข้ามาด้านใน...ทำให้การคำนวณรายได้ของการขายกาแฟต้องหยุดชะงัก  เซฮุนให้ไคไปนอนกับโฮยอนเพราะเกรงว่าหลานตื่นมากลางดึกแล้วไม่พบใครจะร้องไห้งอแง  แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า...คนที่งอแงก็คือเพื่อนของตัวเอง  งอแงมาก  งอแงจนน่าตบเพราะแทนที่มันจะทิ้งกายลงบนโซฟาด้านหลัง  มันเสือกทิ้งหัวลงบนตักของเขา

     

                “เจ็ทแลคประสาอะไรวะ...ลุกเลยกูจะทำงาน”

     

                “มึงก็ทำไปดิ   กูไม่กวนหรอก”

     

                “เออ...อยากนอนก็นอนไป  แล้วที่มึงบอกว่าจะช่วยกูเลี้ยงเด็ก  มึงอย่าคืนคำนะเพราะกูจริงจัง  กูบอกตรงๆเลยว่าเหนื่อย  มึงมาช้าดีกว่าไม่มา...แต่ถ้ามึงหางานได้เมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากันใหม่”

     

                ไม่ต้องบ่นก็รู้ว่าเซฮุนเหนื่อยแค่ไหน...เพราะหลานก็ต้องเลี้ยง  ร้านกาแฟก็ต้องทำ  แล้วการเลี้ยงเด็กมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดเดียว  ดีที่โฮยอนเป็นเด็กเลี้ยงง่าย  ไม่กลัวคนแปลกหน้า  และไม่ค่อยร้องไห้โยเย  ส่วนเงินที่กองเอาไว้บนโต๊ะหน้าทีวีตอนนี้ก็เหมือนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าความเหนื่อยมันมีมากมายแค่ไหน  ลูกค้ายิ่งเยอะก็ยิ่งได้กำไร  แต่ยิ่งได้กำไรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น

     

                “กูจะช่วยมึงเอง  ช่วยเลี้ยงเด็ก  ช่วยขายของ  ช่วยหมดเลย”

     

                “เออดี...แต่ไม่มีค่าจ้างนะเว้ย  ข้าวฟรี  ที่นอนฟรี”

     

                “Deal!!

     

                “งั้นก็เริ่มงานตอนนี้เลย  ไหนไหนก็เจ็ทแลคละ...มึงมาช่วยกูนับเงินหน่อยดิ”

     

                “ทำไมเริ่มงานเร็วจังวะ?”

     

                “อย่าบ่น...ลุก!!

     

                กำลังนอนสบายบนตักนุ่ม...แต่ถ้าอยากนอนแบบนี้ไปนานๆมันก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน  ไคนับเงินจากการขายขนมแล้วแยกไว้หนึ่งกอง  ต่อด้วยการนับเหรียญไว้ทอนลูกค้าในวันพรุ่งนี้  ส่วนเงินที่ขายกาแฟได้ก็กำลังถูกเจ้าของร้านนับด้วยความชำนาญ  แบงค์เล็กแบงค์ใหญ่  เหรียญเล็กเหรียญน้อย...ถูกนับพร้อมแบ่งกำไรออกจากต้นทุน  แล้วกำไรจากการขายกาแฟรวมถึงพวกเบเกอร์รี่ต่างๆของวันนี้ก็จะนำไปฝากธนาคารเอาไว้เหมือนเช่นทุกครั้ง

     

                “มึงเปิดร้านมานานยัง?”

     

                “4 ปี...เรียนจบก็เริ่มทำร้านเลย”

     

                “เก่งว่ะ”

     

                “แน่นอนอยู่แล้ววว!!

     

                อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปยีหัวเพื่อนรักจนผมฟู  เพราะการไม่ปฏิเสธคำชมพร้อมทำหน้าทะเล้นมันพาให้รู้สึกหมั่นเขี้ยว  แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเก่งจริงๆ  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครสักคนจะได้ทำตามความฝัน  แถมยังทำได้สำเร็จและทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติ  เซฮุนหาทำเลในการเปิดร้านได้เหมาะที่สุด   เนื่องจากที่ทางตรงนั้นมีทั้งออฟฟิศ  ด้านหลังก็เป็นมหาวิทยาลัยและยังมีคอนโดฯรวมถึงศูนย์การค้าขนาดเล็ก  ถึงแม้  Christmas  Café  จะไม่ใหญ่โตอย่างที่เซฮุนเคยหวังเอาไว้  แต่สุดท้ายแล้ว...มันก็มีวันคริสต์มาสเป็นของตัวเองได้ในทุกๆวัน

     

    โอ  เซฮุนชอบวันคริสต์มาสมากที่สุด  แต่คิม  ไค...ชอบทั้งวันคริสต์มาสและโอเซฮุน

     

                “เซฮุน?”

     

                “ว่า...?”

     

                “มีแฟนยัง?”

     

                “มีแล้ว”

     

                “มันเป็นใคร!!!?”

     

                “ไอ้เหี้ย!!...มึงจะตะโกนทำไมวะ  เดี๋ยวโฮยอนตื่น!!!

     

                ใช่ว่ากลัวหลานจะตกใจตื่นเพียงอย่างเดียว...เพราะเพื่อนอย่างเขาก็ตกใจเสียงโวยวายของไอ้ดำเช่นกัน  เป็นบ้าอะไร  อยู่ดีๆก็แหกปากซะดังลั่น  แล้วถ้ากูมีแฟนจริงๆมันผิดมากหรือไงวะ??  เซฮุนโกยเงินที่นับแล้วทั้งหมดใส่ไว้ในถุงก่อนแยกส่วนที่จะนำไปฝากธนาคารกับเงินทอนของวันพรุ่งนี้ไปเก็บไว้ในลิ้นชัก  แต่...

     

                “กูถามว่ามันเป็นใคร?!

               

                ยังไม่ทันเดินไปถึงไหน...แขนก็ถูกคว้าเอาไว้พร้อมกับคำถามเดิม  และหน้าตาเจ้าของคำถามก็จริงจังไม่แพ้น้ำเสียง  เซฮุนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะกิริยาท่าทางของไคตอนนี้มันพาลให้รู้สึกกลัว  บทจะดีก็ดีและอ่อนโยนเหมือนเจ้าชายในนิทาน  บทจะร้ายก็ร้ายจนไม่กล้าสบจ้องใบหน้าคมเข้ม  มือที่ถือถุงเงินเอาไว้เริ่มกำแน่นขึ้นด้วยความหวาดหวั่น  และ.....

     

                “กะ...กูล้อเล่น”

     

                “เซฮุน!!..”

     

                “กูล้อเล่นจริงๆ  กูขอโทษ”

     

                รู้ดีว่าเพื่อนไม่ชอบคนโกหกและเขากับเพื่อนตัวดำก็ไม่เคยมีเรื่องปิดบังกันเลยสักครั้ง  แต่ที่พูดออกไปแบบนั้นก็แค่อยากรู้ปฏิกิริยา  ซึ่งผลที่ได้ก็คือ...กูจะไม่ล้อเล่นกับมึงเรื่องนี้อีกแล้ว  ไคค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนขาวเนียนเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าฟัง  ทั้งๆที่ในใจมันยังรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ไม่หาย  เซฮุนจะล้อเล่นกับเขาเรื่องใดก็ได้...แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องนี้!!

     

                “ขอโทษเหมือนกัน....เจ็บหรือเปล่า?”

     

                “เจ็บดิ  บีบมาได้...แขนจะหัก”

     

                “แล้วทำงานเสร็จหรือยัง?”

     

                “เสร็จแล้ว”

     

                “มึงนอนดึกแบบนี้ทุกคืนเลยเหรอ?”

     

                “ก็ไม่ทุกคืนหรอก...แต่ส่วนมากก็ดึก”

     

                “เฮ้ออ!...งั้นมึงไปนอนได้แล้ว  พรุ่งนี้ต้องเปิดร้านอีก”

     

                “แล้วมึงล่ะ?”

     

                “เดี๋ยวตามไป”

     

                ไคเชื่อว่าเรื่องแฟนเซฮุนล้อเล่น...เพราะชีวิตของเพื่อนคนนี้มันมีแต่เรื่องของความฝัน  กูจะเปิดร้านกาแฟ  ร้านของกูต้องเป็นแบบนั้น  ร้านของกูต้องเป็นอย่างนี้  วันวันเอาแต่ค้นหาข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบร้านและมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้สำเร็จ  ไคอยู่ในทุกๆความฝันของเพื่อนมาตลอด  แต่พอมันเป็นรูปเป็นร่างและเป็นความจริงขึ้นมา  เขากลับไม่ได้อยู่ชื่นชมหรือร่วมแสดงความยินดี  กายหนาทิ้งตัวลงบนโซฟาเหมือนคนหมดแรง  เพราะมันยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาอยากรู้  แล้วเรื่องที่อยากถามมากที่สุดก็คือ...มึงลืมจูบของกูไปแล้วหรือยัง?  มึงรู้สึกยังไง??  ส่วนกูก็ไม่เคยจูบกับใครอีกเลยนับจากวันนั้น!!

     

                “แง!!!!!!....”

     

                “.....!!?”

     

                เหมือนเสียงร้องไห้ในยามวิกาล...จะเป็นตัวกระชากสติคนคิดมากให้ลุกออกจากโซฟา  และรีบก้าวขาไปที่ห้องนอนด้วยความเป็นห่วง  เซฮุนกำลังอาบน้ำ  โฮยอนตื่นมาไม่เจอใคร  แล้วตุ๊กตาตัวโปรดก็อยู่ไกลเกินเอื้อมคว้า  ไครีบอุ้มเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมอกด้วยความมัดระวังก่อนโยกตัวไปมาช้าๆ  เคยเห็นเพื่อนทำเช่นไรก็ทำตาม  ขวดนมที่วางอยู่บนเตียงก็หยิบมาป้อนและตบก้นโฮยอนเบาๆ  เสียงร้องเงียบลงทันทีเมื่อได้ทานของโปรด  ปากเล็กดูดนมจากขวดด้วยความรวดเร็วพร้อมหลับไปทั้งๆที่น้ำตายังไหล

     

     

                ไควางเด็กน้อยลงบนที่นอนอย่างเบามือเมื่อเห็นว่าหลับสนิท  และเขาเองก็ค่อยๆเอนกายตามไปช้าๆเพราะเกรงว่าโฮยอนจะตื่นอีกครั้ง  มือหนายังคงทำหน้าที่ตบก้นโฮยอนไปเรื่อยๆ   ส่วนนมที่เคยมีอยู่ครึ่งขวดก็ใกล้หมดเต็มทีและอาการเจ็ทแลคของพี่เลี้ยงคนใหม่ก็คงหมดไปพร้อมๆกับเจ้าตัวน้อยที่ปล่อยขวดนมออกจากปากเล็ก

     

    แกร๊กก!!

     

                “หืมมม?”

     

                เหมือนได้ยินเสียงร้องไห้แต่คงหูแว่ว...เพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เห็นหลานยังคงนอนนิ่งแถมมีเพื่อนตัวดำนอนอยู่ข้างๆ  เซฮุนปิดประตูห้องน้ำด้วยความระมัดระวังเพราะเกรงว่าโฮยอนและไคจะตื่น  ตั้งแต่มีเด็กมาให้เลี้ยง...คนเป็นน้าก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง  ทำด้วยความเบามือและทำด้วยความใส่ใจ  เด็กบอบบางเกินกว่าจะทำอะไรโดยไม่นึกถึงความปลอดภัย  เวลานอนก็อยากให้นอนเต็มที่  เวลาเล่นก็ต้องเล่นอยู่ในสายตา  ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเด็กมันไม่อาจละเลยได้เลยสักเรื่อง  แล้วงานในค่ำคืนนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ต้องทำให้เรียบร้อย

     

    ขอโทษจริงๆที่โกหก...เพราะถ้าบอกความจริงไคก็คงไม่ได้พัก

     

                ขาเรียว...รีบก้าวออกมาจากห้องนอนด้วยความเร่งรีบ  และตรงไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเตรียมไว้ให้เด็กน้อย  เวลานอนไม่ได้นอน  ไม่เวลากินไม่ได้กิน  หน้าที่ของคนเป็นแม่ก็กลายมาเป็นของน้าคนนี้  มือบางเปิดตู้เย็นก่อนหยิบผักต่างๆอย่างแครอท  ฝักทอง  และผักใบเขียวออกมาล้างให้สะอาด  หั่นทุกอย่างเป็นชิ้นเล็กๆและนำไปต้ม...ส่วนฝักทองก็ต้องใช้วิธีนึ่ง  เนื้อไก่ถูกหยิบออกมาเป็นอย่างต่อไปแล้วทำเช่นเดียวกับผักนั่นก็คือการต้มให้สุก  เซฮุนทำแบบนี้ทุกๆสองวันเพราะไม่อยากให้อาหารของโฮยอนต้องแช่แข็งอยู่ในตู้เย็นนานจนเกินไป  แถมยังทำได้เฉพาะตอนที่เจ้าตัวหลับเท่านั้น

     

     

                ความวุ่นวายในการเลี้ยงเด็กยังมีอีกมาก  ซึ่งการทำอาหารก็คือหนึ่งในร้อยของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด  เด็กวัยกำลังหัดเดินเป็นสิ่งที่ต้องระวังมากกว่าตอนที่ยังไม่คลาน  และกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างมือกับแขนก็สามารถคว้าจับอะไรต่อมิอะไรเข้าปากได้ง่ายเหลือเกิน  แล้วคลาดสายตานิดเดียวก็คลานไปถึงไหนต่อไหน  เซฮุนจึงมักจะผูกขาหลานเอาไว้กับเก้าอี้หน้าทีวีทุกครั้งเมื่อต้องเข้าห้องน้ำ  ตุ๊กตาตัวโปรดยังคงเป็นตัวช่วยในเรื่องการถ่วงเวลาได้ดี  เนื่องจากโฮยอนชอบคุณช้างมากเป็นพิเศษ  เล่นได้นาน  เล่นได้ไม่เบื่อ  แต่จะเบื่อก็ต่อเมื่อหิวหรืออยากออกไปเล่นกับพี่ๆที่หน้าร้าน

     

     

                อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า...ผักที่สุกได้ที่รวมถึงเนื้อสัตว์ก็ต้องถูกปั่นทั้งหมดก่อนที่เด็กจะตื่น  น้ำซุปจากการต้มอกไก่ถูกเทใส่เครื่องอย่างช้าๆแล้วปั่นทุกอย่างให้ละเอียด  อาหารสำหรับเด็กที่ขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าทั่วไปเป็นสิ่งที่โฮยอนไม่ชอบ  ซื้อมาลองกี่ยี่ห้อก็คายทิ้ง  เซฮุนจึงจำเป็นต้องหาข้อมูลเพื่อทำอาหารให้เด็กในวัยเพียงขวบเศษได้ทานสิ่งที่มีประโยชน์  และต้องเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจ  สองวันนี้เป็นเนื้อไก่กับผักต้ม  สองวันถัดไปเป็นเนื้อหมู  เนื้อปลาและตับบดตามลำดับ  ทุกๆเมนูต้องปั่นให้ละเอียด  เทใส่พิมพ์แช่แข็งเอาไว้ให้เป็นสามมื้อมื้อละสองวัน  แล้ววันถัดไปก็ต้องเปลี่ยนเป็นเมนูอื่น  เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็ต้องทำเพราะจะปล่อยให้เด็กขาดสารอาหารมันก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควร

     

                “เฮ้ออ!!..ได้นอนสักที”

     

                03.51  มันคือเวลาที่บอกอยู่บนผนังห้องและเมื่อเสร็จสิ้นเรื่องของในครัว  หม้อนึ่ง  เครื่องปั่น  มีดและจานชามที่อยู่ในอ่างน้ำก็ต้องมาเก็บล้างก่อนออกไปทำงานพรุ่งนี้เช้า  เพราะถ้าจะให้ทำตอนนี้มันก็คงไม่ได้นอน  เซฮุนเอนกายลงบนเตียงที่คล้ายว่าจะแคบลงกว่าเมื่อวาน  เนื่องจากคืนนี้มีทั้งเขา  มีทั้งโฮยอนรวมถึงไคนอนอยู่ด้วยกัน  รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าก่อนหยิบผ้าห่มมาคลุมให้หลานและผ้าอีกผืนก็ห่มให้เพื่อนสนิท  ส่วนตัวเขาเอง...แค่ผ้าอ้อมผืนเดียวก็เพียงพอ  เซฮุนหลับตาลงและเข้าสู่นิทราด้วยความเพลียมากกว่าความง่วง  ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่มีเด็กน้อยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

     

    คนเป็นน้า...ขอพรอยู่เสมอว่าให้หลานเป็นเด็กดี  เลี้ยงง่าย  ไม่ดื้อไม่ซน  และขอให้ฝันที่สร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจมันไม่สลายไปเพราะสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     


     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่สอง : telset.id

    ***ขับไล่ไสส่ง  หมายถึง  ไล่ไปอย่างไม่มีเยื่อใย

    ***เจ็ทแลค (Jet  lag) เป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายยังปรับจังหวะเวลาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลาแตกต่างกันไม่ได้  เนื่องจากร่างกายยังเคยชินกับเวลาในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่

     

    Talk.

    ขออนุญาตชี้แจงอีกครั้งนะคะ

    หากฟิคเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดในด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับเด็ก  เราต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง

    มันเป็นฟิคไฟลุกอย่างที่บอกไว้หน้าบทความ  ซึ่งฟิคเรื่องนี้จะมีไม่ถึงสิบตอนและถ้ามีมากกว่านั้นก็จะไม่เกินสิบห้าตอนแน่นอนค่ะ  (ฟิคไฟลุก=การคิดพล็อตได้แบบปัจจุบันทันด่วนโดยยังไม่ได้คิดถึงตอนจบหรือระหว่างทางเอาไว้และไม่รู้ว่าจะเขียนจบไหม  ฟิคไฟลุกเรื่องแรกคือ  #ลืมKH)

    ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  ขอบคุณนักอ่านทั้งคนเก่าและคนใหม่  (บางคนเราจำได้แม่นเลยค่ะ  เพราะติดตามกันมาทุกเรื่อง  คอมเม้นท์กันทุกตอนและให้กำลังใจกันมาเสมอ  ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  ขอบคุณจริงๆค่ะ)

    รัก

    #ฝากเลี้ยงKH  

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×