คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ☺ 2
2.
Christmas Café
20.42
น.
แกร็กกก!!!!!!
“เชี่ยยย!@#$%^&*_+#@%$=-&*!!!!!!!!!”
มีแต่คำสบถอยู่ในใจมากมาย...และต้องรีบจัดเรียงจานกระเบื้องให้เข้าที่ก่อนเด็กจะงอแง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? แล้วรู้ได้ไงว่าร้านกูอยู่ตรงนี้?? ไอ้ควายยยยยย?!!!!!! ไอ้สัดดดดดดดด!!!!!!!! ไอ้$%^&*_+#@%$=-&*!!!!
ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่อยู่...ป่านนี้ภาชนะลายซานตาครอสคงลอยไปกระแทกหน้าคนตัวดำจนกว่าจะพอใจ เพราะชีวิตของโอ เซฮุน
ไม่ได้มีเพียงพ่อแม่ที่จากไปด้วยอุบัติเหตุ
ไม่ได้มีพี่สาวที่หนีไปและทิ้งลูกน้อยไว้ให้เลี้ยง แต่มันยังมีเพื่อนสนิท...ที่หายเงียบโดยไม่มีการบอกลา แล้วจะให้เรียกมันว่าเพื่อนก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำคำนี้ได้อยู่หรือเปล่า??
คิม ไค...คือเพื่อนสนิท เพราะเรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมและเป็นเพื่อนกันเรื่อยมาจนเข้ามหาวิทยาลัย ถึงแม้จะเรียนคนละคณะแต่เจ้าเพื่อนตัวดำก็มักจะมานอนเล่นที่ห้องของเขาเสมอเมื่อเลิกคลาส ห้องตัวเองมีไม่กลับ บ้านตัวเองมีก็ไม่อยู่ แล้วก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ไคเหมือนเป็นโรคเบื่อบ้านเนื่องจากแม่มีสามีใหม่ ซึ่งสามีใหม่ก็อายุมากกว่ามันไม่กี่ปี และเมื่ออยู่บ้านแล้วไม่มีความสุข ที่พักกายที่พักใจของมันก็คือบ้านของเขา
วันไหนถูกแม่บ่นก็จะหอบกระเป๋าใบใหญ่มาขอนอนด้วยที่บ้าน อยู่สามวันบ้าง ห้าวันบ้างก็แล้วแต่อารมณ์
ยิ่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยิ่งไม่กลับบ้านหนักกว่าเดิม และหอพักของเพื่อนคนนี้ก็ยังเป็นที่พึ่งสำหรับไคเสมอ
แต่คำว่า “เพื่อน” มันเริ่มพูดได้ไม่เต็มปากเมื่อวันหนึ่งมันมาพร้อมกับกระเป๋าใบเดิมและรอยจูบ
เซฮุนยังจำวันนั้นได้ดี...ไคไม่ได้เมา มันเป็นจูบที่แสนลึกซึ้ง แล้วเพื่อนสนิทก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไปไหน มาถามหากับเพื่อนๆในคลาสก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้เลยสักคน ช่วงนั้นเริ่มสอบปลายภาคและเรียนอีกแค่ปีเดียวก็จบแล้ว แต่ไค...ก็ทิ้งทุกอย่างไปโดยไม่บอกลา มันทิ้งไว้เพียงรอยจูบที่ยังคงเป็นปริศนา มันเกิดอะไรขึ้น? มึงจูบกูทำไม?? มึงหายไปไหน??? แล้วตอนนี้มึงกลับมาทำ(ส้นตีน)อะไร????
“พี่!!...”
เสียงของหลานตัวน้อย...เหมือนเป็นสิ่งที่เรียกสติให้คนเป็นน้าต้องกลับมาอยู่กับปัจจุบัน แถมรอยยิ้มหวานๆของโฮยอนก็ยังเป็นสิ่งที่ช่วยลดความหงุดหงิดได้เป็นอย่างดี
เซฮุนหยิบผ้าในลิ้นชักมาคลุมจานที่เรียงเสร็จแล้วก่อนปลดเป้อุ้มเด็กออกจากอกแล้วประคองกายหลานเอาไว้ในอ้อมแขน
แต่สายตา...ก็ไม่อาจละจากคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงประตูร้านพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบ
“ลูกมึงเหรอวะ?”
“เออ!!!”
“กูไม่เชื่อ”
คำแรกที่ควรพูดคือ “ขอโทษ” แต่พอเห็นเด็กน้อยในอ้อมอกเพื่อนรัก มันจึงอดถามไม่ได้ว่าเป็นลูกใคร และคำตอบที่ได้ยินก็ทำให้ทราบได้ทันทีว่าเป็นเรื่องโกหก
เซฮุนเกลียดเด็กยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทำไมเขาจะไม่รู้
เวลาไปกินข้าวด้วยกันแล้วเจอเด็กงอแงหรือวิ่งเล่นไปทั่วร้านก็จะรีบเดินหนีทันที ที่ไหนมีเด็กที่นั่นจะไม่มีเพื่อนของเขา เลี่ยงได้ก็เลี่ยง...แต่ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้เซฮุนก็จะทำหน้าดุจนเด็กไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วเจ้าตัวน้อยแก้มป่องที่เรียกเขาว่าพี่เป็นลูกของใครกันล่ะ??
“พี่!!”
นั่นไง...เรียกพี่อีกแล้ว
“คนนั้นไม่ใช่พี่นะคะโฮยอน”
“พี่...”
“ไม่ใช่ค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่เห็นหรือได้ยินเพื่อนรักพูดคะพูดขา แถมยังเป็นคนที่ดูอ่อนโยนขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มโดยไม่รู้ตัวและการได้พบเซฮุนกับเด็กที่ชื่อโฮยอนมันก็พาให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จะให้เรียกสิ่งนี้ว่าพรหมลิขิตหรือโชคชะตามันก็คล้ายว่าจะน้ำเน่าเกินไปหน่อย แต่จะให้เขาเปรียบว่าอะไรดีล่ะ?? ไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะได้กลับมาพบเพื่อนคนนี้อีกครั้ง
เพราะตั้งแต่จากไปเขาไม่รู้เลยว่าเซฮุนจะเป็นอย่างไร จะโกรธกันไหม
จะเกลียดกันหรือเปล่า
แล้วถ้าอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...มึงจะต่อยกูไหมวะ???!
จากไปไม่ลา...กลับมาไม่บอก และกลับมาครั้งนี้ก็คิดว่าจะมาหาเช่าคอนโดฯอยู่สักระยะแล้วค่อยติดต่อเซฮุนในวันหลัง แต่...ร้านกาแฟที่ชื่อว่า Christmas
Café กลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาจนต้องรีบวิ่งข้ามถนนเพื่อเข้ามาดูใกล้ๆ ไฟในร้านเปิดอยู่
การตกแต่งภายในก็เป็นธีมของวันคริสต์มาสทั้งหมด และประตูที่ยังไม่ได้ล็อคพร้อมกับคนที่คิดถึงเดินวนเวียนอยู่ด้านในก็คือสิ่งที่พาให้ความตั้งใจสัมฤทธิ์ผล
ใจหนึ่งมันลังเลว่าคนที่เห็นจะใช่เพื่อนรักหรือไม่
เพราะเด็กที่อยู่ในเป้มันเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่แน่ใจ แต่ใบหน้าเรียวสวยกับไฝบนลำคอและรอยแผลเป็นบนแก้มขาวเนียนมันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจมากขึ้น
แล้วเขาก็จำได้ดีว่าร้านกาแฟที่เห็นอยู่ตอนนี้มันคือความฝันของเซฮุน
ซึ่งในที่สุด...สิ่งที่มันฝันมาตลอดหลายปีหรือคำพร่ำเพ้อที่ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมก็เป็นจริงดั่งที่หวัง
“กูชอบวันคริสต์มาส ถ้ากูมีร้านกาแฟนะ...ทุกอย่างในร้านของกูต้องเกี่ยวกับวันคริสต์มาสทั้งหมด กูจะตกแต่งร้านให้เหมือนวันคริสต์มาส มีกระดิ่ง
หิมะขาว โต๊ะเก้าอี้สีเขียวสีแดง แก้วน้ำจานชามต้องเป็นรูปซานตาครอส!!”
“เออ...เอาดิ กูเชียร์
กูก็ชอบวันคริสต์มาสเหมือนกัน
แล้วมึงก็ต้องติดไฟให้มันวิบวับวิบวับทั้งร้านเลยนะ”
“เรียนจบกูทำแน่...แต่ตอนนี้ขอเก็บตังค์ก่อน”
“สู้ๆนะ...กูจะรอดู”
“สู้!!!”
ดีใจที่เพื่อนรักมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองสักที แต่ใจลึกๆก็รู้สึกเสียดายที่กลับมาไม่ทันเพื่อแสดงความยินดี และ......
“พี่!!!....
“งุนงุนบอกว่าไม่ใช่พี่ไงคะ!”
“พี่”
“ไม่ใช่พี่ค่ะ...โฮยอนต้องเรียกมันว่า เหี้ย!!!”
(เฮ้ยยยย!!...มึงสอนเด็กแบบนั้นไม่ได้นะเว้ยยย!!)
“แง!!!!!!!!!!!!!.....”
คนหนึ่งตกใจที่เพื่อนรักสอนให้เด็กพูดจาหยาบคาย
แต่เสียงตักเตือนทุ้มหนักจนคล้ายกับเป็นการตะคอกก็ทำให้โฮยอนตกใจจนร้องไห้เช่นกัน ไคหน้าซีดยิ่งกว่าผ้าอ้อมสีขาวที่เซฮุนหยิบมาซับน้ำตาให้เด็ก และรีบเดินเข้าไปหาต้นเสียงในเคาน์เตอร์บาร์อย่างถือวิสาสะ
มือหนาลูบหลังโฮยอนเบาๆเพื่อปลอบขวัญปนขอโทษ
แล้วการกระทำแบบนั้นก็พาให้เขาได้เห็นหน้าเซฮุนชัดขึ้น ได้ใกล้กันมากขึ้น รวมถึงได้รู้ว่าที่ถูกด่าเมื่อครู่มันเป็นเพียงแค่การระบายความรู้สึก
ไม่ใช่แค่ความฝันของเซฮุนเท่านั้นที่เขารู้ดี...แต่นิสัยส่วนตัวของเพื่อนคนนี้เขาก็รู้ดีมากกว่าใครๆ ถ้าเกลียดก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้ เซฮุนไม่ชอบอะไรหรือเกลียดใครก็จะไม่เอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยว หน้าไม่มอง
ชื่อไม่เอ่ยและจะไม่สนด้วยว่าบุคคลที่เกลียดจะมีชีวิตเป็นเช่นไร จะดีจะร้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจ ตัวใครตัวมัน
ต่างคนต่างอยู่
ไม่ต้องมายุ่งกันอีก เกลียดแล้วเกลียดเลย และจะไม่ให้อภัยด้วยเพราะต่อให้อภัยก็ยังเกลียดอยู่ดี
“โอ๋ๆ...โฮยอนไม่ร้องนะคะ เรากลับไปกินนมนอนกันดีกว่า”
“ฮึกก!!...เป็ด”
“โอเค...ไปเป็ดก็ได้ค่ะ”
คำสนทนา คำปลอบใจและความอ่อนโยนของเซฮุน มันทำให้เพื่อนอย่างเขายิ้มได้อีกครั้ง
แต่น้ำตาสองหยดบนแก้มกลมๆของเด็กตัวน้อยก็ยังทำให้รู้สึกผิดไม่หาย ขอโทษที่เสียงดังนะครับ พี่เหี้ยๆคนนี้ไม่ได้ตั้งใจ คราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว โฮยอนอย่าโกรธพี่เลยนะครับ
ใช้รอยยิ้มและการทำหน้าทะเล้นแทนคำพูดมากมายที่อยู่ในใจพร้อมจับมือน้อยๆโยกไปโยกมาเพื่อสร้างความคุ้นเคย
“มึงจะไปไหนก็ไป...กูจะปิดร้านแล้ว!!”
“คืนนี้กูไปนอนด้วยดิ?”
“กูไม่ให้ไป”
“เซฮุนนน...มึงอย่าใจดำดิวะ”
“ใครกันแน่วะที่ใจดำ!!!”
“ขอโทษ....”
“มึงมันเหี้ย!!
ไอ้ดำ ไอ้เลววว!! อะ...ไอ้”
“ขอโทษ ขอโทษ
ขอโทษ....”
เคยโมโหจนร้องไห้ไหม?...เพราะเซฮุนกำลังเป็นเช่นนั้น อยากโกรธแต่โกรธไม่ลง อยากเกลียดก็เกลียดไม่ได้ ในใจมันมีแต่คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว มึงหายไปไหนมาตั้งนาน จูบในวันนั้นมันหมายความว่าอะไร แล้วมึงก็ยังเป็นเพื่อนกูอยู่เสมอ คำว่าเป็นห่วงมันกัดกินใจเขาอยู่ทุกวัน
ยิ่งเป็นเพื่อนแบบไคด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเพื่อนคนไหนไหน
เรารู้จักกันมาตั้งนาน นอนเล่นเกม
อ่านการ์ตูน ดูหนังโป๊ด้วยกันก็บ่อย
มีปัญหาไม่ว่าเรื่องใดก็ปรับทุกข์ให้กันฟังเสมอ แล้ววันที่เพื่อนสนิทจากไปโดยไม่ลา มันเหมือนเป็นวันโลกแตกสำหรับเขา ไปตามถึงบ้าน...บ้านปิดประกาศขาย
ไปดูที่หอพัก...เจ้าของก็บอกว่าย้ายไปตอนไหนไม่รู้ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ ทุกๆอย่างมันเหมือนถูกเสกให้หายไปภายในพริบตา
“แง.....!!!!”
“ฮึกก!...โฮยอนไม่ร้องนะคะ งุนงุนจะพาไปเป็ดๆแล้ว”
ผ้าอ้อมที่เคยซับน้ำตาให้หลานกลับต้องหยิบมาซับน้ำตาของตัวเอง
ส่วนคนต้นเหตุอย่างไคก็ต้องหน้าซีดเป็นรอบที่สองเพราะทำให้ทั้งน้าทั้งหลานร้องไห้พร้อมกัน เป็นอีกครั้งที่ต้องปลอบประโลมความเศร้าโศกด้วยการลูบหลังเบาๆ และการปลอบขวัญในครั้งนี้มันก็ทำให้เขารู้ว่าเซฮุนไม่ได้เกลียดกันเลยแม้แต่น้อย มือหนึ่งลูบหลังเด็กแก้มป่อง
อีกมือก็เช็ดน้ำตาให้เพื่อนรักก่อนยีหัวของมันด้วยความหมั่นเขี้ยว ขอบคุณที่ไม่โกรธไม่เคือง ขอบคุณที่ไม่ขับไล่ไสส่ง***
และขอบคุณที่มอบรอยยิ้มให้แม้รอยยิ้มนั้นจะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“ตกลงเด็กคนนี้เป็นลูกใครวะ?”
“แล้วมึงล่ะ?...หายหัวไปไหนมา??”
“มึงถามเหมือนผัวกลับบ้านผิดเวลา”
“ไอ้....!!”
“อย่าเพิ่งด่า แล้วเรื่องกูก็เอาไว้ก่อน...เพราะตอนนี้กูอยากรู้ว่าโฮยอนเป็นลูกใคร?”
“ลูกพี่สาว”
“แล้ววว...”
“มันทิ้งลูกให้กูเลี้ยง ตอนแรกมันก็แค่ฝาก...ไปๆมาๆแม่งทิ้งไว้เลย กูไปตามหามันทุกที่ก็ไม่เจอ ผัวมันก็ด้วย...หายไปกันหมด ไม่รู้แม่งหนีไปไหน กะ...กู!!”
“โอเค...พอ!! กูไม่อยากรู้ก็ได้”
เหมือนช่วงชีวิตที่ไร้การติดต่อกับเพื่อนรัก...จะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย พี่สาวมันแต่งงาน มันเปิดร้านกาแฟและมีสิ่งที่เกลียดมาให้เลี้ยงดู เซฮุนคงเหนื่อยกับสิ่งที่เป็นอยู่เพราะภาระหรือความรับผิดชอบในเรื่องของเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของมันเลยสักนิด คิม ไค...รู้จักพี่สาวของเซฮุนเป็นอย่างดี พี่มันทำอาหารอร่อย เป็นคนสวย
แถมยังเรียนเก่ง
ไปนอนค้างที่บ้านมันบ่อยแค่ไหนพี่สาวก็ไม่เคยบ่นไม่เคยว่าและมักจะเตรียมที่หลับที่นอนเอาไว้ให้เสมอ แต่ตอนนี้...หญิงสาวที่แสนใจดีคนนั้นหายไปไหน? ทำไมถึงทิ้งลูกน้อยไว้ให้น้องชายเลี้ยงดู?? แล้วคนเป็นสามีล่ะ???
อยากถามอีกหลายเรื่อง...แต่อารมณ์ของเพื่อนรักคงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรอีกแล้ว เพราะเพียงแค่ถามว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร ทั้งน้ำเสียง
สีหน้า แววตามันก็แสดงออกถึงความไม่พอใจทันที ไคจึงต้องหยุดความสงสัยไว้เพียงเท่านั้นและรีบเดินตามเซฮุนออกไปจากร้านกาแฟก่อนที่จะถูกเตะก้านคอ ประตูบานเลื่อนถูกปิด ร้านถูกล็อค
ส่วนเด็กน้อยโฮยอนก็ยังถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับตุ๊กตาช้างสีชมพู
“จ๊างงง...เป็ดๆ!”
“เป็ดๆก่อนแล้วก็นมๆนอน เอ่เอ๊”
“งุนงุน....”
“โฮยอนยอน”
“ ^O^ ”
สองขาก้าวตาม...เจ้าของบทสนทนาแปลกประหลาดแต่ก็ทำให้ยิ้มไม่หุบ
สองมือลากกระเป๋าเดินทางตามสองน้าหลานด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเอ่ย และสองดวงตาก็กำลังทอดมองคนตรงหน้าด้วยหวังว่าการกลับมาของตัวเองจะทำให้แฟน(ในอนาคต)มีความสุขมากขึ้น
XXX Condominium
21.26
น.
แกร๊กก!!!
“โห...เจ๋งว่ะ!!”
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องของเพื่อนรักเพราะร้านกาแฟกับคอนโดฯแห่งนี้มันอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ช่วงตึก
และเมื่อประตูไม้ถูกเปิดออกก่อนไฟภายในห้องจะสว่างด้วยมือผู้เป็นเจ้าของ ไคถึงกับต้องเอ่ยปากชมความสวยงามของห้องพักพร้อมกับเดินสำรวจตรงนั้นตรงนี้อย่างถือวิสาสะ ส่วนกระเป๋าเดินทางก็ทิ้งไว้ที่หน้าประตู ขนาดมีเด็กมาให้เลี้ยง มีร้านกาแฟให้ดูแล แต่ห้องของเซฮุนก็ยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย ห้องนั่งเล่นมีทีวี ตู้เย็นในห้องครัวก็มีของกินมากมาย แล้วห้องนอนล่ะ...จะเป็นยังไง?
“ไค...มึงหยุดเดินก่อนดิ กูเวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย!”
“มึงเช่าหรือซื้อวะ?”
“ซื้อ”
“กูชอบว่ะ ขออยู่ด้วยคนดิ”
“ง่ายไปมั้ง”
“งั้นกูจะช่วยมึงเลี้ยงเด็ก...แลกกับที่นอน”
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน กูขอเอาโฮยอนไปอาบน้ำกินนมนอนก่อน ส่วนมึงก็ไปเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย”
“ค้าบบบบบบ”
ถึงจะไม่ได้คำตอบก็ไม่เป็นไร...เพราะมันยังดีการถูกไล่ให้ไปนอนที่อื่น สองขารีบก้าวฉับๆเดินไปคว้ากระเป๋าสองใบมาเก็บไว้ในห้องนอนและนั่งมองการกระทำของเพื่อนไปพร้อมๆกับการจัดเก็บสัมภาระ
เด็กหญิงโฮยอนถูกจับแก้ผ้าก่อนอุ้มเข้าไปที่ห้องน้ำ ไคจึงอดไม่ได้ที่จะเดินตามไปดูอย่างเงียบๆ
สายตาจับจ้องมือบางที่กำลังลูบเจลใสลงไปบนตัวเด็กอย่างทะนุถนอม
แก้มป่องๆถูกฟองน้ำนุ่มนิ่มซับอย่างแผ่วเบา
โฮยอนหยิบตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองมาตีกับน้ำจนกระเด็นไปทั่วทั้งอ่าง
ซึ่งการทำแบบนั้นก็พาให้คนเป็นน้าเปียกไปด้วย แล้วคำว่า
“เป็ดๆ”
ที่ได้ยินอยู่หลายครั้งก็คือการอาบน้ำนี่เอง
เป็ดๆ = อาบน้ำ (จำไว้)
“มึงเก่งว่ะ”
“ไม่เก่งก็ต้องเก่ง ทำไม่เป็นก็ต้องหัด เหนื่อยฉิบหาย!!”
“มึงพูดไม่เพราะอีกแล้ว อยู่หน้าเด็กมึงต้องระวังคำพูดบ้าง”
“เป็นเพราะมึงนั่นแหละ!”
“กูผิด?!”
“เออ...มึงผิด”
“อะไรวะ!”
“เดินไปหยิบครีมมาหน่อยดิ ขวดสีฟ้าๆอะ”
“ใช้กูอีก”
“อย่าบ่น ไปหยิบ...เร็วๆ”
อาบน้ำเด็กเพิ่งเสร็จก็ต้องมาทะเลาะเพื่อนตัวดำ...แล้วตอนนี้ชีวิตของโอเซฮุนก็คล้ายว่าจะยุ่งมากกว่าที่เคย แค่มีเด็กมาให้เลี้ยงมันก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว
ยิ่งมีไคเข้ามาเพิ่มอีกคนชีวิตของเขาก็คงต้องยุ่งแบบคูณสอง
แต่ไหนไหนมึงก็มาแล้ว...กูขอใช้ให้คุ้มหน่อยก็แล้วกัน อย่างแรกก็ช่วยไปหยิบครีมทาผิวบนโต๊ะหน้ากระจก
อย่างที่สองก็ช่วยใส่ชุดนอนให้โฮยอนเพราะเขาจะต้องไปชงนมและต้องทำบัญชีต่อเมื่อหลานหลับ งานก็เยอะ
คนก็เยอะ เยอะไปหมดทุกสิ่ง
“งุนงุน”
“งุนไปชงนมครับ โฮยอนอยู่กับพี่ไปก่อนนะครับ”
“งุน...!!”
“โอเคๆ...ไปหางุนงุนกัน พี่ขออุ้มนะครับ”
“พี่!!”
เด็กอะไรน่ารักชะมัด
ไม่กลัวคนแปลกหน้าแถมยังยิ้มจนเห็นเหงือก...ไคไม่เคยอุ้มเด็กเลยสักคน แต่ก็จะพยายามทำเหมือนที่เพื่อนพูดกระแทกใส่หน้าเมื่อครู่ “ไม่เก่งก็ต้องเก่ง ไม่เป็นก็ต้องหัด”
และสองมือก็ค่อยๆประคองโฮยอนเข้าสู่อ้อมอกด้วยความระมัดระวัง แต่ดึกขนาดนี้ทำไมเด็กยังดูร่าเริงสดใส กลางวันคงนอนเยอะน่าดูหรือไม่ก็พากันเล่นกับคุณน้าจนไม่ได้หลับได้นอน ไคคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...แล้วที่คิดแบบนั้นก็เป็นเพราะเห็นเพื่อนต้องแบกหลานตัวน้อยไว้บนหลังไปพร้อมๆกับการทำงานในร้านกาแฟ
ซึ่งมันก็อาจทำให้เด็กวัยเพียงเท่านี้พักผ่อนไม่เพียงพอ
“นั่นไง...งุนงุนชงนมอยู่”
“นม!!...งุนงุน!”
“หิวแล้วใช่ไหมครับ”
ยืนมองเพื่อนรักด้วยความรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เพราะการที่เซฮุนเขย่าขวดพลาสติกรูปกระต่ายก่อนวัดอุณหภูมิของนมด้วยหลังมือมันเป็นภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น มันดูคล่องแคล่ว ดูชำนาญ
แล้วก็ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนเด็กในอ้อมอกพอได้ยินเสียงเขย่าขวดนมก็รีบชูแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ และขยับมือป้อมๆพร้อมส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจ
“มาเลยมาเลย...ได้เวลานอนแล้วค่ะ”
“พี่!!...”
“หืม...จะให้พี่ไปนอนด้วยเหรอคะ?”
“พี่”
“พี่ต้องไปเป็ดๆก่อนถึงจะนอนกับโฮยอนได้นะคะ พี่เหม็น...สกปรก!”
“เป็ดๆ พี่...เป็ด!”
อยู่ดีๆก็โดนไล่ไปล้างความสกปรก เพราะความหมายของคำว่าเป็ดๆก็คือการอาบน้ำ
ไคจำเป็นต้องส่งโฮยอนให้คนเป็นน้าและต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากเตียงนุ่มๆไปที่ใต้ฝักบัว ก็ดีเหมือนกัน...เดินทางมาตั้งไกล ข้าวก็ยังไม่ได้กิน
แล้วการได้อาบน้ำมันก็คงจะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง ส่วนเด็กที่ควรจะนอนตั้งแต่หัวค่ำก็ถูกของโปรดป้อนใส่ปากโดยมีเซฮุนคอยขับกล่อมด้วยเสียงเพลงเพียงแผ่วเบาบนเก้าอี้โยกตัวใหญ่
“ฮืมม..♪♫...♪♫♪...♪♫”
“.....?! ^_^) ”
เป็นอีกครั้ง...ในหลายๆครั้งที่ทำให้เพื่อนคนนี้ยิ้มได้ เพราะเสียงเพลงที่ออกมาจากปากของเซฮุนคือสิ่งที่ไคไม่เคยคิดว่าจะได้ยินหรือได้เห็น เพื่อนรักไม่เคยร้องเพลง
ไม่ชอบการร้องเพลงและแม้แต่เขาที่เป็นเพื่อนสนิทก็ไม่เคยได้ยินเซฮุนร้องเพลงเลยสักครั้งจนกระทั่งวันนี้ ชุดนอนพร้อม
ข้าวของเครื่องใช้ในการอาบน้ำก็พร้อม
แต่เพลงกล่มเด็กที่ได้ยินอยู่ตอนนี้มันพาลให้สองขาต้องหยุดไว้เพียงแค่หน้าประตู และยืนฟังเสียงฮึมฮัมนั้นอย่างตั้งใจ
...
...
...
23.41
น.
ปึ่กก!!
“จริงๆเอาแค่รามยอนก็ได้ กูเกรงใจ”
“อะ!!...แดกซะ”
“ขอบคุณนะ”
“พอดีกิมจิกับข้าวเย็นมันเหลืออยู่ในตู้ กูก็เลยผัดให้มึงแดก...นี่พิเศษไข่ดาวด้วยนะ แดกให้หมดอย่าให้เหลือ!!”
กล่อมหลานเพิ่งเสร็จ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ แถมยังต้องมาทำมื้อดึกให้เพื่อนกิน มีอะไรที่โอเซฮุนต้องทำอีกไหม??? แล้วที่บอกว่าขอแค่รามยอน...มันก็เป็นเพียงแค่คำตอแหลเพราะไคไม่กินรามยอน ไคไม่ชอบกิน
มันบอกเสมอว่าไม่มีปะโยชน์
เกิดมาบ้านรวย
มีแม่บ้านทำอาหารดีๆให้ทาน
มีของหวานเสิร์ฟทุกมื้อ
ไอ้หน้าหมาาาา!!!
มือบาง...ขัดกระทะล้างตะหลิ่วด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากยังไม่ได้ทำบัญชีเลยสักตัวเลข วันนี้ได้กำไรเท่าไหร่
หักลบค่าเสียหายที่ลูกน้องทำแก้วแตกกับขนมไหม้ไปสามชิ้นจะเหลือกำไรอยู่บ้างไหมก็ยังไม่ได้คำนวณ
เหนื่อยยยยยยย!!!
“ขนาดทำของเหลือให้แดกยังอร่อย”
“กูไม่อยากได้คำชม กูอยากรู้ว่ามึงหายไปไหนมา
แล้วถ้ามึงยังไม่เล่านะ...มึงออกไปนอนข้างถนนเลย!!!”
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอน้ำกินหน่อยดิ...ข้าวติดคอ”
“เรื่องเยอะจริงๆ!!”
ถ้ายกตู้เย็นไหวก็คงทุ่มใส่หัวเพื่อนตัวดำไปนานแล้ว...กินข้าวต้องมีน้ำมาเสิร์ฟ กินเสร็จต้องมีคนคอยเก็บจานให้ แล้วนี่ก็ผลไม้นะครับคุณชาย!!!
กล่องพลาสติกที่บรรจุทั้งสตอร์เบอร์รี่และองุ่นม่วงถูกวางลงตรงหน้าเพื่อนสนิทอย่างประชดประชัน ส่วนน้ำที่เอ่ยขอเมื่อครู่ก็ยกมันออกมาทั้งขวดพร้อมแก้วเปล่าหนึ่งใบ อยากกินก็รินเอาเองเพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของมึง...แล้วกูก็ไม่ใช่คนใช้
“อิ่มมากกกก...อร่อยด้วย ขอบใจนะ”
“อย่าลีลา เล่ามาเร็วๆ...กูรอฟังอยู่เนี่ย!”
“เฮ้อออ...กูขอโทษ”
ไคไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนก่อนนอกจากคำนั้น...และเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
ถึงแม้เรื่องราวต่างๆมันจะผ่านไปนานมากแล้ว แต่ในระหว่างที่ต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง ชีวิตมันก็ทุกข์จนแทบทนไม่ไหว
เกิดมารวยมันก็ดี...เพราะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่การมีแม่ที่เห็นลูกเป็นแค่สิ่งที่ช่วยเสริมหน้าตาในสังคมมันช่างน่าอาย ลูกฉันต้องเรียนเก่ง ลูกฉันต้องสอบได้ที่หนึ่ง ลูกฉันต้องเรียนจบจากเมืองนอก
แถมยังมีพ่อเลี้ยงที่วันวันไม่ทำอะไรนอกจากเดินเคียงข้างหญิงแก่และตัวเองก็อายุน้อยกว่าตั้งหลายปี
ชีวิตมีแต่เรื่องน่าอายเต็มไปหมด...แม่มีผัวเด็ก บ้าการเข้าสังคม มีลูกไว้เพื่ออวดใครๆว่าดีเลิศ
แล้วลูกอย่างเขาก็ต้องทนเพื่อที่วันหนึ่งจะได้รับอิสระ อิสระจากการถูกตีกรอบ อิสระจากการถูกกดดัน อิสระจากผู้ที่ให้กำเนิด และอิสระจากหลายๆสิ่งที่พาให้ประสาทเสีย ไคยอมย้ายไปอยู่อังกฤษกับแม่เพียงเพื่อให้ได้อิสระคืนมา
แล้วอิสระที่ว่ามันก็ทำให้เขาต้องทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง ไม่อยากบอกให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากบอกให้เพื่อนทราบด้วยเหตุของความจำเป็นภายในครอบครัว
แต่วันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ
“ไคต้องเรียนที่อังกฤษให้จบ แม่ถึงจะให้กลับ!!”
“ถ้าแม่ผิดสัญญา ผมจะทำทุกทางให้แม่ต้องอับอายคนที่นี่”
“แกขู่ฉันเหรอ?!!”
“ผมไม่ได้ขู่”
“ไค...!!!!”
“แม่อยากอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป ส่วนผมถ้าเรียนจบ...ผมจะกลับ แล้วแม่ก็ไม่มีสิทธิมาบังคับอะไรผมอีกแล้ว”
“เออ!!!...เรียนจบเมื่อไหร่แกจะไปไหนก็ไป แต่อย่าสร้างเรื่องให้ฉันต้องขายหน้าก็แล้วกัน!!”
(เอ่อออ!! ขอโทษนะไคคือว่า...แม่มึงเหี้ยเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ)
เป็นคำด่าที่พูดได้แค่ในใจ...เพราะเมื่อฟังสิ่งที่เพื่อนเล่ามาทั้งหมดมันคงพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำนั้น เซฮุนทราบดีว่าแม่ของไคเป็นคนเช่นไร แล้วเรื่องแบบนี้ก็เคยเห็นหรือได้ยินจากในละครเท่านั้นและที่ไม่น่าเชื่อก็คือ...มันเสือกเป็นเรื่องจริงของเพื่อนสนิท ครอบครัวของไคมีฐานะดีมากๆ มีบ้านหลังใหญ่ มีคนใช้เหมือนละครทุกอย่าง แต่การมีพร้อมทุกสิ่งกลับสร้างความทุกข์ให้มากกว่าความสุข เซฮุนเคยไปบ้านของไคอยู่ครั้งหนึ่งและนั่นก็เป็นครั้งสุดท้าย
เนื่องจากบรรยากาศภายในบ้านมันช่างน่าอึดอัด
สามี(เด็ก)กับภรรยานั่งทานข้าวกันอยู่สองคน แต่อาหารที่จัดไว้มันเยอะเหมือนมีงานเลี้ยง ช้อน
ส้อม มีด
แก้วน้ำ...เรียงไว้จนหยิบใช้ไม่ถูกและจะเดินไปตรงไหนก็เจอแต่แม่บ้าน
“ละ...แล้วแม่มึงจะให้คนมาตามกลับไปไหมวะ?”
“ไม่มาหรอก คนอย่างเขารักหน้าตา รักสังคม
รักผัวเด็กมากกว่ากูอีก”
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ...จะทำงานอะไรคิดไว้หรือยัง?”
“ไม่คิดอะไรทั้งนั้นแหละ...กูขอพักสมองก่อนแล้วกัน”
“กูขอโทษนะไค...กูไม่รู้ว่าเรื่องมันจะแย่ขนาดนี้”
“ช่างมันเหอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
“มึงเครียดไหมวะ...”
“ตอนนั้นเครียด แต่ตอนนี้ไม่...กูโคตรดีใจเลยที่เจอมึง”
“กูก็ดีใจ”
อ้อมกอด...ถูกโอบกันและกันเอาไว้โดยอัตโนมัติ มันคิดถึง
มันเป็นห่วง อยากปลอบใจ อยากปรับทุกข์หรืออีกหลากหลายความรู้สึกที่เริ่มแยกแยะไม่ออก ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง
เสียใจที่ปล่อยให้เพื่อนต้องมาเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง ขอโทษที่โกรธเป็นฝืนเป็นไฟและขอบคุณที่นึกถึงเขาเป็นคนแรก ส่วนไคก็รู้สึกไม่ต่างไปจากเซฮุนเลยสักนิด เพราะหลังจากที่ห่างหายไปหลายปี คนที่เกลียดเด็ก...กลับต้องมาเลี้ยงเด็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีพี่สาวก็เหมือนไม่มี พ่อแม่ก็มาเสียชีวิตตอนเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมปลาย และเซฮุนก็ไร้ที่พึ่งพิงมาตั้งแต่ตอนนั้น พี่น้องต้องแยกกันอยู่ ต่างคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง ซึ่งเขาก็เข้าใจความลำบากของเพื่อนมากที่สุด
อาจมีบ้างที่รู้สึกอิจฉาการมีอิสระในชีวิตของเพื่อนคนนี้
แต่ในความอิจฉามันก็มีความเป็นห่วงปะปนอยู่ด้วยเสมอ
01.26
น.
แกร็กก!!
“อ้าว...ทำไมยังไม่นอนอีกวะ”
“เจ็ทแลค***มั้ง แล้วมึงล่ะ...ทำไมยังไม่นอนอีก”
“งานยังไม่เสร็จ”
“งานอะไรวะ?”
“ก็งานที่ร้านไง”
ประตูห้องนั่งเล่นถูกเปิดออกพร้อมเพื่อนตัวดำที่เดินเข้ามาด้านใน...ทำให้การคำนวณรายได้ของการขายกาแฟต้องหยุดชะงัก
เซฮุนให้ไคไปนอนกับโฮยอนเพราะเกรงว่าหลานตื่นมากลางดึกแล้วไม่พบใครจะร้องไห้งอแง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า...คนที่งอแงก็คือเพื่อนของตัวเอง งอแงมาก
งอแงจนน่าตบเพราะแทนที่มันจะทิ้งกายลงบนโซฟาด้านหลัง มันเสือกทิ้งหัวลงบนตักของเขา
“เจ็ทแลคประสาอะไรวะ...ลุกเลยกูจะทำงาน”
“มึงก็ทำไปดิ กูไม่กวนหรอก”
“เออ...อยากนอนก็นอนไป แล้วที่มึงบอกว่าจะช่วยกูเลี้ยงเด็ก มึงอย่าคืนคำนะเพราะกูจริงจัง กูบอกตรงๆเลยว่าเหนื่อย
มึงมาช้าดีกว่าไม่มา...แต่ถ้ามึงหางานได้เมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากันใหม่”
ไม่ต้องบ่นก็รู้ว่าเซฮุนเหนื่อยแค่ไหน...เพราะหลานก็ต้องเลี้ยง ร้านกาแฟก็ต้องทำ
แล้วการเลี้ยงเด็กมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดเดียว ดีที่โฮยอนเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่กลัวคนแปลกหน้า และไม่ค่อยร้องไห้โยเย
ส่วนเงินที่กองเอาไว้บนโต๊ะหน้าทีวีตอนนี้ก็เหมือนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าความเหนื่อยมันมีมากมายแค่ไหน ลูกค้ายิ่งเยอะก็ยิ่งได้กำไร
แต่ยิ่งได้กำไรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น
“กูจะช่วยมึงเอง ช่วยเลี้ยงเด็ก ช่วยขายของ
ช่วยหมดเลย”
“เออดี...แต่ไม่มีค่าจ้างนะเว้ย ข้าวฟรี
ที่นอนฟรี”
“Deal!!”
“งั้นก็เริ่มงานตอนนี้เลย
ไหนไหนก็เจ็ทแลคละ...มึงมาช่วยกูนับเงินหน่อยดิ”
“ทำไมเริ่มงานเร็วจังวะ?”
“อย่าบ่น...ลุก!!”
กำลังนอนสบายบนตักนุ่ม...แต่ถ้าอยากนอนแบบนี้ไปนานๆมันก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน ไคนับเงินจากการขายขนมแล้วแยกไว้หนึ่งกอง ต่อด้วยการนับเหรียญไว้ทอนลูกค้าในวันพรุ่งนี้
ส่วนเงินที่ขายกาแฟได้ก็กำลังถูกเจ้าของร้านนับด้วยความชำนาญ แบงค์เล็กแบงค์ใหญ่ เหรียญเล็กเหรียญน้อย...ถูกนับพร้อมแบ่งกำไรออกจากต้นทุน
แล้วกำไรจากการขายกาแฟรวมถึงพวกเบเกอร์รี่ต่างๆของวันนี้ก็จะนำไปฝากธนาคารเอาไว้เหมือนเช่นทุกครั้ง
“มึงเปิดร้านมานานยัง?”
“4 ปี...เรียนจบก็เริ่มทำร้านเลย”
“เก่งว่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ววว!!”
อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปยีหัวเพื่อนรักจนผมฟู เพราะการไม่ปฏิเสธคำชมพร้อมทำหน้าทะเล้นมันพาให้รู้สึกหมั่นเขี้ยว แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเก่งจริงๆ
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครสักคนจะได้ทำตามความฝัน แถมยังทำได้สำเร็จและทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติ เซฮุนหาทำเลในการเปิดร้านได้เหมาะที่สุด เนื่องจากที่ทางตรงนั้นมีทั้งออฟฟิศ
ด้านหลังก็เป็นมหาวิทยาลัยและยังมีคอนโดฯรวมถึงศูนย์การค้าขนาดเล็ก ถึงแม้
Christmas Café
จะไม่ใหญ่โตอย่างที่เซฮุนเคยหวังเอาไว้
แต่สุดท้ายแล้ว...มันก็มีวันคริสต์มาสเป็นของตัวเองได้ในทุกๆวัน
โอ เซฮุนชอบวันคริสต์มาสมากที่สุด แต่คิม
ไค...ชอบทั้งวันคริสต์มาสและโอเซฮุน
“เซฮุน?”
“ว่า...?”
“มีแฟนยัง?”
“มีแล้ว”
“มันเป็นใคร!!!?”
“ไอ้เหี้ย!!...มึงจะตะโกนทำไมวะ เดี๋ยวโฮยอนตื่น!!!”
ใช่ว่ากลัวหลานจะตกใจตื่นเพียงอย่างเดียว...เพราะเพื่อนอย่างเขาก็ตกใจเสียงโวยวายของไอ้ดำเช่นกัน เป็นบ้าอะไร
อยู่ดีๆก็แหกปากซะดังลั่น
แล้วถ้ากูมีแฟนจริงๆมันผิดมากหรือไงวะ??
เซฮุนโกยเงินที่นับแล้วทั้งหมดใส่ไว้ในถุงก่อนแยกส่วนที่จะนำไปฝากธนาคารกับเงินทอนของวันพรุ่งนี้ไปเก็บไว้ในลิ้นชัก แต่...
“กูถามว่ามันเป็นใคร?!”
ยังไม่ทันเดินไปถึงไหน...แขนก็ถูกคว้าเอาไว้พร้อมกับคำถามเดิม
และหน้าตาเจ้าของคำถามก็จริงจังไม่แพ้น้ำเสียง
เซฮุนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะกิริยาท่าทางของไคตอนนี้มันพาลให้รู้สึกกลัว บทจะดีก็ดีและอ่อนโยนเหมือนเจ้าชายในนิทาน
บทจะร้ายก็ร้ายจนไม่กล้าสบจ้องใบหน้าคมเข้ม มือที่ถือถุงเงินเอาไว้เริ่มกำแน่นขึ้นด้วยความหวาดหวั่น และ.....
“กะ...กูล้อเล่น”
“เซฮุน!!..”
“กูล้อเล่นจริงๆ กูขอโทษ”
รู้ดีว่าเพื่อนไม่ชอบคนโกหกและเขากับเพื่อนตัวดำก็ไม่เคยมีเรื่องปิดบังกันเลยสักครั้ง แต่ที่พูดออกไปแบบนั้นก็แค่อยากรู้ปฏิกิริยา ซึ่งผลที่ได้ก็คือ...กูจะไม่ล้อเล่นกับมึงเรื่องนี้อีกแล้ว
ไคค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนขาวเนียนเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าฟัง ทั้งๆที่ในใจมันยังรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ไม่หาย
เซฮุนจะล้อเล่นกับเขาเรื่องใดก็ได้...แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องนี้!!
“ขอโทษเหมือนกัน....เจ็บหรือเปล่า?”
“เจ็บดิ บีบมาได้...แขนจะหัก”
“แล้วทำงานเสร็จหรือยัง?”
“เสร็จแล้ว”
“มึงนอนดึกแบบนี้ทุกคืนเลยเหรอ?”
“ก็ไม่ทุกคืนหรอก...แต่ส่วนมากก็ดึก”
“เฮ้ออ!...งั้นมึงไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเปิดร้านอีก”
“แล้วมึงล่ะ?”
“เดี๋ยวตามไป”
ไคเชื่อว่าเรื่องแฟนเซฮุนล้อเล่น...เพราะชีวิตของเพื่อนคนนี้มันมีแต่เรื่องของความฝัน กูจะเปิดร้านกาแฟ ร้านของกูต้องเป็นแบบนั้น ร้านของกูต้องเป็นอย่างนี้ วันวันเอาแต่ค้นหาข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบร้านและมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้สำเร็จ ไคอยู่ในทุกๆความฝันของเพื่อนมาตลอด แต่พอมันเป็นรูปเป็นร่างและเป็นความจริงขึ้นมา
เขากลับไม่ได้อยู่ชื่นชมหรือร่วมแสดงความยินดี กายหนาทิ้งตัวลงบนโซฟาเหมือนคนหมดแรง เพราะมันยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาอยากรู้
แล้วเรื่องที่อยากถามมากที่สุดก็คือ...มึงลืมจูบของกูไปแล้วหรือยัง? มึงรู้สึกยังไง?? ส่วนกูก็ไม่เคยจูบกับใครอีกเลยนับจากวันนั้น!!
“แง!!!!!!....”
“.....!!?”
เหมือนเสียงร้องไห้ในยามวิกาล...จะเป็นตัวกระชากสติคนคิดมากให้ลุกออกจากโซฟา และรีบก้าวขาไปที่ห้องนอนด้วยความเป็นห่วง เซฮุนกำลังอาบน้ำ โฮยอนตื่นมาไม่เจอใคร แล้วตุ๊กตาตัวโปรดก็อยู่ไกลเกินเอื้อมคว้า ไครีบอุ้มเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมอกด้วยความมัดระวังก่อนโยกตัวไปมาช้าๆ เคยเห็นเพื่อนทำเช่นไรก็ทำตาม
ขวดนมที่วางอยู่บนเตียงก็หยิบมาป้อนและตบก้นโฮยอนเบาๆ เสียงร้องเงียบลงทันทีเมื่อได้ทานของโปรด ปากเล็กดูดนมจากขวดด้วยความรวดเร็วพร้อมหลับไปทั้งๆที่น้ำตายังไหล
ไควางเด็กน้อยลงบนที่นอนอย่างเบามือเมื่อเห็นว่าหลับสนิท
และเขาเองก็ค่อยๆเอนกายตามไปช้าๆเพราะเกรงว่าโฮยอนจะตื่นอีกครั้ง มือหนายังคงทำหน้าที่ตบก้นโฮยอนไปเรื่อยๆ
ส่วนนมที่เคยมีอยู่ครึ่งขวดก็ใกล้หมดเต็มทีและอาการเจ็ทแลคของพี่เลี้ยงคนใหม่ก็คงหมดไปพร้อมๆกับเจ้าตัวน้อยที่ปล่อยขวดนมออกจากปากเล็ก
แกร๊กก!!
“หืมมม?”
เหมือนได้ยินเสียงร้องไห้แต่คงหูแว่ว...เพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เห็นหลานยังคงนอนนิ่งแถมมีเพื่อนตัวดำนอนอยู่ข้างๆ
เซฮุนปิดประตูห้องน้ำด้วยความระมัดระวังเพราะเกรงว่าโฮยอนและไคจะตื่น ตั้งแต่มีเด็กมาให้เลี้ยง...คนเป็นน้าก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ทำด้วยความเบามือและทำด้วยความใส่ใจ เด็กบอบบางเกินกว่าจะทำอะไรโดยไม่นึกถึงความปลอดภัย เวลานอนก็อยากให้นอนเต็มที่ เวลาเล่นก็ต้องเล่นอยู่ในสายตา
ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเด็กมันไม่อาจละเลยได้เลยสักเรื่อง
แล้วงานในค่ำคืนนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ต้องทำให้เรียบร้อย
ขอโทษจริงๆที่โกหก...เพราะถ้าบอกความจริงไคก็คงไม่ได้พัก
ขาเรียว...รีบก้าวออกมาจากห้องนอนด้วยความเร่งรีบ
และตรงไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเตรียมไว้ให้เด็กน้อย เวลานอนไม่ได้นอน ไม่เวลากินไม่ได้กิน
หน้าที่ของคนเป็นแม่ก็กลายมาเป็นของน้าคนนี้
มือบางเปิดตู้เย็นก่อนหยิบผักต่างๆอย่างแครอท ฝักทอง
และผักใบเขียวออกมาล้างให้สะอาด
หั่นทุกอย่างเป็นชิ้นเล็กๆและนำไปต้ม...ส่วนฝักทองก็ต้องใช้วิธีนึ่ง เนื้อไก่ถูกหยิบออกมาเป็นอย่างต่อไปแล้วทำเช่นเดียวกับผักนั่นก็คือการต้มให้สุก
เซฮุนทำแบบนี้ทุกๆสองวันเพราะไม่อยากให้อาหารของโฮยอนต้องแช่แข็งอยู่ในตู้เย็นนานจนเกินไป แถมยังทำได้เฉพาะตอนที่เจ้าตัวหลับเท่านั้น
ความวุ่นวายในการเลี้ยงเด็กยังมีอีกมาก ซึ่งการทำอาหารก็คือหนึ่งในร้อยของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด เด็กวัยกำลังหัดเดินเป็นสิ่งที่ต้องระวังมากกว่าตอนที่ยังไม่คลาน และกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างมือกับแขนก็สามารถคว้าจับอะไรต่อมิอะไรเข้าปากได้ง่ายเหลือเกิน แล้วคลาดสายตานิดเดียวก็คลานไปถึงไหนต่อไหน
เซฮุนจึงมักจะผูกขาหลานเอาไว้กับเก้าอี้หน้าทีวีทุกครั้งเมื่อต้องเข้าห้องน้ำ ตุ๊กตาตัวโปรดยังคงเป็นตัวช่วยในเรื่องการถ่วงเวลาได้ดี เนื่องจากโฮยอนชอบคุณช้างมากเป็นพิเศษ เล่นได้นาน
เล่นได้ไม่เบื่อ
แต่จะเบื่อก็ต่อเมื่อหิวหรืออยากออกไปเล่นกับพี่ๆที่หน้าร้าน
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า...ผักที่สุกได้ที่รวมถึงเนื้อสัตว์ก็ต้องถูกปั่นทั้งหมดก่อนที่เด็กจะตื่น
น้ำซุปจากการต้มอกไก่ถูกเทใส่เครื่องอย่างช้าๆแล้วปั่นทุกอย่างให้ละเอียด
อาหารสำหรับเด็กที่ขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าทั่วไปเป็นสิ่งที่โฮยอนไม่ชอบ ซื้อมาลองกี่ยี่ห้อก็คายทิ้ง
เซฮุนจึงจำเป็นต้องหาข้อมูลเพื่อทำอาหารให้เด็กในวัยเพียงขวบเศษได้ทานสิ่งที่มีประโยชน์
และต้องเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจ สองวันนี้เป็นเนื้อไก่กับผักต้ม สองวันถัดไปเป็นเนื้อหมู เนื้อปลาและตับบดตามลำดับ ทุกๆเมนูต้องปั่นให้ละเอียด
เทใส่พิมพ์แช่แข็งเอาไว้ให้เป็นสามมื้อมื้อละสองวัน แล้ววันถัดไปก็ต้องเปลี่ยนเป็นเมนูอื่น
เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็ต้องทำเพราะจะปล่อยให้เด็กขาดสารอาหารมันก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควร
“เฮ้ออ!!..ได้นอนสักที”
03.51 มันคือเวลาที่บอกอยู่บนผนังห้องและเมื่อเสร็จสิ้นเรื่องของในครัว หม้อนึ่ง
เครื่องปั่น มีดและจานชามที่อยู่ในอ่างน้ำก็ต้องมาเก็บล้างก่อนออกไปทำงานพรุ่งนี้เช้า เพราะถ้าจะให้ทำตอนนี้มันก็คงไม่ได้นอน
เซฮุนเอนกายลงบนเตียงที่คล้ายว่าจะแคบลงกว่าเมื่อวาน เนื่องจากคืนนี้มีทั้งเขา มีทั้งโฮยอนรวมถึงไคนอนอยู่ด้วยกัน
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าก่อนหยิบผ้าห่มมาคลุมให้หลานและผ้าอีกผืนก็ห่มให้เพื่อนสนิท
ส่วนตัวเขาเอง...แค่ผ้าอ้อมผืนเดียวก็เพียงพอ
เซฮุนหลับตาลงและเข้าสู่นิทราด้วยความเพลียมากกว่าความง่วง ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่มีเด็กน้อยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
คนเป็นน้า...ขอพรอยู่เสมอว่าให้หลานเป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย
ไม่ดื้อไม่ซน
และขอให้ฝันที่สร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจมันไม่สลายไปเพราะสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่
100%
Cr.
ภาพในตอนที่สอง : telset.id
***ขับไล่ไสส่ง หมายถึง ไล่ไปอย่างไม่มีเยื่อใย
***เจ็ทแลค (Jet lag) เป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายยังปรับจังหวะเวลาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลาแตกต่างกันไม่ได้
เนื่องจากร่างกายยังเคยชินกับเวลาในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่
Talk.
ขออนุญาตชี้แจงอีกครั้งนะคะ
หากฟิคเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดในด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับเด็ก เราต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง
มันเป็นฟิคไฟลุกอย่างที่บอกไว้หน้าบทความ ซึ่งฟิคเรื่องนี้จะมีไม่ถึงสิบตอนและถ้ามีมากกว่านั้นก็จะไม่เกินสิบห้าตอนแน่นอนค่ะ (ฟิคไฟลุก=การคิดพล็อตได้แบบปัจจุบันทันด่วนโดยยังไม่ได้คิดถึงตอนจบหรือระหว่างทางเอาไว้และไม่รู้ว่าจะเขียนจบไหม ฟิคไฟลุกเรื่องแรกคือ #ลืมKH)
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทั้งคนเก่าและคนใหม่
(บางคนเราจำได้แม่นเลยค่ะ
เพราะติดตามกันมาทุกเรื่อง
คอมเม้นท์กันทุกตอนและให้กำลังใจกันมาเสมอ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ)
รัก ☺
#ฝากเลี้ยงKH
ความคิดเห็น