คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ☺ 1
1.
XXX Condominium
06.26 น.
“เกลียดอะไรได้อย่างนั้น”...คำคำนี้มันช่างเหมาะกับคนที่ต้องตื่นแต่เช้ามาเป็นเวลาเกือบห้าเดือน และเป็นห้าเดือนที่แสนสาหัสเพราะสิ่งที่เกลียดที่สุดในชีวิตก็คือการเลี้ยงเด็ก แต่สุดท้าย...ก็ต้องมาดูแลสิ่งที่เกลียดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ใจหนึ่งก็สงสาร อีกใจก็ภาระ(ฉิบหาย)
แล้วใจลึกๆก็อยากด่าพ่อแม่ของเด็กที่ใจร้ายผิดมนุษย์ ตอนรักกันมันก็ดีอยู่หรอก...อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็ต้องมีบุตร อยากมีบุตรก็ต้องขยันทำการบ้าน
แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วไม่สำเร็จก็ต้องพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์
ฝากไข่ ทำกิ๊ฟ
ทำ ทำ ทำ ทำทุกทางเพื่อให้มีบุตร แต่แล้ว...ความไม่แน่นอนของชีวิต
สันดานหรืออะไรก็ตามที่ทำให้คนเปลี่ยนไปก็กลายเป็นตราบาปของเด็กแรกเกิด มีเงินอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะมีลูกได้ มีเงินเยอะแค่ไหนก็คงไม่พอถ้าไม่มีความรับผิดชอบ จนท้ายที่สุด...การหย่าร้างก็คงเป็นทางออกเดียวของคู่รักที่หมดรัก
แต่การหมดรักมันก็ไม่ควรทิ้งภาระให้ใครคนหนึ่งต้องทำหน้าที่เลี้ยงลูกเพียงลำพัง คนเป็นพ่ออาจส่งเสียค่าเลี้ยงดู คนเป็นแม่อาจรับหน้าที่ในการโอบอุ้มดูแล ซึ่ง...ไม่ใช่การทิ้งไว้กับญาติอย่างเขาาาาาา!!!!!!
แรกๆก็ฝากเลี้ยง...แต่หลังจากนั้นห้าเดือนก็ทิ้งไปโดยไม่บอกไม่กล่าว โทรไปก็ไม่รับ
โทรไปสักพักปิดเครื่อง ตามไปที่บ้านก็ย้ายหนี ไปถามหาถึงที่ทำงานก็ลาออกไปโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำทุกทางเพื่อให้เด็กวัยเพียงขวบเศษได้อยู่กับผู้ที่ให้กำเนิด แล้วสุดท้าย...เด็กมันก็ถูกทิ้งจริงๆ สงสารเด็กก็สงสาร โกรธพ่อแม่เด็กก็โกรธ แต่โกรธไปก็ทำอะไรไม่ได้...ในเมื่อแม่เด็กคือพี่สาวของตัวเอง
ตั้งแต่ผู้มีพระคุณจากไป...พวกเราสองคนพี่น้องก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง เรียนจบก็ทำงาน บ้านเก่าก็ปล่อยให้เช่า จนกระทั่งพี่สาวได้แต่งงานและมีลูกอย่างที่สามีต้องการ แต่ทุกอย่างมันก็ไม่เป็นไปตามที่หวังเมื่อการหย่าร้างได้เริ่มต้นขึ้น
เด็กเกิดมาได้ไม่กี่เดือนพี่สาวก็หย่ากับสามี แบ่งสมบัติ
แบ่งเงิน แบ่งทุกอย่าง แต่การแบ่งลูกที่อายุเพียงไม่กี่เดือนให้เขาดูแลมันไม่ควรจะเกิดขึ้นในสินสมรส งานก็ต้องทำ
หลานก็ต้องเลี้ยง แถมเงินที่พ่อแม่ควรส่งเสียเลี้ยงดูก็ไม่มี หายหัวกันไปหมด ญาติที่ไหนก็ไม่ต้อนรับ
เหนื่อยโว้ยยยยยยยย!!!!
...
...
...
แกร๊กกก!!!
ปิดประตูห้องน้ำอย่างเบามือ...เพราะเกรงว่าหลานจะตื่น
แล้วการใช้ชีวิตหลังจากที่มีเด็กเพียงขวบเศษมาอยู่ในการดูแลมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จะกินข้าว
อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว ทุกๆอย่างต้องทำด้วยความเร่งรีบ และบางครั้งก็ต้องเอาเด็กเข้ามาอาบน้ำด้วย แล้วเงินที่เคยเหลือกินเหลือเก็บก็แทบไม่พอใช้ ค่านม
แพมเพิส เสื้อผ้า ร้องเท้ามันก็แพงเหลือเกิน ยิ่งแพมเพิสก็ยิ่งเปลืองกว่าทุกสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด และ....
“แง..........!!!!!!!!”
“มาแล้ว งุนงุนมาแล้ววววว!!!”
รีบล้างแชมพูออกจากศีรษะพร้อมเสียงขานรับที่มักจะทำให้เด็กรู้สึกดีขึ้น แต่การที่เด็กอายุเพียงเท่านี้ตื่นมาแล้วไม่พบใครหรือเห็นเขาในระยะสายตา
เจ้าตัวก็คงรู้สึกตกใจแล้วการร้องไห้ก็คงเป็นทางออกเดียวของเด็กเกือบทุกคน มือบางรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างก่อนวิ่งออกไปจากห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง ขาเรียวก้าวเข้ามาในที่นอน...ซึ่งจะเรียกมันว่าที่นอนก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตั้งแต่มีเด็กมาให้ดูแล เตียงที่เคยนอนคนเดียวก็ต้องเผื่อหลาน แถมยังต้องเปลี่ยนมาเป็นแบบที่มีเบาะกั้นเพื่อป้องกันความปลอดภัย
“งุน....ไหน?”
“งุนอยู่นี่...งุนไปอาบน้ำ”
“ฮึกก!....”
“เด็กดีไม่ร้องนะคะ”
“งุน...ฮึกก! หาย!”
“มาแล้ว...งุนไม่หายแล้ว โฮยอนไม่ร้องนะคะ”
น้ำยังอาบไม่เสร็จ ผมก็ยังเช็ดไม่แห้ง...แต่ก็ต้องรีบอุ้มเด็กตัวน้อยมาปลอบขวัญและมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ มันเหมือนจะชินแต่ก็ไม่ใช่
เหมือนจะมีความสุขแต่ก็เต็มไปด้วยความน่าเบื่อ เหมือนชีวิตเริ่มจะลงตัว...แต่ก็ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ
ความฝันของคนที่เพิ่งเรียนจบมาได้ไม่นานก็คือการเปิดร้านกาแฟ แต่เมื่อทุกอย่างกำลังจะเข้าที่เข้าทาง
เด็กที่ถูกทิ้งก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของความฝัน...แล้วฝันที่ว่าก็คือฝันร้าย
โอ เซฮุน...ผู้ซึ่งเกลียดเด็กมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ก็อาจเดินไปตบกบาล(กะ-บาน) เด็กเป็นสิ่งเล็กๆที่เก่งแต่เรื่องร้องไห้ น่ารำคาญ
ขับถ่ายก็ไม่เป็นเวลา
ทุกๆที่...ที่มีเด็กอายุต่ำกว่า10ขวบคือสิ่งที่อยากอยู่ให้ไกลมากที่สุด แต่แล้ว...การที่เด็กมีพ่อมีแม่ที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบก็พาให้คนเป็นน้าต้องเลี้ยงหลานคนนี้โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง จะให้ขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องพี่สาวตัวเองก็คงไม่ใช่เรื่องดี แล้วเวลาก็ไม่มีเหลือให้ทำอะไรอีกแล้วนอกจากร้านกาแฟที่อุตส่าห์สร้างมาด้วยความเหนื่อยยาก
ส่วนเด็กหญิงโอ โฮยอน...ก็คงไม่ได้สนใจว่าใครเป็นพ่อแม่ เพราะความผูกพันจากผู้ที่ให้กำเนิดมันก็อาจหมดไปแล้วตั้งแต่ถูกทิ้ง และการได้คุณน้าเซฮุนมาดูแลแทนคนที่ควรเลี้ยงดูมันก็มีแต่เรื่องสนุก แต่ตอนนี้...มันเริ่มไม่สนุกแล้วสิ ตื่นมาไม่เจอน้างุน นมก็หมด
ห้องนอนก็มืด
“ไปอาบน้ำกันนะคะ...เดี๋ยวน้างุนเปิดร้านไม่ทัน”
“นม...”
“อาบน้ำก่อนแล้วค่อยกินนม”
“นม!!”
“อาบน้ำก่อน...ไปเป็ดๆกันไง เป็ดๆ”
“เป็ด...งุนเป็ด”
แล้วสิ่งที่ยากพอๆกับการเลี้ยงเด็กก็คือการสื่อสาร...เพราะเป็ดคือการอาบน้ำ การตบแก้มคุณน้าเบาๆคือการตกลง และรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากก็หมายถึงความพึ่งพอใจ เป็นวัยกำลังหัดเดิน เป็นช่วงที่กำลังฝึกพูด ซึ่งคำสั้นๆอย่างงุนๆ เป็ดๆ
นมๆ...ก็คือสิ่งที่พูดบ่อยที่สุด
“โฮยอน...วันนี้หนูอย่าดื้อนะคะ น้างุนจะได้ไม่เหนื่อย”
“ ^O^ ”
รู้ดี...ว่าคงจะไม่มีเสียงตอบรับเพราะตุ๊กตาเป็ดพลาสติกสีเหลืองที่ลอยอยู่ในอ่างน้ำมันน่าสนใจมากกว่าเสียงพร่ำรำพันของผู้เป็นน้า มีหลานต้องเลี้ยง ร้านก็ต้องเปิด ลูกค้าก็เยอะ
แถมพนักงานใหม่ก็ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น
เจ้าของร้านอย่างเขาจึงรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นเป็นสองเท่า แล้วถ้าวันนี้โฮยอนร้องไห้งอแง....ลูกค้าก็อาจน้อยลงกว่าหลายวันที่ผ่านมา
“โฮยอนเล่นกับคุณช้างไปก่อนนะคะ...น้างุนขอไปอาบน้ำแป๊บนึง”
“จ๊างงง....”
บอกแล้วว่าเขาไม่ใช่คุณน้าที่ดี...และการเลี้ยงหลานเพียงลำพังมันก็ต้องหาตัวช่วยเพื่อจะได้ทำธุระส่วนตัวได้ง่ายมากขึ้น เซฮุนเดินไปหยิบผ้าอ้อมในตู้เสื้อผ้าเมื่ออาบน้ำหลานเรียบร้อยแล้วผูกขาเล็กๆกับโต๊ะหน้าทีวีเอาไว้ไม่แน่นมากนัก และตุ๊กตาช้างสีชมพูก็อาจช่วยให้หลานอยู่นิ่งๆได้สักพัก โฮยอนนอนกลิ้งอยู่บนเบาะยางขนาดใหญ่โดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กห่อกายเอาไว้ ส่วนคุณน้าก็ต้องรีบเข้าไปอาบน้ำก่อนที่หลานจะเริ่มซน
ดี...ที่โฮยอนยังเดินไม่ได้
ไม่อย่างนั้นเซฮุนคงต้องมัดตัวหลานไว้กับเก้าอี้
และถ้าเด็กคนนี้เป็นเพศชาย...คนเป็นน้าก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้
เซฮุน...ไม่อยากให้เด็กผู้หญิงอย่างโฮยอนเห็นในสิ่งที่เป็นการบ่งบอกถึงสภาพเพศ
และถึงแม้การอาบน้ำด้วยกันจะสามารถปกปิดบางส่วนได้ด้วยกางเกง
แต่ผู้เป็นน้าก็ยังคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอยู่ดี ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ...เซฮุนจะไม่มีทางอาบน้ำพร้อมหลานเด็ดขาด
แล้วถ้ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใส่กางเกงขาสั้นเพื่อปิดบังส่วนน่าอายเอาไว้
11.00
น.
กริ๊งง!!!
“สวัสดีครับ...เชิญครับ”
เสียงกระดิ่งหน้าร้าน...คือสิ่งที่บอกว่าเงินได้เดินทางมาถึงแล้ว
แต่จะได้เงินมากเงินน้อยก็ขึ้นอยู่กับออร์เดอร์ของลูกค้า กาแฟร้อน30บาท กาแฟเย็น50บาท และถ้าเป็นแบบปั่นพร้อมวิปปิ้งครีมก็70บาท
ส่วนราคาของขนมต่างๆอย่าง
ครัวซองต์
แยมโรสหรือขนมเค้กมากมายในตู้กระจกก็จะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของวิธีการผลิต
“กาแฟปั่นแก้วนึงค่ะ...”
“ใส่วิปครีมไหมครับ?”
“ใส่ค่ะ...แล้วก็เอามัฟฟินบลูเบอร์รี่ด้วยค่ะ”
“ทานที่นี่หรือรับกลับครับ?”
“ทานที่นี่ค่ะ”
70+55=125 บาท...พร้อมการทอนเงินเสร็จสรรพ และคนเป็นเจ้าของร้านก็ได้กล่าวขอบคุณนักศึกษาสาวก่อนเดินไปทำเครื่องดื่มด้วยความชำนาญ
ส่วนขนมอย่างมัฟฟินเนื้อนุ่มก็เป็นหน้าที่ของพนักงานในช่วงเช้าที่ต้องนำไปอุ่นให้ร้อนด้วยเครื่องอบ
“เตนล์...เสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าเสร็จแล้ว พี่ฝากหน้าร้านแป๊บนะ”
“ครับ”
ถ้ามีเงินมากกว่านี้ก็อยากจ้างลูกน้องเพิ่มอีกสักคนสองคน...แล้วถ้าไม่มีภาระของพี่สาวมาให้เลี้ยง
ทุกอย่างที่ฝันไว้อาจไม่สะดุดเหมือนเช่นตอนนี้ จากที่คิดว่าจะทำหน้าที่เพียงดูแลเรื่องเงินๆทองๆภายในร้าน สอนงานลูกน้องบางเล็กน้อย และอาจเช็คสินค้าไปตามเรื่องตามราว
แต่สุดท้ายสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือสิ่งที่ต้องทำ
แถมยังต้องเลี้ยงเด็กไปด้วยทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่
เซฮุนรีบเดินเข้าไปด้านใน...เพราะตอนนี้คือเวลาอาหารของหลานตัวน้อย ร้านกาแฟเปิดให้บริการตั้งแต่แปดโมง สิบเอ็ดโมงคือเวลาป้อนข้าวโฮยอน และดีที่ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนเวลาปิดร้านก็คือสองทุ่ม หลังร้านกลายเป็นสถานกักกันเด็กอายุขวบเศษ
ซึ่งเบาะนุ่มๆรูปทรงเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมก็เป็นสิ่งที่ปกป้องเด็กได้ดีเหลือเกิน แต่ถ้าโฮยอนอายุสองขวบ...ที่นอนแบบมีคอกกั้นก็คงเอาไม่อยู่
แล้วก็...ขอบคุณช้างน้อยสีหวานที่คอยอยู่เป็นเพื่อนหลานมาตั้งแต่เช้า และขอบคุณเจ้าตัวน้อยที่ไม่ร้องไห้งอแง
“งุนงุนมาแล้วววว...เรามาหม่ำๆกันนะคะ”
“นม..”
“ไม่นมแล้ว...ตอนนี้โฮยอนต้องกินข้าว”
“ข้าว”
“ใช่...ข้าว”
และเมื่อพูดถึงข้าว...คนเป็นน้าก็ต้องนำวัตถุดิบอย่างข้าวสวย เนื้อสัตว์ต้มสุก
ผักนึ่งที่ปั่นรวมกันแล้วแช่ช่องเย็นเอาไว้ออกมาอุ่นด้วยไมโครเวฟ เซฮุนอุ้มหลานให้นั่งลงบนเก้าอี้สำหรับเด็กอ่อนก่อนนำผ้ากันเปื้อนกระต่ายน้อยมาสวมให้ และเมื่อไมโครเวฟส่งเสียงเตือนก็ต้องรีบนำออกมาทำให้เย็น พัดลม...เป็นตัวช่วยได้ดีแถมยังทำให้มื้อกลางวันหายร้อนได้เร็วกว่าการเป่าด้วยปาก
“หม่ำๆ...”
“ ^0^) ”
“อร่อยไหมคะ?”
“นม”
“ไม่นมค่ะ...โฮยอนต้องกินข้าวให้หมดแล้วค่อยกินนม”
“นม”
“ไม่นม หม่ำๆเลย...เดี๋ยวงุนงุนต้องไปทำงาน”
เหมือนหลานจะยังไม่ชินกับการที่ต้องทานอะไรแบบนี้...เพราะทั้งรสชาติ รสสัมผัสหรือแม้กระทั่งกลิ่นมันก็ไม่เหมือนกับนมที่ดื่มจากขวดมาตั้งแต่เกิด
และคนเป็นน้าก็ต้องพยายามป้อนไปเท่าที่เด็กจะทานได้ เนื่องจากยิ่งบังคับเจ้าตัวก็ยิ่งคายทิ้ง ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า ยิ่งอยากให้ได้ดั่งใจก็ยิ่งหงุดหงิด แต่ถึงจะหงุดหงิดไปบ้าง...ก็ไม่ถึงขั้นละเลยต่อสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
“.....!!!!”
“อิ่มแล้วเหรอคะ?”
การเป่าปากจนข้าวกระเด็นเปื้อนเต็มโต๊ะ...คือสาเหตุที่คุณน้าต้องเอ่ยถาม
และเมื่อป้อนข้าวเพิ่มไปอีกหนึ่งคำแล้วมีอาการเช่นเดิม นั่นหมายถึงเด็กน้อยคงทานไม่ไหวอีกแล้ว
ทิชชู่เปียกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเลี้ยงเด็ก เพราะมันสามารถเช็ดปากโฮยอนได้ดีกว่าผ้าอ้อม แถมยังเช็ดโต๊ะต่อได้เพื่อความประหยัด
“งุน....”
“อร่อยใช่ไหมล่ะ?”
“ ^ ^) ”
อุ้มเข้าอ้อมอกเมื่อหลานทานข้าวอิ่มแล้ว...แต่เพื่อพัฒนาการที่ดีขึ้น เซฮุนก็ต้องเสริมด้วยน้ำผลไม้ แล้วเสียงเรียกชื่อพร้อมรอยยิ้มหวานก็คือสิ่งที่โฮยอนพยายามสื่อสารให้คุณน้าทราบว่าน้ำส้มคั้นมันอร่อยกว่าข้าวตั้งเยอะ ปากน้อยๆ...ดูดความหวานจากขวดด้วยความสุข แถมการถูกโอบอุ้มเอาไว้ก็พาให้รู้สึกอุ่นใจ และ....
“ฮืมมม..♪♫...♪♫♪...♪♫”
“Zzz..zzz…Zz!!”
เมื่อท้องอิ่มพร้อมการถูกแกว่งไปมาอยู่ในอ้อมแขน
โฮยอนก็หลับได้อย่างง่ายดายทั้งๆที่เพิ่งทานน้ำส้มไปเพียงนิดเดียว
เซฮุนร้องเพลงกล่อมอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำและอุ้มหลานพาดบ่าเอาไว้เพราะไม่ต้องการให้อาหารที่ยังไม่ถูกย่อยส่งผลร้ายต่อกระเพาะน้อยๆ มือบางประคองตัวโฮยอนวางลงบนที่นอนด้วยความระมัดระวังเมื่อได้เวลา
และเวลานี้ก็ต้องเปลี่ยนหน้าที่จากการเลี้ยงเด็กไปทำหน้าที่ดูแลร้านหลังจากที่ปล่อยให้ลูกน้องอยู่คนเดียวมานานนับชั่วโมง
ถึงจะเกลียดเด็กแค่ไหน รำคาญแค่ไหน
หรือน่าเบื่อแค่ไหนก็ตาม...แต่ก็เลี้ยงดูมาแล้วตั้งหลายเดือน ซึ่งบางครั้งก็ต้องยอมรับว่าการมีเด็กตัวน้อยๆมาอยู่ด้วยมันก็ช่วยคล้ายเหงาได้ดี
เซฮุนหอมแก้มหลานด้วยความรู้สึกที่ยากจะเอ่ย เพราะถ้าถามว่ารักไหม...มันก็พูดไม่ได้เต็มปาก
เป็นห่วงหรือเปล่า...ก็ห่วงแต่ก็ไม่มากเท่าที่ควร และคำว่าสงสาร...ก็คงเป็นคำตอบเดียวที่อยู่ในใจ
เด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งอย่างไร้เยื่อใย...มันมีแต่ความน่าสงสารมากกว่าความน่ารัก แล้วพอเห็นหน้าเด็กทีไรก็พาลเกลียดพี่สาวกับสามีทุกครั้ง ไม่รู้ว่าหนีไปมีความสุขอยู่ไหน
รู้บ้างไหมว่าน้องชายคนนี้ต้องเจอกับอะไรบ้าง คิดแล้วก็ร้องไห้ทุกที...มือบางปาดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เพราะตั้งแต่พี่สาวทิ้งหลานไว้กับเขา ทั้งความฝัน
ความสุข ความเป็นส่วนตัวก็หายวับไปกับตา แล้วการที่ต้องมาจมอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบทุกๆวัน...มันก็เหมือนเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่น
ใช่ว่าเกลียดเด็กแล้วจะไม่รักหลาน
ใช่ว่ามีหลานแล้วจะสานต่อสิ่งที่ตั้งใจสร้างอย่างร้านกาแฟไม่ได้ แต่ทุกอย่างในชีวิตมันเหมือนถูกล็อคไว้ด้วยภาระหน้าที่ที่พ่อแม่เด็กต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่มีโฮยอนมาให้เลี้ยง...ตอนนี้ร้านกาแฟอาจจะถูกขยายได้กว้างกว่านี้ เก้าอี้อาจมีเพิ่มจาก7-8ที่นั่งเป็นสิบหรือไม่ก็ยี่สิบ และเขาก็อาจได้เรียนต่ออย่างที่ใจต้องการ
เงินเก็บที่มีหมดไปกับค่าแพมเพิสก็ไม่ใช่น้อย
และเงินมรดกหลังจากที่พ่อแม่เมื่อเสียชีวิตก็เอาไปลงทุนทำร้านกับซื้อคอนโดฯจนเกือบหมด ดี...ที่ไม่ได้ขายบ้านหลังเดิมทิ้งเพราะค่านม ค่าอาหาร
รวมถึงค่าวัคซีนต่างๆของเด็กวัยเพียงเท่านี้ก็มาจากค่าเช่าทั้งนั้น
“ฝันดีนะคะโฮยอน”
อยากนอนพร้อมหลานเพราะรู้สึกเพลีย...แต่งานหน้าร้านที่ทิ้งมานานับชั่วโมงมันคือสาเหตุที่ทำให้หลับตาไม่ลง
และต้องไปประจำหน้าเคาน์เตอร์เพื่อให้พนักงานรอบเช้าได้ทานมื้อเที่ยง
เซฮุนเอาคุณช้างวางไว้ข้างกายเด็กน้อยก่อนเดินออกมาจากหลังร้านเพื่อทำหน้าที่แทนลูกน้อง
แต่จะไปโดยไม่ชงนมทิ้งไว้กับตุ๊กตาสุดโปรดก็คงไม่ได้เพราะถ้าหลานตื่นมาไม่เจอเขา
แต่ได้เจอนมพร้อมของรักของหวง...เจ้าตัวก็อาจจะไม่งอแง (มั้ง?)
19.45
น.
กริ๊งงงง!!!!
“ขอบคุณครับบบ!!”
เป็นวันที่เหนื่อยไม่ต่างจากห้าเดือนที่แล้ว...แต่ก็ยังดีที่ลูกน้องรอบบ่ายเริ่มทำงานได้คล่องขึ้นกว่าเมื่อสองวันที่ผ่านมา ส่วนพนักงานรอบเช้าก็เลิกงานไปตอนบ่ายสาม เสียงประตูหน้าร้านที่เปิดออก ลูกค้าที่กลับไปพร้อมแก้วกาแฟร้อน และคำขอบคุณก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆในร้านแห่งนี้ แต่ที่ไม่ซ้ำก็คือเรื่องของรายได้เพราะในแต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนที่แตกต่างกันออกไป และวันนี้ขนมเค้กในตู้กระจกก็หมดก่อนพวกแซนวิชเสียอีก แล้วถ้าขายกาแฟเย็นหรือกาแฟแบบปั่นได้มากกว่ากาแฟร้อน รายได้ในวันนั้นก็จะทำให้เจ้าของร้านมีรอยยิ้ม
“จองอู...เดี๋ยวเริ่มเก็บร้านได้เลยนะ คงไม่มีลูกค้าแล้วล่ะ”
“ครับพี่”
คงเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ดูยุ่งมากที่สุดในแทบนี้...เพราะบางครั้งทำกาแฟให้ลูกค้าก็ต้องวิ่งเข้าไปดูหลานที่นอนเล่นอยู่คนเดียวหลังร้าน
พอเห็นว่าหลานไม่ซนก็ออกมาทำกาแฟให้ลูกค้าเช่นเดิม แล้วถ้าช่วงไหนลูกค้าเยอะมากเป็นพิเศษก็ต้องเอาเด็กใส่เป้แบกขึ้นหลังออกมาทำงานด้วย ยิ่งกว่าคำว่าทุลักทุเลก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบ แต่โฮยอนก็ดูจะชอบเสียงการทำฟองนมจากเครื่องชงกาแฟมากกว่าการนอนเล่นอยู่กับคุณช้างเพียงลำพัง
ขอโทษที่ต้องทิ้งไว้แบบนั้น
ขอโทษที่ดูแลให้ดีกว่านี้ไม่ได้
และขอโทษที่น้าคนนี้ยังเลี้ยงเด็กไม่ค่อยเป็น
“โฮยอนนน...ไปเป็ดๆกันดีกว่า”
“พี่..”
“ไม่เป็ดเหรอ?”
“พี่...”
เดินเข้ามาหลังร้านเพื่อหวังอาบน้ำให้เด็กน้อย...แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะชอบการออกไปต้อนรับลูกค้าเสียแล้ว เซฮุนจึงต้องอุ้มหลานออกมาหน้าร้าน ซึ่งมันก็ดี...เพราะเขาก็ไม่อยากทิ้งให้พนักงานคนใหม่เก็บร้านเพียงลำพัง ขนมประเภทใดยังขายต่อได้ก็เก็บไว้ แบบไหนต้องทิ้งทันทีก็ยังต้องสอนอีกเยอะ แล้วเมล็ดกาแฟที่อยู่ในเครื่องบดก็ต้องเก็บไว้ในที่ที่ไม่มีความชื้น
ทุกๆอย่างคือสิ่งที่พนักงานรอบบ่ายยังต้องเรียนรู้อีกมาก
“จ๊ะเอ๋โฮยอน...มาช่วยพี่จองอูเก็บร้านเหรอคับ!!”
“พี่!!...”
ฟอดดดด!!!
ใครเห็นก็รัก...ใครหอมก็หลง โฮยอนผิวขาวเหมือนแม่ ตาโตเหมือนพ่อ
แถมยังแก้มเยอะจนใครๆเห็นก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัส เซฮุนไม่ได้หวงหลานจนคนอื่นแตะต้องไม่ได้ แต่ถ้าคนอื่นที่ดูไม่น่าไว้ใจอย่าง...ดูสกปรก ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ผู้หญิงที่ทาลิปสติกหนาๆสีจัดจ้านก็จะไม่ค่อยให้หอมแก้มหรือเอาไปอุ้มโดยเด็ดขาด
แต่สำหรับจองอูคือข้อยกเว้นเพราะเป็นพนักงานที่ไว้ใจได้
“ ^0^ ”
เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของเด็กขวบเศษ...สามารถลดความตึงเครียดให้พนักงานใหม่ได้เป็นอย่างดี
เพราะก่อนหน้านั้นจองอูได้ทำแก้วแตกไปสองใบ แถมยังอุ่นขนมไหม้ไปอีกสามชิ้น ขอโทษที่ยังจำไม่ได้ว่าครัวซองต์ พายแอปเปิ้ลหรือแพนเค้กมันต้องอุ่นกี่นาที
แล้วก็ขอบคุณที่เจ้าของร้านไม่ตำหนิ...และไม่หักเงินเดือนอีกต่างหาก
เซฮุนเข้าใจดีว่าการทำงานมันเกิดข้อผิดพลาดกันได้...และเขาก็ไม่สามารถสอนงานในร้านให้ลูกน้องคนนี้ได้ตลอดเวลาเพราะสิ่งที่ต้องดูแลก่อนลูกน้องก็คือเด็กตัวน้อยที่กำลังยิ้มแป้นอยู่ในกระเป๋าเป้ด้านหน้าตอนนี้ จะให้โทษจองอูฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ จะโทษเขาก็คงไม่ได้อีกเช่นกัน
และถ้าจะโยนความผิดให้กับใครสักคน...ใครคนนั้นก็คือพ่อแม่ของโฮยอน
คิดแล้วหงุดหงิดดดด!!!
“จองอูไปนับขนมในตู้ให้พี่ดีกว่า...นับว่ามีอะไรบ้าง เหลือกี่ชิ้น
เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง”
“ครับ”
รีบละมือจากถังใส่น้ำแข็งก่อนหยิบแฟ้มรายชื่อของหวานไปยืนอยู่หน้าตู้กระจกและนับจำนวนของที่เหลือตามคำสั่ง ส่วนเซฮุนก็ต้องเริ่มทำความสะอาดเครื่องทำกาแฟไปพร้อมๆกับเด็กตัวน้อยในเป้ที่ต้องย้ายตำแหน่งไปอยู่ด้านหลัง และเมื่อเครื่องทำกาแฟสะอาดแล้วก็ต้องตรวจดู น้ำตาลทราย
ทิชชู่รวมถึงที่ครอบแก้วว่ามันพร่องไปเท่าไหร่ก็ต้องเติมให้เต็ม เก้าอี้ถูกจัดเรียงให้เข้าที่เข้าทาง โต๊ะทุกตัวถูกเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ พื้นต้องถู
แก้วต้องล้าง
และขอบคุณที่หลานไม่งอแง
“พี่เซฮุนครับ...
ผมจดรายการขนมเสร็จแล้ว
ผมต้องทำอะไรต่อครับ?”
“จองอูกลับไปพักเถอะ...วันนี้เอาแค่นี้ก่อน”
“แต่....”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น...กลับไปพักได้แล้ว!!”
“ขอบคุณครับ...งั้นผมกลับเลยนะครับ สวัสดีครับ”
“อื้ม...”
เจ้าของร้าน...ไม่เคยให้พนักงานอยู่เกินเวลา ยิ่งเป็นพนักงานที่ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ยิ่งอยากให้กลับเร็วๆ จองอูอาจมีการบ้าน อาจมีเพื่อนหรืออาจมีครอบครัวรอทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา เซฮุนจึงไม่อยากรบกวนเวลาไปมากกว่านี้ ส่วนงานที่เหลืออีกเล็กน้อยอย่างการนับยอดขายในวันนี้ ก็คงต้องทำหลังจากที่โฮยอนหลับไปแล้ว
“งุนงุนขอเอาจานไปเก็บก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวเราไปเป็ดๆกัน”
“พี่..”
“พี่กลับไปแล้วค่ะ...พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่นะคะ”
“นม!!”
ไม่ได้อีกอย่าง..ก็จะเอาอีกอย่าง แต่ยังไม่อยากไปเป็ดๆสักที
คนเป็นน้าจึงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเพลียใจและต้องรีบเอาจานที่ล้างและอบเรียบร้อยไปเก็บให้เข้าที่เข้าทาง
เซฮุนเรียงจานกระเบื้องที่ใช้ใส่ขนมเค้กไว้บนชั้นด้านหลังเคาน์เตอร์ด้วยความเร่งรีบ เพราะเกรงว่าเด็กน้อยจะหลับไปก่อนที่จะได้อาบน้ำหรืออาจงอแงเนื่องจากหิวนม และ....
กริ๊งงง!!!
“ร้านปิดแล้วครับ”
เสียงกระดิ่งหน้าประตู...ทำให้คนที่กำลังรีบร้อนไม่ได้หันไปมองว่าใครเข้ามาด้านในและต้องเอ่ยตัดบทอย่างเสียมารยาทเพราะเวลานี้ร้านมันปิดแล้วจริงๆ ถ้าอยากได้ขนมไปทานก่อนนอนมันก็พอจะขายให้ได้
แต่ถ้าต้องการกาแฟก็คงต้องไปร้านอื่น....ล้างเครื่องทำกาแฟไปแล้ว เมล็ดกาแฟก็เก็บไปแล้ว ป้ายบอกเวลาเปิด - ปิดของร้านก็แจ้งให้ทราบอย่างชัดเจน แล้วทำไมยังมีลูกค้าเข้ามาอีก
แต่.....
“เซฮุน?”
“.....??”
เสียงทุ้มที่ดังอยู่ทางด้านหลัง...ทำให้มือที่ถือจานเอาไว้ต้องหยุดค้างอยู่กลางอากาศและพยายามตั้งสติของตัวเองให้ดี ใช่ไหมวะ?
ไม่ใช่หรอก?? เป็นไปไม่ได้??? เหมือนกำลังรบอยู่กับสมองที่กำลังประมวลผลจากเสียงที่ได้ยินและหันกลับไปมองช้าๆเพราะเกรงว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง และ...
“ใช่เซฮุนจริงๆด้วย??”
“ไค...?!!”
มันก็เป็นจริง (เชี่ยย!!)
100%
Cr.
ภาพหน้าบทความ : แต่งบ้าน M-Thai
Cr.
ภาพไอคอนของเรื่อง : Unblast
Cr.
ภาพในตอนที่ 1 : WallpaperSafari
เตนล์&จองอู...พนักงานร้านกาแฟจ้าาาา
Talk.
สวัสดีค่ะ...เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว (ไหว้ย่อ)
ขออนุญาตชี้แจงนะคะ
ฟิคเรื่องนี้อาจมีบางเหตุการณ์ที่อ่านแล้วขัดแย้งกับความเป็นจริง เราจึงอยากให้นักอ่านคิดไว้เสมอว่านี่คือนิยาย แต่เราก็มักจะบอกทุกครั้งว่าเราพยายามหาข้อมูลในๆทุกด้านเพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับความเป็นจริงมากจนเกินไป
ตัวละครอย่างโฮยอน...คือเด็กอายุหนึ่งขวบกับอีกห้าวันเท่านั้น ซึ่งเด็กวัยนี้ยังไม่ค่อยมีพัฒนาการมากนัก คลานได้
ยืนเกาะได้ แต่ยังไม่เดิน พูดได้ในประโยคสั้นๆ
โต้ตอบเพียงการกระทำที่ได้เห็นและได้ยินอยู่เป็นประจำซ้ำๆ แต่เด็กบางคนในวัยเดียวกันก็อาจจะเดินได้แล้ว(นิดหน่อย) เพราะเด็กถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน มีพ่อแม่ที่ต่างกัน
และเราขอยอมรับว่าเรื่องนี้ยากอีกแล้ว
จะว่ายากทุกเรื่องก็ได้
เริ่มต้นง่ายแต่ระหว่างทางคือยากจังเลยยย!!!
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังให้การตอบรับ
ให้โอกาส และให้กำลังใจดีๆกับเราเสมอ ขอบคุณจริงๆนะคะ
รัก ☺
#ฝากเลี้ยงKH
ความคิดเห็น