เนตรมารสะท้านฟ้า ()(จบ)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ กำลังภายใน Tags : กำลังภายใน, ลมปราณ, แฟนตาซี, ผจญภัย, ตื่นเต้น, สนุกสนาน, ความรัก, ปรุงยา, เทพเจ้า, มังกร, อสูร, นิยายจีน
ผู้แต่ง : MoMiMarChi
My.iD :
https://my.dek-d.com/MoMiMar/writer/
ตอนที่ 54 : จิตเอกะ
ตอนที่ 51
จิตเอกะ
(ช่วงเติมทรูรัว ๆ)
หลังจากที่ปิดปากถ้ำเรียบร้อยแล้วเสวี่ยหมิงก็เปิดหีบบรรจุโอสถหยินหยางเทียนฟงออก กลิ่นหอมฟุ้งเย็นซ่ากระจายอัดแน่นในทุกอณูของอากาศ เพียงแค่สูดดมก็ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นในพริบตา นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือของเสวี่ยหมิงคีบจับเม็ดยากลมที่ผสมผสานระหว่างสีขาวและดำขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แม้ตอนนี้แสงในถ้ำที่ถูกปิดจะริบหรี่เพราะมีเพียงช่องรอดรอยแตกเล็ก ๆ ของหินที่ยอมให้แสงจันทร์ส่องผ่านเข้ามา แต่สำหรับเสวี่ยหมิงที่สมรรถนะทางกายภาพถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลาจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะกายาแห่งพระเจ้า แม้จะมีแสงเพียงน้อยนิดแต่ดวงตาของเสวี่ยหมิงในยามนี้ก็สามารถมองเห็นรายละเอียดบนพื้นผิวเม็ดยาได้อย่างชัดเจน
ช่วงชีวิตตลอดระยะเวลากว่าสิบห้าปีที่ผ่านมา เสวี่ยหมิงได้ใช้แต่โอสถโอสถชั้นเลวมาโดยตลอด ทำให้เมื่อได้ครอบครองโอสถวิเศษเช่นนี้ เขาจึงใช้เวลาครู่ใหญ่ในการมองดูอย่างหลงใหล ก่อนที่จะตัดใจกลืนกินมันลงไป
ทันทีที่เม็ดยาถูกยัดเข้าไปในปาก พลังปราณที่อัดแน่นในเม็ดยาก็ทะลักล้นออกมาในทันที แต่ว่าโอสถหยินหยางนั้นรุนแรงเกินกว่าที่ผู้ฝึกตนระดับพื้นฐานนั้นจะรับไหวเพียงแค่เสี่ยววินาทีที่ตัวยาออกฤทธิ์ก็ทำให้เสวี่ยหมิงน้ำหูน้ำตาไหลพราก ความเจ็บปวดสุดทานทนเข้าจู่โจมทุกจุดในร่างกาย เลือดเนื้อทั่วร่างของเสวี่ยหมิงเบ่งพองขยายจนคล้ายจะแตกระเบิดออกได้ทุกเมื่อ เสวี่ยหมิงนั้นรู้ดีว่าการกลืนกินโอสถที่มีพลังรุนแรงเช่นนี้อาจมีอันตรายถึงชีวิต แต่เมื่อคิดถึงความสำเร็จที่จะได้รับมันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงทดลอง แม้จะเจ็บปวดเพียงใดแต่เสวี่ยหมิงยังคงตั้งมั่นคงสติและสมาธิของตัวเองเอาไว้ได้ พร้อมเพ่งสมาธิผลักดันลมปราณมหาศาลที่ทะลักออกมาจากเม็ดโอสถหยินหยางเทียนฟงให้เคลื่อนไปตามแนวทางของเคล็ดวิชาจิตเอกะ แต่ดูเหมือนว่าพลังปราณมหาศาลที่ถูกชักนำให้วิ่งวนเป็นขดก้นหอยเพื่อใช้แรงเหวี่ยงหนึ่งก่อเกิดหนึ่งสลายภายในห้วงจิตวิญญาณของเสวี่ยหมิงจะไม่รวดเร็วเพียงพอ ทำให้เกิดสภาวะพลังงานส่วนเกินทะลักล้นออกมาทำร้ายเลือดเนื้อของเสวี่ยหมิงจากภายใน จนผิวกายหลายจุดเริ่มปริแตกออก ปรากฏเป็นบาดแผลฟกช้ำห่อเลือดผุดขึ้นมาหลายจุด แม้แต่จมูกและดวงตาก็เริ่มมีโลหิตไหลซึมออกมาบ้างแล้ว แม้สภาพภายนอกจะดูน่ากลัว แต่หากคิดย้อนไปการที่เสวี่ยหมิงซึ่งมีพลังเพียงแค่พื้นฐานลมปราณขั้นที่ 2 กลับสามารถกลืนกินโอสถหยินหยางเทียนฟง ซึ่งเป็นโอสถวิเศษสำหรับผู้ฝึกตนลมปราณแรกธรรมชาติขั้นปลาย นั้นก็มิต่างจากการที่หนูตัวเล็กจ้อยตัวหนึ่งที่พยายามจะกลืนกินช้างทั้งตัวให้หมดในเวลาอันสั้น การที่ร่างกายเกิดบาดแผลเพียงนี้นับว่าต้องยกความดีความชอบให้กับเคล็ดวิชาบ่มเพาะกายาแห่งพระเจ้าที่เสริมความแข็งแกร่งของกายเนื้อให้กับเสวี่ยหมิง เพราะหากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไปที่ประพฤติดุจเดียวกับเสวี่ยหมิงคงได้ร่างแตกระเบิดออกและตกตายลงตั้งแต่ไม่กี่ลมหายใจที่โอสถวิเศษถูกป้อนเข้าปาก
แม้พลังงานความร้อนจะไม่ช่วยเร่งความเร็วในการสลายพลังงานของโอสถหยินหยางเทียนฟง แต่มันก็ยังมีประโยชน์ในการฟื้นฟูร่างกายที่ถูกลมปราณที่มากเกินไปทำลายลง
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม แต่พลังที่อัดแน่นในเม็ดโอสถยังคงถูกดูดกลืนไปได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ส่วน ตรงข้ามกับร่างกายของเสวี่ยหมิงที่ดูท่าจะไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลร่างกายท่อนบนส่ายโงนเงนไปมาราวกับว่ามันจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ
แม้ร่างกายเลือดเนื้อจะบาดเจ็บหนาหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ภายในจิตกลับแจ่มใสขึ้นเรื่อย ๆ ตะกอนความขุ่นมัวของจิตถูกพลังที่โคจรตามเคล็ดความของวิชาจิตเอกะทำลายล้างไปทีละน้อย จนตอนนี้จิตของเสวี่ยหมิงใกล้จะใสกระจ่างบริสุทธิ์แล้ว ซึ่งหากว่าจิตของเสวี่ยหมิงบริสุทธิ์สมบูรณ์เมื่อใด นั่นจะเท่ากับว่าเขาได้ย่างเท้าเข้าสู่ขอบเขตแรกของวิชาจิตเอกะ...จักรวาลน้อยขนาดเท่าฝุ่นผงเริ่มก่อตัวขึ้นภายในห้วงจิตวิญญาณของเสวี่ยหมิง จักรวาลขนาดเล็กหมุนวนดุจเดียวกับลมปราณก้นหอยที่ขับเคลื่อนก่อนหน้า และทันทีที่จักรวายน้อยก่อกำเนิด จิตรับรู้ของเสวี่ยหมิงก็พลันยืดขยายออกไปจากร่างจนครอบคลุมทั่วทั้งถ้ำร้าง แม้แต่ยุงขัยบปีกเคลื่อนไหวภายในถ้ำยังไม่อาจเล็ดลอดไปจากห้วงสำนึกของเสวี่ยหมิงในตอนนี้
ความสำเร็จอันหอมหวานที่เกิดขึ้น หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายที่กำลังเสื่อมทรุดลง แม้จิตจะแข็งแกร่งขึ้น แต่หากกายเนื้อไม่อาจทานทนต่อพลังที่ยังคงล้นทะลักออกมาจากโอสถหยินหยางเทียนฟงได้ทุกย่างที่ทำมาล้วนต้องสูญเปล่า แต่ยังนับว่าเสวี่ยหมิงโชคดี เพราะอีกเพียงครู่เดียวเมื่อจักรวาลน้อยที่ก่อตัวขึ้นเริ่มคงสภาพได้ มันก็ทำการหมุนวนสลายพลังปราณจากเม็ดโอสถให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังจิตวิญญาณด้วยตัวมันเองตามธรรมชาติ เมื่อไม่ต้องใช้จิตสมาธิควบคุมให้ลมปราณหมุนวนอีก เสวี่ยหมิงจึงได้ถอนจิตสมาธิออกมาจากการเดินลมปราณตามเคล็ดวิชาจิตเอกะ และเมื่อสติรับรู้กลับมาความเจ็บปวดที่รุนแรงก็เข้าจู่โจมเสวี่ยหมิงในทันที
ความเจ็บปวดในครานี้รุนแรงจนเสวี่ยหมิงแทบไม่อาจหายใจได้ แต่ร่างกายของเสวี่ยหมิงก็ยังคงดึงดูดพลังจากโอสถหยินหยางเทียนฟงต่อไป จนสุดท้ายกายเนื้อก็ไม่อาจต้านทานพลังลมปราณที่มากเกินไปของโอสถหยินหยางเทียนฟงได้ สังขารที่อาบชุ่มด้วยเลือดค่อย ๆ แตกสลายล่องลอยกลายเป็นอากาศธาตุทีละน้อย เลือดในกายค่อย ๆ เหือดแห้งลงไปทีละน้อย ยังดีที่อวัยวะภายในยังคงได้รับการปกป้องจากลมปราณร้อนในร่าง
แต่แล้วเมื่อโลหิตหยดสุดท้ายแห้งเหือดลงโลหิต ร่างของเสวี่ยหมิงพลันเหี่ยวแห้งราวกับมัมมี่ ดวงตาขวาไร้ประกายมืดหม่น แต่ดวงตาข้างซ้ายกลับยังคงสุกสกาวดุจเดิม เมื่อกายเนื้อเหี่ยวแห้งแตกสลายไม่อาจดูดซับลมปราณในเม็ดโอสถได้อีก ดวงตาซ้ายพลันทำหน้าที่ดูดกลืนลมปราณส่วนเกินนั้นเข้าไปแทน
ตุบ...!
เสียงดังราวกับของหนักตกกระทบพื้นแข็ง ปลุกสติที่หลุดลอยออกไปแล้วของเสวี่ยหมิงให้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจที่แข็งทื่อพลันเต้นดังขึ้น พลังลมปราณร้อนที่เสวี่ยหมิงเคยรับรู้ได้เพียงเส้นสายเดียว บัดนี้กลับไปกระจุกรวมกันที่หัวใจของเสวี่ยหมิง ทำให้โลหิตที่สูบฉีดล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังความร้อนแห่งชีวิต ลมปราณร้อนลวกหาได้กระจัดกระจายเป็นกลุ่มก้อนเฉกเช่นเดิม แต่มันพัฒนาก้าวกระโดดจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเลือดเนื้อของเสวี่ยหมิงไปโดยบังเอิญ แม้เสวี่ยหมิงจะไม่เข้าจะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือสิ่งใด แต่การได้รับ...หัวใจแห่งเพลิงหงสาในวันนี้จะชักนำให้เสวี่ยหมิงพบเจอเคราะห์ภัยและวาสนาไม่รู้จบในอนาคตข้างหน้า
โลหิตเพลิงไหลเวียนไปยังจุดใดเลือดเนื้อที่ผุพังล้วนค่อย ๆ ซ่อมสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ และเมื่อกายเนื้อกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งดวงตาซ้ายของเสวี่ยหมิงก็หยุดการดูดซับลมปราณส่วนเกิน และปล่อยให้ร่างกายที่ฟื้นคืนรับภาระนั้นต่อไป ซึ่งในตอนนี้ลมปราณที่อัดแน่นอยู่ในโอสถหยินหยางเทียนฟงเหลือไม่ถึงห้าในร้อยส่วนแล้ว บวกกับร่างกายที่มีพลังฟื้นฟูเหนือมนุษย์ของเสวี่ยหมิงทำให้เสวี่ยหมิงทดลองเดินลมปราณตามวิชาลมปราณตระกูลหย่งดู และเพียงการชักนำลมปราณไปตามเส้นเลือดที่ซ่อมสร้างขึ้นมาใหม่เพียงครั้งเดียว เสวี่ยหมิงก็สามารถผ่านคอขวดที่ตีบตันมากว่า 5 ปีไปได้
...ข้าบรรลุพื้นฐานลมปราณขั้นที่ 3 แล้ว
แม้จะเพิ่งบรรลุพื้นฐานลมปราณขั้นที่ 3 แต่พลังของโอสถหยินหยางเทียนฟงยังคงไม่หมดสิ้น ทำให้เสวี่ยหมิง
ยังคงตั้งมั่นฝึกฝนดึงดูดพลังปราณส่วนที่ยังหลงเหลือตามเคล็ดวิชาลมปราณตระกูลหย่งต่อไป จนเวลาล่วงเลยไปอีกกว่าหนึ่งชั่วยาม พลังของเม็ดโอสถหยินหยางเทียนฟงจึงหมดลง
ตูม !!!
แต่แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้น ซึ่งต้นตอของเสียงนั้นดังมาจากดวงตาข้างซ้ายของเสวี่ยหมิง ร่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังหลังจากที่ทะลวงผ่านพื้นฐานลมปราณขั้นที่ 3 มาได้ไม่นานพลันหงายหลังล้มลงหมดสติไป
18 ความคิดเห็น