เนตรมารสะท้านฟ้า ()(จบ)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ กำลังภายใน Tags : กำลังภายใน, ลมปราณ, แฟนตาซี, ผจญภัย, ตื่นเต้น, สนุกสนาน, ความรัก, ปรุงยา, เทพเจ้า, มังกร, อสูร, นิยายจีน
ผู้แต่ง : MoMiMarChi
My.iD :
https://my.dek-d.com/MoMiMar/writer/
ตอนที่ 297 : รอยปริแตกผันผวน
ตอนที่ 274
รอยปริแตกผันผวน
หลังจากที่เข้าเมืองวิหคทองได้ เสวี่ยหมิงก็ตรงไปยังสุสานประจำตระกูลหย่งในทันที แม้สภาพภายนอกของตระกูลพังเสียหายไม่มีชิ้นดี แต่ลึกลงไปยังสุสานบรรพชนยังไม่ถูกรุกล้ำ
เสวี่ยหมิงร้อนใจมาที่นี่เพราะต้องการขนย้ายป้ายสักการะวิญญาณบางส่วน และโลงบรรจุศพของมารดา เมื่อนำทั้งหมดเก็บเอาไว้ในแหวนมิติเรียบร้อยแล้ว เสวี่ยหมิงก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ในเมืองวิหคทองอีกต่อไป แต่ยังไม่ทันที่จะออกจากเมือง ฝูงสัตว์อสูรจากอเวจีที่หายไปก่อนหน้า พลันบุกโจมตีเข้ามาระลอกใหญ่ ล้อมรอบเมืองวิหคทองเอาไว้นับแสนตน
แม้เสวี่ยหมิงมั่นใจว่าตนเองสามารถบุกฝ่าออกไปได้ แต่ในใจแรกเริ่มยังคงมีอีกเป้าหมายหนึ่งค้างคา ในเมื่อเดินทางฝ่าสัตว์อสูรเข้ามาไกลถึงเพียงนี้ อีกเพียงแค่ไม่ถึงร้อยลี้ก็จะเห็นรอยแยกมิติหลักด้วยตนเอง ซึ่งในตอนแรกนั้นเสวี่ยหมิงเองก็อยากที่จะทดสอบว่าพลังของเต๋าแห่งมิติที่มี อาจจะสามารถช่วยในการชะลอความไวในการขยายออกของรอยแยก หรืออาจจะโชคดีปิดรอยปริแตกที่เกิดขึ้นได้ แถมยังอาจค้นพบเส้นสายเต๋าที่ซ่อนเร้น จนความสามารถของเต๋าแห่งมิติก้าวหน้าขึ้นอีกระดับก็เป็นได้
..."หนิงเซียน เจ้ารีบนำทุกคนฝ่าออกไปทางป่าอสูรก่อน สัตว์อสูรที่หลุดออกมรอบนอกแม้มีจำนวนมหาศาล แต่ยังมีระดับไม่อันตราย หากตามข้าเข้าไปลึกกว่านี้ อาจจะไม่ปลอดภัยได้"
..."ตกลงพี่เสวี่ยหมิงดูแลตัวเองด้วย"
..."อืม ไม่ต้องเป็นห่วง พี่เสวี่ยหมิงมั่นใจว่าหากไม่อาจสู้ ยังมีหนทางถอยหนี"
การสื่อสารยุติลง เสวี่ยหมิงก็มุ่งหน้าไปตามความรู้สึกที่สัมผัสได้ของเต๋ามิติ...ความผันผวนของช่องว่างแห่งมิติ ยิ่งเข้าใกล้รอยปริแตกขนาดใหญ่ เสวี่ยหมิงยิ่งรู้สึกถึงความผันผวนได้มากขึ้น แต่การเดินหน้าฝ่าเข้าไปยังใจกลางรอยผริแตก ก็ต้องแลกมาด้วยการต่อสู้อันดุเดือดยิ่งขึ้น เพราะยิ่งใกล้กับรอยปริแตก ระดับของอสูรร้ายจากอเวจีก็ยิ่งสูงล้ำขึ้นไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้การบุกฝ่าฝูงสัตว์อสูรลมปราณเที่ยงแท้ เสวี่ยหมิงไม่อาจใช้เพียงพละกำลังอย่างเดียวในการต่อสู้ได้อีกต่อไป
...เห็นทีเราคงไม่อาจฝ่าไปจนถึงต้นตอของรอยปริแตกได้เสียแล้ว
แม้การต่อสู้ในตอนนี้จะไม่ได้หวาดเสียวอันตราย แต่หากเสวี่ยหมิงยังดื้อดึงบุกฝ่าต่อไปจนลมปราณเหือดแห้งก็คงจะย่ำแย่ การเลือกถอยจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
แต่ในระหว่างที่กำลังทะลวงฝ่าถอยกลับไปด้วยความระมัดระวัง จู่ ๆ สัมผัสรับรู้ของเต๋าแห่งมิติพลันรับรู้ถึงแรงบิดผันมหาศาลที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน จากฟากฟ้าไกลที่เบื้องหลัง
...แย่แล้วหรือว่าจะมีอสูรระดับลมปราณสวรรค์หลุดออกมา
แม้จะเป็นสัตว์อสูรระดับสวรรค์ แต่หากมีระดับที่ไม่สูงมากนัก เสวี่ยหมิงยังมั่นใจว่าสามารถหลบรอดกลับไปได้ แต่บังเอิญว่าทิศทางซึ่งมิติบิดผันรุนแรงนั้น มิได้เกิดจากจุดศูนย์กลางของรอยปริแตกที่รับรู้ก่อนหน้า แต่มันกลับเกิดที่จุดซึ่งเสวี่ยหมิงกำลังมุ่งหน้ากลับไป ความผันผวนรุนแรงในครั้งนี้กลับเกิดในบริเวณท้องฟ้าเบื้องบน...ป่าอสูร
สามสาวหนึ่งมังกร ตกตะลึงกับปรากฏการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า มังกรเหมันต์แม้อาการบาดเจ็บยังไม่ฟื้นคืนสมบูรณ์ แต่ความแหลมคมของสัญชาตญาณรับรู้ถึงอันตราย ยังคงสูงส่งดุจเดิม เร่งบินออกห่างจากจุดกำเนิดของมิติผันผวนเบื้องบน มุ่งหน้าต่ำสู่พื้นดิน เลือกเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูรจากอเวจีจำนวนมากบนพื้นดิน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์แปลกประหลาดบนท้องฟ้า
ครืน...!!!
ท้องฟ้าเบื้องบนส่งเสียงคำรามลั่น สายฟ้าแลบแปลบปลาบไปมา ราวกับจะเกิดฝนห่าใหญ่ขึ้น แต่แล้วหมู่เมฆที่รวมตัวกันดำทะมึนก่อนหน้าพลันแหวกออก มวลแสงจำนวนมหาศาลพุ่งฝ่าลงมาจากผืนฟ้าสู่พื้นดินเบื้องล่าง พลังลมปราณมหาศาลที่เล็ดลอดออกมา รุนแรงจนทำให้สัตว์อสูรระดับต่ำทั้งหลายไม่อาจขยับกาย แม้แต่มังกรเหมันต์ก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล แม้จะยังไม่ถูกผนึกค้างเช่นสัตว์อสูรอื่น ๆ แต่ก็ไม่อาจเคลื่อนที่หลบหนีด้วยความเร็ว
ทุกสายตาจับจ้องไปยังมวลแสงที่แหวกท้องฟ้าออกมา ปรากฏเงาเลือนลางก่อตัวเป็นร่างของสิ่งมีชีวิต ก่อนที่จะล่วงหล่นลงมาจากรอยแยกของท้องฟ้า แต่ไม่ทันที่ร่างลึกลับจะหล่นลงถึงพื้น ร่างนั้นพลันฟื้นคืนสติได้เสียก่อน เหินลอยกลับขึ้นไปนิ่งค้างอยู่ที่กลางอากาศ
.
.
เสวี่ยหมิงที่ตอนนี้เดินทางมาถึงเมืองวิหคทอง รับรู้ถึงแรงกดดันที่กระจายออกมา จิตใจพลันตกวูบ อสูรร้ายที่ออกมาจากรอยปริแตกเฉียบพลันในครั้งนี้ พลังสูงส่งเกินกว่าที่เสวี่ยหมิงคาดไปลิบลับ พลังของมันสูงส่งเกินกว่าที่เสวี่ยหมิงจะต่อกรหรือหลบหนี
...หากจะไปให้ถึงทุกคนด้วยการเหินฝ่าไปแบบนี้คงไม่ทันการณ์แน่ เห็นทีคงต้องเสี่ยงดูสักตั้ง
ความคิดและความกังวลใจจบลง มิติเบื้องไกลพลันเปิดออก มวลแสงเข้มข้นก่อตัวเป็นลำจนมองเห็นได้อย่างถนัดตา แม้พลังลมปราณที่กระจายออกจะกดดันเสวี่ยหมิงให้ช้าลง แต่เต๋าแห่งมิติ กลับไม่ได้รับผลกระทบ ร่างของเสวี่ยหมิง กลืนหายลับเข้าไปในมิติที่เปิดออก เพียงพริบตาก็มาโผล่ที่ชายขอบป่าอสูร สายตาเหลือบขึ้นไปมองยังร่างที่กำลังเหินค้างอยู่กลางอากาศด้วยความตื่นตะลึง
...เป็นไปไม่ได้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนี้ ทำให้เสวี่ยหมิงรู้สึกปวดแปลบขึ้นที่ดวงตาข้างซ้าย ภาพเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน หวนกลับมาใสจิตสำนึกของตนเองอีกครั้ง...เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของเสวี่ยหมิงเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
"นางฟ้าในค่ำคืนนั้น ค่ำคืนที่เราได้รับดวงตาเทพมารบรรพกาล" เสวี่ยหมิงเอ่ยอย่างลืมตัวพลางใช้มือลูบแตะไปที่ดวงตาข้างซ้ายของตนเอง แม้วันนั้นจะเห็นหน้านางฟ้าผู้นี้ไม่ชัดนัก แต่เสวี่ยหมิงรับรู้ได้ว่าหญิงสาวงดงามสุดเปรียบผู้นี้...คือนางฟ้าคนเดียวกับเมื่อค่ำคืนนั้นไม่ผิดแน่
พี่เสวี่ยหมิง ระวัง !!!
เสวี่ยหมิง ระวัง !!!
เสียงตะโกนของหญิงสาวที่ยืนมองอยู่ด้านล่าง ตะโกนก้องไปทั่วทั้งป่าอสูร ทั้งสามล้วนใช้สายตาตื่นตกใจมองดูเสวี่ยหมิงในตอนนี้ สลับกับภาพของหญิงสาวปริศนาที่กำลังลอยค้างอยู่ตอนนี้ ในมือขวาของหญิงสาวปริศนาปรากฏกระบี่ไร้สภาพเล่มหนึ่งจ่อชี้ไปยังทิศทางของเสวี่ยหมิง
ดวงตาสีดำสนิทหมองเศร้า มองทอดไกลออกไป กระบี่ไร้สภาพยังไม่ทันใช้ออก ก็สะกดจนเสวี่ยหมิงมิอาจขยับเคลื่อนไหว แม้แต่มิติที่บิดผันไกลออกไปยังหยุดนิ่ง พลังของหญิงสาวได้ขึ้นไปถึงจุดที่ไม่มีผู้ฝึกตนบนพื้นปฐพีในตอนนี้จะเอื้อมไปถึง...ขอบขั้นบรรลุเซียน เป็นก้าวใหญ่ที่แตกต่างกับพลังระดับลมปราณสวรรค์อย่างสิ้นเชิง ระดับพลังฝีมือที่ถูกขนานนามว่าขอบเขตของ...ลมปราณจักรพรรดิ ซึ่งคำจักรพรรดิไม่เพียงแต่แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่เหนือผู้คน แต่ยังหมายถึงว่าระดับลมปราณที่ต่ำเตี้ยกว่า ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้าน เป็นพลังอำนาจในระดับสูงที่สุดของลมปราณ
เพียงแค่พลังลมปราณที่ทะลักออกจากการชี้กระบี่ตรงเข้าใส่ ก็เพียงพอจะสะกดการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ทุกคนบนโลกแห่งนี้ แต่หญิงสาวปริศนายังคงไม่หยุดยั้งเพียงแค่นี้
สัมผัสรับรู้ของเสวี่ยหมิงสั่นสะเทือนราวกับถูกทิ่มแทงด้วยสุดยอดศาสตราวิเศษโดยตรง รับรู้ราวกับว่าจิตวิญญาณภายในแหลกสลาย ทั้งที่ภายนอกหญิงสาวยังไม่มีการขยับใด ๆ แม้แต่น้อย และสิ่งที่เกิดเป็นเพียงการโจมตีทางมายาจิตของสภาวะกระบี่ ที่เสวี่ยหมิงพยายามจับจ้องเท่านั้น
วาสนาแห่งเต๋าของเสวี่ยหมิง แม้สูงส่งที่สุดในปฐพี แต่ยังไม่อาจรับรู้ว่าสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่คือสิ่งใด แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็พอจะทำให้เสวี่ยหมิงคาดได้ว่า สิ่งที่หญิงสาวใช้ออกนั้นคือ...เต๋าแห่งกระบี่
มารร้ายจากอเวจีจงสลายไปซะ !!!
ปากงามของหญิงสาวเผยอออกเพียงเล็กน้อย แต่เสียงที่ส่งออกมากลับก้องกังวานไปในจิตวิญญาณของผู้คนทั้งสี่โดยพร้อมเพรียง
อ่า กลายเป็นมารร้ายซะแล้ว เพราะดวงตารึป่าวน้อ