เนตรมารสะท้านฟ้า ()(จบ)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ กำลังภายใน Tags : กำลังภายใน, ลมปราณ, แฟนตาซี, ผจญภัย, ตื่นเต้น, สนุกสนาน, ความรัก, ปรุงยา, เทพเจ้า, มังกร, อสูร, นิยายจีน
ผู้แต่ง : MoMiMarChi
My.iD :
https://my.dek-d.com/MoMiMar/writer/
ตอนที่ 28 : เส้นทางของข้า
ตอนที่ 26
เส้นทางของข้า
เสียงกระดูกซี่โครงแตกหักลั่นอื้ออึง แต่ยังนับว่าโชคดีที่มีพลังความร้อนช่วยในการเยียวยา ทันทีที่ถูกชนปะทะเสวี่ยหมิงก็ไม่ลืมที่จะเคลื่อนพลังความร้อนเข้าสู่บริเวณสีข้างฝั่งขวาของตัวเอง ทำให้อาการบาดเจ็บที่กำลังลุกลามเชื่องช้าลง และหยุดนิ่งลงได้ทัน ก่อนที่แรงทำลายจะส่งผลถึงอวัยวะภายใน อาการบาดเจ็บแม้ไม่ลุกลาม แต่ความเจ็บปวดยังคงอยู่ เสวี่ยหมิงสูดหายใจลึก เส้นเลือดในดวงตาแตกพร่าจนปรากฏเป็นสีแดงเรื่อ แม้เจ็บปวดจนสุดทานทน แต่กลับไม่มีเสียงร้องออกมาแม้สักแอะ ความเด็ดเดี่ยวอยากเอาชนะของเสวี่ยหมิงในตอนนี้สูงส่งกว่าครั้งไหน ๆ ในชีวิต
ระหว่างที่เสวี่ยหมิงใช้พลังความร้อนรักษาตัวเองนั้นเป็นชั่วเสี้ยววินาทีเดียวกับที่เพิ่งถูกชนปะทะ แม้ร่างกายหลบเลี่ยงไปได้ส่วนใหญ่ แต่แรงกระแทกยังคงอยู่ ร่างของเสวี่ยหมิงลอยกระเด็นไปชนปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปอีกสิบกว่าวา หากไม่เพราะพลังความร้อนพิสดารในมีพัฒนาการขึ้นกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนพอสมควร ทำให้ความเจ็บปวด และอาการบาดเจ็บจากกระดูกหักก็ลดลงไปกว่าครึ่ง ตอนนี้เสวี่ยหมิงคงแพ้พ่ายไปเรียบร้อยแล้ว
แม้จะรักษาอาการบาดเจ็บหลักได้ แต่ความเชี่ยวชาญในการใช้พลังความร้อนสายนี้ของของเสวี่ยหมิงยังคงมีจำกัด ทำให้เสวี่ยหมิงควบคุมบังคับพลังงานขุมนี้ได้เพียงแค่จุดเดียว ทำให้บาดแผลที่แขนยังคงย่ำแย่ โดยเฉพาะแขนขวาที่โดนคมดาบจากนอของแรดยักษ์บาดเข้าอย่างจัง ปากแผลเปิดกว้างเป็นทางยาวเกือบสิบนิ้ว บางส่วนแผลเปิดจนเกือบจะถึงกระดูก เลือดสดไหลอาบจนแดงฉานไปทั่วทั้งแขน ส่วนแขนซ้ายแม้ได้รับบาดแผลเช่นกัน แต่เพราะอยู่อีกฝั่งของการปะทะ ทำให้มีเพียงบาดแผลถลอกทำให้ยังใช้การได้อยู่
การปะทะครั้งนี้สะท้อนให้เสวี่ยหมิงเห็นชัดถึงความเป็นจริง ว่าวิชาหมัดมวยอันอ่อนด้อยและร่างกายอันเป็นจุดแกร่งที่สุดของเสวี่ยหมิงในตอนนี้ ซึ่งได้รับจากวิชาบ่มเพาะการยาแห่งพระเจ้าขั้นที่ 1 นั้นไม่เพียงพอจะเอาตัวรอดจากเจ้าแรดนอดาบเต็มวัยตัวไปได้ บวกกับสถานที่นี้เป็นมิติปิด ไม่มีผู้ชมดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เสวี่ยหมิงตัดสินใจใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อเอาตัวรอด แม้จะไม่มั่นใจนัก แต่การเสี่ยงดูก็ไม่มีอันใดเสียหาย
หลังจากที่ร่างอันใหญ่โตของมันพุ่งไถลไปตามแรงส่ง ของทักษะท่าพุ่งชนสังหาร ในที่สุดร่างของแรดนอดาบก็หยุดลง ทำให้เมื่อมันหันกลับมาก็พบว่าตัวเองอยู่ห่างออกไปไกลจากจุดเดิมอีกกว่าร้อยวา สายตาดุร้ายจ้องมองร่างของเสวี่ยหมิงที่กำลังลุกขึ้นยืนในสภาพทุลักทุเล ดวงตาของแรดนอดาบแดงฉานด้วยความเกรี้ยวกราด เพราะมันมั่นใจว่าท่ากระแทกสังหารของมันน่าจะสังหารเหยื่อมนุษย์ ที่มีพลังแค่ระดับพื้นฐานลมปราณขั้นที่ 2 รายนี้ลงไปแล้ว แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทำให้แรดนอดาบระบายความโกรธาออกมา ด้วยการใช้สองเท้าหลังกวดกวาดพื้นจนเกิดเป็นหลุมกว้าง ฝุ่นผงที่ถูกขุดคุ้ยลอยฟุ้งไปทั่ว กลบร่างมหึมาของแรดนอดาบให้จมหายเข้าไปในม่านฝุ่นสีน้ำตาลสิ้น แต่แล้วควันสีขาวดุจเดิมก็ลอยแทรกออกมาตัดกับสีน้ำตาลอย่างเด่นชัด...มันกำลังตระเตรียมใช้ท่าพุ่งทะลวงเข้าใส่เสวี่ยหมิงให้อีกครั้ง
เสวี่ยหมิงไม่กล้ารั้งรอ เร่งใช้พลังงานความร้อนรักษาบาดแผลซี่โครงที่แตกหัก พลังงานร้อนยิ่งใช้งานยิ่งวิ่งไว จนตอนนี้เสวี่ยหมิงสามารถขยับเคลื่อนไหวได้บ้างแล้ว แม้จะเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ยังนับว่ามีขีดความสามารถเพียงพอที่จะหลบเลี่ยงการปะทะจุดตายไปได้ เสวี่ยหมิงจึงได้หยุดใช้พลังงานความร้อนในการรักษาต่อไป แต่กลับปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนลวกออกมาห่อหุ้มแขนซ้ายที่ยังคงขยับเคลื่อนไหวได้แทน
การโจมตีด้วยท่าไม้ตายพุ่งทะลวงในครั้งแรกของเจ้าแรดนอดาบ ทำให้เสวี่ยหมิงจับสังเกตได้ว่าแม้ท่าร่างของเจ้าแรดขนาดมหึมาจะว่องไวจนไม่อาจหลบหลีก แต่ยังสามารถคาดเดาทิศทางของการโจมตีได้ในจังหวะสุดท้าย ซึ่งโดยหลักการนั้นไม่ต่างจากหมัดเดี่ยวทะลวงร่างของเพลงมวยสกุลหย่งซักเท่าไหร่นัก ทำให้เสวี่ยหมิงหมายจะใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้ตอบโต้กลับไป แม้ด้วยความเร็วที่แตกต่างกันของเสวี่ยหมิงและแรดนอดาบในตอนนี้ จะเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ การเสี่ยงดูจึงอาจจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุด เพราะต่อให้เสวี่ยหมิงพลาดไปก็เพียงแค่แพ้พ่าย...หาได้พบกับความตายที่แท้จริง
เจ้าแรดนอดาบวิ่งตะบึงเข้าใส่เสวี่ยหมิงอีกครั้ง จนเข้าระยะยี่สิบวา เจ้าแรดก็พลันเร่งความเร็วขึ้นในชั่วพริบตาเช่นเดียวกับในครั้งแรก เสวี่ยหมิงที่ตั้งสมาธิอยู่จ้องเขม็งไปยังแรดนอดาบที่พุ่งเข้าใส่ แต่แล้วจู่ ๆ เรื่องไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น ดวงตาซ้ายซึ่งซุกซ่อนความลับที่เสวี่ยหมิงเองก็ยังไม่เข้าใจ พลันเปิดเผยความสามารถอีกส่วนของมันออกมาโดยบังเอิญ รอยจางสีแดงสดพลันปรากฏขึ้นที่ใต้ท้องของแรดนอดาบ เมื่อรอยจางสีแดงนั้นปรากฏขึ้น เสวี่ยหมิงก็สัมผัสรู้ได้โดยอัตโนมัติว่ารอยจางสีแดงที่ปรากฏนั้นคือจุดอ่อนของเจ้าอสูรยักษ์ที่มีผิวหนังแข็งแกร่งยิ่งกว่าหินผา
แต่เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นกะทันหันจนเกินไป เป็นผลให้เสวี่ยหมิงเสียสมาธิไปชั่ววูบหนึ่ง
การต่อสู้เป็นตาย เพียงชั่วเสี้ยวกระพริบยังอาจนำมาซึ่งเภทภัยใหญ่หลวง แต่เพราะความมุ่งมั่นที่ถูกสถานการณ์เคี่ยวกรำจนเกินขีดจำกัด ทำให้ความสามารถในตัดสินใจของเสวี่ยหมิงพลันยกระดับขึ้นโดยมิรู้ตัว ชั่วพริบตาก่อนที่ส่วนหัวมหึมาของแรดนอดาบจะเคลื่อนเข้าใกล้ เสวี่ยหมิงพลันสะบัดร่างบอบช้ำหันหลังกลับ ใช้แรงเหวี่ยงส่งร่างซีกขวาเข้าปะทะชนกับแรดนอดาบ เลือดเนื้อฉีกขาด แขนขวาถูกกระชากหลุด แต่เพราะสติที่มุ่งมั่นบังคับพลังความร้อนสมานรอยแผลที่เกิดขึ้น ไม่ให้เลือดไหลหลั่งออกมามากเกินจนสิ้นสติ เปลวเพลิงทั้งรักษาอาการ และเผาไหม้บาดแผลไปพร้อม ๆ กัน จนเกิดเสียงดัง...ชี่ ชี่...อื้ออึงอยู่ที่ข้างหูของเสวี่ยหมิงตลอดเวลา เหงื่อเม็ดโป้งพลันรินหลั่งไม่หยุด ดวงตาของเสวี่ยหมิงเริ่มพร่าเลือน ปากแดงกลายเป็นขาวซีดสั่นไหว ร่างส่วนบนของเสวี่ยหมิงโงนเงนไปมา เสวี่ยหมิงรู้ดีว่าหากว่าล้มลงนอนเมื่อใด การทดสอบย่อมจบลงในวินาทีเดียวกันนั้น
ฉูด...! เลือดสดพลันฉีดพุ่งออกจากริมฝีปากร่างทันทีที่เสวี่ยหมิงขบกัด ความเจ็บปวดชั่วแล่น เรียกสติที่ใกล้มอดให้แจ่มชัดขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นภายในข่ายอาคมมายาครั้งนี้ จึงสะท้อนความคิดที่ซุกซ่อนอยู่ในเบื้องลึกจิตวิญญาณของเสวี่ยหมิง ซึ่งหลับใหลตอลดมาให้ฟื้นขึ้น
การตัดสินใจเสียสละแขนขวา เพียงเพื่อรักษาอาวุธชิ้นสุดท้ายเอาไว้หมายตอบโต้กลับคืน การกัดปากเพื่อเรียกสติแม้เพียงเล็กน้อย การทุ่มเทสุ่มเสี่ยงทุกสิ่งเพื่อชัยชนะ จึงเป็นนิสัยที่แท้จริงของเสวี่ยหมิง
...เนื้อแท้ที่ยืนยันว่าแม้ตกตายก็มิยอมแพ้พ่าย ความเจ็บปวดแม้รุนแรง แต่ไฟแห่งความเกลียดชังนั้นยังเหนือล้ำยิ่งกว่า เขาจะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับหลี่เปียว เสวี่ยหมิงจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้ใดที่คิดร้ายกับตัวเองอีก
เส้นทางแห่งการฝึกตนเฉพาะของเสวี่ยหมิงพลันก่อร่างขึ้นทีละน้อย เป็นเส้นทางของผู้ต่อต้านอำนาจที่เหนือกว่า อำนาจอันมิชอบและเป็นปฏิปักษ์ ล้วนก่อเกิดเป็นเส้นทางของราชันผู้ที่ยินยอมรับความตายมิยอมก้มหัวให้กับใคร...ราชันผู้ยิ้มเย้ยให้กับโชคชะตาอันบิดเบี้ยว
เสวี่ยหมิงรู้ดีว่าสติที่ได้กลับคืนมานั้น จะคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก ทำให้ทุกการกระทำของเขาต้องแข่งกับเวลา แต่เมื่อเขาสูดลมหายใจลึกเข้าไป ครึ่งร่างซีกขวาก็ปวดร้าวราวกับถูกมีดนับร้อยเล่มกรีดแทงเข้าพร้อม ๆ กัน เหงื่อเย็นหลั่งไหลจนทั้งร่างเริ่มสั่นสะท้าน ดวงตาที่พร่าเลือนพยายามจ้องเขม็งไปยังแรดนอดาบที่กำลังตั้งท่าจู่โจมอีกครั้ง สองเท้าแม้อ่อนล้าจนแทบจะล้มพับลงในทุกขณะ พลันถูกกระตุ้นด้วยเพลิงไฟแห่งความดื้อรั้นที่ลุกโชติขึ้นครั้งสุดท้ายก่อนมอดดับ เสวี่ยหมิงฝืนสะกดทุกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น กระทืบเท้าลงบนพื้นดินจนยุบตัว แขนซ้ายที่เหลือเพียงข้างเดียวแม้ตั้งมั่นได้อย่างทุลักทุเล แต่ยังคงยกเชิดขึ้นมาได้เสมออก เปลวเพลิงร้อนลวกหาได้ใช้เพื่อการรักษาเยียวยา แต่กลับปล่อยรั้งออกมาที่แขนซ้ายของเสวี่ยหมิงจนหมดสิ้น ด้วยจิตและสมาธิอันมุ่งมั่นในครานี้ของเสวี่ยหมิง เปลวเพลิงสีแดงสดลุกโหมรุนแรงกว่าทุกครา คล้ายกับมันรับรู้ความคิดของผู้เป็นนาย เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มแขนซ้ายของเสวี่ยหมิงพลันแปรเปลี่ยนกลับกลาย จากเปลวไฟไร้รูป ค่อย ๆ ก่อตัวจนมีรูปร่างคล้ายปีกแห่งเปลวเพลิง ปีกสีแดงสดสยายออกปกคลุมครึ่งร่างซีกซ้ายของเสวี่ยหมิงเอาไว้
เสียงพื้นดังสนั่นสั่นไหว ทุกย่างก้าวที่แรดนอดาบเคลื่อนเข้าใกล้ แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจนสุดรั้ง แต่สมาธิของเสวี่ยหมิงกลับแน่วแน่ เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นอยู่...เสียงของมันแผ่วเบาจนแทบจะหยุดนิ่ง เสียงลมที่พัดผ่านร่างไป...ชัดเจนราวกับจะจับต้องได้ เสียงของเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อาบไล้แขนซ้าย และแน่นอนเสียงแรดนอดาบที่กำลังเคลื่อนตรงเข้ามา
...30 วา
...25 วา
...22 วา
...20 วา ทันทีที่เข้าสู่ระยะโจมตี เสียงของแรดนอดาบก็พลันหายไป เท้าของมันลอยห่างขึ้นเหนือพื้น แม้เพียงชั่วเสี้ยวลมหายใจ แต่เสวี่ยหมิงก็รับรู้ได้ ร่างกายที่อ่อนล้าพลันไถลตัวล้มลงไปตามหลุมกว้างที่กระทืบทำลายเอาไว้ก่อนหน้า
แรดนอดาบที่พุ่งทะลวงจนสุดรั้งไม่อาจพลิกเปลี่ยนได้อีก เสวี่ยหมิงล้มตัวลงนอนราบในหลุมกว้าง นอดาบอันคมกริบที่หมายผ่าแยกร่างศัตรูให้ขาดออกเป็นสอง...พลันพลาดเป้าในวินาทีสุดท้าย
ทันใดนั้นร่างที่อ่อนยวบของเสวี่ยหมิงพลันฟื้นตื่น ดวงตาที่ริบหรี่จนใกล้ปิดพลันเบิกอ้า เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดใช้เพื่อยกชูแขนซ้ายที่เหลืออยู่ข้างเดียวให้ตั้งตรงชูเด่นขึ้น แขนซ้ายที่แผ่พุ่งด้วยเปลวเพลิงร้อนแรงพลันแทงทะลุจุดตายอันอ่อนนิ่มของแรดนอดาบ จนแขนซ้ายจมเข้าไปในร่างของมันเกือบครึ่งท่อน แรงกระชากที่เกิดจากท่าพุ่งทะลวงยังคงผลักร่างยักษ์ให้เคลื่อนตัวไปยังด้านหน้าอย่างมิอาจหยุดยั้ง ส่งให้แขนที่ตั้งมั่นฉีกผ่าท้องของแรดนอดาบออกเป็นสองส่วน อวัยวะภายในที่อัดแน่นไปด้วยเลือดล้วนทะลักล้นออกมา อาบร่างขาวซีดของเสวี่ยหมิงจนชุ่มโชก แต่การโจมตีสุดท้ายของเสวี่ยหมิงกินเรี่ยวแรงจนเกินไปเช่นกัน สติของเสวี่ยหมิงจึงพลันหลุดลอยออกไป พร้อมกับเปลวเพลิงที่มอดดับลง
.
.
ภายในห้องผู้เข้าทดสอบอีก 9 คน ล้วนพ่ายแพ้หมดสิ้น มีเพียงแค่เสวี่ยหมิงคนเดียวเท่านั้นที่ยังรั้งอยู่ ทำให้แม้แต่ปู้เจินก็เดินออกมาชมดู ว่าผู้เข้าทดสอบคนสุดท้ายจะผ่านการทดสอบไปได้หรือไม่ จื่อฮุยเองแม้ยืนด้วยอาการสงบนิ่ง แต่ในใจล้วนหนักอึ้งจับจ้องไปที่ก้านธูปยาว ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงอีกนิดเดียวเท่านั้น ก็จะครบกำหนดเวลาที่สำนักมังกรฟ้าตั้งเอาไว้
ฝั่งของหลี่เปียวเองก็ลุ้นอยู่ไม่แพ้กัน เพียงแต่มันกลับกำลังลุ้นให้เสวี่ยหมิง ลืมตาฟื้นขึ้นก่อนก้านธูปจะหมดดอก และตกรอบในการทดสอบครั้งนี้ไปซะ
"นั่นมัน"จู่ ๆ ผู้เข้าทดสอบที่เพิ่งตกรอบก็เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแสงกระพริบถี่รัว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเสวี่ยหมิงกำลังจะพ่ายแพ้ ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่อักขระซึ่งกระพริบแสงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ สลับไปกับก้านธูปที่จวนเจียนจะมอดดับ
หลี่เปียวจ้องมองดูบนข่ายอาคมตาไม่กระพริบจนลืมหายใจ ในวินาทีนั้นเองหลี่เปียวก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังอย่างลืมตัว "มันลืมตาแล้ว !!!" สีหน้ายินดีสุดระงับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่เปียวและพรรคพวก แต่จื่อฮุยกลับมีสีหน้าผิดหวังและท้อแท้ มีเพียงแค่ผู้อาวุโสปู้เจินเท่านั้น ที่ยังคงจ้องเขม็งไปยังแท่นอาคม
****ปล.ตอนนี้ลงให้ยาวเป็นพิเศษ หวังว่าจะถูกใจผู้อ่านทุกท่านนะครับ
ส่วนเรื่องเนื้อเรื่องก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะกว่าพระเอกจะออกผจญภัยได้(เนื้อเรื่องจะเป็นอีกแบบ) ก็ T T อีกยาวนานทีเดียว แรก ๆ มันก็จะวน ๆ อยู่แต่อุปสรรคอะครับ เพราะทุกอุปสรรคที่ผ่านได้ ตัวเอกก็จะเก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ อะครับ อย่าเพิ่งหนีกันไปก่อนนะ ^ ^ ขอบคุณที่คอมเม้นท์กันด้วยนะครับ เรื่องนี้ไรท์คงปรับวิธีเขียนไม่ทัน แต่ได้ประสบการณืเอาไว้ร่างพล็อตเรื่องต่อ ๆ ไปครับ
และที่สำคัญไม่มีคนเอะใจซักคนเหรอ
มันต้องมีคนที่สังเกตุเห็นความผิดปกติบ้าง
สาธยายซะยืดยาว เนื้อมีแค่
กะจิ๊ดริด ความเป็นจริงจะมีใคร
คิดเยอะขนาดนั้น