เนตรมารสะท้านฟ้า ()(จบ)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ กำลังภายใน Tags : กำลังภายใน, ลมปราณ, แฟนตาซี, ผจญภัย, ตื่นเต้น, สนุกสนาน, ความรัก, ปรุงยา, เทพเจ้า, มังกร, อสูร, นิยายจีน
ผู้แต่ง : MoMiMarChi
My.iD :
https://my.dek-d.com/MoMiMar/writer/
ตอนที่ 25 : สะเทือน
ตอนที่ 23
สะเทือน
หลังจากหมัดแรกผ่านไป เสวี่ยหมิงก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าเจ้าศิลาทดสอบ อันนี้มีสิ่งผิดปกติแอบแฝงอยู่ ซึ่งสิ่งผิดปกตินั่นต้องเกี่ยวพันกับหลี่เปียว และพรรคพวกของมันอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเจ็บใจแต่การทดสอบก็ต้องดำเนินต่อไป การกระทำของหลี่เปียว ยิ่งยืนยันความไม่ยุติธรรมในโลกที่ผู้แข็งแกร่งและมีอำนาจ เป็นผู้กำหนดทุกสิ่งต่อเสวี่ยหมิง และในส่วนลึกของจิตใจเสวี่ยหมิงก็เริ่มมีแรงต้านต่อกฎเกณฑ์ของโลกนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามไปด้วย
แม้จะเป็นการทดสอบครั้งที่สอง แต่เสวี่ยหมิงก็ยังคงไม่เสี่ยงที่จะทุ่มเทพลังทั้งหมดในการโจมตี เพราะยังไงการโจมตีของเขาก็ห่างจากเกณฑ์ที่น้ำหนักหมัด 1000 จิน อีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ทำให้เสวี่ยหมิงตัดสินใจที่จะใช้ท่าหมัดเดี่ยวทะลวงร่างอีกครั้ง แต่ครานี้เขาตั้งใจและปล่อยหมัดออกไปจนสุดรั้ง
หมัดที่สองของเสวี่ยหมิงรุนแรงกว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด ขนาดท่าเท้าที่เพิ่งจะตั้งมั่น ยังทรงพลังขนาดที่กระทืบพื้นเวทีแตกจบยุบลงไปเกือบ 6 หุน พื้นที่แตกยุบส่งเสียงลั่นออกมาราวกับถูกค้อนใหญ่ทุบทำลาย หมัดเดี่ยวทะลวงร่างหมุนควงจนเกิดเสียงหวีดดัง
หลี่เปียวเบิกตากว้างมองดูด้วยใจริษยาและอาฆาต เหล่าสมุนที่ติดตามมาของมันล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง ใครจะเชื่อว่าผู้ฝึกตนระดับลมปราณพื้นฐานขั้นที่ 2 จะมีพลังหมัดรุนแรงเช่นนี้ หากว่าพวกมันไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง แต่มีผู้อื่นมาบอกกล่าว มันคงได้แต่ทุ่มเถียงว่าคนผู้นั้นเสียสติไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
หมัดที่หมุนควงตรงกระแทกเข้ากลางศิลาทดสอบ ทุกอย่างก็คล้ายกับคราแรก หมัดถูกพลังงานบางอย่างดูดซับออกไป ตัวเลขวิ่งไวในตอนต้น และชะลอลงเมื่อเกินกว่า 500 จิน ไม่ต่างไปจากครั้งแรก แต่น้ำหนักหมัดกลับไปหยุดอยู่ที่ 992 จิน ซึ่งก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์เช่นเดิม
เสียงถอนหายใจของหลี่เปียวดังขึ้น ในจังหวะเดียวกับที่ตัวเลขบนแป้นทดสอบหยุดนิ่งสนิทก่อนที่เสียงหัวเราะร่าจะดังตามมา
เสวี่ยหมิงไม่จำเป็นต้องหันไปชำเลืองมองก็พอจะเดาได้ว่าต้นตอของเสียงมาจากผู้ใด แต่ที่เขาไม่หัวร้อน แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว หรือกระทั่งร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายเอาความไปฟ้องร้อง เพื่อขอความเห็นใจจากผู้คน เป็นเพราะว่าในอดีตที่ผ่านมาเสวี่ยหมิงเป็นผู้ถูกกระทำเสียส่วนใหญ่ ในตระกูลหย่งผู้คนต่างทำดีกับเสวี่ยหมิง เพียงเพราะเขาถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะในวัยเด็ก หรือไม่ก็มีปู่เป็นผู้นำตระกูล แต่เมื่อสถานะนั้นค่อย ๆ จางหายไปทุกอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในดวงตาเสแสร้งเหล่านั้นก็ค่อย ๆปรากฏชัดออกมา จนถึงจุดยุติคือการจากไปของมารดา ทำให้เสวี่ยหมิงตั้งมั่นว่าจะไม่ร้องขอความเห็นใจจากใครอีก ยิ่งหลังจากที่ได้รับพลังที่สูญหายคืนกลับมา เสวี่ยหมิงยิ่งยืนยันแน่วแน่กับตัวเองว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้น และจะไม่ยอมแพ้พ่ายต่ออุปสรรคใด ๆ ที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางของการฝึกตนอีก
...อืม เห็นทีข้าคงจำเป็นต้องแสดงพลังที่มีทั้งหมดเสียแล้ว หากยังไม่อาจเอาชนะกลโกงนี้ได้อีก คงต้องโทษตัวเองที่อ่อนแอจนเกินไป
เสวี่ยหมิงหาได้สนใจเสียงจอแจที่ด้านล่างเวที เขาหลับตาลงอีกครั้ง ความร้อนสายหนึ่งปรากฏอุ่นระอุอยู่ที่หน้าอก ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวไหลมายังแขนขวา แต่ครานี้กลับไม่เกิดเปลวไฟขึ้น เพราะตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แม้เสวี่ยหมิงไม่ได้ฝึกฝนพลังเพลิงร้อนสายนี้ แต่ในระหว่างที่เขาเดินลมปราณมันก็จงใจเผยตัวออกมา และว่ายเวียนไปตามกระแสโลหิตของเขาอยู่ตลอดเวลา จนเสวี่ยหมิงคุ้นชินกับมัน ทำให้เขาเริ่มจะเข้าใจวิถีของเจ้าพลังงานร้อนสายนี้ และสามารถที่จะควบคุมบังคับมันได้มากยิ่งขึ้น
แม้เปลวเพลิงมิได้ปรากฏ แต่ท่อนแขนขาวก็เริ่มที่จะปรากฏสีแดงฉานขึ้น โลหิตที่วิ่งวนอยู่ในแขนขวาระอุเดือด เสวี่ยหมิงใช้สายตาที่มาดมั่นจ้องไปยังศิลาทดสอบ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกจนเต็มปอด ขาขวาปักหลักมั่นก่อนจะก้าวเท้าซ้ายสืบเข้าไปที่ด้านหน้าอย่างแผ่วเบาแตกต่างจากทุกคราที่ผ่านมา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสวี่ยหมิงแวบหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เคียดขึงจริงจัง หมัดตรงที่ใช้มิได้หมุนควงเช่นคราก่อน ทันทีที่หมัดขวาถูกดึงชักกลับไปยังเบื้องหลัง อากาศโดยรอบเกิดเป็นไอร้อนระเหยจนบิดเบี้ยวไปมา
เสวี่ยหมิงตะโกนคำ...ทำลาย ! ออกมาพร้อมเหวี่ยงหมัดออกไปเบื้องหน้า เสียงแตกระเบิดดังสะเทือนไปทั่ว จนสนามทดสอบทั้งยี่สิบห้าสนามล้วนหันมามองยังต้นกำเนิดเสียงกันเป็นตาเดียว
.
.
.
...ย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้า
ทันทีที่หมัดที่สองของเสวี่ยหมิงไม่อาจผ่านเกณฑ์การทดสอบ จื่อฮุยก็เดินทางมาถึงเบื้องหน้าผู้อาวุโสของสำนักมังกรฟ้า ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมการทดสอบให้เป็นไปอย่างราบรื่น และบริสุทธิ์ยุติธรรม
"คารวะผู้อาวุโสปู้เจิน" เพราะจื่อฮุยนั้นเป็นลูกหลานของเจ้าเมืองหยกม่วง การที่เคยพบปะกับผู้อาวุโสของสำนักมังกรฟ้าอยู่ก่อนจึงหาใช่เรื่องแปลก
ผู้อาวุโสพยักหน้ารับ "นายน้อยจื่อฮุย ท่านทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่ง หากข้าจำไม่ผิดผลงานของท่านในปีนี้ ยังเหนือล้ำกว่าลูกพี่ลูกน้องตระกูลจื่อของท่านเสียอีก"
"ขอบคุณท่านผู้อาวุโสปู้เจินที่กล่าวชม แต่ผู้น้อยมีเรื่องจะแจ้งครับ" แม้จื่อฮุยจะรู้สึกดีที่ได้รับคำกล่าวชื่นชม แถมยังระบุว่าเขานั้นเหนือกว่าจื่อเจียง แต่เวลานี้สิ่งเรื่องที่เขาร้อนใจนั้นสำคัญกว่า
"มีอันใดเร่งร้อน ก็กล่าวออกมาเถิด" ผู้อาวุโสปู้เจินกล่าวตอบด้วยความสุขุม
"บนเวทีที่ยี่สิบห้า ข้าพบเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นครับ" จื่อฮุยเอ่ยออกมาตรง ๆ โดยไม่มีการอ้อมค้อม
"อืม เวทีที่ยี่สิบห้า" ผู้อาวุโสปู้เจินใช้ความคิดครู่หนึ่ง "ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครผ่านการทดสอบได้เลย" แม้จะรับฟังคำกล่าวของจื่อฮุยผ่านหู แต่หาได้เกิดความสงสัยขึ้น เพราะในบางปีบางเวทีก็หาได้มีผู้ที่ผ่านการทดสอบเลย ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว "แล้วมันผิดปกติ..."
ยังไม่ทันที่คำกล่าวของผู้อาวุโสปู้เจินจะจบประโยค เสียงดังสนั่นจากเวทีที่ 25 ก็เกิดขึ้นเสียก่อน ผู้อาวุโสปู้เจินขมวดคิ้วขาวเข้าหากัน จับจ้องไปยังที่มาของเสียง เช่นเดียวกับจื่อฮุยที่กำลังสับสนอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเขามั่นใจว่าผู้ที่ยืนอยู่บนเวทีในตอนนี้ต้องเป็นเสวี่ยหมิงอย่างแน่นอน
แต่ความเร็วของเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ทำให้ทั้งสองที่อยู่ห่างออกมา ไม่ทันได้รับรู้เรื่องราวตั้งแต่ต้น เมื่อหันกลับไปก็พบเพียงศิลาทดสอบในสนามที่ 25 ล้วนแตกระเบิดออกจนเป็นผุยผง สุดท้ายเมื่อฝุ่นควันจางลงมาก็ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มผู้เข้าทดสอบคนหนึ่งยืนจังก้าอยู่บนเวที...หลงเสวี่ยหมิง
จื่อฮุยที่เห็นชัดว่าเสวี่ยหมิงเป็นผู้ที่ทำให้ศิลาแตกระเบิด จื่อฮุยก็เผยอยิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว แม้ว่าจื่อเจี้งจะพยายามปลูกฝังนิสัยของจื่อฮุยให้ลึกซึ้งซับซ้อน แบบเดียวกับที่เขาเป็น แต่ด้วยวัยที่ยังอ่อนเยาว์ต่อเรื่องราวทางโลก การคบหาของจื่อฮุยกับสหายคนแรก ซึ่งจื่อเจิ้งเป็นผู้พิเคราะห์แนะนำ หวังว่าจะให้เป็นดั่งมือเท้าของจื่อฮุยในอนาคต กลับเกิดเป็นดั่งน้ำใสใจจริงขึ้นมาเสียก่อน
"นายน้อยจื่อ..."เสียงของผู้อาวุโสปู้เจินดังขึ้น ทำให้จื่อฮุยหันกลับมา "ขอบใจที่ท่านนำเรื่องราวมาแจ้ง ข้าว่าที่สนามยี่สิบห้าศิลาทดสอบน่าจะมีปัญหาจริง ๆ จึงเกิดระเบิดขึ้น" คำพูดของผู้อาวุโสปู้เจินทำเอาจื่อฮุยอ้าปากค้าง "เห็นทีข้าคงต้องลงไปคุมการทดสอบที่นั่นเองเสียแล้ว" กล่าวจบผู้อาวุโสปู้เจินก็ทะยานพุ่งไปยังสนามทดสอบที่ 25 ในพริบตา
ปล่อยให้จื่อฮุยยืนกุมขมับตัวเอง ที่บันไดหน้าทางเข้าเขตชั้นในของสำนักมังกรฟ้าแต่เพียงลำพัง
****ปล.ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตตามนะครับ ถ้า...ยอด Fav.ถึง 1000 เมื่อไหร่ไรท์จะลงเพิ่มให้อีกหนึ่งตอนนะครับ เพื่อฉลองอาการดีใจของตัวเอง ^ ^
11 ความคิดเห็น