เนตรมารสะท้านฟ้า ()(จบ)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ กำลังภายใน Tags : กำลังภายใน, ลมปราณ, แฟนตาซี, ผจญภัย, ตื่นเต้น, สนุกสนาน, ความรัก, ปรุงยา, เทพเจ้า, มังกร, อสูร, นิยายจีน
ผู้แต่ง : MoMiMarChi
My.iD :
https://my.dek-d.com/MoMiMar/writer/
ตอนที่ 19 : ตกกระไดพลอยโจน
ตอนที่ 18
ตกกระไดพลอยโจน
"ขอบคุณผู้อาวุโสที่เอ่ยชม" เฟยเซียงหยิบกระดาษขึ้นมาขีดเขียนบางสิ่ง ทำเอาหัวใจของเสวี่ยหมิงเต้นระส่ำ เพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่าหญิงงามตรงหน้าจะมาไม้ไหน "เฟยเซียง รู้สึกชื่นชมในฝีมือของท่านผู้อาวุโสอย่างยิ่ง แม้เฟยเซียงจะเคยได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาปรุงยามาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยพบผู้ปรุงยามากฝีมือถึงขนาดที่ปรุงกลั่นโอสถธาตุระดับมนุษย์ขั้นกลางมาก่อน" ทุกคำพูดล้วนกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาน แต่หาได้ให้ความรู้สึกในเชิงชู้สาว แต่เป็นในแนวทางเคารพนับถือเสียเจ็ดส่วน อีกสามส่วนล้วนเป็นนำเสียงทรงเสน่ห์แต่กำเนิดของตัวนางเอง
"อืม..."เสวี่ยหมิงไม่กล้าเอ่ยคำใด เพียงส่งเสียงครางรับในลำคอ พลางพยักหน้าอีกสองสามครา
"บังเอิญว่าเมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์ที่เฟยเซียงเคารพได้ออกเดินทางไปแดนไกล กว่าจะกลับมาก็อีกหลายเดือน แต่เฟยเซียงล้วนเกิดข้อข้องใจในเรื่องราวการปรุงยาเสียก่อน จึงอยากจะเรียนถามข้อสงสัยที่ติดขัด"เอ่ยถึงตรงนี้น้ำเสียงของเฟยเซียงก็พลันเปลี่ยนเป็นออดอ้อนน่าสงสาร "ไม่ทราบว่า...ผู้อาวุโสจะช่วยชี้แนะให้ความกระจ่างแก่เฟยเซียงได้หรือไม่"
...งานเข้าแล้วไหมละเสวี่ยหมิง ไอ้อาจารย์เวรนั่นก็ประไร ดันมาเดินทางไกลเอาตอนนี้วะ ทีนี้จะเอายังไงดี
เสวี่ยหมิงลอบสูดหายใจลึก "เชิญแม่นางเฟย"
...เอาวะในเมื่อเงินยังมาไม่ถึง ก็คงต้องถูไถไปก่อน
เฟยเซียงนั้นหาได้สนใจในเรื่องราวธุรกิจการค้าของบิดาตัวเองนัก แต่ก็ยังคงปฏิบัติตนในฐานะบุตรธิดาที่ดี ออกหน้าใช้ความสามารถช่วยเหลือการค้าขายของบิดาในบางครั้งคราว ตามแต่ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยมิเคยอิดออด ซึ่งด้วยความสามารถและปฏิภาณไหวพริบของเด็กสาว รวมถึงความงดงามปานล่มเมืองของเจ้าตัว ก็ช่วยให้ทุกภารกิจที่บิดาฝากฝัง ล้วนลุล่วงด้วยดีในทุกครา
แต่ในครานี้นั้นแตกต่าง แย้มยิ้มในครานี้ที่เฟยเซียงส่งให้เสวี่ยหมิง กลับหาใช่แย้มยิ้มปั้นแต่งเช่นทุกภารกิจที่ผ่านมา เพราะเฟยเซียงนั้นหมกมุ่นในมรรคาแห่งการปรุงกลั่นยาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้รู้ว่าภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับผู้ปรุงยา เจ้าตัวจึงเร่งรีบเดินทางมายังหอไม้ดำในทันที
แย้มยิ้มของเฟยเซียงครานี้ ราวกับยิ้มของทารกน้อยที่ได้ของเล่นใหม่ ล้วนกระชากขวัญของเสวี่ยหมิงจนแทบจะเตลิดออกจากร่าง เหม่อมองดูเฟยเซียงด้วยสายตาตะลึงค้าง กว่าจะรู้สึกตัวก็ผ่านไปร่วมสองลมหายใจ เสวี่ยหมิงจึงได้แต่หลุบสายตาลงต่ำ ยังดีว่าเฟยเซียงยังคงมุ่งมั่นกับกระดาษขาวตรงหน้า จึงหาได้เห็นใบหน้ายามเหม่อมองของเสวี่ยหมิงเมื่อครู่
เพียงชั่วไม่กี่ลมหายใจ เฟยเซียงก็เงยหน้าขึ้น พร้อมยื่นส่งกระดาษเขียนข้อความในมือยื่นส่งให้เสวี่ยหมิง
เสวี่ยหมิงที่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว ก็รักษามาดราวกับผู้คงแก่เรียนอันเคร่งขรึม รับกระดาษขาวมาชมดู โดยไม่ได้เหลือบแลสายตางามซึ้งของเฟยเซียงที่ส่งมาให้แม้แต่น้อย
เสวี่ยหมิงมองดูกระดาษขาวตรงหน้า ด้วยท่าทีสงบนิ่ง หาได้แสดงอาการพิรุธแม้แต่น้อย
...หลินจือสามชั่งสกัดออกเอาเพียงตัวยา ผสมรวมดอกสายรุ้ง แล้วใส่ผงเร่งเผารวมกันในเตาหลอม โดยใช้เปลวไฟร้อนจากถ่านไม้แดง ก่อนเติมสารน้ำที่สกัดจากหญ้าน้ำค้างแข็ง สัดส่วนตามตำรา เหตุใดยามที่สกัดออกมา ตัวยาจึงไม่ได้ผลบริสุทธิ์สูงตามที่ต้องการ รวมถึงเวลาที่ควรใช้จริง ๆ ควรจะช้าหรือเร็วกว่าที่ตำราเอ่ยไว้...
เฟยเซียงเขียนข้อติดขัดจริง ๆ ที่เธอพบเจอ และเป็นเพียงบทปรุงยากระตุ้นปราณขั้นพื้นฐานเท่านั้น เพราะเธอเชื่อว่าด้วยระดับของนักปรุงยาที่สามารถปรุงกลั่นโอสถธาตุได้ถึงระดับมนุษย์ขั้นกลาง การจะปรุงกลั่นยากระตุ้นปราณให้ได้ความบริสุทธิ์เกินกว่า 85 เปอร์เซ็นต์นั่นหาใช่เรื่องยากเย็น เพียงแต่เสวี่ยหมิงหาได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการปรุงยาแม้แต่น้อย
เสวี่ยหมิงแอบร้องคร่ำครวญในใจ เขาหาได้รู้จักวัตถุดิบที่เฟยเซียงเขียนมาให้แม้แต่ตัวเดียว บวกกับเรื่องเวลาตั้งไฟอะไรนั่นยิ่งแล้วใหญ่ แต่ในเมื่อตกกระไดพลอยโจนกับสิ่งที่ตัวเองเอ่ยเอาไว้ รวมถึงเงินทองจากการซื้อขายก็ยังมิได้รับ คงต้องอาศัยคารมล่อหลอกที่คิดขึ้นจากอากาศธาตุ เพื่อถูไถเอาตัวรอดให้ได้เสียแล้ว
...เอาไงเอากันลองผสม ๆ เรื่องการฝึกตนเข้าไป พูดให้คลุมเครือเข้าไว้น่าจะผ่านไปได้
"อันว่าวัตถุดิบนั้นตายตัว ตำราก็ตายตัว แต่คนล้วนเป็นของจริง ดังนั้นมิอาจยึดเพียงตำรา" เสวี่ยหมิงเอ่ยพลาง ชำเลืองมองดูสีหน้าของเฟยเซียนพลาง เพราะเขาคิดว่าหากเอ่ยอันใดผิดมากจนเกินไป จะได้จับสังเกตจากสีหน้าของเฟยเซียนได้ "ส่วนเรื่องเวลา...เวลาเร็วคือช้า ช้าคือเร็ว หาได้สำคัญไม่ ล้วนปล่อยให้เคลื่อนคล้อยไปตามธรรมชาติ" เสวี่ยหมิงยกอ้างมั่วซั่ว ปนเปตามบทคัดของวรยุทธ์ต่าง ๆ ที่เคยผ่านตา เอามาผสมปนเปกัน เมื่อเอ่ยจบก็ส่งกระดาษขาวคืนกลับสู่มือของเฟยเซียน
เฟยเซียนที่ได้ฟัง แม้ยังคงสับสนและไม่เข้าใจ แต่หาได้โต้แย้ง เพราะคิดว่าสิ่งที่เสวี่ยหมิงเอ่ยออกมานั้น ลึกล้ำเกินกว่าขอบเขตความรู้ของตัวเอง จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบคำ แม้จะยังคงมีบางสิ่งอึดอัดอยู่ภายในใจ แต่ก็หาได้เอ่ยออกไป
"เจ้ามีธุระเพียงนี้กระมัง" เสวี่ยหมิงรีบเอ่ยตัดบท เพื่อหาทางให้หล่อนจากไปโดยเร็วที่สุด เพราะหากหล่อนยังคงซักถามเขาไปเรื่อย ๆ เห็นทีหางจิ้งจอกคงไม่อาจปิดซ่อนได้มิด
"เออ..." เฟยเซียงเหม่อมองกระดาษในมือพลาง เหม่อมองใบหน้าของเสวี่ยหมิงพลาง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบางสิ่งออกมา "ผู้อาวุโส หากไม่เป็นการเสียมารยาท เฟยเซียงอยากจะเห็นการปรุงยาของผู้อาวุโส" คำถามนี้จึงจะเป็นประเด็นหลักที่บิดาของนางต้องการ แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะอยู่ในห้องเพียงลำพัง แต่ในห้องประชุมของสมาคมพ่อค้า สายตาเกือบยี่สิบคู่ต่างก็จับจ้องไปยังกระจกบานใหญ่ ซึ่งถ่ายทอดภาพภายในห้องวีไอพีของเสวี่ยหมิง
...เวรละทีนี้ อยากดูการปรุงยาแล้วข้าจะไปทำได้ยังไงกันเล่า หากยกอ้างเรื่องเวลา เกิดนาง เอ่ยว่ารอได้ นั่นใยมิเท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง แต่หากให้ปฏิเสธคงยิ่งเผยพิรุธเป็นแน่ เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อน ในคำถามเมื่อครู่มีเอ่ยถึงเปลวไฟร้อนแรง
เสวี่ยหมิงสูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยด้วยความมั่นใจและท่าทีสงบนิ่ง "ข้ามิอาจเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น ตอนนี้ข้าเองกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวหาประสบการณ์ชีวิต แต่เพื่อเห็นแก่คำขอร้องของทารกน้อยเช่นเจ้า ข้าจะแสดงคำ...เปลวไฟร้อนแรงให้เจ้าได้ชมดู เพียงแต่..."
"เพียงแต่อะไร ท่านผู้อาวุโส โปรดกล่าวได้อย่างสะดวกใจ ที่สมาคมการค้า ถือเรื่องราวของผู้คนเป็นความลับทางธุรกิจอยู่แล้ว หากเรื่องราวมิอาจเปิดเผย สมาคมย่อมมิกล้าละเมิดฝ่าฝืน"
เสวี่ยหมิงพยักหน้ารับ "ดี...เรื่องราวในวันนี้ล้วนต้องเป็นความลับ" สิ้นคำกล่าว เสวี่ยหมิงก็ใช้มือขวายกเก้าอี้อีกตัวที่ไม่มีผู้ใดนั่งอยู่ขึ้นมาถือในระยะเสมออก
"ถอยไปให้ห่าง" เสวี่ยหมิงเอ่ยเพื่อให้เฟยเซียนหลบออกไปจากรัศมีของเปลวเพลิง เพราะยามที่ปล่อยเปลวเพลิงออกมา เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะควบคุมบังคับให้มันสงบได้ไวแค่ไหน รวมถึงว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน หากผิดพลาดทำร้ายเฟยเซียงขึ้นมาคงเป็นเรื่องที่มิอาจรับได้
เฟยเซียงเอง เมื่อได้ฟังก็ปฏิบัติตามโดยดี ถอยฉากห่างออกไปยืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอยู่ห่างไปกว่าห้าเมตร เสวี่ยหมิงก็ตั้งสมาธิมั่นขับดันพลังงานร้อนลวกในกาย ซึ่งไม่ได้ทดสอบใช้มานานหลายสัปดาห์นับตั้งแต่วันที่เขาได้เรียนรู้เคล็ดวิชาบ่มเพาะกายาแห่งพระเจ้า วั้นนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะเก็บเจ้าสิ่งนี้ไว้เป็นไม้ตายก้นหีบ และไม่ได้ทดสอบปล่อยเปลวเพลิงออกมาจากร่างอีกเลย
"เพลิงแห่งข้าจง...ลุกไหม้..!!!" เสวี่ยหมิงตวาดลั่น เพื่อเสริมสร้างความสมจริงให้กับการแสดงออกในครั้งนี้ สิ้นเสียงเก้าอี้ไม้สีดำสนิทก็โชติช่วงไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงสดใส สีสันงดงามเกินกว่าเปลวเพลิงในครั้งไหน ๆ ที่เสวี่ยหมิงทดลองเรียกมันออกมาจากร่างกายก่อนหน้า เก้าอี้ไม้มลายกลายเป็นอากาศธาตุในชั่วพริบตา แม้แต่เศษขี้เถ้าก็หาได้หลงเหลือ
ทุกคนที่ชมดูอยู่อยู่ล้วนอ้าปากค้าง เฟยเซียงเองก็มิอาจเก็บอาการตัวเองได้อีก ยกมือเรียวงามขึ้นปิดปากที่อ้าหวอของตัวเองอย่างเลอะเลือน
แม้แต่เสี่วยหมิงเองก็ เหม่อมองมือตัวเองอย่างงงงวย
...มันเป็นไปได้ยังไงวะเนี่ย
... สตันยาวๆๆๆๆๆ
มั่วๆไปจนได้ความตกตลึงมาแทน
5555
ตอนท้ายนี่เผาเก้าอี้ไปแล้วคนจะเชื่อไหมนะ