เนตรมารสะท้านฟ้า (恶魔的眼睛)(จบ)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ กำลังภายใน Tags : กำลังภายใน, ลมปราณ, แฟนตาซี, ผจญภัย, ตื่นเต้น, สนุกสนาน, ความรัก, ปรุงยา, เทพเจ้า, มังกร, อสูร, นิยายจีน
ผู้แต่ง : MoMiMarChi
My.iD :
https://my.dek-d.com/MoMiMar/writer/
ตอนที่ 182 : รำลึก
ตอนที่ 168
รำลึก
"จ้าวฮุย เจ้าทำได้ดีมากไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังจริง" มี่เจนเอ่ยชมจ้าวฮุยที่สามารถผ่านการทดสอบเพื่อเดินทางไปฝึกฝนยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นเพียงแค่หนึ่งในห้าคนจากหลายร้อยสำนักที่ส่งศิษย์ซึ่งเป็นความหวังของตนเองเข้าร่วมการทดสอบ ซึ่งการทดสอบไม่เพียงแต่แบ่งแยกระดับพลัง แต่ยังทดสอบสติปัญญาและความเข้มข้นของสายเลือดศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ซึ่งไม่ได้เป็นการประลองคัดเลือกเฉกเช่นที่เสวี่ยหมิงคาดเอาไว้
"ท่านอาจารย์ ข้าอยากจะขอท่านเรื่องของ...หลิงจือ"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า อาจารย์เข้าใน เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป ระหว่างที่เจ้าอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงตั้งใจฝึกฝนให้จงดี หลังจากหนึ่งปีที่เจ้ากลับมาแล้ว ข้ารับรองว่าข้าจะจัดการให้เจ้าได้สมหวังกับยัยหนูหลิงจือ"
"ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากขอรับ"จ้าวฮุยเอ่ยด้วยใบหน้าชื่นมื่น
"จำเอาไว้ตั้งใจเก็บเกี่ยวทุกสิ่งที่เรียนรู้จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ดี รับรองว่าหนึ่งปีผ่านไปเจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นไปกว่านี้อีกมาก"
"ศิษย์จะจำใส่ใจขอรับ แต่ว่าเจ้าเด็กที่ชื่อเสวี่ยหมิงนั่น"
"เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าได้ปรึกษากับท่านทูตไป๋เหอฟ่านแล้ว ดูเหมือนว่าผู้คนแซ่หลงจะสร้างความแค้นเคืองให้กับดินแดนศักดิ์วิหคอมตะเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นหากเจ้าเด็กนั่นถูกพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้แซ่หลงจริง ๆ ข้าว่ามันคงไม่รอดอย่างแน่นอน"
จ้าวฮุยพยักหน้ารับ "ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากขอรับ ที่ช่วยศิษย์ให้กระจ่างในเรื่องราว แต่ก่อนจะออกเดินทางข้าอยากจะไปดูหน้าของมันสักครั้ง หวังว่าท่านอาจารย์..."
"อืม...แล้วแต่เจ้าเถอะ เพราะยังไงเจ้าหนูเสวี่ยหมิงก็เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งสำหรับเจ้าในยามนี้ หากในใจของเจ้ายังคงประทับภาพของมันเอาไว้เป็นแรงผลักดันในการฝึกฝน อาจารย์ก็ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าได้เอาไปใส่ใจมากมายนัก เพราะอาจารย์เชื่อว่าหลังจากที่เจ้ากลับมาจากการฝึกฝนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ระดับฝีมือของเจ้าจะต้องทิ้งห่างเจ้าเด็กเสวี่ยหมิงอย่างแน่นอน"
"ขอรับท่านอาจารย์"
เอ่ยจบจ้าวฮุยก็ขอตัวจากไป แต่ยามนี้ไม่ได้มีเพียงแค่จ้าวฮุยเท่านั้นที่กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอัคคีผลาญ เพราะที่ด้านหลังมีฝีเท้าเบาบางของหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งพยายามหลบเร้นผู้คน กำลังมุ่งตรงเข้าไปยังเขตหวงห้ามคุกอัคคีผลาญตามหลังจ้าวฮุยลงไปไม่ห่าง...หลิงจือ
.
.
"จริงหรือคะ ท่านอาจารย์ลุง"
มี่จินติงพยักหน้ารับ มันเองก็ไม่คิดว่าเรื่องราวของชื่อแซ่ของเด็กหนุ่มเสวี่ยหมิงที่ช่วยเหลือหลิงจือกลับมานั้นจะเป็นปัญหาใหญ่เช่นนี้ และที่สำคัญดูเหมือนว่าพลังลมปราณเหมันต์ที่เสวี่ยหมิงใช้ก็จะเป็นทักษะยุทธ์ที่มีความเฉพาะตัวอยู่ จึงทำให้ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถแยกแยะเพียงแค่เสวี่ยหมิงแผ่พุ่งพลังลมปราณออกมา
"อืม อาจารย์ลุงเองก็ไม่เพิ่งจะรู้ว่าก่อนจะกลับสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์วิหคเพลิงอมตะ ทูตจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยว่าจะทำการตัดสินโทษของเสวี่ยหมิงเสียก่อน..."มี่จินติงทำหน้าเศร้าเสียใจ เพราะมันที่เป็นถึงรองเจ้าสำนักหงส์อัคคีไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อช่วยเหลือเด้กหนุ่มผู้นี้ได้เลย
"ข้าอยากไปพบกับเขาเป็นก่อนที่จะถึงวันพรุ่งนี้"
"อืม อาจารย์ลุงเข้าใจ"มี่จินติงหยิบป้ายหยกผ่านทางของตนเองส่งให้หลิงจือ
หลิงจือยื่นมืออกไปรับด้วยสำนึกตื้นตัน "ขอพระคุณท่านอาจารย์ลุง"
"แม้จะมีป้ายผ่านทางแต่จงจำเอาไว้ไปมาอย่างระมัดระวัง อย่าให้ผู้ใดสังเกตเห็นว่าเจ้ามุ่งหมายสิ่งใด เพราะผู้คนมากหลายในสำนักล้วนมิได้ชื่นชอบเด็กหนุ่มผู้นี้เช่นเดียวกับอาจารย์ลุงของเจ้า"
หลิงจือพยักหน้ารับพลางยื่นคำนับก่อนจะขอตัวจากไปเพื่อมุ่งหน้าสู่คุกอัคคีผลาญในทันที
.
.
"พี่เสวี่ยหมิงอยากได้ขนหางของหงส์อัคคีเต็มวัย ฮิ ฮิ"หนิงเซียนเอ่ยพร้อมอมยิ้มซุกซน
"ทำไมละกัน เรื่องราวมันน่าขำนักรึไง"
"ท่านพี่ดูนี่" หนิงเซียนหยิบกล่องบรรณาการที่นางได้รับจากสำนักหงส์อัคคีออกมาเปิดให้เสวี่ยหมิงดู ภายในนั้นมีขนหางของหงส์อัคคีเต็มวัยบรรจุอยู่หนึ่งร้อยเส้นพอดิบพอดี "แค่นี้พอไหม"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า น้องข้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก" เสวี่ยหมิงยื่นมือไปพยายามจะหยิบขนหางของหงส์อัคคีเต็มวัย แต่กลับถูกมือขาวผ่องนุ่มนิ่มของหนิงเซียนตีเข้าที่หลังมือเป็นการห้ามปราม
"ข้ายังไม่ได้บอกว่าจะให้ท่านสักหน่อย ขี้ตู่เอาเองนี่นา"
"นี่ นี่เจ้า..."เสวี่ยหมิงเอ่ยพร้อมผงกศีรษะไปมา
"แน่นอน ท่านพี่เคยสัญญากับข้าว่าจะหาของแปลกมามาให้ข้าดูหากเราพบกันอีก ดังนั้นข้าต้องประเมินดูก่อนว่าของที่ท่านนำออกมาแลกเปลี่ยนกับข้านั่นคู่ควรกับ..." หนิงเซียนทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ "คู่ควรจะแลกขนหางของหงส์อัคคีเต็มวัยได้กี่เส้นดี"
"อืม ของที่คู่ควรเช่นนั้นรึ" เสวี่ยหมิงหลับตามั่นในแหวนมิติของตนเองยามนี้มีโอสถวิเศษมากมาย แต่จากการคิดคำนวณถึงฐานะของหนิงเซียนที่เป็นถึงเทพธิดาวิหคเพลิงอมตะ โอสถที่ดีที่สุดของเสวี่ยหมิงตอนนี้ก็อยู่แค่โอสถระดับปฐพีขั้นต้นก็คงจะไม่เพียงพอให้นางตื่นเต้นได้ ส่วนสิ่งของอื่น ๆ ก็ดูจะไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก เหลือก็เพียงแต่สิ่งของที่เสวี่ยหมิงเก็บไว้เพื่อระลึกถึงวันคืนที่ชีวิตของตนเองพลิกเปลี่ยนไปตลอดกาลเท่านั้น
...หากเป็นสิ่งนี้เจ้ายังจะจำมันได้อีกไหมนะ
เสวี่ยหมิงอมยิ้มยามคิดถึงท่าทางของเด็กสาวยามได้เห็นสิ่งของที่ตัวเองกำลังจะนำออกมา แต่ก่อนอื่นเขาอยากจะสารภาพบางสิ่งออกไปเสียก่อน
"ดี ในเมื่อเจ้าจะประเมินจำนวนขนหางของขนหางของหงส์อัคคีเต็มวัยที่จะมอบให้ พี่ชายคนนี้ก็อยากจะบอกกับเจ้าว่าครั้งนี้เจ้าจะต้องอึ้งกับสิ่งของที่ข้านำออกมา เพราะมันเป็นสิ่งของที่สำคัญไม่แพ้กับจี้หยดน้ำในคราก่อนที่พี่ชายนำออกมาให้เจ้าดูเมื่อตอนที่เราสองพบกันในถ้ำร้าง"
ปรากฏแววหวนรำลึกถึงวันวานขึ้นในดวงตาของหนิงเซียน
"แต่ก่อนจะนำออกมาให้เจ้าดูพี่ชายคนนี้จะขออธิบายให้เจ้าได้รับรู้ว่า สิ่งของชิ้นนี้เป็นสิ่งของที่สำคัญกับพี่ชายคนนี้ของเจ้ายิ่งนัก เพราะมันเป็นสิ่งของที่พี่เสวี่ยหมิงของเจ้าได้รับจากนางฟ้านางสวรรค์คนหนึ่ง ซึ่งช่วยให้ชีวิตของพี่ชายเจ้าเปลี่ยนผันไปตลอดกาล พี่ชายเจ้าจึงหวงแหนสิ่งของชิ้นนี้มาก"รอยยิ้มบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสวี่ยหมิง
"ถ้าเช่นนั้นมันต้องเป็นของที่คนสำคัญมาก ๆ มอบให้พี่เสวี่ยหมิงแน่ ๆ เลย" แม้น้ำเสียงของหนิงเซียนจะยังคงสุกใสกังวาน แฝงความผิดหวังปนซ่อนอยู่เล็กน้อย แต่ความผิดหวังนั้นหาได้เกิดเพราะความหึงหวงของชายหญิง หากแต่เป็นเพราะหนิงเซียนที่เพิ่งจะอายุได้ 14 ปีนั้นไร้เดียงสายิ่งนัก และเมื่อนางได้พบกับผู้ที่สามารถเรียกว่าพี่ชายได้อย่างสนิทใจ นางก็อยากที่จะชิงพื้นยที่ในจิตใจของเสวี่ยหมิงให้ได้มากกว่าผู้อื่น ตามนิสัยของเด็กที่ตอลดเวลาล้วนไร้ซึ่งความอบอุ่น มีชีวิตอยู่เพื่อสำนักและวิชาฝีมือ ยิ่งแข็งแกร่งผู้คนยิ่งรักษาระยะห่างกับนาง ทำให้นางอยากที่จะเที่ยวเล่นพูดคุยสนุกสนานกับพี่ชายคนนี้ไปนาน ๆ โดยที่ไม่มีความคิดในเรื่องของชายหญิงเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย
"สิ่งนี้ยังไงละ"
...ผ้าคลุมหน้าสีดำ ที่ยังคงมีกลิ่นจาง ๆ ของหนิงเซียนหลงเหลืออยู่ปรากฏขึ้นในมือของเสวี่ยหมิง ดวงตาของเสวี่ยหมิงทอแววเอ็นดูอย่างถึงที่สุด ส่วนเด็กสาวที่มองดูผ้าผืนเก่าของตนเอง ยามนี้ได้แต่นิ่งอึ้งด้วยความตะลึงงัน
16 ความคิดเห็น