คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Snowy day
Il était une fois .... l'amour
-3-
Snowy day
หน้าจอโทรศัพท์มือถือบอกว่าตอนนี้เวลาล่วงเลยมากว่าค่อนคืนแล้ว ...แต่ผมกลับยังนอนไม่หลับ เอาแต่คิดทบทวนเรื่องน้องกับบทสนทนาของเราสองคนคนหอไอเฟลซ้ำไปซ้ำมา
ในขณะที่ไอ้ตัวคนเหตุพออาบน้ำเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงหลับปุ๋ยไปหน้าตาเฉย ผมพลิกตัวไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ที่เตียงข้างๆ รู้สึกดีที่น้องมันไม่ละเมอแบบคืนก่อน
ไม่ใช่เป็นเพราะว่าถ้าซินละเมอขึ้นมาอีกจะเป็นภาระให้เขาต้องไปปลอบน้องหรอก…แต่เป็นเพราะไม่อยากเห็นคนๆนี้เสียใจต่างหาก
ซินเป็นคนภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ข้างในกลับเปราะบางพร้อมจะแตกสลายได้ตลอดเวลา
ผมอยากรู้ ... เรื่องคนคนนั้น เรื่องคนใจร้ายที่ทำให้ซินเสียใจ ...เรื่องของซินกับ
บาส..
แต่ใครจะไปกล้าเอ่ยปากถามกันล่ะ
อา...สรุปว่าตอนนี้ผมกับน้อง ...เราเป็นแฟนกันแล้วจริงๆสินะ
พรุ่งนี้จะมองหน้าน้องมันยังไงวะ ?
...............
กลิ่นหอมของขนมปังลอยมาแตะจมูก ปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาจากห้วงนิททราอันแสนหวาน พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นซินกำลังวุ่นอยู่กับการชงกาแฟดำ ในขณะที่โต๊ะกินข้าวมีทั้งขนมปัง แยม และนมร้อนวางไว้เป็นที่เรียบร้อย
“bonjour พี่นัท ...พอดีเราตื่นเช้า ...เอ่อ...เลยเตรียมอาหารเช้าไว้เผื่อ” พูดแล้วก็วางกาแฟดำที่เพิ่งชงเสร็จหมาดๆไว้บนโต๊ะ ผมรีบลุกจากเตียงไปที่ล้างหน้าแปรงฟันด้วยความเร็วแสง ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวเรียบร้อย
“ตื่นเช้าเป็นกับเขาด้วยเหรอ” ผมแซวน้องที่กำลังกัดขนมปังเข้าปากยิ้มๆ ...ทำไมจะไม่รู้ว่าซินตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อเตรียมอาหารให้ผม
ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ ... แต่ท่าทีของน้องมันแสดงออกว่าอย่างนั้นจริงๆ
“แน่นอน.. เมื่อวานเราตื่นสายเพราะเพลียที่นั่งเครื่องนานต่างหาก จริงๆเราเป็นคนตื่นเช้านะ” คนตื่นเช้าเป็นกิจวัตรพูดโฆษณาตัวเองในขณะที่ปิดปากหาว ผมกลั้นหัวเราะหึๆในใจ ...น้องซินเอ๋ย หน้าน้องมันยังไม่ตื่นเลยคร้าบบบ
“ขอบคุณนะ” ผมพูดขึ้นลอยๆพลางยกกาแฟดำขึ้นมาจิบ
“หืม? ขอบคุณเราเรื่อง ...?”
“หึหึ ...”
ผมกลั้นหัวเราะไปลำคอ ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่าว่าขนมปังกับกาแฟดำวันนี้มันอร่อยเป็นพิเศษ
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง ?” ผมถามน้องที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดกระเป๋า
“ถึงสี่โมงเลยล่ะ ...อิจฉาคนไม่มีเรียนจัง”
“ไม่มีเรียนก็ต้องอ่านหนังสืออยู่ในห้องคร้าบ ...พรุ่งนี้มีเทสแล้ว วิชานี้ถ้าตกขึ้นมานี่ได้เก็บข้าวเก็บของกลับเมืองไทยเลยนะครับ”
“พยายามเข้านะพี่นัท ตอนเย็นเจอกัน” คนหน้าหวานที่จัดของเสร็จแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นพาดบ่า กำลังจะเดินออกจากห้อง ...แต่ข้อมือเล็กๆก็ถูกผมรั้งไว้ก่อน
ผ้าพันคอไหมพรมตัวเก่งที่อีกฝ่ายใส่ไม่ถอดตั้งแต่มาปารีส ถูกดึงออกด้วยมือของผม ...ก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบโอเวอร์โคทตัวหนามาสวมให้น้องแทน
“มันเก่าแล้ว ...อีกอย่างผ้าพันคอผืนแต่นี้ไม่หนาพอ ...เดี๋ยวเป็นหวัดนะ”
น้องมองตามผ้าพันคอที่ผมโยนลงตระกร้าตาละห้อย ตอนแรกนึกว่าซินจะไม่ยอมเสียอีก แต่มองตามได้ไม่นานน้องมันก็หันหน้ากลับมายิ้มขอบคุณผมแทน
“แล้วเราจะรีบกลับมานะ ...พี่นัท ....เอ่อ ...ไม่สิ...คุณแฟน” พูดจบก็รีบก้าวฉับๆออกจากห้องไปทันที ทิ้งผมให้ยืนงงเป็นแมวเมากาวอยู่สักพัก
คุณแฟน...คุณแฟน....
“เฮ้ยเดี๋ยว ...ซิน...”
พอเปิดประตูออกหวังจะวิ่งตาม ก็พบว่าอีกฝ่ายเดินไปไกลเสียแล้ว
คุณแฟนงั้นเหรอ ...
นี่กะจะเอาให้พี่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยใช่ไหม ...คุณแฟน
ผมหมดเวลาไปทั้งวันกับการจมอยู่กับกองหนังสือเศรษฐศาสตร์การเมืองและระบบโลก ต้องขอบคุณเล็กเชอร์ของดาต้าที่เปรียบเสมือนพระเจ้ามาโปรด ...เห็นทีว่าเจอกันคราวหน้าจะต้องเลี้ยงตอบแทนสักมื้อ
ผมนั่งอ่านหนังสือจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จนมั่นแน่ๆแล้วว่าน่าจะเอาตัวรอดได้แบบใสๆในการเทสวันพรุ่งนี้ จึงละสายตาออกจากกองหนังสือ และเอสเซค ซีสบนโต๊ะเขียนหนังสือ ...ดึงตัวเองกลับมาสู่โลกภายนอก ก่อนจะพบว่าเวลาได้ล่วงเลยมาจนห้าโมงเย็นแล้ว
ผมถอดแว่นสายตาออก แปลกใจที่ซินยังไม่กลับห้องทั้งๆที่อีกฝ่ายบอกว่าวันนี้เลิกเรียนตั้งแต่สี่โมง ในขณะที่กำลังคิดว่าจะโทรไปถาม...สภาพอากาศข้างนอกก็เฉลยคำตอบให้ผมว่าทำไมน้องยังไม่กลับถึงห้องซักที
ก็ข้างนอกหิมะตก....แถมยังลงหนักเสียด้วยสิ
ภาพซินหลบหิมะอยู่ใต้ตึก พลางกอดตัวเองด้วยความหนาวผุดขึ้นมาในหัว
ผมหาร่มคันใหญ่ กางออกไปหวังจะออกไปรับคนที่ยังไม่กลับถึงห้องด้วยความรีบร้อน
...............
เชื่อแล้วล่ะว่าเวลาคนเรารีบมากไป ...มักจะไม่ดี
ผมด่าตัวเองว่าไอ้โง่แรงๆในใจ เมื่อรู้สึกถึงลมแรงๆที่มาปะทะกับร่างกายตัวเองในยามนี้ เพราะว่ารีบเกินไปทำให้ผมออกมาจากหอทั้งๆที่ใส่แค่เสื้อแขนยาวไหมพรมตัวบางเท่านั้น
ซึ่งความหนาของเสื้อตัวแค่นี้ ... ในปารีสวันที่อุณภูมิลบหกองศา ใครใส่ออกมาข้างนอก บอกได้เลยว่าคนนั้นไม่บ้าก็บ้า
แต่ผมก็ได้แต่เดินเป็นคนบ้า ใส่เสื้อบางๆเดินฝ่าหิมะไปตึกศิลปกรรม ...ไม่นานก็เจอกับซินที่ยืนหลบหิมะอยู่ใต้ตึกอย่างที่คิดจริงๆ …น้องทำตาโตประหลาดใจเมื่อเห็นผม
“พี่นัท ออกมาลุยหิมะใส่เสื้อตัวแค่นี้เองเหรอ”
“ลืมน่ะ ...พอดีเป็นห่วงเลยรีบออกมาไปหน่อย” ผมตอบ ในขณะที่น้องก้าวเข้ามาอยู่ในร่มด้วยกัน มือเรียวอุ่นๆของอีกฝ่ายกุมมือเย็บเฉียบของผมไว้ ก่อนเราจะวิ่งฝ่าหิมะออกจากตึกศิลปกรรมไปด้วยกัน
“ขอบคุณที่มารับนะพี่นัท”
“เรียกแบบเมื่อเช้าอีกสักรอบได้ป่ะ”
“ฮะ...เมื่อเช้า ? เราทำอะไรเหรอ ?”
“อย่ามาเนียน”
คนปากหนักเบือนหน้าหนี ก่อนจะพูดเสียงอุบอิบในลำคอ ...แต่ผมได้ยินชัดเจนในทุกถ้อยคำ
“เอ่อ... ขอบคุณที่อุตสาห์มารับเรานะ...คุณแฟน”
แน่นอนว่าวิ่งฝ่าหิมะแบบนี้ มันโครตจะหนาว ..
แต่ใต้ร่มกับน้องท่ามกลางหิมะโปรยปราย ในสภาพอากาศที่หนาวจับใจเช่นนี้
ผมรู้สึกดีนะ...♥
ความคิดเห็น