ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic singular] Il était une fois ... l'amour กาลครั้งหนึ่งความรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : Snowy day

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 56


    Il était une fois .... l'amour

     

     

    -3-

     

    Snowy day

     

            หน้าจอโทรศัพท์มือถือบอกว่าตอนนี้เวลาล่วงเลยมากว่าค่อนคืนแล้ว ...แต่ผมกลับยังนอนไม่หลับ เอาแต่คิดทบทวนเรื่องน้องกับบทสนทนาของเราสองคนคนหอไอเฟลซ้ำไปซ้ำมา

     

     

            ในขณะที่ไอ้ตัวคนเหตุพออาบน้ำเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงหลับปุ๋ยไปหน้าตาเฉย ผมพลิกตัวไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ที่เตียงข้างๆ รู้สึกดีที่น้องมันไม่ละเมอแบบคืนก่อน

     

                ไม่ใช่เป็นเพราะว่าถ้าซินละเมอขึ้นมาอีกจะเป็นภาระให้เขาต้องไปปลอบน้องหรอกแต่เป็นเพราะไม่อยากเห็นคนๆนี้เสียใจต่างหาก

     

     

                ซินเป็นคนภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ข้างในกลับเปราะบางพร้อมจะแตกสลายได้ตลอดเวลา

     

                ผมอยากรู้ ... เรื่องคนคนนั้น เรื่องคนใจร้ายที่ทำให้ซินเสียใจ ...เรื่องของซินกับ

    บาส..

     

    แต่ใครจะไปกล้าเอ่ยปากถามกันล่ะ

     

    อา...สรุปว่าตอนนี้ผมกับน้อง ...เราเป็นแฟนกันแล้วจริงๆสินะ

     

    พรุ่งนี้จะมองหน้าน้องมันยังไงวะ ?

     

     

    ...............

     

     

    กลิ่นหอมของขนมปังลอยมาแตะจมูก ปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาจากห้วงนิททราอันแสนหวาน พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นซินกำลังวุ่นอยู่กับการชงกาแฟดำ ในขณะที่โต๊ะกินข้าวมีทั้งขนมปัง แยม และนมร้อนวางไว้เป็นที่เรียบร้อย

     

    “bonjour พี่นัท ...พอดีเราตื่นเช้า ...เอ่อ...เลยเตรียมอาหารเช้าไว้เผื่อพูดแล้วก็วางกาแฟดำที่เพิ่งชงเสร็จหมาดๆไว้บนโต๊ะ ผมรีบลุกจากเตียงไปที่ล้างหน้าแปรงฟันด้วยความเร็วแสง ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวเรียบร้อย

     

    ตื่นเช้าเป็นกับเขาด้วยเหรอผมแซวน้องที่กำลังกัดขนมปังเข้าปากยิ้มๆ ...ทำไมจะไม่รู้ว่าซินตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อเตรียมอาหารให้ผม

     

    ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ ... แต่ท่าทีของน้องมันแสดงออกว่าอย่างนั้นจริงๆ

     

    แน่นอน.. เมื่อวานเราตื่นสายเพราะเพลียที่นั่งเครื่องนานต่างหาก จริงๆเราเป็นคนตื่นเช้านะคนตื่นเช้าเป็นกิจวัตรพูดโฆษณาตัวเองในขณะที่ปิดปากหาว ผมกลั้นหัวเราะหึๆในใจ ...น้องซินเอ๋ย หน้าน้องมันยังไม่ตื่นเลยคร้าบบบ

     

    ขอบคุณนะผมพูดขึ้นลอยๆพลางยกกาแฟดำขึ้นมาจิบ

     

    หืม? ขอบคุณเราเรื่อง ...?

     

    หึหึ ...

     

    ผมกลั้นหัวเราะไปลำคอ ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่าว่าขนมปังกับกาแฟดำวันนี้มันอร่อยเป็นพิเศษ

     

     

     

     

    วันนี้เลิกเรียนกี่โมง ?ผมถามน้องที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดกระเป๋า

     

    ถึงสี่โมงเลยล่ะ ...อิจฉาคนไม่มีเรียนจัง

     

    ไม่มีเรียนก็ต้องอ่านหนังสืออยู่ในห้องคร้าบ ...พรุ่งนี้มีเทสแล้ว วิชานี้ถ้าตกขึ้นมานี่ได้เก็บข้าวเก็บของกลับเมืองไทยเลยนะครับ

     

    พยายามเข้านะพี่นัท ตอนเย็นเจอกันคนหน้าหวานที่จัดของเสร็จแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นพาดบ่า กำลังจะเดินออกจากห้อง ...แต่ข้อมือเล็กๆก็ถูกผมรั้งไว้ก่อน

     

    ผ้าพันคอไหมพรมตัวเก่งที่อีกฝ่ายใส่ไม่ถอดตั้งแต่มาปารีส ถูกดึงออกด้วยมือของผม ...ก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบโอเวอร์โคทตัวหนามาสวมให้น้องแทน

     

    มันเก่าแล้ว ...อีกอย่างผ้าพันคอผืนแต่นี้ไม่หนาพอ ...เดี๋ยวเป็นหวัดนะ

     

    น้องมองตามผ้าพันคอที่ผมโยนลงตระกร้าตาละห้อย ตอนแรกนึกว่าซินจะไม่ยอมเสียอีก แต่มองตามได้ไม่นานน้องมันก็หันหน้ากลับมายิ้มขอบคุณผมแทน

     

    แล้วเราจะรีบกลับมานะ ...พี่นัท ....เอ่อ ...ไม่สิ...คุณแฟน พูดจบก็รีบก้าวฉับๆออกจากห้องไปทันที ทิ้งผมให้ยืนงงเป็นแมวเมากาวอยู่สักพัก

     

    คุณแฟน...คุณแฟน....

     

     

    เฮ้ยเดี๋ยว ...ซิน...

     

    พอเปิดประตูออกหวังจะวิ่งตาม ก็พบว่าอีกฝ่ายเดินไปไกลเสียแล้ว

     

    คุณแฟนงั้นเหรอ ...

     

    นี่กะจะเอาให้พี่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยใช่ไหม ...คุณแฟน

     

     

     

               

            ผมหมดเวลาไปทั้งวันกับการจมอยู่กับกองหนังสือเศรษฐศาสตร์การเมืองและระบบโลก ต้องขอบคุณเล็กเชอร์ของดาต้าที่เปรียบเสมือนพระเจ้ามาโปรด ...เห็นทีว่าเจอกันคราวหน้าจะต้องเลี้ยงตอบแทนสักมื้อ

     

                ผมนั่งอ่านหนังสือจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จนมั่นแน่ๆแล้วว่าน่าจะเอาตัวรอดได้แบบใสๆในการเทสวันพรุ่งนี้  จึงละสายตาออกจากกองหนังสือ และเอสเซค ซีสบนโต๊ะเขียนหนังสือ ...ดึงตัวเองกลับมาสู่โลกภายนอก ก่อนจะพบว่าเวลาได้ล่วงเลยมาจนห้าโมงเย็นแล้ว

     

                ผมถอดแว่นสายตาออก แปลกใจที่ซินยังไม่กลับห้องทั้งๆที่อีกฝ่ายบอกว่าวันนี้เลิกเรียนตั้งแต่สี่โมง ในขณะที่กำลังคิดว่าจะโทรไปถาม...สภาพอากาศข้างนอกก็เฉลยคำตอบให้ผมว่าทำไมน้องยังไม่กลับถึงห้องซักที

     

                ก็ข้างนอกหิมะตก....แถมยังลงหนักเสียด้วยสิ

     

                ภาพซินหลบหิมะอยู่ใต้ตึก พลางกอดตัวเองด้วยความหนาวผุดขึ้นมาในหัว

     

                ผมหาร่มคันใหญ่ กางออกไปหวังจะออกไปรับคนที่ยังไม่กลับถึงห้องด้วยความรีบร้อน

     

    ...............

     

     

     

                เชื่อแล้วล่ะว่าเวลาคนเรารีบมากไป ...มักจะไม่ดี

     

                ผมด่าตัวเองว่าไอ้โง่แรงๆในใจ เมื่อรู้สึกถึงลมแรงๆที่มาปะทะกับร่างกายตัวเองในยามนี้ เพราะว่ารีบเกินไปทำให้ผมออกมาจากหอทั้งๆที่ใส่แค่เสื้อแขนยาวไหมพรมตัวบางเท่านั้น

     

                ซึ่งความหนาของเสื้อตัวแค่นี้ ... ในปารีสวันที่อุณภูมิลบหกองศา ใครใส่ออกมาข้างนอก บอกได้เลยว่าคนนั้นไม่บ้าก็บ้า

     

                แต่ผมก็ได้แต่เดินเป็นคนบ้า ใส่เสื้อบางๆเดินฝ่าหิมะไปตึกศิลปกรรม ...ไม่นานก็เจอกับซินที่ยืนหลบหิมะอยู่ใต้ตึกอย่างที่คิดจริงๆน้องทำตาโตประหลาดใจเมื่อเห็นผม

     

                พี่นัท ออกมาลุยหิมะใส่เสื้อตัวแค่นี้เองเหรอ

     

            “ลืมน่ะ ...พอดีเป็นห่วงเลยรีบออกมาไปหน่อยผมตอบ ในขณะที่น้องก้าวเข้ามาอยู่ในร่มด้วยกัน มือเรียวอุ่นๆของอีกฝ่ายกุมมือเย็บเฉียบของผมไว้ ก่อนเราจะวิ่งฝ่าหิมะออกจากตึกศิลปกรรมไปด้วยกัน

     

                ขอบคุณที่มารับนะพี่นัท

     

            “เรียกแบบเมื่อเช้าอีกสักรอบได้ป่ะ

     

            “ฮะ...เมื่อเช้า ? เราทำอะไรเหรอ ?

     

            “อย่ามาเนียน

           

            คนปากหนักเบือนหน้าหนี ก่อนจะพูดเสียงอุบอิบในลำคอ ...แต่ผมได้ยินชัดเจนในทุกถ้อยคำ      

     

            “เอ่อ... ขอบคุณที่อุตสาห์มารับเรานะ...คุณแฟน

     

     

     

                แน่นอนว่าวิ่งฝ่าหิมะแบบนี้ มันโครตจะหนาว ..

     

                แต่ใต้ร่มกับน้องท่ามกลางหิมะโปรยปราย ในสภาพอากาศที่หนาวจับใจเช่นนี้

     

          ผมรู้สึกดีนะ...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×