คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Cinq : one more time,one more chance(lll)
SF Singular
Cinq : one more time,one more chance(lll)
(Nut’s part)
วันนี้เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายของเด็กม.หกอย่างผม ผมรีบแต่งตัว ก่อนจะมานั่งกินข้าวเช้ากับแม่ก่อนจะไปโรงเรียน ทั้งๆที่ปกติผมไม่ค่อยชอบกินข้าวเช้าเท่าไหร่นัก แต่ไม่กล้าอดอาหารเช้าไปสอบจริงๆ เดี๋ยวสมองก็ไม่แล่นพอดีน่ะสิ...
พอรู้ว่าสอบปลายภาควันนี้เสร็จแล้วผมก็เหลือเวลาว่างอีกหลายเดือนเลยทีเดียวกว่าจะสอบเข้ามหาลัย ในหัวผมก็นึกถึงใครอีกคนขึ้นมาทันที คงจะดีไม่น้อยถ้าช่วงวันหยุดนี้แม่อนุญาติให้ไปหาซินที่เชียงใหม่
“นัทอยากไปเชียงใหม่”
ผมขออนุญาติไปอย่างที่ใจคิด แม่เพียงแค่พยักหน้าอนุญาติเล็กน้อยก่อนจะบอกให้เดินทางปลอดภัยเท่านั้น
“ขอบคุณนะครับแม่” ผมกอดแม่ ก่อนจะไปเอารถเพื่อไปสอบที่รร.วันสุดท้าย ผมสูดลมหายใจลึกๆให้สมองให้ปลอดโปร่ง รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าสอบเสร็จจะได้กลับไปเชียงใหม่อีกครั้ง
“รอก่อนนะซิน นัทกำลังจะได้ไปหาซินแล้ว...”
(Nut’s part end)
“บาส...บาส...ไอ่บาส ...ตุ๊บ” ซินทิ้งหนังสือเล่มหนาในมือบนหัวเพื่อนสนิทที่กล้าหลับในห้องสอบเต็มแรง
“โอ้ย...ซิน บาสเจ็บ” คนขี้เซากล่าวประท้วง
“เจ็บอ่ะดีแล้ว จะได้ตื่นไง เดี๋ยวครูคุมสอบวิชาสุดท้ายจะมาแล้ว ถ้าซินไม่ปลุกมีหวังบาสโดนไล่ออกจากห้องสอบแน่”
“คร้าบ แต่วันหลังช่วยปลุกเราแบบไม่เจ็บตัวนะ ไอ้สวยแต่โหด…โอ้ย ” บาสร้องอีกครั้งเมื่อขาเรียวๆของคนที่นั่งข้างหน้าเอื้อมมาเหยียบเท้าเขาแรงๆ คนหน้าสวยแต่โหดหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะรีบหันกลับไปเพราะอาจารย์คุมสอบวิชาสุดท้ายเดินเข้ามาแล้ว
“โอ้ยยยย สอบเสร็จซะทีโว้ย~” บาสตะโกนอย่างปลอดโปร่งระหว่างทางกลับบ้าน ซินที่เดินอยู่ข้างๆยิ้มขำกับท่าทางของเพื่อน ก่อนจะอดแขวะไม่ได้
“อย่านึกว่าไม่รู้นะว่าแอบลอกซินอ่ะ”
“เอาน่า เพื่อนกัน ...ลอกนิดลอกหน่อยเอง อย่างกดิ” บาสเอื้อมมือมาขยี้ผมยาวของซิน ร่างบางปัดมืออีกคนออก พร้อมกับประท้วง
“ไม่เอาอ่ะ ลอกเราแล้วต้องมีอะไรตอบแทนดิ”
“งั้นหันหน้ามาใกล้ๆ”
บาสหยุดเดินก่อนจะจับมืออีกคนให้หยุดเดินตามไปด้วย ซินหันหน้าเพื่อจะไปถามเพื่อนหยุดเดินทำไม แต่เพียงแค่เสี้ยวนาที แก้มใสๆของร่างบางจะถูกฉกฉวยความหวานไปโดยฝีมือเพื่อนสนิท พร้อมกับบอกคำพูดที่ทำให้ซินสับสนในหัวใจ
“เราชอบซิน”
……………………..
นัทหอบกระเป๋าสะพายใบใหญ่ก่อนจะลงจากรถไฟ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้กลับมาเชียงใหม่อีกครั้งหลังจากที่ผ่านไปกว่าสามปีครึ่ง นัทมองหารถโดยสารที่จะพาเขาไปส่งที่บ้านซิน ร่างสูงยังจำทางไปบ้านเพื่อนสนิทได้อย่างแม่นยำ ก็แน่ล่ะ เขาเคยอยู่แถวนั้นตั้งหลายปีเหมือนกันนี่นา
นัทวางกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋ากีตาร์ไว้บนเบาะอีกฟาก รถสองแถวกำลังพาเขาไปแถวบ้านซิน...ที่ๆเขาเคยอยู่ตอนเด็กๆ แม้จะโหยหาแค่ไหนแต่ก็ตื่นเต้นไม่น้อยกับการที่จะได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนักรถโดยสารสีแดงก็ชะลอความเร็ว ก่อนจะจอดหน้าบ้านที่คุ้นตา นัทสะพายกระเป๋าก่อนจะลงจากรถ แม้ว่ารถโดยสารที่มาส่งจะแล่นออกไปไกลแล้ว แต่ยังไม่กล้ากดกริ่งหน้าบ้านหลังนี้อยู่ดี
ร่างสูงแทบสะดุงเมื่ออยู่ก็มีคนมาแตะหลัง เขาค่อยหันไปช้าๆ ก่อนจะพบว่าเป็นม๊าของซินนั่นเอง
“มาหาใครคะ ...อ้าว นัท? นัทใช่มั้ยลูก”
“เอ่อ ครับ สวัสดีครับม๊า” ร่างสูงสวัสดีผู้เป็นแม่เพื่อนสนิท ก่อนที่ม๊าซินจะลูบหัวนัทอย่างเอ็นดู พร้อมกับชักชวนเขาเข้าบ้าน
“มาๆ เข้าบ้านก่อน...แล้วนี่กินอะไรมารึยังเนี่ย เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้กินนะลูก”
ไม่นานนัทก็เข้ามานั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกในบ้านซินเป็นที่เรียบร้อย ป๊าซินมองเขาอย่างตกใจพร้อมกับต่อว่าที่มาโดยไม่บอกก่อน แต่ก็บ่นเพราะความเป็นห่วงเท่านั้น ร่างสูงกวาดสายตาหาคนที่ต้องการพบ ไม่ก็ไม่เจอ
“ซินยังไม่ตื่น วานไปปลุกบนห้องทีสิ” ป๊าซินเหมือนจะรู้ว่าร่างสูงมองหาใคร
“ครับ...”
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดก่อนจะตรงไปยังห้องนอนเพื่อสนิทที่เมื่อก่อยเคยมานอนอยู่บ่อยๆ นัทบ่นคนไม่ระวังตัวอยู่ในใจเมื่อรู้ว่าร่างบางลืมล็อคห้องอีกแล้ว ก่อนจะบิดลูกบิดเข้าไปที่ห้องนอนซินอย่างช้าๆ
นัทก้าวเข้ามาในห้องนอนที่คุ้นเคย พลางนั่งลงบนเตียงมองคนขี้เซาที่ยังไม่อยู่ตื่นสักที ซินเปลี่ยนไปมาก...ผมยาวขึ้นจากเมื่อก่อน...ใบหน้าหวานๆนั่นก็ดูหวานขึ้นมากว่าเดิม นัทซึมซับภาพของคนที่คิดถึงมานานแสนนาน ก่อนจะค่อยๆกระซิบปลุกอีกคนที่ข้างหู
“ซิน...ซิน ป๊าให้เรามาเรียก...ตื่นได้แล้วนะ”
“ซิน...ตื่นได้แล้ว”
ร่างบางลืมตาขึ้นมาน้อยๆ จากเสียงเรียกของใครสักคน ความง่วงและความมึนงงยังไม่จางหายนัก ตาคู่สวยมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงของเขา...ทำไมถึงเห็นเป็นนัทนะ?
ซินสะบัดหัวไล่ความมึนงงอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะเพ้อหนักถึงขั้นเห็นบาสเป็นนัทแทน ตาคู่สวยกระพริบถี่ๆอีกครั้งพร้อมกับมองคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่รู้ทำไมถึงยังเห็นเป็นนัทอยู่เหมือนเดิม
“นี่ซินเพ้อถึงขนาดคิดว่านัทมาปลุกซินเลยเหรอ ฮ่ะๆ” ร่างบางหัวเราะกับตัวเอง พร้อมกับมองคนที่ตนเองคิดถึงอย่างดีใจ
แม้จะคิดไปเองว่านัทอยู่ข้างๆ...แต่ก็มีความสุข
บางทีเขาอาจจะฝันซ้อนฝัน
แต่ถ้านี่เป็นความฝันจริงๆ...ตอนนี้ซินก็ขอเก็บเกี่ยวช่วงเวลาตอนนี้ไว้ก่อน...ยังไม่อยากตื่น
“ซินไม่ได้ฝัน นัทกลับมาหาซินแล้ว” นัทยิ้มขำกลับท่าทีของเพื่อนสนิท ก่อนจะหยิกแก้มขาวน้อยๆ
“อื้ออ เจ็บ” ร่างบางประท้วง
“เจ็บใช่ไหม? งั้นก็แสดงว่าไม่ได้ฝัน ” นัทยิ้มพลางลูบหัวอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆเพื่อนสนิทก็สะอื้นขึ้นมา พร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาจากตาคู่สวยไม่หยุด
“เฮ้ย ...ซิน เป็นอะไร” นัทเช็ดน้ำตาให้กับซิน พร้อมทั้งถามอย่างร้นรน
“ฮึก...เราดีใจ ที่นัท...กลับมาหาเราแล้ว” ร่างบางยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนอีกคนจะจูบลงมาบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกระซิบกับร่างบางเบาๆ
“ขอโทษนะที่หายไปนาน...นัทกลับมาหาซินแล้วนะครับ”
“ซินเปลี่ยนไปเยอะ...ตอนแรกเราเกือบจำไม่ได้” นัทพูด ขึ้นขณะที่ทั้งสองเดินไปที่โรงเรียนด้วยกัน นัทอยากเห็นโรงเรียนที่พวกเขาเคยเรียนด้วยกันอีกครั้ง ซินจึงอาสาพานัทไปดู
“ใครว่าล่ะ นัทเปลี่ยนไปเยอะกว่าซินอีก สูงกว่าเดิมตั้งขึ้นตั้งเยอะ” ร่างบางที่เดินนำอยู่หันกลับมาตอน พร้อมเอามือตัวเองวัดความสูงจากหัวนัทมาหาหัวตน จากทีเคยสูงเท่าๆกัน ตอนนี้อีกฝ่ายสูงกว่าซินเกือบๆจะสิบเซนติเมตร
“นัทก็สูงเท่าคนทั่วไปแหละ ซินตัวเล็กเอง”
“ว่าเราเตี้ยเหรอ?” คนตัวเล็กประท้วงขึ้นมา พร้อมส่งค้อนให้ร่างสูงวงใหญ่ นัทหัวเราะก่อนจะแก้ตัว
“เปล่าซะหน่อย ดีแล้วล่ะที่นัทสูงกว่า...เราจะได้ปกป้องซินได้ไง”
“ยังจำได้อยู่เหรอ?” ซินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ที่อีกคนยังจำเรื่องราวในวัยเด็กได้
“จำได้สิ...จำได้ทุกอย่างเลยล่ะ อ้าว...โรงเรียนปิดประตูซะแล้ว?” ทั้งสองเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน แต่นัทก็ต้องผิดหวังเมื่อประตูโรงเรียนได้ปิดไปเสียแล้ว
“ก็แน่สิ เย็นป่านนี้แล้วนี่นา...แถมโรงเรียนก็ปิดเทอมไปแล้วด้วย” ซินหันไปตอบ เห็นนัทที่ทำหน้าหงอยอย่างผิดหวังแล้วอดสงสารไม่ได้ ร่างบางจับมือร่างสูง
“ไม่เห็นยากเลย ปิดก็ปีนเข้าดิ”
“เฮ้ย ปีนเลยเหรอ?” นัทถามย้ำอีกครั้ง แต่ซินกลับเริ่มปีนกำแพงโรงเรียนซะแล้ว คนตัวเล็กกว่าปีนกำแพงที่ไม่สูงนักอย่างชำนาญ ก่อนจะกระโดดถึงพื้นอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งโบกไม้โบกมือให้เขาทำตามไป
“รอแป๊บนึงนะ” นัทสูดดหายใจลึกก่อนจะค่อยๆปีกกำแพงตามอีกฝ่ายไป พยายามไปมองความสูงของกำแพงที่ปีนขึ้นมา ก่อนที่จะกระโดดลงพื้นตามอีกคน ร่างสูงถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อถึงพื้นอย่างปลอดภัย
“ยังกลัวความสูงเหมือนเดิมเป๊ะ” ร่างบางกล่าวล้อๆ
ทั้งสองเดินมาจนถึงห้องดนตรีของโรงเรียนที่เมื่อก่อนนัทกับซินเคยเข้ามาซ้อมดนตรีด้วยกันอยู่เป็นประจำ เนื่องจากนัทจากเข้าไปดู ซินหยิบกุญจำรองที่ยืมมาจากบาสก่อนจะไขเข้าไปในนั้น
“ว้าว กีตาร์ตัวที่เราเล่นบ่อยๆยังอยู่ด้วย” นัทตรงเข้าไปหยิบกีตาร์ตัวเดิมที่เคยใช้เล่นประจำสมัยเล่นกีตาร์ให้วงของโรงเรียน ซึ่งนักร้องนำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนหน้าหวานที่เดินมานั่งข้างๆเขานั่นเอง
“ไหนๆ ก็กลับมาละ เล่นสักเพลงไหม” ร่างบางชวน นัทได้แต่ยิ้มเป็นคำตอบ ก่อนจะไล่นิ้วไปบนกีตาร์อย่างชำนาญ
“อยากร้องเพลงอะไรอ่ะ? ”
“ฉันยังเป็นคนที่รักเธอหมดใจ ฉันยังได้แต่คิดถึงเธอเรื่อยไป ฉันยังดูรูปถ่ายที่เราชิดใกล้อยู่ทุกวัน..”
“ฉันยังรอคอยให้เธอนั้นกลับมา ฉันยังกาปฏิทินทุกคืนวันเพราะคำเดียวระยะทางที่มาขวางกั้นเราไว้”
นัทไล่คอร์ดตามเสียงร้องของเพื่อนสนิทเกือบไม่ทัน เมื่อจับจังหวะได้ก็ตีคอร์ดคลอเสียงร้องเพลงคนคนอย่างชำนาญ
“ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย อยู่ตรงนั้นเธอเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ …ฝากเพลงนี้ให้ไปถามเธอดูอยากจะรู้ในความเป็นไป”
ร่างบางร้องเพลงคลอเสียงกีตาร์ของอีกฝ่าย เสียงกีตาร์ของนัทที่ไม่ได้ยินมานาน ซินไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงเลือกเพลงนี้มาร้อง แต่พอมองหน้านัท เพลงๆนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว
“เธอยังคิดถึงฉันทุกนาทีรึเปล่า เธอยังจำเรื่องเราในวันวานได้หรือไม่... เธอยังมีใจให้ฉันคนเดียว ยังรอฉันแค่คนเดียว เธอยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่ใช่ไหม ช่วยบอกให้รู้ที”
................................
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่นัทจะอยู่ที่เชียงใหม่ นัทตัดสินใจที่จะอยู่กับซินที่บ้านทั้งวัน เพื่อที่จะใช้เวลาที่เหลือกับเพื่อนสนิทให้คุ้มที่สุด แต่อีกคนดันเอาแต่ก้มๆเงย วาดอะไรบางอย่างสักพักแล้ว นัทมองอีกฝ่ายอย่างขัดใจ ก่อนจะเริ่มปฎิบัติการก่อกวน โดยการเอาหัวไปเกยที่คอของอีกฝ่าย ก่อนจะคลอเคลียไปมา
“เป็นแมวรึไง” ซินหันไปว่าคนพยายามจะทำลายสมาธิ ภาพเด็กผู้ชายกำลังเล่นกีตาร์ปรากฏขึ้นบนเฟรมสำหรับวาดรูป
“แอบวาดเราเหรอ” นัทเอ่ยถาม ซินเลิกคิ้วน้อยๆเป็นคำตอบ ก่อนจะหันไปสนใจภาพวาดต่อ
“ซินอยากให้มันเสร็จก่อนนัทจะกลับจัง” ร่างบางบ่นกับตนเองเบาๆ ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็เสร็จไม่ทันแน่นอน
“ไม่เป็นไรน่า...เสร็จแล้วค่อยเอามาให้นัทดูก็ได้” นัทปลอบ แต่คำตอบของอีกฝ่ายที่ให้มากลับทำให้หัวใจของเขาชาวาบ
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ล่ะนัท...?”
“หลับแล้วเหรอซิน” นัทที่พึ่งอาบน้ำเสร็จทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ซินส่ายหัวน้อยๆแทนคำตอบมายังไม่ได้หลับ พลางมองร่างสูงตาแป๋ว
“อีกไม่กี่ชั่วโมง ซินกับนัทก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”
“ใครบอกว่าไม่ได้เจอ...ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้ว” นัทลูบหัวเพื่อนสนิทแผ่วเบา พูดปลอบอีกฝ่ายทั้งที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจากนี้จะได้เจอซินอีกไหม
แม่ของเขาพึ่งโทรมาบอกเมื่อวาน...ว่าสอบติดมหาลัยชื่อดังในเยอรมัน สาขาเกี่ยวกับ วิศวกรรมเครื่องยนต์อย่างที่เขาฝันอยากเรียนมาตลอด
ส่วนซิน...ร่างบางได้ทุนไปเรียนต่อด้านศิลปะที่ประเทศญี่ปุ่น
ระยะห่างระหว่างเราสองคน ...ขยายไปไกลแสนไกลยิ่งกว่าเดิม
“อื้อ ซินเชื่อ ...ว่าสักวันเราจะได้เจอกันอีก”
“ซิน ...นัทรัก...” นิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากร่างสูงเป็นเชิงให้หยุดพูด ซินเลื่อนนิ้วตนเองออกช้าๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายประทับลงไปที่ริมฝีปากอีกฝ่าย ความรู้สึกทั้งหมดทั้งปวงที่อัดอั้นของทั้งคู่ถูกส่งผ่านจูบแสนหวาน
“ไม่ต้องบอกเราหรอก...จูบเมื่อกี้มันบอกแทนทุกอย่างแล้ว”
................................
(Japan 2012)
ซินจัดภาพเขียนสีน้ำที่เป็นภาพหลักของงานไว้ในกรอบ ร่างบางยิ้มน้อยๆกับตัวเองที่ภาพๆเดียวจะทำให้คิดถึงอดีตได้ขนาดนี้ สุดท้าย จากวันที่ส่งนัทกลับที่สถานีรถไฟ ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
บางที...คนบางคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใช้ชีวิตร่วมกับเรา...แค่เกิดมาเพียงให้เรารู้จักคำว่ารัก
“อ้าว คุณเจ้าของแกลลอรี่ครับ วันนี้วันเปิดงานแสดงภาพของตัวเองนะ ทำไมทำหน้าบึ้งอย่างงั้นล่ะ” บาสเดินมาแสดงความยินดี พร้อมกล่าวแซว ร่างบางได้แต่ยิ้มน้อยๆไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะตอบ
“นึกถึงตอนวาดภาพนี้อ่ะบาส ซินใช้เวลาตั้งสี่ปีนะ กว่าจะวาดเสร็จ”
“ไปเตรียมงานส่วนอื่นกันเถอะ อีกเดี๋ยวจะถึงเวลาเปิดละนะซิน” บาสกล่าวเตือน พร้อมกันกับที่ร่างบางจะเดินจากไปพร้อมกันๆ
นัทมาติดต่องานที่ญี่ปุ่นได้สามวันแล้ว แต่วันนี้เป็นวันแรกที่เขามีเวลาว่างมากพอที่จะออกมาเดินเที่ยว ร่างสูงเดินผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง สะดุดตากับอาร์ต แกลลอรี่ ที่จัดแสดงอยู่ภายในสวน
ร่างสูงก้าวเข้ามาดูรูปข้างในดั่งต้องมนต์สะกดบางอย่าง เดินมองลายเส้นและและสไตล์การถ่ายรูปที่คุ้นเคยอย่างประหลาด จนมาหยุดที่รูปใจกลางแกลลอรี่
ภาพวาดสีน้ำรูปเด็กเด็กผู้ชายผู้คน คนหนึ่งเล่นกีตาร์ อีกคนกำลังร้องเพลงอยู่ ภาพที่เขาเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนั้นมันยังไม่เสร็จสมบูรณ์
“Are you interesting this picture?”
“yes…what dose it mean?” นัทตอบกลับโดยไม่ได้หันไปมองผู้ดูแลแกลลอรี่ ร่างสูงกล่าวถามถึงคำบรรยายใต้ภาพที่เขียนด้วยภาษาญี่ปุ่นซึ่งเขาอ่านไม่ออก
“It means …wish to see you again”
ร่างสูงพยักหน้าอย่างเข้าใจในความหมาย พลางหันไปขอบคุณผู้บรรยายรูปภาพ แต่ใบหน้าของคู่สนทนาก็ต้องทำให้เขาแปลกใจอีกครั้ง นัทหัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก เมื่อได้พบคนที่ใจคอยแต่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา
“ซิน...”
“ใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ นัท….ในที่สุดนัทก็ได้เห็นภาพนี้ตอนมันเสร็จสมบูณ์สักที”
คนบางคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใช้ชีวิตร่วมกับเรา...แค่เกิดมาเพียงให้เรารู้จักคำว่ารัก
แต่บางทีคนที่ทำให้เรารู้จักรักครั้งแรก และคนสุดท้ายอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้
ตอนจบของนิทานบางเรื่อง...บางทีอาจจะเป็นตอนแรกของนิทานตอนต่อไป
เมื่อระยะทางของคนสองตน ลดลงกลายเป็น0 ....
Fin
ความคิดเห็น