ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF Singular [รวมเรื่องสั้นตามอารมณ์]

    ลำดับตอนที่ #5 : Cinq : one more time,one more chance(lll)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 55


    SF Singular

    Cinq : one more time,one more chance(lll) 

    (Nut’s part)

                    วันนี้เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายของเด็กม.หกอย่างผม ผมรีบแต่งตัว ก่อนจะมานั่งกินข้าวเช้ากับแม่ก่อนจะไปโรงเรียน ทั้งๆที่ปกติผมไม่ค่อยชอบกินข้าวเช้าเท่าไหร่นัก แต่ไม่กล้าอดอาหารเช้าไปสอบจริงๆ เดี๋ยวสมองก็ไม่แล่นพอดีน่ะสิ...

                    พอรู้ว่าสอบปลายภาควันนี้เสร็จแล้วผมก็เหลือเวลาว่างอีกหลายเดือนเลยทีเดียวกว่าจะสอบเข้ามหาลัย  ในหัวผมก็นึกถึงใครอีกคนขึ้นมาทันที คงจะดีไม่น้อยถ้าช่วงวันหยุดนี้แม่อนุญาติให้ไปหาซินที่เชียงใหม่

                    นัทอยากไปเชียงใหม่

                    ผมขออนุญาติไปอย่างที่ใจคิด แม่เพียงแค่พยักหน้าอนุญาติเล็กน้อยก่อนจะบอกให้เดินทางปลอดภัยเท่านั้น

                    ขอบคุณนะครับแม่”  ผมกอดแม่ ก่อนจะไปเอารถเพื่อไปสอบที่รร.วันสุดท้าย ผมสูดลมหายใจลึกๆให้สมองให้ปลอดโปร่ง รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าสอบเสร็จจะได้กลับไปเชียงใหม่อีกครั้ง

                    รอก่อนนะซิน นัทกำลังจะได้ไปหาซินแล้ว...

    (Nut’s part end)

     

                    “บาส...บาส...ไอ่บาส ...ตุ๊บซินทิ้งหนังสือเล่มหนาในมือบนหัวเพื่อนสนิทที่กล้าหลับในห้องสอบเต็มแรง

                    โอ้ย...ซิน บาสเจ็บ  คนขี้เซากล่าวประท้วง

                    เจ็บอ่ะดีแล้ว จะได้ตื่นไง เดี๋ยวครูคุมสอบวิชาสุดท้ายจะมาแล้ว ถ้าซินไม่ปลุกมีหวังบาสโดนไล่ออกจากห้องสอบแน่

                    “คร้าบ แต่วันหลังช่วยปลุกเราแบบไม่เจ็บตัวนะ ไอ้สวยแต่โหดโอ้ย ”  บาสร้องอีกครั้งเมื่อขาเรียวๆของคนที่นั่งข้างหน้าเอื้อมมาเหยียบเท้าเขาแรงๆ คนหน้าสวยแต่โหดหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะรีบหันกลับไปเพราะอาจารย์คุมสอบวิชาสุดท้ายเดินเข้ามาแล้ว

                   

                    โอ้ยยยย สอบเสร็จซะทีโว้ย~” บาสตะโกนอย่างปลอดโปร่งระหว่างทางกลับบ้าน ซินที่เดินอยู่ข้างๆยิ้มขำกับท่าทางของเพื่อน ก่อนจะอดแขวะไม่ได้

                    อย่านึกว่าไม่รู้นะว่าแอบลอกซินอ่ะ

                    “เอาน่า เพื่อนกัน ...ลอกนิดลอกหน่อยเอง อย่างกดิบาสเอื้อมมือมาขยี้ผมยาวของซิน ร่างบางปัดมืออีกคนออก พร้อมกับประท้วง

                    ไม่เอาอ่ะ ลอกเราแล้วต้องมีอะไรตอบแทนดิ

                     “งั้นหันหน้ามาใกล้ๆ

    บาสหยุดเดินก่อนจะจับมืออีกคนให้หยุดเดินตามไปด้วย ซินหันหน้าเพื่อจะไปถามเพื่อนหยุดเดินทำไม แต่เพียงแค่เสี้ยวนาที แก้มใสๆของร่างบางจะถูกฉกฉวยความหวานไปโดยฝีมือเพื่อนสนิท พร้อมกับบอกคำพูดที่ทำให้ซินสับสนในหัวใจ

                    เราชอบซิน

    ……………………..

                    นัทหอบกระเป๋าสะพายใบใหญ่ก่อนจะลงจากรถไฟ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้กลับมาเชียงใหม่อีกครั้งหลังจากที่ผ่านไปกว่าสามปีครึ่ง นัทมองหารถโดยสารที่จะพาเขาไปส่งที่บ้านซิน ร่างสูงยังจำทางไปบ้านเพื่อนสนิทได้อย่างแม่นยำ ก็แน่ล่ะ เขาเคยอยู่แถวนั้นตั้งหลายปีเหมือนกันนี่นา

                    นัทวางกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋ากีตาร์ไว้บนเบาะอีกฟาก รถสองแถวกำลังพาเขาไปแถวบ้านซิน...ที่ๆเขาเคยอยู่ตอนเด็กๆ แม้จะโหยหาแค่ไหนแต่ก็ตื่นเต้นไม่น้อยกับการที่จะได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง

                    ไม่นานนักรถโดยสารสีแดงก็ชะลอความเร็ว ก่อนจะจอดหน้าบ้านที่คุ้นตา นัทสะพายกระเป๋าก่อนจะลงจากรถ แม้ว่ารถโดยสารที่มาส่งจะแล่นออกไปไกลแล้ว แต่ยังไม่กล้ากดกริ่งหน้าบ้านหลังนี้อยู่ดี

                    ร่างสูงแทบสะดุงเมื่ออยู่ก็มีคนมาแตะหลัง เขาค่อยหันไปช้าๆ ก่อนจะพบว่าเป็นม๊าของซินนั่นเอง

                    มาหาใครคะ ...อ้าว นัท? นัทใช่มั้ยลูก

                    “เอ่อ ครับ สวัสดีครับม๊าร่างสูงสวัสดีผู้เป็นแม่เพื่อนสนิท ก่อนที่ม๊าซินจะลูบหัวนัทอย่างเอ็นดู พร้อมกับชักชวนเขาเข้าบ้าน

                    มาๆ เข้าบ้านก่อน...แล้วนี่กินอะไรมารึยังเนี่ย เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้กินนะลูก

     

                    ไม่นานนัทก็เข้ามานั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกในบ้านซินเป็นที่เรียบร้อย ป๊าซินมองเขาอย่างตกใจพร้อมกับต่อว่าที่มาโดยไม่บอกก่อน แต่ก็บ่นเพราะความเป็นห่วงเท่านั้น ร่างสูงกวาดสายตาหาคนที่ต้องการพบ ไม่ก็ไม่เจอ

                    ซินยังไม่ตื่น วานไปปลุกบนห้องทีสิป๊าซินเหมือนจะรู้ว่าร่างสูงมองหาใคร

                    ครับ...

                    ร่างสูงเดินขึ้นบันไดก่อนจะตรงไปยังห้องนอนเพื่อสนิทที่เมื่อก่อยเคยมานอนอยู่บ่อยๆ นัทบ่นคนไม่ระวังตัวอยู่ในใจเมื่อรู้ว่าร่างบางลืมล็อคห้องอีกแล้ว ก่อนจะบิดลูกบิดเข้าไปที่ห้องนอนซินอย่างช้าๆ

                    นัทก้าวเข้ามาในห้องนอนที่คุ้นเคย พลางนั่งลงบนเตียงมองคนขี้เซาที่ยังไม่อยู่ตื่นสักที ซินเปลี่ยนไปมาก...ผมยาวขึ้นจากเมื่อก่อน...ใบหน้าหวานๆนั่นก็ดูหวานขึ้นมากว่าเดิม นัทซึมซับภาพของคนที่คิดถึงมานานแสนนาน ก่อนจะค่อยๆกระซิบปลุกอีกคนที่ข้างหู

                    ซิน...ซิน ป๊าให้เรามาเรียก...ตื่นได้แล้วนะ

                    “ซิน...ตื่นได้แล้ว

                    ร่างบางลืมตาขึ้นมาน้อยๆ จากเสียงเรียกของใครสักคน ความง่วงและความมึนงงยังไม่จางหายนัก ตาคู่สวยมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงของเขา...ทำไมถึงเห็นเป็นนัทนะ?

                    ซินสะบัดหัวไล่ความมึนงงอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะเพ้อหนักถึงขั้นเห็นบาสเป็นนัทแทน ตาคู่สวยกระพริบถี่ๆอีกครั้งพร้อมกับมองคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่รู้ทำไมถึงยังเห็นเป็นนัทอยู่เหมือนเดิม

                    นี่ซินเพ้อถึงขนาดคิดว่านัทมาปลุกซินเลยเหรอ ฮ่ะๆร่างบางหัวเราะกับตัวเอง พร้อมกับมองคนที่ตนเองคิดถึงอย่างดีใจ

                    แม้จะคิดไปเองว่านัทอยู่ข้างๆ...แต่ก็มีความสุข

                    บางทีเขาอาจจะฝันซ้อนฝัน

                    แต่ถ้านี่เป็นความฝันจริงๆ...ตอนนี้ซินก็ขอเก็บเกี่ยวช่วงเวลาตอนนี้ไว้ก่อน...ยังไม่อยากตื่น

     

                    ซินไม่ได้ฝัน นัทกลับมาหาซินแล้วนัทยิ้มขำกลับท่าทีของเพื่อนสนิท ก่อนจะหยิกแก้มขาวน้อยๆ

                    อื้ออ เจ็บร่างบางประท้วง

                    เจ็บใช่ไหม? งั้นก็แสดงว่าไม่ได้ฝัน นัทยิ้มพลางลูบหัวอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆเพื่อนสนิทก็สะอื้นขึ้นมา พร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาจากตาคู่สวยไม่หยุด

                    “เฮ้ย ...ซิน เป็นอะไรนัทเช็ดน้ำตาให้กับซิน พร้อมทั้งถามอย่างร้นรน

                    ฮึก...เราดีใจ ที่นัท...กลับมาหาเราแล้วร่างบางยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนอีกคนจะจูบลงมาบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกระซิบกับร่างบางเบาๆ

                    ขอโทษนะที่หายไปนาน...นัทกลับมาหาซินแล้วนะครับ

     

    ซินเปลี่ยนไปเยอะ...ตอนแรกเราเกือบจำไม่ได้นัทพูด ขึ้นขณะที่ทั้งสองเดินไปที่โรงเรียนด้วยกัน นัทอยากเห็นโรงเรียนที่พวกเขาเคยเรียนด้วยกันอีกครั้ง ซินจึงอาสาพานัทไปดู

    ใครว่าล่ะ นัทเปลี่ยนไปเยอะกว่าซินอีก สูงกว่าเดิมตั้งขึ้นตั้งเยอะร่างบางที่เดินนำอยู่หันกลับมาตอน พร้อมเอามือตัวเองวัดความสูงจากหัวนัทมาหาหัวตน จากทีเคยสูงเท่าๆกัน ตอนนี้อีกฝ่ายสูงกว่าซินเกือบๆจะสิบเซนติเมตร

    นัทก็สูงเท่าคนทั่วไปแหละ ซินตัวเล็กเอง

    ว่าเราเตี้ยเหรอ?”  คนตัวเล็กประท้วงขึ้นมา พร้อมส่งค้อนให้ร่างสูงวงใหญ่ นัทหัวเราะก่อนจะแก้ตัว

    เปล่าซะหน่อย ดีแล้วล่ะที่นัทสูงกว่า...เราจะได้ปกป้องซินได้ไง

    ยังจำได้อยู่เหรอ?ซินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ที่อีกคนยังจำเรื่องราวในวัยเด็กได้

    จำได้สิ...จำได้ทุกอย่างเลยล่ะ อ้าว...โรงเรียนปิดประตูซะแล้ว?ทั้งสองเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน แต่นัทก็ต้องผิดหวังเมื่อประตูโรงเรียนได้ปิดไปเสียแล้ว

    ก็แน่สิ เย็นป่านนี้แล้วนี่นา...แถมโรงเรียนก็ปิดเทอมไปแล้วด้วย ซินหันไปตอบ เห็นนัทที่ทำหน้าหงอยอย่างผิดหวังแล้วอดสงสารไม่ได้ ร่างบางจับมือร่างสูง

    ไม่เห็นยากเลย ปิดก็ปีนเข้าดิ

    เฮ้ย ปีนเลยเหรอ?นัทถามย้ำอีกครั้ง แต่ซินกลับเริ่มปีนกำแพงโรงเรียนซะแล้ว คนตัวเล็กกว่าปีนกำแพงที่ไม่สูงนักอย่างชำนาญ ก่อนจะกระโดดถึงพื้นอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งโบกไม้โบกมือให้เขาทำตามไป

    รอแป๊บนึงนะนัทสูดดหายใจลึกก่อนจะค่อยๆปีกกำแพงตามอีกฝ่ายไป พยายามไปมองความสูงของกำแพงที่ปีนขึ้นมา ก่อนที่จะกระโดดลงพื้นตามอีกคน ร่างสูงถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อถึงพื้นอย่างปลอดภัย

                    ยังกลัวความสูงเหมือนเดิมเป๊ะร่างบางกล่าวล้อๆ

                    ทั้งสองเดินมาจนถึงห้องดนตรีของโรงเรียนที่เมื่อก่อนนัทกับซินเคยเข้ามาซ้อมดนตรีด้วยกันอยู่เป็นประจำ เนื่องจากนัทจากเข้าไปดู ซินหยิบกุญจำรองที่ยืมมาจากบาสก่อนจะไขเข้าไปในนั้น

                    “ว้าว กีตาร์ตัวที่เราเล่นบ่อยๆยังอยู่ด้วยนัทตรงเข้าไปหยิบกีตาร์ตัวเดิมที่เคยใช้เล่นประจำสมัยเล่นกีตาร์ให้วงของโรงเรียน ซึ่งนักร้องนำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนหน้าหวานที่เดินมานั่งข้างๆเขานั่นเอง

                    ไหนๆ ก็กลับมาละ เล่นสักเพลงไหม ร่างบางชวน นัทได้แต่ยิ้มเป็นคำตอบ ก่อนจะไล่นิ้วไปบนกีตาร์อย่างชำนาญ  

                    อยากร้องเพลงอะไรอ่ะ?

                    “ฉันยังเป็นคนที่รักเธอหมดใจ ฉันยังได้แต่คิดถึงเธอเรื่อยไป ฉันยังดูรูปถ่ายที่เราชิดใกล้อยู่ทุกวัน..

    ฉันยังรอคอยให้เธอนั้นกลับมา ฉันยังกาปฏิทินทุกคืนวันเพราะคำเดียวระยะทางที่มาขวางกั้นเราไว้

                    นัทไล่คอร์ดตามเสียงร้องของเพื่อนสนิทเกือบไม่ทัน เมื่อจับจังหวะได้ก็ตีคอร์ดคลอเสียงร้องเพลงคนคนอย่างชำนาญ

                    ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย อยู่ตรงนั้นเธอเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ฝากเพลงนี้ให้ไปถามเธอดูอยากจะรู้ในความเป็นไป

    ร่างบางร้องเพลงคลอเสียงกีตาร์ของอีกฝ่าย เสียงกีตาร์ของนัทที่ไม่ได้ยินมานาน ซินไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงเลือกเพลงนี้มาร้อง แต่พอมองหน้านัท เพลงๆนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว

    เธอยังคิดถึงฉันทุกนาทีรึเปล่า เธอยังจำเรื่องเราในวันวานได้หรือไม่... เธอยังมีใจให้ฉันคนเดียว ยังรอฉันแค่คนเดียว เธอยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่ใช่ไหม ช่วยบอกให้รู้ที

    ................................

                    วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่นัทจะอยู่ที่เชียงใหม่ นัทตัดสินใจที่จะอยู่กับซินที่บ้านทั้งวัน เพื่อที่จะใช้เวลาที่เหลือกับเพื่อนสนิทให้คุ้มที่สุด แต่อีกคนดันเอาแต่ก้มๆเงย วาดอะไรบางอย่างสักพักแล้ว นัทมองอีกฝ่ายอย่างขัดใจ ก่อนจะเริ่มปฎิบัติการก่อกวน โดยการเอาหัวไปเกยที่คอของอีกฝ่าย ก่อนจะคลอเคลียไปมา

                    “เป็นแมวรึไง ซินหันไปว่าคนพยายามจะทำลายสมาธิ ภาพเด็กผู้ชายกำลังเล่นกีตาร์ปรากฏขึ้นบนเฟรมสำหรับวาดรูป

                    แอบวาดเราเหรอนัทเอ่ยถาม ซินเลิกคิ้วน้อยๆเป็นคำตอบ ก่อนจะหันไปสนใจภาพวาดต่อ

                    ซินอยากให้มันเสร็จก่อนนัทจะกลับจังร่างบางบ่นกับตนเองเบาๆ ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็เสร็จไม่ทันแน่นอน

                    ไม่เป็นไรน่า...เสร็จแล้วค่อยเอามาให้นัทดูก็ได้นัทปลอบ แต่คำตอบของอีกฝ่ายที่ให้มากลับทำให้หัวใจของเขาชาวาบ

                    แล้วเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ล่ะนัท...?

     

                    “หลับแล้วเหรอซินนัทที่พึ่งอาบน้ำเสร็จทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ซินส่ายหัวน้อยๆแทนคำตอบมายังไม่ได้หลับ พลางมองร่างสูงตาแป๋ว

                    อีกไม่กี่ชั่วโมง ซินกับนัทก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

                    “ใครบอกว่าไม่ได้เจอ...ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้วนัทลูบหัวเพื่อนสนิทแผ่วเบา พูดปลอบอีกฝ่ายทั้งที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจากนี้จะได้เจอซินอีกไหม

                    แม่ของเขาพึ่งโทรมาบอกเมื่อวาน...ว่าสอบติดมหาลัยชื่อดังในเยอรมัน สาขาเกี่ยวกับ วิศวกรรมเครื่องยนต์อย่างที่เขาฝันอยากเรียนมาตลอด

                    ส่วนซิน...ร่างบางได้ทุนไปเรียนต่อด้านศิลปะที่ประเทศญี่ปุ่น

                    ระยะห่างระหว่างเราสองคน ...ขยายไปไกลแสนไกลยิ่งกว่าเดิม

                    อื้อ ซินเชื่อ ...ว่าสักวันเราจะได้เจอกันอีก 

     

                    “ซิน ...นัทรัก...นิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากร่างสูงเป็นเชิงให้หยุดพูด ซินเลื่อนนิ้วตนเองออกช้าๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายประทับลงไปที่ริมฝีปากอีกฝ่าย ความรู้สึกทั้งหมดทั้งปวงที่อัดอั้นของทั้งคู่ถูกส่งผ่านจูบแสนหวาน

                    ไม่ต้องบอกเราหรอก...จูบเมื่อกี้มันบอกแทนทุกอย่างแล้ว

    ................................

    (Japan 2012)

                    ซินจัดภาพเขียนสีน้ำที่เป็นภาพหลักของงานไว้ในกรอบ ร่างบางยิ้มน้อยๆกับตัวเองที่ภาพๆเดียวจะทำให้คิดถึงอดีตได้ขนาดนี้ สุดท้าย จากวันที่ส่งนัทกลับที่สถานีรถไฟ ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

                    บางที...คนบางคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใช้ชีวิตร่วมกับเรา...แค่เกิดมาเพียงให้เรารู้จักคำว่ารัก

                    อ้าว คุณเจ้าของแกลลอรี่ครับ วันนี้วันเปิดงานแสดงภาพของตัวเองนะ ทำไมทำหน้าบึ้งอย่างงั้นล่ะบาสเดินมาแสดงความยินดี พร้อมกล่าวแซว ร่างบางได้แต่ยิ้มน้อยๆไปให้อีกฝ่าย ก่อนจะตอบ

                    นึกถึงตอนวาดภาพนี้อ่ะบาส ซินใช้เวลาตั้งสี่ปีนะ กว่าจะวาดเสร็จ” 

                    ไปเตรียมงานส่วนอื่นกันเถอะ อีกเดี๋ยวจะถึงเวลาเปิดละนะซินบาสกล่าวเตือน พร้อมกันกับที่ร่างบางจะเดินจากไปพร้อมกันๆ

                   

                    นัทมาติดต่องานที่ญี่ปุ่นได้สามวันแล้ว แต่วันนี้เป็นวันแรกที่เขามีเวลาว่างมากพอที่จะออกมาเดินเที่ยว ร่างสูงเดินผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง สะดุดตากับอาร์ต แกลลอรี่ ที่จัดแสดงอยู่ภายในสวน

                    ร่างสูงก้าวเข้ามาดูรูปข้างในดั่งต้องมนต์สะกดบางอย่าง  เดินมองลายเส้นและและสไตล์การถ่ายรูปที่คุ้นเคยอย่างประหลาด จนมาหยุดที่รูปใจกลางแกลลอรี่

                    ภาพวาดสีน้ำรูปเด็กเด็กผู้ชายผู้คน คนหนึ่งเล่นกีตาร์ อีกคนกำลังร้องเพลงอยู่ ภาพที่เขาเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนั้นมันยังไม่เสร็จสมบูรณ์

                    “Are you interesting this picture?” 

                    “yes…what dose it mean?”  นัทตอบกลับโดยไม่ได้หันไปมองผู้ดูแลแกลลอรี่ ร่างสูงกล่าวถามถึงคำบรรยายใต้ภาพที่เขียนด้วยภาษาญี่ปุ่นซึ่งเขาอ่านไม่ออก

                    “It means …wish to see you again”

                    ร่างสูงพยักหน้าอย่างเข้าใจในความหมาย พลางหันไปขอบคุณผู้บรรยายรูปภาพ แต่ใบหน้าของคู่สนทนาก็ต้องทำให้เขาแปลกใจอีกครั้ง นัทหัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก เมื่อได้พบคนที่ใจคอยแต่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา

                    ซิน...

                    “ใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ นัท….ในที่สุดนัทก็ได้เห็นภาพนี้ตอนมันเสร็จสมบูณ์สักที

                    คนบางคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใช้ชีวิตร่วมกับเรา...แค่เกิดมาเพียงให้เรารู้จักคำว่ารัก

                    แต่บางทีคนที่ทำให้เรารู้จักรักครั้งแรก และคนสุดท้ายอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้

                    ตอนจบของนิทานบางเรื่อง...บางทีอาจจะเป็นตอนแรกของนิทานตอนต่อไป

                    เมื่อระยะทางของคนสองตน ลดลงกลายเป็น0 ....

    Fin

     
    Talk ; จบแล้วววว >< ยาวไปเนอะ ยาวจนเรียกว่าช็อต ฟิคไม่เต็มปาก5555
    อ่านแล้วเม้นสักนิด เดี๋ยวสาปนะ55555
     
    ขอบคุณแรงบันดาลใจสำหรับฟิคเรื่องนี้:) เรื่องต่อไปจะเป็นยังไงติดตามได้
     
    จะกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×