คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Under the North Star[3]
Under the North Star
กิโลเมตรที่3 : อีคุตสค์
เมื่อเราอยู่บนรถไฟ เวลาเดินช้าลง…
ซินใช้เวลาทั้งวันนั่งมองวิวข้างหน้าต่าง รถไฟแล่นผ่านทุ่งขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ที่หน้าต่างรถไฟบอก
ให้รู้ว่าอุณหภูมิด้านนอกคงจะหนาวไม่น้อย แต่สำหรับรถไฟขบวนนี้ที่มีฮีตเตอร์เปิดให้ความอบอุ่นแก่ผู้โดยสารตลอดเวลา แม้ซินจะใส่เพียงเสื้อยืดตัวบางๆก็ยังไม่รู้สึกว่าหนาว
จากอูลานบาร์ตอไปอีคุตสค์ใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน ข้อมูลบนตั๋วโดยสารเขียนบอกไว้ว่าพวกเขาจะถึงอีคุตสค์พรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้า นัทบอกว่าเนื่องจากประเทศรัชเซียนั้นมีหลากหลายไทม์โซน การรถไฟของรัสเซียจึงใช้เวลากลางคือเวลามอสโคว์ซึ่งเป็นเมืองหลวง
เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ดังนั้นที่ตั๋วบอกว่าถึงอีคุตสต์แปดโมงเช้านั้นคือเวลาของมอสโค เวลาท้องถิ่นของเมืองอีคุตสต์จริงๆ
นั้นต้องบวกเพิ่มเข้าไปอีกห้าชั่วโมง
“นั่งรถไฟนานๆเบื่อไหม ?”
คำถามถูกส่งมาจากชายหนุ่มที่นอนอ่านโลนลี่แพนเน็ตอยู่บนเตียงตรงข้ามกัน ซินส่ายหัวน้อยๆ
“ไม่นี่ เราชอบ …เหมือนกับดูหนังสารคดีเรื่องๆหนึ่งที่การดำเนินเรื่องมันเนิบช้ามากๆ แต่มีเสน่ห์”
นัทลอบยิ้มให้กับคำตอบที่ได้รับ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตนเองให้อีกฝ่ายฟังเช่นกัน
“ผมนั่งรถไฟครั้งแรกตอนอยู่ม.ห้า ตอนนั้นผมต้องเดินทางจากกรุงเทพไปที่เชียงใหม่ในช่วงเทศกาลที่ตั๋วรถทัวร์ และเครื่องบินเต็มหมด
การขึ้นรถไฟครั้งแรกของผมเป็นเพราะว่าผมไม่มีทางเลือก แล้วผมก็ค้นพบว่าผมชอบมันเข้าให้แล้ว บนรถไฟ เวลาของผมเดินช้าลง ผมได้เห็นได้สังเกตุบางสิ่งที่ผมมองข้ามไป ผมมีเวลาคิดทบทวนอะไรกับตัวเองมากขึ้น
แต่บางทีผมก็ไม่ชอบรถไฟ …”
นัทหยุดพูดกระทันหัน เขานิ่งไปสักพักจนซินที่เป็นคู่สนทนาต้องถามต่อ
“ทำไมล่ะ ?”
“เพราะยิ่งเวลาบนรถไฟเดินช้าลงเท่าไหร่
เราก็จะมีเวลาให้ความคิดถึง…มากเท่านั้น”
สิ้นคำตอบ นัทจบบทสนทนาโดยการเบนหน้าออกไปทางหน้าต่าง รถไฟยังคงเคลื่อนไปข้างหน้า ทิวทัศน์ข้างนอกที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เริ่มถูกแต่งแต้มด้วยแสงสีส้มของพระอาทิตย์ยามเย็น
รถไฟยังคงเคลื่อนไป …ยังคงเคลื่อนไปข้างหน้า
///////////////////////////////////////////
รถไฟจากมองโกเลียพาทั้งคู่มาถึงเมืองอีคุตสต์ตรงตามเวลา สถานีรถไฟที่อีคุตสค์เป็นอาคารเก่าแก่ สวยแบบคลาสสิคตามอายุ
ของกิจการรถไฟ สิ่งแรกที่ทั้งคู่ทำคือการซื้อตั๋วสำหรับไปมอสโควในวันถัดไป ก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปลิสต์เวียนก้า หมู่บ้านติดทะเลสาบไบคาลที่จะเป็นที่พักของทั้งสองในอีคุตสค์
ทะเลสาบไบคาล เป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของโลกในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเก่าแก่ที่สุด ลึกที่สุด น้ำเยอะที่สุด ใสที่สุด สะอาดมากที่สุด และมีพันธ์สัตว์น้ำอาศัยอยู่มากที่สุด
ทะเลสาบกว้างใหญ่สุดสายตา หมอกหนาและท้องฟ้าสีหม่นๆทำให้เส้นขอบฟ้าและขอบน้ำแทบจะละลายเข้าหากัน
หมู่บ้านลิสต์เวียนก้า เป็นหมู่บ้านเล็กๆริมทะเลสาบไบคาล ตัวหมู่บ้านกับทะเลสาบห่างกันเพียงถนนสองเลนกั้น ระหว่างที่นัทและซินหาโฮมสเตย์สำหรับพักในคืนนี้ คราวนี้นัทให้ซินเป็นฝ่ายเลือกที่พักบ้าง ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงบ้านไม้สองชั้นสีขาว ที่หน้าบ้านมีดอกไม้สีสันสดใสกระถางเล็กๆวางเรียงราย ซินเลือกพักที่นี่ทันทีเพราะถูกใจในความน่ารักของโฮมสเตย์หลังนี้
หลังจากที่เอากระเป๋าเข้าไปเก็บทั้งคู่ก็ชวนกันไปเดินเล่นเลียบทะเลสาบแม้อากาศจะหนาวแต่น้ำในทะเลสาบก็ยังไม่แข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ยิ่งเดินเข้าใกล้ท่าเรือ บรรยากาศยิ่งคึกคักขึ้น เรือหาปลาจอดเทียบท่าในขณะที่เจ้าของเรือนำปลาที่จับมาได้ออกมาขาย คล้ายๆกับตลาด ทั้งคู่เดินผ่านร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของชำ และร้านอื่นๆอีกมากมาย
“ซินหิวหรือยัง ?”
“ก็นิดนึง”
“งั้นรอแป๊บ เดี๋ยวผมมา” พูดจบนัทก็เดินหายไปในตลาด ทิ้งให้คนหน้าหวานยืนมองทะเลสาบอยู่คนเดียวสักพัก ไม่กี่นาที ชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมแซนวิซสองชิ้น
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวที่มอสโคว์ต้องไปนอนบ้านแม่ซิน ผมจะให้ซินเลี้ยงคืนเยอะกว่านี้อีก ฮ่าๆ”
“แย่แล้วสิ” คนถูกแซวหัวเราะตาม ก่อนจะก้มลงไปกัดแซนวิซที่อีกคนซื้อมาให้ด้วยความหิว
แสงสีส้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินสะท้อนลงบนฝืนทะเลสาบไบคาลภาพตรงหน้าสวยงามจนซินต้องหยิบกล้องมือถือขึ้นมา
ถ่ายภาพเก็บไว้ ไม่เสียแรงที่ทั้งคู่นั่งเล่นที่ริมทะเลสาบจนเย็นเพื่อตั้งใจรอดูพระอาทิตย์ตกดิน
“นัท …”
ซินร้องประท้วงขึ้นเบาๆเมื่อหัวทุยของร่างสูงเอนลงมาพักบนไหล่ของคนตัวบาง
“ขออยู่แบบนี้ไปสักพักได้ไหม”
ชายหนุ่มเอ่ยปากขอร้องมือของซินที่กำลังจะดันอีกฝ่ายให้ขยับห่างเปลี่ยนเป็นวางลงบนหัวของนัทก่อนจะค่อยๆลูบไปที่เรือนผมของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
แม้จากนั้นจะไร้บทสนทนาใดๆระหว่างคนทั้งคู่
แต่สำหรับซินแล้ว…
คนหน้าหวานคิดว่าวันนี้เขาได้รู้จักตัวตนของคนที่ชื่อนัทเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
///////////////////////////////////////////
ห้องพักวันนี้มีแค่เตียงคู่เพียงเตียงเดียวเท่านั้น ซินจึงไม่ต้องลากเตียงเพื่อจะย้ายมานอนข้างๆนัทเหมือนกับคราวก่อน
ไฟห้องพักปิดแล้ว แต่สองคนที่ร่วมทางกันมายังนอนคุยกันไม่ยอมหลับ
“ทำไมซินถึงไม่กล้านอนคนเดียว ?”
“ก็ …มันน่ากลัวออก”
นัทมองคนหน้าหวานชายหนุ่มลอบเดาว่าคงเป็นเพราะว่าเราไม่ชินกลับกับการที่ออกมาข้างออก เพราะอีกฝ่ายไม่เคยพาตัวเองออกจากบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัย เลยเกิดความกลัวขึ้นมายามเมื่อต้องอยู่ลำพัง
“ไม่ต้องกลัวนะ”
ชายหนุ่มลูบเรือนผมลอนสวยของอีกฝ่ายเป็นเชิงปลอบ ก่อนจะให้คำมั่นสัญญา
“ทุกครั้งที่ซินกลัว
ผมจะคอยอยู่ข้างๆคุณเอง”
///////////////////////////////////////////
คืนแรกและคืนเดียวที่อีคุตสค์จบลง นัทและซินบอกลาหมู่บ้านลิสต์เวียนก้าก่อนจะนั่งรถประจำทางเข้าสู่ตัวเมือง
เพื่อไปยังสถานีรถไฟ
เนื่องจากพวกเขามาก่อนเวลารถไฟออก จึงต้องนั่งรอรถไฟในสถานีประมาณสิบนาที
“มองอะไร ?” นัทส่งคำถามไปให้คนหน้าหวานที่มองเขาตาแป๋ว
“มองคนพาเราหนีเที่ยว”
“ผมหล่อใช่ไหม”
“งั้นๆอ่ะ”
ร่างบางเบ้ปากพลางหัวเราะน้อยๆ เรียกเสียงประท้วงจากคนพาเที่ยวได้เป็นอย่างดี เสียงเคาะฆังเป็นสัญญาณว่ารถไฟขบวนที่ทั้งคู่รอกำลังจะเข้ามาแล้ว นัทเป็นฝ่ายลุกจากเก้าอี้ก่อน จากนั้นก็ยืนมือส่งไปให้คนที่กำลังนั่งอยู่
“ถึงเวลาแล้ว ไปต่อกันเถอะ”
ซินวางมือลงบนมือที่อีกฝ่ายส่งมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วรับคำชวน
“อื้ม ...ไปด้วยกันเถอะ”
TBC.
ความคิดเห็น