คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Under the North Star [2]
Under the North Star
กิโลเมตรที่2 : อูลานบาตอร์
หลังจากก้าวเท้าลงจากรถไฟ ลมหนาววูบใหญ่ก็เข้ามาทักทายผู้มาเยือนทั้งสองจนซินต้องกระชับเสื้อกันหนาวเข้ากับตัว บรรยากาศในสถานีนั้นค่อนข้างแออัด นัทจึงเลือกจับมือคนตัวเล็กที่ยืนเก้ๆกังๆข้างเขาเอาไว้ ก่อนจะพาไปซื้อตั๋วไปยังเมืองถัดไปซึ่งก็คือเมือง อีคุตสค์ และแลกเงินสำหรับใช้ประเทศมองโกเลีย รถไฟจากอูลานบาตอร์ไปยังอีอุตสค์จะออกในวันพรุ่งนี้เย็น นั่นก็แสดงว่านัทและซินมีเวลาสองวันกับอีกหนึ่งคืนในการอยู่ที่ประเทศมองโกเลีย
หลังจากได้เงินสกุลทูกรุกและตั๋วรถไฟนัทก็กางแผนที่มองโกเลียฉบับภาษาอังกฤษเวอร์ชั่นล่าสุดก็มาเพื่อหาทางไปยังเกตเฮาส์ที่ชายหนุ่มจองไว้ ส่วนซินที่มีหน้าที่เพียงเดิมตามต้อยๆนั้นดูจะตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบๆตัวอย่างเห็นได้ชัดคนหน้าหวานใช้สายตา
มองไปยังบรรดาอาคาร ตึกรามบ้านช่อง รถรารวมไปถึงผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างสนใจ
กระทั่งเดินออกมาจากจุดเริ่มต้นมาสองสามกิโลเมตร จนเวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมงนั่นแหละคนขอมาด้วยจึงเริ่มหายตื่นเต้นแล้วออกอาการประท้วง ด้วยความทรมาณที่ต้องมาเดินอยู่ข้างนอกท่ามกลางอุณหภูมิ-14
“เราว่าเราสองคนเดินผ่านตรงนี้มาสามรอบแล้วนะ เราจำตึกสีส้มๆ ตึกนี้ได้” พูดพลางชี้มือไปยังตึกแถวทรงยุโรปสีส้มสด
“แผนที่ในไกด์บุคบอกว่ากาน่าเกสเฮาส์อยู่แถวนี้นี่นา” นัทพึมพำ ก่อนชายหนุ่มจะก้มลงสำรวจแผนที่อีกครั้ง
“หนาวจัง… เมื่อยแล้วด้วย”
ซินบ่นเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนพื้นถนน เพราะอากาศที่หนาวเย็นบวกกับกระเป๋าใบใหญ่ที่แบกมาเริ่มแสดงถึงการดำรงอยู่ ซินต่างจากนัทที่เตรียมตัวมาก่อน กระเป๋าของชายหนุ่มจึงเป็นเป้ขนาดพอดี และเตรียมมาแต่ของจำเป็นเพียงเท่านั้น
“อย่าพึ่งบ่นสิคุณ เอ้า …ลุกขึ้นมาก่อน”
ชายหนุ่มมองเพื่อนร่วมเดินทางที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้นขำๆ พลางยื่นมือไปให้
“ขอพักห้านาทีได้ไหมอ่ะ”
“ไม่ได้ ลุกๆ…เฮ้ย นี่ไง เจอแล้วเกสเฮาส์”
“จริงอ่ะ?”
ซินหันหลังไปมอง ก่อนจะพบป้ายชื่อเกสเฮาส์เล็กๆ แขวนอยู่ที่ประตูบ้านที่ตัวเองนั่งอยู่บนถนนด้านหน้า เป็นป้ายที่เล็กจนแทบจะสังเกตุไม่เห็น อันที่จริงซินและนัทเดินผ่านบ้านหลังนี้มาหลายรอบแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าบ้านคนธรรมดาๆหลังนี้จะเป็นเกสเฮาส์เป้าหมาย ก็เท่านั้น
นัทกดกริ่ง ไม่นานเจ้าของเกสเฮาส์ก็ออกมาต้อนรับ ก่อนจะนำทางไปยังห้องพักรวมแบบดอร์มที่ตั้งอยู่บนชั้นสองของบ้าน แม้จะเป็นห้องพักรวมแบบมีหลายเตียงมาก ทั้งนัทและซินก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น เพราะคุณกาน่าเจ้าของเกสเฮาส์พึ่งบอกไปว่า หน้าหนาวของที่นี่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ไม่ค่อยมีใครมาท่องเที่ยงมองโกเลียในช่วงอากาศเหน็บหนาวเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นแขกเพียวคนเดียวของห้องนี้ …รวมไปถึงเกสเฮาส์แห่งนี้ด้วย
ซินเลื่อนมุมที่ดีที่สุดของห้องพัก ก่อนจะวางกระเป๋าไว้เป็นการจับจอง ในขณะที่นัทเดินเข้ามาวางกระเป๋าไว้บนเตียงข้างๆเช่นเดียวกัน
"พออยู่ได้ไหม ?”
นัทชวนคุย ในขณะที่ทิ้งตัวลงไปนั่งบนเตียงของตัวเอง
“สบายมาก” คนหน้าหวานตอบพลางชูกำปั้นเป็นเชิงว่าไหวตามที่พูดไว้ เรียกเสียงหัวเราะให้กับนัทได้เป็นอย่างดี
////////////////////////
ลานจัสตุรัสซุคบาร์ทาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า หลังจากพักกันพอหายเหนื่อยจนกระทั่งเกือบบ่ายสอง ทั้งนัทและซินก็ตกลงกันว่าจะเดินออกไปสำรวจเมืองรอบๆ แล้วออกมาหามื้อเที่ยงกินกัน พออิ่มท้องเรียบร้อยก็พากันเดินเล่นมาเรี่อยๆ จนกระทั่งถึงลานแห่งนี้
“สวัสดีครับ คุณเจงกิสข่าน”
ร่างสูงมองขึ้นไปบนรูปปั้นที่ถูกจัดวางไว้ในจุดที่เด่นที่สุดของจัสตุรัส พลางกล่าวทักทายราวกับรู้จักกันมาก่อน ซินมองตามท่าทางของนัทอย่างนึกสนุก
“รู้จักกันเหรอ ?”
“อืม สามปีที่แล้วน่ะ จากหนังเรื่องMongol”
“เรื่องนั้นเราก็เคยดูเหมือนกัน…ในหนังเล่าชีวิตของเจงกิสข่านแค่ช่วงที่เขารวบเผ่าต่างๆของมองโกลมารวมเข้าด้วยกันจนสำเร็จแล้วก็จบลง แต่ไม่ได้เล่าถึงตอนที่เขากรีฑาทัพออกไปล่าโลก …
นี่ คุณเจงกิสข่านครับ อะไรเหรอครับ ที่ทำให้คุณอยากครอบครองดินแดนที่กว้างใหญ่ขนาดนั้น ?”
ร่างบางมองขึ้นไปยังรูปปั้น พลางเอ่ยส่งคำถามขึ้นที่ไร้ซึ่งคำตอบ
////////////////////////
อุณหภูมิที่ค่อยๆลดเรื่อยๆ ทำให้ทั้งสองตัดสินใจกลับที่พักโดยไม่รอให้พระอาทิตย์ตกดิน คุณกาน่าเจ้าของเกสเฮาส์ชวนพวกเขามาทานข้าวเย็นด้วยกัน อาหารเย็นวันนี้เป็นขนมปัง กับซุปเห็ดและเนื้อต้ม ตอนแรกคุณกาน่าไม่เชื่อว่าซินเป็นผู้ชายท่าเดียว จนร่างบางต้องโชว์บัตรประชาชนให้ดู จึงจะยอมเชื่อ แต่ก็ไม่วายทำสีหน้าประหลาดใจ ทำเอานัทถึงกับขำ ส่วนคนโดนขำก็ได้แต่นั่งหน้าแดงด้วยความอาย
หลังจากจบมื้ออาหารทั้งซินและนัทก็ขอตัวกลับมายังห้องพัก ทั้งสองคนทิ้งตัวลงบนเตียงใครเตียงมันด้วยความเมื่อยล้าที่เดินทางกันมาทั้งวัน แต่ก็ไม่วายที่จะนอนหันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุย
“ผิดหวังไหม ที่เลือกเดินทางมาด้วยกัน?” นัทเปิดประเด็น ในขณะที่คนถูกถามส่ายหัวเป็นการตอบคำถาม
“นัททำให้เรารู้ว่าโลกนี้กว้างกว่าที่เราคิด”ชายหนุ่มอดที่ยิ้มไม่ได้กับคำตอบที่ให้รับ
“ผมดีใจนะ ที่มีซินเป็นเพื่อนร่วมทาง”
“นัท…”
“หืม ?”
“เราถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ว่าไง ”
“ทำไม … นัทถึงออกเดินทางเหรอ?”
“…”
“…”
ไม่มีคำตอบใดๆออกจากปากของชายหนุ่ม สายตาของนัทไหววูบ เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะกลับมามั่นคงดังเดิม
“ตอบไม่ได้เหรอ?”
ร่างบางถามต่อ เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาตรงหน้าเงียบลงไป
“อืม …”
“ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะ”
นัทหลับตาลงราวว่ากับคิดอะไรที่หนักใจ ร่างสูงเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม
“สักวันหนึ่ง
ผมจะเล่าให้ฟังแล้วกัน”
ไฟในห้องพักถูกปิดลง เหลือเพียงแสงไฟจากด้านนอกที่ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างที่เป็นกระจกใส พอให้เห็นอะไรบ้าง นัทเปิดโทรศัพท์ที่ตัวเองเป็นคนกดปิดเองกับมือก่อนออกเดินทาง ข้อความและสายที่ไม่ได้รับตั้งแต่กดปิดเครื่องเด้งขึ้นมาแสดงบนหน้าจอ หลายข้อความ หลายสาย …จากผู้ติดต่อชื่อเดียว
ชายหนุ่มมองสิบแปดข้อความที่ไม่ได้อ่านอย่างชั่งใจ
ก่อนจะเลือกที่จะไม่อ่านแล้วกดปิดโทรศัพท์ ก่อนจะโยนมันลงกระเป๋าไว้เหมือนเดิม
“นัท…”
เสียงเรียกจากเตียงข้างๆ ทำเอานัทสะดุ้งน้อยๆ คนที่ชายหนุ่มคิดว่าหลับไปแล้วยันตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียง พลางหันมามองหน้าเขาตาปริบๆ
“เรานอนไม่หลับ ขอนอนด้วยได้ไหม”
“เอาสิ”
ทันทีที่จบประโยค ซินก็ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะจัดแจงลากเตียงของตัวเองเข้ามาติดกับเตียงของนัท เตียงเดียวสองเตียงกลายเป็นเตียงคู่ในพริบตา ร่างบางเว้นระยะห่างพอสมควร ก่อนจะกลับลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง
“พักผ่อนซะนะซิน เก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ด้วย”
“อื้ม”
เวลาผันผ่านไปจนเกือบครึ่งค่อนคืนที่นัทสะดุ้งตื่นขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะอากาศหนาว และตามสัญชาติญาณสิ่งมีชีวิตที่ต้องหาความอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาว คนตัวเล็กข้างๆกันจึงขดตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ชายหนุ่มมองคนที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดพลางยิ้มออกมา …ก่อนที่จะหลับไปอีกครั้ง
////////////////////////
วัดกานดาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดท้ายที่ทั้งนัทและซินเลือกมา ก่อนจะต้องขึ้นรถไฟจากประเทศนี้ไปในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า
“ในช่วงมองโกเลียตกอยู่ภายใต้การปกครองของโซเวียต วัดวาถูกสั่งปิดแล้วเผาทำลายหมด มีแค่วัดกานดานวัดเดียวที่รอดพ้น…”
ร่างสูงกางไกด์บุ๊คขึ้นมาอ่าน ในขณะที่ซินยืนมองฝูงนกพิราบที่กำลังจิกกินอาหารบนพื้นลานหน้าวัด
“นกพวกนั้นมันจะรู้ไหมนะ …ว่าในอดีตมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ?”
ร่างบางพึมพำ
ทั้งสองนั่งบนม้านั่งยาวในลานกลางวัด ก่อนนัทจะเหลือบไปเห็นเสาไม้ที่มีลักษณะผอมสูง มันถูกพันด้วยผ้าหลากสี ในขณะที่พวกเขานั่งอยู่ตรงนี้ มีชาวมองโกลจำนวนหนึ่งเข้ามาขอพรกับเสาต้นนั้นเป็นระยะ
“ขอพรบ้างไหม?”
คนหน้าหวานกล่าวชวน ก่อนทั้งนัทและซินจะยกมือขึ้นมาไหว้ขอพรพร้อมกัน
“นี่ซิน เมื่อกี้ขอพรว่าอะไรเหรอ?” นัทเอ่ยถามคนตัวเล็ก ในขณะที่พวกกำลังเดินออกจากวัดไปยังสถานีรถไฟ
“ไม่บอก…”
“โห่ งกว่ะ”
“แล้วนัทล่ะ เมื่อกี้ขอพรไปว่าอะไร?”
“ก็…ขอให้เราโชคดี”
รถไฟแล่นเข้ามาเทียบชานชาลา คนสองคนออกเดินทางต่อ…ในขณะที่ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆก่อตัวอย่างเงียบๆ ในใจ
TBC
ความคิดเห็น