คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Under The North Star [1]
กิโลเมตรที่ 1
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น นายสถานีชาวจีนโบกธงสัญญาณ ก่อนรถไฟขบวนที่ขึ้นชื่อว่ายาวที่สุดในโลกจะเคลื่อนตัวออกชานลาด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก นัทเร่งฝีเท้า นัยย์ตาคมก็คอยสอดส่องหาห้องผู้โดยสารของตัวเองตามหมายเลขที่ระบุในบัตร เกือบทั้งหมดของรถไฟขบวนที่ถูกกั้นเป็นห้องหับมิดชิดติดอยู่ริมหน้าต่างทางด้านขวา เว้นพื้นที่ประมาณหนึ่งเมตรเป็นทางเดินติดริมหน้าต่างซ้าย โดยจะมีเก้าอี้วางอยู่ริมทางเดิน สำหรับผู้โดยสารที่อยากออกมานั่งชมวิวด้านนอกห้อง
ไม่ถึงนาทีชายหนุ่มก็ลดฝีเท้าลง ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องโดยสารหมายเลขเดียวกับตั๋วในมือ นัทเปิดประตู ห้องโดยสารหน้าตาเหมือนที่เขาเคยเห็นในไกด์บุ๊คปรากฎแก่สายตา ในห้องมีเตียงสองชั้นสองเตียงวางอยู่ชิดริมด้านซ้ายและขวา ทิ้งที่ว่างตรงกลางห้องไว้สำหรับเดิน ส่วนผนังห้องด้านตรงข้ามประตูนั้นเป็นหน้าต่าง
นัทจัดการเก็บสัมภาระ ที่นั่งของเขาคือเตียงด้านล่างฝั่งซ้าย มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นในห้องโดยสาร นัทถอนใจน้อยๆ ชายหนุ่มแอบหวังจะพบเพื่อนร่วมทางดีๆ เผื่อว่าจะได้พูดคุย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางของกันและกัน แต่ก็นั่นแหละ ... จะมีสักกี่คนกันที่จะนึกครึ้มแบกเป้ออกเดินทางในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ เขาล้มตัวลงนอน ทอดสายตามองวิวจากนอกหน้าต่างที่สะท้อนผ่านบานกระจกหลังประตู การเดินทางครั้งนี้จะเป็นเดินการเดินทางที่ยาวไกลที่สุดในชีวิตของเขา
ซึ่งชายหนุ่มหวังว่ามันจะยาวไกลพอที่เขาจะตามหาบางอย่างจนพบ
...และลบบางสิ่งออกไปจากใจ...
ครืดดด...
ประตูห้องโดยสารถูกเลื่อนออกอย่างกระทันหันจนนัทสะดุ้ง พร้อมๆกับผู้โดยสารที่พึ่งเข้ามาใหม่ นัทลอบมองตาม เพื่อนร่วมห้องของเขาเป็นหนุ่มผมยาวชาวเอเชีย ตัวเล็กเสียจนมองแวบแรกนัทเกือบคิดว่าเป็นหญิงสาว คนมาใหม่นั่งลงบนเตียงล่างฝั่งขวา เก็บสัมภาระซึ่งมีเพียงกระเป๋าเป้ใบเดียวก่อนจะหันมายิ้มให้ เขายิ้มตอบ ยังไม่ที่จะชวนอีกฝ่ายคุย เจ้าหน้าที่บนรถไฟก็เข้ามาตรวจตั๋ว
“Hi …where are you from?”
นัทชวนคุย เลือกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารไปก่อนเพราะแม้ว่าจะดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นคนเอเชีย แต่ก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่าประเทศอะไร
“
“อ้าว... คนไทยเหรอครับ?”
“ครับ คุณก็เป็นคนไทยสินะ ...โชคดีจัง”
รอยยิ้มปรากฎขึ้นที่มุมปากทั้งสองคน นัทรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เจอกับคนชาติเดียวกัน ชายหนุ่มแอบคิดว่าอีกฝ่ายก็อาจจะคิดเหมือนกันกับเขา
“ผมชื่อนัทนะ คุณ...ซินเซียร์ใช่ไหม?” ชายหนุ่มทวนชื่อที่อีกฝ่ายแนะนำเมื่อครู่ ซินเซียร์ยิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ มือเรียวยกขึ้นมาถอดแว่นกันแดดที่ปิดบังใบหน้าอยู่เกือบครึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานเกินกว่าจะเป็นชายชาตรี
“เรียกเราว่าซินเฉยๆก็ได้”
“ครับ ...ว่าแต่ซินจะไปไหนเหรอ?”
“เราจะไปมอสโคว์ แล้วนัทล่ะ?” อีกฝ่ายถามกลับ
“ก็ ...คงไปเรื่อยๆ”
คู่สนทนาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจทันทีเมื่อนัทตอบกลับไป ชายหนุ่มจึงอธิบายต่อ
“ผมแบ็คแพกเที่ยวคนเดียวน่ะ กะจะลองเดินทางข้ามทวีปด้วยรถไฟดูสักครั้ง มีคนบอกมานะว่าถ้านั่งรถไฟสายทรานไซเบียเรียไปลงที่มอสโคว์ เราจะสามารถนั่งรถไฟเที่ยวต่อไปได้ไกลถึงอังกฤษเลย จุดหมายสุดท้ายผมอยู่ที่วอเตอร์ลู ...ถ้าไม่หมดแรงเที่ยวไปซะก่อนนะ”
“งั้นนัทก็ลงสถานีมอสโคว์เหมือนเรา?”
“เปล่า ผมลงอูลันบาดอร์ ..กะจะแวะเที่ยวทุกเมืองที่ผ่าน แล้วค่อยนั่งรถไฟไปเมืองต่อไป”
“น่าสนุกจังนะครับ”
“สนุกครับ ... ซินอยากลองบ้างไหมล่ะ?”
“ไม่ดีกว่าฮะ ชีวิตเราคงไม่ค่อยเหมาะกับการลองอะไรใหม่นักหรอก”
คนถูกชวนปฎิเสธพลางส่ายหน้า เสี้ยววินาทีหนึ่งนัทเห็นร่องรอยของความเศร้าในแววตาของซิน แต่อีกเสี้ยววินาทีต่อมาร่องรอยเหล่านั้นก็หายไปราวรับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บทสนทนาเขาและซินจบลงเพียงเท่านั้น ก่อนชายหนุ่มจะขอตัวออกมาหากาแฟดื่มที่ตู้เสบียง
นัทเดินกลับห้องโดยสารของตัวเองพร้อมกับกาแฟสองกระป๋อง เผลอคิดเรื่องเพื่อนใหม่ที่เพิ่งได้รู้จักจนเกือบตลอดทาง ชายหนุ่มติดใจในแววตาเศร้าสร้อย อดที่จะคิดไม่ได้ว่าคนคนนั้นอาจจะเหมือนกับตัวเขาในอดีต
“อ่ะ...กาแฟ ผมซื้อมาฝาก”
ซินกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับไปดื่ม อีกฝ่ายดูสนุกสนานกับทิวทัศน์นอกหน้าต่าง พร้อมกับหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บภาพเป็นระยะๆ โดยมีนัทลอบมองท่าทางของอีกฝ่ายอย่างสนใจ
หรือคนคนนี้ จะเป็นนกน้อยถูกขังที่พึ่งบินออกจากกรง...?
...................................
เวลาล่วงเลยจนเที่ยงคืน ดวงดาวรับหน้าที่ให้แสงสว่างแทนตะวัน รถไฟยังคงวิ่งไฟข้างหน้าด้วความเร็วคงที่ ก่อนจะค่อยๆจอดช้าๆเมื่อรถไฟแล่นเข้าสถานีสุดท้ายของประเทศจีน นัทสะดุ้งตื่น ก่อนจะลุกมาเปิดไฟในห้อง ชายหนุ่มปลุกซินให้เตรียมหนังสือเดินทางให้เรียบร้อย ไม่นานนักก็มีเจ้าหน้าที่ชาวจีนเดินเข้ามาตรวจ
“สถานีนี้เป็นสถานีสุดท้ายของประเทศจีนแล้วน่ะ เจ้าหน้าที่เค้าต้องมาตรวจคนออกเมือง ...เดี๋ยวอีกไม่กี่สถานีก็เข้าประเทศมองโกลเลีย ก็ต้องตรวจคนเข้าเมืองต่อ”
“ดีนะที่นัทอยู่ ไม่งั้นเราคงไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง”
“ซินเดินทางคนเดียวครั้งแรกเหรอ?” ชายหนุ่มอดที่จะถามไม่ได้
“อืม นี่เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่เราออกจากบ้านมาคนเดียว”
“รถจะจอดที่สถานีนี้อีกประมาณสองชั่วโมง ... อยากไปเดินเล่นด้วยกันไหม?” นัทเอ่ยชวน ซินพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเสื้อกันหนาวตัวหนาออกมาใส่ สถานีเล็กๆแห่งนี้มีห้องรับรองสำหรับผู้โดยสาร แต่ทั้งสองเลือกที่จะออกมาเดินเล่นข้างนอกแทน
“ซิน หิมะตก...เข้าข้างในกันดีกว่า เดี๋ยวไม่สบายเอา”
นัทสาวเท้านำ แต่อีกคนกลับหยุดกึก ซินเงยหน้ามองหิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ก่อนมือเล็กจะค่อยๆยื่นออกไปสัมผัสหิมะที่ค่อยๆตกลงมา
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ...ที่เราได้เห็นหิมะ”
“…”
“เป็นครั้งแรกที่เราได้นั่งรถไฟข้ามประเทศ”
“…”
“เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นทุ่งหญ้าสเตปป์ เห็นป่าทุนดร้า ...เรารู้สึกปลอดโปร่ง มีความสุขกับอิสระที่วนเวียนอยู่รอบตัว ... เราไม่อยากให้เวลานี้จบลงไปเลย”
“….”
“…”
“อยากนั่งรถไฟจากที่นี่ไปวอเตอร์ลูด้วยกันไหม?”
“เราไปไม่ได้หรอก”
ซินสั่นหัวฎิเสธด้วยท่าทางเสียดาย
“ถ้านายคิดว่ามันไม่ได้ ...มันก็จะไม่ได้อยู่อย่างนั้นไปตลอดชีวิต เพราะนายไม่เคยแม้แต่คิดจะลองเลยด้วยซ้ำ”
“...”
“ผมยังไม่ได้บอกคุณใช่ไหมว่าทำไมรถไฟต้องมาจอดอยู่ที่สถานีนี้สองชั่วโมง เพราะขนาดรางรถไฟของจีนกับมองโกลเลียไม่เท่ากัน เค้าก็เขาต้องเปลี่ยนจากล้อที่วิ่งในจีน เป็นล้อที่วิ่งในมองโกลเลียแทน”
“…”
“ขนาดรถไฟยังต้องเปลี่ยนล้อเพื่อรางที่เหมาะสม โลกมีการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ...แล้วทำไมคุณถึงไม่อยากลองที่จะเปลี่ยนดูบ้าง?”
“เราไม่กล้าพอ ...ขอโทษนะ”
...................................
หลังจากการรอนานกว่า2 ชั่วโมง ขบวนรถไฟก็เคลื่อนตัวออกจากชานลาอีกครั้ง นัทตรงเข้าห้องปยังเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องของเขาออกไปนั่งดูวิวที่ริมหน้าต่างตรงทางเดินหน้าห้อง
จากตรงนั้นชายหนุ่มไม่รู้ว่าซินกำลังมองอะไร แต่จากตรงนี้...นัทมองซิน และหวังเพียงให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจออกเดินทางไปด้วยกัน
...................................
รุ่งเช้านัทถูกปลุกด้วยเสียงจอแจ เมื่อดูจากข้างนอกจึงรู้ว่ารถไฟกำลังจะเข้าเขตประเทศมองโกเลีย ชายหนุ่มเตรียมหนังสือเดินทาง นัทมองไปทางซินก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายก็เตรียมหนังสือเดินทางพร้อมแล้วเช่นกัน
การตรวจคนเข้าเมืองกินเวลาไม่น้อยก่อนรถไฟจะเคลื่อนขบวนต่อไป นัทเก็บข้าวของ สถานีหน้าเป็นจุดมุ่งหมายของเขาแล้ว ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนร่วมห้องเพื่อจะบอกลา ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังเก็บของอยู่เช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มมองหน้าซินเป็นเครื่องหมายคำถาม อีกฝ่ายจ้องหน้าเขาก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ให้เราไปวอเตอร์ลูด้วยได้ไหม?”
“แน่ใจแล้วเหรอ?”
“ที่สุดอ่ะ”
ขบวนรถไฟค่อยๆจอดสนิทที่สถานีอูลันบาดอร์ ในกลุ่มผู้โดยสารที่เดินลงมา ชายหนุ่มสองคนสะพายเป้คนละใบก็เดินลงมาเช่นกัน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณลาจากส่งมาให้ ซึ่งทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะโบกตอบกลับไป
“เราแอบคิดนะ ว่าพวกเขากำลังอวยพรให้เราโชคดี” ซินพูดขึ้นขณะที่ยกมือโบกลาขบวนรถไฟที่แล่นจากไป
“Have a good trip …ประมาณนี้ป่ะ ผมก็แอบคิดเหมือนซินนะ ฮ่าๆ ”
“ซิน ...จากนี้ไปเราฝากตัวด้วยนะ”ชายหนุ่มยื่นมือออกมาข้างหน้า ก่อนจะรอให้ซินยื่นมือเล็กๆมาประกอบ
“อื้อ ... ลงรถไฟขบวนเดียวกันมาแล้วนี่ ...ฝากตัวด้วยเหมือนกันนะนัท”
ท่ามกลางเมืองที่มีแต่คนแปลกหน้า เขาสองคนยิ้มให้กัน ... โดยไม่อาจคาดเดาเลยว่าการเดินทางครั้งนี้ จะเปลี่ยนชีวิตทั้งคู่ไปในทิศทางใด ...
TBC
ความคิดเห็น