ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic singular ]ณ พระโขนง

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ยามอาทิตย์อัสดง

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 56


     

    ณ พระโขนง

    ตอนที่ 1 ยามอาทิตย์อัสดง

     

       

                                        

     

                แสงสีส้มอ่อนของอาทิตย์ยามอัสดงฉาบไปทั่วท้องฟ้า ผิวน้ำที่กระเพื่อมน้อยๆสะท้อนภาพบนฟ้าจัดแจ่มราวกระจกใส แสงสุดท้ายของวันใกล้จะหมดไปยามตะวันลับขอบฟ้าพร้อมๆกับความมืดที่ค่อยๆย่างกรายเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งตำบล ดวงตะวันใกล้หมดหน้าที่ ขณะเดียวกันจันทราเตรียมรับช่วงต่อ เป็นสัญญาณว่าวันนี้กำลังจะสิ้นสุด

     

                และสำหรับคนสองคนที่ยืนอยู่บนท่าน้ำ ...นี่เป็นเวลาแห่งการจากลา

               

     

            เมื่อนัทได้จดหมายเรียกการรัฐบาลให้ไปรบเป็นทัพหน้า ส่วนคนตัวเล็ก แม้ร่างเพรียวบางตรงหน้าจะงดงามเพียงใด ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นชายชาตรี ...แต่ทว่ากลับเป็นมีโรคประจำตัว ทางการจึงงดเว้นไม่เรียกตัวไปออกรบ

     

     

                ร่างเล็กบนท่าน้ำในอ้อมกอดของชายหนุ่มร่างสูงสะอื้นไห้ราวกับว่าจะขาดใจ ในขณะที่อ้อมแขนแกร่งลูบหัวคนรักแผ่วเบาอย่างปลอบประโลม

     

           

     

           

            “ซินไม่อยากให้นัทไป...

     

     

                นัทต้องไปเพราะมันเป็นหน้าที่ ...แต่นัทสัญญานะ...รบเสร็จเมื่อไหร่ นัทจะกลับมาหาซินให้เร็วที่สุดเลย

     

               

                สัญญานะว่าจะรีบกลับมา”  นิ้วก้อยเล็กๆถูกยื่นไปตรงหน้า

     

               

                อืม... ซินก็ต้องสัญญานะ ว่าจะรอ

     

     

            “สัญญาสิ ซินจะรอนัทอยู่ตรงนี้ ...ไม่ไปไหน

     

            นิ้วก้อยทั้งสองเกี่ยวประทับมั่นคำสัญญา  คนตัวสูงกว่าจุมพิตบนหน้าผากคนตัวเล็กอย่างแสนรัก ก่อนจะเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย

     

                นัทไม่อยู่ ดูแลตัวเองดีๆนะซิน” 

     

            “นัทก็เหมือนกันนะ รักษาตัวดีๆล่ะ ...ซินจะสวดมนต์ทุกคืนให้นัทปลอดภัยกับมา

     

     

            ดวงตากลมมองคนรักที่เดินลงไปที่ท่าน้ำด้วยความใจหาย มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาในขณะที่ยังส่งยิ้มให้นัทที่นั่งอยู่บนเรือ จนกระทั่งนายทหารที่มาเรียกตัวพายเรือพาคนรักของเขาหายไปจนลับสายตา

     

           

            น้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นในยามสุดท้ายของการจากลาไหลออกมา

                   

     

                พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ... ค่ำคืนนี้...ที่ไม่มีนัท ...ช่างหนาวเหลือเกิน

     

     

    .................

     

     

                เวลาล่วงเลยผ่านไปจากวันเป็นเดือน จนกระทั่งย่างเข้าเดือนที่สี่  ซินไม่ได้ข่าวคราวของคนรักที่ถูกส่งไปอยู่ทัพหน้าอีกเลย แต่กระนั้นในยามอาทิตย์อัสดงของทุกวัน ร่างบางก็ยังคงออกมานั่งรอคนรักที่ท่าน้ำหน้าบ้านอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความหวังว่าจะให้เห็นคนที่รอคอยพายเรือกลับมาหาแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แว่ว

     

                จนกระทั่งลมหนาวพัดมา อาการป่วยออดๆแอดๆของซินก็กำเริบอีกครั้ง แต่ร่างบางก็ยังคงออกไปนั่งรอคนรักที่ท่าน้ำ ดังเช่นทุกวัน แม้ใบหน้านวลจะดูซีดเซียวลงถนัดตา

     

                จนกระทั่งคืนที่ฝนหลงฤดูเทลงมาอย่างหนัก ซินนอนคุดคู้ด้วยอาการไข้ขึ้นสูง ร่างบางสั่นอย่างทรมาณด้วยพิษไข้  อ่อนเพลียดั่งเรี่ยวแรงถูกดูดออกไปจนหมดสิ้น ในขณะที่สติสัมปัชชัญญะกำลังเลือนรางลง ภาพคนรักก็ผุดขึ้นมา

     

               

            “ถ้าวันหนึ่งซินตายไป ...นายจะอยู่คนเดียวได้ไหม?

     

     

            “ถ้าโลกนี้ไม่มีซิน ... นัทคงอยู่ไม่ได้

               

               

            เขายังไม่อยากตาย ...

     

            ลมหายใจของซินเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ  น้ำใสๆรื้นขึ้นมาที่ดวงตาคู่สวย

     

                ใบไม้ใบหนึ่งร่วงหล่นลงจากต้น...

     

     

                พร้อมๆกับลมหายใจของร่างบางที่หยุดลง

     

     

    ...................

     

     

     

     

                ร่างสูงที่ถือปืนเตรียมพร้อมออกรบหยุดกึก ... อยู่ๆก็รู้สึกปวดหัวใจขึ้นมากระทันหัน ชายหนุ่มเอื้อมมือไปปาดของเหลวใสๆที่หางตา ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

     

     

                ความรู้สึกเสียใจนี่มันอะไรกัน ...

     

                จู่ๆก็รู้สึกเสียใจ ... เสียใจมากมายเหลือเกิน

     

     

                เฮ้ยนัท หยุดเดินทำไมวะ เป็นอะไรรึเปล่า?เพื่อนร่วมรบเข้ามาแตะไหล่ถามด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มสั่นหัวปฏิเสธ ก่อนจะก้าวออกไปสู่สมรภูมิพร้อมรบครั้งสุดท้าย

     

                เสร็จศึกครั้งนี้...เขาจะได้กลับไปหาซินที่พระโขนงเสียที

     

    .........................

     

                ศพของซินถูกนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดใกล้บ้าน ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาคนตำบล จนกระทั่งสวดครบเจ็ดวัน ก็ได้มีพิธีฌาปนกิจ ยายสมร เพื่อนบ้านอาสานำเอาอัตฐิของซินไปเก็บไว้ในบ้านของร่างบางแทนที่จะเก็บไว้ที่วัด

     

                และในวันที่หญิงชราเปิดประตูเข้าไปในบ้านของเจ้าของอัตฐิในโกฐ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าข้าวของทุกอย่างที่ควรจะรกร้างเพราะไม่มีใครดูแลยังคงอยู่สมบูรณ์ บ้านที่ไม่มีคนอยู่กลับไม่มีแม้เศษฝุ่นราวกับมีคนปัดกวาดเช็ดถู แม้แต่ที่นอนก็ถูกพับเก็บไว้เรียบร้อย

     

                หญิงชราพยายามปลอบใจตัวเองว่าคงมีญาติของซินเข้ามาดูแลทำความสะอาด เธอรีบวางอัตฐิของซินไว้บนหิ้ง รีบทำธุระของตนให้เสร็จเพื่อจะได้ออกจากบ้างหลังนี้เสียที

     

                แต่ก่อนที่จะได้หมุนตัวหันหลัง เสียงตำน้ำพริกทำกับข้าวในครัวก็ดังขึ้น   ...

     

                พร้อมๆกับเจ้าของอัตฐิ ที่มายืนอยู่ข้างหลังยายสมรตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบ ร่างบางเอียงคอยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกล่าวชวนหญิงชรา

     

                กินข้าวเย็นด้วยกันไหมครับ ยายสมร

     

     

            ก่อนที่สติของยายสมรจะดับวูบ ...

     

     

     

                ข่าวลือความเฮี้ยนของวิญญาณซินแพร่กระจายไปทั่วทั้งตำบลอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกล้าพายเรือผ่านหน้าบ้านร่างบางยามพระอาทิตย์อัสดงแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนอย่างรู้ว่าวิญญาณของซินจะมานั่งรอคนรักที่ท่าน้ำหน้าบ้านในเวลาเดิมทุกๆวัน

     

                แม้แต่วันนี้ ...วิญญาณของร่างบางก็ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม

     

                พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ขณะที่วิญญาณหนุ่มถอบถอนหายใจก่อนจะลุกออกจากท่าน้ำ เสียงเรียกที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาในโสต

     

                ซิน ... นัทกลับมาแล้ว

     

     

            “นัท ...

     

           

                ดวงวิญญาณของซินหันกลับไปมอง ก่อนจะพบกับคนรักที่พายเรือเข้ามาเทียบท่า ...พร้อมกับเพื่อนอีกสามคน

     

                การรอคอยของเขาสิ้นสุดลงแล้ว ...

               

                กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งนะ...นัท

               

     

                TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×