คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : six : Just be friends
SF Singular
six : Just be friends
Just be friends all we gotta do just be friends
it’s time to say goodbye…Just be friends
all we gotta do just be friends just be friends just be friends
เมื่อเช้าวันวาน อยู่ๆทุกอย่างมันก็เกิดผุดขึ้นมา
เหมือนฉันเอามือโกยเศษชิ้นส่วนแก้วแตกเข้ารวมกันไว้
ด้วยความสงสัยที่ไม่มีวันได้เอื้อนเอ่ย ได้เพียงแค่ถามตัวเองเบาๆเช่นเดียวกับเสียงจากข้างใน
ที่ร่วงลงไปจากปลายนิ้ว ใช่หรือสิ่งที่เราต้องการ
“ซิน...ซิน...” เสียงเรียกจากคนอีกคนทำให้ผมต้องหันไปตามทิศของเสียง ร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆ
“ช่วงนี้เป็นอะไรวะ นัทเล่นด้วยบนเวทีก็ไม่ยอมเล่นด้วย เมินนัทอย่างกับนัทเป็นหนึ่งในแบ็คอัพอย่างงั้นงั้นแหละ” นัทเอ่ยคำถามที่ทำให้ผมสะดุ้งน้อยๆ ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะตอบคำถามของนัท
“ก็ทางค่ายเค้าบอกให้เล่นกันน้อยๆหน่อยไง ซินเบื่อข่าว ไม่อยากเป็นเรื่องอีก”
“แน่ใจนะเว่ย? ไม่ใช่งอนอะไรกูอีกนะ ” นัทยังถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ผมจึงต้องพยักหน้าถี่เพื่อให้มันสบายใจ สีหน้าของเครียดๆของนัทดูคลายกังวลขึ้นมาก ก่อนจะเอนตัวลงไปนอนบนโซฟา ผมมองตามนัทที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิททรา ใบหน้าคมมีแววเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด บางที...อาจจะเป็นเพราะตารางงานที่แน่นเอี๊ยดทุกวันก็ได้
ผมโกหกนัท...ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจนี่มันคืออะไร คุณเคยรู้สึกแบบผมบ้างไหม? แบบที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งแล้วรู้สึกเบื่อกับทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนความผิดพลาด ความไม่พอใจอะไรเล็กๆน้อยๆระหว่างเรามันสะสมขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้ถึงจุดที่กำลังจะระเบิดออกมา
บางทีอาจจะเป็นผมที่คิดมากไปเอง...นัทไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด
ผมกำลังสบสน...ว่ากำลังจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกับนัทต่อไป
หรือจะถอยกลับมา ลดความสัมพันธ์ของเราให้เหลือแค่คำว่า “เพื่อน” เหมือนเดิม
ทั้งที่ไม่อยาก แต่สิ่งที่อยู่ในใจทำให้ยอมรับ
ลึกๆข้างใน รู้แล้วว่า “เจ็บ” คือทางที่ควรเลือกเดิน
แต่สักเล็กน้อย เธอจะรู้ไหมว่าทำไม รู้สึกเหตุผลเล็กๆที่ทำฉันไม่คิดจะก้าวไป
เพราะเถียงตัวเอง จมกับรักเรา และกลัวที่จะต้องบอก
ผมเดินหานัทจนทั่วบ้าน สุดท้ายก็เจอร่างสูงๆนั่นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่มุมประตูห้องครัว ท่าทางลับๆล่อของนัททำให้ผมอดที่จะสาวฝีเท้าเข้าไปฟังใกล้ๆไม่ได้ อยากรู้ว่านัทคุยกับใคร...ถึงจะรู้ว่าการแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์มันเสียมารยาทก็เถอะ
แต่นัทไม่ใช่คนอื่นนี่นา...นัทเป็นแฟนของผม
อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
“ครับ ดาต้า”
“ไปไม่ได้จริงๆครับ พี่อยู่บ้านซิน”
“ขอโทษนะครับ เอาไว้วันหลังนะ”
ชื่อนี้อีกแล้ว ผมแทบหยุดหายใจเมื่อได้ฟังชื่อของคู่สนทนานัท มือไม้อ่อนแรงจน แก้วกาแฟในมือที่ชงมาให้อีกคนตกลงไปบนพื้น
เพล้ง...
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงแก้ว...หรือเสียงหัวใจผมกันแน่ที่กำลังแตก...?
“ซิน...เอ่อ น้องดาต้า แค่นี้ก่อนนะครับ” นัทหันมามองทางผม อาจจะเพราะมันได้ยินเสียงแก้วตกเมื่อตะกี้ ผมยิ้มเจื่อนๆไปให้อีกฝ่ายก่อนจะก้มเก็บเศษแก้วที่แตก พยามๆจะประกอบให้มันเป็นรูปทรงที่เหมือนเดิมเพื่อที่จะได้ง่ายต่อการเอาไปทิ้ง แต่ดูเหมือนว่าแก้วไปนี้มันจะแตกละเอียดไปแล้ว เศษเล็กเศษน้อยที่ผมพยายามจะเอากลับมาประกอบ เลยบาดเข้ามือผมอย่างจัง
“โอ้ย ...” ผมร้องด้วยความเจ็บปวดที่ปลายนิ้ว เลือดที่นิ้วมือพุ่งออกมาเป็นสาย
“เฮ้ย...ซิน” นัทมองผมอย่างตกใจ ก่อนจะดูดเลือดที่ปลายนิ้วมือผมด้วยริมฝีปาก รอจนเลือดหยุดไหล แล้วจึงหยิบพาสเตอร์ยาจากกระเป๋ากางเกงมาแปะให้ผมที่ปลายนิ้ว ผมนั่งมองการกระทำของมันอย่างตั้งใจ อยู่ๆขอบตาผมมันก็ร้อนผ่าว น้ำใสๆไหลพรูออกมาจากดวงตาอย่างหยุดไม่ได้
“เฮ้ย ซิน...ร้องไห้ทำไม...เจ็บมากเลยเหรอ” นัทมองผมอย่างตกใจ มือหนาเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะดึงตัวผมไปกอดปลอบ ยิ่งนัททำดีมากเท่าไหร่ผมยิ่งสับสน ...ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก...
บางทีความสัมพันธ์จะหว่างผมกับนัทอาจจะเป็นเหมือนจะแก้วที่แตกไปแล้วใบนี้ก็ได้
ถึงพยายามจะประกอบให้มันเหมือนเดิมแค่ไหน แต่ก็แหลกละเอียดจนไม่สามารถทำได้
ยิ่งพยายามจะทำให้เป็นเดิมเหมือน...ความคมของแก้วที่แตกไปแล้วยิ่งบาดมือ...
รอยยิ้มเธอนั้น ที่ฉันได้เก็บให้มันยังเหมือนโลกใบเดิม
ค่อยๆเลือนหายไปกับความรักที่ร่วงโรย
ไม่อยากให้ถึงตอนนี้เลย ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เลย
ฉันจำใจต้องเลือกเดิน
“นัท...” ผมพยายามกลั้นสะอื้น ก่อนจะฝืนพูดขณะอยู่ในอ้อมกอดอ้อมกอดอีกฝ่าย สูดลมใจหายแรงๆ ก่อนจะเอ่ยคำที่อยู่ในใจมานานออกมา
“เราเลิกกันเถอะ”
“…”
จู่ๆเสียงรอบตัวผมมันก็เงียบสงัด ราวกับว่าถ้าเข็มสักเล่มตกลงพื้นก็คงจะได้ยินเสียง เวลารอบตัวเหมือนหยุดหมุน ปล่อยในทั้งผมและนัทจมอยู่กับช่วงเวลาที่แสนอึดอัดนี้กันอย่างอย่างช้าๆ
“ซินพูดว่าอะไรนะ” นัทปล่อยผมออกจากอ้อมกอดของเขา...บางทีนี่อาจจะเป็นกอดสุดท้ายของเราสองคนก็เป็นได้
“ซินพูดว่า ...เราเลิกกันเถอะนัท” ผมมองตานัทตรงอีกๆครั้ง ภาวนาให้น้ำตาตัวเองไม่ไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“ทำไม...?” นัมถามกลับมา ดวงตาของเขาสั่นวูบเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ผมสูดลมหายใจเรียกความเข้มแข็งที่ตอนนี้เหลือเพียงน้อยนิด ก่อนกลั้นใจเอ่ยประโยคที่ทำร้ายจิตใจคนที่ผมเคยรัก
“ซินเบื่อ”
“…”
“นัทเข้าใจแล้ว...” นัทเอ่ยออกมา ก่อนจะลุกขึ้นไปจากพื้น ผมมองร่างของนัทที่เดินออกจากบ้านผมไปจนลับสายตา มองแผ่นหลังที่คุ้นเคยเป็นครั้งสุดท้าย พลันความเข้มแข็งที่พยายามเรียกออกมาเมื่อกี้ก็หายไปจนหมด น้ำตาของผมไหลออกมาเป็นสายไม่หยุด หัวใจแตกสลายราวกับแก้วที่กำลังแตกกองอยู่บนพื้น
ลาก่อน...รักที่เป็นไปไม่ได้
แม้ผมจะรู้ว่าวันหนึ่งมันต้องจบลงแบบนี้....แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้รัก
กัน
คืนนั้น...ผมใช้เวลาทั้งคืนร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
เส้นด้ายบางๆที่เชื่อมเราสองคนติดกันไว้ ...ผมเป็นคนกระชากมันออกด้วยตัวเอง
เสียงที่ฉันกรีดร้องดังเหมือนดั่งทุกข์เจียนตายตรงนี้
ก้องสะท้อนไปจนเริ่มเลือนหาย
เมื่อมันมลาย ก็ไร้ความหมาย เพราะส่งไปไม่ถึงเธอ
ไม่มีสิ่งไหน ที่รั้งฉันไว้ เมื่อจนสุดท้ายแห่งความรัก
เรื่องราวที่ทำให้สองเราต้องเลิกรา เดินจากกัน
มือของฉันจะทำให้มันแหลกไป
และแล้วก็เพียงร้องไห้กับตัวเอง น้ำตาร่วงหล่น
ไหลย้อยที่ตรง ใบหน้าที่ด้านชา ชีวิตนั้นหนาเป็นเช่นนี้เอง
ผมค้นของเก่าๆในห้องนอน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยากเห็นของพวกนี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อผมเปิดลิ้นชักบนสุด รูปโพลารอยด์ที่เคยถ่ายไว้กับนัทก็ปรากฎให้เห็น มันอัดแน่นจนผมแปลกใจว่าเราถ่ายรูปคู่กันเก็บไว้เยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ว่ากันว่าเมื่อตอนจบของความรักมาถึง คนเราจะกลับไปนึกย้อนถึงตอนเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง ผมยิ้มในนัทในรูปแผ่วเบา พลางนึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน
นัทเดินมึนๆเข้ามาในห้องอัด พอได้เนื้อเพลงแล้วก็ก้มหน้าก้มตาใส่ไลน์กีตาร์อย่าไม่สนใจอะไร จนผมถึงกับด่าใจในเบาๆว่า คนอะไรไร้มนุษย์สัมพันธ์สิ้นดี แต่ไม่น่าเชื่อว่าเสียงกีตาร์ของนัทจะเข้ากันได้ดีกับเนื้อเพลงของผม...มันเข้ากันได้ดีจนผมเอ่ยปากชวนนัทมาทำเพลงด้วยกัน
ความสัมพันธ์ของเราเริ่มจากตรงนั้น...
แม้ฉันยังจำวันแรกที่เราได้เจอได้เคยพานพบ
แม้ว่าเวลาที่เธอยิ้มมานั้นยังตรึงใจของฉัน
แต่สิ่งเหล่านี้เชือดรักให้สิ้นไป และทั้งที่รู้เราก็ยังคงลวงหลอกหัวใจ
ฟันเฟืองแห่งวันที่เจ็บเพราะการซ้ำเติมได้คืนย้อนมา
ยังจำได้ดี...วันที่เราเจอกันที่ห้องอัด จำได้ดีว่าเราดีใจแค่ไหนตอนที่บริษัทโซนี่สนใจเดโม่ของเรา ยังจำเวทีแรกที่เราขึ้นแสดงในถานะวงซิงกูล่าได้เสมอ ...ตอนนั้นแม้อะไรๆก็ติดขัดไปหมด แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีนัทที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
ผมปาดน้ำตา ก่อนจะเก็บข้าวของทุกอย่างที่นัทเคยให้ เก็บภาพถ่ายทุกใบที่เป็นความทรงจำลงกล่อง นิทานไม่ว่าจะสนุกสนานแค่ไหน ...สุดท้ายมันก็ต้องมีตอนจบ
ฝนแรงที่พรำในหัวใจทำฉันไม่อาจรับรู้ มันทำให้ฉันแทบยืนอยู่ไม่ไหว
สายตาของฉันเริ่มมองภาพเลือนราง ดังเธออยู่แสนไกล
มันช่างเจ็บช้ำดังใจฉันถูกทิ่มแทงซ้ำอยู่ร่ำไป
ทั้งที่มันควรเริ่มชินชา เพราะว่ารักจบลงแล้ว
เมื่อมองไปยังสายใยที่โยงเราไว้ เพิ่งรู้ว่ามันคอยเลือนมลายลง ไปในทุกวัน
ฉันจึงต้องลา ไม่หันกลับมา มองเธออีกแล้วและก้าวไป
“อ่าว ตายละศิลปินกู วันนี้งานกลางคืนนะครับ พวกคุณจะใส่แว่นตากันแดดมาทำไมไม่ทราบ” พี่โอ๊ตเอ่ยประชดขึ้นบนรถตู้ระหว่างทางไปซิลเวอร์เลค พร้อมกับดึงแว่นตากันแดดให้หลุดออกไปจากหน้าผม ก่อนจะร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
“เฮ่ย ซิน ไปทำอะไรมา เอ่อ...ใส่ไว้อ่ะดีแล้ว เดี๋ยวแฟนคลับตกใจตาย”พี่โอ๊ตพูดพร้อมคืนแว่นตามาให้ ผมแอบเห็นนัทที่นั่งอยู่เบาะถัดจากพี่โอ๊ตมองมาทางผมอย่างเป็นห่วง
“ร้องไห้ทำไม?” นัทหันมาถามผมขณะที่เรารอขึ้นเวทีบนรถตู้กันเพียงสองคน ผมได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ โดยไม่ทันระวังตัวนัทก็ดึงแว่นตากันแดดของผมออก เผยให้เห็นตาของผมที่ทั้งช้ำ ทั้งบวมอย่าเต็มที่
“เมื่อไหร่จะเลิกปากแข็งซะทีวะ”
“…”
“บอกเลิกกู แล้วก็มาร้องไห้เองซะงั้น เอ๊า ซิน อย่างร้อง...เฮ้ย ” นัทกอดผมไว้แล้วลูบหัวปลอบผมช้าๆ ผมที่สะอื้นไม่หยุดได้แต่ด่าตัวเองในใจที่สุดท้ายก็อ่อนแอเหมือนเดิม
ผมปล่อยให้นัทกอดจนมันพอใจ น้ำตาผมหยุดไหลแล้วนานแล้ว แต่ไอ้คนมึนเสมอต้นเสมอปลายยังไม่ปล่อยผมออกจากอ้อมแขน จนผมต้องดันตัวมันออกไป
“นานไปละ หยุดร้องนานแล้วเว่ย”
“กูผิด? กอดเพื่อนนานๆไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” นัทตีหน้ามึนใส่ผม ทั้งๆที่ผมก็พอดูออกว่ามันก็เจ็บไม่ต่างกันกับผม แว่นกันแดดสีชาที่มันใส่มาวันนี้ก็คงเพราะมันต้องการจะปกปิดร่องรอยบางอย่างเหมือนกันกับผม แตกต่างแค่ตรงที่ว่า...นัทเข้มแข็งกว่าผมมาก
“ขอบคุณนะนัท ” ผมเอ่ยขอบคุณนัทอย่างจริงใจ...รู้สึกดีที่แม้จะเสียคนรักไป...แต่ความเป็นเพื่อนที่ดีของอีกฝ่ายยังคงอยู่เสมอ
แม้ว่ามันจะแทนกันไม่ได้...แต่ก็ยังดีกว่าสูญเสียทุกอย่างไปไม่ใช่เหรอ?
“เฮ้ยซิน ดาวตก”
นัทสะกิดให้ผมดูดาวเป็นประกายวิบวับ ที่กำลังตกจากท้องฟ้า ผมรีบหลับตาลง พร้อมทั้งไขว้มืออธิฐาน
“อธิฐานอะไรอ่ะ ?” นัทหันมาถามอย่างสงสัย ผมเพียงแต่ยิ้มเป็นคำตอบ ก่อนที่จะชวนนัทเข้าไปแสตนบายรอโชว์หลังเวที เรื่องอะไรผมจะบอกมันล่ะ ว่าผมอธิฐานว่า....
“..เพียงครั้งหนึ่ง...เพียงครั้งเดียว
หากคำภาวนาสามารถเป็นจริง
ขอให้ได้เกิดใหม่นับครั้งไม่ถ้วน
และได้กลับไปพบเธอในวันเวลาเหล่านั้น...”
…แม้จะได้เกิดใหม่อีกสักกี่ครั้ง ซินก็ยังอยากจะกลับมารักนัท ไม่ว่าตอนจบของรักเราจะเป็นยังไงก็ตาม...
FIN
Talk : วันนี้ไม่ได้ไำปรร.ค่ะ เลยมาอัพเรื่องใหม่
ฟิคเรื่องนี้ไม่มีที่มาที่ไปนะคะ อารมณ์ล้วนๆ555 ติดขัดตรงไหนเราขออภัย
ขอบคุณเพลงjust be friend และประสบการณ์ตรงของตัวเอง สำหรับแรงบันดาลใจ5555
อ่านแล้วเม้นกันสักนิดนะจ้ะ-3-
ความคิดเห็น