ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic singular] Il était une fois ... l'amour กาลครั้งหนึ่งความรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : The Introduction.

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 55


     

     

     

      

     

    Il était une fois .... l'amour

     

     

    The Introduction.

     

     

     

     

     

    เราใช้เวลาด้วยกันบนสะพาน

    เธาเดินข้ามกลับไปยังฝั่งที่เธอเดินมา

    ฉันก้มหน้าเดินกลับไปยังฝังของฉัน

     

     

              ท่าอากาศยานแห่งชาติสุวรรณภูมิในยามหกโมงเช้า บัดนี้กลับเนืองแน่นไปด้วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย หลายคนมารอรับคนสำคัญ เช่นเดียวกับที่หลายคนมาส่ง บรรยากาศที่สนามบินแห่งนี้จึงอบอวลไปด้วยอุ่นไอของความคิดถึง ความห่วงหา และความเศร้าของการจากลา

     

                    มีคนเคยบอกว่า เครื่องบินที่อยู่บนฟ้า ลักพาคนหนึ่งไปจากอีกคนหนึ่งเสมอ แต่หากจะคิดในทางกลับกัน เครื่องบินที่อยู่บนฟ้า ก็นำพาคนหนึ่งไปพบกลับอีกคนหนึ่งเช่นเดียวกัน

     

                    ใกล้เวลาเครื่องจะออกแล้วใช่ไหม?ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกล่าวถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกันยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกา ...อีก 20 นาที คนที่นั่งข้างๆเขาตรงนี้จะโดนเครื่องบินลักพาไปยังที่ๆไกลแสนไกล

     

                    อืม ...คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆตอบกลับมา ก่อนจะเอนหัวไปพิงไหล่หนา ใบหน้าที่พิงไหล่เขาอยู่ ถ้าไม่สังเกตุดีๆ  ไม่สิ ถึงจะสังเกตุดีๆแล้วก็เถอะ ก็แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชายอยู่ดี ทั้งผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนยาวสลายถึงกลางหลัง ทั้งรูปร่างที่ดูบองบางเกินกว่าผู้ชายทั่วไป ทั้งใบหน้าที่สวยหวาน ทั้งหมดนี้ราวกับพระเจ้าทรงลำเอียงปั้นแต่งมาให้กับคนๆนี้เพียงคนเดียว

     

                    บาส ...

     

              “หืม ?

     

              “เปล่า

     

              ปากอิ่มเอ่ยเสียงเรียกคนตัวใหญ่กว่าที่นั่งข้างกัน คล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจไม่พูดมันออกไป ร่างบางปิดเปลือกตาลงช้าๆในขณะที่ศีรษะยังอยู่บนไหล่ของชายหนุ่มข้างกัน 

     

                    ...ยังอยากซึมซับไออุ่นของเขา จนนาทีสุดท้าย...

     

                   

                    “Attention please , Attention please,  Khunaeh Miss HFlight , Passenger of Thai Airways International flight TG790 bound for Paris Plane is now ready to take off. Please straight to the gate immedieatly. Thank you.”

     

              ...อา...ดูเหมือนว่าเวลาจะหมดลงซะแล้วล่ะ....

     

                    ต้องไปเข้าเกทแล้ว ไปนะบาส ...ขอโทษที่ต้องรบกวนแล้วก็ขอบใจจริงๆที่อุสาห์มาส่งซินผุดลุกขึ้นพลางหยิบกระเป๋าเดินทางใบโต เพื่อเตรียมจะลากออกไป

     

                    พูดอะไรอย่างนั้น เรื่องของซินไม่เคยรบกวนบาสเลยนะ คนตัวใหญ่กว่าลุกขึ้นตามอีกฝ่าย มือแกร่งถอดหน้าพันคอของตนเองก่อนจะเอื้อมไปพันมันบนคอระหงของคนตัวเล็ก ก่อนจะบรรจงจัดมันให้เข้าที่

     

                    ฤดูใบไม้ร่วงฝรั่งเศสอากาศเย็นพอๆกับหน้าหนาวบ้านเรา แถมบางวันก็มีฝนลงด้วย ใส่ไปแค่นี้เดี๋ยวเป็นหวัดเอานะเสียงอ่อนโยนติดนำติเล็กๆเมื่อคนหน้าหวานตรงหน้าใส่เพียงเสื้อเชิ๊ต กับสกินนี่ และแจ็คเก็ตตัวยาวเพื่อนป้องกันความหนาวเพียงเท่านั้น

     

                    ขอบใจนะฝ่ายรับได้แต่ยิ้มบางๆส่งมาให้ มือเรียวยกขึ้นมาลูบผ้าพันคอที่อีกฝ่ายให้เล่น ...ดีใจ ที่ยังเป็นห่วงกัน...

     

                    เราไปนะ

     

              “อื้ม ...ซิน ติดต่อกลับมาหาเราบ้างนะ”     

     

              ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังที่คุ้นเคย ที่บัดนี้กำลังเดินห่างออกจากเขาไปเรื่อยๆ แววตาคมมีร่องรอยของความเสียใจวูบหนึ่ง ก่อนจะหายไปเมื่อเจ้าของดวงตาปิดตาลงช้าๆ

     

                    ...เขาไม่อยากเห็นตอนคนนั้นๆเดินจากไป...

     

              1...2…3…4…5…

     

              ชายหนุ่มนับเลขในใจก่อนจะลืมตาขึ้น  ซินคงเดินเข้าเกทไปแล้วสินะ

     

                    บาสอ้ะบาสรวบตัวคนเล็กตรงหน้าเข้ามากอดอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายร้องอย่างตกใจ คนที่ควรจะเข้าเกทไปแล้ว แต่ยังมายืนส่งยิ้มอยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ คนที่เขาเคยรัก และยังคงรัก ตอนนี้กลับกำลังจะบินหนีออกไปจากเขาไปยังที่ไกลแสนไกลอย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา

     

                    ร่างบางที่เพิ่งตั้งตัวได้เอื้อมมือไปกอดตอบคนข้างหน้าเบาๆ พยายามอย่างหนักที่จะกลั้นสะเอื้อนเพื่อบอกลา

                    เราต้องไปแล้วนะ รักษาสุขภาพด้วยนะบาส

     

              “ซินด้วย ... อยู่นั่นอย่าลืมห่มผ้าหนาๆ ออกไปข้างนอกอย่าลืมใส่ผ้าพันคอกับเสื้อโค้ทนะ อย่าเล่นคอมเพลินจนไม่ได้นอน อย่ามัวแต่ทำนู่นทำนี่จนลืมกินข้าว อย่าแอบร้องไห้ตอนกลางคืนเพราะคิดถึงบ้านล่ะประโยคสุดท้ายแกล้งแซวเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้า ก่อนอีกฝ่ายจะตอกกลับโดยการทุบเบาๆที่หน้าอก

     

              “ไปก่อนนะ บาส แล้วเจอกัน

     

              “อื้ม แล้วเจอกัน

     

     

    ในบางครั้ง เมื่อเอ่ยคำว่าแล้วพบกันใหม่ เราไม่รู้หรอกว่า เราจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่

    บางทีความหมายของมันอาจคล้ายคำว่าลาก่อน

     

             

                    ถ้าจบ ม.6 แล้ว บาสอยากไปเรียนต่อที่ไหนเหรอ

     

                    ถ้าเป็นไปได้ บาสก็อยากไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส..ปารีส...เมืองในฝันของเราเลยนะซิน

     

              “โหย...ไกลจัง ถ้าบาสไปฝรั่งเศสจริงๆ งั้นเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันน่ะสิ

     

              “จะยากอะไร ซินก็ไปกับบาสสิ

     

              “ซินไปด้วยได้งั้นเหรอ?

     

              “แน่นอน ...

     

              “งั้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากันก่อน บาสจะไม่หนีซินไปเรียนที่ฝรั่งเศสคนเดียว

     

              “อืม สัญญา

     

     

                         …เราทำตามสัญญาวันนั้นแล้วนะบาส...

     

                                    ...เรากำลังจะไปเรียนต่อที่เมืองในฝันของบาส แต่น่าเสียดาย ที่เราไม่ได้มาด้วยกัน...

     

                                    ...เหมือนกับในสัญญาวันนั้น...

     

             TBC

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×