ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] ราชันย์แห่งสมรภูมิ

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 67


    ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารแห่งหนึ่งย่านซอโช

    บนดาดฟ้าที่มีลมแรง ร่างของนักเลงสามคนซึ่งรวมถึงผู้จัดการปาร์คกำลังคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าชายคนหนึ่งขณะกลั้นเสียงสะอื้น

    “ฮึก...ฮึก… มัน … มันเจ็บมากเหลือเกิน…”

    “แม่จ๋า…”

    กลุ่มนักเลงที่ได้รับ “การฝึกจิตใจ” จากคังชอลอินได้ละทิ้งความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของตัวเองไปจนหมดสิ้น การกระทำของคังชอลอินที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวและไร้ความปราณีจนพวกเขาไม่อาจต้านทานได้

    “หยุดร้องไห้กันสักที”

    คังชอลอินกล่าวขณะนั่งอยู่บนขอบของอาคารด้วยท่าที่ดูเป็นอันตราย

    “ก็มันเจ็บ เจ็บมาก....”

    “พวกเรา …. คงต้องได้ไปโรงพยาบาล …”

    พวกนักเลงยังคงพากันร้องโอดครวญ

    “อยากฝึกกันมากกว่านี้อีกใช่ไหมถึงได้ไม่เงียบกันสักทีเนี่ยห๊ะ?!”

    คังชอลอินถามด้วยความไม่พอใจ

    “ไม่! ไม่เอาแล้ว! ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว!”

    พวกนักเลงพากันร้องประท้วงเสียงดัง

    “อืม ดีมาก”

    คังชอลอิมยิ้มพอใจ

    “นี่ หัวหน้าแก๊ง”

    “คะ ครับ!”

    ผู้จัดการปาร์คตอบรับการเรียกหาของคังชอลอิน

    “แก ต้องเป็นคนไปทำธุระแทนฉัน”

    “เอ่อ...ธุระอะไรหรอครับ?”

    “ตามหาคน เรื่องการตามหาเป็นงานของพวกนักเลงแบบแกอยู่แล้วใช่ไหม?”

    “ชะ ใช่! ใช่ครับ!”

    อย่างที่คังชอลอินพูด ผู้จัดการปาร์คมีสำนักงานเพื่อใช้ทำงานอยู่จริงและหนึ่งในงานของพวกเขาส่วนใหญ่ก็คือการตามหาคน มันเป็นงานแบบหนึ่งที่ทุกแก๊งจะต้องเคยทำ

    “จดไว้ซะ”

    “ห๊ะ?”

    “รีบจดบันทึกไว้ซะสิ”

    “อะ .. ครับ!”

    ผู้จัดการปาร์ครีบควานหาสมุดจดบันทึกขนาดเล็กและปากการาคาถูกในกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อบันทึกข้อมูลที่คังชอลอินกำลังจะพูดด้วยความร้อนรน

    “ชื่อควักจอง อายุ 28 เขตพื้นที่ในโซล มีคนบอกว่าเขาเป็นพวกสูบบุหรี่จัด จำไว้ให้ดี”

    “ครับ … ควักจอง … อายุ 28 … สูบบุหรี่จัด ....”

    ผู้จัดการปาร์คเขียนสิ่งที่คังชอลอินบอกมาอย่างระมัดระวัง

    “นานแค่ไหน?”

    “อะไรนะครับ?”

    “จะใช้เวลาตามหานานแค่ไหน?”

    “นั่นมัน… เอ่อ… ก็...”

    “ก็อะไร?”

    ปากของผู้จัดการปาร์คเปิดค้างไม่กล้าพูดขณะคิดหาข้ออ้างเพื่อตอบกลับคังชอลอินอย่างระวัง

    “เอ่อ … ขอโทษนะครับ แต่ไม่คิดว่าข้อมูลที่คุณให้มาจะน้อยไปหน่อยหรอ...ครับ”

    “งั้นเหรอ?”

    คังชอลอินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

    เมื่อลองคิดอย่างจริงจังมันก็ถูกอย่างที่ผู้จัดการปาร์คบอก เขามีข้อมูลเกี่ยวกับควักจองน้อยเกินไป อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะต้องรู้ชื่อโรงเรียนเก่าเขาบ้างแต่เท่าที่คังชอลอินรู้เกี่ยวกับควักจองก็คือทั้งหมดที่เขาบอกผู้จัดการปาร์คไป แถมเขาเองก็ยังไม่เคยเจอตัวควักจองจริง ๆ มาก่อนอีก

    ‘นี่เราขอมากไปอย่างนั้นเหรอ…? ไม่หรอก ไม่มากสักหน่อย ถ้าไม่งั้นเราจะให้คนไปตามหาให้ทำไมถ้าการเจอตัวมันง่ายขนาดนั้น’

    คังชอลอินยับยั้งความคิดที่จะใจอ่อนของตัวเองไว้ได้ทันจากนั้นก็กลับไปเป็นผู้ว่าจ้างเลือดเย็นและป่าเถื่อนต่อ

    “เห้ย หัวหน้าแก๊ง”

    “ครับท่าน!”

    “ถ้าแกมีสำนักงานไว้ตามหาคนอยู่จริง ๆ ก็ต้องทำให้ได้”

    “…อะไรนะครับ?”

    “ถ้าฉันมีข้อมูลมากกว่านี้ฉันจะขอให้พวกแกออกตามหาให้แทนทำไมกัน จริงไหม?”

    “แต่…!”

    “แต่?”

    “…มะ ไม่มีอะไรครับ”

    ผู้จัดปาร์คจำต้องยอมรับงานตามหาคนของคังชอลอินอย่างช่วยไม่ได้

    “แล้วเวลาล่ะ?”

    “อืม… เพราะเราไม่มีเวลามากนัก...อย่างเร็วที่สุดก็น่าจะ 2 - 3 เดือน แต่ถ้าหากมันยากกว่านั้นก็อาจจะเป็นปี และถ้ามันต้องใช้เวลาเป็นปีก็คงเป็นการยากที่จะตามหาตัวเขาได้เจอ...”

    “ฉันให้เวลา 6 เดือน”

    “ว่าไงนะครับ…!”

    “คิดเท่าไหร่?”

    ดวงตาของผู้จัดการปาร์คเบิกกว้างด้วยความตกใจ

    “คุณ … คุณจะจ่ายเงินให้ด้วยหรอครับ?”

    “ก็ฉันจ้างให้ไปตามหา ฉันก็ควรจ่ายค่าจ้างด้วยไม่ใช่หรือไง?”

    “ผมก็คิดว่าคุณจะให้ผมไปทำงานเป็นลูกน้อง…”

    “ถ้าเป็นลูกน้องฉันแล้วจะไม่เอาเงิน?”

    “ไม่ใช่อย่างนั้น…”

    “พูดให้มันชัด ๆ!”

    “ก็มัน...พวกผมต่อสู้แพ้แล้วคุณก็บอกให้ผมไปทำงานให้ … ผมก็เลยคิดว่าคุณจะเข้ามายึดแก๊งของพวกเรา…”

    เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของคังชอลอินก็เริ่มแสดงความไม่สบอารมณ์ออกมา

    “ผู้จัดการปาร์ค มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”

    “ปาร์คดูชิกครับ เรียกผมว่าปาร์คดูชิกเถอะครับ”

    “ปาร์คดูชิก … โอเค ปาร์คดูชิก”

    “ครับท่าน”

    “ในสายตาฉันดูเหมือนคนจะเข้าไปเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแกอย่างนั้นเหรอ?”

    “ไม่… ไม่เลยครับ!”

    ปาร์คดูชิกตอบเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงภัยที่เป็นอันตราย

    “ฉันน่ะ…”

    คังชอลอินกดเสียงต่ำก่อนจะพูดต่อ

    “เกลียดพวกนักเลงอันธพาลแบบพวกแกมากที่สุด ไอ้พวกที่ชอบใช้หมัดและความรุนแรงเพื่อทำร้ายคนอื่นน่ะ … สิ่งที่พวกแกกำลังทำคือสิ่งที่ฉันเกลียดมากยิ่งกว่าอะไร ชอบทำเป็นเก่งต่อหน้าคนที่อ่อนแอและอ่อนแออย่างน่าอดสูต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่ง เป็นความเลวระยำที่น่ารังเกียจแบบสุด ๆ”

    ด้วยการตักเตือนแบบฉับพลันของคังชอลอิน นักเลงทั้งสามคนรวมถึงปาร์คดูชิกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สิ่งที่เขาพูดไม่มีอะไรผิดไปสักอย่าง 30 นาทีก่อน “การฝึกจิตใจ” จะเริ่มขึ้น พวกเขาคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกลูกระเบิดโจมตีมากขนาดนี้ในตอนที่พวกเขากำลังทำเป็นห้าวหาญแบบนั้น

    “แต่ก็นะ ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมาพูดสอนสิ่งเหล่านี้กับพวกแกได้”

    ด้วยความสุจริตใจ คังชอลอินไม่ได้อยู่ในจุดที่จะไปทับถมสถานะของพวกแก๊งนักเลงแบบนี้ได้เพราะเขาเองก็ใช้กำลังและกองทัพเพื่อทำให้ราชันย์แห่งแพนเจียนับไม่ถ้วนยอมจำนน

    เขาเองก็เป็นเหมือนนักเลงที่แพนเจียไม่มีผิด อย่างไรก็ตามมีสองสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคังชอลอินและพวกนักเลงที่นี่ หนึ่งในนั้นคือเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ไม่ว่ากับใครก็ตาม

    “ถ้าอยากแสดงความแข็งแกร่งก็จงอดทนแม้ตอนนั้นจะมีคนถือมีดมาจี้อยู่ที่คอก็ตาม” คังชอลอินกล่าว

    “ไม่เคยคิดอายตัวเองกันเลยหรือไงตอนทำท่าทีข่มขู่คนอื่นน่ะ? ความต่างระหว่างพวกนักเลงและอัศวินที่ภักดีคืออะไรพวกแกรู้ไหม? พวกนักเลงไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างนอกจากเป็นไฮยีน่าไล่ตามกลิ่นเงิน ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของที่ถูกโยนทิ้งหลังใช้งาน มีพวกนักเลงน้อยกว่า 0.1% ที่จะกลายเป็นซีอีโอหรือหัวหน้าของอะไรก็ได้เมื่อพวกมันอายุมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็มีแต่จะฆ่าแทงกันตายและเข้าออกคุกกันเป็นว่าเล่น ฉันไม่มีวันยอมเป็นแบบนั้น ฉันจะต้องประสบความสำเร็จ ละทิ้งความหวังไร้เหตุผลพวกนั้นลงถังขยะไปซะ”

    คังชอลอินชี้แจงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงข้อจำกัดของการเป็นนักเลงและอัศวิน โดยอ้างอิงถึงข้อจำกัดและคุณภาพที่เป็นลักษณะของแก๊งจากที่ผ่าน ๆ มา

    “แต่พอผ่านพ้นครั้งที่ห้าการเป็นนักเลงก็จะไม่สนุกอีกต่อไป แม้ประเทศนี้กำลังจะถึงคราวตกนรกแต่ประชาชนก็ยังเป็นพลังจำนวนมาก นี่พวกแกเคยได้ยินเรื่องสงครามต่อต้านอาชญากรรมกันมาบ้างไหมวะเนี่ย?”

    ขณะที่คังชอลอินกำลังพูดอยู่ พวกนักเลงต่างพากันกระพริบตาปริบ ๆ และฟังเรื่องราวที่เขาเล่าอย่างตั้งใจ สำหรับนักเลงที่ไม่ได้รับการศึกษาและค่อนข้างโง่ก็ยากที่จะเข้าใจได้ว่าคังชอลอินกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ปาร์คดูชิกที่เป็นหัวหน้าแก๊งดูเหมือนจะพอเข้าใจอยู่เล็กน้อย

    “อย่างไรก็ตาม”

    คังชอลอินเอียงศีรษะไปด้านข้างราวกับว่าเขารำคาญเกินทนที่จะอธิบายถึงความต่างระหว่างเขาและปาร์ดูชิกต่อ

    “พวกแกแค่ทำงานให้ฉันแต่ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแก เมื่อพวกแกทำงานให้ฉันเสร็จก็เป็นอันจบกัน เข้าใจไหม?”

    “ครับบอส!”

    ปาร์คดูชิกพยักหน้า

    “ฉันจะจ่ายให้ล่วงหน้าก่อน 20 ล้านวอน และจะให้อีก 80 ล้านวอนเมื่อพวกนายตามหาตัวควักจองเจอ รวมทั้งหมดก็ 100 ล้านวอน” ดวงตาของแก๊งนักเลงเบิกกว้าง

    “100 ล้าน?”

    “ทำไม? มันน้อยเกินไปหรือไง?”

    “ไม่เลยครับ! มันมากไปซะด้วยซ้ำ!”

    “ไม่ใช่ มันต้องเป็นราคานี้อย่างต่ำต่างหาก”

    ในการออกตามหาคน ๆ หนึ่งที่จะสามารถต่อกรกับลีกงมยองหรือแม้กระทั่งเอาชนะเจ้านั่นได้ 100 ล้านวอนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ

    “ไม่ครับ มันมากเกินไป โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้จะเริ่มที่ 7 ล้านวอน และสูงสุดจะแค่ 30 ล้านวอน…”

    “ถ้าฉันบอกจะจ่ายเท่านี้ฉันก็จะจ่ายเท่านี้ โอ้ หรือนายกำลังคิดว่า…”

    ทันใดนั้นดวงตาของคังชอลอินก็หรี่แคบลงขณะจ้องหน้าปาร์คดูชิกราวกับว่าเขารู้ทันอะไรบางอย่าง

    “คงคิดอยู่ล่ะสิว่าฉันจะไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาให้จากไหนทั้ง ๆ ที่ฉันมันก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน”

    “ไม่นะครับ ไม่ใช่แบบนั้น!”

    ปาร์คดูชิกส่ายมือพัลวันเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

    คังชอลอินยิ้มเยาะ

    “ฉันจะทำหนังสือสัญญาไว้ให้ อีกสามวันฉันจะเอาเงินสด 20 ล้านวอนไปให้ที่สำนักงานของพวกแก 20 ล้านที่ให้ไปตอนแรกก็คงพอใช้ตามหาตัวได้อยู่หรอก ใช่ไหม?”

    ปาร์ดูชิกที่กำลังสับสนมึนงงไม่สามารถพูดตอบอะไรได้นอกจากกระพริบตา

    “ถ้างั้นฉันไปล่ะ อย่าลืมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันเพิ่มเติมในภายหลัง”

    เมื่อพูดจบ คังชอลอินก็เดินออกจากชั้นดาดฟ้าไป

    เกิดความเงียบระหว่างพวกอันธพาลที่ถูกทิ้งไว้บนดาดฟ้า

    “บอส…”

    ชายคนแรกที่พูดขึ้นคือนักเลงกล้ามโตที่ถูกคังชอลอินกระแทกหมัดใส่เข้าที่คาง

    “อะไร?”

    ปาร์คดูชิกตอบรับ

    “เราควรทำยังไงดีครับบอส ให้ผมไปรวบรวมคนอื่น ๆ มาให้หมดเลยดีไหมครับ?”

    “คนอื่น ๆ?”

    “บอสไม่คิดที่จะแก้แค้นหน่อยเลยหรอครับ? แม้ว่ามันจะเก่งแต่มันก็ตัวคนเดียว จำนวนที่มากสิครับถึงจะแข็งแกร่งที่สุด”

    “...กวางพิล”

    “ครับบอส”

    นักเลงที่ชื่อกวางพิลตอบรับการเรียชื่อจากหัวเน่าเสียงต่ำ

    “แค่หมัดเดียวแกก็ล้มไปกองกับพื้นแล้วจำได้ไหม?”

    "..."

    “ไอ้งี่เง่า แม้มันจะผ่านมาได้สักพักแต่ฉันก็เคยเป็นถึงผู้ชนะเหรียญทองในการแข่งกีฬาแห่งชาติ แกก็รู้ใช่ไหม?”

    “เรื่องนั้นผมทราบดีครับ”

    “หมอนั่น ไม่สิ บอสไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ แม้จะมีคนของเราเป็นสิบแต่เราก็ไม่สามารถล้มเขาลงได้ ถ้าพวกแกไม่ใช่นักมวยมืออาชีพก็อย่าหวังว่าจะไปต่อสู้กับเขาได้ ถ้าคิดจะไปหาเรื่องตายก็เตรียมตัวจองโลงศพให้ตัวเองไว้ได้เลย”

    ปาร์คดูชิกที่จดจำทักษะการต่อสู้ของคังชอลอินได้ขึ้นใจส่ายหัว

    “บอส แต่เราต้องรักษาหน้า…”

    “ทำไม เพราะศักดิ์ศรีของแกถูกทำลายจนเจ็บปวดเลยคิดที่จะกลับไปหาเขาอีกครั้งอย่างงั้นหรือไง?”

    “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ …”

    “ปล่อยวางซะ ทำไมเราต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพียงเพื่อจัดการให้ไอ้ประธานนั่นกัน?”

    แม้ศักดิ์ศรีของเขาจะถูกทำลายจนย่อยยับ แต่ปาร์คดูชิกก็ไม่ได้โง่พอที่จะเลือกตอบโต้กับเหตุการณ์แบบนี้

    “แม้ความรู้สึกจะบอกฉันว่ามันไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่”

    ปาร์คดูชิกทำท่าคิดหนัก

    “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเราจะเชื่อใจเขาได้ไหม แต่ถ้าเขาจ่ายให้เรา 100 ล้านวอนจริง ๆ มันก็ยังดีกว่าไปตามเช็ดล้างให้กับเด็ก ๆ บ้านรวยพวกนั้น”

    “บอส! บอสเชื่อใจมันงั้นเหรอครับ? ทั้งที่มันยังดูเด็กแบบนั้นเนี่ยนะ!”

    “ไอ้โง่เอ้ย!”

    ปาร์คดูชิกคำราม

    “แกเคยเจอคนที่ใช้หมัดได้ดีและมีความกล้ามากขนาดนี้มาก่อนไหม? เขาไม่เหมือนใคร แค่เพียงเหลือบตามองก็รู้ได้แล้วว่าเขาน่ะแตกต่าง ต่อให้แกไปยืนโบกเหล็กต่อหน้า เขาก็จะไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ”

    “ก็อาจจะจริง …”

    “เพื่อให้อยู่รอดในวงการนี้แกก็หัดใช้สมองซะบ้าง คิดแต่จะใช้กำปั้นงั้นหรอ? เหอะ อย่าโง่ไปหน่อยเลย อย่างที่บอสพูดไว้ การเป็นนักเลงสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องสนุก”

    “...”

    “เรายังไม่ได้สูญเสียอะไรเพราะงั้นก็ลองดูท่าทีไปก่อน ดูว่าอีกสามวันหลังจากนี้เขาจะเอาเงิน 20 ล้านวอนมาให้เราจริง ๆ ไหม เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ใหม่”

    ด้วยเหตุนี้ สายตาของปาร์คดูชิกจึงเป็นประกายขึ้นอย่างรุนแรง

    ในเวลาเดียวกัน คังชอลอินที่ลงมาจากดาดฟ้าก็ขึ้นแท๊กซี่เพื่อมุ่งหน้ากลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองทันที

    'ภารกิจตามหาควักจองจบแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้เจอตัวเท่านั้น… ถ้างั้นตอนนี้เราก็มุ่งเน้นไปที่การออกกำลังกายด้วยเวลาทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่'

    มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฝึกฝนร่างกายไว้ล่วงหน้าเพื่อการอัญเชิญครั้งยิ่งใหญ่ แพนเจียเป็นโลกที่ต่างจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ที่โลกนั้นจะมีสัตว์ประหลาดที่เป็นอันตรายอยู่ทุกประเภทและไม่มีกฎหมายควบคุมดินแดนแต่อย่างใด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ มันจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งและพลัง

    ‘หรือเราควรไปสมัครสมาชิกที่ฟิตเนสดี? แต่เดี๋ยวนะ เรามีเงินในบัญชีอยู่เท่าไหร่กัน?’

    เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นจำเป็นต้องมีการฝึกฝนแบบตัวต่อตัวจากครูฝึกสอนที่ดี และเพื่อให้ได้ครูฝึกสอนเก่ง ๆ มันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง คังชอลอินจึงตรวจสอบยอดเงินที่เหลือในบัญชีธนาคารของเขาผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนแล้วพบว่า

    ‘เวร… ไม่มีเงิน’

    ‘แม้แต่เงินที่จะจ่ายล่วงหน้าให้กับนักเลงพวกนั้นก็ไม่มี’

    ‘ตอนนี้มีติดตัวอยู่แค่ 2 ล้านวอนเท่านั้น ด้วยจำนวนเงินเท่านั้นมันไม่มีมากพอที่จะรักษาศักดิ์ศรีในฐานะจอมราชันย์ไว้ได้’

    ‘คงต้องไปหายืมมาสินะ’

    คังชอลอินยังคงสงบแม้ในบัญชีธนาคารจะว่างเปล่า

    ในอีก 3 - 4 เดือนข้างหน้าเขาก็จะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยแบบสุด ๆ ดังนั้นในตอนนี้มันไม่มีทางเลือกใดดีไปกว่าการขอกู้เงินมาก่อน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×