ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารแห่งหนึ่งย่านซอโช
บนดาดฟ้าที่มีลมแรง ร่างของนักเลงสามคนซึ่งรวมถึงผู้จัดการปาร์คกำลังคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าชายคนหนึ่งขณะกลั้นเสียงสะอื้น
“ฮึก...ฮึก… มัน … มันเจ็บมากเหลือเกิน…”
“แม่จ๋า…”
กลุ่มนักเลงที่ได้รับ “การฝึกจิตใจ” จากคังชอลอินได้ละทิ้งความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของตัวเองไปจนหมดสิ้น การกระทำของคังชอลอินที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวและไร้ความปราณีจนพวกเขาไม่อาจต้านทานได้
“หยุดร้องไห้กันสักที”
คังชอลอินกล่าวขณะนั่งอยู่บนขอบของอาคารด้วยท่าที่ดูเป็นอันตราย
“ก็มันเจ็บ เจ็บมาก....”
“พวกเรา …. คงต้องได้ไปโรงพยาบาล …”
พวกนักเลงยังคงพากันร้องโอดครวญ
“อยากฝึกกันมากกว่านี้อีกใช่ไหมถึงได้ไม่เงียบกันสักทีเนี่ยห๊ะ?!”
คังชอลอินถามด้วยความไม่พอใจ
“ไม่! ไม่เอาแล้ว! ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว!”
พวกนักเลงพากันร้องประท้วงเสียงดัง
“อืม ดีมาก”
คังชอลอิมยิ้มพอใจ
“นี่ หัวหน้าแก๊ง”
“คะ ครับ!”
ผู้จัดการปาร์คตอบรับการเรียกหาของคังชอลอิน
“แก ต้องเป็นคนไปทำธุระแทนฉัน”
“เอ่อ...ธุระอะไรหรอครับ?”
“ตามหาคน เรื่องการตามหาเป็นงานของพวกนักเลงแบบแกอยู่แล้วใช่ไหม?”
“ชะ ใช่! ใช่ครับ!”
อย่างที่คังชอลอินพูด ผู้จัดการปาร์คมีสำนักงานเพื่อใช้ทำงานอยู่จริงและหนึ่งในงานของพวกเขาส่วนใหญ่ก็คือการตามหาคน มันเป็นงานแบบหนึ่งที่ทุกแก๊งจะต้องเคยทำ
“จดไว้ซะ”
“ห๊ะ?”
“รีบจดบันทึกไว้ซะสิ”
“อะ .. ครับ!”
ผู้จัดการปาร์ครีบควานหาสมุดจดบันทึกขนาดเล็กและปากการาคาถูกในกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อบันทึกข้อมูลที่คังชอลอินกำลังจะพูดด้วยความร้อนรน
“ชื่อควักจอง อายุ 28 เขตพื้นที่ในโซล มีคนบอกว่าเขาเป็นพวกสูบบุหรี่จัด จำไว้ให้ดี”
“ครับ … ควักจอง … อายุ 28 … สูบบุหรี่จัด ....”
ผู้จัดการปาร์คเขียนสิ่งที่คังชอลอินบอกมาอย่างระมัดระวัง
“นานแค่ไหน?”
“อะไรนะครับ?”
“จะใช้เวลาตามหานานแค่ไหน?”
“นั่นมัน… เอ่อ… ก็...”
“ก็อะไร?”
ปากของผู้จัดการปาร์คเปิดค้างไม่กล้าพูดขณะคิดหาข้ออ้างเพื่อตอบกลับคังชอลอินอย่างระวัง
“เอ่อ … ขอโทษนะครับ แต่ไม่คิดว่าข้อมูลที่คุณให้มาจะน้อยไปหน่อยหรอ...ครับ”
“งั้นเหรอ?”
คังชอลอินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อลองคิดอย่างจริงจังมันก็ถูกอย่างที่ผู้จัดการปาร์คบอก เขามีข้อมูลเกี่ยวกับควักจองน้อยเกินไป อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะต้องรู้ชื่อโรงเรียนเก่าเขาบ้างแต่เท่าที่คังชอลอินรู้เกี่ยวกับควักจองก็คือทั้งหมดที่เขาบอกผู้จัดการปาร์คไป แถมเขาเองก็ยังไม่เคยเจอตัวควักจองจริง ๆ มาก่อนอีก
‘นี่เราขอมากไปอย่างนั้นเหรอ…? ไม่หรอก ไม่มากสักหน่อย ถ้าไม่งั้นเราจะให้คนไปตามหาให้ทำไมถ้าการเจอตัวมันง่ายขนาดนั้น’
คังชอลอินยับยั้งความคิดที่จะใจอ่อนของตัวเองไว้ได้ทันจากนั้นก็กลับไปเป็นผู้ว่าจ้างเลือดเย็นและป่าเถื่อนต่อ
“เห้ย หัวหน้าแก๊ง”
“ครับท่าน!”
“ถ้าแกมีสำนักงานไว้ตามหาคนอยู่จริง ๆ ก็ต้องทำให้ได้”
“…อะไรนะครับ?”
“ถ้าฉันมีข้อมูลมากกว่านี้ฉันจะขอให้พวกแกออกตามหาให้แทนทำไมกัน จริงไหม?”
“แต่…!”
“แต่?”
“…มะ ไม่มีอะไรครับ”
ผู้จัดปาร์คจำต้องยอมรับงานตามหาคนของคังชอลอินอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วเวลาล่ะ?”
“อืม… เพราะเราไม่มีเวลามากนัก...อย่างเร็วที่สุดก็น่าจะ 2 - 3 เดือน แต่ถ้าหากมันยากกว่านั้นก็อาจจะเป็นปี และถ้ามันต้องใช้เวลาเป็นปีก็คงเป็นการยากที่จะตามหาตัวเขาได้เจอ...”
“ฉันให้เวลา 6 เดือน”
“ว่าไงนะครับ…!”
“คิดเท่าไหร่?”
ดวงตาของผู้จัดการปาร์คเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“คุณ … คุณจะจ่ายเงินให้ด้วยหรอครับ?”
“ก็ฉันจ้างให้ไปตามหา ฉันก็ควรจ่ายค่าจ้างด้วยไม่ใช่หรือไง?”
“ผมก็คิดว่าคุณจะให้ผมไปทำงานเป็นลูกน้อง…”
“ถ้าเป็นลูกน้องฉันแล้วจะไม่เอาเงิน?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
“พูดให้มันชัด ๆ!”
“ก็มัน...พวกผมต่อสู้แพ้แล้วคุณก็บอกให้ผมไปทำงานให้ … ผมก็เลยคิดว่าคุณจะเข้ามายึดแก๊งของพวกเรา…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของคังชอลอินก็เริ่มแสดงความไม่สบอารมณ์ออกมา
“ผู้จัดการปาร์ค มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”
“ปาร์คดูชิกครับ เรียกผมว่าปาร์คดูชิกเถอะครับ”
“ปาร์คดูชิก … โอเค ปาร์คดูชิก”
“ครับท่าน”
“ในสายตาฉันดูเหมือนคนจะเข้าไปเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแกอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่… ไม่เลยครับ!”
ปาร์คดูชิกตอบเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงภัยที่เป็นอันตราย
“ฉันน่ะ…”
คังชอลอินกดเสียงต่ำก่อนจะพูดต่อ
“เกลียดพวกนักเลงอันธพาลแบบพวกแกมากที่สุด ไอ้พวกที่ชอบใช้หมัดและความรุนแรงเพื่อทำร้ายคนอื่นน่ะ … สิ่งที่พวกแกกำลังทำคือสิ่งที่ฉันเกลียดมากยิ่งกว่าอะไร ชอบทำเป็นเก่งต่อหน้าคนที่อ่อนแอและอ่อนแออย่างน่าอดสูต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่ง เป็นความเลวระยำที่น่ารังเกียจแบบสุด ๆ”
ด้วยการตักเตือนแบบฉับพลันของคังชอลอิน นักเลงทั้งสามคนรวมถึงปาร์คดูชิกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สิ่งที่เขาพูดไม่มีอะไรผิดไปสักอย่าง 30 นาทีก่อน “การฝึกจิตใจ” จะเริ่มขึ้น พวกเขาคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกลูกระเบิดโจมตีมากขนาดนี้ในตอนที่พวกเขากำลังทำเป็นห้าวหาญแบบนั้น
“แต่ก็นะ ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมาพูดสอนสิ่งเหล่านี้กับพวกแกได้”
ด้วยความสุจริตใจ คังชอลอินไม่ได้อยู่ในจุดที่จะไปทับถมสถานะของพวกแก๊งนักเลงแบบนี้ได้เพราะเขาเองก็ใช้กำลังและกองทัพเพื่อทำให้ราชันย์แห่งแพนเจียนับไม่ถ้วนยอมจำนน
เขาเองก็เป็นเหมือนนักเลงที่แพนเจียไม่มีผิด อย่างไรก็ตามมีสองสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคังชอลอินและพวกนักเลงที่นี่ หนึ่งในนั้นคือเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ไม่ว่ากับใครก็ตาม
“ถ้าอยากแสดงความแข็งแกร่งก็จงอดทนแม้ตอนนั้นจะมีคนถือมีดมาจี้อยู่ที่คอก็ตาม” คังชอลอินกล่าว
“ไม่เคยคิดอายตัวเองกันเลยหรือไงตอนทำท่าทีข่มขู่คนอื่นน่ะ? ความต่างระหว่างพวกนักเลงและอัศวินที่ภักดีคืออะไรพวกแกรู้ไหม? พวกนักเลงไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างนอกจากเป็นไฮยีน่าไล่ตามกลิ่นเงิน ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของที่ถูกโยนทิ้งหลังใช้งาน มีพวกนักเลงน้อยกว่า 0.1% ที่จะกลายเป็นซีอีโอหรือหัวหน้าของอะไรก็ได้เมื่อพวกมันอายุมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็มีแต่จะฆ่าแทงกันตายและเข้าออกคุกกันเป็นว่าเล่น ฉันไม่มีวันยอมเป็นแบบนั้น ฉันจะต้องประสบความสำเร็จ ละทิ้งความหวังไร้เหตุผลพวกนั้นลงถังขยะไปซะ”
คังชอลอินชี้แจงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงข้อจำกัดของการเป็นนักเลงและอัศวิน โดยอ้างอิงถึงข้อจำกัดและคุณภาพที่เป็นลักษณะของแก๊งจากที่ผ่าน ๆ มา
“แต่พอผ่านพ้นครั้งที่ห้าการเป็นนักเลงก็จะไม่สนุกอีกต่อไป แม้ประเทศนี้กำลังจะถึงคราวตกนรกแต่ประชาชนก็ยังเป็นพลังจำนวนมาก นี่พวกแกเคยได้ยินเรื่องสงครามต่อต้านอาชญากรรมกันมาบ้างไหมวะเนี่ย?”
ขณะที่คังชอลอินกำลังพูดอยู่ พวกนักเลงต่างพากันกระพริบตาปริบ ๆ และฟังเรื่องราวที่เขาเล่าอย่างตั้งใจ สำหรับนักเลงที่ไม่ได้รับการศึกษาและค่อนข้างโง่ก็ยากที่จะเข้าใจได้ว่าคังชอลอินกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ปาร์คดูชิกที่เป็นหัวหน้าแก๊งดูเหมือนจะพอเข้าใจอยู่เล็กน้อย
“อย่างไรก็ตาม”
คังชอลอินเอียงศีรษะไปด้านข้างราวกับว่าเขารำคาญเกินทนที่จะอธิบายถึงความต่างระหว่างเขาและปาร์ดูชิกต่อ
“พวกแกแค่ทำงานให้ฉันแต่ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแก เมื่อพวกแกทำงานให้ฉันเสร็จก็เป็นอันจบกัน เข้าใจไหม?”
“ครับบอส!”
ปาร์คดูชิกพยักหน้า
“ฉันจะจ่ายให้ล่วงหน้าก่อน 20 ล้านวอน และจะให้อีก 80 ล้านวอนเมื่อพวกนายตามหาตัวควักจองเจอ รวมทั้งหมดก็ 100 ล้านวอน” ดวงตาของแก๊งนักเลงเบิกกว้าง
“100 ล้าน?”
“ทำไม? มันน้อยเกินไปหรือไง?”
“ไม่เลยครับ! มันมากไปซะด้วยซ้ำ!”
“ไม่ใช่ มันต้องเป็นราคานี้อย่างต่ำต่างหาก”
ในการออกตามหาคน ๆ หนึ่งที่จะสามารถต่อกรกับลีกงมยองหรือแม้กระทั่งเอาชนะเจ้านั่นได้ 100 ล้านวอนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ครับ มันมากเกินไป โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้จะเริ่มที่ 7 ล้านวอน และสูงสุดจะแค่ 30 ล้านวอน…”
“ถ้าฉันบอกจะจ่ายเท่านี้ฉันก็จะจ่ายเท่านี้ โอ้ หรือนายกำลังคิดว่า…”
ทันใดนั้นดวงตาของคังชอลอินก็หรี่แคบลงขณะจ้องหน้าปาร์คดูชิกราวกับว่าเขารู้ทันอะไรบางอย่าง
“คงคิดอยู่ล่ะสิว่าฉันจะไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาให้จากไหนทั้ง ๆ ที่ฉันมันก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน”
“ไม่นะครับ ไม่ใช่แบบนั้น!”
ปาร์คดูชิกส่ายมือพัลวันเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
คังชอลอินยิ้มเยาะ
“ฉันจะทำหนังสือสัญญาไว้ให้ อีกสามวันฉันจะเอาเงินสด 20 ล้านวอนไปให้ที่สำนักงานของพวกแก 20 ล้านที่ให้ไปตอนแรกก็คงพอใช้ตามหาตัวได้อยู่หรอก ใช่ไหม?”
ปาร์ดูชิกที่กำลังสับสนมึนงงไม่สามารถพูดตอบอะไรได้นอกจากกระพริบตา
“ถ้างั้นฉันไปล่ะ อย่าลืมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันเพิ่มเติมในภายหลัง”
เมื่อพูดจบ คังชอลอินก็เดินออกจากชั้นดาดฟ้าไป
เกิดความเงียบระหว่างพวกอันธพาลที่ถูกทิ้งไว้บนดาดฟ้า
“บอส…”
ชายคนแรกที่พูดขึ้นคือนักเลงกล้ามโตที่ถูกคังชอลอินกระแทกหมัดใส่เข้าที่คาง
“อะไร?”
ปาร์คดูชิกตอบรับ
“เราควรทำยังไงดีครับบอส ให้ผมไปรวบรวมคนอื่น ๆ มาให้หมดเลยดีไหมครับ?”
“คนอื่น ๆ?”
“บอสไม่คิดที่จะแก้แค้นหน่อยเลยหรอครับ? แม้ว่ามันจะเก่งแต่มันก็ตัวคนเดียว จำนวนที่มากสิครับถึงจะแข็งแกร่งที่สุด”
“...กวางพิล”
“ครับบอส”
นักเลงที่ชื่อกวางพิลตอบรับการเรียชื่อจากหัวเน่าเสียงต่ำ
“แค่หมัดเดียวแกก็ล้มไปกองกับพื้นแล้วจำได้ไหม?”
"..."
“ไอ้งี่เง่า แม้มันจะผ่านมาได้สักพักแต่ฉันก็เคยเป็นถึงผู้ชนะเหรียญทองในการแข่งกีฬาแห่งชาติ แกก็รู้ใช่ไหม?”
“เรื่องนั้นผมทราบดีครับ”
“หมอนั่น ไม่สิ บอสไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ แม้จะมีคนของเราเป็นสิบแต่เราก็ไม่สามารถล้มเขาลงได้ ถ้าพวกแกไม่ใช่นักมวยมืออาชีพก็อย่าหวังว่าจะไปต่อสู้กับเขาได้ ถ้าคิดจะไปหาเรื่องตายก็เตรียมตัวจองโลงศพให้ตัวเองไว้ได้เลย”
ปาร์คดูชิกที่จดจำทักษะการต่อสู้ของคังชอลอินได้ขึ้นใจส่ายหัว
“บอส แต่เราต้องรักษาหน้า…”
“ทำไม เพราะศักดิ์ศรีของแกถูกทำลายจนเจ็บปวดเลยคิดที่จะกลับไปหาเขาอีกครั้งอย่างงั้นหรือไง?”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ …”
“ปล่อยวางซะ ทำไมเราต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพียงเพื่อจัดการให้ไอ้ประธานนั่นกัน?”
แม้ศักดิ์ศรีของเขาจะถูกทำลายจนย่อยยับ แต่ปาร์คดูชิกก็ไม่ได้โง่พอที่จะเลือกตอบโต้กับเหตุการณ์แบบนี้
“แม้ความรู้สึกจะบอกฉันว่ามันไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่”
ปาร์คดูชิกทำท่าคิดหนัก
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเราจะเชื่อใจเขาได้ไหม แต่ถ้าเขาจ่ายให้เรา 100 ล้านวอนจริง ๆ มันก็ยังดีกว่าไปตามเช็ดล้างให้กับเด็ก ๆ บ้านรวยพวกนั้น”
“บอส! บอสเชื่อใจมันงั้นเหรอครับ? ทั้งที่มันยังดูเด็กแบบนั้นเนี่ยนะ!”
“ไอ้โง่เอ้ย!”
ปาร์คดูชิกคำราม
“แกเคยเจอคนที่ใช้หมัดได้ดีและมีความกล้ามากขนาดนี้มาก่อนไหม? เขาไม่เหมือนใคร แค่เพียงเหลือบตามองก็รู้ได้แล้วว่าเขาน่ะแตกต่าง ต่อให้แกไปยืนโบกเหล็กต่อหน้า เขาก็จะไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ”
“ก็อาจจะจริง …”
“เพื่อให้อยู่รอดในวงการนี้แกก็หัดใช้สมองซะบ้าง คิดแต่จะใช้กำปั้นงั้นหรอ? เหอะ อย่าโง่ไปหน่อยเลย อย่างที่บอสพูดไว้ การเป็นนักเลงสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องสนุก”
“...”
“เรายังไม่ได้สูญเสียอะไรเพราะงั้นก็ลองดูท่าทีไปก่อน ดูว่าอีกสามวันหลังจากนี้เขาจะเอาเงิน 20 ล้านวอนมาให้เราจริง ๆ ไหม เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ใหม่”
ด้วยเหตุนี้ สายตาของปาร์คดูชิกจึงเป็นประกายขึ้นอย่างรุนแรง
ในเวลาเดียวกัน คังชอลอินที่ลงมาจากดาดฟ้าก็ขึ้นแท๊กซี่เพื่อมุ่งหน้ากลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองทันที
'ภารกิจตามหาควักจองจบแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้เจอตัวเท่านั้น… ถ้างั้นตอนนี้เราก็มุ่งเน้นไปที่การออกกำลังกายด้วยเวลาทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่'
มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฝึกฝนร่างกายไว้ล่วงหน้าเพื่อการอัญเชิญครั้งยิ่งใหญ่ แพนเจียเป็นโลกที่ต่างจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ที่โลกนั้นจะมีสัตว์ประหลาดที่เป็นอันตรายอยู่ทุกประเภทและไม่มีกฎหมายควบคุมดินแดนแต่อย่างใด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ มันจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งและพลัง
‘หรือเราควรไปสมัครสมาชิกที่ฟิตเนสดี? แต่เดี๋ยวนะ เรามีเงินในบัญชีอยู่เท่าไหร่กัน?’
เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นจำเป็นต้องมีการฝึกฝนแบบตัวต่อตัวจากครูฝึกสอนที่ดี และเพื่อให้ได้ครูฝึกสอนเก่ง ๆ มันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง คังชอลอินจึงตรวจสอบยอดเงินที่เหลือในบัญชีธนาคารของเขาผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนแล้วพบว่า
‘เวร… ไม่มีเงิน’
‘แม้แต่เงินที่จะจ่ายล่วงหน้าให้กับนักเลงพวกนั้นก็ไม่มี’
‘ตอนนี้มีติดตัวอยู่แค่ 2 ล้านวอนเท่านั้น ด้วยจำนวนเงินเท่านั้นมันไม่มีมากพอที่จะรักษาศักดิ์ศรีในฐานะจอมราชันย์ไว้ได้’
‘คงต้องไปหายืมมาสินะ’
คังชอลอินยังคงสงบแม้ในบัญชีธนาคารจะว่างเปล่า
ในอีก 3 - 4 เดือนข้างหน้าเขาก็จะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยแบบสุด ๆ ดังนั้นในตอนนี้มันไม่มีทางเลือกใดดีไปกว่าการขอกู้เงินมาก่อน
บนดาดฟ้าที่มีลมแรง ร่างของนักเลงสามคนซึ่งรวมถึงผู้จัดการปาร์คกำลังคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าชายคนหนึ่งขณะกลั้นเสียงสะอื้น
“ฮึก...ฮึก… มัน … มันเจ็บมากเหลือเกิน…”
“แม่จ๋า…”
กลุ่มนักเลงที่ได้รับ “การฝึกจิตใจ” จากคังชอลอินได้ละทิ้งความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของตัวเองไปจนหมดสิ้น การกระทำของคังชอลอินที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวและไร้ความปราณีจนพวกเขาไม่อาจต้านทานได้
“หยุดร้องไห้กันสักที”
คังชอลอินกล่าวขณะนั่งอยู่บนขอบของอาคารด้วยท่าที่ดูเป็นอันตราย
“ก็มันเจ็บ เจ็บมาก....”
“พวกเรา …. คงต้องได้ไปโรงพยาบาล …”
พวกนักเลงยังคงพากันร้องโอดครวญ
“อยากฝึกกันมากกว่านี้อีกใช่ไหมถึงได้ไม่เงียบกันสักทีเนี่ยห๊ะ?!”
คังชอลอินถามด้วยความไม่พอใจ
“ไม่! ไม่เอาแล้ว! ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว!”
พวกนักเลงพากันร้องประท้วงเสียงดัง
“อืม ดีมาก”
คังชอลอิมยิ้มพอใจ
“นี่ หัวหน้าแก๊ง”
“คะ ครับ!”
ผู้จัดการปาร์คตอบรับการเรียกหาของคังชอลอิน
“แก ต้องเป็นคนไปทำธุระแทนฉัน”
“เอ่อ...ธุระอะไรหรอครับ?”
“ตามหาคน เรื่องการตามหาเป็นงานของพวกนักเลงแบบแกอยู่แล้วใช่ไหม?”
“ชะ ใช่! ใช่ครับ!”
อย่างที่คังชอลอินพูด ผู้จัดการปาร์คมีสำนักงานเพื่อใช้ทำงานอยู่จริงและหนึ่งในงานของพวกเขาส่วนใหญ่ก็คือการตามหาคน มันเป็นงานแบบหนึ่งที่ทุกแก๊งจะต้องเคยทำ
“จดไว้ซะ”
“ห๊ะ?”
“รีบจดบันทึกไว้ซะสิ”
“อะ .. ครับ!”
ผู้จัดการปาร์ครีบควานหาสมุดจดบันทึกขนาดเล็กและปากการาคาถูกในกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อบันทึกข้อมูลที่คังชอลอินกำลังจะพูดด้วยความร้อนรน
“ชื่อควักจอง อายุ 28 เขตพื้นที่ในโซล มีคนบอกว่าเขาเป็นพวกสูบบุหรี่จัด จำไว้ให้ดี”
“ครับ … ควักจอง … อายุ 28 … สูบบุหรี่จัด ....”
ผู้จัดการปาร์คเขียนสิ่งที่คังชอลอินบอกมาอย่างระมัดระวัง
“นานแค่ไหน?”
“อะไรนะครับ?”
“จะใช้เวลาตามหานานแค่ไหน?”
“นั่นมัน… เอ่อ… ก็...”
“ก็อะไร?”
ปากของผู้จัดการปาร์คเปิดค้างไม่กล้าพูดขณะคิดหาข้ออ้างเพื่อตอบกลับคังชอลอินอย่างระวัง
“เอ่อ … ขอโทษนะครับ แต่ไม่คิดว่าข้อมูลที่คุณให้มาจะน้อยไปหน่อยหรอ...ครับ”
“งั้นเหรอ?”
คังชอลอินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อลองคิดอย่างจริงจังมันก็ถูกอย่างที่ผู้จัดการปาร์คบอก เขามีข้อมูลเกี่ยวกับควักจองน้อยเกินไป อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะต้องรู้ชื่อโรงเรียนเก่าเขาบ้างแต่เท่าที่คังชอลอินรู้เกี่ยวกับควักจองก็คือทั้งหมดที่เขาบอกผู้จัดการปาร์คไป แถมเขาเองก็ยังไม่เคยเจอตัวควักจองจริง ๆ มาก่อนอีก
‘นี่เราขอมากไปอย่างนั้นเหรอ…? ไม่หรอก ไม่มากสักหน่อย ถ้าไม่งั้นเราจะให้คนไปตามหาให้ทำไมถ้าการเจอตัวมันง่ายขนาดนั้น’
คังชอลอินยับยั้งความคิดที่จะใจอ่อนของตัวเองไว้ได้ทันจากนั้นก็กลับไปเป็นผู้ว่าจ้างเลือดเย็นและป่าเถื่อนต่อ
“เห้ย หัวหน้าแก๊ง”
“ครับท่าน!”
“ถ้าแกมีสำนักงานไว้ตามหาคนอยู่จริง ๆ ก็ต้องทำให้ได้”
“…อะไรนะครับ?”
“ถ้าฉันมีข้อมูลมากกว่านี้ฉันจะขอให้พวกแกออกตามหาให้แทนทำไมกัน จริงไหม?”
“แต่…!”
“แต่?”
“…มะ ไม่มีอะไรครับ”
ผู้จัดปาร์คจำต้องยอมรับงานตามหาคนของคังชอลอินอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วเวลาล่ะ?”
“อืม… เพราะเราไม่มีเวลามากนัก...อย่างเร็วที่สุดก็น่าจะ 2 - 3 เดือน แต่ถ้าหากมันยากกว่านั้นก็อาจจะเป็นปี และถ้ามันต้องใช้เวลาเป็นปีก็คงเป็นการยากที่จะตามหาตัวเขาได้เจอ...”
“ฉันให้เวลา 6 เดือน”
“ว่าไงนะครับ…!”
“คิดเท่าไหร่?”
ดวงตาของผู้จัดการปาร์คเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“คุณ … คุณจะจ่ายเงินให้ด้วยหรอครับ?”
“ก็ฉันจ้างให้ไปตามหา ฉันก็ควรจ่ายค่าจ้างด้วยไม่ใช่หรือไง?”
“ผมก็คิดว่าคุณจะให้ผมไปทำงานเป็นลูกน้อง…”
“ถ้าเป็นลูกน้องฉันแล้วจะไม่เอาเงิน?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
“พูดให้มันชัด ๆ!”
“ก็มัน...พวกผมต่อสู้แพ้แล้วคุณก็บอกให้ผมไปทำงานให้ … ผมก็เลยคิดว่าคุณจะเข้ามายึดแก๊งของพวกเรา…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของคังชอลอินก็เริ่มแสดงความไม่สบอารมณ์ออกมา
“ผู้จัดการปาร์ค มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”
“ปาร์คดูชิกครับ เรียกผมว่าปาร์คดูชิกเถอะครับ”
“ปาร์คดูชิก … โอเค ปาร์คดูชิก”
“ครับท่าน”
“ในสายตาฉันดูเหมือนคนจะเข้าไปเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแกอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่… ไม่เลยครับ!”
ปาร์คดูชิกตอบเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงภัยที่เป็นอันตราย
“ฉันน่ะ…”
คังชอลอินกดเสียงต่ำก่อนจะพูดต่อ
“เกลียดพวกนักเลงอันธพาลแบบพวกแกมากที่สุด ไอ้พวกที่ชอบใช้หมัดและความรุนแรงเพื่อทำร้ายคนอื่นน่ะ … สิ่งที่พวกแกกำลังทำคือสิ่งที่ฉันเกลียดมากยิ่งกว่าอะไร ชอบทำเป็นเก่งต่อหน้าคนที่อ่อนแอและอ่อนแออย่างน่าอดสูต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่ง เป็นความเลวระยำที่น่ารังเกียจแบบสุด ๆ”
ด้วยการตักเตือนแบบฉับพลันของคังชอลอิน นักเลงทั้งสามคนรวมถึงปาร์คดูชิกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สิ่งที่เขาพูดไม่มีอะไรผิดไปสักอย่าง 30 นาทีก่อน “การฝึกจิตใจ” จะเริ่มขึ้น พวกเขาคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกลูกระเบิดโจมตีมากขนาดนี้ในตอนที่พวกเขากำลังทำเป็นห้าวหาญแบบนั้น
“แต่ก็นะ ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมาพูดสอนสิ่งเหล่านี้กับพวกแกได้”
ด้วยความสุจริตใจ คังชอลอินไม่ได้อยู่ในจุดที่จะไปทับถมสถานะของพวกแก๊งนักเลงแบบนี้ได้เพราะเขาเองก็ใช้กำลังและกองทัพเพื่อทำให้ราชันย์แห่งแพนเจียนับไม่ถ้วนยอมจำนน
เขาเองก็เป็นเหมือนนักเลงที่แพนเจียไม่มีผิด อย่างไรก็ตามมีสองสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคังชอลอินและพวกนักเลงที่นี่ หนึ่งในนั้นคือเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ไม่ว่ากับใครก็ตาม
“ถ้าอยากแสดงความแข็งแกร่งก็จงอดทนแม้ตอนนั้นจะมีคนถือมีดมาจี้อยู่ที่คอก็ตาม” คังชอลอินกล่าว
“ไม่เคยคิดอายตัวเองกันเลยหรือไงตอนทำท่าทีข่มขู่คนอื่นน่ะ? ความต่างระหว่างพวกนักเลงและอัศวินที่ภักดีคืออะไรพวกแกรู้ไหม? พวกนักเลงไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างนอกจากเป็นไฮยีน่าไล่ตามกลิ่นเงิน ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของที่ถูกโยนทิ้งหลังใช้งาน มีพวกนักเลงน้อยกว่า 0.1% ที่จะกลายเป็นซีอีโอหรือหัวหน้าของอะไรก็ได้เมื่อพวกมันอายุมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็มีแต่จะฆ่าแทงกันตายและเข้าออกคุกกันเป็นว่าเล่น ฉันไม่มีวันยอมเป็นแบบนั้น ฉันจะต้องประสบความสำเร็จ ละทิ้งความหวังไร้เหตุผลพวกนั้นลงถังขยะไปซะ”
คังชอลอินชี้แจงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงข้อจำกัดของการเป็นนักเลงและอัศวิน โดยอ้างอิงถึงข้อจำกัดและคุณภาพที่เป็นลักษณะของแก๊งจากที่ผ่าน ๆ มา
“แต่พอผ่านพ้นครั้งที่ห้าการเป็นนักเลงก็จะไม่สนุกอีกต่อไป แม้ประเทศนี้กำลังจะถึงคราวตกนรกแต่ประชาชนก็ยังเป็นพลังจำนวนมาก นี่พวกแกเคยได้ยินเรื่องสงครามต่อต้านอาชญากรรมกันมาบ้างไหมวะเนี่ย?”
ขณะที่คังชอลอินกำลังพูดอยู่ พวกนักเลงต่างพากันกระพริบตาปริบ ๆ และฟังเรื่องราวที่เขาเล่าอย่างตั้งใจ สำหรับนักเลงที่ไม่ได้รับการศึกษาและค่อนข้างโง่ก็ยากที่จะเข้าใจได้ว่าคังชอลอินกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ปาร์คดูชิกที่เป็นหัวหน้าแก๊งดูเหมือนจะพอเข้าใจอยู่เล็กน้อย
“อย่างไรก็ตาม”
คังชอลอินเอียงศีรษะไปด้านข้างราวกับว่าเขารำคาญเกินทนที่จะอธิบายถึงความต่างระหว่างเขาและปาร์ดูชิกต่อ
“พวกแกแค่ทำงานให้ฉันแต่ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแก เมื่อพวกแกทำงานให้ฉันเสร็จก็เป็นอันจบกัน เข้าใจไหม?”
“ครับบอส!”
ปาร์คดูชิกพยักหน้า
“ฉันจะจ่ายให้ล่วงหน้าก่อน 20 ล้านวอน และจะให้อีก 80 ล้านวอนเมื่อพวกนายตามหาตัวควักจองเจอ รวมทั้งหมดก็ 100 ล้านวอน” ดวงตาของแก๊งนักเลงเบิกกว้าง
“100 ล้าน?”
“ทำไม? มันน้อยเกินไปหรือไง?”
“ไม่เลยครับ! มันมากไปซะด้วยซ้ำ!”
“ไม่ใช่ มันต้องเป็นราคานี้อย่างต่ำต่างหาก”
ในการออกตามหาคน ๆ หนึ่งที่จะสามารถต่อกรกับลีกงมยองหรือแม้กระทั่งเอาชนะเจ้านั่นได้ 100 ล้านวอนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ครับ มันมากเกินไป โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้จะเริ่มที่ 7 ล้านวอน และสูงสุดจะแค่ 30 ล้านวอน…”
“ถ้าฉันบอกจะจ่ายเท่านี้ฉันก็จะจ่ายเท่านี้ โอ้ หรือนายกำลังคิดว่า…”
ทันใดนั้นดวงตาของคังชอลอินก็หรี่แคบลงขณะจ้องหน้าปาร์คดูชิกราวกับว่าเขารู้ทันอะไรบางอย่าง
“คงคิดอยู่ล่ะสิว่าฉันจะไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาให้จากไหนทั้ง ๆ ที่ฉันมันก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน”
“ไม่นะครับ ไม่ใช่แบบนั้น!”
ปาร์คดูชิกส่ายมือพัลวันเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
คังชอลอินยิ้มเยาะ
“ฉันจะทำหนังสือสัญญาไว้ให้ อีกสามวันฉันจะเอาเงินสด 20 ล้านวอนไปให้ที่สำนักงานของพวกแก 20 ล้านที่ให้ไปตอนแรกก็คงพอใช้ตามหาตัวได้อยู่หรอก ใช่ไหม?”
ปาร์ดูชิกที่กำลังสับสนมึนงงไม่สามารถพูดตอบอะไรได้นอกจากกระพริบตา
“ถ้างั้นฉันไปล่ะ อย่าลืมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันเพิ่มเติมในภายหลัง”
เมื่อพูดจบ คังชอลอินก็เดินออกจากชั้นดาดฟ้าไป
เกิดความเงียบระหว่างพวกอันธพาลที่ถูกทิ้งไว้บนดาดฟ้า
“บอส…”
ชายคนแรกที่พูดขึ้นคือนักเลงกล้ามโตที่ถูกคังชอลอินกระแทกหมัดใส่เข้าที่คาง
“อะไร?”
ปาร์คดูชิกตอบรับ
“เราควรทำยังไงดีครับบอส ให้ผมไปรวบรวมคนอื่น ๆ มาให้หมดเลยดีไหมครับ?”
“คนอื่น ๆ?”
“บอสไม่คิดที่จะแก้แค้นหน่อยเลยหรอครับ? แม้ว่ามันจะเก่งแต่มันก็ตัวคนเดียว จำนวนที่มากสิครับถึงจะแข็งแกร่งที่สุด”
“...กวางพิล”
“ครับบอส”
นักเลงที่ชื่อกวางพิลตอบรับการเรียชื่อจากหัวเน่าเสียงต่ำ
“แค่หมัดเดียวแกก็ล้มไปกองกับพื้นแล้วจำได้ไหม?”
"..."
“ไอ้งี่เง่า แม้มันจะผ่านมาได้สักพักแต่ฉันก็เคยเป็นถึงผู้ชนะเหรียญทองในการแข่งกีฬาแห่งชาติ แกก็รู้ใช่ไหม?”
“เรื่องนั้นผมทราบดีครับ”
“หมอนั่น ไม่สิ บอสไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ แม้จะมีคนของเราเป็นสิบแต่เราก็ไม่สามารถล้มเขาลงได้ ถ้าพวกแกไม่ใช่นักมวยมืออาชีพก็อย่าหวังว่าจะไปต่อสู้กับเขาได้ ถ้าคิดจะไปหาเรื่องตายก็เตรียมตัวจองโลงศพให้ตัวเองไว้ได้เลย”
ปาร์คดูชิกที่จดจำทักษะการต่อสู้ของคังชอลอินได้ขึ้นใจส่ายหัว
“บอส แต่เราต้องรักษาหน้า…”
“ทำไม เพราะศักดิ์ศรีของแกถูกทำลายจนเจ็บปวดเลยคิดที่จะกลับไปหาเขาอีกครั้งอย่างงั้นหรือไง?”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ …”
“ปล่อยวางซะ ทำไมเราต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพียงเพื่อจัดการให้ไอ้ประธานนั่นกัน?”
แม้ศักดิ์ศรีของเขาจะถูกทำลายจนย่อยยับ แต่ปาร์คดูชิกก็ไม่ได้โง่พอที่จะเลือกตอบโต้กับเหตุการณ์แบบนี้
“แม้ความรู้สึกจะบอกฉันว่ามันไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่”
ปาร์คดูชิกทำท่าคิดหนัก
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเราจะเชื่อใจเขาได้ไหม แต่ถ้าเขาจ่ายให้เรา 100 ล้านวอนจริง ๆ มันก็ยังดีกว่าไปตามเช็ดล้างให้กับเด็ก ๆ บ้านรวยพวกนั้น”
“บอส! บอสเชื่อใจมันงั้นเหรอครับ? ทั้งที่มันยังดูเด็กแบบนั้นเนี่ยนะ!”
“ไอ้โง่เอ้ย!”
ปาร์คดูชิกคำราม
“แกเคยเจอคนที่ใช้หมัดได้ดีและมีความกล้ามากขนาดนี้มาก่อนไหม? เขาไม่เหมือนใคร แค่เพียงเหลือบตามองก็รู้ได้แล้วว่าเขาน่ะแตกต่าง ต่อให้แกไปยืนโบกเหล็กต่อหน้า เขาก็จะไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ”
“ก็อาจจะจริง …”
“เพื่อให้อยู่รอดในวงการนี้แกก็หัดใช้สมองซะบ้าง คิดแต่จะใช้กำปั้นงั้นหรอ? เหอะ อย่าโง่ไปหน่อยเลย อย่างที่บอสพูดไว้ การเป็นนักเลงสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องสนุก”
“...”
“เรายังไม่ได้สูญเสียอะไรเพราะงั้นก็ลองดูท่าทีไปก่อน ดูว่าอีกสามวันหลังจากนี้เขาจะเอาเงิน 20 ล้านวอนมาให้เราจริง ๆ ไหม เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ใหม่”
ด้วยเหตุนี้ สายตาของปาร์คดูชิกจึงเป็นประกายขึ้นอย่างรุนแรง
ในเวลาเดียวกัน คังชอลอินที่ลงมาจากดาดฟ้าก็ขึ้นแท๊กซี่เพื่อมุ่งหน้ากลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองทันที
'ภารกิจตามหาควักจองจบแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้เจอตัวเท่านั้น… ถ้างั้นตอนนี้เราก็มุ่งเน้นไปที่การออกกำลังกายด้วยเวลาทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่'
มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฝึกฝนร่างกายไว้ล่วงหน้าเพื่อการอัญเชิญครั้งยิ่งใหญ่ แพนเจียเป็นโลกที่ต่างจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ที่โลกนั้นจะมีสัตว์ประหลาดที่เป็นอันตรายอยู่ทุกประเภทและไม่มีกฎหมายควบคุมดินแดนแต่อย่างใด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ มันจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งและพลัง
‘หรือเราควรไปสมัครสมาชิกที่ฟิตเนสดี? แต่เดี๋ยวนะ เรามีเงินในบัญชีอยู่เท่าไหร่กัน?’
เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นจำเป็นต้องมีการฝึกฝนแบบตัวต่อตัวจากครูฝึกสอนที่ดี และเพื่อให้ได้ครูฝึกสอนเก่ง ๆ มันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง คังชอลอินจึงตรวจสอบยอดเงินที่เหลือในบัญชีธนาคารของเขาผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนแล้วพบว่า
‘เวร… ไม่มีเงิน’
‘แม้แต่เงินที่จะจ่ายล่วงหน้าให้กับนักเลงพวกนั้นก็ไม่มี’
‘ตอนนี้มีติดตัวอยู่แค่ 2 ล้านวอนเท่านั้น ด้วยจำนวนเงินเท่านั้นมันไม่มีมากพอที่จะรักษาศักดิ์ศรีในฐานะจอมราชันย์ไว้ได้’
‘คงต้องไปหายืมมาสินะ’
คังชอลอินยังคงสงบแม้ในบัญชีธนาคารจะว่างเปล่า
ในอีก 3 - 4 เดือนข้างหน้าเขาก็จะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยแบบสุด ๆ ดังนั้นในตอนนี้มันไม่มีทางเลือกใดดีไปกว่าการขอกู้เงินมาก่อน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น