ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] ราชันย์แห่งสมรภูมิ

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 67


    คิมมินชอล ประธานบริษัทธุรกิจบันเทิงแห่งหนึ่งยังคงทำตัวเฉกเช่นทุก ๆ วันซึ่งคือการนำความเครียดของตัวเองไปลงกับเหล่าลูกน้องในบริษัท เขาเป็นเจ้านายที่เป็นเหมือน “กึ่ง ๆ อันธพาล” ที่ไม่ใช่อันธพาลแบบเต็มตัวแต่ก็ไม่ใช่พลเมืองธรรมดาแบบทั่ว ๆ ไป เขามักจะเรียกหาเพื่อนร่วมงานคนอื่นอยู่บ่อย ๆ เพื่อกลั่นแกล้งและกวนประสาท บางครั้งก็แกล้งเด็กฝึกงานที่เพิ่งจะอายุเพียง 20 ปีโดยการดูถูกและคุกคามและบางครั้งก็ถึงขั้นแอบคุกคามทางเพศกับพนักงานผู้หญิง

    หลาย ๆ คนคงตั้งคำถามว่าทำไมถึงยังมีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นอยู่อีกในเมื่อการล่วงละเมิดทางเพศได้ถูกจัดเป็นอาชญากรรมร้ายแรงอย่างหนึ่ง สืบเนื่องจากในปี 2020 ทางเกาหลีใต้ประสบปัญหาการว่างงานสูงเป็นประวัติการณ์อันเนื่องมาจากภาวะถดถอยระยะยาว จากมุมมองของคนทำงาน พวกเขาต้องจำยอมและอดทนต่อการโดนคุกคามเพราะไม่ต้องการเสียงานประจำไป

    คิมมินชอลเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงและเล่ห์เหลี่ยมจัดในการจะก่อเหตุคุกคามใด ๆ สิ่งที่เขาทำมันจะคลุมเครืออย่างมากจนไม่อาจกล่าวหาอย่างเป็นทางการได้ จนทุกวันนี้เขาได้เลื่อนขั้นไปเป็นมืออาชีพทางการคุมคามแบบเต็มตัว

    และเป้าหมายของคิมมินชอลในวันนี้ก็คือพนักงานฝึกงานที่ทำงานที่นี่มาแล้ว 10 เดือน

    พนักงานฝึกงานที่น่าสงสารที่ทางบริษัทยังไม่รับประกันตำแหน่งทำงานให้ต้องอดทนต่อการกระทำของคิมมินชอลที่พยายามหาข้อผิดพลาดจากงานที่เขาทำ ทุก ๆ ครั้งเขาต้องยกความอดทนทั้งหมดที่มีเพื่อข่มอารมณ์ตัวเองและรอให้อารมณ์ของคิมมินชอลดีขึ้น

    ตัวเลือกในการยอมทนของเขาเป็นที่เข้าใจได้ในทั่วไป เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีไปกับการฝึกงานที่บริษัทแห่งนี้จึงยอมทนทุกอย่างเพราะไม่สามารถปล่อยให้เวลาที่ผ่านมาจบสิ้นไปอย่างเสียเปล่าได้

    “คนแบบนายจะไปเป็นพนักงานประจำได้ยังไงถ้ายังทำงานแบบนี้น่ะห๊ะ? นายมีเวลาฝึกงานเหลืออีกเท่าไหร่? 1 หรือ 2 เดือนเท่านั้นใช่ไหม? ไม่อยากเข้ามาเป็นพนักงานประจำใช่ไหมหรือยังไง?”

    ความพิเศษของคิมมินชอลคือการจัดการกับลูกน้องด้วยจุดอ่อนที่พวกเขามีได้อย่างตรงจุด

    หากเป็นคนที่ต้องรอพินิจเพื่อให้ผ่านช่วงทดลองงานก็จะถูกคุกคามโดยอ้างถึงเรื่องสูญเสียช่วงทดลองงานตลอดที่ผ่านมา ผู้ที่โดนถอดจากการทำงานไปแล้วจะถูกคุกคามโดยอ้างว่าจะไม่ได้รับเงินค่าสนับสนุนดูแล ส่วนผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่จะถูกอ้างโดยการสูญเสียหน้าที่การงานไป

    “นายกำลังทำให้มันยุ่งยากถ้ายังทำแบบนี้อยู่รู้ตัวไหม! มีคนอีกตั้งเยอะแยะที่สามารถทำงานแบบนี้ได้ดีกว่านาย! … ถ้าฉันสมัครเข้ามาเป็นพนักงานตอนนี้คงมีบริษัทตอบรับอย่างน้อย ๆ ก็ 50 ที่ได้ นายก็รู้ใช่ไหม?”

    คิมมินชอลส่งยิ้มน่ารังเกียจขณะข่มขู่พนักงานที่น่าสงสารในขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ แสร้งทำเป็นยุ่งอยู่กับงานของตัวเองด้วยเพราะความกลัวว่าคิมมินชอลจะหันมาเล่นงานพวกเขาเป็นรายต่อไป

    หากพวกเขาทำพลาดอะไรไปแม้แต่นิดเดียววันนั้นมันอาจกลายเป็นวันนรกสำหรับพวกเขาก็เป็นได้

    “ฉันเลือกนายเข้ามาแม้นายจะมีเกรดเฉลี่ยที่ต่ำเพราะฉันรู้สึกแย่แทนนายกับเรื่องพวกนั้น”

    แต่ก่อนที่คิมมินชอลจะเริ่มการคุมคามต่อก็เป็นอันต้องหยุดไปเพราะคำพูดไม่คาดคิดที่ออกมาจากปากของพนักงานทดลองงาน

    “โง่เง่า, โง่เขลา, โง่บรม…”

    คัมชอลอิน พนักงานทดลองงาน 10 เดือนยิ้มเยาะขณะพึมพำ

    ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งชั้น

    “เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?”

    “ฉันได้ยินผิดไปใช่ไหมเนี๊ย?”

    พนักงานหญิงสองคนที่ได้ยินคำพูดนั้นหันหน้าเข้าหากันเพื่อซุบซิบนินทา

    “วะ...ว่าไงนะ? เห้ย คังชอลอิน! เมื่อกี้แกพูดว่าอะไร? โง่เง่า โง่เขลางั้นหรอ? อยากตกงานนักหรือไง?!”

    คิมมินชอลคำราม เลือดไหลเวียนขึ้นใบหน้าและลำคอเพื่อแสดงว่าตอนนี้เขากำลังโกรธจัดมากเพียงใด

    “โอ้?”

    คังชอลอินดูประหลาดใจที่เห็นคิมมินชอลกำลังโกรธจัดแบบนี้ราวกับว่าเขาเพิ่งสังเกตเห็นได้

    “โอ้? ไอ้เวรนี่ เมื่อกี้พูดว่า…?”

    “หุบปากสักที! … อ๊าก หัวฉัน”

    คังชอลอินกุมมือไว้ที่ศีรษะด้วยความเจ็บปวดก่อนจะออกจากออฟฟิศไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองคิมมินชอลที่กำลังโวยวายอยู่เลยแม้แต่น้อย

    “อะ อะไรกัน? ไอ้เวรนั่นมันเป็นอะไร!!!?”

    เสียงของคิมมินชอลดังก้องภายในออฟฟิศที่คังชอลอินเดินออกไป พนักงานคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันและกันด้วยความกังวล

    คังชอลอินที่ออกจากออฟฟิศกำลังมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

    “โอ๊ย!”

    เขาเกิดอาการปวดหัวขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงราวกับมีใครบางคนกำลังใช้ขวานเจาะศรีษะเขาซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด เขาเหมือนจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วยจึงรีบไปที่อ่างล้างหน้าและเปิดก๊อกน้ำ

    คังชอลอินพยายามใช้น้ำเย็นสาดหน้าตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวด เมื่อน้ำที่เย็นพอ ๆ กับก้อนน้ำแข็งเริ่มไหลออกจากก๊อกคังชอลอินก็เลื่อนใบหน้าของเขาลงไปใกล้อ่าง

    “โอ๊ย!”

    เขาส่งเสียงครวญครางอีกครั้ง สัมผัสความเย็นเมื่อสักครู่ชวนให้เขารู้สึกเหมือนใบหน้าจะแตกแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่เขาไม่สนใจความรู้สึกนั้นและยังคงทำต่อไปเพื่อให้อาการปวดบรรเทา

    ความเจ็บปวดของเขาเริ่มลดลงหลังผ่านไปสิบนาที แต่นั่นยังไม่ใช่จุดจบ

    อาการคลื่นไส้ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ภายในกำลังจะระเบิดออกมา คังชอลอินรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ หยั่งมือไว้บนผนังทั้งสองด้านจากนั้นทุกอย่างก็ระเบิดออก

    เขาอาเจียนแบบนั้นอีกครั้งและอีกครัง

    และเมื่อไม่มีอาหารอะไรให้ต้องเอาออกอีกต่อไปสิ่งที่ออกมาก็คือน้ำกรดในกระเพาะอาหารที่แสนขม

    เขาทุรนทุรายอยู่ในห้องน้ำนานร่วมชั่วโมงจนในที่สุดก็กลับมายืนได้อีกครั้ง

    “เห้อ”

    เมื่อคังชอลอินถอนหายใจและมองเข้าไปในกระจก ใบหน้าของชายหนุ่มวัย 28 ปีที่กำลังซีดจาง

    เป็นใบหน้าเดียวกันกับเมื่อ 10 ปีก่อนที่เคยเกิดขึ้น

    คังชอลอินฉายรอยยิ้มบิดเบี้ยวขึ้นบนใบหน้า จะไม่มีพนักงานทดลองงานน่าสงสารที่ต้องทุกข์ทนต่อการโดนคุกคามอีกต่อไป

    สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ “จอมราชันย์นักล่า” ผู้เป็นใหญ่เท่านั้น

    คังชอลอิน ผู้หมายจะครอบครองแพนเจียทั้งทวีปที่ทำให้ศัตรูต้องหวาดกลัวและยำเกรง

    “เวลานี้เองสินะ”

    ใบหน้าของคังชอลอินเต็มไปด้วยความพอใจขณะที่เขาตรวจสอบวันที่บนสมาร์ทโฟน

    วันนี้คือวันที่ 6 เดือนพศจิกายน ปี 2020 สองเดือนก่อนการอัญเชิญครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น เขาได้ย้อนเวลากลับมายังในอดีต

    ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ว่าเขาย้อนกลับมายังอดีตซะทีเดียว

    เรียกว่าเป็นการสำรองวิญญาณจะถูกเสียกว่า

    การสำรองวิญญาณเป็นทักษะหนึ่งที่เมื่อเขาตายเขาจะสามารถโอนความทรงจำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกลับสู่อดีตได้ เป็นเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับเขาในฐานะจอมราชันย์

    การ “ฟื้นคืนชีพ” ผ่านการสำรองวิญญาณทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงช่วงเวลา “ขัดแย้ง” และได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงอนาคต

    ‘จากนี้ไปเราต้องระวังตัวทุกฝีก้าว จะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองอีกต่อไป ถ้าเราตาย ทุกอย่างคือจบ’

    คังชอลอินย้ำเตือนตัวเองซ้ำ ๆ

    การสำรองวิญญาณเป็นทักษะที่สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากเป็นความสามารถที่ใช้ได้มากกว่าหนึ่งครั้งนั่นจะไม่ใช่การสำรองวิญญาณแต่เป็นการวนซ้ำแทน อย่างไรก็ตามตราบใดที่เขาเลือกจะใช้การสำรองวิญญาณเพียงหนึ่งครั้งนี้นั้นเท่ากับทุกอย่างจะจบลงทันทีถ้าเขาตายขึ้นมาอีกครั้ง พลังนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกและจะหายไปตลอดกาล

    ถึงอย่างไรในตอนนี้ใบหน้าของคังชอลอินก็เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก

    แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์

    เขาเคยมีประสบการณ์จากอนาคตมาแล้วดังนั้นคังชอลอินจะกลับมาเกิดใหม่ในฐานะจอมราชันย์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมจากประสบการณ์และความผิดพลาดที่เขาได้เผชิญมา การทดลองและข้อผิดพลาดต่าง ๆ เช่นเดียวกับการโดนคุกคามจนถึงแก่ความตายจะไม่มีอีกต่อไป และความผิดพลาดร้ายแรงบางอย่างของเขาเช่นความสะเพร่าที่ไม่สนใจบุคคลสำคัญรวมถึงความประมาทเลินเล่อของเขาเกี่ยวกับข้อมูลและสติปัญญาก็จะไม่ถูกกระทำขึ้นซ้ำอีก

    ‘เราจะต้องเป็นจอมราชันย์ที่ไม่มีใครมาหยุดยั้งเราได้ จะมีแต่ความสมบูรณ์แบบและไร้ข้อผิดพลาด’

    ขณะที่คังชอลอินกำหมัดและตั้งมั่นกับตัวเอง กองไฟแห่งความแค้นและความเจ็บปวดได้ลุกลามอยู่กลางใจเขา เขากุมมือไปที่หน้าอกของตัวเองแล้วขบกรามด้วยความแค้นเคือง

    “รอสต์ไชลด์ ไอ้แมลงสาบ…”

    ต้นกำเนิดของความเจ็บปวดทั้งหมดมาจากมัน

    ร่างกายของเขาคือชายหนุ่มวัย 28 ที่จิตใจของเขายังคงระลึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้ ความอัปยศอดสูจากการพ่ายแพ้โดยศัตรูที่เขาคอยกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

    คอของเขาร้อนไหม้ ความรู้สึกเหน็บหนาวซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก

    “ฉันจะบดขยี้แกให้มากกว่าที่เคยทำจนแกต้องร้องขอแต่ความตาย”

    ดวงตาของคังชอลอินถูกเผาไหม้ไปด้วยไฟแห่งการล้างแค้น

    ว่ากันว่าผู้กระทำมักเป็นฝ่ายหลงลืมการกระทำของตนแต่สำหรับผู้ที่โดนกระทำแล้วนั้นจะไม่มีวันลืมสิ่งนั้นไปได้แม้แต่วันเดียว

    คังชอลอินก็เช่นกัน

    เขาไม่มีทางลืมหน้าศัตรูไปได้และเขาก็พอใจเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งการกระที่เลวร้ายยิ่งกว่ากลับไปเป็นสิบเท่าร้อยเท่า ในความคิดของการแก้แค้นที่มีต่อรอสต์ไชลด์ทันใดนั้นก็มีอีกใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นตามมา นักยุทธศาสตร์ลีกงมยอง

    ‘ลีกงมยอง … เจ้านั่นจะเลือกอยู่ข้างรอสต์ไชลด์อีกหรือเปล่า?”

    ถ้าคราวนี้เขาไม่สามารถได้ตัวลีกงมยองมาล่ะ?

    เช่นนั้นเขาก็จะทำลายมันให้ย่อยยับจนกว่าจะไม่มีคนจำได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นใคร

    นั่นคือวิถีของคังชอลอิน

    ในขณะที่เขากำลังเอาชนะศัตรูอยู่ในความคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกเขาเบา ๆ ดังแทรกเข้ามา

    “เอ่อ … คุณชอลอินคะ?”

    เขาหันหน้าไปมองก่อนจะเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่ชื่อลีแชรินที่กำลังมองมาที่เขาจากตรงประตู

    “คุณเป็นอะไรไหมคะ? ดูคุณไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”

    ใบหน้าของลีแชรินดูกังวลเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงเขาด้วยใจจริง เพราะหากไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงเธอคงไม่ออกมาตามหาเขาถึงที่ห้องน้ำหลังจากที่เขาหายตัวไปร่วมชั่วโมงในตอนที่ไม่มีใครกล้าจะขยับตัวแบบนี้เพราะกลัวคิมมินชอลประธานบริษัทจะเล่นงาน

    “ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

    คังชอลอินตอบกลับด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ

    “ก่อนอื่นสภาพผมตอนนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะงั้นขอโทษนะครับ ขอเวลาผมสักครู่”

    เขาเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพก่อนจะถอดเสื้อสูทที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำและสิ่งอาเจียนทิ้งลงถังขยะ จากนั้นเขาก็เดินไปที่อ่างล้างหน้า เปิดก๊อกน้ำเพื่อใช้น้ำล้างหน้าล้างปากแล้วสะบัดผมกลับคืนทรงเดิม เขาถอดเน็คไทแล้วโยนมันทิ้งลงไปด้วยเช่นกันทำให้สภาพโดยรวมของเขาตอนนี้ดูดีขึ้น

    “คุณชอลอินคะ”

    “ครับ?”

    “ท่านประธานโกรธมากเลยนะคะ เขาบอกว่าจะไล่คุณออก…”

    “ให้เขาทำอย่างที่เขาต้องการไปเถอะครับ”

    “แต่ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาคุณตั้งใจทำงานมากเลยนะคะ! ถ้าคุณไปขอร้อง ท่านประธานก็น่าจะยกโทษ…”

    “ไม่ครับ”

    คังชอลอินพูดขัดลีแชริน

    “เป็นผู้ชายไม่ควรไปก้มหัวขอร้องใคร”

    “แต่!”

    “นอกจากพ่อแม่ของเขาแล้ว ผู้ชายก็ไม่ควรขอร้องใครอีก ผมไม่มีความตั้งใจที่จะกลับไปก้มหัวให้ใครทั้งนั้น”

    “คุณชอลอิน!”

    “ผมว่าผมไปเก็บข้าวของและออกจากที่นี่จะดีกว่า”

    สายตาของเขาขวานหาสมาร์ทโฟน

    “เป็นเวลาที่เหมาะเจาะพอดีเพราะเกือบจะหมดวันแล้ว” คังชอลอินฉายรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาให้ลีแชรินก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป

    “ไม่ได้นะคะ! ถ้าคุณเข้าไปตอนนี้…”

    “ทำไมงั้นเหรอครับ?”

    “ท่านประธานกำลังรอคุณอยู่พร้อมกับไม้กอล์ฟน่ะสิคะ! เขาบอกว่าเขาจะฆ่าคุณทันทีที่คุณกลับเข้าไป!”

    คิมมินชอลที่เคยอยู่ร่วมกับอันธพาลมาได้ระยะหนึ่งมีนิสัยชอบสร้างบรรยากาศน่ากลัวด้วยไม้กอล์ฟเมื่อเขารู้สึกโกรธ

    “โอ้ อย่างนั้นเหรอ?”

    คังชอลอินหัวเราะ

    หมูอ้วนที่ในท้องมีแต่เบียร์และวัน ๆ ก็เอาแต่คุกคามพนักงานกำลังรอเขาอยู่ด้วยไม้กอล์ฟ ช่างเป็นเรื่องตลกที่เกินจะจินตนาการได้จริง ๆ

    “อย่างน้อยก็ไม่น่าเบื่อดี”

    “อะไรนะคะ? คุณชอลอิน เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรหรอคะ? คุณจะเจ็บตัวเอาได้นะ! คุณก็รู้ว่าเขาเป็นยังไง!”

    “หยุด… ผมจะจัดการเองเพราะงั้นพอได้แล้วครับ”

    คังชอลอินกล่าวอย่างมั่นใจกับลีแชรินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเดินผ่านเธอไปอย่างใจเย็นเพื่อเดินกลับเข้าไปที่ออฟฟิศ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×