ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] ราชันย์แห่งสมรภูมิ

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 25

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 67



    “เช่นอะไรประมาณนี้” สิ่งที่เขายื่นให้ชายชราดูคือแหวนเรียบ ๆ สองวง

    “นี่มันอะไร?”

    ขณะเดียวกันน้ำเสียงจากชายชราควอนก็ได้ต่างไปจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง

    มันคือสัญญาณไฟเขียวที่หมายถึงการยอมรับ

    นั่นหมายความว่าเขากำลังจะปฏิบัติต่อคังชอลอินในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจคนหนึ่งไม่ใช่เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน

    “แหวนแห่งความแข็งแกร่ง”

    “แหวนแห่งความแข็งแกร่ง?”

    “มันช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนที่สวมมันได้ประมาณ 10 กก. มันมีราคาที่ค่อนข้างถูกแต่ผลลัพธ์ที่ได้น่าประทับใจอย่างมาก”

    “เธอจะบอกให้ฉันเชื่อ…”

    “คุณควอน”

    คังชอลอินแทรกตัดบทพูดของเขา

    “คุณคิดว่าฉันจะมาขายยาเสพติดให้งั้นเหรอ?”

    คำถามเย็นชาที่มาพร้อมกับสายตาเยือกเย็นทำเอาชายชราแทบจะหัวใจวายมันซะตรงนั้น

    ‘เป็นผู้ชายแบบไหนกันถึงได้มีสายที่ดุดันมากขนาดนี้…!’

    มันเป็นการจ้องมองที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวซึ่งเขาไม่ได้พบเห็นอะไรแบบนี้มานานหลายปีมากในชีวิต

    ‘เป็นไปได้ด้วยเหรอ…?’

    เนื่องจากแนวทางของงานที่เขาทำ ชายชราได้พบเจอกับอาชญากรมาแล้วทุกรูปแบบ พวกเขามีปืนที่ให้เช่ากันแบบง่าย ๆ มีพวกแก๊งอันธพาลที่รับจ้างตามฆ่าคนอยู่จำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ตามในบรรดาแก๊งอันธพาลโหดร้ายเหล่านี้ยังไม่มีใครที่สามารถทำให้เส้นผมของเขาต้องลุกตั้งด้วยความสั่นกลัวได้เหมือนอย่างที่ชายหนุ่มคนนี้ทำมาก่อน

    “ฉ ฉันขอโทษ … ฉันผิดเอง”

    ในที่สุดชายชราก็ยอมลดหางของตัวเอง

    แม้แต่ตัวชายชราเองก็ยังไม่อาจยอมรับได้

    ความภาคภูมิใจของเขาถูกทำลายทั้ง ๆ ที่มีบอดี้การ์ดกล้ามใหญ่คอยเฝ้าระวังอยู่ข้างหลังถึงแปดคน

    ในตอนนั้นเขาก็คิดได้ว่าบนโลกนี้คงมีผู้คนอีกมากมายหลายประเภทอาศัยอยู่

    “ไม่เป็นไร”

    คังชอลอินที่เผลอไปทำให้ชายชราต้องหวาดกลัวโดยไม่ตั้งใจปรบมือของตัวเองแล้วพูดต่อว่า

    “มีคำพูดหนึ่งบอกไว้ว่า ‘ต้องได้เห็นก่อนถึงจะยอมเชื่อ’ ต่อให้ฉันบรรยายสรรพคุณมันเป็นพันครั้งก็ไม่เท่ากับการที่คุณได้ลองใช้มันเพียงแค่ครั้งเดียว”

    “ฉันลองได้เหรอ?”

    “แน่นอน”

    คังชอลอินพยักหน้าพลางยื่นมือด้วยความระวังเพื่อวางแหวนทั้งสองวงลงบนมือของชายชรา

    “อืม….หืม…”

    ชายชรากระแอมเสียงเบา ๆ ราบกับว่าเขากำลังประหม่า

    “นี่มัน…”

    “มันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลยไม่ใช่เหรอ?”

    “ใช่ มันเป็นแบบนั้น”

    “เพราะมันไม่ใช่ของราคาแพงและเป็นเพียงวัตถุธรรมดา อย่าไปคาดหวังกับสิ่งที่มันเกินจริงนักเลย”

    “...แล้วเธอใช้มันยังไง?”

    “ลองยกอะไรสักอย่างดูสิ เช่นพวกอะไรใหญ่ ๆ ที่คุณไม่สามารถพกติดตัวไปด้วยได้เพราะคุณไม่มีกำลังที่มากพอ”

    “อืม…”

    ตามคำพูดของคังชอลอิน ชายชราลูบเคราสีขาวของเขาอย่างพินิจก่อนจะเลือกยกบาร์เบลที่มีน้ำหนัก 20 กก.ตรงมุมสำนักงาน มันเป็นบาร์เบลที่หนึ่งในบอดี้การ์ดของเขาใช้ในการออกกำลังกายอยู่บ่อย ๆ

    “…!”

    ทันใดนั้นดวงตาของชายชราก็เบิกกว้าง

    “น นี่มันอะไรกัน?!”

    แน่นอนว่าชายชราจะต้องประหลาดใจที่ได้เห็นตัวเองสามารถยกบาร์เบลด้วยมือเพียงข้างเดียวทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถยกมันได้แม้จะใช้ทั้งสองมือแล้วก็ตาม

    “เพราะคุณสวมแหวนไว้สองวงพร้อมกันมันจึงเป็นไปได้ที่คุณจะสามารถยกอะไรที่มากกว่าปกติได้ถึง 20 กก. หรือแม้แต่จะแกว่งเล่นไปมาก็ย่อมทำได้”

    คังชอลอินอธิบายด้วยใจจริง

    “จริงเหรอ?”

    “แน่นอน”

    “งั้นฉันขอลองได้ไหม?”

    “ได้อยู่แล้ว”

    หลังจากได้รับอนุญาต ชายชราควอนรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เขากางไหล่เตรียมพร้อมและออกแรงเล็กน้อยเพื่อเหวี่ยงบาร์เบล

    วู้ช!

    บาร์เบล 20 กิโลกรัมเคลื่อนไหวราวกับขนนกในมือของชายชรา

    แม้จะมีร่างกายที่ดีเพียงใดแต่เมื่ออยู่ในวัยชราก็ไม่มีทางที่ข้อต่อกระดูกจะดีได้เหมือนสมัยยังเป็นหนุ่ม ๆ มันช่างน่าประหลาดใจสำหรับชายชราควอนเป็นอย่างมากราวกับเขาได้ย้อนเวลากลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง

    “......!”

    "อะไรกัน…!"

    "เป็นไปไม่ได้!"

    บอดี้การ์ดที่เฝ้ามองดูอย่างเงียบ ๆ พูดขึ้นด้วยความหวาดหวั่น

    “มหัศจรรย์มาก… นี่ ที่แพนเจียอะไรนั่นมีของดี ๆ แบบนี้อยู่อีกเพียบเลยใช่ไหม?”

    “มันเป็นหนึ่งในของถูกที่ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น” คังชอลอินว่าพลางหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

    “แหวนนั่นเป็นหนึ่งในสิ่งเล็ก ๆ ที่สามารถนำออกมาจากแพนเจียได้ รวมถึงอะไรบางอย่าง… ที่มีพลังมากพอที่จะทำลายได้ทั้งเมือง”

    “นั่นมัน…หมายถึง…”

    “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่มันไม่สำคัญ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะเชื่อมันได้เอง”

    “หืม...ก็คงจะจริง”

    “ก่อนอื่นฉันต้องการเริ่มทำข้อตกลงระหว่างเราโดยการขายทองคำที่ฉันนำมาในวันนี้ก่อน คุณคิดว่าไง?”

    “ไม่มีเหตุผลให้ต้องไม่ทำสักหน่อยเลยนี่ หากสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริงฉันจะยอมกระโดดเข้าร่วมธุรกิจที่เธอแนะนำมา ธุรกิจนี้จะเป็นดั่งห่านที่ออกไข่ทองคำให้กับพวกเรา!”

    “ถูกต้อง จากนั้นคุณก็จะสามารถเริ่มต้นใหม่และซื่อสัตย์กับครอบครัวของคุณได้อย่างที่ต้องการ ลูกสาวของคุณไม่ชอบงานที่คุณกำลังทำอยู่นี้หรอกใช่ไหม?”

    “...!”

    “ฉันจะพูดอีกครั้งว่านี่คือโอกาส”

    “….ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดที่เธอจะไม่รู้เกี่ยวกับฉันเลยสินะ”

    “แล้วคุณคิดว่าฉันมาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยหรือยังไง?” คังชอลอินถามกลับเมื่อรู้ความต้องการของชายชราควอนได้เป็นอย่างดี

    มันเป็นความปรารถนาและความโหยหาที่อาชญากรทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

    สำหรับมนุษย์แล้วนั้น เมื่อได้ก่อเหตุอาชญากรรมไปแล้ว คน ๆ นั้นจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและความทรมานจากกฎหมาย ยิ่งพวกเขาหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมมากเท่าไหร่พวกเขายิ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความระแวงและหวาดกลัว กลัวว่าวันที่พวกเขาจะถูกนำตัวไปพิจารณาคดีในศาลจะมาถึง ดังนั้นมันแน่นอนว่าถ้ามีทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้พวกเขาหลบหนีจากความผิดทางอาญาและอยู่ร่วมกับสังคมในฐานะสมาชิกที่ใสสะอาดได้พวกเขาก็จะเลือกทางนั้น

    ความคิดและความปรารถนาดำรงอยู่ในตัวของชายชราไม่ว่าเขาจะแก่หรือทรงพลังมากขนาดไหนในขุมนรกนี้ มันเป็นความปรารถนาสุดท้ายสำหรับคนที่มีชีวิตมาตลอดในฐานะอาชญากร สำหรับคังชอลอินที่รู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆ ทำให้เขาสามารถควบคุมชายชราได้อย่างง่ายดาย

    “ความปรารถนาของคุณ ฉันสามารถช่วยทำให้มันเป็นจริงได้”

    “จ จริงเหรอ?”

    เสียงของชายชราสั่นเทาอย่างรุนแรง

    “เพียงแค่รอดู หลังจากนี้อีกเพียงหนึ่งหรือสองเดือนโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง”

    “เฮ้อ...ใครจะไปรู้ว่าฉันจะมาได้ยินอะไรแบบนี้ในช่วงที่ไม้ใกล้ฝั่งเต็มที”

    “นั่นถึงได้เป็นเหตุผลว่าทำไมการใช้ชีวิตถึงได้สนุกยังไงล่ะ กลับกันใครจะไปรู้ว่าจะมีประตูมิติสู่โลกที่แตกต่างเกิดขึ้น”

    “เธอนี่พูดได้ตลกดี ทั้ง ๆ ที่การจะมีมุมมองอะไรแบบนี้ได้ต้องมีอายุที่ยืนยาวพอสมควรแท้ ๆ”

    รอยยิ้มขนาดใหญ่ได้เผยขึ้นบนใบหน้าชายชรา

    “นี่ หัวหน้าโอ”

    “ครับ ท่านประธาน”

    “เอาเงินให้เขาไป 350 ล้านวอน”

    “ได้ครับ”

    มันมากกว่าราคาทองที่เขาเรียกตามตลาดไป 100 ล้านวอน

    “ฉันจะไม่หักค่านายหน้า สำหรับทองแล้วฉันให้ 250 ล้านวอน ส่วนค่าแหวนฉันให้เพิ่มอีก 100 ล้านวอน

    “มันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น ราคาของมันอยู่ที่ประมาณ 3 - 4 ล้านวอน”

    “งั้นเหรอ?”

    “คุณเอามันไปได้เลย ฉันให้”

    “ให้ฉันแบบฟรี ๆ เลยเนี่ยนะ?”

    “ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการทำข้อตกลงอนาคตของพวกเราก็แล้วกัน ถึงฉันจะพกติดตัวเอาไว้อยู่ตลอดฉันก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันอยู่ดี”

    “...เธอมันใจใหญ่จริง ๆ แต่ฉันไม่สามารถรับมาแบบฟรี ๆ ได้ รับส่วนเพิ่มนั่นไปซะเถอะ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ต้องการแสดงความขอบคุณต่อคู่ค้าที่มีศักยภาพในอนาคต”

    “ถ้าคุณยืนยันแบบนั้นฉันก็จะยินดีรับไว้”

    ด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงแรกระหว่างคังชอลอินและชายชราควอนก็เสร็จสิ้น

    มันเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจ

    คังชอลอินมีความสุขที่เขาได้เงินสดมาและชายชราควอนก็มีความสุขเพราะเขาได้รับสิ่งของสำหรับธุรกิจใหม่และสามารถจุดความฝันของเขาที่ดับมืดขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง มันเป็นสถานการณ์ที่ต่างได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

    “แล้วฉันจะติดต่อหาคุณอีกภายในหนึ่งเดือน ช่วงนี้ก็ระวังเรื่องข้อเสนอต่าง ๆ ของคุณให้ดีก็แล้วกัน หรือถ้าคุณปิดร้านนี้ไปได้เลยก็จะยิ่งดีเพราะไม่งั้นมันคงเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อนที่คุณจะได้นั่งรถไฟแห่งดอกไม้ แล้วมันก็น่ารำคาญสำหรับฉันที่ต้องไปหาคู่ค้าคนใหม่”

    คังชอลอินตรวจสอบเงินที่อยู่ในกระเป๋าและไม่ลืมกล่าวคำเตือนที่ชายชราต้องระวังขณะก้าวออกจากร้านของชายชราไป มันคงเป็นเรื่องยากและเสียเวลาถ้าชายชราควอนต้องเข้าคุกไปก่อนที่เขาจะได้เริ่มทำธุรกิจครั้งใหม่

    “แน่นอน ฉันจะปิดมันแน่ ๆ!”

    ชายชราพยักหน้า

    “ถ้าหากเธอต้องออกไปทำงานใหญ่ ๆ ก็ต้องระวังความปลอดภัยให้มากขึ้นด้วยรู้ไหม ส่วนเรื่องทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ได้จะใช้ชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์เพราะฉะนั้นก็เตรียมตัวให้ดีสำหรับการดีลครั้งต่อไปของเราเถอะ”

    “ได้สิ”

    ด้วยบทสนทนาครั้งสุดท้ายเช่นนั้น คังชอลอินกลับขึ้นไปนั่งบนมัสแตงของเขาอีกครั้งจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานของปาร์คดูชิกต่อ

    “ท่านประธาน”

    หัวหน้าโอเรียกความสนใจจากชายชราขณะมองตามมัสแตงของคังชอลอินที่ขับไกลออกไป

    “ว่ายังไง? หัวหน้าโอ”

    “ถึงมันจะวิเศษขนาดไหนแต่การให้เงินเขาเพิ่มไปอีกร้อยล้านแบบนั้นจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือครับ? ทำไมคุณถึงได้เชื่อใจเขามากขนาดนี้?”

    “สัญชาตญาณน่ะ”

    “สัญชาตญาณ?”

    เมื่อได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด ใบหน้าของหัวหน้าโอก็บูดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ

    สัญชาตญาณ

    ธุรกิจเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ไม่ควรทำโดยใช้แค่สัญชาตญาณ แต่ควรทำด้วยข้อมูลที่ปลอดภัยและมีเหตุผล ธุรกิจอาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนต้องมีหนี้สินหากขั้นตอนใด ๆ มีความผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว แต่ชายชรากลับให้เงินเขาไปร้อยล้านวอนโดยสัญชาตญาณ มันไม่ใช่สิ่งปกติที่ชายชราควอนผู้ยิ่งใหญ่จะกระทำ

    “ท่านประธาน หรือว่าคุณ…”

    “ฉันไม่ได้แก่จนเลอะเลือน เพราะงั้นไม่ต้องมาถามฉันแบบนั้น!”

    ชายชราควอนที่ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของหัวหน้าโอตะโกนดักทาง

    “โอ...หัวหน้าโอ แกมันโง่งี่เง่าไม่หายจริง ๆ เพราะมีหัวแบบนี้อยู่บนไหล่ไงฉันถึงไม่ยอมมอบธุรกิจอะไรให้ไปทำ!”

    “...”

    “สำหรับธุรกิจนี้น่ะ แกไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำเข้าใจไหม? เด็กคนนั้นก็บอกอยู่ว่าไม่สามารถนำอะไรจากโลกนี้ไปสู่อีกโลกนั้นได้ ดังนั้นจากมุมมองของนักธุรกิจแล้วมันไม่มีเรื่องค่าใช้จ่ายต้นทุนอยู่เลย! หมายความว่าถ้าแกสามารถรักษาคนที่ข้ามไปมาระหว่างโลกนั้นโลกนี้ไว้ได้แกก็จะสามารถทำเงินได้แบบรวยโคตร ๆ!”

    “โอ้ อย่างนั้นเองหรอครับ…?”

    “และแหวนวงนี้”

    ชายชราควอนพึมพำพลางดูแหวนเพิ่มพลังราคาถูกที่อยู่บนนิ้วของเขา

    “นอกจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัยมากมายฉันก็ไม่เคยเห็นหรือได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเอาแหวนวงนี้ไปให้กับนักเบสบอลมืออาชีพใช้?”

    “มันคง...คงเป็นเกมส์ที่ดุเดือด”

    “และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้เล่นเบสบอลมืออาชีพคนนั้นได้ไปเล่นในเมเจอร์ลีก?”

    “รายได้ประจำปีที่น่าจะมากกว่าพันล้าน”

    “แล้วไอ้บ้าคนไหนที่มันมาโวยวายกับไอ้แค่เงินร้อยล้านวอน?”

    “โอ้!”

    หัวหน้าโอกุมศีรษะด้านหลังตัวเองแน่นและดูเหมือนกับว่าเขาจะเป็นลมหมดสติเมื่อรู้ถึงข้อเท็จจริงของชายชรา

    ชายชราที่ไร้ซึ่งพลังและเรี่ยวแรง แหวนแห่งความแข็งแกร่งนี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับเขาได้พอ ๆ กับผู้ชายที่ยังเต็มไปด้วยพละกำลัง

    “หลังจากนี้เป็นต้นไปถ้าเพื่อนคนนี้แวะมาอีกเมื่อไหร่ก็ทำตัวกับเขาให้ดี ๆ แม้ว่าฉันจะไม่รู้แน่ชัดแต่เขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ หืม คนแบบนี้มาจากที่ไหนกันนะ? อย่างที่เขาพูด พวกเราต้องมีชีวิตยืนยาวและรอดูต่อไป! ฮ่า ๆ ๆ ๆ !”

    ชายชราควอนหัวเราะเสียงดังพร้อมรอยยิ้ม

    มันเป็นโอกาสที่ในที่สุดก็เกิดขึ้นหลังจากผ่านไปนาน ... โอกาสของชีวิตที่เกิดขึ้นเมื่ออายุวนมาถึงรอบที่ 80

    .

    .

    .

    เมื่อคังชอลอินมาถึงที่สำนักงานของปาร์ดูชิกและได้รับการปฏิบัติดั่งเช่นราชา เขากำลังนั่งบนเก้าอี้ประธานของปาร์คดูชิกเพื่อฟังรายงาน

    “รายงานมา”

    “มันคือ…”

    “ดูท่าจะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยงั้นสินะ”

    “…” ปาร์คดูชิกไม่มีข้อแก้ตัว

    "ฉันเข้าใจ"

    “...!”

    “ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วว่าการตามหาตัวควักจองคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเจอได้ในสองสามวัน มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ ก็สองถึงสามเดือน”

    คังชอลอินนึกถึงเล่าปี่ผู้รอคอยอยู่นานเพื่อจะได้เจอกับขงเบ้งนักยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เพื่อเตือนให้สงบจิตสงบใจของตัวเองเข้าไว้

    ‘ไอ้สารเลวที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองแบบนั้นกล้าดียังไงถึงได้เอาตัวลีกงมยองไปไว้กับตัวเองแบบนั้นอีก!’

    ในทางกลับกัน ความโกรธของเขาที่มีต่อรอตส์ไชลด์ก็เริ่มกระจายแทนขึ้นมา รอตส์ไชลด์เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทองและถูกมอบแต่สิ่งดี ๆ ให้ทั้งซ้ายและขวามาตลอดทั้งชีวิต

    ลีกงมยอง ผู้อพยพจากชาวจีนที่พำนักอยู่ในเกาหลีได้เข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดเพราะความฉลาดของเขา รอตส์ไชลด์ที่ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนอยู่ที่นั่นจึงได้จับตาดูความสามารถของลีกงมยองมาโดยตลอด

    คังชอลอินที่พยายามจะสงบอารมณ์ความโกรธของตัวเองวางเงินสี่กองลงบนโต๊ะของปาร์คดูชิกโดยแต่ละกองจะเป็นจำนวนเงินห้าล้านวอน

    “โอ้ บิ๊กบอส! ทำไมคุณถึงเอาอะไรแบบนี้มาให้พวกเราบ่อยนักล่ะครับ?”

    “แกก็รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร”

    “แน่นอนสิครับ ผมจะรีบส่งคนออกไปมากกว่าเดิมเพื่อกระจายกำลังในการออกตามหามากยิ่งขึ้น!”

    ปาร์คดูชิกกำหมัดแน่นเพื่อแสดงให้คังชอลอินเห็นว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน

    “แต่นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรอครับ? แค่สองกองก็พอ…”

    “อย่าทำตัวเหมือนไม่ชอบในสิ่งที่ฉันทำจะได้ไหม?”

    “...อ่า ครับ บิ๊กบอส”

    ควักจองคือกุญแจสำคัญถ้าเขาต้องการมอบบทเรียนให้กับรอสต์ไชลด์และลีกงมยอง เงินเล็กน้อยพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับเขาถ้าหากมันจะทำให้เขาสามารถคว้าตัวควักจองมาได้ เขาจะเพิ่มครั้งละล้าน ไม่สิ ครั้งละสิบล้านก็ยังได้

    “งั้นฉันไปล่ะ แล้วฉันจะมากลับมาใหม่เร็ว ๆ นี้”

    เมื่อคังชอลอินเสร็จธุระที่สำนักงานของปาร์คดูชิกแล้วเขาตั้งใจจะไปที่บูชอนต่อเพื่อไปเยี่ยมแม่ของเขา

    ‘เรามันเป็นลูกที่แย่จริง ๆ …’

    หากนึกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อนที่เขาได้รับการอัญเชิญเป็นครั้งแรก เขาไม่เคยกลับมาเยี่ยมแม่ตัวเองอีกเลย ในตอนนั้นคังชอลอินคลั่งไคล้ในสงครามที่แพนเจียมากจึงได้ทำผิดบาปต่อครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาไปโดยไม่รู้ตัว มันไม่สำคัญว่าเขาจะให้เงินกับเธอไปมากแค่ไหนแต่ที่สำคัญคือเขาไปเคยกลับไปนวดไหล่ให้แม่ตัวเองเลยสักครั้งนี่ต่างหาก ในฐานะลูกชายแล้วมันให้เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

    ‘แม้แต่ครอบครัวยังดูแลไม่ได้แล้วจะไปปกครองแพนเจียได้ยังไงกัน...?’

    คังชอลอินครุ่นคิดแล้วให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ลูกที่ดีเพื่อแม่ของเขา

    แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ออกตัว โทรศัพท์ที่เงียบมานานของเขาก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาเสียก่อน

    มันคือสายเรียกเข้าจาก…

    “ตัวแทนลี?”

    ราชันย์ที่เขาไม่เคยรู้ถึงการมีอยู่มาก่อน ลีแชริน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×