ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] ราชันย์แห่งสมรภูมิ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 67


    ‘ได้ ในเมื่อทุกอย่างมันกลายมาเป็นแบบนี้ บางทีนี่อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด’

    ด้วยเหตุผลบางประการ

    คังชอลอินยกยิ้ม

    ‘เรามุ่งเน้นกำลังทางด้านทหารมากเกินไป การเพิกเฉยต่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน อีกทั้งยังเพิกเฉยต่องานเอกสารจนไม่มีเวลาไปมุ่งเน้นนโยบายต่าง ๆ  … ด้วยความก้าวหน้าของสงครามที่เนิบช้าและไร้การเคลื่อนไหวเราจึงละเลยการรวบรวมข่าวกรองและการทูตไปทั้งสิ้น ถ้าเราไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้ได้เราก็ควรมีข้อมูลและมีไหวพริบที่ดีให้มากกว่านี้ เช่นนั้นก็คงไม่ถูกล้อมโจมตีแบบนี้’

    แม้กำลังจะเผชิญหน้ากับหายนะครั้งใหญ่ทว่าจิตใจของคังชอลอินกลับเต็มไปด้วยความสงบและเยือกเย็น

    หากศัตรูรู้ถึงสถานะปัจจุบันของคังชอลอินในตอนนี้ พวกเขาคงคิดว่าควรจะล่าถอยไปก่อนดีหรือไม่หรือจะพุ่งชนต่อไปทั้งอย่างนี้เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้วนอกจากความเสียใจกับความสงบเยือกเย็นที่คังชอลอินมี

    “นายท่าน! เราต้องการคำสั่งจากนายท่านเพื่อสู้กับศัตรูนะขอรับ!” อัลเฟรดอ้อนวอนต่อคังชอลอิน เขากำลังเป็นกังวลกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้อย่างมาก มันเป็นที่เข้าใจได้เมื่อพิจารณาถึงภัยคุกคามที่กำลังใกล้เข้ามา

    “อัลเฟรด”

    “ขอรับ นายท่าน”

    “อย่าได้ทำตัวผลีผลามและอย่าได้แสดงความหวาดกลัว รักษาศักดิ์ศรีของเจ้าไว้ซะ เรายังไม่แพ้ซะทีเดียว”

    “นายท่าน…?”

    อัลเฟรด พ่อบ้านแวมไพร์ผงะกับความสงบนิ่งของคังชอลอินก่อนจะรวบรวมสติและคืนความสงบของตัวเขาเองกลับคืนมาหลังจากนั้นได้ไม่นาน ในฐานะที่เป็น NPC อัลเฟรดไม่สามารถรับรู้ถึงความคิดความอ่านของคังชอลอินได้

    “เรียกรวมแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าและส่งกองกำลังทั้งหมดออกจากวัลฮัลลาไปพบกับศัตรูเท่าที่จะเร็วได้”

    “นายท่าน…! ทำเช่นนั้นไม่ได้นะขอรับ! นายท่านไม่คิดหรือว่าการเตรียมการป้องกันจะเป็นการดีกว่า? การพุ่งชนโดยตรงจะทำให้วัลฮัลลาเสียเปรียบอย่างมากนะขอรับ!”

    ใช่ มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

    แต่แม้จะมีโอกาสเพียง 1% ที่จะออกจากสถานการณ์นี้ได้มันก็ยังดีกว่าการป้องกันจากการถูกล้อม

    “มันจะเป็นการยืดเยื้อและเสียเวลาโดยใช่เหตุสำหรับการต่อสู้ที่ถึงอย่างไรก็รู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว เราต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรงแทนการเป็นคนขี้ขลาด”

    “นายท่าน…!”

    “ไม่ต้องกังวล”

    "... "

    “เราอาจจะแพ้ในวันนี้แต่มันจะไม่ใช่ในครั้งต่อไป”

    ช่างฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

    เห็นได้ชัดว่าการพ่ายแพ้ในวันนี้จะนำไปสู่การกำจัดและการทำลายล้าง แต่คังชอลอินกลับสงบและเยือกเย็นกว่าที่คนทั่วไปจะรู้สึกได้

    “ลูซี่, เบลล่า!”

    เมื่อคังชอลอินเรียกชื่อของพวกนาง ลูซี่และเบลลาทริกซ์ หน่วยรักษาการณ์เอล์ฟแห่งความมืดที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดด้านหลังบัลลังก์ก็ปรากฏตัว

    “เจ้าค่ะ นายท่าน”

    “เรียกหาพวกเราหรือเจ้าคะ”

    ลูซี่และเบลล่าเป็น NPC เช่นเดียวกับอัลเฟรด พวกนางเป็นหน่วยรักษาการณ์ที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์และศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันย์ระดับกลางส่วนใหญ่

    “ดาบและชุดเกราะของข้า”

    ทันทีที่สิ้นคำพูดของคังชอลอิน ลูซี่และเบลล่าก็ได้นำอาวุธมหากาพย์ ‘ฟรากราค’ดาบแห่งสงครามและ‘วัลลี’ชุดเกราะแห่งการล้างแค้นออกมา ด้วยสิ่งเหล่านี้จึงทำให้คังชอลอินเป็นจอมราชันย์แห่งสงครามที่รู้จักกันดีในนาม ‘จอมราชันย์นักล่า’

    ‘อล็กซ์ รอสต์ไชลด์และลีกงมยอง’

    เขายังคงสงบจิตสงบใจเรื่องของศัตรูในขณะสวมชุดเกราะเตรียมทำสงครามโดยมีเบลล่าและลูซี่คอยช่วยเหลือ

    เขาตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงคนสองคนที่ได้นำความพินาศมาสู่เขา เขาถือเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่มีศักยภาพมากที่สุดสำหรับการร่วมรวมแพนเจียให้เป็นปึกแผ่นแต่มันกำลังจะไม่ใช่เขาอีกต่อไป

    เขาเหยียบย่ำพวกนั้นมานับครั้งไม่ถ้วนแต่พวกนั้นก็ยังกลับมามีชีวิตรอดต่อได้เหมือนแมลงสาบที่วนเวียนไม่รู้จักจบ หากจะบ่งชี้ให้แม่นยำมากขึ้นก็คงบอกได้ว่าพวกนั้นไม่ใช่จอมราชันย์หากแต่เป็นซอมบี้ เขารู้สึกเสียใจที่ปล่อยคนพวกนั้นเอาไว้แทนที่จะฆ่าหรือปราบปรามให้จบสิ้นไป แต่เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ มาถึงจุดนี้แล้ว เขาจะทำให้พวกนั้นได้รู้ซึ้งถึงความโกรธของจอมราชันย์คังชอลอินและวัลฮัลลาด้วยสงครามอันยิ่งใหญ่นี้เอง

    ตู้ม! ตู้ม!

    ไซโมดัส เต่าขนาดยักษ์ที่หายใจเป็นไฟและลาวากำลังเคลื่อนตัวไปยังกองบัญชาการใหญ่ของคังชอลอิน พวกเขามีกองกำลังทั้งหมด 15,000 กองกำลังเมื่อรวมระหว่างสหภาพกัลเวกและพันธมิตรบัลเดอร์เข้าด้วยกัน รวมถึงทหาร 2,000 นายที่กำลังประจำการอยู่ที่กองบัญชาการใหญ่

    “นายท่าน”

    ลีกงมยอง ผู้บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดหันหน้าเข้าหาอเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ผู้นำของเขา

    “ท่านคิดจะสู้กับคังชอลอินแบบตัวต่อตัวจริงหรือขอรับ?”

    อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ใส่ชุดเกราะที่แต่งแต้มด้วยสีขาวและสีทองมาเต็มยศ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในจอมราชันย์ อาวุธของเขาเองก็เป็นอาวุธมหากาพย์ด้วยเช่นกัน

    “ข้ามั่นใจว่าเจ้านั่นจะไม่ยอมยืนนิ่งมองดูเฉย ๆ เป็นแน่”

    “แต่นายท่าน คังชอลอินเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอย่างยิ่งนะขอรับ การสู้แบบตัวต่อตัวไม่อาจเอาชนะเขาได้ หรือแม้จะมีคนร่วมสู้ด้วยจำนวนมากก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน คังชอลอินถือเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในแพนเจีย ชีวิตของท่านจะตกอยู่ในอันตรายได้หากต้องไปสู้กับเขา”

    “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงต้องไปออกสู้กับมันร่วมกับคนอื่น ๆ เช่นนี้ การโจมตีแบบร่วมมือกันจากจอมราชันย์คนอื่น ๆ จะนำโอกาสแห่งชัยชนะมาสู่เรา อีกทั้งเรายังมีกองกำลังทางทหารจำนวนมากนี่อีก”

    “แต่…”

    “ชำระแค้น”

    ลีกงมยองไม่ได้กล่าวอะไรต่อทันทีที่อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์กล่าวคำนั้นออกมา

    มันเป็นคำที่เข้าใจได้ง่าย

    ตั้งแต่สงครามแร็กนาร็อกเริ่มขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ถูกขังอยู่ในกลอุบายของคังชอลอินและต้องพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด เขาสูญเสียลูกน้องสองคนที่มีค่าราวกับว่าพวกเขาคือพี่น้องแท้ ๆ ไป รวมถึงป้อมปราการไซโมดัสของเขาเองก็ถูกย่ำยีด้วยเช่นกัน และมันไม่ใช่เพียงหนึ่งหนที่เกิดขึ้นแต่เป็นถึงสี่

    หากไซโมดัสไม่ใช่ป้อมปราการเคลื่อนที่ อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์คงจะถูกบดขยี้ด้วยน้ำมือของคังชอลอินไปนานแล้ว

    “ข้าต้องล้างแค้นให้กับความตายของพวกเขา ต้องตอบแทนสำหรับความอัปยศที่มันเคยมอบให้เมื่อในอดีต หากไม่ใช่วันนี้ข้าจะไม่สามารถล้างแค้นมันได้อีกต่อไป บางทีหากเป็นวันอื่นข้าคงหลีกเลี่ยงแต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้”

    เขากล่าวอย่างแน่วแน่ด้วยจิตใจที่เตรียมพร้อม ไม่ว่าลีกงมยองจะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถโน้มน้าวจิตใจเขาได้ดังนั้นลีกงมยองจึงไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก

    “คงจะดีถ้าเราสามารถทำลายมันได้โดยการโจมตีของโซโมดัสเพียงลำพัง … มันคงจะแย่มากหากเป็นแบบนั้น” อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์กล่าวด้วยความผิดหวัง

    “แม้จะเป็นวลีที่ใช้กันโดยทั่วแต่ ‘คนสุดท้ายที่ยืนอยู่คือผู้ชนะ’ คังชอลอินแข็งแกร่งมาก เขาจะไม่ยอมโค้งงอให้กับสายลมแม้ว่าสายลมนั้นจะพังทำลายเขามากเพียงใด … ข้อบกพร่องของเขาไม่ใช่เพราะเขาไม่แข็งแกร่งแต่เป็นการแข็งแกร่งเกินไปนี่ต่างหาก”

    “ใช่ และถ้ามันระวังตัวมากกว่านี้ก็คงไม่เป็นเช่นนี้”

    “ขอรับ นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ข้าเลือกนายท่าน ไม่ใช่คังชอลอิน”

    ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ทหารของวัลฮัลลาก็ได้เปิดเผยตัวขึ้นในระยะไกล

    “เป็นไปไม่ได้…!”

    ลีกงมยองอุทานเมื่อได้เห็นในสิ่งที่กำลังรอเขาอยู่

    “นายท่าน! ที่ตรงนั้น! กองทัพขนาดใหญ่! เขายอมแพ้ต่อสงครามล้อมและเลือกเผชิญหน้าแทน…!”

    ทางเลือกของคังชอลอินเป็นหนึ่งในสิ่งที่โง่เขลา แต่ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างความประหลาดใจได้เป็นอย่างดี

    “เป็นไปไม่ได้…!”

    อเล็กซ รอสต์ไชลด์ไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาได้เช่นกัน

    “กงมยอง หรือนี่จะเป็นกับดัก แม้ว่าคังชอลอินจะบ้าบิ่นแต่การเผชิญหน้าแบบนี้มันจะเกินไปหรือไม่!”

    เขาได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากจากคังชอลอินจนมาถึงตอนนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะผงะกับการเลือกเผชิญหน้าของคังชอลอินจากการคุกคามที่สมบูรณ์แบบ

    “ไม่ขอรับ มันไม่ใช่กับดัก”

    ลีกงมยองมีความคิดที่ต่างออกไป

    "มันเป็นความทะนงตนที่เขามี"

    "ความทะนงตน?"

    “ขอรับ ข้ามั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น”

    ลีกงมยองกล่าวอย่างมั่นใจ

    “ตามข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา กองบัญชาการของเฮคาเต้ถูกทำลายโดยสหภาพกัลเวกเรียบร้อยแล้ว อเลสเตอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิชตาร์เองก็กำลังอยู่ที่นั่น”

    นิ้วของลีกงมยองชี้ไปยังจอมราชันย์อเลสเตอร์ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนมังกรกระดูก ซากศพของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่

    “เขาคงคิดได้ว่าเขาไร้ซึ่งความหวังในการชนะกับศึกครั้งนี้เขาจึงออกมาพร้อมการเปิดตัวเช่นนี้ การลากสงครามให้ยืดเยื้อไม่ใช่วิถีของคังชอลอิน”

    “โอ้…!”

    “การเปิดตัวเช่นนี้ …. นั่นไม่ใช่เพียงสัญลักษ์ตัวตนของคังชอลอินเท่านั้น แต่มันหมายความว่าเขาจะไม่ยอมร้องขอชีวิตและไม่พยายามซ่อนให้ตัวเองรอดจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น นี่แหละคือสิ่งที่เขาเป็น”

    ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักยุทธศาสตร์อัจฉริยะอย่างลีกงมยอง

    เขาได้เห็นความตั้งใจของคังชอลอินมาโดยตลอดจึงมอบความมั่นใจให้กับจอมราชันย์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง… เห็นได้ชัดว่าทำไมคังชอลอินถึงได้รู้สึกเสียใจนักที่ไม่มีลีกงมยองเป็นพวกของตัวเอง

    “นายท่าน ออกคำสั่งโจมตีอย่างเต็มกำลังเถอะขอรับ ตราบใดที่คังชอลอินได้เลือกสงครามเช่นนี้แล้วมันไม่มีทางอื่นนอกจากทำลายทิ้งไปให้หมด”

    “อย่างนั้นหรือ?”

    “ขอรับ”

    “งั้นก็จงทำเช่นนั้นไป”

    อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์พยักหน้าให้กับลีกงมยองผู้เป็นที่ปรึกษาของเขา

    การปะทะครั้งใหญ่ที่คิดว่าจะจบลงอย่างง่ายดายกินเวลานานถึง 3 วัน 3 คืน วัลฮัลลามีกำลังทางทหารที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงและคังชอลอินก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยมทางการต่อสู้ในศึกครั้งนี้

    แต่ขีดจำกัดของเขามาได้แค่เพียง 3 วัน

    เดิมทีเขากำลังเป็นต่อด้านกองกำลัง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนที่ล้นหลามก็ไม่อาจรับมือไหวได้

    ในที่สุดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าแห่งวัลฮัลลาก็ล้มลงไปทีละคน คังชอลอินถูกผลักให้กลับไปยังบัลลังก์กองบัญชาการใหญ่ของวัลฮัลลา และเป็นตามที่คาดการณ์ไว้จากทั้งสองฝ่าย คังชอลอินพ่ายแพ้

    “ไง มากันแล้วหรอ?”

    คังชอลอินที่นั่งอยู่คนเดียวบนบัลลังก์ทักทายเหล่าจอมราชันย์ผู้เป็นศัตรูที่ร่วมมือให้เกิดศึกในครั้งนี้

    ด้วยความตกตะลึง จอมราชันย์ฝ่ายพันธมิตรกำลังสูญเสียคำพูด

    ขณะนั้นเองราวกับบทบาทได้สลับฝั่ง ดูเหมือนคังชอลอินที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้คือผู้ชนะและจอมราชันย์ฝ่ายศัตรูที่เป็นผู้ชนะคือฝ่ายพ่ายแพ้

    เช่นนี้ คังชอลอินจึงยังคงภาคภูมิใจในตัวเอง

    ใบหน้าของคังชอลอินที่นั่งอยู่บนบังลังก์ไม่ใช่ใบหน้าของผู้พ่ายแพ้แต่อย่างใด รอยยิ้มแสยะแผ่กระจายทั่วใบหน้าราวกับว่าเขากำลังมองอย่างดูถูกไปยังจอมราชันย์คนอื่น ๆ

    “คงคิดไม่ถึงว่าตัวเจ้าจะพ่ายแพ้ล่ะสินะ?”

    ในที่สุดอเล็กซ์ รอสต์ไชลด์คู่ต่อสู้ของคังชอลอินก็พูดขึ้น

    "เพราะข้าเหยียบย่ำเจ้ามานับครั้งไม่ถ้วนอย่างนั้นหรือ?"

    ดูเหมือนว่าอเล็กซ์ รอสต์ไชลด์จะพ่ายแพ้ต่อการยั่วยุของอีกฝ่าย

    ใครจะไปคิดว่าจะเป็นเขาที่ได้เป็นคนส่งคังชอลอินไปยังเงื้อมมือแห่งความตาย มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดกับเขาเป็นครั้งแรก

    คังชอลอินเย้ยหยัน

    "... !"

    “ทำไม? ผิดหวังกับปฏิกิริยาของข้าอย่างนั้นหรือ? ถ้าให้เดา...พวกเจ้าคงจะพอใจยิ่งกว่านี้ถ้าข้าร้องห่มร้องไห้และตื่นกลัวเหมือนที่พวกเจ้าเคยเป็นกันล่ะสิ หึ พวกขี้แพ้”

    เมื่อสิ้นคำพูด อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์เกือบจะพุ่งเข้าไปแทงตัวคังชอลอินเสียให้จบ ๆ

    เขายังกระตุ้นอารมณ์ความโกรธของคนอื่นในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?

    การเย้ยหยันของเขาเพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนเป็นบ้า

    “มันคงเสียสติไปแล้ว”

    อเลสเตอร์ จอมราชันย์หมอผีที่เงียบมาตลอดพูดขึ้น เขาถอดกะบังหมวกในชุดเกราะกะโหลกออกเผยให้เห็นใบหน้าที่หยาบช้าและสัปดน

    “เจ้าคงคิดไม่ถึงเลยล่ะสิ ห้ะ? แต่แล้วเจ้าจะไปมีปัญญาทำอะไรได้? นี่คือสิ่งที่เจ้าควรจะได้รับจากการอวดดีและหยิ่งผยอง”

    อเลสเตอร์ยิ้มเยาะให้คังชอลอิน

    และการตอบรับที่ได้กลับมานั้น …

    “หุบปาก”

    "... !"

    มันเป็นคำสั่งที่น่ากลัวมากพอจะส่งความหนาวเหน็บลงไปถึงกระดูกแม้จะมีสถานะเป็นจอมราชันย์ด้วยเช่นกัน

    "หุบปากของเจ้าซะก่อนที่ข้าจะทำลายกะโหลกศีรษะของเจ้าทิ้ง ข้าไม่ต้องการพูดกับคนทรยศไร้ค่าเช่นเจ้า"

    "... !"

    ด้วยความรังเกียจ คังชอลอินหันหน้าหนีจากอเลสเตอร์กลับไปที่อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์อีกครั้ง

    “นี่ รอสต์ไชลด์” เขาชี้ไปที่อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ด้วยการเชิดคาง

    “เจ้าทำงานอย่างหนักมาโดยตลอดเพื่ออุดมการณ์ที่ยุติธรรมและยิ่งใหญ่”

    “เจ้าหมายถึงอะไร?”

    อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ตอบกลับ

    “ข้ากำลังพูดถึงอะไรน่ะเหรอ? เอาล่ะ หากเจ้าจะรับบทคนโง่ข้าก็จะบอกใบ้ให้ เจ้าต้องการครอบครองแพนเจียทั้งหมดก็เพื่อตัวเจ้าเองแต่แกล้งทำเป็นไม่อยากได้ สิ่งนี้คงทำให้เจ้ารู้สึกตัวตื่นอยู่ตลอดคืนเลยใช่ไหม?”

    “ไม่ใช่ ข้าไม่เหมือนกับเจ้า”

    “ฮา! แตกต่างจากข้า? ข้าจำนิสัยของตัวเองได้ดีและเจ้าเองก็เป็นเหมือนกัน นอกจากจะแกล้งทำเป็นทูตแห่งสวรรค์แทนที่จะเป็นคนซื่อตรงเหมือนอย่างข้าแล้วเจ้ายังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองให้ได้มากที่สุดอีกต่างหาก และตอนนี้เจ้าก็กำลังแกล้งทำว่าตัวเจ้าไม่ใช่แบบนั้น”

    “ปีศาจเท่านั้นที่จะรู้จักปีศาจ … คังชอลอิน สิ่งนั้นมันตัวเจ้าเองนั่นแหละ!”

    “อย่างนั้นเหรอ แต่มันเหมือนกับว่าเจ้าจะฆ่าคนทรยศก่อนที่ข้าจะจากไปเสียอีกนะ”

    สิ้นประโยค อเลสเตอร์ผู้ทรยศก็ตัวสั่นผวา

    “ขี้ขลาด” คังชอลอินหันไปเย้ยหยันอเลสเตอร์ก่อนจะพูดต่อ

    “ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าหลังจากที่ข้าตายไปแล้ว ในตอนนี้เจ้าจงจบมันซะ”

    จากนั้นคังชอลอินก็ปลดอาวุธของตัวเองและอ้าแขนกว้าง

    “เจ้าวางแผนอะไร? คังชอลอิน”

    รอสต์ไชลด์ถามขณะตั้งการ์ดป้องกัน

    “จะเป็นคนงี่เง่าที่ไม่รู้จักหยุดหย่อนเลยใช่ไหม? แค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรืออย่างไร?”

    “เจ้าจะยอมตาย?”

    “คงจะอย่างนั้น ข้าไม่ต้องการร้องไห้และวิ่งหนีไปเหมือนใครบางคนหลังถูกโจมตีแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ข้าไม่ต้องการกลับไปมีชีวิตเฉกเช่นแมลงสาบ มันไม่ใช่วิถีของข้า”

    เป็นคำพูดที่โจมตีโดยตรงถึงรอสต์ไชลด์จนทำให้เขาถึงกับหมดความอดทน

    ดาบของรอสต์ไชลด์ที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นส่องประกายแวววาวขณะที่มันเจาะทะลุผ่านหัวใจของคังชอลอิน

    “ชัยชนะของข้า! คังชอลอิน!”

    “ใช่ ๆ สนุกไปกับสิ่งที่เจ้าต้องการได้เลย” คังชอลอินหัวเราะ

    "แต่วันนี้จะเป็นวันแรกและวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้รับชัยชนะ ... "

    “หุบปาก!”

    ดาบของรอสต์ไชลด์ส่องแสงประกายอีกครั้ง

    จากนั้นศีรษะของคังชอลอินก็ร่วงหล่นและกลิ้งไปบนพื้น

    ตาย

    จอมราชันย์คังชอลอินผู้ยิ่งใหญ่จบชีวิต

    “ชัยชนะ ... ชัยชนะของข้า! คังชอลอิน!”

    อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ประกาศชัยชนะของเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ

    มันเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน่ากลัว

    เป็นใบหน้าของชายผู้เอาชนะศัตรูที่มักดูหมิ่นเขาและเขาก็กลัวเกรงเหมือนอย่างปีศาจได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามใบหน้าที่น่ากลัวของเขาได้จางหายไปและถูกแทนที่ด้วยความสุขและความสำเร็จ

    “ทุกคนทำได้ดีมาก!”

    อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์กล่าวพลางหันไปมองจอมราชันย์คนอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงอเลสเตอร์

    “และตอนนี้ หัวนี้ก็จะเป็น…”

    ขณะที่รอสต์ไชลด์กำลังจะเดินเข้าไปถือศีรษะของคังชอลอินมาให้ทุกคนได้เห็นและเฉลิมฉลองไปกับชัยชนะ ทันใดนันพวกเขาก็หยุดทุกการกระทำ

    แคร่ก!

    พื้นเบื้องล่างเริ่มสั่นไหว

    มันดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ดี

    การสั่นสะเทือนที่พวกเขารู้สึกได้ใต้เท้าเริ่มดังขึ้นและใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ มันเป็นลางสังหรณ์ที่แปลก ราวกับว่า ... จะมีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้น

    "ไม่มีทาง...!"

    รอสต์ไชลด์ตะโกน

    “ระเบิดฆ่าตัวตาย!”

    “เราต้องรีบออกจากที่นี่!”

    “คังชอลอิน ไอ้คนน่ารังเกียจ!”

    และเมื่อทุกคนรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พายุที่รุนแรงก็พัดเข้าหาพวกเขาด้วยเสียงดังปัง มันเป็นกลยุทธ์ทางสงครามที่น่ารังเกียจและหยาบช้ายิ่งนัก

    “โง่เง่า โง่เขลา โง่บรม”

    คังชอลอินยิ้มเยาะขณะพึมพำ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×