ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] ราชันย์แห่งสมรภูมิ

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 15

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 67


    ในสายตาของรัสเซลเลอร์และลาน่าแล้ว คังชอลอินเป็นดั่งแสงสว่างที่สาดส่องมาในช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดในชีวิต

    เคราะห์กรรมที่ประชั้นชิดเข้ามาจากการรุกรานของพวกออร์ค

    และราชันย์ที่มาปรากฏตัวในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย

    ความแข็งแรงและการกระทำที่อาจหาญตอนเฉือนหัวออร์คได้ด้วยเพียงจังหวะเดียวจากบุรุษผู้นั่งอยู่บนหลังอาชาขาว สำหรับพ่อลูกคู่นี้ คังชอลอินเป็นผู้ช่วยชีวิตที่เป็นเหมือนดั่งเชือกสวรรค์ถูกส่งลงมาให้ขึ้นจากหลุมโลกันตร์

    “โอ้ ราชันย์มาถึงแล้ว!”

    รัสเซลเลอร์สามารถเอาชนะความกลัวได้ในที่สุด

    ลาน่าก็เช่นเดียวกัน นางคิดว่าวันนี้จะต้องเป็นจุดจบชีวิตของนางเสียแล้ว

    เสียงหายใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของออร์คเมื่อนางและพ่อล้มลงไปกับพื้นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ความหวั่นกลัวซึมเข้าถึงกระดูก นางหมดซึ่งความหวังและตั้งใจยอมรับต่อชะตากรรม

    แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น

    ‘โอ้ องค์ราชันย์!’

    ขณะที่ชีวิตของนางกำลังถูกแขวนอยู่กับเส้นดายแห่งความตาย หัวใจของนางเต้นระรัวเมื่อได้เห็นคังชอลอินที่มาพร้อมกับอาชาขาว

    ‘องค์ราชันย์แห่งลาพิวต้า!’

    ท่ามกลางสถานการณ์นองเลือด สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิได้พัดผ่านร่างของเด็กสาวคนหนึ่งในที่สุด มันเป็นสิ่งที่นางไม่เคยคิดฝันมาก่อน แต่ก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วว่าการได้รับความช่วยเหลือจากอัศวินบนอาชาขาวเป็นดั่งความฝันของหญิงสาวทุกนาง!

    อย่างไรก็ตาม คังชอลอินไม่สนใจความรู้สึกที่ลาน่ากำลังเป็นอยู่เลยแม้แต่นิด

    เขาไม่ได้คิดสนใจนางมาแต่แรก ทุกความสนใจของเขาอยู่ที่พวกออร์คที่กล้ามารุกรานชาวบ้านและพื้นที่การเกษตรของเขา

    “พวกเจ้าสี่คน!”

    เขาเรียกทหารกลุ่มหนึ่งที่ติดอาวุธด้วยโล่และหอก

    “เคลื่อนย้ายพ่อลูกคู่นี้ไปยังที่ที่ปลอดภัยซะ!”

    “ขอรับ!”

    ทหารทั้งสี่นายที่ได้รับคำสั่งกระทันหันรีบพารัสเซลเลอร์และลาน่าออกจากเขตพื้นที่อันตรายอย่างรวดเร็ว

    “เจมส์!”

    “ขอรับ!”

    “ส่งทหารสิบนายไปคุ้มกันชาวบ้านที่กำลังหลบหนี! ข้าจะจัดการที่เหลือตรงนี้เอง!”

    “ต แต่นายท่านจะ…”

    “เดี๋ยวนี้!”

    “ขอรับ!”

    เช่นนั้น เจมส์และทหารอีกสิบนายจึงพากันออกไปจากความวุ่นวายนองเลือดนี้

    ‘ส่งทหารออกไปดูแลชาวบ้าน 15 นายทำให้ตอนนี้ที่เหลืออยู่มีเพียง 35 นาย … เท่านี้ก็น่าจะพอ ข้าจะจบเรื่องทั้งหมดภายใน 10 นาทีให้พวกเจ้าได้เห็นเอง!’’

    แม้คังชอลอินจะแบ่งกำลังพลออกไปจนทำให้ตอนนี้มีกำลังพลเหลือน้อยกว่าที่ควรแต่เขาก็ยังคงความสงบ

    “คนที่ถือโล่ก้าวมาข้างหน้าแล้วจัดกระบวนป้องกันแนบชิด!”

    คังชอลอินส่งเสียงคำรามและเริ่มนำทัพ

    “คนที่ใช้ปืนคาบศิลามาอยู่ด้านหลังโล่!”

    ทหารเคลื่อนตัวตามคำสั่งของคังชอลอินได้อย่างรวดเร็วและเตรียมพร้อมสำหรับรับคำสั่งต่อไป

    กรือออ

    กรือออ

    พวกออร์คที่ตั้งใจออกมาล้างผลาญมนุษย์ส่งเสียงข่มขู่แยกเขี้ยวเมื่อรับรู้ได้ถึงสถานการณ์อันตราย

    ‘กล้าดีอย่างไร?!’

    นัยน์ตาคังชอลอินเต็มไปด้วยความเดียดฉันท์และโทสะเมื่อเขามองดูสัตว์ประหลาด

    สิ่งมีชีวิตสกปรกที่ไม่เคยแม้แต่จะอยู่ในสายตาเขามาก่อนแต่ตอนนี้กลับกำลังคุกคามพื้นที่และคนของเขา

    สิ่งนี้ถือเป็นการดูหมิ่นจอมราชันย์คังชอลอินยิ่งนัก

    “เฮ้อ”

    คังชอลอินถอนหายใจขณะก้าวลงจากหลังม้า

    แน่นอนว่าความเร็วและน้ำหนักในการออกแรงที่ได้จากม้าวิ่งนั้นทรงพลังจนทำให้เขาสามารถฆ่าออร์คได้ภายการลงดาบแค่เพียงครั้งเดียว

    อย่างไรก็ตาม สำหรับการสู้รบแบบนี้มันจะเป็นการดีกว่าหากได้ต่อสู้ด้วยการเดินเท้า และคังชอลอินเองก็ชอบการต่อสู้ด้วยการเดินเท้าของตัวเองมากกว่าการไปนั่งอยู่บนหลังม้า

    “พลปืน ยิง!”

    คังชอลอินออกคำสั่งทันทีหลังลงมาจากหลังม้าเพื่อเข้าร่วมกับกองทหารคุ้มกัน

    ตู้ม! ตู้ม!

    กระสุนดินปืนพุ่งใส่ออร์คจนทำให้เกิดควันหนาทึบ

    “โล่! ตั้งค้างไว้เพื่อป้องกัน! หากพวกเจ้าพังทลายพวกเราจะตายกันหมด!”

    คังชอลอินเป็นกังวลมากที่สุดกับทหารด้านหน้าแถวที่ต้องเผชิญหน้ากับออร์ค เพื่อให้ทหารปืนสามารถยิงได้อย่างปลอดภัย บทบาทของทหารแบกโล่จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

    “หากเห็นโอกาสใช้หอกเมื่อไหร่จงใช้มันในทันที เล็งไปที่คอของพวกมันซะ!”

    หอกของทหารเจาะทะลุคอออร์ค

    ‘ออร์คพวกนี้จัดการง่ายเสียจริง’

    คังชอลอินกำลังจ้องมองพวกออร์คด้วยรอยยิ้มสบายใจที่ฉายอยู่บนใบหน้า

    ออร์คเป็นสัตว์ประหลาดที่อันตราย

    ด้วยสถานะปัจจุบันของคังชอลอิน มันค่อนข้างยากสำหรับเขาที่จะจัดการกับออร์คสองตัวพร้อมกัน และจะยิ่งเป็นการฝืนเกินกำลังเมื่อต้องสู้กับออร์คถึงสามตัว แต่เมื่อใดที่ต้องเผชิญหน้ากับออร์คสี่ตัวนั่นหมายถึงชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย อย่างไรก็ตามนั่นเป็นในกรณีของการสู้แบบ 1: 1

    แต่ในตอนนี้เขามีกำลังเป็นกองทัพ

    ออร์คมีความแข็งแกร่ง แต่ชั้นเชิงเพียงอย่างเดียวของพวกมันคือการใช้ร่างกายขนาดใหญ่และการรวมกลุ่มเพื่อทำลายและทุบทุกอย่างที่ขวางหน้า ชั้นเชิงนี้อาจจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้แบบระยะประชิดตัว แต่หากเป็นการต่อสู้ที่มีการจัดตำแหน่งจะต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มนุษย์จะรู้วิธีการจัดแบบกลุ่มและนำสิ่งนั้นมาใช้เพื่อประโยชน์ของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคังชอลอิน เจ้าแห่งสงครามกลยุทธ์!

    ตู้ม! ตู้ม!

    ทหารปืนคาบศิลาทั้งสิบนายออกอาวุธของตนออกไปอีกครั้ง

    “เติมกระสุน!”

    พื้นฐานของปืนคาบศิลาจะบรรจุกระสุนได้สองนัด เมื่อยิงออกไปแล้วมันจำเป็นต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อเติมดินปืนเข้าไปใหม่

    “โล่! ออกแรงผลักให้มากกว่านี้! จงอดทน!”

    คังชอลอินตะโกนสั่ง

    หากจะมีอะไรที่ถือเป็นอันตรายสำหรับการต่อสู้นี้ … ก็คงจะเป็นในตอนนี้เสียละมัง

    ช่วงเวลาที่อาวุธปืนหยุดชั่วขณะเพื่อเติมกระสุนดินปืน มันเป็นโอกาสอันดีที่พวกออร์คจะใช้เวลานี้เข้ามาโจมตี

    และมันก็เป็นไปตามคำทำนายของคังชอลอินไม่มีผิด

    กรออ!

    เมื่อพวกออร์คตระหนักได้ว่าปืนจะหยุดการโจมตีไปชั่วขณะหนึ่ง มันได้ยกระดับความโหดเหี้ยมเพิ่มมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบกลับ พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความเฉลียวฉลาดไม่น้อย

    “เตรียมตัวให้พร้อมและรั้งตัวเองไว้ให้มั่น! มันจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ!”

    คังชอลอินเตือนทหารที่ถือโล่อยู่ด้านหน้า

    ตู้ม!

    เมื่อเสียงระเบิดจบลง โล่ของทหารและร่างของพวกออร์คก็ได้ปะทะเข้าหากัน ทหารเกิดการเอนเอียงไปมา น้ำหนักเฉลี่ยของออร์คจะอยู่ที่ประมาณ 120 กิโลกรัมซึ่งหนักกว่ามนุษย์มาก นอกจากนี้ยังมีความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อที่ดีอีก

    ‘อันตราย!’

    เมื่อคังชอลอินได้เห็นถึงสิ่งนี้เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าต่อไปจะต้องเป็นคราวของเขา เขานั่งลงไปอย่างช่วยไม่ได้

    หากโล่ด้านหน้าถูกทำลาย ทหารที่อยู่หลังโล่ก็จะถูกโจมตีโดยพวกออร์คในทันใด เพื่อที่จะเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้มันจำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง

    “เฮ้อ”

    คังชอลอินพ่นลมหายใจเสียงดัง

    ใจของเขากำลังเต้นแรง

    ตั้งแต่ส่วนบนของหัวไปจนถึงส่วนล่างของเท้า เขารู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อทั้งหมดของตัวเองกำลังกระชับตัว

    ความหนาวสั่นลงทะลุไปถึงกระดูกสันหลัง

    เป็นเพราะเขากำลังกลัวอยู่งั้นหรือ?

    ไม่ใช่เลย

    ร่างกายของคังชอลอินที่อยู่ห่างจากการต่อสู้กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

    มันเป็นอารมณ์ในรูปแบบหนึ่ง

    เช่นเดียวกับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาผาดโผน คังชอลอินชื่นชอบชีวิตที่ได้ต่อสู้และนำพาตัวเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งชีวิต มันเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองของดินแดนไม่ควรทำแต่เป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เขามีจิตวิญญาณของนักรบโดยกำเนิดพร้อมกับหัวใจที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า เมื่ออยู่ท่ามกลางการต่อสู้เขาไม่สามารถควบคุมความเดือดพล่านในตัวได้เลยสักครา

    ‘มาทำอะไรที่สนุกยิ่งกว่านี้กันเถอะ’

    คังชอลอินลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากหลังโล่เพื่อตรงเข้าหาพวกออร์คอย่างไม่เกรงกลัว

    “อ่า!”

    “องค์ราชันย์!”

    ทหารสองนายส่งเสียงเรียกเมื่อได้เห็นการกระทำที่ไม่คาดคิดของเขา

    “ไม่ต้องกังวล!” คังชอลอินตะโกน “อย่าเป็นกังวลและรักษาลำดับตำแหน่งเอาไว้!”

    เมื่อเขาออกคำสั่งเสร็จ คังชอลอินก็เริ่มเหวี่ยงดาบกลืนโลหิตราวกับว่าเขากำลังถูกครอบงำด้วยพลังบางอย่าง

    ฟึ่บ! ฟึ่บ!

    อาวุธหนาจากออร์คกำลังพุ่งเข้าหาเขาจากทุกทิศทาง เหมือนกับว่าเขาตั้งใจที่จะเดินตรงเข้าไปใจกลางของพวกออร์ค

    ‘แค่ต้องสร้างความวุ่นวายให้มากพอ’

    คังชอลอินดูเป็นผู้นำที่น่าชื่นชมอย่างมากขณะที่เขาเดินเข้าไปในดงออร์คทั้งที่เป็นราชันย์แค่เพียงระดับหนึ่ง

    เพราะเขารู้อะไรบางอย่าง

    ออร์คมีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่กว่ามนุษย์มากซึ่งหมายความว่ามันจะมีที่ว่างไม่เพียงพอให้ออร์คมากกว่าสามตัวเข้ามาโจมตีเขาในคราวเดียว แม้จะมีออร์คจำนวนมากเพียงใดก็จะไม่มีทางเกิดการโจมตีเกินสามครั้งในคราวเดียวได้ แม้ว่านี่จะเป็นการต่อสู้แบบ "เชิงทฤษฎี" ทั่วไป แต่หากให้พูดแบบง่าย ๆ การกระทำแบบนี้เปรียบเหมือนเกือบจะเป็นการฆ่าตัวตายไม่มีผิด

    แต่คังชอลอินทำได้

    การต่อสู้นับไม่ถ้วนและคัมภีร์ดาบที่เขาเคยอ่านยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ แม้ว่าสภาพร่างกายจะยังไม่สนับสนุนเขาโดยสมบูรณ์แต่ก็เพียงพอที่จะซื้อเวลาได้เล็กน้อย

    ฟึ่บ!

    ฟึ่บ!

    ดาบกลืนโลหิตไม่ได้ทำอันตรายถึงตายเมื่อเจาะผ่านร่างของออร์ค คังชอลอินไม่ได้แสดงความกล้าหาญที่ดุร้ายหรือความโง่เขลา

    เขาเผชิญหน้ากับอาวุธที่เข้ามาแต่ไม่ได้ต่อสู้อยู่บนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง หากเขาต่อสู้จนเต็มกำลังเขาจะเสียเปรียบและอาจต้องข้ามหุบเขาแห่งความตาย ดังนั้นวิธีที่เขาเลือกใช้คือการหลอกว่าเขากำลังตอบโต้การโจมตีของออร์คในขณะที่ปล่อยให้พวกมันเคลื่อนตัวผ่าน มันเป็นทักษะที่สามารถทำได้โดยนักดาบที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและมีประสบการณ์เท่านั้น

    “ห๊า?”

    เหล่าทหารพากันประหลาดใจขณะมองดูการกระทำของคังชอลอิน

    การที่ราชันย์ใช้ตัวเองไปสร้างความไขว้เขวในหมู่ออร์คด้วยการเสี่ยงชีวิตของตัวเอง เขาจะต้องเป็นคนกล้าแบบไหนกัน?

    และมันจะเป็นไปไม่ได้ที่ทหารจะมีความรู้สึกอื่นนอกจาก...

    “แก … ไอ้พวกออร์คสารเลว!”

    ทหารที่หลงใหลในการกระทำของคังชอลอินตะโกนด้วยความเดือดดาล

    และนั่นคือจุดเริ่มต้น

    “กล้าดีอย่างไร?!”

    “ข้าจะฆ่าพวกมันให้สิ้น!”

    “บัดซบ พวกมันจะต้องตาย ตายเท่านั้น!”

    ขณะที่ทหารปืนคาบศิลากำลังเติมดินปืนอัดกระสุน ทหารโล่ก็เริ่มใช้พลังต่อสู้อันยิ่งใหญ่และออกแรงผลักพวกออร์คกลับ พวกเขามีกำลังใจในการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นมาก อาจเป็นเพราะคังชอลอินที่ใจกล้าเข้าไปสร้างความโกลาหลในหมู่ออร์ค

    “เสร็จ!”

    ในที่สุดการเติมดินปืนก็สิ้นสุด

    “ยิงได้!”

    คังชอลอินคำราม

    เขายังคงอยู่ในใจกลางของออร์ค มันมีโอกาสที่เขาจะโดนการโจมตีจากกระสุนไปด้วย

    “ตะ แต่ว่า…!”

    “บอกให้ยิง!”

    คังชอลอินตะโกนสั่งอีกครั้ง ทหารปืนคาบศิลาลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็เล็งตำแหน่งการยิงไปที่ออร์คและลั่นไก

    ตู้ม! ตู้ม!

    ทหารปืนทั้งสิบระดมยิงปืนคาบศิลาใส่พวกออร์ค

    ‘ก้มตัว!’

    ก่อนที่ทหารจะทำการยิง เขาได้ทรุดตัวลงกับพื้นไปอย่างรวดเร็ว

    “เอ๊ย … !!”

    ออร์คสามถึงสี่ตัวถูกยิงจนล้มลงไปกับพื้น บางร่างของออร์คบางตัวที่ล้มลงมีหอกเสียบคาอยู่

    หอกแหลมพุ่งทะลุคอของพวกมัน

    “ออกแรกผลักต่อไป! อย่าให้พวกมันได้มีโอกาสคิดหาวิธีโต้กลับ!”

    คังชอลอินเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังที่ ๆ ปลอดภัยทันทีพร้อมตะโกนเพื่อสนับสนุนกองทหารของเขา

    และมันก็เป็นไปเช่นนั่น

    เหล่าทหารที่เป็นกังวลจนอยากยอมแพ้เริ่มต่อสู้กลับและออกแรงผลักพวกออร์คต่อไปพร้อมกับการจัดลำดับตำแหน่ง พวกเขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกฝน

    ‘มันจบแล้ว’

    คังชอลอินฉายรอยยิ้มเมื่อตระหนักได้ว่าทหารของเขาออกแรงสู้รบกันได้เป็นอย่างดี

    ณ ช่วงเวลานี้ เกิดการล้มตายร่วงหล่นจนทั่วอาณาบริเวณ สิ่งที่ทหารทำคือการเคลื่อนไหวตัวเหมือนเครื่องจักรเพื่อกำจัดออร์คลงทีละตัว ๆ จนมีออร์คล้มตายไปเป็นสิบ แม้จะยังมีออร์คเหลืออยู่แต่ผลของการต่อสู้ในครั้งนี้พวกเขาได้รับชัยชนะมาครอบครองแล้ว

    “ป เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

    ผู้บัญชาการเจมส์ที่ตั้งใจกลับเข้ามาร่วมทัพกับคังชอลอินหลังเคลื่อนย้ายชาวเมืองลาพิวต้าเรียบร้อยตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น เขาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาได้

    ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

    ตอนนี้ไม่มีออร์คที่ยังมีชีวิตอยู่เหลือแม้แต่ตัวเดียว พวกมันทั้ง 20 ตัวถูกพบเป็นศพบนที่ราบจนเกลื่อนกลาด

    เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันยิ่งน่าตกใจเมื่อหันไปมองกองกำลังทหาร

    มีทหารบางคนที่ได้รับรอยถลอกเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิต

    “หากพวกเจ้าทำตามคำสั่งของข้า ข้าให้สัญญาว่าจะไม่มีใครต้องมาสละชีพ! จงเชื่อมั่นในตัวข้า! วางใจในตัวข้า! และอย่าได้สงสัยถึงชัยชนะของพวกเรา!”

    ผู้บัญชาการเจมส์จดจำสิ่งที่ราชันย์ของเขาพูดไว้ก่อนเกิดการสู้รบ

    และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่มีใครต้องตายแม้แต่คนเดียว!

    มันค่อนข้างยากสำหรับเจมส์ที่จะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาสงสัยว่าจะเป็นไปได้จริงหรือ การปราบปรามออร์คทั้ง 20 ตัวด้วยทหารเพียง 35 นายโดยไม่มีใครต้องสละชีวิตได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นไปได้จริง ๆ!

    “เจ้าอพยพชาวบ้านไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?”

    เจมส์ได้ยินเสียงคำถามดังจากคังชอลอินในขณะที่เขากำลังประหลาดใจและชื่นชมราชันย์ของตัวเอง

    “ขอรับ องค์ราชันย์!”

    เจมส์รีบหันไปทางเสียงที่ดังขึ้นมาแล้วตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

    ตรงนั้น ที่ ๆ คังชอลอินกำลังอยู่

    เขากำลังนั่งเอนหลังอยู่บนที่นอนฟางพร้อมจิบเบียร์เหมือนทหารเดินเท้าคนอื่น ๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×