คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Sought-after Stone
เดรโกมองไปยังเพดานที่เต็มไปด้วยหยากไย่ของบ้านทรงประหลาดริมทะเลในเมืองโดเวอร์ บ้านทรงสูงที่เดรโกแน่ใจว่ายอดหอคอยต้องมองผ่านช่องแคบโดเวอร์เห็นไปถึงเมืองคาเลส์อีกฝั่งของทะเล ประเทศบ้านเกิดเมืองของเจ้าของบ้านประหลาดหลังนี้ ก่อนจะทอดตาไปยังม้วนกระดาษเก่า ๆ หลายม้วนข้างผนัง มือแอบคัน ถ้าเขาแอบหยิบงานเขียนของเจ้าของบ้านไปสักอันสองอัน เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกมั้ง รกขนาดนี้
วู๊ด เสียงนกฮูกร้องเตือนก่อนที่ปีกกว้างของมันจะแผ่ผ่านจุดที่เดรโกเคยยืน เขายืดตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากนกประหลาดนั่นบินผ่านไปแล้ว ดวงตาสีเขียวหลังแว่นของคนที่ลากเขามาที่นี่มีรอยขำขัน เจ้าบ้านั่นยังหัวเราะออกได้อีก
“ห้ามหัวเราะนะ” เขาส่งเสียงขู่เตือน ให้ตายสิแทนที่จะสำนึกบุญคุณว่าใครกันที่เป็นคนนัดให้เจอนิโคลัส เฟลมเมลให้ ถึงจะไม่ได้ทำเพื่อแฮร์รี่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ ส่วนหนึ่งเพราะเขาอยากเจอกับนิโคลัส เฟลมเมลตัวเป็น ๆ และเจ้าตัวแทบไม่เคยรับแขก และอีกส่วนเขาอยากเห็นแก้มของแฮร์รี่แดงจัดตอนเขาเขียนจดหมายแล้วอ่านให้อีกคนฟังดัง ๆ ว่าเขามีปัญหามีปัญหาในการทำให้สามีท้อง ทั้ง ๆ ที่ก็ทำบ่อยแบบข้าวใหม่ปลามันทั่วไปแท้ ๆ
“กลัวนกฮูกรึไง” คนข้างตัวเขาถาม แฮร์รี่ใส่ชุดที่ดูเหมาะกับที่นี่กว่าเขามาก อัศวินหนุ่มอยู่ในชุดกางเกงหนัง รองเท้าบู๊ตสูงและเสื้อเชิ้ต คลุมด้วยเสื้อโค้ทยาวสีเข้ม ดูไม่สะดุดตาเหมือนเขาที่ใส่ชุดอย่างที่สุภาพบุรุษควรจะใส่ แต่ที่นี่ดูไม่เหมือนที่ ๆ คนใส่เสื้อกั๊กทำจากผ้าวูลราคาแพงระยับจะฝรั่งเศสจะมาเหยียบ
“ไม่ได้กลัว” เขามองคนพูดตาขวาง “เขาเรียกว่ารู้จักเอาตัวรอด พวกบ้านกริฟฟินดอร์อย่างนายคงไม่มี” บ้านกริฟฟินดอร์ในฮอกวอร์ตเป็นชื่อที่คนจากบ้านอื่นพูดถึงด้วยเสียงเอือม ๆ เพราะเป็นบ้านเดียวที่ผลิตพวกอัศวินไม่รักตัวกลัวตายออกมาเยอะที่สุด แล้วยังเป็นบ้านเดียวที่เปิดรับผู้วิเศษที่ไม่มีศักดิ์หรือแม้แต่เกิดจากมักเกิ้ลด้วย เรียกว่าเจ้าสาวคนไหนแต่งงานกับผู้ชายบ้านกริฟฟินดอร์เตรียมตัวว่าจะต้องได้เป็นม่ายสามีตายแน่นอน
“เขาว่ากันว่าสัตว์น่ะมีความสามารถพิเศษนะ รู้ว่าใครที่คิดร้ายอยู่”
“หนอย นายว่าฉันคิดร้ายเหรอ” เดรโกหน้าขึ้นสี ก่อนจะมองนกฮูกตาขวาง รู้จริง ๆ เหรอว่าเขากำลังคิดว่าอยากขโมยหนังสือ โอ๊ย ไม่ทำแล้ว ๆ เขารีบคิดต่อเมื่อเห็นนกฮูกตัวใหญ่กระพือปีก
“แล้วคิดอะไรอยู่” แฮร์รี่ถาม แถมยังเดินเข้ามาใกล้เขาเสียจนเดรโกอึดอัด ไอ้สี่ตานี่ สามวันดีสี่วันไข้ชะมัด วันก่อนจะเพิ่งปึงปังโกรธเขาไป แล้ววันนี้เกิดอยากมาญาติดีคุยแหย่กับเขาซะงั้น ตามไม่ทันแล้วนะว่าคิดยังไงกันแน่
“คิดว่านายประสาทกลับอะไรอยู่ ยืนห่าง ๆ ก็ได้” เขาศอกไปที่อีกคน
“แล้วก็สองนายอยากเจอนิโคลัส เฟลมเมลทำไม” นี่ก็อีกเรื่อง เจ้าตัวทำท่าอิดออดเหลือเกิน ท่าทางมีพิรุธอย่างนั้นเขารู้อยู่แล้วว่าต้องปิดอะไรเขา แฮร์รี่ไม่เคยโกหกเก่งเลย หมอนั่นเล่นไพ่กับเขาต้องเสียทุกตาแน่นอน
“ก็อยากคุยเรื่องสิ่งประดิษฐ์ของเขา” แฮร์รี่พูดแล้วเดินวนไปรอบ ๆ ห้อง สายตามองม้วนกระดาษ ก่อนจะผลักหน้าต่างเหมือนลองดูว่าเจ้าของบ้านล็อคไว้รึเปล่า “ได้ยินว่าเขาไม่รับนัดใครนอกจากมีปัญหาปรึกษาเฉพาะทาง แล้วเขาก็ซี้ย่ำปึ๊กกับตระกูลของนาย”
เดรโกถอนหายใจ แฮร์รี่พอจะดื้อด้านก็ดื้อเอาซะจริง ๆ หมอนั่นบอกแต่เหตุผลนั่นกับเขา แล้วเดรโกก็เชื่อว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับโวลเดอร์มอร์ เพราะแฮร์รี่หายไปวันรุ่งขึ้นหลังจากเขาบอกเรื่องโวลเดอร์มอร์กับเจ้าตัว โผล่มาตอนเย็นแล้วมาพะเน้าพะนอขอให้เขาเขียนจดหมายไปหานิโคลัส เฟลมเมล
เขาก็พอเข้าใจได้ถ้าหากแฮร์รี่ไม่เชื่อใจเขาที่จะเล่าให้ฟัง เจ็บหน่อย ๆ ที่เขาเปิดใจขนาดนี้ แต่อีกคนกลับยังไม่รู้ว่าเขาเอาคอขึ้นเขียงขนาดไหนที่เปิดเผยความลับ ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่ได้อยากโกหกหรอกน่า
“หนุ่ม ๆ” เสียงแตกของชายมีอายุพูดขึ้น พร้อมกับเสียงตลบมือเรียกความสนใจ เดรโกหันไปมองทันที แล้วแน่นอนตรงหน้าเขาคือนิโคลัส เฟลมเมลตัวเป็น ๆ ว้าว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นแร่แปรธาตุที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค เขาจะดูเหมือนพวกเลียก้นไหมนะถ้าบอกไปว่าเขาอ่านผลงานของคนตรงหน้าทุกเล่ม
“เธอสินะมัลฟอย” เฟลมเมลชี้ไปที่ผมของเขา สีผมบลอนด์อ่อนนี้แทบจะไม่มีใครที่มีอีกแล้ว “คนสุดท้ายของตระกูลเสียด้วย” ชายชรามองหน้าเขานิ่ง “เธอคล้ายคุณทวดของเธอนะ เด็กนั่นชื่ออะไรนะเซ็ปติมัสใช่ไหม”
“ใช่ครับ” นิโคลัส เฟลมเมลเพิ่งเรียกตาทวดของเขาว่าเด็กเหรอ ผู้ชายคนนี้อายุเท่าไหร่กันนะ
“แต่เธอน่ารักกว่าเยอะหนุ่มน้อย เด็กนั่นนิสัยเสีย มาบ้านฉันทีไรรื้อบ้านจนปั่นป่วนไปหมด ดื้อเสียหมดเด็ก ๆ มัลฟอย” เฟลมเมลบ่นเหมือนพวกเขาเป็นเด็กเหลือขอข้างบ้าน
“เห็นด้วยครับ” คนข้างตัวเขาหัวเราะหึ ๆ แล้วยังเห็นดีเห็นงามเสียอีก
“มาปรึกษาเรื่องเด็กใช่ไหม” นิโคลัส เฟลมเมลมองพวกเขาทั้งคู่ “แล้วยืนนิ่งอะไรอยู่มานั่งตรงนี้สิ จะให้คนแก่ยืนคุยกับพวกเธอรึไง”
แฮร์รี่กับเขามองหน้ากัน ก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้โซฟาด้านข้างโซฟาของเฟลมเมล ทันทีที่ก้นแตะเบาะ น้ำชาร้อน ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
คนแก่หรือ เดรโกจ้องชายชราผมขาวที่ดูกระฉับกระเฉงร่าเริงผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก เฟลมเมลนั้นเหี่ยวและขาวซีดทั้งสีผิว สีตา สีผม เหมือนเขาพร้อมจะนอนในโลงได้ทุกเมื่อ แต่กลับมีท่าทางเหมือนคนหนุ่ม การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วไม่เหมือนคนแก่สักนิดเลย
“คนไหนล่ะที่จะท้อง เธอใช่ไหมเด็กมัลฟอย” เฟลมเมลชี้มาที่เขา ก่อนจะพูดต่อไม่ได้รอให้เขาพูดประท้วง “ลองน้ำยาเจริญครรภ์ของแบกซ์เตอร์รึยัง แต่ที่จริงฉันไม่ค่อยแนะนำหรอก แพงเกินไป กับส่วนผสมพื้น ๆ แล้วคาถาท้องโตทันใจล่ะ ใช้ทุกครั้งก่อนจะกุ๊กกิ๊กกันไหม เอาล่ะเล่ามาให้หมดว่าพวกเธอทำอะไรไปแล้วบ้าง บ่อยแค่ไหน นานขนาดไหน ฉันอยากรู้ว่างานนี้จะหินขนาดไหน”
เดรโกรู้สึกแก้มร้อนผ่าว เดี๋ยวนะ นิโคลัส เฟลมเมลในหัวเขาไม่ใช่ตาแก่ที่พูดจาเกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือของเขาอย่างสนุกสนานอย่างนี้ เขาไม่รู้จะตอบโต้ยังไง ได้แต่ศอกคนข้างตัวให้พูดอะไรออกไปซะที แต่ไอ้บ้าสี่ตาก็ดันมาอึ้งเหมือนเขาไม่มีผิด แถมยังแอบหน้าแดงตอนสบตาเขาอีก
หนุ่มผมดำกระแอม “คืออย่างนี้ครับ ผมต้องขอโทษคุณด้วยจริง ๆ” แฮร์รี่พูดแล้วจ้องหน้าเฟลมเมล หมอนั่นมีเวทมนตร์พิเศษในการทำให้ทุกคนที่สบตาเชื่อใจ เขาไม่รู้ว่าแฮร์รี่ทำได้ยังไง แต่ไอ้สายตาเว้าวอนอย่างจริงใจเหมือนลูกหมาเนี่ย มีแค่หมอนั่นล่ะมั้งที่ทำได้
“ผมไม่ได้มาปรึกษาเรื่องการมีลูก--”
“แต่พวกเธอแต่งงานกัน ฉันเห็นเวทมนตร์แต่งงานระหว่างพวกเธอนะ” เฟลมเมลพูดขัดพร้อมชี้โบ้ชี้เบ้ไปที่ช่องว่างระหว่างเขากับแฮร์รี่
“นั่นก็ใช่ครับ แต่พวกเราไม่ได้มาปรึกษาเรื่องมีลูก--”
“ไม่อยากมีรึ”
“เอ่อ” แฮร์รี่ลากเสียงก่อนจะหันมามองเขาแว่บนึงเหมือนจะขอความเห็น ความเห็นอะไรไม่ทราบ ไม่อยากมีเว้ย
“เธออยากมีลูกใช่ไหมล่ะ” เฟลมเมลมองหน้าแฮร์รี่ ก่อนจะชี้มาที่เขา “แต่เธอไม่อยาก” เฟลมเมลพูดเสียงกล่าวหา เดี๋ยวนะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“นายรีบอธิบายเร็ว ๆ เลยนะ แล้วผมขอยืนยันครับว่าทั้งเขาและผมไม่มีใครคิดอยากจะมีลูกทั้งนั้น” เดรโกอดรนทนไม่ได้ต้องพูดขึ้นมาบ้าง
คิ้วสีขาวเลิกขึ้น ตาสีอ่อนมองจ้องที่เขาเหมือนจะอ่านใจเขา แต่เดรโกไม่ได้รู้สึกถึงเวทมนตร์ที่ทะลุทะลวงจิตสำนึกเข้ามาอย่างการพินิจใจเลย
“รีบอธิบายเร็ว ๆ สิ” เขาหันมาดุคนข้างตัว
“คือเราไม่ได้มาปรึกษาเรื่องมีลูกจริง ๆ ครับ ผมมาคุยกับคุณเรื่องเอ่อ—“ แฮร์รี่เหลือบตามองเขาก่อนจะถอนหายใจ แล้วพูดต่อ “เรื่องศิลาอาถรรพ์ครับ”
เดรโกทำตาโต หมอนั่นมาเรื่องโวลเดอร์มอร์จริง ๆ ด้วย แต่ไม่ใช่ศิลาอาถรรพ์หรอก เดรโกคิดถึงพิธีกรรม ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ไม่ได้ดื่มอะไรทั้งสิ้น ศิลาอาถรรพ์ไม่ได้ทำงานอย่างในพิธีกรรมที่เขาเห็น แต่สิบคะแนนให้กริฟฟินดอร์ ตาแว่นก็มีสมองนะถ้าคิดถึงศิลาอาถรรพ์ได้ บางทีเขาอาจจะพอฝากผีฝากไข้ได้บ้าง
แล้วถ้าบอกเขาซะตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาหรอก เขาจะบอกได้เลยว่าไม่ใช่ศิลาอาถรรพ์ เห็นไหมเจ้าบ้า เขาอยากจะพูดออกไปให้หมด แต่ก็ได้แต่ด่าอยู่ในใจ เพราะรู้ว่าเขาเองก็ผิดที่ไม่ได้อธิบายพิธีกรรมให้แฮร์รี่ฟังชัดเจนพอ
“คุณยังเก็บมันไว้อยู่ไหมครับ” แฮร์รี่ถามตรง ๆ
“ไม่อยู่ที่ฉันแล้วล่ะพ่อหนุ่ม” นิโคลัส เฟลมเมลก็ตอบตรง ๆ เช่นกัน ชายชรายกมือขึ้นมาแตะปลายคาง
“เธอเป็นใครนะ แนะนำตัวอีกทีซิ”
“แฮร์รี่ พอต— มัลฟอยครับ ผมเป็นอัศวินของกษัตริย์อัลบัส”
ได้ยินแฮร์รี่แนะนำตัวเองด้วยนามสกุลเขาเป็นครั้งแรกทำให้เดรโกรู้สึกแปลกพิกล ในหัวของเขายังไงหนุ่มผมดำก็ยังเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาแตะที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างไม่รู้สึกตัว รู้ตัวอีกทีมือเขาก็หมุนแหวนบนนิ้วเล่นเสียแล้ว เดรโกรีบกำมือ ไม่อยากคิดว่าเขากับแฮร์รี่แต่งงานกันแล้วจริง ๆ นอกจากคืนแรกที่เข้าหอ ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างคนปกติแต่งงานกันเลย คิดแล้วเดรโกก็รีบหยุดตัวเอง บ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่คิดถึงคืนนั้น
“อัลบัสไม่ได้บอกเธอเหรอ” เฟลมเมลถาม นิ้วแตะที่ปลายคางอย่างครุ่นคิด
“แฮร์รี่ส่ายหน้า ท่าน...ประชวรหนักครับ ตอนนี้ไม่สามารถทรงงานได้” ดวงตาสีเขียวลอบมองเดรโกอีกแล้ว คิดว่าเขาประสาทช้าจนไม่รู้รึไงว่าโดนมอง
“แต่ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบ แล้วพอจะบอกได้ไหมครับว่าศิลาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
เดี๋ยวนะ ทำไมแฮร์รี่ถึงดูโล่งใจที่ศิลาอาถรรพ์หายไปล่ะ เขาสิอยากจะถามต่อใจจะขาดว่าหายไปได้ยังไง แล้วจะสร้างยังไง นี่คือวัตถุเวทมนตร์ที่ทรงอานุภาพที่สุดนะ ไปอยู่ในมือใครก็เกิดหายนะได้ทั้งนั้น
“ไม่ได้หาย แต่ฉันกับอัลบัสทำลายมันไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน” เฟลมเมลตอบ เดรโกอ้าปากค้าง อย่างนั้นสินะชายชราถึงถามแฮร์รี่เกี่ยวกับพระราชา “ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝืนกฎธรรมชาติ” เฟลมเมลพูดก่อนจะทอดสายตามองเขาเหมือนพูดกับเขา “เรื่องบางอย่างมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความตายก็เช่นกัน”
“เป็นไปได้ไหมครับที่ใครจะสร้างศิลาอาถรรพ์อีกก้อน” แฮร์รี่ถามอย่างร้อนใจ
เฟลมเมลส่ายหน้า “ฉันทำลายบันทึกทุกอย่าง รวมทั้งลบความจำเกี่ยวกับวิธีสร้างไปแล้ว ฉันสมัยหนุ่มน่ะช่วงอวดดีจนอยากสู้กับธรรมชาติของทุกสิ่ง” เฟลมเมลยิ้มกับตัวเอง เขาดูเหมือนชายชราทั่วไปที่พูดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหนก่อน ไม่ใช่การสร้างหนึ่งในวัตถุเวทมนตร์ที่ทรงอานุภาพที่สุด
“บอกแล้วพ่อหนุ่มไม่มีประโยชน์อไรที่จะฝืนกฎธรรมชาติ”
แฮร์รี่ทรุดลงกับโซฟาเหมือนคนที่แบกของหนักอึ้ง ใบหน้าดูหมองลงทันที “คุณพูดจริงใช่ไหมครับ”
เฟลมเมลหัวเราะ “ฉันแก่และเลอะเลือนเกินกว่าจะโกหกแล้วพ่อหนุ่ม โกหกไปก็ต้องจำให้ได้ว่าพูดอะไร คนแก่น่ะไม่มีความจำเหลือสำหรับเรื่องพวกนั้นหรอก”
“มีแต่คนหนุ่ม ๆ อย่างพวกเธอนั้นแหละที่จะยังมีทั้งเวลาแล้วก็ปัญญาสรรค์สร้างคำโกหก ทั้ง ๆ ที่จริงพูดความจริงไปจะเหนื่อยน้อยกว่าแท้ ๆ” เป็นอีกครั้งที่เฟลมเมลหันมามองเขา เดรโกรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เหมือนชายชราอ่านทุกความคิดเขาออก แต่เป็นไปไม่ได้หรอก เดรโกเป็นยอดด้านการสกัดใจ ไม่มีเวทมนตร์ไหนที่จะล้วงสิ่งที่อยู่ในหัวเขาไปได้
“ถ้าเธอถามอัลบัส เขาก็จะบอกเธออย่างเดียวกับฉันนี่แหละ”
แฮร์รี่พยักหน้า ถอนหายใจ “ขอบคุณมากนะครับ”
“หมดธุระแล้วใช่ไหม”
แฮร์รี่กลืนน้ำลายแล้วพยักหน้าอีกครั้ง “ครับ ขอโทษนะครับที่โกหกนัดคุณแบบนี้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะถามคุณตรง ๆ ได้ไหมเรื่องศิลา”
เฟลมเมลยิ้มน้อย ๆ “ดีแล้วล่ะที่นัดเข้ามา เพราะเห็นเธอหรอกฉันถึงตอบ” เขาไม่ได้อธิบายไปมากกว่านี้ว่าทำไมแค่เห็นแฮร์รี่ถึงตอบ
“อ้อ แล้วก็เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว นี่คือน้ำยาพิเศษสำหรับตระกูลมัลฟอยที่ฉันปรุงเอาไว้ให้” เฟลมเมลยัดขวดเล็ก ๆ เข้าไปในมือแฮร์รี่แล้วขยิบตาให้ “ตระกูลนี้มีลูกยากสุด ๆ”
“ผมไม่—” แฮร์รี่หน้าแดงจัดตอบกลับไม่เป็นภาษา
“ไม่ต้องใช้หรอกครับ” เดรโกตั้งใจจะดึงขวดคืนให้เฟลมเมลแต่ชายชรากลับตีมือเขาเบา ๆ เหมือนเดรโกเป็นเด็กซน ๆ
“เผื่อเธอเปลี่ยนใจไงพ่อหนุ่ม แล้วน้ำยานี้คิดว่าฉันปรุงให้ทุกคนเลยรึไงหึ ขอบคุณสักคำก็ไม่มีเด็กมัลฟอยพวกนี้”
เดรโกต้องนับหนึ่งถึงสิบไม่ให้ตะโกนแหวใส่ไอดอลในดวงใจของเขา ใครจะไปคิดว่านิโคลัส เฟลมเมลอัจฉริยะคนนั้นจะเป็นตาแก่น่าหงุดหงิดขนาดนี้
---------------------------------------------------------------------
สุดท้ายแฮร์รี่ก็ไม่ได้คืนน้ำยานั่นให้กับเฟลมเมล เขายึดขวดเล็ก ๆ จากมือแฮร์รี่ทันทีที่ออกจากบ้านริมหาดในโดเวอร์ พร้อมกับยืนยันว่าเป็นของที่เฟลมเมลปรุงให้เขา หนุ่มผมดำยังมีหน้ามาถามเขาอีกว่าจะเอาไปใช้กับใคร
ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงคฤหาสน์มัลฟอย เดรโกโบกไม้กายสิทธิ์ตรวจสอบดูว่าระหว่างที่พวกเขาออกไปไม่มีใครเข้ามาใกล้ในเขตนี้ เขาติดนิสัยระวังหลังนี้ไปซะแล้ว ยิ่งหลังจากเจอป้าเบลล่ามาบอกว่าเธออยู่ไม่ห่างจากเขา เขาถึงขนาดลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อดูให้แน่ใจว่าปราการเวทที่ปกป้องคฤหาสน์ยังทำงานของมันอยู่
“นายคิดว่าเขาใช้ศิลาอาถรรพ์” เดรโกพูดขึ้น ไม่จำเป็นต้องเท้าความว่าเขาในบริบทนี้คือใคร
แฮร์รี่พยักหน้าแล้วถอดเสื้อโค้ทยาวออก ก่อนจะขยับไหล่หมุนไปมา คิ้วสีเข้มขมวดมุ่น เขาหันมาช่วยเดรโกถอดเสื้อโค้ทยาวของตัวเองออกเช่นกัน แฮร์รี่ทำด้วยความชำนาญเหมือนเขาถอดเสื้อให้เดรโกมาเป็นร้อยครั้งแล้ว
“แต่ไม่ใช่”
เดรโกกัดปาก เขาไม่จำเป็นต้องบอกว่าเขารู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่
“นายรู้ไหมว่าเป็นอะไรได้อีก” เขาถามออกมา เพราะตัวเขาเองก็พยายามหาข้อมูลของมันแต่ไม่มีวัตถุเวทมนตร์ใดเลยที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาเห็น หินก้อนเล็ก ๆ ที่มีพลังงานมหาศาล
แฮร์รี่ไม่ตอบ แต่เดินตามเขามาที่ห้องหนังสือ ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับโซฟายาวตัวโปรดของเขา
“เฮ้ นั่นเก้าอี้ฉันนะ” เดรโกโวยวาย แต่อีกคนแค่โบกไม้กายสิทธิ์แล้วเก้าอี้นุ่มข้างกำแพงก็มาหยุดข้างตัวเขา เดรโกกลอกตาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่แฮร์รี่ลากมาให้
“แน่ใจใช่ไหมว่าเป็นหิน” แฮร์รี่โบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้ง เปิดม่านออก แฮร์รี่ชอบแสงสว่าง เขามักจะเปิดม่านทุกผืนในทุกห้องที่เขาอยู่ แดดเปลี่ยนทิศแล้ว ทำให้แสงไม่ส่องเข้ามาตรง ๆ จนห้องร้อน แต่ก็สว่างพอที่เขาจะเห็นร่องรอยความเครียดบนสีหน้าอีกคนได้ชัดเจน
“ใช่” เดรโกยืนยันหนักแน่น “ฉันวาดให้นายดูก็ยังได้ว่ามันลักษณะยังไงถ้ามันจะช่วยได้” เขาสะบัดมือ แล้วปากกาขนนกกับม้วนกระดาษก็มาอยู่ในมือ เดรโกจำรูปร่างสีสัน ขนาด ลวดลายทุกอย่างมันได้ชัดเจน เขาต้องศึกษาไอ้หินบ้า ๆ นี่เป็นเดือน เขาวาดได้แม้กระทั่งในความฝัน เขาไม่ลืมวาดสัญลักษ์แปลก ๆ ที่สลักในหิน สามเหลี่ยม วงกลม และเส้นตรง สัญลักษณ์ที่เขารู้สึกว่าเขาควรจะรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง แต่เขาอ่านหนังสือเกือบทุกเล่มในห้องสมุดมัลฟอยแต่ก็ไม่มีเล่มไหนเลยที่พูดถึงสิ่งนี้
แต่ทันทีที่แฮร์รี่มองภาพบนกระดาษที่เขาส่งให้ อัศวินหนุ่มก็หน้าซีดเผือด มือยกขึ้นมากดหัวตาเหมือนเขากำลังปวดหัวสุด ๆ
“เครื่องรางยมทูตจริง ๆ ด้วย” เสียงนั่นเบาเหมือนแฮร์รี่ตั้งใจจะพูดกับตัวเอง แต่เดรโกก็ได้ยิน ให้ตายสิเครื่องรางยมทูต เขาน่าจะรู้ สัญลักษณ์ของเพฟเวอร์เรลล์ สัญลักษณ์นั่นไม่ถูกใช้มาหลายร้อยปี แน่นอนก่อนที่จะมีหนังสือเสียอีก
แต่มันควรจะถูกทำลายไปตั้งนานแล้ว เครื่องรางยมทูตของเพฟเวอร์เรลล์ สมองเขาพยายามนึกถึงของสามอย่างในตำนาน ไม้กายสิทธิ์ หินชุบวิญญาณ ผ้าคลุม
“หินชุบวิญญาณ” เดรโกพูดแล้วยกมือขึ้นปิดปาก แฮร์รี่เงยหน้ามองเขาก่อนจะพยักหน้า
“รู้สินะว่าหมายความว่ายังไง”
“มันควรจะถูกทำลายไปแล้ว”
“เหมือนกับเขาที่ควรจะเน่าตายอยู่ในโลง” แฮร์รี่ตอบกลับอย่างเหนื่อย ๆ “ดูเหมือนพวกเพฟเวอร์เรลล์จะเก็บเครื่องรางเอาไว้ ซ่อนมากกว่า แล้วบอกทุกคนว่าทำลายแล้ว เขาหามันเจอได้ยังไงนะ”
เดรโกส่ายหน้า เขาเองก็จนปัญญา ถ้าลอร์ดโวลเดอร์มอร์มีเครื่องรางยมทูตพวกเขาแย่แน่ ตอนนี้เดรโกเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว สาเหตุที่โวลเดอร์มอร์ไม่โจมตีทันที สาเหตุที่เขาออกไปข้างนอกตามหาอะไรสักอย่าง เขายังมีไม่ครบ แต่เขาตั้งใจจะหาให้ครบ
ถ้ามีครบ...คิดแล้วเดรโกก็อยากจะขย้อนของเก่า...อำนาจที่เหนือความตาย กำหนดกฎที่ทุกคนต้องทำตาม สร้างสิ่งที่เหมือนกฎของเพฟเวอร์เรลล์แต่เพื่อตัวโวลเดอร์มอร์เอง
แล้วพ่อรู้ พ่อรู้มาตลอดว่าแหวนนั่นคือหนึ่งในเครื่องรางยมทูต โวลเดอร์มอร์ถึงได้เดือดดาลหนักหนา ให้ตายสิพ่อรู้อะไรอีกนะ พ่อคิดอยากให้ผู้ชายจิตใจโสโครกคนนั้นมีอำนาจล้นฟ้าอย่างนั้นหรือ พ่อไม่เห็นรึไงว่าอังกฤษจะลุกเป็นไฟ ไม่สิทั้งโลกเลยด้วย
...เพื่ออำนาจ...
...เพื่อเงินทอง...
...เพื่อตระกูลของเรา...
...เพื่อลูกนะ เดรโก...
คำพูดของพ่อดังก้องในหัวเขา เพื่อเขา พ่อเก็บหนึ่งในสามของเครื่องรางยมทูตและใช้มันเพื่อเขา บาปนี้เขาไม่มีวันไถ่ได้ ตอนแรกเขาแค่คิดว่าพ่อทำเพื่อให้โวลเดอร์มอร์ฟื้นขึ้นมา เพราะพ่อเกลียดกษัตริย์อัลบัสที่ให้สิทธิ์ ให้อำนาจ แบ่งที่ดินให้แก่พวกที่เกิดจากมักเกิ้ล แต่แผนของพ่อใหญ่กว่านั้น จะสร้างกฎที่ทำให้พวกเขาสามารถเป็นผู้ที่อยู่บนยอดสุดของปิรามิดได้ตลอดไป แม้ทั้งโลกจะต้องถูกเผา เมอร์ลิน
แล้วเขาแน่ใจว่าแม่ก็ต้องรู้... นั่นคือสาเหตุที่ทำให้แม่ทำทุกอย่างในคืนนั้น ถึงตายแม่ก็จะต้องแย่งแหวนมาให้ได้ แล้วแม่ก็... เดรโกหยุดตัวเอง ปิดตาแน่นเขาจะไม่รื้อความทรงจำนั่นขึ้นมา เขาสติแตกตอนนี้ไม่ได้
“เราจะทำยังไง” เดรโกถามด้วยเสียงเบาหวิวจนแทบกระซิบ นิ้วจิกลงไปในเบาะรองแขนแน่น โวลเดอร์มอร์มีกี่อันแล้วนะ เครื่องรางยมทูตในมือ
“เขามีหินชุบวิญญาณ วิธีเดียวที่จะฆ่าเขาได้อีกครั้งคือใช้ไม้เอลเดอร์ ไม้กายสิทธิ์ หนึ่งในสามเครื่องรางยมทูต”
“เรารู้ไหมว่าอยู่—” เขาไม่ต้องถามให้จบประโยค แฮร์รี่ส่ายหน้า นิ้วสอดเข้าไปในผมสีดำ ขยี้มันให้ยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้น
“เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเครื่องรางยมทูต เมื่อวานฉันไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงแท้ ๆ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ อย่างน้อยก็จากฝ่ายของฉันนะ” แฮร์รี่มองหน้าเขานิ่ง
เดรโกกลืนน้ำลาย “ฉัน...” เขาไม่แน่ใจ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าเครื่องรางยมทูตมีจริง ถ้าพ่อกับแม่รู้ มันต้องมีคนที่เคยรู้ บันทึกทั้งหมดของตระกูลมัลฟอย ต้องเคยมีสักคนได้ยินอะไรสักอย่าง แต่เขากำลังจะเปิดเผยเรื่องดำมืดทุกอย่างที่อยู่ในบันทึกนั่นให้คนนอก...ถึงจะเป็นคนนอกที่นามสกุลมัลฟอยก็เถอะ
“ฉันอาจจะมีข้อมูล” เดรโกพูดช้า ๆ หัวใจเต้นรัว “แต่นายต้องทำสัญญาเลือดกับฉัน”
“ให้ตายสิเดรโก นี่เรื่องความเป็นความตายนะ” แฮร์รี่ตะโกนอย่างหงุดหงิด “ถ้านายรู้อะไรนายต้องพูดมาเดี๋ยวนี้”
เขาอยากจะพูด แต่เขาเชื่อใจแฮร์รี่ไม่ได้ เขามีหลายอย่างที่ต้องเสียมากเกินไป แล้วเขาเสียมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว “สัญญาเลือดว่าเราจะไม่ทำร้ายกันไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ข้อมูลที่ฉันให้นาย นายจะไม่สามารถใช้ข้อมูลที่นายได้จากฉันเพื่อทำร้ายฉันได้ หรือสาปฉันเพราะนายรู้อะไรที่นายเกลียด”
แฮร์รี่หยุดนิ่งมองเขา แล้วก่อนที่เขาจะขยับตัวไม้กายสิทธิ์ของอีกคนก็จ่อที่คอของเขา “นายสนับสนุนเขารึเปล่าเดรโก ตอบมา”
“ไม่” เดรโก “ถ้าฉันสนับสนุนเขาฉันจะบอกนายเรื่องที่เขาฟื้นเหรอ ฉันจะแต่งงานกับนายทันทีที่รู้ว่านายทำไปเพราะอยากจะฆ่าเขาเหรอ พวกกรีนกราสเสนอลูกสาวคนที่สองของเขาให้ฉัน ถึงพวกเขาจะไม่ใช่แบล็คแต่ก็ไม่ได้จนเลยสักนิด” เขามองตาอีกคนนิ่ง ให้ตายสิเขาทำสิ่งที่ขัดกับสามัญสำนึกของมัลฟอยไปมากแค่ไหนเพื่อคนตรงหน้า ถ้าหมอนี่ยังไม่รู้ตัวก็งี่เง่าเต็มที
“ฉันอยากให้เขาตาย” เดรโกกัดกราม ไม่มีอะไรจริงมากไปกว่าห้าคำนั้นอีกแล้ว
แฮร์รี่ยังไม่ขยับ ดวงตาหลังแว่นจ้องตาเขานิ่ง “นายเป็นสลิธีรินจนถึงตอนนี้เลยสินะ” แฮร์รี่ถอนหายใจ แล้วลดไม้กายสิทธิ์ลง “ได้สัญญาเลือด แต่ต้องเป็นสองทาง นายก็จะไม่ทำร้ายฉันไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเช่นกัน”
“ไม่แย่สำหรับกริฟฟินดอร์” เดรโกพูดแล้วเรียกอุปกรณ์ออกมา มีดเล็กและอ่างโลหะลอยมาตรงหน้าเขา
“นายรู้คาถาใช่ไหม” เดรโกมองอีกคน
“ใช่ ในอดีตพวกอัศวินต้องทำพิธีสัญญาเลือดว่าจะปกป้องพระราชา อัลบัสยกเลิกกฎนั่นแต่พวกเขาก็สอนอยู่ดีว่าทำยังไง” แฮร์รี่อธิบาย ก่อนจะยื่นมือออกมาเหนืออ่างโลหะแล้วจับมีดขึ้นมากรีดที่ฝ่ามือ ปล่อยให้เลือดไหล พร้อมกับหลับตาร่ายมนตร์เบา ๆ ก่อนจะยื่นมีดให้เดรโก เขารับมีดมา กรีดตรงกลางฝ่ามือ แทบจะกระชากมือออกเมื่อคมมีดกระทบผิวหนังเขา แฮร์รี่ทำเหมือนมันง่าย ๆ แล้วเดรโกจะไม่ยอมดูเหมือนเป็นเด็กขี้แงโดยการดึงมือออกมาหรือว่าแค่ตัดนิดเดียวหรอก เขากำมือปล่อยให้เลือดไหลไปรวมกับเลือดของแฮร์รี่
“เซกิอัส จูเรเมทัส โวทัม” เดรโกพึมพำคาถาผูกพัน ก่อนจะมองหน้าแฮร์รี่แล้วพูดต่อ “ด้วยเลือดขอสัญญาว่าข้าเดรโก ลูเซียส มัลฟอยจะไม่สามารถทำอันตรายแฮร์รี่ เจมส์ มัลฟอย” เขาถอยออกมาชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่อ่างโลหะ แฮร์รี่ก็เช่นกัน อ่างเรืองแสงเป็นสีฟ้าก่อนลอยขึ้นแล้วเข้าไปสู่ร่างของเขากับแฮร์รี่ เดรโกรู้สึกถึงเวทมนตร์ไหลในสายเลือดของเขา ให้ตายสิหลังจากนี้ไปเขาจะไม่สามารถสาปแฮร์รี่เวลาอีกคนกวนเขาได้แล้ว เขาคิดก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลง เมื่อเดรโกเดินไปที่อ่างอีกครั้ง เลือดของพวกเขาก็อยู่ในรูปหลอดแก้วเล็ก ๆ สองใบ เขาหยิบอันหนึ่งก่อนจะเสกคาถา สร้อยเงินคล้องหลอดแก้วเอาไว้เขาสวมสร้อย แล้วดันหลอดแก้วใส่เลือดให้หลบใต้คอเสื้อ แฮร์รี่ก็ทำอย่างเดียวกัน
“เพทริฟิคัส โททิลั--” แฮร์รี่ยกไม้กายสิทธิ์ชี้มาทางเขา แต่ก่อนที่ชายหนุ่มผมดำจะพูดจบคาถา ไม้กายสิทธิ์ของเจ้าตัวก็เหมือนถูกบังคับหันไปอีกทางที่ไม่ใช่เขา สุดท้ายคาถาก็กระทบกับชั้นหนังสือสักชั้นในห้องหนังสือนี้
“ให้ตายสิ” เดรโกหันไปมองคนร่าย “นายจะต้องทดสอบใช่ไหม”
แฮร์รี่ยักไหล่ “ก็แค่อยากรู้ว่ามันใช้ได้ผลจริงรึเปล่า”
“ได้ผลสิวะ” เขาด่า “เมื่อก่อนมันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีแต่งงานของเลือดบริสุทธิ์ด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้สองตระกูลฆ่ากันเองแล้วแย่งสมบัติ” เขาเดินไปเก็บหนังสืออย่างหงุดหงิด “กษัตริย์ของนายก็แต่งงานด้วยวิธีนี้”
“อัลบัสน่ะหรือ กับกรินเดลวัลด์เหรอ” หนุ่มผมดำช่วยเขาจัดหนังสือเข้าชั้น พร้อมกับทำหน้าขอโทษ
“เขาถึงไม่ฆ่ากรินเดลวัลด์หรือ” แฮร์รี่ถามต่อ เขาต้องเอาหนังสือมาตบกะโหลกอีกคน ให้ตายสิสมองอยู่ไหน
“นายไม่เห็นรึไงนายสาปฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ กษัตริย์อัลบัสทำลายสัญญาเลือดเพื่อจะไปสู้กับกรินเดลวัลด์ตัวต่อตัวต่างหาก แต่ที่ไม่ฆ่า ก็ไม่รู้ทำไม” เดรโกรับหนังสือเล่มสุดท้ายมาจากแฮร์รี่แล้วเขย่งเพื่อวางบนชั้นสูงสุด
“ทำลายได้ด้วยเหรอ” แฮร์รี่ถาม
“ได้สิ” เขาตอบพร้อมกับดันหนังสือให้เข้าที่ “แต่การทำลายฝั่งเดียวทำให้คนทำลายต้องเจ็บหนักไม่น้อย ว่ากันว่าเวทมนตร์ของกษัตริย์อัลบัสไม่เหมือนเดิมอีกเลยหลังจากนั้น แต่ทำถึงขนาดนั้นก็ยังไม่ฆ่ากรินเดลวัลด์” เดรโกสอดหนังสือเรียบร้อย หันกลับมาอีกคน แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าแฮร์รี่ขยับตัวเข้ามาใกล้เขาอีกแล้ว อีกคนประคองหลังเขาไว้ขณะที่เขาใส่หนังสือ และมือนั่นก็ยังไม่ขยับออก
“เพราะเขารู้น่ะสิว่ากรินเดลวัลด์ทำอะไรชั่วช้าลับหลังเขา แล้วเขายอมเป็นคนตายแทนที่จะยอมปล่อยให้คนรักเดินทางผิด” แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหมือนตั้งใจจะบอกเขาว่าถ้าเกิดสิ่งเดียวกัน คนข้าง ๆ เขาก็จะเลือกทำอย่างเดียวกับกษัตริย์ของตน
เดรโกกระแอมแล้วจับมืออีกคนออก “ดีนะที่ฉันไม่ได้คิดจะครองโลก แผนของฉันแค่ฆ่าคน ๆ เดียว”
“แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนรักของนาย”
แฮร์รี่ไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มแปลก ๆ ที่ส่งกลับมาแทน
-----------------------------------------------------------------------------
Note: น่าจะเห็นกันหมดแล้วว่านิยายจะเดินไปทางไหน ยาวค่ะยาว ><
ความคิดเห็น