คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Unclean Break
ตอนที่ 6: Unclean Break
If pain must come, may it come quickly. Because I have a life to live, and I need to live it in the best way possible. If he has to make a choice, may he make it now. Then I will either wait for him or forget him.
- Paulo Coelho, By the River Piedra I Sat Down and
Wept
แฮร์รี่จับคอเสื้อตัวเองอีกครั้ง
เขารำคาญชุดทางการของผู้วิเศษเป็นอันมาก
แม้ว่าจะเป็นชุดที่ตัดใหม่เข้ากับเขาเป็นอย่างดีแต่มันก็ยังรู้สึกรุ่มร่ามเหมือนทุกครั้งที่เขาต้องใส่มัน
ทั้งๆที่จริงเขาน่าจะชินกับชุดยาวแบบนี้ได้แล้วเพราะเสื้อคลุมของมือปราบมารเองก็เป็นชุดยาวซึ่งทั้งหนาและหนักไม่น้อยกว่าชุดทางการที่เขากำลังใส่นี้อยู่แล้ว
ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วกวาดตาไปรอบๆห้องบอลรูมอีกครั้ง
ดูเหมือนงานกาล่ากำลังดำเนินไปได้ดี
แถมยอดเงินบริจาคที่เรี่ยไรได้ก็ทะลุเป้าไปแล้ว
ต้องขอบคุณท่านรัฐมนตรีที่เชิญเหล่านักธุรกิจและตระกูลร่ำรวยทั้งหมดในโลกเวทมนตร์
ทำให้ทุกคนที่อยากอวดว่าตัวเองรวยพากันบริจาคแล้วอวดแบ่งแข่งกันน่าดู
หน้าที่ของเขาในงานนี้คือจับมือกับกลุ่มผู้บริจาคแล้วอธิบายถึงการทำงานของสำนักงานมือปราบมารและแผนการที่จะใช้เงินในปีหน้า
และพยายามที่จะไม่ทำผิดมารยาททางสังคม แฮร์รี่ไม่ลืมที่จะย่อเข่าจูบมือกับผู้หญิง
และก้มศีรษะต่ำและแตะที่หน้าอกเมื่อทักทายกับแขกผู้ชาย
บทสนทนาที่คุยได้คือเรื่องดินฟ้าอากาศ อาหาร และชุดที่อีกฝ่ายใส่
เรื่องต้องห้ามคือเรื่องการเมือง ตระกูล และสถานภาพการแต่งงาน
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแฮร์รี่ไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่ามีเจตนาจะจีบอีกฝ่าย)
หลังจากต้องเดินรอบห้อง
และฟังทุกคนเล่าเรื่องของตัวเองจนเหนื่อย ตอนนี้เขาก็ขอพักเงียบๆสักหน่อยเถอะ
อีกสักพักจะมีการเปิดฟลอร์เต้นรำแล้ว
หวังว่าโรบาดส์จะไม่ได้คาดหวังให้เขาต้องชวนใครเต้นหรอกนะ
ชายหนุ่มคิดแล้วถือแก้วเหล้าเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อสูดอากาศ
“เบื่อแล้วหรือพอตเตอร์”
เสียงทุ้มๆดังมาจากข้างหลัง เสียงที่แฮร์รี่จำได้ทันทีว่าเป็นใคร
เขาเห็นร่างโปร่งแวบๆในหมู่คน แต่เขาก็ยังไม่ได้มีโอกาสเดินไปทัก
และอีกอย่างเขาชักไม่แน่ใจด้วยว่าเขาจะทักอีกคนในฐานะอะไร
...เดรโก
มัลฟอย...ไม่ใช่เพื่อนเขา แต่ก็ไม่ใช่คู่อริเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
และเขาก็คงกระดากปากหากจะเรียกอีกคนว่าแค่คนรู้จักเพราะเขาคงไม่สนุกกับการกินอาหารหรือดูควิดดิชกับแค่คนรู้จักหรอก
บางทีเขาก็หวังว่าหมอนั้นจะไม่ทำกับเขาซะแสบขนาดนั้นตอนที่เรียนที่ฮอกวอตส์
เพราะมันคงทำให้เขาสะดวกใจเรียกมัลฟอยว่าเพื่อนง่ายขึ้น
แฮร์รี่ไม่ตอบแต่หันไปมองร่างโปร่งที่ยืนมาพิงระเบียงข้างๆเขา
แสงไฟจากห้องบอลรูมสะท้อนกับผมของมัลฟอย หมอนั้นจัดผมเสยไปข้างหลังอีกแล้ว
ทั้งๆที่เวลาปล่อยลงมาดูดีกว่าตั้งเยอะ
“ทำผมแบบนั้นระวังนายจะหัวล้านเร็วนะมัลฟอย”
ตาสีเทาเบิกกว้าง ก่อนจะหรี่มองเขา
“นี้จำไม่ได้รึไงว่าติการแต่งกายและหน้าตาของคู่สนทนา”
แฮร์รี่ยิ้มออกมา ใช่จำได้สิ
หนึ่งในบทเรียนที่แอสเทอเรียสอนเขา
คนอย่างมัลฟอยคงเรียนรู้เรื่องพวกนั้นตั้งแต่เด็กๆแล้วสิ
“นายก็ไม่เห็นจะเคยทำกับฉันเลย จำได้ไหมใครที่เรียกฉันว่า สี่ตา หน้าแผลเป็น
แล้วไอ้หัวยุ่ง” แฮร์รี่สวนกลับ
“ไม่ยุติธรรมเลยพอตเตอร์
ตอนนั้นฉันยังเด็ก อีกอย่างฉันก็จำได้ว่านายก็เรียกชื่อฉันต่างๆนาๆ
ไอ้หัวเมือกบ้างหล่ะ ไอ้หน้าแหลมบ้างล่ะ” มัลฟอยทำหน้าเบ้
“อะฮะ นายจะบอกว่านายโตแล้วตอนนี้
จะไม่ติหน้าตาฉันแล้วสินะ” แฮร์รี่ยกไวน์ขาวขึ้นมาจิบ เขาสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
เพราะไวน์ เพราะอากาศ หรือเพราะคนตรงหน้ากันแน่นะ
“แน่ล่ะ
เห็นฉันด่าไอ้หัวที่เหมือนรังนกของนายรึเปล่าล่ะ
ถึงฉันจะคันปากยุบยิบแล้วก็อยากลากนายไปร้านทำผมทุกครั้งที่เห็นก็เถอะ
ฉันต้องอดทนอดกลั้นมากเลยนะพอตเตอร์” มัลฟอยพูดยิ้มๆ
“ก็ได้ๆ ไม่คุยแล้ว
คุยเรื่องคู่หมั้นนายดีกว่า วันนี้แอสเทอเรียไม่มาหรือ” แฮร์รี่ถามออกมาในที่สุด
เขาเห็นเดมิทริส กรีนกราส แต่เขากลับไม่เห็นลูกสาวทั้งสองคนของชายสูงวัย
มัลฟอยถอนหายใจแล้วยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบบ้าง
“แอสเทอเรียอยู่บ้านกับเดฟนี
เดฟนีไม่อยากออกมางานแบบนี้หลังข่าวครึกโครมเรื่องเรนฮาร์ท
ขี้เกียจฟังเสียงซุบซิบว่างานวิวาห์ล่มก่อนแต่งแค่ไม่ถึงสัปดาห์
แถมเจ้าบ่าวยังกลายมาเป็นคนคุกอีก”
แฮร์รี่แน่ใจว่ามัลฟอยโกหก
เขาทำงานมานานพอที่จะจับโกหกได้ โดยเฉพาะกับคนที่เขารู้จักมาตั้งสิบสองปีอย่างมัลฟอย
แต่เขาก็ไม่อยากจะเถียงมัลฟอย มันต้องมีอะไรที่หมอนั้นไม่อยากให้เขารู้
และเขาก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาคาดคั้นเอาความจริงกับชายหนุ่ม
“เสียดายนะที่เธอไม่ได้เห็นฉันออกงานแล้วมีแต่คนชมว่ามารยาทดี
โดยเฉพาะจากพวกป้าๆทั้งหลาย”
“ฉันจะกลับไปเล่าให้เธอฟัง
ว่าเดี๋ยวนี้พานายออกงานได้ไม่ต้องกลัวขายหน้าแล้ว
อย่างน้อยๆนายก็ใส่ชุดผู้วิเศษได้อย่างถูกต้อง” มัลฟอยก้าวเข้ามาใกล้
มือแตะที่ราวกระดุมเสื้อเม็ดเล็กๆของเขา
“กระดุมแถวห้าสิบเม็ดกับเสื้อคลุมสีน้ำเงินไม่ใช่สีดำ เก่งมากพอตเตอร์ที่จำได้”
แต่แล้วก็เหมือนร่างโปร่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่
มัลฟอยรีบยกมือขึ้นแล้วถอยหลังกลับ
“เอ่อ
ฉันว่าฉันกลับไปข้างในดีกว่า”
“เดี๋ยวสิมัลฟอย”
แฮร์รี่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเรียกอีกคนออกไปแบบนั้น “เอ่อ คุยกันก่อนสิ”
เขาพูดสิ่งแรกที่อยู่ในใจออกไป เขาอยากรู้จักอีกคนให้มากกว่านี้ ทุกครั้งที่เจอกันเรื่องเดียวที่คุยกันก็คือแอสเทอเรีย
ไม่เคยสักครั้งเลยที่มัลฟอยจะพูดถึงตัวเอง แฮร์รี่ก็ไม่เคยคิดจะถามเช่นกัน
เขาคิดว่าตัวเองรู้จักกับมัลฟอยดีพอ
แต่ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกันก็พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเขาคิดผิดอย่างสิ้นเชิง
ตาสีเทามองเขาอย่างไม่แน่ใจ
แต่ร่างโปร่งก็เดินกลับมาที่ระเบียงเงียบๆอีกครั้ง
สุดท้ายพวกเขาก็ใช้เวลาพักใหญ่ดูดาว และคุยเรื่องสัพเพเหระ ตั้งแต่เรื่องงานของมัลฟอย
(บริหารธุรกิจทั้งหลายของตระกูลที่มีตั้งแต่ซื้อขายที่ดิน ทำโรงแรม เลี้ยงสัตว์
การเกษตร จนไปถึงโรงกลั่นเหล้า เขาเพิ่งรู้ว่ามัลฟอยต้องทำทุกอย่างเองทั้งหมด
หมอนั้นถึงได้แทบหายหน้าไปจากวงสังคม) อาหารที่ชอบ
(แน่นอนว่าคือพายฟักทองและของหวานต่างๆ) เรื่องที่สนใจ
(ศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ! ทำให้เขาอยากจะเล่าว่าเขาเคยจับศิลาอาธรรพ์ไว้ในมือแล้ว
อยากเห็นว่าหมอนั้นจะทำหน้าตาอิจฉาขนาดไหน) และควิดดิช
พวกเขาคุยกันเงียบๆจนกระทั่งเสียงเพลงจากในห้องบอลรูมดังขึ้นนั้นแหละ
มัลฟอยหันกลับไปมองเหล่าคู่ผู้วิเศษที่พากันเดินลงไปที่ฟลอร์เต้นรำ
“ฉันว่าพวกเราน่าจะกลับเข้าไปได้แล้วนะ”
แฮร์รี่พยักหน้าเห็นด้วย
แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องบอลรูมพร้อมกับมัลฟอย “นี้ฉันต้องเต้นรำด้วยรึเปล่าเนี้ย”
แฮร์รี่บ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะถึงแอสเทอเรียกับเดฟนีจะเคี่ยวเข็ญให้เขาเรียนเต้นรำ
แต่แฮร์รี่ก็ยังห่วยบรมอยู่ดี
อาจจะไม่ถึงขั้นที่แย่แบบเหยียบเท้าคู่เต้นเหมือนตอนแรก
แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางสง่างามใกล้เคียงกับที่แอสเทอเรียทำเป็นตัวอย่างเลยสักนิด
“กลัวรึไงพอตเตอร์”
มัลฟอยยกมุมปากขึ้นน้อยๆ
“ฝันไปเถอะ”
แฮร์รี่พูดออกไปอัตโนมัติ แม้ว่าคำตอบจริงๆมันตรงกันข้ามก็ตาม
“นายทำได้น่าพอตเตอร์
และถ้าเพื่อนายยังไม่แน่ใจก็ดูฉันเอาไว้นะ ดูแล้วจำเอาไว้ด้วย
ฟอร์มการเต้นที่สมบูรณ์แบบอย่างฉันน่ะไม่ได้หาได้ง่ายๆ”
มัลฟอยพูดแล้วยักคิ้วให้แฮร์รี่
ก่อนจะหัวเราะแล้วหันไปค้อมศีรษะให้กับคุณนายอับบอต แม่ของฮันนาห์ อับบอต
ภาพตรงหน้ามันซ้อนกับเรื่องในความทรงจำของเขาราวกับเขากำลังฝันอยู่
เพียงแต่เปลี่ยนจากแอสเทอเรีย กรีนกราสเป็นเดรโก มัลฟอยเท่านั้น ทั้งคำพูด
ทั้งสีหน้าท่าทาง แล้วยังการยักคิ้วอย่างนั้นอีกเล่า
เขาเคยคิดว่าแอสเทอเรียมีบางส่วนคล้ายมัลฟอย คล้ายจนเหมือน
แล้วยังวิธีการเต้นแบบนั้นอีก
แฮร์รี่คิดขณะมองตามร่างโปร่งที่เคลื่อนที่อย่างสง่างามไปรอบๆ
แอสเทอเรียเรียนวิธีการเต้นรำมาจากมัลฟอยหรืออย่างไรนะ
...แต่ก็แปลกเหลือเกินที่คนสองคนจะเหมือนกันได้ขนาดนี้
##########
เดรโกอยากจะชกตัวเองแรงๆ
เผื่อว่าสมองของเขาจะกลับมาเป็นปกติได้บ้าง
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยทำตามคำสั่งของเขาสักเท่าไหร่เลย
โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับพอตเตอร์ เขาควรจะทำตัวออกห่างจากพอตเตอร์ไม่ใช่หรือ
แต่ทำไมทุกครั้งที่เข้าใกล้ เขาก็เป็นเหมือนแมงเม่าที่ถูกดึงดูดด้วยแสง
เขาหยุดตัวเองไม่ได้เลย
และยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกดีกับพอตเตอร์มากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าหมอนั้นยังคงไม่ได้ดีกับเขาเหมือนอย่างตอนที่เขาเป็นแอสเทอเรีย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอตเตอร์ไม่ได้ทำเหมือนรังเกียจเขาเหมือนเดิมอีกแล้ว
หมอนั้นยิ้มและหยอกเย้ากับเขาเหมือนกับว่าเขาเป็น...เพื่อน...
...มันคงดีกว่าถ้าพอตเตอร์เกลียดเขาไปซะ...
อย่างน้อยเขาก็จะได้ตัดใจได้อย่างง่ายๆ
แทนที่จะทำให้ทุกครั้งที่เจอหัวใจเขาเต้นแรง
และมันมีความหวังอย่างที่ไม่ควรเช่นนี้
“ถึงเวลาของยาแรงแล้วมั้ง”
เดรโกพูดกับตัวเองแล้วมองเพดาน
.
.
.
“ลูกจะประกาศเรื่องแต่งงานเหรอจ้ะ”
นาร์ซิสซาพูดอย่างตกใจพร้อมวางช้อนคนชาลง
พ่อกับแม่รู้เรื่องที่เขาจะแต่งงานกับแอสเทอเรียมาแล้วสักพัก แต่เขายืนยันว่าจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับจนกว่าจะเตรียมพร้อมเสร็จ
แม้พ่อจะฮึดฮัดอยากประกาศแค่ไหนก็ตาม
ส่วนตั้งแต่แรกแม่เขาเอาแต่มองเขาอย่างเป็นห่วง
เขาแน่ใจว่าแม่รู้ว่าจริงๆเขามีความชอบแบบไหน แต่แม่ก็ไม่พูดออกมา
“เดี๋ยวพ่อจัดการหาประชาสัมพันธ์ให้ดีไหม”
ลูเซียสยิ้มกว้าง พร้อมกับร่ายคาถาเรียกสมุดรายชื่อออกมา
พ่อของเขาดูยินดีเสียยิ่งกว่าคนที่เป็นเจ้าบ่าวเสียอีก
ตั้งแต่วันที่เขาบอกว่าเขาจะแต่งงานกับแอสเทอเรียพ่อก็รีบสั่งให้เอลฟ์ประจำบ้าน
ทำความสะอาดห้องว่างๆ แล้วแต่งห้องเตรียมสำหรับคู่แต่งงาน
เขายังไม่ได้บอกพ่อว่าเขาวางแผนจะย้ายออกไปอยู่ในลอนดอนกับแอสเทอเรีย
“ต้องลงหน้าหนึ่งเดลี่โพรเฟ็ตเลยรึเปล่านะ”
ลูเซียสพูดต่ออย่างครุ่นคิด
เป็นอีกครั้งที่ทั้งเขาและแม่ต้องกลอกตากับความเว่อร์ของพ่อ
“ไม่ต้องหรอกครับ
แค่ประกาศเหมือนคนปกติเขาก็พอแล้วครับ ผมไม่อยากโดนด่าว่าเป็นพวกอวดรวย หรือดึงความสนใจมาที่ตระกูลมัลฟอย”
“เดรโก ลูก—“ นาร์ซิสซาพูดขึ้นอีกครั้ง
“ผมตัดสินใจดีแล้วครับแม่”
ชายหนุ่มตัดบทแม่ของเขา นาร์ซิสซามองมาที่เขานิ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างยอมแพ้
“แม่แค่อยากให้ลูกมีความสุขที่สุด
จำเอาไว้นะจ้ะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่จะรักลูกเสมอ”
“แต่พ่อจะรักแกมากขึ้นถ้าแกมีหลานให้พ่อ”
ลูเซียสพูดต่อโดยไม่สนใจอารมณ์ของคู่สนทนาร่วมโต๊ะอาหารทั้งคู่
“คุณค!ะ”
“พ่อครับ!”
ทั้งนาร์ซิสซาและเดรโกพูดขึ้นพร้อมกัน
“พ่อเขาตั้งใจจะพูดว่าเขาก็รักลูกเหมือนกันนั้นแหละจ้ะ”
นาร์ซิสซาส่งยิ้มให้ลูกชายคนเดียว
ชายหนุ่มฝืนส่งยิ้มกลับ เขารู้ดี
ทั้งพ่อและแม่รักเขาแค่ไหน
เดรโกแน่ใจด้วยซ้ำว่าถึงเขาจะบอกว่าเขาเป็นเกย์ทั้งคู่ก็คงไม่มีวันเกลียดเขาไปได้
แต่มันคงทำให้พ่อผิดหวังมาก...และเดรโกไม่อยากเป็นคนทำให้พ่อผิดหวังมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เดรโกลงลายเซนต์เป็นครั้งสุดท้ายแล้วส่งกระดาษคืนให้เจ้าหน้าที่จากหนังสือพิมพ์เดลี่โพรเฟ็ต
พรุ่งนี้ข่าวงานแต่งงานของเขากับแอสเทอเรียจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
แต่มันจะเป็นแค่ย่อหน้าเล็กๆในส่วนสังคมของหนังสือพิมพ์
แล้วเขาก็ดูรายชื่อแขกที่แอสเทอเรียส่งคืนมาให้เขา
หล่อนเพิ่มชื่อเพื่อนของหล่อนเข้ามาสองสามคน แต่ทั้งคู่ยืนยันว่าจะเป็นงานเล็กๆ
ที่เชิญเฉพาะญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้น
เหตุผลที่เขาบอกทุกคนก็คือเพราะเขาอยากให้รู้สึกเป็นส่วนตัวและพิเศษ
แต่เหตุผลจริงๆก็คือเจ้าสาวของเขายังคงอ่อนเพลียจากการสูญเสียพลังงานเวทมนตร์ให้กับเด็กในท้อง
แอสเทอเรียต้องเป็นลมไปก่อนแน่หากจัดงานใหญ่กว่านั้น
นิ้วของเดรโกไล่ตามรายชื่อบนกระดาษจนมาสะดุดที่รายชื่อหนึ่ง ...แฮร์รี่ พอตเตอร์: แขกของเดฟนี
กรีนกราส... เพื่อนบ้านั้นคิดอะไรอยู่นะถึงได้เชิญพอตเตอร์
แต่บางทีนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการก็ได้
...ยาแรงของเขา...
ไม่ต้องคิดเลยว่าพอตเตอร์จะโกรธแค่ไหนหากรู้ว่าเดรโกกำลังจะแต่งงานกับแอสเทอเรีย
ชายหนุ่มตัดสินใจไม่ขีดชื่อนั้นออก
เขาม้วนกระดาษแล้วส่งให้เลขาจัดการส่งบัตรเชิญไปให้คนตามรายชื่อทั้งหมดด้วย
.
.
.
และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด
เพียงแค่สองวันหลังจากนั้น พอตเตอร์ก็บุกมาหาเขาถึงห้องทำงาน
ไม่รู้ว่าหมอนั้นหาที่อยู่ของบริษัทเขาเจอได้ยังไง
“มัลฟอย” พอตเตอร์พูดเสียงเขียว
ไม่ฟังเสียงร้องห้ามของเลขาของเขาที่บอกว่าให้พอตเตอร์ออกไปเดี๋ยวนี้
“ลินดาไม่เป็นไร
แล้วปิดประตูให้ฉันด้วย” เดรโกลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วหันไปสั่งให้เลขาของเขาออกไป
พอตเตอร์กำลังโกรธ และหมอนั้นไม่มีวันยอมถอยง่ายๆแน่ ทางเดียวก็คือเผชิญหน้าตรงๆ
อย่างน้อยๆเขาก็ทำใจเอาไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง
เมื่อพวกเขาอยู่กันแค่สองคนพอตเตอร์ก็เปิดปากพูดอีกครั้ง
“นี้มันหมายความว่ายังไง”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับการ์ดเชิญที่ถูกขยำในมือ “นายกำลังจะแต่งงานกับแอสเทอเรีย!!!” เสียงพอตเตอร์เต็มไปด้วยความโกรธ
สายตาคู่นั้นมองเขาเหมือนเขาเป็นคนทรยศหรืออะไรอย่างนั้น
“ฉันเป็นคู่หมั้นเธอ
การแต่งงานก็เป็นขั้นต่อไปอยู่แล้ว” เดรโกพูดเสียงเรียบๆ
พยายามคุมสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด เขาจะไม่ให้สายตาแบบนั้นของพอตเตอร์มาทำให้เขาใจอ่อนเด็ดขาด
พอตเตอร์ปาการ์ดลงบนพื้น
แล้วก้าวมาประชิดตัวเขา “สนุกมารึไงมัลฟอย
นายเห็นฉันพยายามไล่ตามแอสเทอเรียทั้งๆที่รู้ว่าพวกนายกำลังจะแต่งงานกันอีกไม่ถึงเดือน”
“เปล่าเลยพอตเตอร์”
เดรโกยืนหยันเขาจะไม่ถอยหลัง “แล้วฉันก็จำได้ว่าทุกครั้งฉันบอกนายแล้วว่านายไม่มีหวังหรอกกับแอสเทอเรีย”
พอตเตอร์ขมวดคิ้วมองตาเขาอย่างค้นหา
“นายทำอย่างนั้นไปทำไม นายไม่ได้รักเธอด้วยซ้ำ นายจะผูกมัดเธอไว้ทำไมกัน
ฉันคิดว่านายดีกว่านี้นะมัลฟอย”
เดรโกรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าเต็มๆ
นี้พอตเตอร์คิดว่าเขาแย่ขนาดไหนกัน
หมอนั้นคงคิดว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดที่ใช้แอสเทอเรียเพื่อประโยชน์ของตัวสินะ
ทำให้หญิงสาวพลาดจากรักที่เธอควรได้
...แล้วเขาเล่า...
เขาเองก็อยู่ในสถานะไม่ต่างกับแอสเทอเรียไม่ใช่หรือ
แล้วทำไมเขาถึงเป็นคนเดียวที่เป็นผู้ร้าย
...เพราะเขาไม่ใช่คนที่พอตเตอร์รักยังไงล่ะ...
“ฉันเคยบอกนายแล้วว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิด
ความรักไม่ใช่ทุกอย่างเข้าใจไหมพอตเตอร์ นายอาจจะมีชีวิตในโลกสีกุหลาบของนาย
แต่คนอย่างฉันกับแอสเทอเรียเราก็มีโลกของเรา แล้วฉันบอกนายอีกอย่างนะพอตเตอร์
ฉันเชื่อว่าเหตุผลระหว่างฉันกับแอสเทอเรียมันจริงและหนักแน่นยิ่งกว่าความรักของนายเสียอีก”
“นายเคยถามตัวเองไหมว่าที่นายจะรักผู้หญิงที่นายรู้จักแค่สามสัปดาห์ได้ยังไง
หลังจากตอนนั้นนายได้คุยกับเธออีกเหรอ
นายรู้อะไรเกี่ยวกับแอสเทอเรียบ้างฮึพอตเตอร์ นายจะไปรักคนที่นายไม่ได้รู้จักตัวตนดีขนาดนั้นได้ยังไง”
เดรโกต้องพยายามพูดให้เสียงไม่สั่น
“อย่าเอาความคิดของนายมาตัดสินเรื่องของคนอื่น”
พอตเตอร์กำหมัดแน่น
ตาสีเขียวเป็นประกายอย่างโกรธเกรี้ยว “นายนั้นแหละอย่าเอาเหตุผลของนายมาตัดสินเรื่องของฉัน
ความรู้สึกที่ฉันคนอย่างนายไม่มีวันเข้าใจ เพราะนายมันคงไม่เคยมีหัวใจให้ใคร
ในหัวของนายคงมีแต่เหตุผลไร้สาระเต็มไปหมด
เคยจะมีสักครั้งไหมมัลฟอยที่นายจะมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์คนอื่น”
“ฉันมันไว้ใจคนอย่างนายได้ยังไงกันนะ
นายมันเป็นพวกงูพิษชัดๆ แว้งกัดแล้วก็เลือดเย็น”
“รู้ก็ดีแล้วนี้ งั้นก็กลับไปได้แล้วพอตเตอร์
กลับไปเลย!” เดรโกตะโกนอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่
พอตเตอร์สะดุ้ง
ก่อนจะคลายหมัดที่กำแน่น แล้วก้มหน้าลง “ฉันมันบ้าเองที่คิดว่านายเปลี่ยนไปแล้ว”
น้ำเสียงผิดหวังของพอตเตอร์ทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่าคำพูดรุนแรงของอีกคนเสียอีก
เขามาถึงจุดนี้ได้ยังไงกันนะ
จุดที่แค่พอตเตอร์ไม่ต้องทำอะไรก็ทำให้เขาแทบจะอยากลงไปกองอยู่ที่พื้น
แล้วอธิบายทุกอย่าง
ชายหนุ่มจิกเล็บเข้าไปกับฝ่ามือสั่งตัวเองไม่ให้ทำตามสิ่งที่ใจเรียกร้อง
สิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่ควรทำ และ ต้องทำ เขาต้องตัดให้ขาด
ทั้งเขากับพอตเตอร์ และ พอตเตอร์กับแอสเทอเรีย
พวกเขายืนสบตากันนิ่ง
ก่อนที่แฮร์รี่จะเป็นคนแรกที่หลบตาก่อน ชายหนุ่มหันหลังเดินออกไป โดยไม่มีแม้แต่คำลาใดๆ
##########
แฮร์รี่นั่งเงียบๆในห้องนอน
รอบตัวเขาเต็มไปด้วยเศษข้าวของที่แตกกระจาย
มันเป็นอย่างนี้เสมอทุกครั้งที่เขาอารมณ์เสีย และยิ่งเสียมากเท่าไหร่
เขาจะยิ่งควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้เท่านั้น
และคราวนี้ทันทีที่เขากลับมาจากห้องทำงานของมัลฟอย
เครื่องแก้วทุกชิ้นในห้องก็เริ่มสั่นแล้วก็แตกออก
และตอนนี้แม้จะผ่านมาแล้วหลายชั่วโมงแต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกถึงพลังงานที่พร้อมจะปะทุอยู่ข้างในตัวเขา
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสมอว่าพลังเวทมนตร์ที่มหาศาลของเขานี้แหละที่เป็นเหตุที่ทำให้เขาสามารถใช้เวทมนตร์โดยไม่ผ่านไม้กายสิทธิ์ได้ง่ายๆ
ปกติผู้วิเศษคนอื่นต้องรวบรวมพลังงานผ่านทางไม้กายสิทธิ์แต่สำหรับเขามันมากมายจนแม้จะส่งออกมาผ่านทางมือเปล่าก็เพียงพอให้คาถาทำงานแล้ว
แต่มันก็เป็นดาบสองคมด้วยเช่นกัน
...อย่างวันนี้ที่มันทำให้อพาร์ทเมนต์ของเขาเละเทะจนไม่เหลือเค้าเดิม
โชคดีที่ไม่มีคนอื่นอยู่ในรัศมีไม่อย่างนั้น...
เขาเกือบจะปะทุออกมาตอนที่อยู่กับมัลฟอยแล้ว
และนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาเดินออกมาจากห้องนั้นก่อนที่จะได้เค้นคำตอบออกจากปากอีกคนอย่างที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
เขาเชื่อว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆที่ทำให้มัลฟอยต้องรีบจัดงานแต่งงานเร็วขนาดนี้
อะไรที่หมอนั้นไม่ยอมบอกเขา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมนอกจากความสับสน
สีหน้ามัลฟอยอาจจะเรียบเฉยก็จริง
แต่เจ้าตัวคงไม่รู้เลยมั้งว่าดวงตาสีเทาคู่นั้นมันเปิดเผยแค่ไหน
ทั้งความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกผิดหวัง
และความเศร้าบาดลึกที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจเลยสักนิด
คนที่ควรจะต้องเศร้าเสียใจจนแทบร้องไห้ควรจะเป็นเขาสิ
แต่ทำไมหมอนั้นกลับถึงมีสีหน้าแบบนั้นเวลาที่มองเขานะ เขาอาจจะพูดจาร้ายกาจไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้รุนแรงไปกว่าที่เขาเคยพูดใส่มัลฟอยเลย
...แต่สายตาคู่นั้นกลับไม่เหมือนเดิมเวลาได้ยินคำพูดพวกนั้นจากปากของเขา...แทนที่มันจะลุกพือเป็นประกายเหมือนไฟป่า
มันกลับหม่นลงราวกับดาวดับแสง แล้วมัลฟอยก็ไม่ใช่ปัญหาเดียวของเขา
ความรู้สึกของเขาก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เขาแก้ไม่ตก
คำพูดของมัลฟอยมันเหมือนจี้เข้าตรงกลางใจเขา
แม้เขาจะแน่ใจว่าเขารู้สึกชอบแอสเทอเรีย ...แต่มันคือรักหรือ...
เขารู้จักเธอแค่ไม่กี่สัปดาห์
แม้ว่าทุกวินาทีที่อยู่กับเธอจะทำให้เขามีความสุขแค่ไหน
แต่พวกเขาก็ยังรู้จักกันน้อยเกินไปอยู่ดี เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักนิด
บางทีมันอาจจะดีแล้วก็ได้มีมัลฟอยตัดสินใจแต่งงาน
เขาจะได้ยุติเรื่องของแอสเทอเรียซะ
ตัดใจจากเธอเสียตั้งแต่ตอนที่ความรู้สึกเขายังไม่ได้ฝังรากลงไปลึก
...มันอาจจะเจ็บ... แต่คงน้อยกว่าหากเขารู้จักเธอดีกว่านี้แน่นอน
.
.
.
และแฮร์รี่ก็ทำตามความตั้งใจของตัวเอง
เขาตัดตัวเองออกจากเรื่องของมัลฟอยกับแอสเทอเรีย ทุ่มเทเวลาให้กับงานเหมือนเคย
เขามีเป้าหมายแล้วว่าเขาจะต้องเป็นหัวหน้าสำนักงานนี้ให้ได้
แทนที่จะไปเสียเวลาไล่ตามคนอื่น สู้กลับมาไล่ตามความฝันของเขาไม่ดีกว่าหรือ
แฮร์รี่ปลอบใจตัวเองอย่างนั้น
แต่แทนที่ความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆในหน้าอกทุกครั้งที่เห็นข่าวของทั้งคู่จะค่อยๆลดลงตามเวลา
มันเพิ่มขึ้นทุกครั้ง และมันบ้าสิ้นดีที่เขาไม่ใช่เจ็บเวลาที่เห็นรูปของสองคนนั้น
แต่เขากลับเจ็บเวลาที่เห็นสิ่งที่เตือนให้เขานึกถึงเดรโก มัลฟอยด้วย
ไม่ว่าจะเป็นโรงอาหารของกระทรวงเวทมนตร์ ลิฟต์ ข่าวของทีมฟาลคอน
หรือแม้กระทั่งพายฟักทอง
ทำไมเขาถึงต้องเจ็บกับเรื่องของหมอนั้นด้วยนะ
แฮร์รี่ถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“มือปราบมารพอตเตอร์คะ
มีคนมาขอพบคุณค่ะ” เมลานี เลขาของเขาเดินมาบอกเขา
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมาจากรายงานคดีตรงหน้า
“ใคร” ชายหนุ่มถามออกไป
“เดฟนี กรีนกราสค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินว่าใคร แฮร์รี่ก็ต้องขมวดคิ้วหนักขึ้น เดฟนีเหรอ
หล่อนจะมาหาเขาทำไมกันนะ
แต่เขาก็พยักหน้าเป็นสัญญานให้เธอส่งเดฟนีเข้ามาในห้องทำงานของเขาได้
ชายหนุ่มร่ายคาถาจัดการให้เอกสารเข้าที่ให้เรียบร้อย พอดีกับที่ประตูเปิดออกและหญิงสาวผมทองก้าวเข้ามา
“มือปราบมารพอตเตอร์สวัสดีค่ะ”
หล่อนทักเขาอย่างสุภาพและนั่งลงโดยไม่ต้องรอให้เขาเชิญ
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ฉันมาชวนคุณไปสกีรีสอร์ทกับครอบครัวกรีนกราส”
หญิงสาวพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ เขามองเธอเขม็ง นี้เธอล้อเขาเล่นหรือเปล่า
“เดฟนีผม—“ ชายหนุ่มกำลังจะเปิดปากปฎิเสธแต่เธอก็ไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้นง่ายๆ
“คุณไม่อยากเจอแอสเทอเรียเป็นครั้งสุดท้ายเหรอคะ
คุณรู้ใช่ไหมน้องกำลังจะแต่งงาน” เธอเสนอสิ่งที่คิดว่าเขาคงไม่มีทางปฏิเสธ
“คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด เขารำคาญที่เธอพูดราวกับรู้จักเขาดูขนาดนั้น
เดฟนีเลิกคิ้ว
“ฉันแค่อยากให้คุณได้เจอคนที่คุณรักอีกครั้งไง เผื่อว่าคุณจะทำให้...แอสเทอเรีย...เปลี่ยนใจได้”
เธอสะดุดตอนที่พูดคำว่าแอสเทอเรีย
เขาไม่เชื่อเธอเด็ดขาด
เขาอาจจะไม่ได้สนิทกับเดฟนี
แต่เขาก็มั่นใจว่าเธอไม่มีทางคิดจะช่วยเขาแน่หากไม่มีแรงจูงใจอื่น
แล้วเธอจะอยากให้น้องสาวเธอเปลี่ยนใจทำไม
นึกว่าคนอย่างเธอจะเห็นว่างานแต่งงานระหว่างแอสเทอเรียกับเดรโกเหมาะสมกันดีอยู่แล้ว
แต่ยังไงมันก็ไม่สำคัญหรอก
เพราะคนที่จะตอบว่าเขาจะไปหรือไม่ไปก็คือเขาเองเท่านั้น
...เขายังอยากจะเจอแอสเทอเรียอีกรึเปล่า...
ชายหนุ่มถามตัวเอง เขาควรจะตัดใจใช่ไหม แต่ถ้ามันเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ...
เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาอยากจะเจอเธอให้แน่ใจอีกสักครั้งว่าสิ่งที่เขารู้สึกกับเธอมันจริงหรือเปล่า
บางทีการได้เจอเธออีกครั้งอาจจะทำให้เขาลืมเธอง่ายขึ้นก็ได้
...และบางทีการที่ได้เห็นเธอกับเดรโกอยู่ด้วยกันเขาจะได้บอกตัวเองซะทีว่าสองคนนี้ไม่ได้เหมือนกันเลยสักนิด...
“ตกลง”
เรื่องที่แฮร์รี่ขอหยุดลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เป็นที่โจษจันไปทั่วสำนักงานเพราะนี้เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ชายหนุ่มใช้วันหยุดลาพักร้อน
แม้กระทั่งโรบาดส์ยังต้องถามเขาซ้ำตอนที่เขายื่นใบลาให้หัวหน้าว่าเขาสบายดีหรือเปล่า
เขาต้องยืนยันกับทุกคนว่าเขาไม่ได้คิดจะลาออก และนี้เป็นการลาพักผ่อนจริงๆ
แต่เขาก็ไม่ยอมบอกใครสักคนว่าเขากำลังจะไปไหนและกับใคร กลัวว่าทุกคนจะช๊อคไปกว่านี้ที่คนอย่างเขาจะใช้วันหยุดพักร้อนกับตระกูลเลือดบริสุทธิ์เก่าแก่อย่างตระกูลกรีนกราส
ในวันเดินทางเขาก็ไปพบเดฟนีที่เวิร์ทวูดแมนชั่น
แม้เขาจะจากที่นี่ไปเพียงสองสามสัปดาห์แต่มันก็เหมือนนานกว่านั้น
และทุกอย่างที่นี่ยังคงงดงามเหมือนในความทรงจำเขาไม่ผิด
ชายหนุ่มคิดขณะลากมือไปตามโต๊ะไม้ลื่นมือในห้องสมุด
ย้อนคิดถึงเวลาที่เขาต้องนั่งที่นี่แล้วฟังแอสเทอเรียเล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ให้เขาฟัง
“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง แฮร์รี่รู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใครโดยไม่ต้องหันกลับไปดู
“เพราะฉันได้รับเชิญไงล่ะมัลฟอย”
แฮร์รี่หันไปตอบให้แทน มัลฟอยเดินมาพร้อมกับเดฟนีและแอสเทอเรีย
หนุ่มผมทองหันไปมองหน้าเดฟนีทันทีที่ได้ยินคำตอบของแฮร์รี่
แต่เธอแค่ส่งยิ้มกลับเท่านั้นเอง แสดงว่าเธอไม่ได้บอกใครเรื่องที่ชวนเขามาด้วย
“แล้วก็สวัสดีครับคุณแอสเทอเรีย
คุณเดฟนี” แฮร์รี่ไม่ลืมทักทายสองคนที่เหลือ
“เราจะไปกันรึยังครับ”
เดฟนีพยักหน้า
“อีกแป๊บเดียวกุญแจนำทางก็น่าจะใช้ได้แล้วค่ะ คุณพ่อไปรอที่รีสอร์ทแล้วนะคะ
คุณพ่อก็ดีใจนะคะที่คุณมาด้วย บอกว่าคุณมาอยู่กับพวกเราตั้งนานจนสนิทกันขนาดนี้แล้ว
หายไปท่านก็คิดถึงคุณค่ะ”
“ผมก็คิดถึงพวกคุณทั้งสามคนครับ”
แฮร์รี่เน้นคำว่าสามคนแล้วมองตรงๆไปที่ชายหนุ่มผมทองให้อีกคนได้รับรู้ว่ามีอีกคนที่เขาไม่คิดถึงเลยสักนิด
แต่มัลฟอยกลับแค่มองเขากลับแล้วกลอกตาเหมือนบอกว่าเขาช่างเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้
ภาพนั้นทำให้เขานึกถึงใบหน้าของแอสเทอเรียที่กลอกตาใส่เขาทุกครั้งที่เขาถามอะไรโง่ๆในตอนที่เรียนมารยาทด้วยกันทุกครั้ง
มือปราบมารหนุ่มต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป
พร้อมกับมองไปที่หญิงสาวร่างบางข้างๆมัลฟอยแทน เธอไม่เหมือนกับมัลฟอยเลยสักนิด
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แฮร์รี่ดุตัวเอง
“งั้นก็อย่าให้คุณพ่อคอยเลยค่ะพี่”
แอสเทอเรียพูดเร่งทุกคน แล้วก็เป็นคนแรกเดินออกไปที่สนามหญ้า
เธอหยิบกุญแจนำทางรูปกระป๋องโค้กที่ถูกบี้แบนขึ้นมา เธอดูนาฬิกาอีกครั้งแล้วเร่งให้พวกเขารีบจับที่กุญแจนำทาง
และอีกไม่กี่วินาทีกระป๋องโค้กบี้แบนนั้นก็เรืองแสงพร้อมกับดึงตัวแฮร์รี่ให้เคลื่อนที่ไปอย่างเร็ว
เมื่อลืมตาอีกครั้งเขาก็ตกลงมาบนหิมะหนาหน้าบ้านหลังใหญ่มหึมา
ให้ตายสิตอนที่เขาได้ยินคำว่าสกีรีสอร์ท เขาคิดว่าจะเป็นเป็นบ้านพักทำจากไม้ซุงเล็กๆบนภูเขา
แต่บ้านตรงหน้าเขานี้แม้จะเล็กกว่าเวิร์ทวูดแมนชั่น
แต่ก็ยังถือว่าใหญ่โตเมื่อเทียบกับสิ่งที่อยู่ในความคิดของแฮร์รี่
“เลิกอึ้งแล้วเดินเข้าไปได้แล้วพอตเตอร์”
มัลฟอยตะโกนเรียกเขา
ชายหนุ่มรีบมองตามทั้งสามคนที่ตอนนี้ก้าวยาวๆมุ่งตรงไปที่ประตูทางเข้าแล้ว
ข้างในของรีสอร์ทนี้ก็ดูหรูหราไม่แพ้จากข้างนอกเลย
การตกแต่งเหมือนอยู่ในเมืองหนาวจริงๆ ทั้งพรมหนา แล้วก็เตาผิงใหญ่กลางห้อง ทันทีที่เขาเดินเข้ามาเอลฟ์ประจำบ้านก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชาร้อนๆ
เขาลอบสังเกตคนที่เหลือ มัลฟอยนั้นลากเดฟนีเข้าไปคุยด้วย ท่าทางของชายหนุ่มทำให้เขารู้ว่ามัลฟอยกำลังโกรธ
และเขาก็พอจะรู้ว่าคงเป็นเรื่องที่เดฟนีชวนเขามาโดยไม่ได้บอกใคร
ส่วนแอสเทอเรียนั้นเดินไปนั่งเงียบๆหน้าเตาผิง
เธอดูเหนื่อยอีกแล้ว เขาคิดอย่างเป็นห่วงขณะเดินเข้าไปหาหญิงสาว
“คุณดูไม่ดีเลย” แฮร์รี่พูดขึ้น
เสียงของเขาคงทำให้หญิงสาวตกใจเพราะเธอสะดุ้งโหยงแล้วหันมามองคนข้างตัว
ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันคิดเรื่องอื่นอยู่”
หญิงสาวรีบขอโทษ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย
แฮร์รี่มองคนตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
แอสเทอเรียที่เขารู้จักไม่ขอโทษเขาง่ายๆแบบนี้หรอก เมื่อคิดอย่างนั้นแฮร์รี่ก็หยุดนิ่ง...แอสเทอเรียที่เขารู้จักเหรอ...อย่างกับจะมีแอสเทอเรียสองคน
ชายหนุ่มดุตัวเองในใจ
“ผมเป็นห่วงคุณน่ะครับ
คุณหน้าซีดจัง”
“ฉันเหนื่อยน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
หญิงสาวส่งยิ้มมาให้เขา แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ถึงดวงตาของเธอ
“จะให้ผมไปเอาดาร์จีลิ่งกับน้ำผึ้งมาให้ไหมครับ
เผื่อจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น” แฮร์รี่เสนอ เขารู้ว่านั้นคือชาโปรดของหญิงสาว
เธอพยักหน้าเบาๆ
เขารีบเดินไปหาเอลฟ์แล้วสั่งชาให้แอสเทอเรียก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม
ทั้งมัลฟอยทั้งเดฟนียังคงกระซิบกระซาบใส่กันอยู่
“ถ้าคุณป่วยคุณก็ไม่น่าจะมาเลยนะครับ”
แฮร์รี่ยื่นชาให้หญิงสาว
และเมื่อมือพวกเขาสัมผัสกันเขาก็ต้องตกใจที่มือเธอเย็นเฉียบ จนทำให้เขาปล่อยมือจากถ้วยชา
เสียงแตกของแก้วน้ำชาดังลั่นห้องโถง โชคดีที่แอสเทอเรียไม่โดนน้ำร้อนลวก
ทั้งเขาและแอสเทอเรียรีบหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาทั้งคู่โดยสัญชาติญาณเพื่อเสกไล่เศษแก้วให้หายไป
แต่เธอก็ช้ากว่าเขา แฮร์รี่จัดการทำให้เศษแก้วพวกนั้นหายไปในพริบตา
“แอสเทอเรีย”
เสียงมัลฟอยตะโกนพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่วิ่งมาหาหญิงสาว เขารีบเข้ามาประคองเธอ
ถามไถ่ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง แล้วรีบเร่งให้เธอไปพักในห้องเสีย นั้นไม่ได้ดูแปลกเท่าไหร่
แต่ที่น่าแปลกก็คือมัลฟอยดูตกใจไม่น้อยที่เห็นไม้กายสิทธิ์ในมือของแอสเทอเรีย
เขารีบดุเธอว่าเธอไม่ควรใช้คาถา ...ทำไม...แฮร์รี่ถามตัวเอง
แอสเทอเรียป่วยเป็นอะไรกันที่ไม่ควรใช้คาถา
และอีกอย่างที่น่าประหลาดใจเป็นที่สุดสำหรับเขาก็คือ
ไม้กายสิทธิ์ของแอสเทอเรียไม่ใช่ไม้อันเดียวกับที่เขาเคยเห็นเธอใช้
แม้เขาจะไม่เคยเห็นมันใกล้ๆ แต่เขาแน่ใจว่ามันเป็นไม้สีดำสนิทกลมกลึงยาวอย่างน้อย 12 นิ้ว
แต่ไม้วันนี้ในมือของเธอกลับเป็นไม้สีน้ำตาลอ่อนเป็นตะปุ่มตะป่ำและสั้น
เป็นไปได้ด้วยหรือที่คนคนนึงจะเปลี่ยนไม้กายสิทธิ์ในเวลาไม่ถึงเดือน
และเธอไม่ได้มีอาการของคนที่ยังไม่คุ้นกับไม้ใหม่เลย
เธอจับมันเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งที่ติดมือเธอมาเป็นสิบๆปี
นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แอสเทอเรีย กรีนกราส ที่เขารู้จักเป็นใครกัน
########
เขาโกรธเดฟนีจนแทบอยากจะบีบคอเพื่อนสนิทให้ตายให้ได้
เดรโกคิดพร้อมกับลากเครื่องสกีไปตามลาน ยัยบ้านั้นต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ๆถึงได้ชวนพอตเตอร์มาด้วย
เขารู้ว่าเธอไม่เห็นด้วยลึกๆเรื่องที่เขาจะแต่งงานกับแอสเทอเรีย แต่เพราะเธอยังไม่มีทางออกที่ดีกว่านั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่เธอต้องคิดอะไรเอาไว้แน่ๆ...และมันต้องมีพอตเตอร์เข้ามาเอี่ยวด้วย...แต่ยังไงล่ะ
หรือว่าเป็นไปได้ที่เดฟนีจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับพอตเตอร์
เดรโกแน่ใจว่าเขาไม่เคยแสดงสีหน้าอะไรออกไป เดฟนีต้องไม่รู้แน่ๆ
ให้ตายสิแต่ถ้ายัยนั้นรู้แล้วบอกแอสเทอเรีย หล่อนคงไม่มีวันยอมแต่งกับเขา
เธอรักเขามากเกินกว่าจะให้เขาเสียสละตัวเองแบบนี้ แม้จะเป็นแค่ความรักที่ไม่มีทาง
สำหรับคนโรแมนติคอย่างแอสเทอเรียเธอคงยืนยันจะให้เขาลองพยายาม
ไม่ใช่ล้มมันซะตั้งแต่ยังไม่เริ่มอย่างที่เขาทำ
ยิ่งคิดเดรโกก็ยิ่งไม่เข้าใจ
หรือว่าเดฟนีจะชอบพอตเตอร์จริงๆนะ คิดแล้วชายหนุ่มก็เหล่มองไปที่คนในความคิด
มือปราบมารหนุ่มกำลังคุยอยู่กับท่านเดมิทริสอย่างออกรส ส่วนเดฟนีก็หันมาคุยกับแอสเทอเรีย
เธอไม่ได้ดูสนใจเขามากไปกว่าปกติเลย แต่ยังไงพอตเตอร์ก็ถือว่าเป็นหนุ่มฮอตแล้วยังมีชื่อเสียงอีกด้วย
แถมถ้าที่เขารู้มาไม่ผิด หมอนั้นรวยพอๆกับตระกูลกรีนกราสเลยด้วยซ้ำ
คิดแล้วเดรโกก็ทำหน้าเซ็ง
เหตุผลไหนของเดฟนีก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ เขาไม่อยากให้เดฟนีทำลายงานแต่งของเขา
หรือว่าจีบพอตเตอร์ ให้ตายสิเขาจะทนเห็นสองคนนั้นเป็นคนรักกันได้ยังไง
เขาคงอกแตกตายเสียก่อน เขารู้ว่าเขาควรจะตัดใจ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายๆอย่างที่คิด เขาเอาแต่เปรียบเทียบผู้ชายทุกคนที่เจอกับพอตเตอร์
แล้วก็ต้องเสียดายที่เขาไม่ได้รู้จักกับพอตเตอร์ให้เร็วกว่านี้
แถมเขายังอาการหนักขึ้นทุกวัน ข้อเสียทุกข้อที่เขาเคยคิดว่ามันแย่ของพอตเตอร์
อย่างไอ้นิสัยพูดตรงๆ ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย หรือแม้กระทั่งแว่นตาทรงประหลาดนั้น
เดี๋ยวนี้มันกลับดูน่ารักในสายตาเขาเสียนี้
เมื่อไหร่เขาถึงจะหยุดรักพอตเตอร์ได้นะ
#########
มัลฟอยมองมาทางเขาอีกแล้ว
แฮร์รี่คิดกับตัวเอง หมอนั้นคงคิดว่าเขาไม่เห็น แต่เล่นจ้องเขาเป็นนาทีเสียแบบนั้น
ถึงคนที่ประสาทช้าอย่างเขาก็ต้องรู้สึกตัวแหละ
แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือสายตานั้นมองเขาอย่างไหนกันนะ
...มิตร...หรือศัตรู...
แน่ๆคือมัลฟอยไม่ได้ทำตัวเป็นมิตรกับเขาเลยสักนิดเดียว
ยกเว้นแต่เวลาที่ลอบมอง เวลาอื่นแล้วชายหนุ่มผมทองทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนจนเขายังอยากจะดึงตัวอีกคนให้หันมามองหน้าเขาตรงๆ
แล้วบอกว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ด้วย ถึงคนที่เริ่มเกมส์นี้จะเป็นเขาก็เถอะ
แต่การถูกทำทีว่าโดนเมินแบบนี้กลับทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าอะไร
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องหงุดหงิดก็เถอะ
ชายหนุ่มต้องพยักหน้าทำเป็นสนใจบทสนทนากับคุณกรีนกราส
ขณะที่แอบเหล่มัลฟอยที่กำลังลากอุปกรณ์สกีขึ้นไปบนเนินสูง
ดูเหมือนคนเดียวที่สนุกกับการเล่นสกีก็คือมัลฟอย เขาเล่นไม่เป็นด้วยซ้ำ
ส่วนคุณกรีนกราสก็บอกว่าแก่เกินไปเสียแล้ว แอสเทอเรียก็ยังคงป่วยอยู่
และเดฟนีก็ขออยู่เป็นเพื่อนน้องสาวดีกว่า
ทำให้เขาข้องใจจริงๆว่านี้เป็นความคิดของใครที่จะมาเที่ยวสกีรีสอร์ท เดฟนีบอกเขาว่านี้เป็นกิจกรรมประจำปีของตระกูลกรีนกราส
และปีนี้ก็โชคดีที่ใกล้กับงานแต่งงาน
ทั้งเดรโกและแอสเทอเรียจะได้มาพักผ่อนกันก่อนที่จะแต่งงาน
พูดถึงงานแต่งแล้ว... แฮร์รี่สังเกตว่าทั้งแอสเทอเรียและมัลฟอยไม่ได้ดูตื่นเต้นกับงานแต่งที่กำลังจะมาถึงเลย
แอสเทอเรียยังคงดูซีดเซียว
ส่วนมัลฟอยก็...แน่ล่ะเขาเข้าใจว่าทำไมหมอนั้นถึงไม่ตื่นเต้น
แต่ท่าทางของทั้งคู่ที่เหมือนคนกำลังเดินเข้าพิธีประหารมากกว่าพิธีสมรสก็ทำให้เขาแน่ใจว่าเหตุผลที่มัลฟอยอ้างมันต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ
แต่อะไรล่ะที่ใหญ่พอที่จะทำให้คนสองคนทิ้งความสุขแล้วแต่งงานกัน
เขาเองก็ไม่กล้าถามอะไรกับเดฟนีเสียด้วย
เพราะเขาก็รู้สึกว่าเดฟนีเองก็แปลกๆอยู่เหมือนกัน
หญิงสาวคอยไล่ถามเขาเกี่ยวกับการคืนความทรงจำ
เธอรู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ลบความทรงจำของพ่อแม่ตอนที่ออกตามหาฮอร์ครักซ์กับเขา (เดลีโพรเฟ็ตที่ไปล้วงมาตีพิมพ์ได้ยังไงก็ไม่รู้
ทำให้เฮอร์ไมโอนี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเสียหลายสัปดาห์) และเธอก็คืนความทรงจำให้กับพ่อแม่ได้
เดฟนีพยายามขอให้แฮร์รี่ถามเรื่องนี้จากเฮอร์ไมโอนี่ แต่พอเขาถามกลับว่าเธอจะอยากรู้ไปทำไมเธอกลับไม่ตอบเขา
แน่นอนว่าเขาสัญญาว่าจะติดต่อกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่มันก็ทำให้เขาไม่ไว้ใจในตัวเดฟนี
การยุ่งเกี่ยวกับความทรงจำน่ะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ปกติคนที่อยากรู้เรื่องนี้มีแต่อาชญากรเท่านั้นแหละ
“ครับ”
แฮร์รี่ยิ้มรับกับคำพูดของคุณกรีนกราสอีกครั้ง
ก่อนจะเหลือบไปมองที่ยอดเนินสีขาวปลอด มัลฟอยขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว
และเริ่มไถลตัวลงมาทีละน้อย แต่หัวใจเขาก็ต้องตกลงไปที่ตาตุ่มเมื่อเห็นรอยแยกบนเนินหิมะและหิมะสีขาวบนยอดค่อยๆเคลื่อนตัวม้วนลงมา
หิมะถล่ม
ชายหนุ่มออกวิ่ง
ตายังมองตามร่างของมัลฟอยที่พยายามเคลื่อนที่หนีหิมะ
เสียงตะโกนจากข้างหลังบอกให้เขารู้ว่าคนอื่นรู้ตัวแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เขาก็ยังนอนใจไม่ได้ มัลฟอยไม่สามารถเลื่อนกลับมาทางลงปกติได้
หิมะที่ถล่มลงมาบังคับให้ชายหนุ่มต้องหนีไปอีกทาง และถ้าแฮร์รี่จำไม่ผิด
เส้นทางที่มัลฟอยกำลังมุ่งตรงไปนั้นมันเป็นเหว
เขาวิ่งไปทางเหวนั้นโดยไม่คิดชีวิตขณะกำไม้กายสิทธิ์แน่น เขาต้องเสกคาถาป้องกันให้โดนมัลฟอยก่อนที่หมอนั้นจะตกหน้าผา
และเขาต้องอยู่ใกล้พอด้วย
แฮร์รี่หายใจหอบหยุดที่ราวกั้น
มัลฟอยกำลังพุ่งมาที่เขาพร้อมกับหิมะหลายร้อยตันไล่หลังร่างโปร่งนั้นมาด้วย
เขาไม่มีเวลาคิดแล้ว แฮร์รี่รับร่างมัลฟอยเอาไว้
แล้วร่ายคาถาที่คิดไว้ในใจให้คลุมทั้งร่างเขาและมัลฟอย
ก่อนหิมะจะกวาดพวกเขาทั้งคู่ผ่านราวกั้นตกลงไปในหุบเขาเบื้องล่าง
#########
เดรโกลืมตาขึ้นช้าๆ
...ไม่เจ็บ... นั้นคือความคิดแรกในหัวของเขา ทำไมเขาไม่เจ็บกัน เขาแน่ใจว่าเขาตกลงมาพร้อมกับหิมะ
แต่เขากลับไม่เจ็บหรืออะไรเลย มีเพียงหิมะที่ทับตัวเขาเอาไว้เท่านั้น
แต่เขาไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกจากการตกเลย เสียงหายใจหอบข้างหูทำให้เดรโกรู้สึกตัว
เขาอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน
...คนที่ว่ามีดวงตาสวยที่สุดในโลกอีกด้วย... เขากระพริบตาช้าๆ
มองหน้าพอตเตอร์ในยามไร้แว่น
“ไม่เจ็บใช่ไหมมัลฟอย”
พอตเตอร์ถามออกมาเบาๆ ขณะพยายามเขม้นมองเขา ท่าทางนั้นดูตลกจนทำให้เขาอยากจะหัวเราะ
และเขาคงทำแล้วถ้าเขาไม่อยู่ในสถานการณ์ระหว่างความเป็นกับความตายอย่างนี้
ชายหนุ่มสั่นหน้า “ไม่ นายล่ะ”
เขาถามกลับ ความทรงจำก่อนตกเริ่มกลับมาหาเขาแล้ว
ให้ตายสิพอตเตอร์วิ่งไปรับเขาไว้แล้วตกลงมาด้วยกัน หมอนั้นมันบ้ารึไงนะ
“ฉันคิดว่าขาฉันหัก
นายมีไม้กายสิทธิ์ไหม” พอตเตอร์ถามพร้อมกับปัดหิมะออกจากหลังของเดรโก
เพราะหมอนั้นเล่นเอาตัวรองเขาไว้แบบนี้เขาถึงตกลงมาแบบไม่เจ็บอะไรเลย
พอตเตอร์คงร่ายคาถาป้องกันเอาไว้ด้วยพวกเขาถึงไม่บาดเจ็บมากกว่านี้
“ฉันไม่มี” เดรโกพูดเบาๆ
ใครจะไปคิดว่าจะต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ตอนเล่นสกีกันเล่า
อีกอย่างเขาจะพกทำไมให้เสี่ยงไม้หักเวลาล้มกลิ้ง “นายล่ะ”
เขาถามอย่างมีความหวังเพราะถ้าพอตเตอร์ร่ายคาถาหมอนั้นคงต้องมีไม้กายสิทธิ์แน่ๆ
แต่สีหน้าเจ้าตัวบอกให้เขารู้เลยว่าเขาต้องผิดหวัง
พอตเตอร์ยกมือข้างขวาขึ้นมา
มันยังคงกำไม้กายสิทธิ์เอาไว้ หรือถ้าให้ถูกก็คือครึ่งหนึ่งของไม้กายสิทธิ์ “ไม้ฉันหัก..แล้วก็ลุกขึ้นได้แล้วมัลฟอยนายตัวไม่เบานะ”
เดรโกหน้าร้อนขึ้นมาทันทีแล้วรีบสะบัดสกีที่เท้าออกแล้วดันตัวขึ้น
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะนอนทับพอตเตอร์เอาไว้นะ
เมื่อยืนขึ้นแล้วเขาก็ยื่นมือไปช่วยคนที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้น
พอตเตอร์ครางออกมาอย่างเจ็บปวดทันทีที่ทิ้งน้ำหนักลงบนเท้าข้างซ้าย
เขาดูออกมาข้อเท้าข้างนั้นมันบิดอย่างผิดรูป
เขารีบเข้าไปพยุงพอตเตอร์ก่อนที่ชายหนุ่มจะล้มลงไปอีกครั้ง เดรโกมองฟ้าอย่างเป็นห่วง
เขาจะทำยังไงต่อดี ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขาไม่มีไม้กายสิทธิ์เอาไว้ป้องกันตัวด้วย
และไม่รู้ว่าจะมีคนเจอเขารึเปล่า เดรโกรู้ว่าพวกกรีนกราสต้องออกตามหาเขาแน่ๆ
แต่เขาเองก็ถูกซัดมาไกลจากหน้าผาอยู่โข
และเขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามีใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
ดูเหมือนพอตเตอร์เองก็คิดอย่างเดียวกับเขา
“เราต้องหาที่หลบ”
พอตเตอร์พูดสั้นๆ แล้วลากให้เขาออกเดิน
“เดี๋ยวสิพอตเตอร์คิดก่อนสิ
ถ้าเราออกเดินทีมค้นหาจะยิ่งหาเรายากขึ้นนะ”
เดรโกขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินไปพร้อมกับพอตเตอร์
ชายหนุ่มผมดำถอนหายใจแล้วใช้มือข้างที่วางพาดบนไหล่ดันหน้าเขาให้มองตัวเอง
“ถ้านายอยู่กับฉันรับรองว่าอยู่ไหนก็มีคนหาเจอ เพราะมือปราบมารทุกคนมีคาถาติดตามบอกให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนตลอดเวลา
แล้วฉันเชื่อว่าคุณกรีนกราสต้องรู้เพราะเขาเคยเป็นมือปราบมาร”
เดรโกกลืนน้ำลาย แล้วพยักหน้าตาม
ทางรอดที่ดีที่สุดทางเดียวของเขาตอนนี้คือเกาะติดกับพอตเตอร์
“ก็ได้
แต่นายรู้เหรอว่าจะเดินไปทางไหน”
พอตเตอร์กลอกตาแล้วชี้ไปทางที่ป่าถูกตัดออกจนเหมือนทางเดิน
“ตาบอดรึไงครับคุณชายมัลฟอย
ขนาดผมไม่ได้ใส่แว่นยังเห็นเลยว่าป่าแหวกเป็นทางแบบนั้นต้องนำไปที่ไหนสักแห่งอยู่แล้ว
บางทีเราอาจจะเจอบ้านคนด้วย”
เออเห็นก็ได้! แล้วก็ไม่เห็นต้องพูดประชดประชันอย่างนั้นเลยนี้
เดรโกคิดอย่างหงุดหงิดแต่ก็ค่อยๆพยุงพอตเตอร์ให้เดินไปช้าๆ
พร้อมกับลอบมองข้อเท้าของอีกคนอย่างเป็นห่วง
หลังจากเดินมาสักพัก
พวกเขาก็เห็นกระท่อมเล็กๆที่สุดทางเดิน เดรโกถอนหายใจอย่างโล่งอก หวังว่าจะเป็นผู้วิเศษนะ
แต่ถึงเป็นมักเกิ้ลก็ไม่ได้แย่หรอก
เจ้าของกระท่อมนั้นคงมีทางพาพวกเขาออกไปจากป่านี้
แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังเมื่อเดินมาถึง
มันปิดสนิทไม่มีแสงไฟหรือความอบอุ่นจากข้างในเลย บ่งบอกว่าไม่มีคนอยู่ข้างใน
แถมเมื่อเขาพยายามจะเปิดประตูก็ล๊อคสนิท
“เฮ้อ
อย่างน้อยๆที่นี่มันคงดีกว่าอยู่ในป่าล่ะนะ” เดรโกหันมาพูดกับคนข้างตัว
แต่พอตเตอร์กลับไม่ได้สนใจเขา ชายหนุ่มมองลูกบิดประตูเหมือนชั่งใจ
ก่อนจะยื่นมือไปตรงลูกบิดนั้นแล้วสูดหายใจลึกก่อนจะพูดออกมา
“อะโลโฮโมร่า” เสียงกริ๊กเบาๆ
บ่งบอกว่าคาถาของพอตเตอร์ได้ผล
“นายใช้เวทมนตร์แบบไร้ไม้กายสิทธิ์ได้!!” เดรโกหันไปตะโกนใส่คนข้างตัว
แล้วพยายามบอกตัวเองว่าอย่าอิจฉาเด็ดขาด แต่มันก็ยากเต็มที ให้ตายสิ
พอตเตอร์ต้องทรงพลังแค่ไหนเนี้ยถึงสามารถใช้คาถาโดยไม่ต้องผ่านไม้กายสิทธิ์ได้นี้
“เร็วสิพอตเตอร์
ใช้คาถาขอความช่วยเหลือ”
พอตเตอร์กลับส่ายหน้าแล้วเดินตรงเข้าไปในกระท่อมมืดๆแทน
“ฉันทำได้แต่คาถาง่ายๆเว้ย แล้วถ้ายังไม่อยากแข็งตายก็ตามเข้ามาเร็วเข้า”
เดรโกถอนหายใจ บางทีอาจจะไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้นก็ได้
“นายจุดไฟได้ไหม”
เขาถามหลังจากเดินเข้ามาข้างใน ซึ่งเป็นแค่หนึ่งห้องกว้างๆ
แม้จะไม่ได้อยู่กลางป่าอีกแล้ว แต่ข้างในก็ไม่ได้อุ่นกว่าข้างนอกซักเท่าไหร่เลย
และยิ่งใกล้มืดเท่าไหร่ก็ยิ่งเย็นขึ้นเท่านั้น
พอตเตอร์ไม่ตอบแต่เลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่เขาไม่เคยเห็น
“ได้สิคุณหนูมัลฟอย แต่ฉันต้องมีฟืน”
เดรโกหันไปมองรอบๆกระท่อมมืดๆนี้
เขาไม่เห็นท่อนฟืนเลย ดูเหมือนที่นี่จะถูกทิ้งร้างเอาไว้นานเสียจนไม่เหลืออะไรแล้ว
“ไม่ต้องมองหา
ฉันเห็นแล้วว่าไม่มี ที่ฉันพูดหมายความว่านายต้องออกไปหาฟืน”
“จะบ้าเหรอพอตเตอร์
นี้จะมืดอยู่แล้ว ใครจะกล้าออกไปเดินแบบนี้” เดรโกพูดอย่างหงุดหงิด
อีกอย่างหิมะตกแบบนี้ไม้ในป่าคงชื้นจนใช้เป็นฟืนไม่ได้หรอก
แล้วนี้เขาต้องทนหนาวไปจนกว่าจะมีคนมาเจอเหรอเนี้ย คิดแล้วเดรโกก็ใช้มือลูบแขนของตัวเอง
เสื้อกันหนาวของเขาเปียกชุ่มจากหิมะจนทำให้เขาต้องถอดมันทิ้ง
และพอตเตอร์ก็ไม่ต่างกัน
...ที่จริงทำไมเขาถึงเดินผ่านป่าโดยไม่มีเสื้อกันหนาวมาตั้งนานโดยไม่หนาวนะ...
คิดแล้วเดรโกก็ทำตาโตก่อนจะก้าวยาวๆไปจับตัวพอตเตอร์
และเป็นอย่างที่เขาคิดทันทีที่เขาจับตัวหมอนั้นทั้งร่างเขาก็อุ่นขึ้นมาทันที
“นายใช้คาถาเสกให้ตัวเองอุ่นนี้”
เดรโกพูดอย่างกล่าวหา แล้วนั่งลงข้างๆพอตเตอร์ปล่อยให้แขนแตะร่างพอตเตอร์ไว้
แต่พอตเตอร์กลับขยับหนีแล้วหันมามองเขาด้วยสายตาที่เขาอ่านไม่ออก
“ใช่มัลฟอย ฉันจะใช้กับนายก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันมีทางเลือกให้นายสามทาง
ทางที่หนึ่งนายก็นั่งทนหนาวไป ทางที่สองออกไปหาฟืนซะ” พอตเตอร์หรี่ตามองเขา “หรือว่าทางที่สามฉันจะยอมให้นายจับตัวให้นายแบ่งใช้คาถา
ถ้านายตอบคำถามของฉัน หนึ่งคำตอบ ต่อหนึ่งชั่วโมง”
“นายจะเลือกอะไรมัลฟอย”
########
Note: ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยค่ะ กรี๊ดดีใจที่มีคนอ่าน >< ขอบคุณที่อดทนอ่านกันมาตั้งนาน ตอนนี้ก็ปาไปแล้ว 120 หน้า A4 แต่คุณแฮร์รี่และคุณเดรโกของเราก็ยังไม่ได้แม้แต่จะทำอะไรกุ๊กกิ๊กกันเลย คาดว่าคนอ่านคงอึดอัดไม่น้อย ขอโทษนะค้า
สารภาพว่าตอนต่อไปเนี้ย ตอนเขียนโครงเนี้ยจะเป็นตอนที่มีเรท แต่หลังจากลองแล้ว เราเขียนฉากแบบนั้นได้แบบเอ่อ...ไม่ได้เรื่องเลยสักนิดเดียว 555 ตอนนี้ก็เลยไม่เอาละแล้วปลอบใจตัวเองว่าต้องค่อยเป็นค่อยไปสิ ผ่านมา 6 ตอนยังไม่เคยจูบกันเลยแล้วจะมาตอนที่ 7 ทำอะไรกันได้ไงยะ
ความคิดเห็น