ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Story in Reverse (HP/DM)

    ลำดับตอนที่ #6 : 5.2 Dangerous Liaison

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 59


                    เขาตัดสินใจแล้วว่าจะจีบแอสเทอเรีย กรีนกราส และแผนอันดับหนึ่งของเขาก็คือทำตัวติดกับเดรโก มัลฟอย เพื่อล้วงข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพราะดูเหมือนว่าอดีตคู่อริของเขานี้แหละที่คงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแอสเทอเรียดีที่สุด ดังนั้นวันนี้เลยเกิดเหตุการณ์สุดประหลาดที่ทำให้คนทั้งกระทรวงเวทมนตร์ต้องหันมามอง เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่งกินข้าวกับเดรโก มัลฟอยในห้องอาหารของกระทรวงเวทมนตร์

                    และแม้ว่าหนุ่มผมทองจะทำหน้าหงิกไล่เขาขนาดไหน แต่เขาก็ไม่ยอมถอยง่ายๆหรอก

                   

                    “ตกลงมีอะไรรีบพูดมา ฉันต้องมีประชุมกับท่านรองเลขานุการกองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์เพื่อคุยเรื่องวิสกี้สำหรับงานแข่งวิ่งม้าอแบรกซานหลังจากนี้ต่อ” มัลฟอยพูดพร้อมทำหน้าเซ็ง ก่อนจะบ่นเรื่องความไร้ประสิทธิภาพของกระทรวงเวทมนตร์ที่ทำให้เขาต้องมาใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่นี่แทนที่จะได้กลับไปทำงานทำการ

     

                    “แล้วทำไมถึงไม่ให้ลูเซียสติดต่อกับท่านเลขาซะเลยหล่ะ ฉันรู้นะว่าพ่อนายสนิทสนมมีพระคุณกับเลขาของกองนี้อยู่” แฮร์รี่อดถามไม่ได้

     

                    มัลฟอยทำตาถลนใส่เขา พร้อมตอบเสียงเข้ม “นี้นายจำเอาไว้นะว่าพระคุณหรือความสนิทสนมก็มีวันหมดอายุหากเล่นใช้บ่อยๆ งานนี้วิสกี้ของฉันสามารถเอาชนะได้ใสๆไม่ต้องใช้ผู้ใหญ่ แค่ไม่คิดว่ามันจะต้องเสียเวลาขนาดนี้ แถมยังต้องมาเจอนายเกาะติดอีก นี้ไม่อายเขารึไงคนมองทั้งโรงอาหารแล้วคิดไงวะมานั่งกินข้าวกับฉันเนี้ย”

                    “แล้วมีธุระอะไร” มัลฟอยเร่งอีกครั้ง ก่อนจะจิ้มมะเขือเทศในสลัดเข้าปาก  

     

                    แฮร์รี่ยักไหล่ คนจะมองก็ช่างสิ “นายก็รู้ว่าเรื่องอะไร” แฮร์รี่พูดเบาๆ “ก็เรื่องเธอน่ะ”

     

                    ทันทีที่ได้ยินธุระที่ว่าของแฮร์รี่ คนฟังก็ดูหมดอารมณ์ในการกินทันที มัลฟอยวางส้อมลงแล้วทำหน้าที่เขาเดาอารมณ์ไม่ออก แบบเดียวกับวันที่เขาสารภาพให้หมอนั้นฟังเลย ไม่ใช่ทั้งโมโห หงุดหงิด หรือรำคาญ สามสีหน้าปกติที่มัลฟอยทำกับเขา

                    “บอกแล้วไงว่าช่วยไม่ได้”

     

                    “นายหวงก้างนี้หน่า ทั้งๆที่นายก็ไม่ได้ชอบผู้--” แฮร์รี่กล่าวหาอีกคน

     

                    “พอตเตอร์!” มัลฟอยรีบตะโกนขึ้นก่อนที่แฮร์รี่จะพูดจบ ตาสีเทาส่งมาเตือนเขา อ้อเขาเกือบลืมไปเลยว่าหมอนี้ยังไม่ได้ประกาศตัว

                    ...เดี๋ยวสิ...นี้เป็นโอกาสของเขานี้ แฮร์รี่คิดในใจ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำมันกึ่งๆแบล็คเมล์ก็ตาม แต่เขาไม่ได้ข่มขู่รีดไถอะไรจากมัลฟอยเลยนะ แค่ให้หมอนั้นยอมเปิดปากเรื่องแอสเทอเรียเท่านั้นเอง

     

                    “มัลฟอยถ้าไม่อยากให้ฉันพูดออกไปนะ...บางทีนายก็น่าจะเริ่มตอบคำถามฉันได้แล้ว” แฮร์รี่พูดช้าๆ หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนทุกครั้งที่เขาทำอะไรผิด เขารู้น่าว่าไม่ดี แต่เขาก็ไม่ได้มีตัวเลือกมากนักหรอกน่า

     

                    คนตรงหน้าอ้าปากค้าง พร้อมกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะก้มหน้าแล้วหัวเราะลั่น ปฏิกิริยาของมัลฟอยไม่เหมือนที่เขาคาดเลยสักนิด แฮร์รี่ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

                    “พระเจ้า! พอตเตอร์ นี้นายเพิ่งแบล็คเมล์ฉันเหรอ นายแฮร์รี่ พอตเตอร์ วีรบุรุษ สุดยอดกริฟฟินดอร์ ตัวแทนแห่งความดีงามทั้งหลายทั้งปวงในโลกหล้า เพิ่งแบล็คเมล์ฉันคนนี้ ที่เป็นทั้งสลิธีริน มัลฟอย แล้วก็ผู้เสพความตาย”

     

                    แฮร์รี่อดหน้าแดงไม่ได้ “ฉันไม่ได้ดีขนาดนั้นซะหน่อย”

     

                    “ไม่กลัวเลยสักนิดพอตเตอร์ โอเคบทเรียนนี้ฟรีนะ ฟังให้ดีๆถ้านายจะแบล็คเมล์ใคร นายต้องทำให้คนที่นายแบล็คเมล์เชื่อว่านายจะทำจริง แล้วฉันไม่เชื่อว่าคนอย่างนายจะกล้าประกาศเรื่องของฉัน” มัลฟอยพูดยิ้มๆ อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

     

                    แฮร์รี่รู้ว่าที่หมอนั้นพูดน่ะจริง ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าไอ้เฟอเร็ตแค่ไหน แต่เขาไม่กล้าจะไปป่าวประกาศเรื่องส่วนตัวที่ขนาดเจ้าตัวยังไม่อยากบอกใครเลยหรอก โธ่เอ๊ย ทำไมคนอย่างมัลฟอยต้องอ่านเขาขาดขนาดนี้ด้วยนะ

     

                    “เพื่อเห็นแก่ความพยายามของนายนะพอตเตอร์ ฉันมีคำแนะนำสั้นๆให้” มัลฟอยพูดพร้อมกับวางส้อมลงบนจานสลัดที่ว่างเปล่า “ตัดใจซะเถอะ แอสเทอเรียไม่มีวันชอบนาย” พูดจบร่างโปร่งก็หยิบจานเปล่าขึ้นแล้วเดินออกไป ทิ้งให้แฮร์รี่นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออกอยู่คนเดียว

    .

    .

    .

                    “พอตเตอร์ถ้านายยังตามฉันทุกครั้งที่ฉันมาที่กระทรวงฉันจะไปบอกโรบาดส์ว่านายเป็นพวกโรคจิตชอบตามแล้วปิดทุกโอกาสที่นายจะได้เป็นมือปราบมารอาวุโสเลย” มัลฟอยพูดขึ้นทันที่เห็นหน้าเขา ร่างโปร่งรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพื่อให้เข้าไปในลิฟท์ได้ทัน แต่มีหรือแฮร์รี่จะยอมง่ายๆ เขายกไม้กายสิทธิ์ขึ้นแล้วพึมพำคาถาเบาๆ ส่งผลให้ร่างโปร่งนั้นลื่นล้มก้นกระแทกก่อนจะเดินไปถึงลิฟท์

     

                    “ช่วยมะ” แฮร์รี่เดินมาถึงพร้อมกับแสร้งยิ้มแล้วยื่นมือให้อีกคน ตาสีเทาเป็นประกายขณะมองเขา ปากอิ่มๆนั้นก็สาปส่งเขาไปด้วย พร้อมกับพยายามยันตัวขึ้น แฮร์รี่รู้ว่าหมอนั้นไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก เพราะก่อนที่มัลฟอยจะกระแทกพื้นเขาเสกคาถาฟูกนุ่มไปรับก่อนแล้ว

                    “แล้วฉันก็จำบทเรียนที่นายสอนฉันได้นะมัลฟอย ฉันไม่กลัวสักนิด ไม่เชื่อหรอกว่านายจะไปบอกกาเวน” แฮร์รี่พูดยิ้มๆ ขณะก้มลงช่วยเก็บแฟ้มที่กระจัดกระจาย

     

                    “โอ๊ย พอตเตอร์นี้ ฉันก็ตอบคำถามนายไปตั้งเยอะแล้วไม่ใช่รึไง” มัลฟอยพูดอย่างหงุดหงิด ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ร่างโปร่งบอก หลังจากวันนั้นที่โรงอาหารถ้ามัลฟอยคิดว่าเขาจะยอมถอย หมอนั้นก็เข้าใจผิดถนัด เพราะทุกครั้งที่มัลฟอยมีเรื่องต้องมากระทรวงเวทมนตร์ (ซึ่งก็บ่อยเสียด้วย เพราะหมอนั้นต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในการทำธุรกิจหลายประเภทตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์จนถึงโรงกลั่นเหล้า) เขาก็จะรีบหาเวลาว่างมาประกบตัวมัลฟอยและเค้นเอาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของแอสเทอเรีย โชคดีที่โรบาดส์สั่งให้เขากลับไปทำคดีฉ้อฉล หัวหน้าคงอยากทดสอบความอดทนของเขาว่าจะทำคดีที่ไม่ต้องลุยไปได้นายสักเท่าไหร่ เขาก็เลยอยู่กระทรวงเกือบทุกวัน ไล่ตามตัวเลขในบัญชีของผู้ต้องสงสัย กับไล่ตามเดรโก มัลฟอย

                    “คราวนี้อยากรู้อะไรอีกล่ะ ครั้งก่อนนายก็ถามเรื่องดอกไม้ แล้วก็อาหารไปแล้ว” แฮร์รี่พยักหน้าตาม แอสเทอเรียชอบดอกลิลลี่ อาหารโปรดของเธอคือซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส ทั้งๆที่เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นขนมหวานแน่ๆ เพราะทุกครั้งที่เขากินอาหารกับเธอ หญิงสาวต้องตาเป็นประกายเวลาเสิร์ฟของหวาน แล้วพอเขาบอกมัลฟอยแบบนั้น เจ้าตัวกลับทำหน้าแดงแล้วรีบพูดอ้อมแอ้มว่าไม่หรอกน่า แอสเทอเรียไม่ได้ชอบของหวานหรอก ดูไม่น่าเชื่อเลยสักนิดเดียว

                    “แล้วก็อย่าลืมว่าฉันไม่รู้สเป็คผู้ชายที่น้องชอบ” นั้นเป็นคำถามแรกของแฮร์รี่ที่โดนมัลฟอยด่าเปิงว่าเขาจะรู้ได้ยังไงว่าแอสเทอเรียชอบแบบไหน

     

                    “ถ้าฉันชวนแอสเทอเรียไปเกมส์ควิดดิชเธอจะไปไหม”

     

                    มัลฟอยกลอกตา พร้อมกับทำเสียงพึมพำภาวนาให้ลิฟต์มาเร็วๆ แต่ลิฟท์ของที่กระทรวงก็เก่าแก่พอๆกับกระทรวง แถมยังทำงานได้ช้าพอๆกันอีกด้วย เพราะฉะนั้นมัลฟอยต้องติดแหงกตรงนี้กับเขาไปอีกสักพักเลยล่ะ

                    “ก็คงไปแหละ ถ้านายยอมให้เธอเอาหนังสือไปด้วยนะ แต่นายจะชวนเธอไม่ทำไม น้องไม่ได้ชอบควิดดิชสักหน่อย” มัลฟอยพูดพร้อมส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นลิฟท์มาหยุดตรงหน้า ร่างโปร่งรีบก้าวฉับๆเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่ต้องการส่วนแฮร์รี่ก็ตามเข้าไปกดชั้นสอง

     

                    “จริงเหรอ แต่เธอเล่นควิดดิชได้ดีมากเลยนะ นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า” แฮร์รี่พูดต่อหลังจากลิฟท์เริ่มเคลื่อนแล้ว

     

                    “นั้นไม่ใช่—“ มัลฟอยถอนหายใจ “ฉันหมายความว่าน้องอาจจะบินได้ แต่ก็ไม่ชอบไปดูเกมส์ควิดดิชที่สนาม คนก็เยอะ เสียงก็ดัง”

     

                    “เหรอ เสียดาย ฉันอุตส่าห์ได้ตั๋วชั้นพิเศษของเกมส์ระหว่างฟาลคอนกับแมกไพน์” แฮร์รี่คิดอย่างเซ็งๆ ตั๋วที่ว่าเขาต้องหาทางตามล่าอย่างยากลำบากเพราะเป็นเกมส์ที่ใครๆต่างก็อยากไป

     

                    มัลฟอยหันมามองเขาขวับ “นายมีตั๋วเหรอ”

     

                    “เออ ชวนรอนไปแทนก็ได้” แฮร์รี่พูดอย่างเซ็งๆ

                    “เฮ้ยกดปุ่มหยุดลิฟท์ทำไม” ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมลิฟท์ที่ตอนนี้มือค้างอยู่ที่ปุ่มหยุดฉุกเฉิน

     

                    “ฉันมีข้อเสนอทางธุรกิจมาให้นายนะพอตเตอร์” มัลฟอยพูดตาเป็นประกาย “ฉันจะตอบทุกคำถามของนาย ถ้านายให้ตั๋วของนายกับฉัน”

     

                    แฮร์รี่หยุดคิด “สองใบเลยเหรอ” เขาถามอย่างเสียดาย

     

                    “ใบเดียวก็ได้เจ้าบ้า แต่อีกใบนายห้ามเอาไปให้วีสลีย์เด็ดขาด ฉันไม่ยอมนั่งติดกับหมอนั้นตลอดเกมส์แห่งปีหรอกนะเว้ย” มัลฟอยพูดอย่างเหลืออด

     

                    ชายหนุ่มเม้มปาก เขาไม่ได้คิดจะให้ใครอยู่แล้ว เพราะเขาเองก็อยากไปดูเกมส์ที่ว่า แต่ถ้าเขาตกลงก็เท่ากับว่าเขาไปดูกับมัลฟอยน่ะสิ

                    “ตกลง เจอกันที่หน้าสนามกีฬาเสาร์นี้เก้าโมง” แฮร์รี่ตอบออกมาในที่สุด เอาวะคิดซะว่ามัลฟอยมันบังเอิญซื้อที่นั่งข้างๆก็แล้วกัน

                    “แล้วจบเกมส์นายต้องตอบทุกคำถามเลยด้วย ไม่งั้นฉันจะลากนายไปผูกติดไว้กับเสาหน้าสนามกีฬาทิ้งไว้ทั้งคืนแน่ อย่าคิดว่าฉันจะไม่เอาจริงนะเว้ย”

     

                    มัลฟอยหรี่ตามองเขาก่อนจะพยักหน้าตกลงแล้วปล่อยให้ลิฟท์เคลื่อนที่อีกครั้ง

                    ...ให้ตายสิ...เมื่อไหร่เขาจะเริ่มอ่านสีหน้าของมัลฟอยออกกันนะ ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิดขณะมองคนข้างตัว

    .

    .

    .

                    วันเสาร์มาถึงเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แฮร์รี่ยืนกระสับกระส่ายหน้าสนามกีฬา ถ้าหมอนั้นสายนะเขาจะเข้าไปโดยไม่รอจริงๆด้วย ชายหนุ่มคิดแล้วมองนาฬิกาอีกครั้ง และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ร่างสูงโปร่งในเสื้อเสวตเตอร์สีเทาเข้มก็เดินตรงมาที่เขา

                    ...นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมัลฟอยในชุดลำลอง...แฮร์รี่คิดในใจ ทุกครั้งที่เจอกันมัลฟอยจะอยู่ในชุดสูทเต็มยศหรือไม่ก็ชุดเสื้อคลุมแบบพ่อมด แต่เขาไม่เคยเห็นมัลฟอยในแบบนี้มาก่อนเลย ผมสีทองปล่อยอย่างยุ่งๆ เสวตเตอร์สีเทาเข้มพอดีแล้วก็กางเกงสีขาวปลอดพอดีตัวที่ทำให้คนใส่ดูขายาวเป็นไมล์ๆ

                    “นายเชียร์แมกไพน์เหรอ” มัลฟอยพูดขึ้นทันทีที่หยุดหน้าแฮร์รี่ ตาสีเทามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ขณะที่มัลฟอยอยู่ในชุดสีเทาขาวสีประจำของทีมฟาลคอน เขาก็ใส่เสื้อสีดำมีสัญลักษณ์นกแมกไพน์กลางหน้าอก เขาน่าจะเดาออกว่าเขากับมัลฟอยต้องเชียร์ทีมตรงกันข้าม พวกเขาจะมีชอบอะไรตรงกันบ้างไหมเนี้ย

                    ...ก็ควิดดิชไง...เสียงในหัวแฮร์รี่ตอบ ซึ่งก็จริง แต่ใครกันล่ะที่ไม่ชอบควิดดิช

     

                    “เอ้าเข้าไปได้แล้ว จะเริ่มแล้ว” แฮร์รี่ไม่อยากเสียเวลาตอบคำถามในเมื่อคำตอบก็ชัดเจนอยู่บนเสื้อของเขาแล้ว

                    “อย่าร้องไห้ล่ะคุณหนูมัลฟอยเวลาฟาลคอนแพ้” แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกเย้าอีกคน

     

                    “ฝันไปเถอะพอตเตอร์” มัลฟอยพูดพร้อมกระชากตั๋วไปจากมือแฮร์รี่ แล้วเดินอาดๆเข้าไปในสนาม

     

                    และเขาก็รู้ว่าเวลาแพ้มัลฟอยไม่ได้ร้องไห้ แต่หมอนั้นสบถ สบถหนักเสียจนเขาข้องใจว่าคุณชายตระกูลสูงอย่างนั้นไปเรียนรู้วิธีการพูดหยาบเป็นชุดแบบนั้นมาจากไหนกัน แต่นอกจากอาการปวดหัวที่ต้องทนฟังร่างโปร่งบ่นเป็นชุดยาวจากสนามกีฬาจนถึงคาเฟ่ที่เขาจะมาทานอาหารกัน ต้องบอกว่าเช้าวันนี้แฮร์รี่สนุกมากทีเดียว เขาคิดว่ามัลฟอยคงน่ารำคาญที่จะมาดูกีฬาด้วย แต่การดูกับมัลฟอยกลับสนุกกว่าที่เขาคิด หมอนั้นรู้เรื่องควิดดิชเป็นอย่างดีและไม่ลังเลที่จะโชว์ภูมิให้แฮร์รี่รู้โดยเล่าทุกอย่างตั้งแต่ใครเพิ่งโดนซื้อ ใครกำลังจะโดนขาย ใครเจ็บ ใครเล่นดี ใครเล่นเสีย สถิติเป็นเท่าไหร่บ้าง มันทำให้เขารู้สึกว่าถ้าเฮอร์ไมโอนี่ชอบควิดดิชเธอก็คงเป็นเหมือนมัลฟอยนี้แหละ

     

                    “ยิ้มอะไรพอตเตอร์ ยิ้มที่เห็นฉันเจ็บปวดใช่ไหม” มัลฟอยพูดพร้อมกับยกกาแฟร้อนขึ้นมาจิบ แล้วจิ้มเค้กอย่างหงุดหงิด เป็นอีกครั้งแล้วที่แฮร์รี่เห็นมัลฟอยเริ่มมื้ออาหารด้วยของหวานแทนที่จะเป็นของคาวเหมือนชาวบ้านคนอื่น

     

                    “เปล่าแค่กำลังคิดว่านายเหมือนเฮอร์ไมโอนี่” สิ้นคำแฮร์รี่ คนที่กำลังเคี้ยวเค้กตุ้ยๆก็ไอโขลกๆอย่างคนที่มีอะไรติดคอ ทำให้เขาต้องรีบยื่นน้ำให้มัลฟอย กลัวว่าหมอนั้นจะตายคาโต๊ะเสียก่อนได้ตอบคำถามเขา

     

                    “นี้นายล้มหัวกระแทกรึเปล่าเมื่อเช้า”

     

                    แฮร์รี่หัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าแล้วหันไปจัดการแซนด์วิชในมือเขาต่อ เขายอมรับว่าการใช้เวลากับมัลฟอยก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก

     

                    และเมื่อถึงเวลาตอบคำถามมัลฟอยก็พยายามตอบทุกคำถามโดยไม่อิดออด สิ่งที่ทำให้แฮร์รี่ประหลาดใจกลับไม่ใช่เรื่องที่มัลฟอยไม่ตุกติก (เขารู้อยู่แล้วว่าหมอนั้นไม่ได้เล่นสกปรกแบบตอนเด็กๆอีกแล้ว) แต่กลับเป็นสิ่งที่มัลฟอยบอกเขาเกี่ยวกับแอสเทอเรีย หญิงสาวที่ออกจากปากของมัลฟอย กับคนที่อยู่ในความทรงจำของแฮร์รี่ต่างกันมากมายเหลือเกิน แอสเทอเรียไม่ชอบวิชาเล่นแร่แปรธาตุ เธอไม่ได้สนใจมันเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่แฮร์รี่ยืนยันว่าเขาเห็นเธออ่านหนังสือเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุทุกวัน เธอแพ้แอปเปิ้ล แต่แฮร์รี่ก็แน่ใจว่าเขาเคยเห็นแอสเทอเรียเคี้ยวแอปเปิ้ลกร้วมๆทั้งผล เธอไม่พูดคำหยาบ เธอไม่ได้สนิทกับตระกูลแครบ จนเขาชักไม่แน่ใจว่าเขารู้จักแอสเทอเรียจริงๆหรือเปล่า เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของแฮร์รี่ มัลฟอยก็คงสงสารเขา เพราะคราวนี้หมอนั้นกลับไม่ได้บอกว่าให้เขาตัดใจ แต่กลับแค่สั่งชาให้เขาแล้วนั่งเงียบๆ

    .

    .

    .

                    ทันทีที่แฮร์รี่ไปถึงสำนักงานมือปราบมารในเช้าวันจันทร์ โน้ตจากโรบาดส์ก็สั่งให้เขาเข้าไปพบ เขาแน่ใจว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรเร็วๆนี้ ทำไมโรบาดส์ถึงได้อยากพบเขากันนะ

     

                    “มีอะไรหรือครับ” แฮร์รี่เดินเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้า

     

                    “นั่งลงสิพอตเตอร์” โรบาดส์สั่ง ใบหน้าของชายชราไม่ได้ดูโมโหแต่อย่างใด

                    “ไม่ต้องกลัวพอตเตอร์ นี้ไม่ได้เรียกมาด่า” โรบาดส์พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “นายทำงานได้ดีมากสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันอ่านรายงานคดีของนายแล้ว แล้วมือปราบมารคนอื่นก็บอกว่านายไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่ใครด้วย”

     

                    นั้นชมเหรอ แฮร์รี่คิดในใจ เอาวะสำหรับโรบาดส์นั้นก็คงเรียกว่าชมแล้ว

     

                    “เพราะฉะนั้นปีนี้ฉันกับท่านรัฐมนตรีเห็นชอบที่จะให้เธอเป็นหนึ่งในตัวแทนของสำนักงานมือปราบมารร่วมงานกาล่าการกุศลประจำปีของกระทรวง” โรบาดส์พูดพร้อมกับยื่นบัตรเชิญให้เขา สายตามองเขาเขม็ง หนึ่งในอีกบททดสอบสำหรับเขาสินะ แฮร์รี่คิดในใจ โรบาดส์อยากให้แน่ใจว่าเขาสามารถไปงานแบบนี้ได้ หากเขาจะเป็นมือปราบมารอาวุโสเขามีโอกาสที่ต้องไปเป็นตัวแทนของสำนักงาน หากเป็นเขาเมื่อก่อนคงโวยวายกับโรบาดส์ไปแล้ว เพราะเขาไม่ถูกโรคกับงานแบล็คไทน์ทางการแบบนี้เป็นที่สุด แต่มันก็ไม่มีทางเลือกไม่ใช่หรือ อีกอย่างนี้เป็นโอกาสดีที่แฮร์รี่จะได้ใช้บทเรียนที่เรียนกับแอสเทอเรียในชีวิตจริงด้วย

     

                    ชายหนุ่มยิ้มรับบัตรเชิญจากมือหัวหน้า

                    “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”   

     

    ######### 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×