คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5.2 Dangerous Liaison
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะจีบแอสเทอเรีย
กรีนกราส และแผนอันดับหนึ่งของเขาก็คือทำตัวติดกับเดรโก มัลฟอย
เพื่อล้วงข้อมูลให้ได้มากที่สุด
เพราะดูเหมือนว่าอดีตคู่อริของเขานี้แหละที่คงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแอสเทอเรียดีที่สุด
ดังนั้นวันนี้เลยเกิดเหตุการณ์สุดประหลาดที่ทำให้คนทั้งกระทรวงเวทมนตร์ต้องหันมามอง
เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่งกินข้าวกับเดรโก มัลฟอยในห้องอาหารของกระทรวงเวทมนตร์
และแม้ว่าหนุ่มผมทองจะทำหน้าหงิกไล่เขาขนาดไหน
แต่เขาก็ไม่ยอมถอยง่ายๆหรอก
“ตกลงมีอะไรรีบพูดมา
ฉันต้องมีประชุมกับท่านรองเลขานุการกองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์เพื่อคุยเรื่องวิสกี้สำหรับงานแข่งวิ่งม้าอแบรกซานหลังจากนี้ต่อ”
มัลฟอยพูดพร้อมทำหน้าเซ็ง
ก่อนจะบ่นเรื่องความไร้ประสิทธิภาพของกระทรวงเวทมนตร์ที่ทำให้เขาต้องมาใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่นี่แทนที่จะได้กลับไปทำงานทำการ
“แล้วทำไมถึงไม่ให้ลูเซียสติดต่อกับท่านเลขาซะเลยหล่ะ
ฉันรู้นะว่าพ่อนายสนิทสนมมีพระคุณกับเลขาของกองนี้อยู่” แฮร์รี่อดถามไม่ได้
มัลฟอยทำตาถลนใส่เขา
พร้อมตอบเสียงเข้ม “นี้นายจำเอาไว้นะว่าพระคุณหรือความสนิทสนมก็มีวันหมดอายุหากเล่นใช้บ่อยๆ
งานนี้วิสกี้ของฉันสามารถเอาชนะได้ใสๆไม่ต้องใช้ผู้ใหญ่
แค่ไม่คิดว่ามันจะต้องเสียเวลาขนาดนี้ แถมยังต้องมาเจอนายเกาะติดอีก
นี้ไม่อายเขารึไงคนมองทั้งโรงอาหารแล้วคิดไงวะมานั่งกินข้าวกับฉันเนี้ย”
“แล้วมีธุระอะไร”
มัลฟอยเร่งอีกครั้ง ก่อนจะจิ้มมะเขือเทศในสลัดเข้าปาก
แฮร์รี่ยักไหล่
คนจะมองก็ช่างสิ “นายก็รู้ว่าเรื่องอะไร” แฮร์รี่พูดเบาๆ “ก็เรื่องเธอน่ะ”
ทันทีที่ได้ยินธุระที่ว่าของแฮร์รี่
คนฟังก็ดูหมดอารมณ์ในการกินทันที มัลฟอยวางส้อมลงแล้วทำหน้าที่เขาเดาอารมณ์ไม่ออก
แบบเดียวกับวันที่เขาสารภาพให้หมอนั้นฟังเลย ไม่ใช่ทั้งโมโห หงุดหงิด หรือรำคาญ
สามสีหน้าปกติที่มัลฟอยทำกับเขา
“บอกแล้วไงว่าช่วยไม่ได้”
“นายหวงก้างนี้หน่า
ทั้งๆที่นายก็ไม่ได้ชอบผู้--” แฮร์รี่กล่าวหาอีกคน
“พอตเตอร์!”
มัลฟอยรีบตะโกนขึ้นก่อนที่แฮร์รี่จะพูดจบ ตาสีเทาส่งมาเตือนเขา
อ้อเขาเกือบลืมไปเลยว่าหมอนี้ยังไม่ได้ประกาศตัว
...เดี๋ยวสิ...นี้เป็นโอกาสของเขานี้
แฮร์รี่คิดในใจ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำมันกึ่งๆแบล็คเมล์ก็ตาม
แต่เขาไม่ได้ข่มขู่รีดไถอะไรจากมัลฟอยเลยนะ
แค่ให้หมอนั้นยอมเปิดปากเรื่องแอสเทอเรียเท่านั้นเอง
“มัลฟอยถ้าไม่อยากให้ฉันพูดออกไปนะ...บางทีนายก็น่าจะเริ่มตอบคำถามฉันได้แล้ว”
แฮร์รี่พูดช้าๆ หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนทุกครั้งที่เขาทำอะไรผิด เขารู้น่าว่าไม่ดี
แต่เขาก็ไม่ได้มีตัวเลือกมากนักหรอกน่า
คนตรงหน้าอ้าปากค้าง
พร้อมกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะก้มหน้าแล้วหัวเราะลั่น ปฏิกิริยาของมัลฟอยไม่เหมือนที่เขาคาดเลยสักนิด
แฮร์รี่ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“พระเจ้า! พอตเตอร์ นี้นายเพิ่งแบล็คเมล์ฉันเหรอ
นายแฮร์รี่ พอตเตอร์ วีรบุรุษ สุดยอดกริฟฟินดอร์
ตัวแทนแห่งความดีงามทั้งหลายทั้งปวงในโลกหล้า เพิ่งแบล็คเมล์ฉันคนนี้ ที่เป็นทั้งสลิธีริน
มัลฟอย แล้วก็ผู้เสพความตาย”
แฮร์รี่อดหน้าแดงไม่ได้ “ฉันไม่ได้ดีขนาดนั้นซะหน่อย”
“ไม่กลัวเลยสักนิดพอตเตอร์
โอเคบทเรียนนี้ฟรีนะ ฟังให้ดีๆถ้านายจะแบล็คเมล์ใคร
นายต้องทำให้คนที่นายแบล็คเมล์เชื่อว่านายจะทำจริง แล้วฉันไม่เชื่อว่าคนอย่างนายจะกล้าประกาศเรื่องของฉัน”
มัลฟอยพูดยิ้มๆ อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
แฮร์รี่รู้ว่าที่หมอนั้นพูดน่ะจริง
ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าไอ้เฟอเร็ตแค่ไหน
แต่เขาไม่กล้าจะไปป่าวประกาศเรื่องส่วนตัวที่ขนาดเจ้าตัวยังไม่อยากบอกใครเลยหรอก
โธ่เอ๊ย ทำไมคนอย่างมัลฟอยต้องอ่านเขาขาดขนาดนี้ด้วยนะ
“เพื่อเห็นแก่ความพยายามของนายนะพอตเตอร์
ฉันมีคำแนะนำสั้นๆให้” มัลฟอยพูดพร้อมกับวางส้อมลงบนจานสลัดที่ว่างเปล่า “ตัดใจซะเถอะ
แอสเทอเรียไม่มีวันชอบนาย” พูดจบร่างโปร่งก็หยิบจานเปล่าขึ้นแล้วเดินออกไป
ทิ้งให้แฮร์รี่นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออกอยู่คนเดียว
.
.
.
“พอตเตอร์ถ้านายยังตามฉันทุกครั้งที่ฉันมาที่กระทรวงฉันจะไปบอกโรบาดส์ว่านายเป็นพวกโรคจิตชอบตามแล้วปิดทุกโอกาสที่นายจะได้เป็นมือปราบมารอาวุโสเลย”
มัลฟอยพูดขึ้นทันที่เห็นหน้าเขา
ร่างโปร่งรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพื่อให้เข้าไปในลิฟท์ได้ทัน แต่มีหรือแฮร์รี่จะยอมง่ายๆ
เขายกไม้กายสิทธิ์ขึ้นแล้วพึมพำคาถาเบาๆ
ส่งผลให้ร่างโปร่งนั้นลื่นล้มก้นกระแทกก่อนจะเดินไปถึงลิฟท์
“ช่วยมะ”
แฮร์รี่เดินมาถึงพร้อมกับแสร้งยิ้มแล้วยื่นมือให้อีกคน ตาสีเทาเป็นประกายขณะมองเขา
ปากอิ่มๆนั้นก็สาปส่งเขาไปด้วย พร้อมกับพยายามยันตัวขึ้น
แฮร์รี่รู้ว่าหมอนั้นไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก
เพราะก่อนที่มัลฟอยจะกระแทกพื้นเขาเสกคาถาฟูกนุ่มไปรับก่อนแล้ว
“แล้วฉันก็จำบทเรียนที่นายสอนฉันได้นะมัลฟอย
ฉันไม่กลัวสักนิด ไม่เชื่อหรอกว่านายจะไปบอกกาเวน” แฮร์รี่พูดยิ้มๆ
ขณะก้มลงช่วยเก็บแฟ้มที่กระจัดกระจาย
“โอ๊ย พอตเตอร์นี้ ฉันก็ตอบคำถามนายไปตั้งเยอะแล้วไม่ใช่รึไง”
มัลฟอยพูดอย่างหงุดหงิด ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ร่างโปร่งบอก
หลังจากวันนั้นที่โรงอาหารถ้ามัลฟอยคิดว่าเขาจะยอมถอย หมอนั้นก็เข้าใจผิดถนัด
เพราะทุกครั้งที่มัลฟอยมีเรื่องต้องมากระทรวงเวทมนตร์ (ซึ่งก็บ่อยเสียด้วย
เพราะหมอนั้นต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในการทำธุรกิจหลายประเภทตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์จนถึงโรงกลั่นเหล้า)
เขาก็จะรีบหาเวลาว่างมาประกบตัวมัลฟอยและเค้นเอาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของแอสเทอเรีย
โชคดีที่โรบาดส์สั่งให้เขากลับไปทำคดีฉ้อฉล
หัวหน้าคงอยากทดสอบความอดทนของเขาว่าจะทำคดีที่ไม่ต้องลุยไปได้นายสักเท่าไหร่
เขาก็เลยอยู่กระทรวงเกือบทุกวัน ไล่ตามตัวเลขในบัญชีของผู้ต้องสงสัย
กับไล่ตามเดรโก มัลฟอย
“คราวนี้อยากรู้อะไรอีกล่ะ
ครั้งก่อนนายก็ถามเรื่องดอกไม้ แล้วก็อาหารไปแล้ว” แฮร์รี่พยักหน้าตาม
แอสเทอเรียชอบดอกลิลลี่ อาหารโปรดของเธอคือซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส ทั้งๆที่เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นขนมหวานแน่ๆ
เพราะทุกครั้งที่เขากินอาหารกับเธอ หญิงสาวต้องตาเป็นประกายเวลาเสิร์ฟของหวาน แล้วพอเขาบอกมัลฟอยแบบนั้น
เจ้าตัวกลับทำหน้าแดงแล้วรีบพูดอ้อมแอ้มว่าไม่หรอกน่า
แอสเทอเรียไม่ได้ชอบของหวานหรอก ดูไม่น่าเชื่อเลยสักนิดเดียว
“แล้วก็อย่าลืมว่าฉันไม่รู้สเป็คผู้ชายที่น้องชอบ”
นั้นเป็นคำถามแรกของแฮร์รี่ที่โดนมัลฟอยด่าเปิงว่าเขาจะรู้ได้ยังไงว่าแอสเทอเรียชอบแบบไหน
“ถ้าฉันชวนแอสเทอเรียไปเกมส์ควิดดิชเธอจะไปไหม”
มัลฟอยกลอกตา
พร้อมกับทำเสียงพึมพำภาวนาให้ลิฟต์มาเร็วๆ
แต่ลิฟท์ของที่กระทรวงก็เก่าแก่พอๆกับกระทรวง แถมยังทำงานได้ช้าพอๆกันอีกด้วย
เพราะฉะนั้นมัลฟอยต้องติดแหงกตรงนี้กับเขาไปอีกสักพักเลยล่ะ
“ก็คงไปแหละ
ถ้านายยอมให้เธอเอาหนังสือไปด้วยนะ แต่นายจะชวนเธอไม่ทำไม
น้องไม่ได้ชอบควิดดิชสักหน่อย” มัลฟอยพูดพร้อมส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นลิฟท์มาหยุดตรงหน้า
ร่างโปร่งรีบก้าวฉับๆเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่ต้องการส่วนแฮร์รี่ก็ตามเข้าไปกดชั้นสอง
“จริงเหรอ
แต่เธอเล่นควิดดิชได้ดีมากเลยนะ นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”
แฮร์รี่พูดต่อหลังจากลิฟท์เริ่มเคลื่อนแล้ว
“นั้นไม่ใช่—“ มัลฟอยถอนหายใจ “ฉันหมายความว่าน้องอาจจะบินได้
แต่ก็ไม่ชอบไปดูเกมส์ควิดดิชที่สนาม คนก็เยอะ เสียงก็ดัง”
“เหรอ เสียดาย ฉันอุตส่าห์ได้ตั๋วชั้นพิเศษของเกมส์ระหว่างฟาลคอนกับแมกไพน์”
แฮร์รี่คิดอย่างเซ็งๆ
ตั๋วที่ว่าเขาต้องหาทางตามล่าอย่างยากลำบากเพราะเป็นเกมส์ที่ใครๆต่างก็อยากไป
มัลฟอยหันมามองเขาขวับ “นายมีตั๋วเหรอ”
“เออ ชวนรอนไปแทนก็ได้”
แฮร์รี่พูดอย่างเซ็งๆ
“เฮ้ยกดปุ่มหยุดลิฟท์ทำไม”
ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมลิฟท์ที่ตอนนี้มือค้างอยู่ที่ปุ่มหยุดฉุกเฉิน
“ฉันมีข้อเสนอทางธุรกิจมาให้นายนะพอตเตอร์”
มัลฟอยพูดตาเป็นประกาย “ฉันจะตอบทุกคำถามของนาย ถ้านายให้ตั๋วของนายกับฉัน”
แฮร์รี่หยุดคิด “สองใบเลยเหรอ”
เขาถามอย่างเสียดาย
“ใบเดียวก็ได้เจ้าบ้า
แต่อีกใบนายห้ามเอาไปให้วีสลีย์เด็ดขาด
ฉันไม่ยอมนั่งติดกับหมอนั้นตลอดเกมส์แห่งปีหรอกนะเว้ย” มัลฟอยพูดอย่างเหลืออด
ชายหนุ่มเม้มปาก
เขาไม่ได้คิดจะให้ใครอยู่แล้ว เพราะเขาเองก็อยากไปดูเกมส์ที่ว่า
แต่ถ้าเขาตกลงก็เท่ากับว่าเขาไปดูกับมัลฟอยน่ะสิ
“ตกลง
เจอกันที่หน้าสนามกีฬาเสาร์นี้เก้าโมง” แฮร์รี่ตอบออกมาในที่สุด เอาวะคิดซะว่ามัลฟอยมันบังเอิญซื้อที่นั่งข้างๆก็แล้วกัน
“แล้วจบเกมส์นายต้องตอบทุกคำถามเลยด้วย
ไม่งั้นฉันจะลากนายไปผูกติดไว้กับเสาหน้าสนามกีฬาทิ้งไว้ทั้งคืนแน่
อย่าคิดว่าฉันจะไม่เอาจริงนะเว้ย”
มัลฟอยหรี่ตามองเขาก่อนจะพยักหน้าตกลงแล้วปล่อยให้ลิฟท์เคลื่อนที่อีกครั้ง
...ให้ตายสิ...เมื่อไหร่เขาจะเริ่มอ่านสีหน้าของมัลฟอยออกกันนะ
ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิดขณะมองคนข้างตัว
.
.
.
วันเสาร์มาถึงเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้
แฮร์รี่ยืนกระสับกระส่ายหน้าสนามกีฬา ถ้าหมอนั้นสายนะเขาจะเข้าไปโดยไม่รอจริงๆด้วย
ชายหนุ่มคิดแล้วมองนาฬิกาอีกครั้ง และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น
ร่างสูงโปร่งในเสื้อเสวตเตอร์สีเทาเข้มก็เดินตรงมาที่เขา
...นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมัลฟอยในชุดลำลอง...แฮร์รี่คิดในใจ
ทุกครั้งที่เจอกันมัลฟอยจะอยู่ในชุดสูทเต็มยศหรือไม่ก็ชุดเสื้อคลุมแบบพ่อมด
แต่เขาไม่เคยเห็นมัลฟอยในแบบนี้มาก่อนเลย ผมสีทองปล่อยอย่างยุ่งๆ
เสวตเตอร์สีเทาเข้มพอดีแล้วก็กางเกงสีขาวปลอดพอดีตัวที่ทำให้คนใส่ดูขายาวเป็นไมล์ๆ
“นายเชียร์แมกไพน์เหรอ”
มัลฟอยพูดขึ้นทันทีที่หยุดหน้าแฮร์รี่ ตาสีเทามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ขณะที่มัลฟอยอยู่ในชุดสีเทาขาวสีประจำของทีมฟาลคอน เขาก็ใส่เสื้อสีดำมีสัญลักษณ์นกแมกไพน์กลางหน้าอก
เขาน่าจะเดาออกว่าเขากับมัลฟอยต้องเชียร์ทีมตรงกันข้าม
พวกเขาจะมีชอบอะไรตรงกันบ้างไหมเนี้ย
...ก็ควิดดิชไง...เสียงในหัวแฮร์รี่ตอบ
ซึ่งก็จริง แต่ใครกันล่ะที่ไม่ชอบควิดดิช
“เอ้าเข้าไปได้แล้ว จะเริ่มแล้ว”
แฮร์รี่ไม่อยากเสียเวลาตอบคำถามในเมื่อคำตอบก็ชัดเจนอยู่บนเสื้อของเขาแล้ว
“อย่าร้องไห้ล่ะคุณหนูมัลฟอยเวลาฟาลคอนแพ้”
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกเย้าอีกคน
“ฝันไปเถอะพอตเตอร์”
มัลฟอยพูดพร้อมกระชากตั๋วไปจากมือแฮร์รี่ แล้วเดินอาดๆเข้าไปในสนาม
และเขาก็รู้ว่าเวลาแพ้มัลฟอยไม่ได้ร้องไห้
แต่หมอนั้นสบถ
สบถหนักเสียจนเขาข้องใจว่าคุณชายตระกูลสูงอย่างนั้นไปเรียนรู้วิธีการพูดหยาบเป็นชุดแบบนั้นมาจากไหนกัน
แต่นอกจากอาการปวดหัวที่ต้องทนฟังร่างโปร่งบ่นเป็นชุดยาวจากสนามกีฬาจนถึงคาเฟ่ที่เขาจะมาทานอาหารกัน
ต้องบอกว่าเช้าวันนี้แฮร์รี่สนุกมากทีเดียว
เขาคิดว่ามัลฟอยคงน่ารำคาญที่จะมาดูกีฬาด้วย
แต่การดูกับมัลฟอยกลับสนุกกว่าที่เขาคิด หมอนั้นรู้เรื่องควิดดิชเป็นอย่างดีและไม่ลังเลที่จะโชว์ภูมิให้แฮร์รี่รู้โดยเล่าทุกอย่างตั้งแต่ใครเพิ่งโดนซื้อ
ใครกำลังจะโดนขาย ใครเจ็บ ใครเล่นดี ใครเล่นเสีย สถิติเป็นเท่าไหร่บ้าง
มันทำให้เขารู้สึกว่าถ้าเฮอร์ไมโอนี่ชอบควิดดิชเธอก็คงเป็นเหมือนมัลฟอยนี้แหละ
“ยิ้มอะไรพอตเตอร์ ยิ้มที่เห็นฉันเจ็บปวดใช่ไหม”
มัลฟอยพูดพร้อมกับยกกาแฟร้อนขึ้นมาจิบ แล้วจิ้มเค้กอย่างหงุดหงิด
เป็นอีกครั้งแล้วที่แฮร์รี่เห็นมัลฟอยเริ่มมื้ออาหารด้วยของหวานแทนที่จะเป็นของคาวเหมือนชาวบ้านคนอื่น
“เปล่าแค่กำลังคิดว่านายเหมือนเฮอร์ไมโอนี่”
สิ้นคำแฮร์รี่ คนที่กำลังเคี้ยวเค้กตุ้ยๆก็ไอโขลกๆอย่างคนที่มีอะไรติดคอ
ทำให้เขาต้องรีบยื่นน้ำให้มัลฟอย กลัวว่าหมอนั้นจะตายคาโต๊ะเสียก่อนได้ตอบคำถามเขา
“นี้นายล้มหัวกระแทกรึเปล่าเมื่อเช้า”
แฮร์รี่หัวเราะเบาๆ
พร้อมกับส่ายหน้าแล้วหันไปจัดการแซนด์วิชในมือเขาต่อ เขายอมรับว่าการใช้เวลากับมัลฟอยก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก
และเมื่อถึงเวลาตอบคำถามมัลฟอยก็พยายามตอบทุกคำถามโดยไม่อิดออด
สิ่งที่ทำให้แฮร์รี่ประหลาดใจกลับไม่ใช่เรื่องที่มัลฟอยไม่ตุกติก
(เขารู้อยู่แล้วว่าหมอนั้นไม่ได้เล่นสกปรกแบบตอนเด็กๆอีกแล้ว)
แต่กลับเป็นสิ่งที่มัลฟอยบอกเขาเกี่ยวกับแอสเทอเรีย หญิงสาวที่ออกจากปากของมัลฟอย
กับคนที่อยู่ในความทรงจำของแฮร์รี่ต่างกันมากมายเหลือเกิน
แอสเทอเรียไม่ชอบวิชาเล่นแร่แปรธาตุ เธอไม่ได้สนใจมันเลยด้วยซ้ำ
ทั้งๆที่แฮร์รี่ยืนยันว่าเขาเห็นเธออ่านหนังสือเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุทุกวัน
เธอแพ้แอปเปิ้ล แต่แฮร์รี่ก็แน่ใจว่าเขาเคยเห็นแอสเทอเรียเคี้ยวแอปเปิ้ลกร้วมๆทั้งผล
เธอไม่พูดคำหยาบ เธอไม่ได้สนิทกับตระกูลแครบ
จนเขาชักไม่แน่ใจว่าเขารู้จักแอสเทอเรียจริงๆหรือเปล่า
เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของแฮร์รี่ มัลฟอยก็คงสงสารเขา
เพราะคราวนี้หมอนั้นกลับไม่ได้บอกว่าให้เขาตัดใจ
แต่กลับแค่สั่งชาให้เขาแล้วนั่งเงียบๆ
.
.
.
ทันทีที่แฮร์รี่ไปถึงสำนักงานมือปราบมารในเช้าวันจันทร์
โน้ตจากโรบาดส์ก็สั่งให้เขาเข้าไปพบ เขาแน่ใจว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรเร็วๆนี้
ทำไมโรบาดส์ถึงได้อยากพบเขากันนะ
“มีอะไรหรือครับ”
แฮร์รี่เดินเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้า
“นั่งลงสิพอตเตอร์” โรบาดส์สั่ง
ใบหน้าของชายชราไม่ได้ดูโมโหแต่อย่างใด
“ไม่ต้องกลัวพอตเตอร์
นี้ไม่ได้เรียกมาด่า” โรบาดส์พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “นายทำงานได้ดีมากสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฉันอ่านรายงานคดีของนายแล้ว
แล้วมือปราบมารคนอื่นก็บอกว่านายไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่ใครด้วย”
นั้นชมเหรอ แฮร์รี่คิดในใจ
เอาวะสำหรับโรบาดส์นั้นก็คงเรียกว่าชมแล้ว
“เพราะฉะนั้นปีนี้ฉันกับท่านรัฐมนตรีเห็นชอบที่จะให้เธอเป็นหนึ่งในตัวแทนของสำนักงานมือปราบมารร่วมงานกาล่าการกุศลประจำปีของกระทรวง”
โรบาดส์พูดพร้อมกับยื่นบัตรเชิญให้เขา สายตามองเขาเขม็ง
หนึ่งในอีกบททดสอบสำหรับเขาสินะ แฮร์รี่คิดในใจ โรบาดส์อยากให้แน่ใจว่าเขาสามารถไปงานแบบนี้ได้
หากเขาจะเป็นมือปราบมารอาวุโสเขามีโอกาสที่ต้องไปเป็นตัวแทนของสำนักงาน
หากเป็นเขาเมื่อก่อนคงโวยวายกับโรบาดส์ไปแล้ว เพราะเขาไม่ถูกโรคกับงานแบล็คไทน์ทางการแบบนี้เป็นที่สุด
แต่มันก็ไม่มีทางเลือกไม่ใช่หรือ
อีกอย่างนี้เป็นโอกาสดีที่แฮร์รี่จะได้ใช้บทเรียนที่เรียนกับแอสเทอเรียในชีวิตจริงด้วย
ชายหนุ่มยิ้มรับบัตรเชิญจากมือหัวหน้า
“ไม่ต้องห่วงครับ
ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
#########
ความคิดเห็น