ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dear Series - HP/DM

    ลำดับตอนที่ #6 : จดหมายฉบับที่ 3 - Harry

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 58


    “เหวอ” แฮร์รี่อุทานอย่างตกใจ เพราะสิ่งแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาตื่นคือ ตาโตๆของนกฮูกสีดำสนิท

    “ให้ตายสิฟาซซี่” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ แต่นกฮูกเจ้าของชื่อกลับทำหน้าไร้เดียงสาเหมือนจะถามเขาว่าเป็นความผิดของนายเองไม่ใช่เหรอที่ตกใจ

    “เธอเหมือนเจ้าของไม่มีผิด” แฮร์รี่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบม้วนจดหมาย แล้วเดินไปเปิดหน้าต่างให้ฟาซซี่ไปพักที่กรงนกนอกบ้านเหมือนครั้งที่แล้ว

     

    เขากวาดตาอ่านจดหมาย พร้อมกับหัวเราะหึๆเป็นระยะ ดูเหมือนมัลฟอยจะเรียนหนักไม่น้อย เขาเข้าใจเลย ช่วงแรกๆของการเข้าโรงเรียนฝึกมือปราบมารเขาก็อยากจะตายเหมือนกัน ทั้งฝึกภาคปฏิบัติ ฝึกการต่อสู้ ฝึกคาถา แล้วต้องจำข้อกฎหมายของกระทรวงเวทมนตร์อีก แทบจะร้องไห้ออกมาเลยล่ะ

    ทั้งเก่งทั้งหน้าตาดี นี้นายชักจะหลงตัวเองใหญ่แล้วนะเดรโก มัลฟอย” แฮร์รี่หัวเราะเบาๆ เขายินดีที่เห็นมัลฟอยคนเก่าเริ่มจะกลับคืนมาอีกครั้ง ถึงเขาจะชอบมัลฟอยที่สำนึกผิด แต่เขาก็รู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่เห็นหมอนั้นทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกเตะ มัลฟอยน่ะต้องทั้งหยิ่ง ทั้งปากดีแบบนี้แหละ

    “แล้วถามจริงว่านายคิดว่าฉันแก่แค่ไหนหา!!!” แฮร์รี่ตะโกนถามจดหมาย รู้ทั้งรู้ว่ามันคงไม่ตอบเขากลับมา แต่ให้ตายเถอะหมอนั้นเปรียบเขากับคุณปู่ นี้การใช้ภาษาของเขามันเก่ามากเหรอ หรือว่ายังไง ทำไมหมอนั้นถึงคิดว่าเขาแก่หง่อมขนาดนี้เนี้ย!!!

     

    แฮร์รี่แลบลิ้นให้จดหมายนั้นอีกครั้ง ก่อนจะรีบแต่งตัวไปทำงาน ให้ตายสิคืนนี้ประโยคแรกที่เขาจะเขียนตอบเลยก็คือ เขาไม่ได้แก่ขนาดนั้น (โว้ย)

     

    ###

     

    สุดท้ายแม้จะตั้งใจว่าจะรีบเขียนตอบกลับแต่แฮร์รี่กลับไม่มีเวลาเลยแม้แต่น้อย ทุกวันตลอดสัปดาห์เขากลับมาก็สลบเหมือด นี้เป็นสัปดาห์ที่เขาต้องเรียนการต่อสู้ตัวต่อตัวแบบผสมผสาน ก็คือเขาและคู่ของเขาสามารถใช้ทั้งเวทมนตร์และอาวุธของมักเกิ้ล

     

    “โธ่ นายท่านครับ กลับมาเจ็บตัวอีกแล้ว” ครีเชอร์รีบกระวีกระวาดเข้ามาดูแลแฮร์รี่ทันทีที่ชายหนุ่มหายตัวเข้ามาในกริมโมลด์เพลซ

     

    แฮร์รี่พยักหน้าตอบรับเอลฟ์ชราแล้วลากสังขารไปที่ห้องนอน ดูเหมือนว่าทุกคนจะใส่ซะเต็มที่ทุกครั้งดวลกับเขา ใครๆต่างก็อยากได้ชื่อว่าเป็นคนประลองชนะแฮร์รี่ พอตเตอร์ทั้งนั้น แม้กระทั่งเพื่อนสนิทจากฮอกวอตส์อย่างเนวิลล์

    “อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็วันเสาร์” แฮร์รี่พึมพำกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวแล้วหลับสนิทไปทันที

     

    .

    .

    .

    อากาศในตอนเช้าของเดือนพฤศจิกายนในลอนดอนช่างหนาวจับใจ แฮร์รี่คิดในใจพร้อมกับดึงผ้าพันคอให้กระชับแน่นขึ้น นี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตอบตกลงที่จะมาทานอาหารเช้ากับจินนี่ตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนแฮร์รี่ไม่มีทางที่จะลุกขึ้นจากเตียงนอนอุ่นๆเด็ดขาด

    “แฮร์รี่” เสียงทักพร้อมกับรอยยิ้มสดใสของเจ้าของร่างที่โบกมือหยอยๆให้แฮร์รี่หน้าร้านอาหาร

     

    เขายิ้มกลับแล้วรีบสาวเท้าเพื่อไปให้ถึงเธอเร็วขึ้น พวกเขาแทบไม่มีเวลาพบกัน ดังนั้นเมื่อจินนี่เสนอว่าจะมาทานอาหารเช้าแล้วไปเดินเล่นด้วยกัน ก่อนที่เธอจะต้องกลับไปซ้อมตอนบ่าย ชายหนุ่มจึงรีบตอบตกลงทันที ร้านอาหารที่จินนี่เลือกเป็นคาเฟ่เล็กๆ เสิร์ฟอาหารเช้าแบบง่ายๆ พร้อมกับชาหอมกรุ่น เหมาะสมกับการไปเดทเป็นอย่างมาก ระหว่างพวกเขาสองคนจินนี่เป็นคนที่โรแมนติกกว่าเขามาก หากเป็นเขาแล้วคงไม่แคล้วไปที่ผับสักที่พร้อมกับอาหารเช้าที่มันเยิ้มแต่อร่อยเหอะ แต่มันก็คงมีคะแนนเป็นศูนย์ด้านความโรแมนติก

    “จินนี่ สวัสดีนะ รอนานไหม” เขารั้งเธอเข้ามากอดเบาๆ ซุกหน้าเข้ากับผมของเธอ กลิ่นของเธอยังเหมือนเดิมทุกครั้ง...แต่ที่ต่างไปอาจจะเป็นเขาเองที่ไม่รู้สึกใจเต้นกับกลิ่นเฉพาะตัวของเธออีกแล้ว

     

    “ไม่ค่ะ ฉันเองก็เพิ่งมาถึง เข้าไปกันเถอะค่ะพี่แก้มแดงไปหมดแล้ว” หญิงสาวหัวเราะ พร้อมกับจับมือเขาเข้าไปในร้านอาหาร

     

    ทันทีที่นั่งลงเขาก็รู้สึกถึงสายตาของคนอื่นๆในร้านลอบมองมาที่เขา แฮร์รี่ถอนหายใจ ให้ตายสิเพราะมันเป็นอย่างนี้แหละเขาถึงไม่ค่อยอยากออกจากบ้านสักเท่าไหร่ ยิ่งหลังสงครามชื่อเสียงเขายิ่งกระฉ่อนมากขึ้น สายตาของคนอื่นๆที่มองเขาก็มากขึ้นด้วย

    แต่ดูเหมือนจินนี่จะไม่ยี่หระกับสายตาที่แอบมอง เธอไม่เคยหวั่นไหวกับอะไรแบบนี้ นี้เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของเธอที่เขาชอบเสมอ

     

    “เธอเป็นยังไงบ้าง” แฮร์รี่เปิดปากถามหลังจากทั้งคู่สั่งอาหารเสร็จแล้ว อารมณ์ดีๆที่ได้เจอจินนี่เริ่มจะค่อยๆจางหายไปโดยเฉพาะเมื่อพนักงานเสิร์ฟเล่นมองเขาไม่วางตาแบบนั้น

     

    “ฝึกหนักเหมือนเคย แต่สนุกมากค่ะ ดูท่าแล้วปีนี้ฉันมีโอกาสได้เป็นตัวจริงด้วยนะ” จินนี่ส่งยิ้มสดใสให้เขา

    “พี่ล่ะเป็นยังไงบ้าง พี่ดูโทรมชะมัดเลยเป็นอะไรรึเปล่า” หญิงสาวพูดตรงๆ

     

    แฮร์รี่หัวเราะเบาๆ “ฉันเองก็ฝึกหนักเหมือนกัน แต่ของฉันไม่สนุกเท่าไหร่ เมื่อวานเนวิลล์เล่นใช้คาถาระเบิดทลายกำแพงเวทมนตร์สกัดกั้นของฉันเข้ามาได้ จนป่านนี้หลังฉันยังระบมจากแรงระเบิดอยู่เลย ฉันเจอทั้งทุ่ม ทั้งปืนไฟฟ้า ทั้งระเบิด แล้วก็ยังคาถาอีก น่วมไปทั้งตัวเลย”

     

    จินนี่เบิกตากว้าง “ฟังดูอันตรายจังเลยนะคะ” เสียงเธอเจืออะไรบางอย่างที่เขาจับไม่ได้ ...ไม่พอใจเหรอ ...จินนี่ไม่พอใจอะไร

    “พี่ต้องฝึกหนักขนาดนี้เลยเหรอ พี่ไม่คิดจะพักจากเรื่องการต่อสู้เลยเหรอ”

     

    แฮร์รี่ถอนหายใจ ให้ตายสิแค่สามนาทีพวกเขาก็วกกลับมาเรื่องเก่าๆอีกแล้ว จินนี่ไม่ได้พอใจนักหรอกที่เขาเลือกอาชีพเป็นมือปราบมาร เขารู้ว่าเธอหวังดี เธอไม่อยากเห็นเขาต้องบาดเจ็บไปตลอดชีวิต เธอไม่เคยพูดออกมาหรอก แต่เขาจับมันได้ในน้ำเสียงเธอทุกครั้งที่เธอพูดถึงอาชีพที่เขาเลือก

    “จินนี่ เราตัดสินใจแล้วนะว่าจะไม่ก้าวก่ายกันเรื่องอาชีพของอีกฝ่าย” แฮร์รี่เตือนเบาๆ

     

    หญิงสาวถอนหายใจ แล้วจิบชา แม้จะไม่พูดอะไรแต่ท่าทางเธอก็ฟ้องว่าเธอไม่พอใจ และทุกๆคนที่มองก็ดูออกเช่นกัน พวกเขามองหน้าแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ

    ...เยี่ยมไปเลย...แฮร์รี่คิดในใจ พรุ่งนี้เรื่องที่เขาทะเลาะกับจินนี่จะไปอยู่หน้าแรกของเดลี่โพรเฟ็ต ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด

     

    .

    .

    .

    “ครีเชอร์ ยกชาไปให้ฉันที่ห้องสมุดด้วย” แฮร์รี่ตะโกนสั่งเมื่อกลับถึงบ้าน พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องสมุด เขากลับมาถึงพร้อมอารมณ์ขุ่นมัวพอๆกับท้องฟ้าฤดูหนาว หลังจากนั้นจินนี่ก็พยายามจะคุยกับเขา แต่บางทีอาจจะเพราะแฮร์รี่หงุดหงิดไปแล้วเขาจึงไม่มีอารมณ์จะทำดีกับเธอเท่าไหร่ พวกเขาจากกันโดยที่จินนี่กัดฟันแน่น ส่วนเขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้หลบสายตาผู้คนกลับมาที่กริมโมลด์เพลซ

     

    ร่างสูงมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ จดหมายประทับตราเฮอร์ลิชพร้อมลายมือเป็นระเบียบของอีกคนยังวางอยู่ที่มุมโต๊ะ เขานั่งลงแล้วหยิบกระดาษออกมา เขียนทุกอย่างที่อยู่ในใจเขา ความหงุดหงิดที่ต้องมีคนจำได้ ชื่อเสียงที่นำพาแต่เรื่องยุ่งยาก ทั้งเรื่องงานแล้วก็เรื่องส่วนตัว เขาบอกเดรโกว่าเขาพร้อมจะแลกกับทุกอย่างแค่เพียงได้เป็นคนธรรมดา และบอกว่าเขาอิจฉาเดรโกแค่ไหนที่เจ้าตัวสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ที่เฮอร์ลิชโดยไม่มีใครจำได้ หลังจากได้ระบายทุกอย่างออกมาแฮร์รี่ก็สงบขึ้นเยอะ เขาตัดสินใจเล่าเรื่องตลอดเดือนที่ผ่านมาให้เดรโกฟังด้วย เรื่องคาถาระเบิดของเนวิลล์ (แน่ล่ะเขาละชื่อเนวิลล์เอาไว้) เรื่องที่มือเขาสั่นเป็นชั่วโมงๆจากแรงช๊อตไฟฟ้า (นั้นออกจะตลกนะ ใครจะไปคิดว่าคาถาสะท้อนกลับจะกันไฟฟ้าของมักเกิ้ลไม่ได้)

    ...และท้ายที่สุดเขาก็ไม่ลืมบอกเดรโกว่า เขาไม่ได้แก่ขนาดนั้นเว้ย เขายังเดินท่ามกลางอากาศหนาวๆตอนเช้าของลอนดอนได้สบายมาก (เขาละไว้เช่นกันว่าเขาห่อตัวหนาเป็นฮอทดอก ให้ตายสิเขาไม่ได้แก่นะ เขาแค่ชอบอากาศอุ่นๆเข้าใจไหม)

     

    หลังจากที่เขียนจบเขาก็ยิ้มออกมาได้ อารมณ์เสียๆหายวับไม่เหลือ มีแค่รอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะเรียกชื่อนกฮูกสีดำเข้ามา พร้อมกับผูกจดหมายไว้กับข้อเท้าของมัน

    “ส่งให้ถึงมือเขาเลยนะ”

     

    ###

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×