คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Nebulous Night
แฮร์รี่รู้สึกเหมือนเขากำลังฝัน ความจริงมันแปลกเกินกว่าที่สมองเขาจะประมวลผลได้ เดรโกจับมือเขาไว้แน่นขณะเดินนำเขาไปตามบันไดโค้งกลางคฤหาสน์มัลฟอย มือนั้นยังเย็นเกินไปอยู่ดี แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะถูนิ้วโป้งกับข้อมือของเดรโก ชีพจรของเจ้าของข้อมือเต้นตุบๆ อยู่ใต้นิ้วเขา เวทมนตร์ เขาคิดในใจ ไม่มีทางที่คนธรรมดา...ไม่ว่าจะเป็นผู้วิเศษเช่นเขาก็เถอะ จะสามารถรับอุณหภูมิ หรือชีพจร หรือกลิ่นของอีกคนได้ดีขนาดนี้
เดรโกมีกลิ่นเหมือนอำพันและไม้โอ๊ค กลิ่นที่ทำให้แฮร์รี่รู้สึกอยากขดตัวแล้วซุกหน้ากับเจ้าของกลิ่นนั้นหลับไป เขาไม่เคยสังเกต แต่เขาก็ไม่เคยอยู่ใกล้เดรโกขนาดนี้ แฮร์รี่กลืนน้ำลาย ชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เขาประหลาดใจหลายหนในวันนี้ ทั้งเรื่องที่เดรโกเข้ากันได้ดีกับแอนโดรเมด้า จูบที่เดรโกเหมือนอยากจะต้องการให้ยาวนานไม่รู้จบ หรือแม้กระทั่งตอนที่ดวงตาสีเทานั้นมองเขาหลังจากที่บอกให้เขาเดินตามมา
ก๊อดดริกเป็นพยาน เขารู้ว่าเซกซ์เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม แต่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะบีบบังคับให้อีกฝ่ายต้องนอนกับเขา แน่นอนมันคงทำให้เขาใช้ชีวิตยากไม่น้อยหากทุกครั้งที่อยู่ใกล้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเขาจะอยากรู้สึกซุกหน้าลงกับซอกคอนั้นแล้วกอดเจ้าตัวให้หลับไป
เดรโกเปิดประตูห้อง แล้วดึงเขาเข้าไป แสงสว่างสุดท้ายของวันลอดผ่านม่าน แต่ก็ยังไม่พอที่จะทำให้ห้องนี้สว่าง เขาเห็นคนตรงหน้าเป็นเงาลานเลือน ให้ความรู้สึกอยากถอดแว่นออกมาเช็ดให้แน่ใจว่าไม่ใช่เพราะแว่นเขาเป็นฝ้า เขามองไม่เห็นสีหน้าของร่างสูง แต่ก็ยังรับรู้ถึงสัมผัสของอีกคน เดรโกยังจับข้อมือเขาไว้ แฮร์รี่ควรจะพูดอะไรสักอย่าง แล้วด้วยสมองบ้าๆของเขา เขาก็พูดอะไรงี่เง่าสุดๆออกไป
“ห้องนอนนายเหรอ” เขาอยากจะเขกหัวตัวเองกับกำแพง แน่นอนอยู่แล้วว่านี่ห้องนอนเดรโก เขาได้กลิ่นเดียวกันอบอวลรอบตัวเขาทันทีที่เข้ามา
“ต้องคุยกันด้วยรึไง” อีกคนไม่ตอบแต่ถามกลับ มือดึงเขาเบาๆให้เข้าไปใกล้ ก่อนที่จะวางหน้าผากลงกับไหล่เขา ผมละเอียดของเดรโก เคล้าคลอข้างแก้มเขา เบาและนุ่ม เจ้าของเส้นผมนั้นถอนหายใจออกมายาวๆ เหมือนดั่งการได้วางศีรษะกับไหล่เขาคือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดชีวิต
“พะ..แฮร์รี่” ชื่อเขาหลุดมาจากปากคู่นั้นเหมือนเสียงลมพัด แฮร์รี่รู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง เขายกมือขึ้นมาแตะหลังอีกคนเบาๆ คนในอ้อมกอดเขาไม่ควรจะมีอิทธิพลกับเขามากขนาดนี้ แฮร์รี่เตือนตัวเอง ตั้งสี่ปีแล้วนะ นายจบจากฮอกวอร์ตมาตั้งสี่ปีแล้ว เขาควรจะลืมความรู้สึกนั้นได้แล้ว
เขาเอียงคอมองคนที่ยังวางศีรษะบนไหล่เขา พอดีกับที่เดรโกเอียงหน้าขึ้นมามองเขาพอดี ลมหายใจอุ่นร้อนรดริมฝีปากเขา แฮร์รี่ไม่แน่ใจว่าเป็นเขาหรือเดรโกที่ปิดระยะห่างริมฝีปากของพวกเขา แฮร์รี่ดึงร่างสูงเข้ามาแนบตัวแน่นอย่างที่เขาอยากทำตั้งแต่ตอนที่เดรโกจูบเขาครั้งแรกระหว่างพิธี...หรืออยากทำตั้งแต่ตอนปีหกที่ฮอกวอร์ต
ถ้าตอนนั้นระหว่างพิธีต่อหน้าแอนโดรเมด้าเขาเปิดปากออก เขาแน่ใจว่าเขาจะหยุดตัวเองไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าสุภาพสตรีดังนั้นแฮร์รี่จึงทำทุกอย่างที่ใจต้องการ เขาชิมรส ขบเบาๆบนปากนิ่ม ขณะที่มือก็เลื่อนไล้ขึ้นไปตามหลังของอีกคน เดรโกผอม...ผอมเกินไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาปรารถนาที่จะสัมผัสคนตรงหน้าน้อยลง เสียงครางจากคอของเดรโกยิ่งเร่งเร้าให้เขาจูบอีกคนให้ลึกมากขึ้น แล้วก่อนจะรู้สึกตัวขาเขาก็ถอยจนชนขอบเตียง มือของอีกคนเตะที่หน้าอกเขาเบาๆ ก่อนจะถอนริมฝีปากอีก ให้ตายสิไม้กายสิทธิ์ของเขาอยู่ไหนกันนะ เขาอยากจะเห็นใบหน้าของเดรโกตอนนี้เหลือเกิน แต่ไม้ติดอยู่กับเสื้อคลุมที่เดรโกถอดออกจากไหล่เขา คงตกอยู่ที่ตรงหน้าประตู แล้วเขาไม่มีวันที่จะเดินห่างจากร่างอบอุ่นตรงหน้าตอนนี้
“แฮร์รี่” เสียงกระซิบเบาๆนั่นอีกแล้ว มือเรียวลูบไล้หน้าอกเขา กระดุมเขาถูกเปิดออกตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ มือไวเสียจริง ทั้งๆที่เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเต็มยศ ทั้งเสื้อโค้ท เสื้อกั๊ก แล้วยังเสื้อเชิ้ตนั่นอีก
เดรโกผลักหน้าอกเขาเบา จนแฮร์รี่เสียหลักลงไปนั่งบนเตียงนุ่ม เขาเอื้อมตัวคว้าเอวอีกคนเอาไว้ ดึงให้เดรโกเข้ามาใกล้ตัว บอกรึยังว่าเขาไม่อยากปล่อยร่างอบอุ่นตรงหน้าเขาไป
“ฉะ...ฉันต้องถอดเสื้อผ้า”
ประโยคนั้นทำให้แฮร์รี่รู้สึกตัวว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ไม่ใช่แค่คนสองคนที่จูบกอดกัน แต่สุดท้ายพวกเขาต้องทำพิธีให้จบ เขาปล่อยมือจากเอวอีกคน เดรโกถอยออกมา แฮร์รี่ต้องใช้กำลังใจทั้งหมดบังคับไม่ให้แขนยื่นไปคว้าตัวร่างสูงให้กลับมาที่เดิม เสียงขยับเบาๆ ก่อนที่เสื้อคลุมตัวยาวของเดรโกจะกองลงไปที่พื้น ให้ตายสิในเวลานี้เขาอยากให้ชุดพิธีการน้อยชิ้นกว่านี้ เสียงแก๊งเบาๆของกระดุมโลหะสัมผัสกับพื้น เสื้อกั๊กตัวสั้นสินะ ในแสงสลัวๆเขาแทบมองไม่เห็นว่าเดรโกกำลังทำอะไรอยู่ เสียงขยับของเสื้อก่อนจะหยุด
“นายก็ต้องถอดที่เหลือด้วย”
เขาหน้าร้อนเมื่อรู้ว่าอีกคนจับได้ว่าเขาเอาแต่มองร่างสูงโปร่งในเงามืดจนลืมว่าตัวเองต้องทำอะไรไปเสียสนิท แฮร์รี่ดึงเสื้อไหมออกทางศีรษะ ไม่สนใจว่าจะทำให้ผมของเขายุ่งมากกว่าเดิม ก่อนจะกลืนน้ำลายแล้วปลดกระดุมกางเกง แล้วถอนรูดลงไปที่ข้อเท้า พร้อมกับเตะออก เมื่อเขาเปลือยเปล่า ทั้งห้องก็เงียบ ไม่มีเสียงขยับของเสื้อผ้า แสดงว่าเดรโกเองก็ถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วเช่นกัน
ต้นขาอุ่นของอีกคนแตะที่ต้นขาของเขาเมื่อเดรโกก้าวเข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง
“นี่ก็ด้วย” เดรโกพูดแล้วใช้มือข้างนึงเชยคาง และอีกข้างดึงแว่นทรงกลมออกจากใบหน้าเขา แฮร์รี่ไม่ได้ประท้วง เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้แว่นเวลานี้ แสงน้อยเสียจนยังไงเขาก็มองไม่เห็นเกินกว่าหกนิ้ว แต่ทันทีที่จะปล่อยมือออกจากใบหน้าเขา นิ้วยาวๆนั่นกลับค่อยๆไต่เลื่อนขึ้น แตะริมฝีปากเขาเบาๆ ลากผ่านแก้ม ก่อนจะประคองใบหน้าเขาเอาไว้ แล้วก่อนที่เขาจะได้ตั้งตัวทั้งร่างของทายาทตระกูลมัลฟอยก็นั่งคร่อมเขา พร้อมกับริมฝีปากอุ่นร้อนประกบกับริมฝีปากเขาแน่น ลิ้นเกี่ยวพัน พร้อมกับครางเบาๆ
นี่เป็นภาพฝันเปียกสมัยเรียนของเขาแท้ เขาที่อายุสิบหกยอมแลกเงินทุกกิลเลี่ยนที่มีในกริงกอตต์เพื่อจะได้กอดร่างเปลือยเปล่าของเดรโก มัลฟอย พร้อมกับทำให้เดรโกครางอย่างนี้
“นายต้องการยังไง” แฮร์รี่ใช้สติที่ยังเหลือถามระหว่างจูบ ปากคลอเคลียไปตามสันกรามของหนุ่มผมทอง
เขารู้สึกว่าร่างสูงในอ้อมกอดเขาเกร็งขึ้น ก่อนจะพูดเบาๆแทบไม่ได้ยิน “ฉันอยากให้นายเอาฉัน”
เดรโกที่ใช้คำพูดแบบนั้นเร้าอารมณ์แฮร์รี่อย่างที่เขาไม่เข้าใจ เขากอดร่างสูงแน่นขึ้น จูบที่ปลายคางเบา “ตามที่นายต้องการ"
----------------------------------------
และเมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง แฮร์รี่ก็พบว่าเขาอยู่บนเตียงกว้างนี้คนเดียว ชายหนุ่มยันตัวขึ้น ผ้าห่มหลุดเลื่อนจากตัว เขามองไปรอบๆ ไม่มีเสื้อผ้ากระจัดกระจาย เสื้อของเขาถูกแขวนเอาไว้อย่างดีกับฉากกั้นห้องแต่งตัว แฮร์รี่กวาดมือไปบนเตียง ไม่มีแม้กระทั่งรอยยับของผ้าปูเตียงที่บอกให้รู้ว่ามีอีกคนเคยนอนอยู่ข้างเขาเมื่อคืน เหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความฝันของเขา แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน เพราะตอนนี้เขายังอยู่ในคฤหาสน์มัลฟอย แทนที่จะเป็นบ้านพักของเขาในลอนดอน ชายหนุ่มสะบัดผ้าห่มออกจากตัว มือตะปบคว้าแว่นและไม้กายสิทธิ์ที่มีคนวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง (แน่นอนถ้วยแก้วหายไปแล้ว) แล้วเดินไปที่ห้องแต่งตัว อดไม่ได้ที่จะมองไปในกระจกเต็มตัวที่แขวนอยู่ ผมเขาไม่ได้ยุ่งกว่าที่เคย เขาไม่ได้มีรอยยิ้มกว้างอย่างคนที่เพิ่งมีเซกซ์ที่สุดยอดเมื่อคืน แต่กลับมีคิ้วขมวดมุ่นมองกลับมา เขาไม่น่าปล่อยตัวขนาดนั้นเลย เขาน่าจะแค่ทำให้มันจบๆพิธีไป ไม่ใช่ทำรักกับเดรโกอย่างช้าๆและลึกซึ้งอย่างที่เขาต้องการ ให้ตายสิเขาจะต้องมีความทรงจำนั้นติดในหัวไปตลอดกาล ริมฝีปากอุ่นร้อน ลมหายใจหอบกระชั้น แล้วกลิ่นของเดรโกที่ล้อมรอบตัวเขา
แฮร์รี่หลับตาไล่ภาพในหัวก่อนจะคว้าเสื้อผ้าที่แขวนแต่งตัวให้เรียบร้อย และเตรียมตัวเจอคนที่เป็นสามีของเขา
ทันทีที่แฮร์รี่เปิดประตูห้องนอนออกมา เขาก็แทบจะร้องเสียงหลงอย่างตกใจ เพราะเอล์ฟประจำบ้านตาโต ยืนจ้องเขาเป๋งจากหน้าประตู
“นายท่านแฮร์รี่จะรับอะไรสำหรับมื้อเช้า” สรรพนามที่เรียกเขาเปลี่ยนไปแล้ว แฮร์รี่คิดในใจ แน่ล่ะตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในเจ้านายของเอลฟ์เหล่านี้แล้ว
“เอ่อ ขอแค่ชา แล้วเดรโกอยู่ไหน”
“นายท่านตื่นตั้งแต่เช้ามืด” เอลฟ์ประจำบ้านพูดแล้วมองเขาเหมือนตำหนิที่แฮร์รี่ตื่นซะสายโด่งขนาดนี้ “ตอนนี้อยู่ในห้องอาหารเช้าขอรับ” พูดจบก็หายตัวไป ทิ้งให้แฮร์รี่อ้าปากค้าง คำถามที่ว่าห้องอาหารเช้าที่ว่าน่ะอยู่ตรงไหน ยังไม่ทันได้หลุดจากปากเขา
เขาพยายามนึกว่าเมื่อวานเขาเดินมาทางไหน แต่เมื่อวานเหมือนสมองเขาไม่จดจำสิ่งอื่นใด นอกจากสัมผัสข้อมือของเดรโกตอนที่เขาเดินตามร่างสูงมาถึงที่นี่ แฮร์รี่มองระเบียงยาวอย่างหมดทาง ก่อนจะตัดสินใจเลือกเดินไปทางขวา
และดูเหมือนเขาจะเลือกถูกเพราะไม่นาน แฮร์รี่ก็เจอบันไดโค้งนำเขาลงไปที่ชั้นหนึ่ง เอาล่ะคราวนี้เขาต้องมางมหาว่าห้องอาหารเช้าที่ว่ามันอยู่ตรงไหน ให้ตายสิพวกขุนนางจะไม่สามารถมีห้องอาหารเดียวแล้วกินทั้งเช้าและเย็นเหมือนคนปกติได้ใช่ไหมเนี่ย
แน่นอนเขาหลง...แฮร์รี่เดินวกไปเวียนมา เจอห้องที่ล็อคกุญแจแล้วต้องหมุนไปอีกทางจนดูเหมือนหนึ่งในเอลฟ์ประจำบ้าน...ด๊อบบี้...ใช่น่าจะชื่อนั้น ตนเดิมที่เคยนำเขาไปเจอเดรโกครั้งแรก สงสารแล้วเดินนำพาเขาไปถึงห้องทานอาหารเช้าที่ว่า
ห้องอาหารเช้าเป็นห้องอยู่ในปีกส่วนตะวันออกของตึก กระจกโค้งด้านหนึ่งของกำแพงเปิดกว้างรับแสง เป็นไม่กี่ห้องในคฤหาสน์หลังนี้ที่เขาไม่รู้สึกว่ามืดทึมเหมือนอยู่ใต้ดิน
คนที่เขาตามหาตัวตั้งแต่เช้าก็อยู่ที่นี่ด้วย เดรโกก้มหน้ามองม้วนกระดาษในมือ ขณะที่อีกมือจับแก้วน้ำชาเอาไว้ ผมสีทองผูกรวบไว้แน่นข้างหลัง เปิดหน้าผาก เสื้อไหมปิดคอแขนยาว กางเกงขาพองสีเขียวเข้ม ภาพตรงหน้าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงส่งภาพซ้อนทับของเด็กชายในกางเกงสีเขียวแบบเดียวกันจากฮอกวอร์ต
“เดรโก” เขาทักออกไป เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“นั่งสิ เอลฟ์เอาชาของนายมาเสิร์ฟแล้ว” ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีขวยเขิน แฮร์รี่สูดหายใจ เขาไม่ได้หวังว่าเดรโกจะเปลี่ยนไปชั่วข้าวคืน แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าคนตรงหน้าจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดกับเรื่องเมื่อคืน...แต่สงสัยเขาจะคิดผิด เวทมนตร์จบลงแล้วสินะ
แฮร์รี่นั่งตรงข้ามกับเจ้าของบ้าน นิ้วยาวนั่นเลอะหมึก มองแล้วแฮร์รี่อยากเอื้อมมือไปเช็ด แต่รู้ว่าคงไม่แคล้วโดนตีกลับมา
“ตื่นนานแล้วเหรอ” เขาพูดพร้อมกับหยิบขนมปังอุ่นที่วางบนถาดขึ้นมา ป้ายด้วยเนยสดเข้มข้นหอม
คนถูกตามไม่ตอบ “เราจะไปกริงกอตต์กันกี่โมง วันนี้ได้ไหม ฉันอยากรีบสะสางเรื่องหนี้ให้จบ”
ขนมปังนุ่มในปาก เปลี่ยนรสเป็นเหมือนเศษไม้แข็งๆ เขาหวังอะไรอยู่กันนะ แฮร์รี่ดุตัวเองอีกครั้ง นายรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้ นายเลือกเองที่จะเดินหมากอย่างนี้ เดรโกไม่ผิดที่เรียกร้องตามสัญญา
“ฉันสั่งให้ทนายเอาทะเบียนสมรสไปให้ที่ธนาคารตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้นายแค่ต้องไปแจ้งพวกก๊อบลินว่าต้องการจัดการหนี้กับใครบ้าง จำนวนเท่าไหร่” เขาพูดด้วยเสียงนิ่งที่สุด
เดรโกวางม้วนกระดาษลงมองเขา “รอบคอบดีนี่”
“ก็ฉันต้องทำตามสัญญาในส่วนของฉันจริงไหม ในเมื่อนายก็ทำตามสัญญาส่วนของนายแล้ว”
เขาแน่ใจว่าเขาเห็นนิ้วเรียวกำปากกาขนนกแน่นขึ้น แต่แค่แว๊บเดียว
“ฉันบอกแล้วว่างานนี้นายมีแต่จะเสียทอง” เดรโกพูดพร้อมกับมองออกไปนอกกระจกไม่สบตาเขา
ไม่ใช่แค่ทองหรอก แต่เป็นหัวใจเขานี่แหละ เป็นไปได้ยังไงกันที่เขาจะต้องอกหักจากผู้ชายคนเดียวสองรอบ ทั้งๆที่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะได้พูดความรู้สึกออกไป
“แล้วฉันเตรียมรายชื่อแล้วก็จำนวนเงินไว้แล้ว” เดรโกแตะม้วนกระดาษตรงหน้า ก่อนจะจรดปากกาลงชื่อ เดรโกลากปากกาขนนกเป็นรูปตัว DM ใหญ่แต่อ่อนช้อย
แฮร์รี่พยายามบอกตัวเองว่าเขาไม่ควรจะรู้สึกอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะตอบกลับ “ฉันต้องแวะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่กริมโมลด์เพลซ”
คราวนี้คนตรงหน้าเขาแสดงความสนใจออกมาเป็นครั้งแรก “นายไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังเหรอ” เขาขมวดคิ้วถาม “อัศวินของพระราชาไม่ใช่รึไง”
“ฉันไม่ได้อยู่หน่วยองครักษ์ แล้วงานของฉันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในวัง” เขาอธิบาย ส่วนคนฟังพยักหน้ารับรู้
“ฉันไม่เคยไปที่นั่นเลย บ้านตระกูลแบล็ค” เดรโกพูดแล้วขมวดคิ้ว
“นายเคยไปสิ อย่างน้อยๆก็ตามที่ยัยป้าวัลเบอร์ก้าเอาแต่พูดไม่หยุดนะ” แฮร์รี่ทำหน้าเบ้ คิดถึงรูปวาดของวัลเบอร์ก้า แบล็กที่เอาแต่พูดถึงเดรโก มัลฟอยไม่หยุด ตั้งแต่เขาไปตามหาเสื้อคลุมของตระกูลกับนางแล้วอธิบายว่าเขาต้องการไปทำไม “นายเป็นเทวดาน้อยๆ ผมทอง แก้มยุ้ย น่ารัก ตัวกระจิ๊ดเดียวและเป็นมัลฟอยทุกกระเบียดนิ้ว” แฮร์รี่พูดหยอกอีกคน แต่เขาไม่ได้โกหกวัลเบอร์ก้าพูดเช่นนั้นจริง แถมยังบอกด้วยว่าเลือดของเดรโกนั้นมีแต่เลือดดีๆ ตระกูลสูงส่ง จนเขาทนไม่ไหวต้องเอาผ้าคลุมเธอไว้อีกครั้ง
“พะ...พอตเตอร์!” อีกคนประท้วงคำพูดของเขา ใบหน้าซีดขึ้นสีน้อย ๆ แฮร์รี่ได้แต่หัวเราะร่า เขาปล่อยให้ยอมเรียกชื่อผิดๆเขาก็ได้
_________________________________________________
พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาที่กริมโมลด์เพลซนาน แฮร์รี่ไม่มีความจำเป็นต้องแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างขุนนาง เขาเป็นคนไม่มียศ ดังนั้นเขาจึงแค่คว้าเสื้อและกางเกงสบายๆมาใส่ เปลี่ยนรองเท้าเป็นบู๊ทสูงคู่เก่าใส่สบาย แล้วก็เสื้อคลุมหลวมๆมีกระเป๋าให้เขาเก็บของ
เมื่อเขาเดินลงบันไดมา เอลฟ์ประจำบ้านตัวดีก็มาวนไปวนมารอบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเขา ครีเชอร์นั้นดูท่าทางยินดีเหมือนเจอพระเจ้าก็ไม่ปาน ส่วนเดรโกน่ะสิ หมอนั่นหันมาส่งสายตาให้เขาช่วยเร็วๆเข้า
“คุณหนูเดรโกโตขนาดนี้ ครีเชอร์แทบจะจำไม่ได้เลย” ครีเชอร์พูดพร้อมสะอื้น “จะกลับมาอยู่ที่นี่ใช่ไหมขอรับ ครีเชอร์ควรจะรับใช้ตระกูลแบล็ค แล้วคุณหนูก็เป็นแบล็ค”
“มัลฟอยต่างหาก” แฮร์รี่พูดขัด แล้วเดินมาข้างๆร่างสูง “แล้วเขาไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่”
ครีเชอร์มองแฮร์รี่อย่างฉงน “แต่คุณหนูเดรโกแต่งงานกับนายท่านแล้ว” ครีเชอร์พูดเสียงสูง
แฮร์รี่หันไปมองคนข้างตัวเหมือนถามว่านายบอกเอลฟ์ประจำบ้านฉันเหรอว่านายแต่งงานกับฉัน คนถูกมองได้แต่กลอกตา
“เวทมนตร์ของเอลฟ์น่ะพะ—แฮร์รี่”
“พวกนั้นสามารถรับรู้ได้หากพ่อมดหรือแม่มดแต่งงาน เพื่อจะแน่ใจว่าดูแลเจ้านายได้ถูกคน ตอนเช้าก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง เอลฟ์ที่คฤหาสน์มัลฟอยรับคำสั่งจากนายเหมือนนายเป็นเจ้านายอีกคน” มัลฟอยอธิบาย
“ฉันย้ายไปอยู่คฤหาสน์มัลฟอย ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
ครีเชอร์ทำหน้าเหมือนแฮร์รี่เพิ่งกินเค้กวันเกิดของเขาไปทั้งก้อน ให้ตายสิเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวร้ายในนิยายกล่อมเด็กก็ไม่ปาน เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมต้องมารู้สึกแย่ด้วยเล่า
“ไม่ต้องรับใช้ฉันหรอก แค่ดูแลบ้านตระกูลแบล็คให้ดีแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ” เดรโกเสียอีกที่เป็นคนกู้สถานการณ์ ทันทีที่จบประโยค ครีเชอร์ก็ทำนหน้าตื้นตันเหมือนจะร้องไห้ พร้อมกับยกผ้ากันเปื้อนเก่าๆมาซับน้ำตาด้วย
“ขอรับ ครีเชอร์จะดูแลบ้านหลังนี้ให้ดีที่สุด”
_________________________
เมื่อเดินออกจากปล่องไฟของร้านหม้อรั่วใหญ่ สู่ตรอกไดแอนกอน แฮร์รี่ก็หันมาถามคนข้างตัว พร้อมกับกันไม่ให้เดรโกโดนรถม้าเหยียบตาย ดูเหมือนอีกคนจะไม่ชินกับการออกมาเดินในเมืองใหญ่ด้วยเท้าแบบนี้
“นายไปหันญาติดีกับเอลฟ์ประจำบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาแน่ใจว่าสมัยที่เรียนด้วยกัน คนข้าตัวเขาไม่เคยสนใจสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์อื่นๆนอกจากตัวเอง
เดรโกไม่ตอบในทันที หากแต่เงียบไปนาน ก่อนจะพูดเบาๆพอได้ยินกันแค่สองคน “ลองอยู่ในคฤหาสน์มัลฟอยแค่คนเดียวโดยสิ่งมีชีวิตอื่นที่นายได้เจอคือเอลฟ์ประจำบ้านสิ”
แฮร์รี่พูดว่าโอ้ออกมาเบาๆ ใช่หลังจากลูเซียส กับนาร์ซิสซัส มัลฟอยเสียชีวิต ทายาทคนเดียวก็หมกตัวอยู่ในบ้าน เสียงว่ากันว่ากลัวว่าหากก้าวขาออกมาจะโดนเจ้าหนี้โดยเฉพาะสุดโหดอย่างเกรย์แบ็คปาดคอ เสียงลือนั้นยิ่งหนักขึ้นเมื่อมีข่าวว่าอดีตเอิร์ลและเคาท์เตสเสียชีวิตโดยไม่มีแม้แต่โรคประจำตัว
“พวกนั้นก็ดีนะ แค่เซ่อซ่า แต่ไม่มีพิษภัย” เดรโกพูดต่อ
“เพราะพวกนั้นชอบนายน่ะสิ” แฮร์รี่เบ้ปาก ไม่มีพิษภัยที่ไหน เขาค่อนข้างแน่ใจว่าครีเชอร์ตั้งใจทำอาหารรสชาติสุนัขไม่รับประทานเพราะเกลียดขี้หน้าเขา แต่ขอโทษทีเถอะ เขาน่ะโตขึ้นมาโดยแทบจะคุ้ยขยะของลอนดอนกินอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแค่มีอาหารอะไรเขาก็กินได้ ดังนั้นแฮร์รี่เลยได้เห็นเอลฟ์ประจำบ้านของเขาทำหน้าเหมือนเห็นผีเวลาแฮร์รี่ฟาดแซนด์วิชรสชาติแย่นั้นจนเกลี้ยง
“ใคร ๆ ก็ชอบฉันกันทั้งนั้นแหละ” เดรโกตอบกลับพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าเดรโกแค่ตั้งใจกวน นิสัยนี้มันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆในหนึ่งวัน
เขามีคำพูดแสบๆคันๆที่จะสวนกลับ อย่างนอกจากเกรย์แบ็คใช่ไหม แต่แฮร์รี่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้เดรโกหงุดหงิด แล้วเขาก็ยินดีที่เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเดรโกอีกด้วย
พวกเขามาถึงธนาคารอย่างปลอดภัย เดรโกยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้ก๊อบลินที่มองลอดแว่นที่พวกเขาทั้งคู่ แน่นอนด้วยทรัพย์สินของแฮร์รี่ เขาสามารถขอให้ทางธนาคารรับรองเขาเป็นการส่วนตัว แม้จะรู้สึกแปลกๆที่ใช้สิทธิพิเศษอย่างนี้ แต่เขาต้องการเก็บเรื่องที่เขาแต่งงานกับเดรโกไว้ความลับ
แฮร์รี่ลงนามในเอกสารหนาเป็นตั้งที่ก๊อบลินขนมาให้เขาเซนต์ เสร็จพิธีการทั้งหมด แฮร์รี่ก็รู้แน่ใจว่าทองตระกูลแบล็คคงหายไปไม่น้อย เดรโกถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นนกฮูกสื่อสารขนเอกสารทั้งหมดไปส่งให้เจ้าหนี้ของตระกูลมัลฟอย และเป็นครั้งแรกที่แฮร์รี่รู้สึกตัวว่าเขาไม่เหลืออะไรไว้งัดข้อกับหนุ่มตัวสูงเลย เขายอมปลดหนี้ทั้งหมดให้เดรโกในวันเดียวโดยไม่อิดออด ถ้าหากเขามีความเป็นสลิธีรินกว่านี้เขาคงเก็บไว้บางส่วนเพื่อเป็นข้อต่อรองให้ทายาทตระกูลมัลฟอยให้ความร่วมมือกับเขา แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่แฮร์รี่เหลือคำสัญญาว่าจะหย่า...ไม่สิอีกอย่างคือ...เขาคิดว่าเขาเชื่อใจเดรโก มัลฟอยได้ รอนได้ยินคงตะโกนด่าเขาหูฉีก
“กลับบ้านไหม” เดรโกหันมามองเขาแล้วถาม คำว่าบ้านทำให้แฮร์รี่รู้สึกแปลกๆ ไม่เคยมีใครชวนเขากลับบ้าน เขา...ไม่เคยมีใครอยู่ที่บ้านด้วย
แฮร์รี่ลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้อีกฝ่าย “อื้อ” ใช่กลับบ้านกันเถอะ
ทันทีที่ถึงบ้าน เอลฟ์ประจำบ้านก็รีบกุลีกุจอช่วยเขาและเดรโกถอดเสื้อคลุมออก พร้อมรายงานว่าครีเชอร์ช่วยขนเสื้อผ้าเขามาที่นี่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะยื่นจดหมายม้วนหนึ่งให้เดรโก ตราประทับของตระกูลแคร์โรว์บนแวกซ์ เดรโกรีบเปิดอ่าน กลืนน้ำลาย ก่อนจะมองหน้าเขา
“นายอยากคุยกับคนในวงสังคมฉันใช่ไหม พรุ่งนี้เย็นเป็นไง” เขาพูดพร้อมกับยื่นจดหมายให้แฮร์รี่ นิ้วของเดรโกสั่นน้อยๆ ใบหน้าที่ดูสดใสตอนกลางวันกลับมาซูบซีดอีกครั้ง
จดหมายนั่นเป็นแค่จดหมายเชิญธรรมดา ถึงเอิร์ลและเคาท์แห่งวิลไชร์ เขากลายเป็นเคาท์เหรอ แฮร์รี่คิดแล้วรู้สึกขนลุกแปลกๆ อาหารเย็นที่บ้านตระกูลแคร์โรว์ที่เขตเวลล์ ไม่มีอะไรที่น่ากลัวขนาดนั้น
“เมอร์ลิน พวกเขาต้องรู้แน่ๆว่านายคือแฮร์รี่ พอตเตอร์”
“ไม่หรอกน่า ฉันไม่รู้จักตระกูลแคร์โรว์หรอกนะ” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว รู้แค่เพียงพวกนั้นเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูง บารอนล่ะมั้ง ร่ำรวย และเลือดบริสุทธิ์ และดูท่าทางน่าจะเป็นที่ๆเขาเริ่มสืบเรื่องโวลเดอร์มอร์ได้
“พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมกับโวลเดอร์มอร์ครั้งที่แล้ว” แฮร์รี่คิดออกมาดังๆ
เดรโกหลับตาเมื่อได้ยินชื่อนั่น ท่าทางสั่นเทิ้มน้อยๆนั่นคืออะไรกันแน่ เดรโกมีท่าทางไม่ปกติมาตลอดเวลาที่เขาพูดถึงโวลเดอร์มอร์ เหมือนอีกคนรู้อะไรมากกว่าที่เขาเล่าให้ฟัง
“เชื่อฉันเถอะ แคร์โรว์สนับสนุนลอร์ดวะ...โวลเดอร์มอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์” เดรโกพูดตะกุกตะกัก หน้ายังคงไร้สี เดรโกไม่น่าจะกลัวพวกแคร์โรว์ขนาดนี้ ให้ตายสิเดรโกไม่เคยกลัวใครด้วยซ้ำ เขาจำได้สมัยเรียนที่หมอนี่เดินเชิดหน้าส่งสีหน้ายโสให้ทุกคนที่รู้จัก อย่างคนที่แน่ใจว่ามีดีกว่าใครทั้งสิ้น
“ถ้า...ถ้า...จอมมารฟื้นคืนชีพจริงๆ ตระกูลแรกๆที่จะวิ่งไปหาเขาคือแคร์โรว์นี่แหละ แล้วลอร์ดอะมีคัส แคร์โรว์ เขาเป็นนักประลองเวทที่เก่ง และไม่ลังเลที่จะใช้คาถาต้องห้ามทุกอย่าง” เดรโกพูดเหมือนพวกเขากำลังจะเดินเข้าแดนประหาร
“หวังว่าที่นายบอกมีแผน มันจะดีพอนะแฮร์รี่” พูดจบเดรโกก็เดินไปที่ห้องอ่านหนังสือโดยไม่หันมามองเขา “ฉันต้องตอบตกลงเพื่อไม่ให้พวกนั้นบุกมาหาถึงที่นี่ แล้วถามว่าทำไมคฤหาสน์มัลฟอยถึงมีเวทกั้นไม่ให้คนตระกูลแคร์โรว์เข้า”
แฮร์รี่มองตามร่างสูง หลายคำถามอยู่ในหัว หนึ่งคฤหาสน์นี้มีเวทกั้นไม่ให้คนตระกูลแคร์โรว์เข้าเหรอ เขาแน่ใจว่าแคร์โรว์ไม่ใช่หนึ่งในเจ้าหนี้ของตระกูลมัลฟอย เพราะฉะนั้นทำไมเดรโกต้องตั้งขอบเวทมนตร์กั้น แล้วก็สอง...เขาแน่ใจแล้วว่าสิ่งเดียวที่เขาเหลือตอนนี้คือคำสัญญาที่จะหย่า เพราะแฮร์รี่ชักจะไม่แน่ใจว่าเขาจะเชื่อใจเดรโก มัลฟอยที่มีท่าทีประหลาดกับเรื่องของลอร์ดโวลเดอร์มอร์ได้ขนาดไหน
------------------------------------------------
Note: ตอนนี้แหละที่ค่ะที่ทำให้เราต้องเอาฟิคเรื่องนี้ลง ReadAWrite ด้วย ที่ลงในเด็กดีเราก็ทำตามกฎของเว็บนี้นะคะ ถ้าอ่านแล้วไม่รู้สึกติดขัด ก็ไม่ต้องดูฉบับเต็มก็ได้ค่ะ ฟิคเรื่องนี้จะแอบยาวนิดนึงนะคะ ตอนนี้ครึ่งเรื่องก็ปาไปเกือบยี่สิบตอนแล้วค่ะ คือช้ามาก ถ้าจะเห็นทั้งคู่สารภาพรักสวีทกันในเร็ววันอาจจะอีกนานนะเคอะ ขอโทษด้วยจริงๆ แต่เราจะพยายามอัพทุกวันช่วงนี้นะคะ คอมเมนต์ได้นะคะ คุยกันๆๆๆ ขอบคุณนะคะที่อ่าน
ความคิดเห็น