ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    It Starts With A Handcuff - H/D

    ลำดับตอนที่ #2 : Flogger

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 60


             สุดท้ายแทนที่จะเป็นแค่เขารับเรื่องแล้วส่งต่อคดีให้กองของอาเธอร์ วีสลีย์ที่ควรจะเป็นคนสืบเรื่องนี้ต่อ แฮร์รี่กลับกลายต้องเป็นคนรับผิดชอบคดีกุญแจมือต้องสาปของมัลฟอยเพราะเขาคือคนเดียวที่สามารถเข้าใกล้หลักฐานได้ ไม่มีใครสักคนในกองการใช้สิ่งประดิษฐ์ชองมักเกิ้ลในทางที่ผิดไม่โดนฤทธิ์โดนเดชของเจ้ากุญแจมือต้องสาปที่ว่า

     

    นอกจากนี้เรื่องนี้ยังเป็นที่ฮือฮาถึงขนาดเพื่อนร่วมชั้นจากฮอกวอตส์ที่ทำงานในกระทรวงด้วยกันต่างก็มาด้อมๆมองๆอยากรู้รายละเอียดทั้งนั้น เพราะข่าวที่ออกไปมันมีคำว่า มัลฟอย เซกซ์ มักเกิ้ล แล้วก็กุญแจมือ แน่นอนแฮร์รี่ต้องทำหน้าดุใส่ทุกคนแล้วบอกว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของคดีได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เหล่าเพื่อนๆของเขาลดความพยายามลงเลย โดยเฉพาะเพื่อนรักตัวดีของเขา

     

    “ไม่เอาน่าแฮร์รี่ พ่อก็ไม่ยอมเล่าให้ฉันฟัง นายก็จะทำอย่างพ่ออีกคนเหรอ” มือปราบมารผมแดงทำเสียงโอดครวญใส่เขาเป็นรอบที่ร้อยของวัน แฮร์รี่ต้องกลอกตาแล้วรีบเดินหนีรอน ยิ่งมีคนถามเท่าไหร่ รายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันยิ่งชัดเจนในความทรงจำเขามากเท่านั้น โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เขาไม่ได้อยากมีภาพมัลฟอยนอนเปลือยบนเตียงฝังอยู่ในหัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกนะ แล้วแรกๆมันก็อาจจะตลกดี แต่ถ้าต้องนึกถึงภาพนั้นเข้าบ่อยๆ เขาก็ชักอยากจะลบความทรงจำของตัวเองบ้างเหมือนกัน เพราะมันทำให้สมองเขาคิดอะไรแปลกๆอย่าง...ที่จริงไอ้หน้าแหลมนั่นก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดขนาดนั้นหรอกเวลาเปลือย หรือเฮ้มัลฟอยก็หุ่นดีเหมือนกันนะ ซึ่งขอบอกว่าพอรู้สึกตัวว่าเขาเริ่มคิดอะไรอย่างนี้กับคู่อริก็ทำให้แฮร์รี่รู้สึกผะอืดผะอมอยากจะขย้อนของเก่าเอาได้ง่ายๆ

     

    แล้วเมื่อพ่อมดที่ใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลคือเดรโก มัลฟอย มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาต้องสืบเรื่องของคู่อริผมทองที่ว่า แล้วการสืบเรื่องของมัลฟอยก็ไม่ได้ง่ายเลยสักนิด เพราะตระกูลมัลฟอยตั้งแต่จบสงครามก็เก็บเนื้อเก็บตัว แทบไม่เข้าสังคม ทุกคนยังรู้ว่ามัลฟอยยังคงรวยล้นฟ้าแม้จะต้องจ่ายเงินค่าปรับจากสงคราม แต่แทนที่จะออกงานอวยรวยเหมือนที่ผ่านมา ทั้งลูเซียส นาร์ซิสซา และเดรโก ต่างก็เก็บตัวเงียบ แม้กระทั่งงานในกระทรวงลูเซียสก็ไม่ขอยุ่ง พวกเขาทำแค่บริหารธุรกิจส่วนตัว และถือหุ้นบริษัทใหญ่ๆทั้งหลายโดยไม่ออกเสียงอะไรมากมาย แล้วเมื่อเขาตามสืบแฮร์รี่ก็ยิ่งต้องปวดหัว เพราะถึงลูเซียสกับนาร์ซิสซาอาจจะยังพอมีเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์บ้างจากการที่ต้องทำธุรกิจ แต่บุตรชายคนเดียวของตระกูลกลับหายหน้า ไม่เหมือนกับว่าเดรโก มัลฟอยจะทำตัวเป็นทายาทของตระกูลเลยแม้แต่น้อย

     

    “หมอนั่นหายหน้าหายตาไปจากวงสังคม สองสามปีก่อนมีลือด้วยซ้ำว่าเดรโก มัลฟอยน่ะตายไปแล้ว” รอนยังคงเดินตามเขาต้อยๆ ขณะที่แฮร์รี่เดินไปที่ห้องเก็บหลักฐาน เขาไม่ได้มีแค่คดีของมัลฟอยที่ต้องทำนะ แต่เป็นอีกสิบคดีที่ต้องเขียนรายงานแล้วส่งให้ศาลตัดสิน ใครจะไปรู้ตอนที่สมัครเข้าทำงานเป็นมือปราบมารว่านอกจากงานภาคสนามที่ดูน่าสนุกแล้ว เขายังต้องทำงานติดโต๊ะเยอะขนาดนี้อีกด้วย แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วมองกำแพงตรงหน้าที่เต็มไปด้วยช่องเล็กๆเก็บหลักฐาน ทุกอันมีคาถาพรางตา และมีแค่มือปราบมารเจ้าของคดีเท่านั้นที่จะรู้รหัสผ่านจะดึงหลักฐานออกมาได้ แฮร์รี่โบกไม้กายสิทธิ์แล้วพึมพำรหัสผ่านของหลักฐานที่เขาต้องการเบาๆ แค่นั้นหนึ่งช่องก็ส่องสว่างขึ้น ก่อนที่หลักฐานในกล่องเล็กๆจะบินมาหยุดที่ข้างศีรษะเขา

     

    “นายมีเวลาไปเชคข่าวลือด้วยรึไง” แฮร์รี่หันมาถามเพื่อน พร้อมกับออกเดินจากห้องเก็บหลักฐาน โดยที่กล่องสีน้ำตาลเล็กๆนั้นลอยตามเขามาไม่ห่าง บางทีเขาก็สงสัยว่าเขากับรอนทำงานที่เดียวกันรึเปล่า ทำไมเขาถึงได้ดูยุ่งได้ตลอดเจ็ดวันยี่สิบสี่ชั่วโมง ชีวิตส่วนตัวไม่มี แต่รอนกลับสามารถหลั่นล้าแถมชีวิตรักกับเฮอร์ไมโอนี่ยังงอกงามดีอีกด้วย

     

    “คิดว่าพี่ชายฉันเป็นใครกัน เพอร์ซี่น่ะเจ้ากรมข่าวลือเลย ไม่มีอะไรที่พี่ไม่รู้” รอนอธิบายพร้อมกับล้วงกระเป๋าเดินไปตามระเบียงแคบๆที่นำไปสู่สำนักงานมือปราบมาร เนื่องจากส่วนนี้ปิดจากเจ้าหน้าที่กระทรวงคนอื่น ดังนั้นแทนที่จะมีคนเดินขวักไขว่หรือเอกสารพากันบินวุ่น มันจึงเงียบสนิท อย่างน้อยๆคงไม่มีใครเห็นมือปราบมารดาวรุ่งสองคนมาสุมหัวเม้าท์เรื่องเดรโก มัลฟอยกัน “ตกลงเล่าให้ฉันฟังได้รึเปล่า”

     

    “ไม่ได้เว้ย” แฮร์รี่ยังยืนยันคำเดิม

     

    “ฉันช่วยนายทำคดีไฟไหม้ที่ซัตตัน ก็ได้นะ แลกกัน”

     

    แฮร์รี่อ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่ารอนเพิ่งพยายามจะติดสินบนให้เขาเล่าเรื่องคดีให้ฟัง...เอาจริงๆถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับมัลฟอย...แล้วเขาก็รู้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเองไม่ชอบมัลฟอยขนาดไหน แล้วถ้ารอนรู้เรื่องจะแพร่ออกไปเร็วขนาดไหนล่ะก็เขาคงเล่าให้รอนฟังแล้ว อีกอย่างเขาโคตรอยากให้มีคนมาช่วยเขียนรายงานไฟไหม้นั่นเลย แค่ลงทะเบียนหลักฐานก็รากเลือดแล้ว ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นตอตะโกไปหมด เขาน่ะอยากจะลงทะเบียนหลักฐานทุกชิ้นแล้วบอกว่าเป็นถ่านไปซะให้หมดๆเรื่องไป

     

    “ไม่”

     

    “โอ้โหแฮะ นายเอาจริงนะเนี่ยที่จะไม่เล่าให้ฟัง อย่างน้อยๆคอมเฟิร์มหน่อยก็ดีว่าตกลงหมอนั่นนอนกับมักเกิ้ลจริงรึเปล่า คือเพื่อน...นายต้องเข้าใจนะข่าวนี่มันเชื่อยาก แล้วถ้าคุณชายมัลฟอยถึงขนาดต้องลดตัวไปนอนกับมักเกิ้ลเพราะไม่มีผู้วิเศษคนไหนเอา—“

     

    “ไม่” แฮร์รี่พูดคำเดิมซ้ำขัดเพื่อนสนิทกลางประโยค นี่แหละน้าที่ไม่อยากให้รอนรู้อะไร ขนาดตอนนี้ไม่รู้อะไรก็ยังเอาไปพูดกันได้ถึงขนาดนี้ เขาไม่ชอบหน้ามัลฟอยก็จริง แต่รอนน่ะโคตรแห่งโคตรของโคตรของความไม่ชอบขี้หน้าเดรโก มัลฟอย ไม่มีทางที่ชีวิตนี้จะญาติดีกันด้วย

     

    รอนทำหน้าบึ้ง พอดีกับที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าทำงาน “ก็ได้ๆ ไม่เล่าก็ไม่เล่า เออ แล้วอาทิตย์หน้าเฮอร์ไมโอนี่ชวนนายไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะ อย่าลืมนะเว้ย” พูดจบหนุ่มผมแดงก็เดินไปอีกด้าน ไปที่คอกโต๊ะทำงานของตัวเอง ส่วนแฮร์รี่ก็แยกไปอีกข้าง เขากับรอนถูกแยกให้รับผิดชอบกันคนละพื้นที่ มือปราบมารรุ่นใหม่ไม่มีใครถูกจับให้ทำงานร่วมกัน พวกเขาถูกจับคู่กับมือปราบมารที่มีประสบการณ์มากกว่า ดังนั้นถึงทำงานด้วยกันแต่เขากับรอนก็ไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆ มีแค่ตอนที่ต้องมาเขียนรายงานคดีที่แหละที่ได้อยู่ในสำนักงาน ปกติแล้วก็ต้องออกไปดูตามพื้นที่ของตัวเอง  เขามองนาฬิกา...นี่ก็น่าจะใกล้เวลาที่เขาต้องถูกเรียกไปภาคสนามอีกแล้ว เอาล่ะต้องเร่งมือทำเอกสารให้เสร็จแล้ว คิดแล้วแฮร์รี่ก็ดันเรื่องมัลฟอยเอาไว้ส่วนลึกสุดในสมอง แล้วบอกตัวเองให้สนใจคดีตรงหน้ามากกว่าเรื่องของทายาทตระกูลมัลฟอย

     

    แต่มันก็ไม่ง่ายเลย เพราะสมองเขามันเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ บอกให้ตัวเองเลิกหมกมุ่นกับมัลฟอยทีไร กลายเป็นเขาต้องคิดมากเรื่องหมอนั่นทุกที แฮร์รี่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วปัดดินออกจากเสื้อคลุมสีเข้ม ก่อนจะเดินไปที่ผู้วิเศษที่ดิ้นรนอยู่บนพื้น หมอนี่เป็นพ่อมดที่ขายน้ำยาวิเศษให้มักเกิ้ล แถมเป็นน้ำยาวิเศษที่มีผลข้างเคียงถึงตายอีกด้วย ควรจะเป็นคดีง่ายๆที่แค่ล่อซื้อแล้วดักจับ แต่เขาเผลอใจลอยจนโดนคาถาอีกฝ่ายไปเต็มๆจนกลิ้งหลุนๆคลุกฝุ่นนี้แหละ โชคดีที่เขายังเร็วพอที่จะเสกคาถาอินคาเซรัสใส่อีกคน

     

    “เลิกดิ้นได้แล้ว ปิแอร์ มูแลง” แฮร์รี่อ่านชื่อผู้วิเศษจากกระดาษที่เขาจด แล้วก้มไปฉุดตัวอีกคนขึ้นพร้อมกับเก็บไม้กายสิทธิ์ของมูแลง แล้วต้องทำหน้าแหยเกเพราะชายโครงเขาเจ็บเสียดขึ้นมา สงสัยว่าที่ล้มลงเมื่อกี้ คงไม่ได้แค่ฟกช้ำนิดๆหน่อยๆแล้วล่ะ แต่แฮร์รี่กัดฟันก่อนจะมองหน้าคนร้ายข้างตัวแล้วยกไม้กายสิทธิ์ของตัวเองก่อนจะหายตัวทั้งเขาและมูแลงกลับไปที่กระทรวง ปิดไปอีกหนึ่งจ๊อบ

     

                       แล้วเพราะเขาต้องเสียเวลาในเซนต์มังโกเพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาไม่โดนคาถาหรือว่าบาดเจ็บอะไรมากมาย ดังนั้นคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่แฮร์รี่ต้องอยู่ดึก เฮ้อ แทนที่วันนี้จะได้กลับบ้านเร็วซักวัน ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วมองดูไฟในห้องค่อยๆดับลง จนเหลือแค่โคมไฟของเขาตามเคย อย่างน้อยวันนี้ครีเชอร์ก็บังคับให้เขาเอาข้าวเย็นมาด้วย ดูเหมือนเอลฟ์ชราจะรู้ว่าเขาต้องทำงานดึกก่อนเขาซะอีก แฮร์รี่มองแซนด์วิชในมืออย่างเซ็งๆ ชายหนุ่มกัดกร้วมแล้ววางมืออีกข้างบนม้วนกระดาษอ่านคดีตรงหน้าอีกครั้ง คดีของมัลฟอย สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม ทุกคาถาที่ลองใช้ทดสอบบ่งบอกว่าอย่างน้อยเวทมนตร์ที่อยู่ในกุญแจมือก็ไม่ใช่เวทมนตร์มืด และไม่มีอันตรายอะไร แค่ทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้...ยกเว้นแต่เขา... แล้วก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนร่าย

    แต่อย่างน้อยๆก็คงไม่ใช่เดรโก มัลฟอย เพราะดูเหมือนที่หมอนั่นพูดจะเป็นเรื่องจริง ไม่มีบันทึกว่าเดรโก มัลฟอยมีการใช้เวทมนตร์ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ไม่มีบันทึกการซื้อไม้กายสิทธิ์ ปกติกระทรวงไม่ได้บันทึกเอาไว้หรอกว่าพ่อมดแม่มดใช้เวทมนตร์อะไรบ้าง แต่เพราะเดรโก มัลฟอยเป็นผู้เสพความตายขึ้นทะเบียน ถึงเขาจะไม่ได้ถูกลงโทษ แต่กระทรวงก็มีทัณฑ์บนโดยจะบันทึกคาถาที่มัลฟอยใช้ อย่างน้อยๆก็พวกคาถาอันตรายทั้งหลายทั้งแหล่

    และถึงไม่มีบันทึกนี่แฮร์รี่ก็แน่ใจว่าหมอนั่นพูดจริง เพราะเขาจำได้ดีว่าข้อมืออีกคนถลอกปลอกเปิกขนาดไหนจากกุญแจมือ แล้วแค่คาถาเอพิสกี้ ง่ายๆก็คงทำให้รอยเลือดซึมๆนั้นหายไปได้ แต่มัลฟอยกลับนั่งปล่อยให้เขาสอบปากคำโดยไม่ทำอะไรสักอย่างกับข้อมือซึมเลือดนั่น...ตอนแรกเขาคิดว่าหมอนั่นอาจจะเป็นพวกมาโซคิสต์ แต่พอมารู้ว่าหมอนั่นไม่มีไม้กายสิทธิ์มันก็เข้าเค้าเหมือนกัน  

     

                    นอกจากจะไม่ใช้เวทมนตร์แล้วที่รอนบอกเขายังเป็นความจริง มัลฟอยหายหน้าไปจากโลกเวทมนตร์ โดนลือว่าตายไปแล้วก็ไม่แปลกหรอก เพราะไม่มีใครเจอหนุ่มผมทองเลย โอเค นั่นอาจจะเกินขอบเขตการสืบคดีไปสักหน่อย แต่เขาแค่อยากรู้ เขาเลยตามหาเพื่อนสนิทของมัลฟอยจากสมัยฮอกวอตส์ แล้วใช้อำนาจของมือปราบมารสอบปากคำซะ...รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันนะ...แต่ก็...แต่ก็ทำไปแล้ว

     

                    “ไม่ใช้เวทมนตร์ หายหน้าไปจากโลกผู้วิเศษ คบกับมักเกิ้ล หกปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่เดรโก มัลฟอย” แฮร์รี่พึมพำกับตัวเองเบาๆ อยากจะสืบต่อหรอก แต่ในเมื่อมันชี้ชัดอยู่แล้วว่ากุญแจมือนี่ไม่ใช่เวทมนตร์ของมัลฟอย หรือว่าจากผู้วิเศษคนไหน เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากปิดคดี แล้วเก็บกุญแจมือนี้ปิดตายเอาไว้ ชายหนุ่มเม้มปากแล้วหยิบกระดาษเปล่าขึ้นมา คงต้องร่างจดหมายแจ้งเดรโก มัลฟอยว่ากุญแจมือของเขาคงถูกริบ และคดีปิดแล้ว เขาคงไม่มีวันได้คำตอบที่อยากรู้ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็จะใช้ชีวิตโดยที่ในหัวไม่เต็มไปด้วยเรื่องของมัลฟอยได้

     

                    ชายหนุ่มผมดำเคี้ยวแซนด์วิชคำสุดท้ายแล้วหยิบปากกาขนนกขึ้นมาจรดกับกระดาษ แต่ก่อนที่เขาจะได้เขียนอะไร เหรียญตามตัวของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา แฮร์รี่รีบหยิบมันออกมาดู ด้านหนึ่งของเหรียญขึ้นเป็นที่อยู่ อีกด้านเป็นชื่อของผู้เรียกเขา ทันทีที่อ่านชื่อผู้เรียก แฮร์รี่ก็ขมวดคิ้ว แต่เขาก็วางปากกาลงแล้วรีบหยิบเสื้อคลุมกับไม้กายสิทธิ์ทันที

                    ....อาเธอร์ วีสลีย์ เรียกเขาทำไม....

     

    #####

     

                    แฮร์รี่หายตัวมาตามที่อยู่ที่อาเธอร์ส่งมา ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เขาอยู่ในโถงทางเดินของโรงแรมที่ไหนซักแห่ง ความรู้สึกเดจาวูเหมือนเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วสักอาทิตย์กว่าๆ คนเรียกคนเดิม เขามาที่โรงแรมเหมือนเดิม แล้วถ้าเปิดประตูเข้าไปเจอมัลฟอยโดนมัดติดกับเสาเตียงอีกเขาคงต้องโขกหัวตัวเองแล้วปลุกให้ตัวเองตื่นขึ้นแน่ๆ

     

                    “แฮร์รี่ โชคดีชะมัดที่เธอไม่ติดงานอื่น” อาเธอร์รีบรุดมาที่เขา ชายผมแดงใบหน้าตื่น แต่ก็ไม่ได้ดูบาดเจ็บอะไร

     

                    “อย่าบอกนะครับว่ามัลฟอยอีกแล้ว” แฮร์รี่ถามสิ่งแรกที่อยู่ในใจเขา แล้วถึงอาเธอร์จะไม่ได้ตอบแต่ไอ้ท่าทางห่อเหี่ยวก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าต้องเกี่ยวข้องกับหนุ่มผมทองอีกแน่ๆ “โอ๊ย หมอนี่มันจะมีกุญแจมือได้กี่อันหะ”

     

                    “คราวนี้ไม่ใช่กุญแจมือน่ะสิ” อาเธอร์รีบแก้ “มันเลวร้ายกว่ามาก ฉันไม่คิดเลยว่าเด็กบ้านมัลฟอยจะทำอะไรแบบนี้”

     

                    “มนตร์มืดเหรอครับ” แฮร์รี่ถามอย่างตกใจ แต่จะเป็นไปได้ยังไงมัลฟอยไม่ใช้เวทมนตร์นะ

     

                    “ไม่ใช่หรอก แต่คือ...โอ๊ยแฮร์รี่ ฉันเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาฮิตอะไรแบบนี้กันสมัยฉันนะ แค่บนเตียงก็—“

     

                    “โอเคครับคุณวีสลีย์” แฮร์รี่รีบขัด เขายังไม่อยากฟังอาเธอร์เม้าเรื่องเซกซ์ระหว่างเขากับมอลลี่นะ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไม่ใช่มนตร์มืด แล้วดูท่าทางมัลฟอยจะ...เอ่อ...จะใช้อะไรสักอย่างที่ดูท่าจะทำให้อาเธอร์ตกใจได้มากกว่ากุญแจมือ แต่ก่อนที่แฮร์รี่จะบิดประตูเปิดเข้าไปในห้องที่คุณวีสลีย์ยืนขวางอยู่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามอีกคน “คราวนี้เขาใส่เสื้อผ้าใช่ไหม”

     

                    เป็นอีกครั้งที่คุณวีสลีย์ไม่ตอบเขามาตรงๆ แต่คำตอบนั้นก็ทำให้เขาพอจะรู้ว่าเขาจะเจออะไร “ฉันขอโทษเธอจริงๆนะแฮร์รี่” มือปราบมารหนุ่มพยักหน้า แล้วสูดหายใจลึกก่อนจะเปิดประตูเข้าไป คราวนี้แทนที่จะเป็นกุญแจมือที่ผูกติดเดรโก มัลฟอยเข้ากับเตียง กลับเป็นเชือก และแทนที่อีกคนจะนอนแผ่หรามัลฟอยกลับยืนโก้งโค้งเหนือเตียง ทันทีที่หนุ่มผมทองหันหน้ามาเจอเขามัลฟอยก็ถอนหายใจ แล้วทำหน้าอย่างคนที่ปลงแล้วกับชีวิต

                    “เอาวะ อย่างน้อยนายก็ไม่ใช่วีสลีย์อีกคน” แฮร์รี่อยากจะตอบโต้อะไรกลับไป ถ้าเขาไม่ได้กำลังอึ้งกับสิ่งที่เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอาเธอร์ถึงได้ตกอกตกใจนัก โธ่คุณวีสลีย์ชาตินี้คงไม่รู้จัก BDSM เพราะที่กำลังขยับข่มขู่อยู่ก็คือแส้หนังที่เหมือนมีชีวิตของตัวเอง มันไล่ตีมักเกิ้ลที่ดูท่าจะเป็นคนรักของมัลฟอยที่ตอนนี้ลงไปคุดคู้ซุกตัวเข้ากับพื้น แล้วร้องอย่างตกใจ...ไม่ใช่มักเกิ้ลคนเดิมซะด้วย...เขาหันไปมองแล้วเลิกคิ้วใส่มัลฟอย ส่วนหมอนั่นก็แค่ยักไหล่เหมือนจะถามกลับว่าแล้วไง แฮร์รี่ได้แต่กลอกตาแล้วก้าวเท้าเข้าไปใกล้

     

                    “อะ อะ หยุด วีสลีย์แก่โดนไล่ตีจนเกือบตายทันทีที่เข้าใกล้ตัวฉัน คาถาอะไรก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ฉันไม่คิดว่านายจะโชคดีเหมือนครั้งที่แล้วนะพอตเตอร์” มัลฟอยส่งเสียงเตือน “แล้วเงียบได้แล้วกัส แส้มันไม่ได้โดนตัวคุณซะหน่อย ผมนี่สิเจ็บหลังจะตายอยู่แล้ว” มัลฟอยตะโกนข้ามหัวเขาไปที่มักเกิ้ลหนุ่ม

     

                    “นายโดนแส้ฟาดด้วยเหรอ” แฮร์รี่เขย่งดูหลังอีกคน แต่มัลฟอยไม่ได้มีรอยแดงอะไรอย่างนั้นเลย

     

                    “ไม่ใช่เว้ย แต่ฉันยืนท่านี่มาเกือบชั่วโมงแล้ว ถ้าต้องยืนโก้งโค้งอย่างนี้ต่อ กระดูกสันหลังฉันต้องติดกันแน่ๆ”

     

                    “น่าจะคิดก่อนเล่นเซกซ์ท่านี่นะเว้ย” แฮร์รี่บ่นขมุบขมิบ แต่หนุ่มผมทองก็ดันหูดีได้ยิน แถมยังตอบโต้กลับมาอีกด้วย

     

                    “สีสันของชีวิตเข้าใจไหม พอตเตอร์ อย่างนายคงไม่เข้าใจหรอก โสดมานานขนาดไหนแล้วเนี่ย”

     

                    เส้นเลือดบนหัวเขาเต้นตุบๆ โอ๊ยทำไมมัลฟอยมันถึงได้กวนโอ๊ย กวนบาทา กวนและกวนเขาได้ขนาดนี้ รู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองอยู่ท่าไหนน่ะ แฮร์รี่คิดแล้วขยับเท้าเข้าไปใกล้ๆ สายตามองไปที่แส้ที่ยังไม่มีท่าทางว่าจะขยับมาทางเขา

     

                    “บอกแล้วว่าอย่าเข้ามาใกล้” มัลฟอยส่งเสียงเตือน

     

                    “เออ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า” แฮร์รี่ตอบกลับ มือกระชับไม้กายสิทธิ์ พร้อมจะใช้คาถาป้องกันตัวเองทันที แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เพราะนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ดูเหมือนว่าเขาไม่โดนเล่นงาน แฮร์รี่มาหยุดข้างหนุ่มผมทองแล้วยื่นมือไปปลดเชือกจากข้อมือขาว พร้อมกับก้มหยิบเสื้อโค้ทบนพื้นให้อีกคน ถึงมัลฟอยจะไม่ใช้เสื้อผ้าแบบผู้วิเศษแต่ว่าหมอนั่นก็ยังใส่เสื้อผ้าราคาแพงแบบที่เขาพอจะแยกออกได้แหละว่ายี่ห้อไหนที่มัลฟอยจะเลือกใส่ หนุ่มผมทองรับเสื้อโค้ทมาอย่างแกนๆ ก่อนจะคว้ามาคลุมตัวแล้วเดินตามแฮร์รี่ไปที่มุมห้องด้านที่แส้ลอยอยู่ มันยังคงไม่สนใจทั้งเขาทั้งมัลฟอย มือปราบมารหนุ่มยกไม้กายสิทธิ์แล้วร่ายคาถารีวิลิโอและผลที่ได้ก็เหมือนครั้งที่เขาใช้คาถานี่กับกุญแจมือ แส้ถูกฉาบด้วยสีเหลืองทองก่อนจะแสงนั่นจะหายไปอย่างรวดเร็ว เขามองดูวัตถุตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่คำสาปที่ติดกับวัตถุมันไม่มีผลต่อเขา แฮร์รี่หันกลับไปดูที่ประตูห้อง คุณวีสลีย์ยังคงยืนอยู่ห่างๆ ดูเหมือนเจ้าตัวจะเข็ดและไม่กล้าขยับเข้ามาใกล้กว่านั้น ก็พอจะเข้าใจได้ ตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตุอะไรแต่เมื่อเห็นแส้ใกล้ๆ แล้วมองคุณวีสลีย์ เขาก็เห็นว่าใบหน้าของหัวหน้ากองมีรอยแดงพาดยาว คงโดนเจ้าแส้หนังนี่เล่นงานเป็นแน่แท้

     

                    “ฉันว่าเวลานี้คนที่ควรเป็นผู้ต้องสงสัยคือนายมากกว่าฉันนะพอตเตอร์” มัลฟอยพูดพร้อมกับกอดอกมองเขา ส่วนแฮร์รี่หรี่ตาหันไปมองอีกคน...อยากจะเถียง...แต่ก็เถียงไม่ออก เพราะมันก็จริง ถ้าหากเขาเป็นคนนอกแล้วดูคดีนี้ คนแรกที่เขาสงสัยคงเป็นตัวเองแน่ๆ มัลฟอยนั้นไม่ใช้เวทมนตร์ แล้วคนเดียวที่ดูจะได้รับการยกเว้นนอกจากมัลฟอยก็คือเขานี่แหละ และถ้าพูดกันจริงๆแล้วมัลฟอยเองก็เป็นเหยื่อไปไม่น้อยกว่าคนอื่น ใครกันจะอยากโดนเจอในสภาพล้อนจ้อนอยู่ในท่าที่ชวนน่าอายติดกันสองครั้งสองครากันบ้าง แต่เขาไม่ได้ทำจริงๆนะ จะบ้ารึไง!!!

     

                    “เงียบไปเลย” แฮร์รี่พูดจากมุมปาก แล้วโบกไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาไฟไนท์ อินคาเททัม แส้หยุดขยับทันทีก่อนจะตกลง และด้วยรีเฟล็คของซีกเกอร์เขาก็ดันยื่นมือไปรับแทนที่จะใช้คาถา เขาได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจของคุณวีสลีย์ และเสียงสูดหายใจเฮือกของมัลฟอย ส่วนตัวเขาก็หลับตาปี๋รอให้เกิดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แส้หนังอยู่ในมือเขาเหมือนวัตถุไม่มีชีวิตอย่างที่มันควรจะเป็น สายตาสี่คู่มองที่มือเขาเขม็ง ทุกคนในห้องเงียบสนิทก่อนที่มัลฟอยจะเป็นคนแรกที่พูดทำลายความเงียบขึ้น

     

                    “อะฮะ ฉันยืนยันคำเดิมว่านายคือผู้ต้องสงสัยที่สุดแล้วหล่ะพอตเตอร์”

     

    ####

     

                    “ทำไมนายไม่ใช้เวทมนตร์” นี่เป็นคำถามแรกที่เขาถามเดรโก มัลฟอยที่เขาหายตัวพาหนุ่มผมทองกลับมาที่กระทรวง เพราะเหมือนครั้งที่แล้วอาเธอร์ในฐานะหัวหน้ากอง เขาต้องรอจัดการเรื่องกับมักเกิ้ลให้เรียบร้อย

     

                    “ว้าว ครั้งที่แล้วคำถามแรกของนายเป็นถามชื่อถามอายุ คำถามประเภทไม่เป็นประโยชน์ ครั้งนี้ก็เหมือนกันรึไง” มัลฟอยมองเขานิ่งๆ ร่างสูงกอดอกแล้วเอนหลังพิงที่นั่ง พวกเขาสองคนอยู่ในสำนักงานมือปราบมารที่เงียบสนิท เพราะป่านนี้ทุกคนกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าแฮร์รี่ควรจะดีใจหรือเสียใจดี เอาวะอย่างน้อยๆก็รอดพ้นจากหูจากตาของคนที่อยากรู้ทั้งหลายทั้งแหล่

     

                    “ไม่ต้องเบี่ยงประเด็นเลย”

     

                    “ไม่ได้เบี่ยง แต่ไม่เกี่ยวสักหน่อยว่าไหมพอตเตอร์”

     

                    “ใครว่าไม่เกี่ยวล่ะ....ก็แบบว่า...” แฮร์รี่พยายามหาทฤษฎีเวทมนตร์ในหัวก่อนที่จะมั่วนิ่มอะไรสักอย่างขึ้นมา “แบบว่านายไม่ได้ใช้เวทมนตร์นานๆ มันอาจจะทำให้เวทมนตร์ของนายแสดงออกมาในแบบไปสาปกุญแจมือหรือแส้อะไรแบบนี้ก็ได้”

     

                    มัลฟอยมองเขาเหมือนเขาบ้าไปแล้ว “ฉันแน่ใจว่าฟลิตวิกสอนทฤษฎีว่าเวทมนตร์ทำงานยังไงนะ แล้วเราก็มีต้องทดสอบเรื่องนั้นนะ จำได้เลยว่าต้องเขียนรายงานยาวตั้งหลายฟุต แล้วมันก็ไม่ได้ทำงานอย่างที่นายว่าแน่ๆ”

     

                    “เฮ้ มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ แบบเด็กๆที่ควบคุมเวทมนตร์ของตัวเองไม่ได้อะไรแบบนั้น”

     

                    “พอตเตอร์ เอาเป็นว่ามันไม่ใช่ ถ้ามันควบคุมไม่ได้ฉันก็สั่งให้มันไปอยู่ในเซกซ์ทอยไม่ได้ เอางี้พอตเตอร์ฉันใบ้ให้ถ้านายคิดว่าเป็นฉันจริงๆ ทางเดียวที่ฉันทำได้คือฉันใช้เวทมนตร์แบบไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์”

     

                    แฮร์รี่กระพริบตาปริบๆ “เอ่อ แล้วนาย—“

     

                    หนุ่มผมทองถอนหายใจ แล้วกลอกตา “แล้วถ้าเป็นฉันทำจริงๆ ฉันก็ไม่หน้าโง่บอกนายโต้งหรอก โอ๊ยให้ตายสินายเป็นมือปราบมารได้ไงวะเนี่ย”

     

                    “เฮ้ย พูดให้ดีๆหน่อย” แฮร์รี่แก้มแดงจัด ทฤษฎีเวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัด ปกติอะไรอย่างนี้เขามักวิ่งแจ้นไปหาเฮอร์ไมโอนี่ แต่งานนี้ทำได้ที่ไหน “แล้วนอกจากนี้นายยังมีแรงจูงใจอีกด้วย”

     

                    คิ้วเรียวของคนที่นั่งตรงข้ามเขาเลิกสูง โอ๊ยทำไมแค่คิ้วของหมอนี่ก็ยังกวนโอ๊ยเขาได้นะ เห็นแล้วอยากเอาปากกาขนนกจิ้มจริงๆ

                    “ก็นายอาจจะหลอกล่อมีเซกซ์กับมักเกิ้ลเพื่อจะทรมาณพวกเขาด้วย...ด้วย....ด้วยของพวกนั้นไง” โอเค สมองเขาตายไปแล้วแน่ๆ สมองเขาไม่ทำงานแล้ว นี่เขาเพิ่งพูดอะไรที่ลดไอคิวของทั้งตึกลงไปอีกประมาณสามร้อยจุด ตอนนี้ในรัศมีร้อยไมล์ทุกคนมีไอคิวติดลบเพราะเขา ถ้าไม่ติดว่ามีมัลฟอยจ้องหน้าเขาอยู่ เขาคงเอาหัวโขกกับโต๊ะโอ๊คนี้แล้ว โอ๊ยทำไมอยู่กับมัลฟอยทีไรมันเหมือนสมองเขามันไม่ค่อยทำงานทุกทีเลยนะ ปกติเขาไม่ได้ทึ่มขนาดนี้นะ

     

                    พวกเขามองหน้ากันนิ่งไปสักครู่ แฮร์รี่รอให้มัลฟอยพูดจาถากถางอะไรเขาออกมา เพราะขนาดเขายังถากถางตัวเองในใจจนเจ็บไปหมดแล้ว แต่ที่มัลฟอยทำกลับทำให้เขาต้องเลิกคิ้วกลับ เพราะหมอนั่นกลับค่อยๆคลี่ริมฝีปากยกเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา ไม่ใช่หัวเราะแบบเยาะเย้ยเสแสร้งอย่างที่เขาได้ยินเป็นปกติตลอดห้าปีแรกของฮอกวอตส์ด้วย แต่เป็นเสียงหัวเราะแบบตลกจริงๆ เสียงหัวเราะใสดังก้องในห้องเงียบๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าคืนนี้มันโคตรจะไม่ปกติมากไปกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่า หรือว่าครีเชอร์จะแอบใส่เห็ดเมาในแซนด์วิชนะ แล้วตอนนี้เขากำลังฝันอยู่ คิดแล้วแฮร์รี่ก็แอบหยิกหลังมือตัวเองแรงๆ เจ็บแฮะ ไม่ได้ฝัน

     

                    “ใช่แล้วฉันก็วางแผนให้อาเธอร์ วีสลีย์มาเจอฉันเปลือยล่อนจ้อนสองครั้งสองคราติดๆ เพราะจริงๆที่ฉันตั้งใจคืออ่อยตาแก่วีสลีย์นั่น ชอบเขามาตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว จริงๆฉันชอบคนรุ่นพ่อน่ะ ยิ่งผมแดงหัวล้านนะสเป็คฉันเลย” มัลฟอยพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ทันทีที่มัลฟอยพูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะหึๆออกมา เพราะมันตลกจริงๆนะ มันบ้าไม่ต่างจากทฤษฎีของเขาที่บอกว่ามัลฟอยตั้งใจหลอกล่อมักเกิ้ลมาทรมานด้วยเซกซ์ทอยเลย

     

                    “ฉันหวังว่าที่นายพูดออกมานายพูดเล่นนะพอตเตอร์ ไม่อย่างนั้นฉันขอย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสดีกว่า อย่างน้อยมือปราบมารที่นั่นคงไม่ได้บ้าอย่างนาย เพราะเคราเมอร์ลิน ถ้านายคิดว่าทั้งสองครั้งฉันตั้งใจให้เกิดขึ้นแล้วล่ะก็ฉันว่านายต้องไปเซคประสาทแล้วล่ะพอตเตอร์ นายอาจจะโดนคาถามากไปจริงๆระหว่างสงคราม”

     

                    แฮร์รี่กลั้นยิ้ม พยายามทำหน้าขรึม แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามุมปากเขายังยกขึ้นน้อยๆอยู่ดีๆ

     

                    “เอางี้ บอกให้เอาบุญพอตเตอร์ ฉันไม่ได้หลอกล่อมักเกิ้ลมาเพื่อทรมานหรืออะไรทั้งนั้น ฉันแค่เป็นผู้ชายปกติอายุ 24 ปีที่ชอบเซกซ์เท่าๆกับผู้ชายคนอื่นวัยเดียวกัน...อาจจะยกเว้นนายนะ ถ้าที่เดลี่โพรเฟ็ตพูดเป็นความจริง—“

     

             “ฉันไม่ได้ตายด้านเว้ย” แฮร์รี่หน้าแดงจัด หนังสือพิมพ์บ้านั่นยังเขียนข่าวไร้สาระของเขาไม่เว้นว่าง หลังจากเห็นว่าเขาเลิกกับจินนี่โดยไม่มีท่าทีว่าจะเดทใครอื่นอีก ก็เล่นข่าวว่าเขาเป็นพวกกามตายด้านซะงั้น ใช่ที่ไหนกันเล่า!

     

                    “โอเคๆ ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ นายคิดว่าอย่างนี้” มัลฟอยชี้ไปที่หน้าตัวเอง “จะดึงดูดพ่อมดคนไหนได้รึไง”

     

                    แฮร์รี่มองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาก็คือ ทำไมจะไม่ได้ ก่อนจะรีบหยุดความคิดนั้นทันที โอเคเขาพอจะเข้าใจที่มัลฟอยต้องการสื่อแล้ว เดรโก มัลฟอยเป็นผู้เสพความตาย ไม่ใช่สิ่งที่ฮอตที่สุดในโลกเวทมนตร์ แต่...แต่...แต่หมอนั่นก็โคตรรวย แล้วไม่อยากจะยอมรับหรอก แต่ไอ้หน้าแหลมก็ไม่ได้ดูแย่นัก อาจจะไม่ได้หล่อขนาดนายแบบ แต่ก็ถือว่าไปวัดไปวาได้ แล้วหุ่นก็... หยุดเลยแฮร์รี่ หยุดๆๆๆๆ แฮร์รี่รีบสั่งตัวเอง ก่อนที่สมองเขาจะส่งภาพเปลือยของมัลฟอยขึ้นมาในหัว แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว เขากลืนน้ำลาย กระแอมเบาๆแล้วตอบ “ต้องมีพวกเลือดบริสุทธิ์สิ”

     

                    “อย่างใครล่ะ พวกนั้นบ้ากันทั้งนั้น อย่างน็อตต์รึไง ฉันอาจจะชอบทำรักแบบมีสีสันนิดหน่อย คือฉันชอบโดนแส้ฟาดแบบแค่พอสนุก ไม่ใช่โดนฟาดเอาซะหลังลายต้องนอนโรงพยาบาลอย่างที่น็อตต์ทำกับคู่นอน” พูดแล้วมัลฟอยก็ทำหน้าสยอง “ไม่เอาล่ะ อีกอย่างมักเกิ้ลก็ไม่ได้แย่ซะหน่อย อย่างน้อยกับมักเกิ้ลฉันก็ไม่ต้องพรางเจ้านี่” มัลฟอยพูดแล้วแตะที่ท้องแขน ตรงที่แฮร์รี่รู้ว่าเป็นจุดที่เจ้าตัวมีรอยสักรูปงูและกระโหลก

     

                    แฮร์รี่เงยหน้ากลับขึ้นมาสบตากับดวงตาสีเทา ไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรออกไปดี

    ฉันเสียใจมัลฟอย มันก็ฟังดูไม่จริงใจเป็นที่สุด

    โดนอย่างนั้นก็สมแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดในหัวเลยสักนิด

    “ฉันเข้าใจ” ในที่สุดเขาพูดออกมา เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาคิดจริงๆ เขาเข้าใจ เรื่องของพวกเขาอาจจะตรงกันข้ามแต่สาเหตุที่เขาไม่คบใครสักคนหลังจากเลิกกับจินนี่ก็ไม่ได้ต่างจากการที่มัลฟอยเลือกไม่นอนกับผู้วิเศษสักเท่าไหร่ การถูกจดจำและตราหน้าว่าเป็นอะไรสักอย่าง...ไม่ว่าจะดีหรือร้าย...มันก็น่ารำคาญทั้งนั้น

     

    “ก็คิดอยู่ว่านายน่าจะเข้าใจ” มัลฟอยตอบยิ้มๆ แล้วนิ้วเรียวที่แตะที่แขนก็เลื่อนมาเคาะที่หน้าผากเบาๆ ตรงที่ถ้าเป็นใบหน้าของแฮร์รี่คงเป็นรอยแผลเป็นของเขา “นายไม่เคยชอบมันเลย ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมนายไม่ชอบมัน จนกระทั่งหลังจากสงครามนี่แหละ” ประโยคนั้นพูดเรียบๆ ไม่ได้ประชดประชันหรือเสียดสีใดๆทั้งสิ้น

     

                    แฮร์รี่กระแอมเบาๆ เปลี่ยนเรื่อง คืนนี้ประหลาดชะมัด

     

    ####

     

             แฮร์รี่ขมวดคิ้วอ่านคำให้การของมัลฟอยจากเมื่อคืน มันก็เหมือนเดิมกับครั้งที่แล้ว มัลฟอยซื้อแส้นั่นจากร้านมักเกิ้ล เขาจดชื่อเอาไว้แล้ว คงต้องไปสำรวจสักหน่อย นี่เขาจะเข้าเซกซ์ชอปครั้งแรกเพราะคดีของมัลฟอยนะ ควรดีใจดีไหม หมอนั่นบอกเคยเคยใช้แส้นั่นหลายครั้งแล้วไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งเมื่อคืนนี้แหละ ตลอดเวลามัลฟอยมองหน้าเขาเหมือนรอให้เขาพูดอะไรออกไป แต่จะให้เขาพูดอะไรได้ มันอาจจะประหลาดหน่อยๆที่มัลฟอยชอบเซกซ์แบบนั้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สุดในโลกซะหน่อย เอาเป็นว่าถ้าสักวันหนึ่งแฮร์รี่คบกับใครสักคน แล้วคนๆนั้นเกิดนึกสนุกอยากฟาดก้นเขาขึ้นมา เขาก็คง...ไม่ขัดอะไรหรอก...คือถ้ามันไม่ใช่แบบที่ทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาลนะ เพราะอย่างน้อยตอนจบก็แฮปปี้เอนดิ้งใช่ไหมล่ะ

     

                    แล้วเพราะมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาถึงรู้สึกว่านี่มันคงไม่ไปไหนอีกแหง อยากจะปรึกษาเฮอร์ไมโอนี่ชะมัด เฮ้อ แต่ถ้าเฮอร์ไมโอนี่รู้เรื่อง ก็มีโอกาสที่รอนจะรู้ คงต้องไปยืมหนังสือเรื่องเวทมนตร์จากห้องสมุดกระทรวงแล้ว แล้วเขาน่าจะถามอาเธอร์อีกครั้งว่าตลอดเวลาเขาเคยเจออะไรแบบนี้รึเปล่า

     

                    อีกอย่างที่กวนใจเขาก็คือ ทำไมเขาเป็นคนเดียวที่ไม่โดนผลกระทบจากเวทมนตร์เลย แส้ที่ว่ายังคงวางอยู่ตรงหน้าเขา แล้วจากคาถาตรวจสอบเขาก็แน่ใจว่ามันยังคงมีเวทมนตร์ไหลเวียนอยู่ แต่มันกลับไม่สำแดงฤทธิ์ใส่เขาเลย...เขากับมัลฟอย...ทำไมแค่พวกเขาสองคน

     

                    สรุปแล้วอาเธอร์ วีสลีย์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ที่จริงทันทีที่แฮร์รี่เดินเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้ากองการควบคุมการใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลในทางที่ผิด อาเธอร์ก็รีบล็อคประตูแล้วสอบสวนเขาเหมือนเขาเป็นผู้ต้องสงสัย แฮร์รี่ต้องยืนยันจริงๆว่าเขาไม่เกี่ยว ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เคยใช้เซกซ์ทอย โอ๊ยแล้วมันโคตรกระอักกระอ่วนเพราะเขาต้องบอกพ่อของคนรักเก่าว่าไม่ครับ ชีวิตรักของผมไม่เคยโลดโผนขนาดนั้น สาบานครับถ้าคุณไม่เชื่อ คุณลองถามลูกสาวคุณก็ได้ แน่นอนพวกเขาทั้งคู่ออกจากห้องแบบที่เขามั่นใจว่าเขากับอาเธอร์คงสบตากันตรงๆไม่ติดไปออกสักพักใหญ่ ทำไมคุยเรื่องเซกซ์กับอาเธอร์ถึงได้รู้สึกกระอักกระอ่วนขนาดนี้นะ แต่เมื่อคืนเขากลับฟังมัลฟอยเล่าเรื่องของตัวเองเป็นต่อยหอยได้โดยที่ไม่รู้สึกเหมือนอยากเอาหัวไปมุดดินเลยสักนิดเดียว

     

                    แฮร์รี่เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์มักเกิ้ลไม่กี่อย่างที่เขายังคงใช้ จะถึงเวลาที่ต้องประชุมทีมอีกแล้ว มือปราบมารต้องมีสรุปคดีของแต่ละเขต โดยเฉพาะคดีใหญ่ๆที่ทำร่วมกัน แฮร์รี่นึกในใจ คดีที่ค้างๆอยู่ของเขาแทบจะไม่มีแล้ว เขาทำงานล่วงเวลาจนส่งไปเกือบหมด มีแค่คดีที่ทำร่วมกับกองอาเธอร์แล้วก็อีกไม่กี่คดีนี้แหละ คิดแล้วแฮร์รี่ก็ยิ้ม เฮ้ออย่างนี้สัปดาห์นี้คงได้ออกภาคสนามเยอะหน่อยแล้ว คิดแล้วก็ลิงโลดจนลืมความรู้สึกค้างคาจากเรื่องของมัลฟอยไปสิ้น

     

    ######

     

                    แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด แฮร์รี่ถูกมอบหมายให้ไปทำงานภาคสนาม มีคนเห็นพวกตระกูลโรลล์ลักลอบขนอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นวัตถุปรุงยาผิดกฎหมาย เขาต้องปลอมตัวเข้าไปสืบ แล้วงานนี้ก็กินเวลาเขาไปเกือบทั้งสัปดาห์ เขากลับมาจากนอรธัมเบอร์แลนด์ก็เป็นวันศุกร์แล้ว อย่างน้อยงานนี้เขาก็ไม่ต้องเขียนรายงานทั้งหมด มือปราบมารอีกสองคนเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เขาแค่เขียนส่วนของเขาเท่านั้น แฮร์รี่รีบปั่นงานอย่างเร็วที่สุด เพราะเย็นนี้เขามีนัดกับเฮอร์ไมโอนี่และรอนน่ะสิ แล้วเขาก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาผิดนัดเฮอร์ไมโอนี่ คิดแล้วก็สยอง

     

                    เสียงกระแอมเบาๆ ทำให้แฮร์รี่ต้องเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษ และเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั่นเขาก็ตาเหลือก ต้องรีบมองนาฬิกาว่านี่เขาผิดนัดไปแล้วเหรอ “นี่แค่สี่โมงนะเฮอร์ไมโอนี่”

     

                    “ใช่ฉันรู้ ฉันไม่ได้มาเรื่องเย็นนี้” เธอพูดพร้อมกับยกไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาเก็บเสียงและพรางตา ดูเหมือนว่าเพื่อนสนิทของเขามีเรื่องอยากจะคุยกับเขาเป็นความลับแฮะ ทันทีที่คอกของเขาถูกตัดขาดจากภายนอก เฮอร์ไมโอนี่ก็ดึงม้วนกระดาษออกจากเสื้อคลุมแล้ววางโครมลงบนโต๊ะ แฮร์รี่รีบคลี่ม้วนกระดาษแล้วทันทีที่อ่านประโยคแรกเขาก็ต้องถอนหายใจ

     

                    “เรื่องไปถึงเธอเลยเหรอ”

     

                    “ไปถึงฉันสิยะ ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานวุ่นกันน่าดู อยู่ดีๆก็มีแส้ลอยได้ ไล่ฟาดพนักงานแลบของฉันทุกคน” เฮอร์ไมโอนี่กอดอกมองเขา เธอเป็นคนก่อตั้งฝ่ายพิสูจน์หลักฐานเพื่อสนับสนุนการทำงานของกองควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ โดยลอกเลียนแบบมาจากแลบพิสูจน์หลักฐานของมักเกิ้ล ตอนแรกเขาไม่คิดจะส่งไปหรอก แต่เมื่อเห็นว่าแส้มันไม่ได้ก่อเรื่องแล้วระหว่างนี้เขาคงต้องออกภาคสนาม คืนก่อนที่เขาไปเขาถึงแพคใส่กล่องเก็บเวทมนตร์อย่างดี ติดป้ายเตือนแล้วส่งไปที่แลบ เพื่อนสาวมองเขาตาเขียว ก่อนจะล้วงกล่องหนึ่งออกมาจากเสื้อคลุมก่อนจะใช้คาถาขยายมันกลับไปที่ขนาดเดิม

     

                    “ตกลงเธอก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเหมือนกัน” แฮร์รี่กวาดตามองตามรายงานที่เฮอร์ไมโอนี่ส่งให้เขา น่าปลื้มใจชะมัดที่เธอเป็นคนเขียนเองเลย ทั้งๆที่เธอเองก็ยุ่งหัวปั่น

     

                    “ได้แค่นั้นก็บุญโขแล้ว ฉันเข้าใกล้มันไม่ได้เลย ต้องทดลองทุกอย่างจากหลังกระจก ใช้เวทมนตร์อะไรก็ไม่มีผล จะบ้าตาย อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าในนี้มีลายเซนต์เวทมนตร์จากผู้วิเศษหลายคน แล้วที่นายบอกว่าเป็นเวทมนตร์เก่าแก่ก็จริง แต่ก็นั้นแหละก็รู้แค่นั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร่ายคาถา ไม่รู้ว่ามันคือคาถาบ้าอะไร แล้วไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดกับมัลฟอย”

     

                    “อ้อ ตกลงเธอรู้ว่านี่เป็นคดีของมัลฟอย” แฮร์รี่เลิกคิ้วถาม

     

                    “ใช่สิ ข่าวลือให้แซดไปทั่วเรื่องเขากับเซกซ์ทอย มันฟาดเขาเหรอ”

     

                    แฮร์รี่ส่ายหน้า แล้วเปิดกล่องมองแส้ที่ถูกผนึกไว้อย่างดี “มันไม่ฟาดเขา” แฮร์รี่กลืนน้ำลายแล้วชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “หรือว่าฉัน” พูดจบเขาก็ยื่นมือลงไปจับแส้ขึ้นมา ทันทีที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่รีบถอยห่างไปจากเขาพร้อมยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นเตรียมพร้อม ก่อนจะหยุดแล้วเดินกลับมาอย่างงงๆเมื่อเห็นว่าแส้มันนิ่งอยู่ในมือของเขา

     

                    “เธอรู้ไหมว่าทำไม” เขาเงยหน้าขึ้นถามเธอ

     

                    และดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่ก็จนปัญญาไม่ต่างจากเขา 


    TBC 

    มาอัพตอนสามพรุ่งนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ ทำไม One Shot ที่ควรจะสั้น เขียนไปเขียนมันมันงอกยาวขึ้นเรื่อยๆนะคะ T^T แต่คิดว่ายังจบได้ในสี่หรือห้าตอนนะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×