ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dear Series - HP/DM

    ลำดับตอนที่ #2 : จดหมายฉบับที่ 1 - Harry

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 58


    แฮร์รี่อ่านจดหมายในมือซ้ำอีกครั้ง เรียนคณะกรรมการคัดสรรวิทยาลัยโควิงตัน... มันขึ้นต้นเหมือนทุกครั้งที่เขาอ่าน จดหมายที่ดูธรรมดาแสนธรรมดาแต่ทำให้แฮร์รี่ไม่สามารถคิดอะไรอย่างอื่นนอกจากเจ้าของจดหมายนี้ได้ตลอดตั้งแต่ตอนที่เขาหยิบจดหมายขึ้นมาจากบนโต๊ะของวิลเลี่ยมสัน

     

    เขาคิดถึงใบหน้าซีดเซียวของมัลฟอย สีหน้าเจ็บปวดเมื่อต้องพูดถึงการปฎิเสธจากวิทยาลัยโควิงตัน วิทยาลัยเพื่อการปรุงยาขั้นสูง ตาสีเทาที่เอาแต่มองต่ำไม่ยอมมองหน้าเขาเลยสักนิดเดียว ต่างจากมัลฟอยจอมเย่อหยิ่งจองหองที่เขาจำได้อย่างลิบลับ และนั้น...ทำให้แฮร์รี่รู้สึกปั่นป่วนอะไรสักอย่างในท้อง

    ...ความรู้สึกผิด

    ...ความรู้สึกสงสาร

    ...หรืออะไรกันแน่

    แต่เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ให้ตายเถอะเขาไม่รู้เลยว่าไอ้โครงการควบคุมความประพฤติสำหรับเยาวชนผู้สนับสนุนโวลเดอร์มอร์มันจะแย่ขนาดนี้ มัลฟอยแทบไม่ได้ทำอะไรช่วงสงครามเลยสักนิด หมอนั้นแค่...อยู่ผิดที่ผิดเวลา ...แล้วก็เป็นเด็กโง่ๆคนหนึ่ง

     

    เขาไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เพราะฉะนั้นแฮร์รี่เลยเริ่มด้วยไปหาคนที่เขาแน่ใจว่าต้องช่วยเขาได้ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์

     

    ####

     

    “ใช่นี้เป็นโครงการที่โคตรจำกัดสิทธิของผู้เข้าร่วม ฉันทั้งส่งจดหมายเตือน ทั้งพยายามคุยกับพวกศาลสูงแล้วแต่ไม่มีใครฟัง ทุกคนอยากจะดันทุรังผ่านกฎหมายบ้าๆนี้ให้ได้ บอกว่าแค่นี้ก็เหลือแหล่แล้วสำหรับพวกผู้เสพความตาย” เฮอร์ไมโอนี่โวยวายลั่นออฟฟิศ โชคดีที่เขาร่ายคาถาเก็บเสียงก่อนจะเดินเข้ามา ไม่อย่างนั้นทั้งแผนกคงแห่กันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    “ขนาดกฎหมายมักเกิ้ลถ้าผู้กระทำผิดเป็นผู้เยาว์โทษยังเบากว่านี้ตั้งเยอะ แถมต้องมีการปกป้องชื่อเสียงของผู้กระทำผิดอีก แต่นี้เล่นประกาศชื่อพวกเขาหรา ไอ้โครงการบ้าๆนี้ตัดโอกาสที่คนเหล่านี้จะได้กลับมาสู่สังคมอีกครั้ง ยิ่งผลักให้พวกเขาเกลียดพวกเรามากขึ้น ให้ตายเถอะนี้ไม่มีใครเรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดในอดีตเลยรึไงหา!!!” เธอยังพูดเสียงดังไม่หยุด ส่วนแฮร์รี่ได้แต่พยักหน้ารัวๆ

     

    “เอ่อ แล้วตกลงว่าเธอมีข้อแนะนำอะไรไหมถ้าฉันอยากจะช่วยมัลฟอย”

     

    หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เขาอยากเข้าเรียนวิทยาลัยปรุงยาขั้นสูงใช่ไหมตามที่นายบอกน่ะ นายคงบีบให้โควิงตันรับเขาไม่ได้หรอก คณะกรรมการคัดสรรไม่ยอมรับแม้แต่แรงกดดันจากคนอย่างนายแน่”

    “คะแนนเขาดีขนาดไหน”

     

    แฮร์รี่ยื่นคะแนนสอบส.พ.บ.ส.ของเดรโก มัลฟอยให้เพื่อนสนิทดู เขาแอบใช้อำนาจไปจิ๊กข้อมูลนี้มา ก็เขาอยากรู้นี้ว่ามัลฟอยดีพอที่จะเป็นมาสเตอร์แห่งการปรุงยารึเปล่า และดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นเพราะแม้ว่ามัลฟอยจะไม่ค่อยได้เรียนตอนปีหก กับปีเจ็ด (เหมือนๆกับเด็กฮอกวอตส์คนอื่นๆ) แต่เขาก็ทำคะแนนได้สูงลิบ ทั้งข้อเขียนทั้งปฏิบัติ

     

    เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างเมื่อเห็นคะแนนของอีกคน

    “ฉันคิดมาตลอดว่าสเนปให้ท้ายหมอนั้น แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะมีพรสรรค์มากกว่าที่คิดแฮะ”

    “มันมีอีกที่นึงนะแฮร์รี่ วิทยาลัยปรุงยาขั้นสูงน่ะ แต่...มันอยู่นอกเกาะอังกฤษ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวประโยคสุดท้ายอย่างเศร้าๆ เธอรู้ว่าข้อจำกัดของโครงการควบคุมความประพฤติคือผู้เข้าร่วมไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้

     

    “ที่ไหน”

     

    “เฮอร์ลิช อคาเดมี่ อยู่ในเยอรมันนี คะแนนอย่างเขาเข้าได้สบายอยู่แล้ว แต่...”

     

    “ฉันคิดว่านะ บางทีฉันคงต้องใช้ความเป็นเด็กชายผู้รอดชีวิตแล้วก็วีรบุรุษสงครามเพื่อประโยชน์ส่วนตัวสักครั้ง” แฮร์รี่พูดแทรกขึ้น เขามีแผนในใจแล้ว

     

    “นายจะใช้ชื่อเสียงนายเพื่อเดรโก มัลฟอยเนี้ยนะ”

     

    “หมอนั้นก็เป็นคนเหมือนกันนั้นแหละ” แล้วเขาก็น่าสงสารมาด้วย แฮร์รี่พูดต่อในใจ เขารู้ว่านี้มันเหมือนบ้าไปแล้ว เขาต้องต่อรองกับท่านรัฐมนตรีแล้วยังเจ้าหน้าที่ของโครงการควบคุมใช้ความเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพื่อคนที่ไม่นับว่าเขาเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ

    ...แต่เขาก็ปล่อยมัลฟอยไปไม่ได้เช่นกัน  

     

    ###

     

    “นี้ฉันได้ยินถูกต้องใช่ไหมพอตเตอร์ เธออยากจะเป็นคนรับรองให้กับเดรโก มัลฟอย” คิงส์ลีย์ ชัคเคิลโบลต์เลิกคิ้วถามหลังจากได้ยินแฮร์รี่อธิบายเรื่องทั้งหมด

     

    “ใช่ครับ” ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้น

     

    “พูดแบบเพื่อนถึงเพื่อนนะแฮร์รี่ เธอจะเอาคอเธอขึ้นเขียงเปล่าน่ะสิ เด็กมัลฟอยนั้นไม่ใช่แค่ทำผิดเล็กๆนะ หมอนั้นเป็นผู้เสพความตาย”

    “แล้วเธออ่านคดีเขารึยัง”

     

    “อ่านแล้วครับ เรื่องใหญ่ๆคือเขาเป็นคนปล่อยให้พวกผู้เสพความตายเข้ามาในฮอกวอตส์ มีเจตนาสังหารอัลบัส ดัมเบิลดอร์ และทรมานนักโทษของโวลเดอร์มอร์ แต่ผมถามคุณหน่อยเถอะ คุณคิดว่าเดรโกเขามีสิทธิ์เลือกมากรึไง ไอ้โรคจิตหน้างูนั้นจับพ่อกับแม่เขาเป็นตัวประกันนะ เขาเป็นแค่เด็กอายุสิบหก คุณคิดว่าเขาจะกล้าปฏิเสธมันเหรอ”

     

    “การเลือกทำสิ่งที่ถูกไม่เกี่ยวกับอายุหรอกแฮร์รี่” เสียงท่านรัฐมนตรีอ่อนลงเมื่อเห็นว่าเขาคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

     

    “ผมเชื่อว่าเดรโกจะกลับตัวได้ แล้วสิ่งที่ผมขอไม่ใช่ให้เขาพ้นผิด แน่นอนเขาต้องชดใช้สิ่งที่เขาก่อ แต่ที่ผมขอร้องคือแค่ลดการควบคุมเขาหน่อย เขายังต้องอยู่ในโครงการบ้าๆนั้นสองปีเต็มเหมือนเดิม แต่ระหว่างนั้นให้เขาได้มีโอกาสที่จะสร้างอนาคตของตัวเอง”

     

    ชายผิวเข้มนั่งนิ่ง ตาสีน้ำตาลมองมาที่แฮร์รี่อย่างฉงน เหมือนกับเขาเป็นปริศนาอะไรสักอย่างที่คิงส์ลีย์แกะไม่ออก แฮร์รี่รู้ว่าการกระทำของเขามันคงทำให้ใครต่อใครสับสน ให้ตายสิเขาเองยังสับสนเลยว่าทำไมเขาต้องแคร์เดรโก มัลฟอยมากขนาดนี้

    “งั้นตอบฉันหน่อยแฮร์รี่ มีผู้เยาว์อยู่ใต้โครงการควบคุมความประพฤตินี้ทั้งสิ้น 79 คน และฉันเชื่อว่าเธอรู้จักหลายๆคน ทั้งแพนซี่ พาร์กินสัน ทีโอดอร์ น๊อตต์ และเกรกอรี่ กอยล์ ทั้งสามคนต่างเป็นนักเรียนบ้านสลิธีรินร่วมรุ่นกับเดรโก มัลฟอย ที่จริงทั้งสามคนทำผิดน้อยกว่าเดรโกตั้งเยอะ พวกเขาไม่เคยรับตรามาร แต่ทำไมแฮร์รี่... ทำไมเธอถึงเลือกที่จะช่วยเดรโก มัลฟอย”

     

    ผู้ถูกถามเม้มปาก ความจริงก็คือเขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

    “เพราะ...เพราะเดรโก มัลฟอยสมควรได้รับโอกาสอีกครั้ง” เด็กหนุ่มผมดำสูดหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ

    “เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำน่ะผิด ตลอดเวลาทุกครั้งที่ผมเห็นเดรโก มัลฟอยช่วงสงคราม ไม่เคยมีสักครั้งที่หมอนั้นจะทำหน้ามีความสุขเลย เขาไม่เคยอยากจะเป็นฆาตกร เขาไม่เคยอยากทรมานใคร และเขาอยากจะก้าวผ่านเรื่องร้ายๆไปให้ได้ คุณรู้ไหมเขาสมัครเรียนที่วิทยาลัยปรุงยาขั้นสูงโควิงตัน คะแนนสอบส.พ.บ.ส.วิชาปรุงยาของเขาสูงลิ่ว แต่เขาก็เข้าไม่ได้เพราะสถานะของเขา คิงส์ลีย์คุณบอกว่าโครงการนี้มีเพื่อให้พวกเขาได้ใช้โอกาสกลับตัวไม่ใช่รึไง แล้วถ้าคุณไม่เปิดโอกาสพวกเขาจะกลับตัวได้ยังไง”

     

    มุมปากของท่านรัฐมนตรียกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะยกปากกาขนนกขึ้นมาจรดบนแผ่นกระดาษข้างหน้า

    “ฉันจะรอวันที่เธออยากเล่นการเมืองนะแฮร์รี่ เธอตัวรู้ไหมว่าเธอโน้มน้าวคนได้ดีแค่ไหน” พูดจบก็เซ็นชื่อลงบนประกาศเปลี่ยนแปลงการลงโทษของเดรโก มัลฟอย ก่อนจะม้วนกระดาษนั้นแล้วยื่นให้แฮร์รี่

    “ฉันเชื่อการตัดสินใจของเธอนะแฮร์รี่ อย่าทำให้ฉันเสียใจ”  

    “อ้อ แล้วบอกคุณเกรนเจอร์ด้วยล่ะ ว่าถ้าอยากยื่นกฎหมายแก้ไข ศาลสูงจะรับคำพิจารณาหลังปีใหม่ แต่งานนี้ไม่หมูเลยนะ ไม่มีใครอยากลดโทษให้พวกพ่อมดแม่มดฝ่ายมืดสักเท่าไหร่ แม้ว่าพวกนั้นจะเป็นเด็กก็ตาม” คิงส์ลีย์พูดต่อเหมือนรู้ว่าแผนต่อไปของแฮร์รี่คืออะไร

    “เอ้า ออกไปได้แล้วเธอต้องมีฝึกกับพวกมือปราบมารต่อไม่ใช่รึไง แล้วช่วยตามมือปราบมารวิลเลียมสันเข้ามาให้ด้วย เขาเป็นคนดูแลรับผิดชอบคุณมัลฟอย และเพราะเธองานของเขากำลังจะเบาขึ้นอีกเยอะ”

     

    แฮร์รี่พยักหน้าแล้วเดินออกไปพร้อมกับยิ้มกว้างบนหน้า

     

    ###

     

    หลังจากนั้นเขาก็แค่ต้องเขียนจดหมายหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่แม้จะลังเลแต่ก็ยอมช่วยเหลือมัลฟอย โดยเฉพาะเมื่อแฮร์รี่ย้ำว่านี้เป็นการช่วยนักเรียนให้ได้ศึกษาเพิ่มเติม นอกจากนั้นอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ยังช่วยติดต่อกับเฮอร์ลิช อคาเดมี่อีกด้วย

    ไม่กี่วันหลังจากนั้นศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ส่งข่าวดีมาหาเขา ว่าเฮอร์ลิชตกลงตอบรับเดรโก มัลฟอยเข้าเรียนแล้ว ซึ่งเธอไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อดูจากคะแนนสอบของมัลฟอย และหนังสือรับรองที่ศาสตราจารย์สเนปเขียนให้มัลฟอยก่อนตาย

     

    “เธอคิดจะทำยังไงต่อ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางจิบชาไปด้วย หญิงสาวนั่งไขว่ห้างในชุดเสื้อคลุมใหม่เอี่ยมขัดกับเขาที่ดูโทรมในชุดมือปราบมารฝึกหัดอย่างกับเศรษฐีกับยาจก

     

    “ก็คงบอกเขาไปตามตรง”

     

    หญิงสาวเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะสั่นหน้า

    “นี้นายคิดว่าคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างมัลฟอยจะยอมรับความช่วยเหลือที่มาจากนายเหรอ นายที่เป็นคู่อริเขามาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา ถึงฉันไม่ได้ปริญญาเอกด้านจิตวิทยาฉันยังรู้เลยว่าหมอนั้นต้องปฏิเสธแหงๆ”

     

    แฮร์รี่เสยผมอย่างขัดใจ ให้ตายสิมัลฟอย ทำไมนายมันถึงเป็นคนที่ยากขนาดนี้ด้วยวะ

     

    “แต่ฉันอาจจะมีข้อแนะนำบางอย่างให้นายได้นะ”

     

    “ซึ่งก็คือ” แฮร์รี่เร่งเร้า

     

    “เธอจำได้ไหมตอนที่ซิเรียสส่งไม้กวาดไฟร์โบลต์มาให้เธอ”

     

    ชายหนุ่มหรี่ตา เขายังคงเจ็บแปลบๆเสมอเมื่อต้องคิดถึงพ่อทูนหัว

    “อะฮะ แล้วเธอก็คาบข่าวไปบอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลให้ยึดไม้กวาดฉันไปใช่ไหม จำได้ไม่ลืมเลยล่ะ” แฮร์รี่อดกัดเพื่อนสนิทไม่ได้

     

    เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองเขาแต่ก็พูดต่อ “ประเด็นก็คือ ถ้าเขาลงชื่อตรงๆนายคงไม่รับของขวัญนั้นแม้จริงๆนายอยากจะได้แค่ไหนก็ตาม แต่ว่าเพราะเขาส่งมาแบบนิรนามนายก็เลยเหมาเอาเองว่าต้องมาจากคนที่รักนายแน่ๆ มนุษย์น่ะมักจะหาข้ออ้างให้ตัวเองได้เสมอเวลาที่ตัวเองต้องการ คำแนะนำของฉันก็คือนายก็แค่บอกเดรโก มัลฟอยไปตรงๆแต่ไม่ต้องบอกว่าคนทำทุกอย่างคือนาย หมอนั้นก็จะคิดไปเองว่านายคงเป็นคนที่อยากช่วย นายไม่ต้องโกหก แล้วหมอนั้นก็จะรู้สึกดีที่มีคนให้โอกาสด้วย”

     

    และนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้แฮร์รี่ลุกขึ้นมาจับปากกาเขียนจดหมายไปหามัลฟอย ในนามผู้หวังดี เขารู้ว่าคำเรียกตัวเขามันเห่ยสิ้นดี แต่เฮ้ เขาเป็นกริฟฟินดอร์ พวกเราไม่ได้มีชื่อเสียงด้านการเลือกคำสักหน่อย

    หวังว่ามัลฟอยจะจำลายมือเขาไม่ได้นะ แฮร์รี่มองม้วนกระดาษในมือขณะเดินออกไปเรียกนกฮูกเข้ามาหา นกฮูกสีดำปลอดที่เขาเพิ่งไปซื้อมาจากร้านขายสัตว์วิเศษ นี้ก็เป็นอีกหนึ่งของขวัญที่เขาจะให้เด็กชายผมบลอนด์

    ...หมอนั้นไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว ...และสำหรับเขานกฮูกคือหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุด

    “หวังว่านายจะใช้ทางเลือกเดินไปในทางที่ถูกต้องนะ” แฮร์รี่พูดเบาๆ ขณะผูกพัสดุทั้งหมดเข้ากับข้อเท้าของฟาซซี่-ชื่อของนกฮูกสีดำตัวนั้น

     

    เมื่อมันบินขึ้นฟ้า ร่างโปร่งก็ถอนหายใจออกมา ลึกๆเขาอยากเห็นหน้าของมัลฟอยตอนที่ได้รับจดหมายนั้น เขาอยากเห็นตาสีเทาเป็นประกายอย่างยินดี อยากจะเห็นใบหน้าหวานนั้นคลี่ยิ้ม อย่างน้อยๆมันจะได้ลบเลือนภาพใบหน้าเศร้าๆของมัลฟอยที่เขาเห็นมาตลอดสองสามปีหลังนี้ซะที

     

    ###

     

    และเพราะแฮร์รี่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้จดหมายตอบรับกลับมา เขาจึงประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นฟาซซี่บินมาหย่อนจดหมายให้บนโต๊ะทานข้าว

    “นี้ไม่ได้อยู่กับมัลฟอยเหรอ” แฮร์รี่หันไปถามนกฮูกที่กระพริบตามองเขา “นายเป็นของเขาแล้วนะ จะมากินขนมที่บ้านฉันไม่ได้อีก” พูดอย่างนั้นแต่แฮร์รี่ก็ยังล้วงขนมส่งให้ฟาซซี่ ก่อนจะเปิดจดหมายผนึกด้วยตราตระกูลมัลฟอยออกมาอ่าน

     

    “หมอนั้นเรียกฉันว่าศาสตราจารย์นะ” แฮร์รี่หันไปมองหน้านกฮูกที่เอียงคอมองเขา ก่อนจะร้องเบาๆ เหมือนตอบรับ

    “นี้เจ้านั้นคิดว่าฉันแก่ขนาดไหนเนี้ย”

    เมื่ออ่านจดหมายจบแฮร์รี่ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ให้ตายสิเขาคงต้องใช้เวลาทั้งวันคิดว่าจะตอบกลับจดหมายของมัลฟอยได้ยังไง และคงไม่แคล้วโดนครูฝึกเรียกหาว่าเขาใจลอยอีกเช่นเคย เฮ้อ ทำไมฉันต้องหนักใจเรื่องของนายตลอดเลยน้า

    มุมนึงเขาก็ดีใจที่มัลฟอยรู้ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ผิด

    ...แต่อีกมุมนึง เขาไม่อยากให้ความรู้สึกผิดนั้นกัดกินใจมัลฟอยตลอดไป

    “ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ถ้าเป็นคุณ คุณจะพูดยังไง” แฮร์รี่ถามสายลม วินาทีนั้นเขาอยากให้ดัมเบิลดอร์ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ

     

    คืนนั้นหลังจากกลับมาที่กริมโมลด์เพลซ แฮร์รี่ก็ขังตัวอยู่ในห้องสมุด พยายามจะหาคำพูดที่ดีที่สุดตอบไป แต่ผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ พร้อมกับเศษกระดาษถูกขยำทิ้งรอบตัวเขา เขาก็ยังไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาพูดได้อยู่ดี

    “คิดสิคิดแฮร์รี่ คิดถึงตอนที่นายรู้สึกผิดที่สุด นายอยากได้ยินอะไร” แฮร์รี่พึมพำกับตัวเอง พยายามหาความรู้สึกนั้น เมื่อไหร่กันที่เขารู้สึกผิด เมื่อไหร่กันที่เขาเลือกเดินไปในทางที่เขารู้ว่าจะทำให้อื่นเจ็บปวด และสุดท้ายผลของทางเลือกนั้นก็หันกลับมาทำให้เขาเจ็บเจียนตาย

    ซิเรียส” เสียงแหบพร่าลอดออกมาจากริมฝีปากเขาในที่สุด ใช่ตอนที่เขารู้ว่าซิเรียสตาย และทุกอย่างเป็นเพราะเขา เพราะความเขลา เพราะความโอหัง เพราะเขาเชื่อในสิ่งที่ตนยึดมั่น แฮร์รี่หลับตา เขาอยากจะได้ยินอะไรในตอนนั้น อะไรที่จะทำให้ความผิดในใจเขามันเบาบางได้บ้าง

    ร่างโปร่งถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะจรดปากกาลงกับหน้ากระดาษอีกครั้ง

    และเมื่อเสร็จแฮร์รี่ก็ชักไม่แน่ใจว่านี้คือจดหมายตอบกลับเดรโก มัลฟอย หรือจดหมายที่เขาอยากจะเขียนบอกตัวเองตอนหน้าร้อนนั้นกันแน่

    เขาอ่านจดหมายนั้นซ้ำอีกครั้งก่อนจะเติมประโยคสุดท้ายเข้าไป

    ป.ล. ถ้าเธออยากจะเขียนจดหมายมาหาฉันอีกก็ได้ นกฮูกนั้นเป็นของเธอแล้ว (และมันชื่อฟาซซี่) แค่เธอจ่าหน้าถึงคุณผู้หวังดี มันก็รู้ว่าจะพาจดหมายมาส่งที่ไหน

     

    ###

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×