คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Wandering Wand
แต่เอาจริง ๆ การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเพฟเวอร์เรลล์นั้นไม่ได้ง่ายเลย แฮร์รี่ลอบมองดูชายหนุ่มผมทองที่โค้งตัวอยู่เหนือสมุดปกหนังเล่มโต แล้วยังมีม้วนกระดาษที่ดูเก่าเหมือนจะกลายเป็นผงฝุ่นได้ทุกนาทีอีกหลายม้วนบนโต๊ะ
เดรโก ได้ทานอะไรรึยังนะ แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงคนที่ดูยังไงก็ยังผอมเกินไป
เขาออกไปหาเฮอร์ไมโอนี่ตั้งแต่ตอนตอนเช้าแล้วเล่าทุกอย่างที่รู้ให้เธอฟัง รวมถึงเรื่องของศิลาอาถรรพ์ด้วยแต่เขายังไม่ได้บอกเพื่อนสนิทว่าเขาทำสัญญาเลือดกับเดรโก แค่นี้ทั้งคู่ก็เป็นห่วงเขาแทบแย่ รอนนั้นเร่งให้เขารีบเรียกกองทัพอัศวิน แล้วหาตัวโวลเดอร์มอร์ เขาได้แต่ส่ายหน้า และโชคดีที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นด้วยกับเขา เธอมองออกว่าที่กษัตริย์อัลบัสบอกให้เขาจัดการเรื่องโวลเดอร์มอร์ลับ ๆ เพราะไม่อยากให้เกิดสงครามกลางเมือง
ฝ่ายผู้สนับสนุนโวลเดอร์มอร์คงไม่ยอมให้จับง่าย ๆ และพวกนั้นเป็นถึงผู้มีบรรดาศักดิ์ สามารถสั่งให้ผู้อยู่ใต้อำนาจเข้าร่วมรบได้ ถ้าต้องห้ำหั่นกันจริง ๆ คนบริสุทธิ์คงต้องตายเป็นเบือ
เขากัดริมฝีปากอย่างส่งเสียงทักอะไรออกไป แฮร์รี่รู้สึกผิดไม่น้อยที่ดึงผู้ชายตรงหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเสียขนาดนี้ คราแรกตั้งใจแค่ใจเดรโกเป็นใบเปิดทางหาข่าว แต่เพราะความเห็นแก่ตัวหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้เขายอมรับข้อเสนอของอีกคนที่จะพาตัวเข้ามาในศูนย์กลางของความขัดแย้ง
...ไม่อยากอยู่ห่างจากเดรโก...
รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งอยู่ใกล้เท่าไหร่ เดรโกจะยิ่งอันตรายเท่านั้น แต่ก็ตัดใจปล่อยไปไม่ได้ อีกคนไม่ได้เป็นอัศวิน ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ชีวิตแลกเช่นเขา สิ่งที่เขาควรจะทำคือส่งตัวเดรโกให้กับอัศวินคนอื่นแล้วหลบหนีไปซะจนกว่าลอร์ดโวลเดอร์มอร์จะถูกปราบ เขาเคยคิดว่าตลอดว่าถ้าต้องเลือกหน้าที่ เขาจะเสียสละชีวิตของอย่างเดรโก มัลฟอยได้ง่าย ๆ แต่ยิ่งอยู่ใกล้ ความหวั่นไหวที่ปิดตัวเองมาตลอดยิ่งเหมือนถูกเปิดออก
ชายหนุ่มผมดำถอนหายใจ เดินออกมาจากห้องหนังสือ อยากจะให้เรื่องจบให้เร็วที่สุด แล้วเขาจะปล่อยเดรโกไป
“ด๊อบบี้” เขาเรียกชื่อเอลฟ์ประจำบ้านตนที่เขาจำชื่อได้ เสียงเป๊าะเบา ๆ ข้างตัวเขาบ่งบอกว่าด๊อบบี้หายตัวมาอยู่ข้างเขาแล้ว
“เดรโกทานอะไรรึยัง”
ถามแค่นั้นด๊อบบี้ก็น้ำหูน้ำตาไหล ทำท่าทางเหมือนจะเอาหัวพุ่งกระแทกกำแพง จนเขาต้องรีบห้ามเสียยกใหญ่ ไม่ต้องได้ยินคำตอบจากเอลฟ์เขาก็รู้ว่าดูเหมือนนายท่านของบ้านมัลฟอยจะไม่ยอมทานอะไรอีกแล้ว
“เขาลืมกินเสมอ ๆ เลยเหรอ” แฮร์รี่คุกเข่าจับแขนของเอลฟ์ไว้ กันไม่ให้ด๊อบบี้ทำร้ายตัวเองอีก
“ขอรับนายท่านแฮร์รี่ นายท่านเดรโกไม่ยอมกินอะไรที่เอลฟ์เอาเข้าไปให้เลย ผิดที่พวกเราเอง คงทำอาหารไม่ถูกใจนายท่านเดรโก” พูดแล้วด๊อบบี้ก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้มาอีก
“เดี๋ยวสิ ๆ” แฮร์รี่รีบห้าม ร้องไปก็คุยกันไม่รู้เรื่องพอดี “เดรโกชอบทานอะไรเหรอ” เขาถาม
“นายท่านเดรโก--” ด๊อบบี้ทำเหมือนคิดหนัก “ชอบซุปหัวหอม”
“ซุปหัวหอมเนี่ยนะ” แฮร์รี่ทวนคำ คิดว่าจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากกว่านั้นซะอีก “ทำมาให้ได้ไหม สัญญาฉันจะเอาไปให้เขากินเอง”
อ้าว แฮร์รี่คิดอย่างตกใจเมื่อเห็นน้ำตาเม็ดอ้วน ๆ ไหลออกจากตาของด๊อบบี้
“นายท่านแฮร์รี่ช่างใจดี”
“เอ่อ ไม่เป็นไร” เขาตอบไปทันควัน
“แล้วก็ทาร์ตน้ำตาลข้นด้วย” เขาพูดต่อ ปล่อยมือจากด๊อบบี้ที่ตอนนี้ดูจะกลับมาเป็นปกติแล้วเพราะมีเป้าหมาย เอลฟ์ประจำบ้านรีบพยักหน้าแล้วหายไปทันที
เขาเองก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน เขาน่าจะล้างมือแล้วถอดเสื้อคลุมออก เหนื่อยชะมัดสองสามวันนี้ เขาต้องหายตัวไปมาระหว่างวิลไชร์ ลอนดอน แล้วก็วัง ป่านนี้กษัตริย์อัลบัสยังไม่ฟื้นเลย คนที่เขาได้เจอจึงเป็นแค่หมอยาสเนปเท่านั้น แล้วเจ้าตัวก็ทำสีหน้ารำคาญแฮร์รี่ซะเหลือเกิน แล้วยังมีบทสนทนาแปลก ๆ หลังจากรู้ว่าเขาร่วมมือกับเดรโก มัลฟอยสืบข่าว
“ถ้าเธอทำให้เดรโกตายอย่าคิดนะว่าแม้แต่กษัตริย์อัลบัสจะคุ้มครองเธอได้ วิธีใช้ยาพิษน่ะมีเป็นร้อย ๆ แบบ”
เขาเองก็ไม่คิดอยากให้อีกคนมาเสี่ยงเหมือนกันหรอกน่ะ นี่ไงถึงต้องหัวหมุนรีบแข่งกับเวลา ทั้งเขา ทั้งฝั่งเฮอร์ไมโอนี่ ก็พยายามหาข้อมูลทุกอย่างที่ทำได้เกี่ยวกับเครื่องรางยมทูต แต่ไม่ง่ายเลย วัตถุเวทมนตร์ที่ถูกซ่อนมาเป็นร้อย ๆ ปี วันนี้ทั้งวันเขาก็ต้องปลอมตัวไปตามพวกร้านขายของเก่า เดินจนขาลาก แต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
เขาถอดเสื้อเชิ้ตชื้นเหงื่อ สำหรับเขาเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่อยากเจอหนุ่มผมบลอนด์ในสภาพตัวเหม็นขนาดนี้น่ะสิ แค่นี้ก็โดนมองว่าเป็นพวกที่ด้อยกว่าจะแย่อยู่แล้ว
เขาเดินไปที่อ่างล้างหน้าและกระจก วักน้ำขึ้นมาล้างมือและล้างหน้าสอดมือเสยผมที่เปียกลู่ขึ้น เวทมนตร์พรางตัวค่อย ๆ หายไป หน้าผากเรียบสนิทเปลี่ยนกลับมาเป็นรอยแผลเป็นรูปฟ้าผ่าอีกครั้ง เขาแตะรอยแผล คิดถึงต้นเหตุของร่องรอยนั้น ผู้ชายคนที่เขากำลังล่า ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นในครั้งแรกที่โวลเดอร์มอร์บุกวังแล้วแพ้พ่ายจนตัวตาย แต่อัลบัสเล่าให้เขาฟัง ไม่ใช่พ่อที่เป็นองครักษ์เอกหรอกที่ลงมือสังหารจอมมาร แต่เป็นแม่เขาที่อุ้มเขาแนบอกและใช้ไม้กายสิทธิ์ของพ่อสังหารจอมมารขณะที่เขาบุกฆ่าพวกองครักษ์ทีละคน เวทมนตร์ของคนนั้นทิ้งรอยแผลเอาไว้ให้เขา แฮร์รี่เคยมองมันอย่างแค้นเคืองในครั้งแรกที่กษัตริย์ชราเล่าให้ฟัง แล้วเพราะเช่นนั้นเขาจึงจำสายตาที่เดรโกมีเมื่อพูดถึงโวลเดอร์มอร์ ความโกรธแค้นยิ่งกว่าอะไร การเสียชีวิตของลูเซียส และนาร์ซิสซาร์ มัลฟอยต้องเกี่ยวข้องกับโวลเดอร์มอร์แน่ ๆ แต่ทำไมอีกคนกลับไม่เล่าให้เขาฟังกันนะ
“ด๊อบบี้เตรียมอาหารเสร็จแล้วขอรับนายท่านแฮร์รี่ วางถาดไว้ที่นี่นะขอรับ” ด๊อบบี้หายตัวมาบอกเขา แฮร์รี่สะดุ้งแล้วรีบพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินไปคว้าเสื้อเชิ้ตไหมสะอาดมาสวม ยกถาดเงินแล้วเดินตรงดิ่งไปยังคนดื้อ
.
.
“นายทำให้ด๊อบบี้ร้องไห้นะ” แฮร์รี่วางถาดลงบนโต๊ะ หลีกเลี่ยงม้วนกระดาษ ก่อนจะโบกมือลากเก้าอี้ให้เขามาหาตัว ก่อนจะนั่งลงประจันหน้ากับเจ้าของบ้านที่ดูเดือดดาลไม่น้อยที่เขาโผล่เข้ามาทำลายสมาธิเจ้าตัว
“อะไรของนาย” เดรโกขมวดคิ้วแล้วตั้งใจจะปัดถาดอาหารออก แต่เขาเร็วกว่าอยู่แล้ว แฮร์รี่จับข้อมือเล็ก ๆ นั่นไว้ได้ทัน ถ้าเป็นเดรโกสมัยก่อนคงทำให้เขาเจ็บได้ แต่เจ้าตัวที่ผอมกระหร่องจนแรงไม่มีอย่างนี้ถึงทั้งดึงทั้งผลักก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอกน่า
“เป็นอะไร” คนเจ้าอารมณ์ตะคอก นั่นน่ะก็อีกอย่าง พูดดี ๆ กับเขาไม่เป็นรึไงนะ
“ไม่ยอมกินอะไร พวกเอลฟ์เสียใจกันหมด นึกว่าทำอาหารไม่ถูกใจนาย” เขาพูดโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือนั่น
เดรโกกะพริบตา ปากอ้าแล้วหุบเหมือนจะพูดอะไร ก่อนจะถอนหายใจหนักแล้วสะบัดแขนอีกที คราวนี้แฮร์รี่ยอมปล่อยโดยดี ก็เขารู้แล้วน่ะสิว่าเขาชนะคนดื้อได้แล้ว หมอนั่นไม่ได้ใจร้ายกับพวกเอลฟ์ขนาดนั้นหรอก เดรโกอาจจะไม่ได้พูดดีด้วย แต่ก็ไม่ได้ใจจืดใจดำที่จะเห็นพวกเอลฟ์ลงโทษตัวเองเพราะตัวเขา
แฮร์รี่เปิดถาดออก กลิ่นหอมชีสย่างจากซุปหัวหอมกระจายไปทั่วห้อง เขายื่นช้อนให้อีกคน
เดรโกถอนหายใจ โบกมือแล้วพวกเอกสารบนโต๊ะก็หายไป ไปจัดเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะอีกอัน ระหว่างพวกเขามีแค่ซุปกับทาร์ตน้ำตาลข้น
“ฉันไม่ชอบทาร์ตน้ำตาลข้น” เดรโกขมวดคิ้วมองเจ้าทาร์ตที่เหมือนทำความผิดมหันต์
“ก็ดี ไม่ใช่ของนาย” แฮร์รี่หยิบส้อมขึ้นมาแล้วจิ้มไปที่ทาร์ต หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะจิ้มเข้าปากตัวเอง นี่เขาสั่งให้ตัวเอง ถ้าต้องมาสู้รบปรบมือกับคุณชายมัลฟอย เขาก็ต้องขอรางวัลให้ตัวเองหน่อยเถอะ
“เห็นหน้านายแล้วทานอะไรไม่ลง” อีกคนหรี่ตามองเขา แต่ก็ยกซุปเข้าปาก
“เหรอ แต่ฉันเห็นหน้านายแล้วเจริญอาหาร” อยากเปิดช่องทำไมล่ะ เขาก็อดไม่ได้นี่น่า อยากต่อปากต่อคำ อยากเห็นคนหน้านิ่งอ้าปากค้างเพราะเถียงไม่ได้ เฮ้อ เขานิสัยไม่ดีจริง ๆ เลยนะ
เมื่อเห็นว่าด่าอะไรเขาไม่ได้ หนุ่มผมทองก็ได้แต่ตักซุปทานเงียบ ๆ แฮร์รี่ลอบมองมืออีกคน เลอะหมึกไปหมด เหมือนสมัยเรียนไม่มีผิด เดรโกน่ะแต่งตัวเรียบร้อย ใส่ทั้งเสื้อกั๊ก เสื้อสูท แล้วก็เสื้อเชิ้ตอย่างดี ติดกระดุมทุกเม็ด กางเกงสีเขียวเข้มของสลิธิรินกับรองเท้ามันวับ ผมไม่มีกระดิกสักเส้น แต่สันมือก็เลอะด้วยหมึกประจำ เขาน่ะแอบอยากจะแสกให้รอยหมึกนั้นหายไปมาตลอด
แต่ถ้าทำอย่างนั้น เขาคงเป็นคนโดนเสกให้หายไปมากกว่า
“ได้อะไรบ้างไหม” เขาถามหลังจากเห็นว่าอีกคนกินจนเกือบหมดถ้วย
เดรโกถอนหายใจวางช้อน “ได้ คิดว่านะ” ดวงตาสีเทาเลื่อนมามองหน้าเขา “พวกเลือดบริสุทธิ์ชั้นสูงมีธรรมเนียมส่งต่อข้าวของให้คนในตระกูล แล้วหินชุบวิญญาณ มันติดอยู่กับแหวนที่มีสัญลักษณ์ตระกูลก๊อนท์” เดรโกอธิบายแล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาสะบัด จานและถ้วยหายไป แล้วโต๊ะก็กลับมาสภาพเดิมเหมือนก่อนเขาเดินเข้ามา
“ฉันยังกินไม่หมดเลย” แฮร์รี่ประท้วง
เดรโกทำตาดุใส่ แล้วก็พึมพำอะไรอย่าง ถึงได้ตัวกลิ่นเหมือนน้ำตาล กินแต่ของหวาน
“เพราะฉะนั้นฉันเลยเริ่มจากสืบสายของตระกูลก๊อนต์” เดรโกไม่สนใจเขา แต่คลี่กระดาษออก ลายมือเล็กหวัดของพ่อคุณลากเป็นเส้นสายตระกูล เขาพอจะดูออก แฮร์รี่กวาดมอง เดรโกไล่สายตระกูลจากเพฟเวอร์เรลล์นั่นเอง เริ่มจากก๊อนต์ แล้วดูว่าก๊อนต์แยกมาจากทางไหนบ้าง ตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ไม่มีอีกแล้ว
“ก๊อนต์เชื่อมไปได้ถึงแคดมัส เพฟเวอร์เรลล์” ชายหนุ่มชี้ไปที่สายกลางหน้ากระดาษที่เรืองแสงขึ้นเหมือนเน้นให้แฮร์รี่ดู “ส่วนแอนติโอก เพฟเวอร์เรลล์นั่นง่ายกว่ามาก เขาเป็นต้นตระกูลของสายราชวงศ์”
“ถ้าอย่างนั้นอัลบัสจะมีหนึ่งในเครื่องรางยมทูตรึเปล่า” แฮร์รี่หันไปถาม แต่ประหลาดใจไม่น้อย ถ้าอัลบัสรู้เขาน่าจะบอกอะไรแฮร์รี่สิ
“ฉันคิดว่าไม่” เดรโกคิดไม่ต่างจากเขา “สายแอนติโอกเป็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์ ฉันเชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่โวลเดอร์มอร์กำลังตามหา เขาต้องการให้ครบสามชิ้น แต่ระหว่างผ้าคลุมหนีความตาย กับไม้กายสิทธิ์ที่มีอานุภาพที่สุด คนอย่างเขาต้องตามหาไม้กายสิทธิ์ก่อน แล้วถ้าเขาได้ ฉันไม่เชื่อเขาจะไม่บุกวังตอนนี้”
แฮร์รี่พยักหน้า ใช่โวลเดอร์มอร์ไม่จำเป็นต้องมีผ้าคลุมหนีความตาย เขามีแหวนชุบวิญญาณ จะเกิดอีกกี่ครั้งก็ได้ ขอแค่ให้มีคนยอมสังเวยร่าง แล้วก็ใช่อีก ตอนนี้อัลบัสกำลังอ่อนแอ เป็นทางดีที่จะบุกถึงจะไม่มีเครื่องรางยมทูตครบ แต่ขยี้กษัตริย์อัลบัส กำจัดเสี้ยนหนามไปก่อนระหว่างตามหาก็ได้
“นายคิดว่าเขามีหนึ่งหรือสองชิ้น”
“ขึ้นอยู่กับสายสุดท้ายของเพฟเวอร์เรลล์” เดรโกพูดแล้วจ้องหน้าเขาเขม็ง แฮร์รี่ขมวดคิ้วมองกลับ “ตระกูลพอตเตอร์เป็นสายสุดท้ายของเพฟเวอร์เรลล์”
“ตระกูลฉัน” แฮร์รี่ชี้ที่หน้าอกตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ
“นายมั่วรึเปล่า”
“นี่คิดว่าที่ฉันเครียดขนาดนี้เพราะอะไรเจ้าบ้า” เดรโกเงื้อมมือเหมือนจะตี ทำให้แฮร์รี่ต้องขยับหลบ “ฉันก็คิดว่าบันทึกต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ตรวจอีกหลายฉบับ ถึงขนาดแบกหน้าให้กอยล์ไปขโมยบันทึกของตระกูลเพื่อมาตรวจสอบ แต่ก็เป็นพอตเตอร์อยู่ดี โหลนของอิกนาทัส เพฟเวอร์เรลล์มีลูกสาวคนเดียว และเธอแต่งงานกับคนตระกูลพอตเตอร์ เป็นเรื่องฮือฮาในสังคมพอสมควรเลยตอนนั้น”
“ฉันเนี่ยนะมีเชื้อตระกูลเพฟเวอร์เรลล์”
“เออสิ” เดรโกกอดอกมองเขา “ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าคนเซ่อซ่าบ้อบอสี่ตาไร้ความสามารถ—”
“เดี๋ยวนี่ฟังดูเหมือนนายอยากด่าฉันเป็นการส่วนตัวมากกว่า”
ปากของเดรโกยกขึ้น แค่นี้แฮร์รี่ก็รู้แล้วแหละว่าอีกคนตั้งใจแกล้งเขา
“แต่เป็นความจริงไปแล้ว” เดรโกถอนหายใจ “เพราะฉะนั้นนาย” ชายหนุ่มผมสีอ่อนชี้มาที่เขา “นึกให้ออกเลยว่าตระกูลของนายมีของสืบทอดประจำตระกูลรึเปล่า ถ้าให้ดีพาฉันไปอ่านจดหมายเหตุของตระกูลด้วยยิ่งดี”
“จดหมายเหตุบ้าอะไร ไม่รู้จัก ลืมไปแล้วรึไงฉันโตมากับมักเกิ้ลนะ ไม่มีใครเล่าเรื่องพอตเตอร์ให้ฟังทั้งนั้น” แฮร์รี่กอดอก คิ้วขมวด ให้ตายสิตระกูลเขาเนี่ยนะ
“ในตู้นิรภัยของกริงกอตต์ล่ะ” เดรโกบี้ ตาสีอ่อนหรี่มองเขา
“มีแต่ทอง” แฮร์รี่พยายามนึกว่าเขาเคยเจออะไรรึเปล่า ผ้าคลุมหนีความตาย ผ้าคลุม--- คิดแล้วชายหนุ่มก็ยกมือปิดปากทันที
“มีใช่ไหม บอกมาเร็ว ๆ ตกลงนายมีใช่ไหมเครื่องรางยมทูต” เดรโกถลาเข้าทาแทบจะกอดเขา
แฮร์รี่กระแอม “สัญญาเลือดนี่คือนายทำอันตรายฉันไม่ได้ใช่ไหม ทั้งทางตรงและทางอ้อม อะไรที่นายรู้เกี่ยวกับฉันนายจะเอาไปทำอะไรไม่ได้ใช่ไหม”
เดรโกหรี่ตาแต่ก็พยักหน้า
แฮร์รี่ถอนหายใจ หนึ่งในความลับที่เขาเก็บเอาไว้ตลอด ไม้ตายที่ช่วยให้เขาสอดแนม ชายหนุ่มโบกไม้กายสิทธิ์เรียกหาผ้าคลุมล่องหน ทันทีที่ผ้าคลุมอยู่ในมือเขาเดรโกก็สูดหายใจลึกเสียงดัง
“ผ้าคลุมหนีความตาย”
“เอ่อ ฉันไม่แน่ใจว่าหนีความตายรึเปล่า แต่มันทำงานอย่างนี้” เขาวางผ้าคลุมเอาไว้บนแขนของตัวเอง แล้วแขนเขาก็หายไป คนข้างตัวทำตาโต รีบคว้าผ้าคลุมนุ่มลื่นนั้นขึ้นมาลูบ ๆ คลำ ๆ
“แม้กระทั่งใช้เวทมนตร์บังคับให้แสดงตัวถ้านายอยู่ใต้ผ้าคลุมนี้ก็จะไม่มีใครเห็น ฉันเรียกมันว่าผ้าคลุมล่องหน แล้วดูเหมือนอะไรก็ทำอะไรมันไม่ได้ ไฟเผา โดนคาถา ยังไงมันก็คงสภาพเดิม”
“นายคิดว่า—” เขาหันไปถามเดรโก
“ใช่สิ” เดรโกลากมือผ่านผ้าคลุม ก่อนจะหลับตา “ขอบคุณเมอร์ลิน เขายังขาดอีกสอง”
เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่แฮร์รี่รู้สึกว่าเขาไม่ได้ถูกต้อนจนมุมอีกต่อไป เขามีแต้มต่อแล้ว โวลเดอร์มอร์มีหนึ่งเครื่องรางยมทูต เขามีหนึ่งเช่นกัน ตอนนี้ที่ต้องหาคือไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์
“เหลือไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์” เดรโกพูดเบา ๆ แล้วยื่นผ้าคลุมคืนให้แฮร์รี่ง่าย ๆ หมอนี่ไม่คิดจะเก็บไว้แฮะ
“เขาน่าจะนำเราไปหลายช่วงตัวแล้ว” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างกังวล
แฮร์รี่พยักหน้าเห็นด้วย โวลเดอร์มอร์ใช้เวลาขนาดนี้ยังหาไม่เจอ แล้วพวกเขาจะมีหวังหรือ “นายมีความคิดไหม”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “ลองไปคุยกับผู้ที่รู้เรื่องไม้กายสิทธิ์มากที่สุดไหม”
แฮร์รี่เบิกตากว้างอย่างเข้าใจ ในเมื่อเวลากระชั้น ทางเดียวที่ทำได้คือพุ่งเข้าชนตรง ๆ
---------------------------------------------------
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กอายุสิบเอ็ดอีกครั้ง เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้านขายไม้กายสิทธิ์ของคุณโอลิแวนเดอร์ เขายังจำตัวเองในชุดซอมซ่อที่ถูกพาตัวจากชนบทมาที่นี่ เด็กที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ตระกูลขุนนางและไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์ แต่เพราะแฮร์รี่มาพร้อมกับองครักษ์ของพระราชา จึงไม่มีใครออกปากไล่เด็กชายที่ดูไม่เข้าพวกอย่างเขา และเขาก็อยู่ในโลกนี้มาสิบกว่าปีแล้ว ครึ่งนึงของชีวิต
“สวัสดีครับ” คุณโอลิแวนเดอร์ทัก มองไม้กายสิทธิ์เขา “ไม้ฮอลลี่สิบเอ็ดนิ้ว แกนกลางทำจากขนนกฟีนิกส์ ดีและนุ่ม” เขาพูดพร้อมกับยิ้ม “เธอไม่มีปัญหาในการใช้มันใช่ไหมแฮร์รี่ พอตเตอร์” โอลิแวนเดอร์เรียกเขาด้วยชื่อของเขาตอนอายุสิบเอ็ด และเขาไม่อยากบอกชายชราไปว่าตอนนี้เขาไม่ใช่พอตเตอร์อีกแล้ว
“ไม่มีครับ” แฮร์รี่รีบเดินเข้าไปใกล้อีกคน วาดคาถาไปรอบร้านให้แน่ใจว่าไม่มีการแอบฟัง “ที่จริงวันนี้ผมมาในฐานะอัศวินของพระราชา”
“ตามหาเจ้าของไม้กายสิทธิ์รึ” โอลิแวนเดอร์มองเขาจากใต้คิ้วดกยุ่ง พวกอัศวินอย่างเขาบางทีก็ต้องพึ่งพาคุณโอลิแวนเดอร์เพื่อตามหาเจ้าของไม้กายสิทธิ์ที่ก่อคดีต่าง ๆ
“เปล่าครับ” แฮร์รี่กลืนน้ำลาย “คุณเคยได้ยินไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ไหมครับ”
ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดจากปากแฮร์รี่ คุณโอลิแวนเดอร์ก็ตัวแข็งนิ่ง มือชายชราสั่นน้อย ๆ ก่อนจะขยับอย่างรวดเร็วดึงไม้กายสิทธิ์ใกล้ตัวขึ้นมาสาดคาถาใส่เขา
“คอนฟริโก”
แฮร์รี่กระโดดหลบได้ทัน แต่เก้าอี้ที่อยู่ข้างหลังเขานั้นโดนคาถาไปเต็ม ๆ จนระเบิดไฟลุก ชายหนุ่มมองคุณโอลิแวนเดอร์อย่างตกใจ หรือเขาเป็นพวกโวลเดอร์มอร์ ให้ตายสิ แต่เขาฆ่าชายชราไม่ได้ โอลิแวนเดอร์ต้องรู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์
“ดิฟฟินโด”
แฮร์รี่หลบได้อีกครั้ง เสียงกล่องไม้กายสิทธิ์ตกกระทบพื้น
“เอกซ์เปลล์ลิอาร์มัส” แฮร์รี่ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ชายชรา ไม้จากมือคุณโอลิแวนเดอร์ลอยหวือขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวหยุด โอลิแวนเดอร์ลงหยิบฉวยไม้กายสิทธิ์ที่ใกล้มือที่สุดแล้วก็ส่งคาถามาทางเขาอีกครั้ง
“คอนฟริโก คอนฟริโก” เสียงลูกไฟลุกไล่หลังเขา เขาวิ่งหลบทัน
“สตูเปฟาย” แฮร์รี่ส่งคาถาไป โล่ของโอลิแวนเดอร์กันได้ แน่นอนคาถานั่นไม่ได้มีแรงพอที่จะพังโล่ เพราะเขาไม่ได้ต้องการฆ่าคุณโอลิแวนเดอร์ แต่เขาค่อนข้างแน่ใจว่าอีกคนส่งคาถามาทางเขาหวังผลถึงตาย ไฟเริ่มลุกขึ้นไปทั่วร้าน เขาพยายามกันคาถาแล้วก็ดับไฟ
“แฮร์รี่” เสียงตะโกนที่คุ้นเคยทำให้เขาชะงักมือ ก่อนจะถลาตัวไปคว้าคนที่หายตัวขึ้นมายืนอยู่กลางห้อง
“นายมาได้ไง” เขาถามเสียงหอบ คลานหมอบตามร่างสูงที่พาเขาหลบไปที่ทางลับหลังร้าน
“นายโดนโจมตี” อีกคนหามากระซิบตอบ ถึงเสียงจะเบาแต่เขาได้ยินคำด่าอยู่ในนั้นชัดเจน
“รู้—“
“เวทมนตร์จากพิธีแต่งงาน” เดรโกอธิบาย พร้อมกับขยับขึ้นเหลือบมองว่าเจ้าของร้านไม่ได้ตามพวกเขามา “ฉันรู้ว่าคู่แต่งงานฉันกำลังมีปัญหา แล้วก็รู้ว่านายอยู่ไหน”
เฮ้ย มีประโยชน์ชะมัด แฮร์รี่คิดในใจ แต่ทำไมเขาไม่เคยเห็นรู้สึกอะไรเลยล่ะ สำหรับเขาหลังแต่งงานเขาไม่เคยรู้สึกถึงเดรโกเลย ยกเว้นแค่ตอนเจอเบลลาทริกซ์แค่ครั้งเดียว
“ฉันไม่ได้กำลังมีปัญหา ฉันเอาอยู่” แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะแก้
“ดูท่าไม่น่าจะรอดนาน” เดรโกพูด ก่อนจะรีบดึงเขาหลบคาถาของคุณโอลิแวนเดอร์
“สตูเปฟาย” แฮร์รี่ส่งคาถาไปทางโอลิแวนเดอร์ และเป็นอีกครั้งที่คาถาของเขาโดนปัดได้ง่าย ๆ พร้อมกับคาถาสวนกลับ เดรโกรีบร่างคาถาโล่แล้วดึงเขากลับไปทางร้าน หนุ่มผมทองหันมาเสกคาถาใส่ประตูปิดโอลิแวนเดอร์ขังเอาไว้ที่ส่วนหลังร้าน
“ทำไมตาแก่นั่นถึงไล่บี้อัศวินอย่างนายได้วะ” หนุ่มผมทองด่าเขา ไม้กายสิทธิ์ยังชี้ไปทางประตู ที่สั่นเหมือนกำลังจะระเบิดออก
“เผื่อนายไม่สังเกต ฉันตั้งใจไม่ทำร้ายเขา เรายังต้องเอาข้อมูลไม้เอลเดอร์จากเขา” แฮร์รี่เริ่มเดือดขึ้นมาบ้างแล้ว เข้าใจกันบ้างสิ
“แล้วนี้ได้ถามอะไรไปรึ--”
“โปรเทโก้” เดรโกรีบตั้งคาถาโล่กันทันทีที่ประตูระเบิดออก เปิดช่องให้เขาจัดการกับโอลิแวนเดอร์ที่สนใจเสกคาถาไปที่เดรโก
“สตูปิฟาย” คราวนี้คาถาเข้าเป้า
“อินคาเซอรัส”
“เออ ถามไปแล้ว” แฮร์รี่หันมาตอบ “แล้วเขาก็อาละวาดอย่างนี้เลย เขาเป็นพวกโวลเดอร์มอร์เหรอ”
เดรโกขมวดคิ้ว มองไปรอบร้าน ไม้กายสิทธิ์หลายอันหักหล่นรอบตัวเขา “ปกติเขาไม่มีทางทำให้ลูก ๆ ที่รักของเขาหักขนาดนี้”
แฮร์รี่เห็นด้วย โอลิแวนเดอร์นั้นรักไม้กายสิทธิ์มากกว่าอะไร จำได้ทุกอัน การที่อยู่ดี ๆ มาบ้าคลั่งแล้วอาละวาดจนไม้แตกหักเยอะขนาดนี้ดูขัดกับนิสัยอย่างสิ้นเชิง
“ตอนมาเขาก็ยังทักฉันปกติ มาในชุดอัศวินนี้ด้วย แต่พอถามถึงไม้เอลเดอร์เท่านั้น” แฮร์รี่มองชายชราที่นอนไร้สติบนพื้น ลำบากใจชะมัดที่จะต้องพาเขาไปพิพากษา
เดรโกเงียบไปครู่นึง ก่อนจะถอนหายใจ
“ฉันว่าทางนี้ทางตันแล้วหล่ะ ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวสิ เรายังไม่สอบปากคำโอลิแวนเดอร์เลย”
“เขาโดนคาถาสะกดใจ” เดรโกหันมาอธิบาย “น่าจะเป็นคำสั่งให้ฆ่าทุกคนที่ถามถึงเรื่องไม้เอลเดอร์ โวลเดอร์มอร์คงมาถึงเขาก่อนเรา แล้วข้อมูลอะไรที่มีก็คงโดนลบความทรงจำไปหมดแล้ว”
“ไปเถอะ”
“เดี๋ยวสิเดรโก” แฮร์รี่ขัด จะไปได้ยังไง ถ้าอย่างนั้นต้องหาวิธีถอดคำสาปสะกดใจนะ
“เราต้องช่วยเขานะ จะปล่อยให้เขาโดนมัดอย่างนี้เหรอ”
“นายรู้วิธีปลดคาถาสะกดใจรึเปล่าล่ะ” หนุ่มตัวสูงหันมาถามหน้าตาย เมื่อเห็นสีหน้าเขาก็ได้แต่กลอกตา “ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ ช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก คนเดียวที่ปลดคาถาได้คือคนร่าย ไม่ก็ต้องตามตัวนักแก้คำสาปมา แต่นายก็ต้องอธิบายเรื่องโวลเดอร์มอร์ ไม้เอลเดอร์ แล้วอะไรต่อมิอะไร”
“แต่เราต้องช่วยอะไรเขาสักอย่าง เขาโดนสะกดใจจากโวลเดอร์มอร์นะ”
“ก็รีบ ๆ ฆ่าจอมมารสิจะได้ปลดคาถา” เดรโกขมวดคิ้วมองเขาที่ยังคงคุกเข่าประคองคุณโอลิแวนเดอร์ที่ไม่ได้สติ ให้ทิ้งเอาไว้อย่างนี้จริง ๆ หรือ
“เขาไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าไม่เห็นหน้านายไม่มีคนถามเรื่องไม้เอลเดอร์คำสาปก็ไม่โดนกระตุ้น”
“เราไม่รู้ว่านั่นคือการสะกดใจอย่างเดียวรึเปล่า” เขาเงยหน้ามองเดรโก ช่วยกันหน่อยสิ
ในที่สุดร่างสูงก็ถอดหายใจยาว แล้วบ่นอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสายตาลูกหมา ก่อนจะตะโกนสั่งเขา
“พาเขาไปกริงกอตต์”
--------------------------------------------
Note: กลิ่นของแฮร์รี่ที่เดรโกได้เป็นกลิ่นแบบขนม ๆ ค่ะ ประมาณคาราเมล วานิลลา นางก็เลยบ่นทำนองว่าแฮร์รี่กินแต่ขนมหวานกลิ่นเลยเหมือนขนม
ส่วนกลิ่นของเดรโกที่แฮร์รี่บรรยายว่าเป็นอำพันกับโอ๊ค จะเป็นกลิ่นออกดิน ๆ อุ่น ๆ หน่อย ให้อารมณ์คุณชายที่นั่งบนเก้าอี้ไม้โอ๊คเก่า ๆ ข้างเตาผิงที่มีถ่านไม้ลุก เป็นกลิ่นที่อบอุ่นมาก แฮร์รี่เลยบอกว่าอยากซุกหน้าเข้าไปนอนตลอดไงคะ น้ำหอมที่คิดว่าใกล้เคียงประมาณนี้ Tom Ford Amber Absolute ค่ะ
ความคิดเห็น