ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    It Starts With A Handcuff - H/D

    ลำดับตอนที่ #1 : Handcuff

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 60


              ชายหนุ่มผมดำยุ่งเหยิงก้มค้อมอยู่เหนือโต๊ะทำงานไม้โอ๊คตัวใหญ่ มือจับปากกาขนนกเขียนบนตั้งกระดาษตรงหน้าอย่างจดจ่อ และเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเขาก็ต้องมองไปรอบๆอย่างงงๆเพราะแทนที่จะเห็นเพื่อนร่วมงานเดินขวักไขว่ ทุกโต๊ะรอบด้านเขากลับปิดไฟ มีเพียงแสงโคมเล็กๆเหนือศีรษะเขาเท่านั้นที่ยังคงส่องสว่างในสำนักงานใหญ่มือปราบมาร แฮร์รี่ พอตเตอร์กระพริบตาถี่ๆปรับให้สายตาเขาชินกับความมืดก่อนจะถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งรอนเพื่อนสนิทก็ยังทิ้งให้เขาทำงานเฝ้าสำนักงานอยู่คนเดียวอีกตามเคย ทั้งๆที่ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลวีสลีย์สัญยงสัญญากับเขาเสียเป็นดิบดีว่าปีนี้จะไม่ทิ้งให้แฮร์รี่ต้องปิดแผนกคนเดียวอีก แต่ดูเหมือนผ่านปีใหม่ไปไม่กี่วันเขาก็ถูกทิ้งให้เป็นคนเดียวที่ทำงานอยู่จน...แฮร์รี่เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรืองแสง....สี่ทุ่มครึ่ง... ดึกขนาดนี้แล้วหรือ ยังไม่ทันได้ทานข้าวเย็นเลย และทันทีที่เขาคิดท้องของเขาก็ร้องประท้วงดังโครกครากเหมือนจะบ่นว่าเขาลืมไปได้ยังไงกัน ชายหนุ่มกดมือเข้ากับท้อง ป่านนี้ครีเชอร์คงทำกับข้าวเอาไว้รอเขาแล้วที่กริมโมลด์เพลซ และไม่แคล้วที่เอลฟ์ชราจะบ่นจนเขาหูชาว่าเขาเป็นเจ้านายที่ไม่ดูแลตัวเองขนาดไหน บางทีแฮร์รี่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงเขากับครีเชอร์ใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่

              แฮร์รี่รวบตั้งกระดาษเข้าด้วยกัน เดี๋ยวค่อยยื่นส่งคดีพรุ่งนี้ก็ได้ อย่างน้อยคืนนี้ก็เคลียร์เสร็จไปอีกหนึ่ง เขาไม่ได้ตั้งใจทำงานหนักหรอก แต่เพราะว่าคนในสำนักงานไม่เคยพอ แล้วในฐานะที่เขา...คิดแล้วก็เศร้า...แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนโสดคนเดียว ไม่มีครอบครัวให้ต้องกลับไปหา หรือว่าต้องมีเดทเหมือนๆชาวบ้าน เขาก็เลยมักจะอาสารับทำคดีนู้นนี่อยู่เสมอ แล้วดูเหมือนก็ไม่ค่อยมีใครอยากขัดใจเขา ทุกคนกลับคิดว่าที่เขาทำงานหนักเพื่อที่จะก้าวหน้าแล้วได้รับโปรโมตอย่างเร็วเพื่อเป็นหัวหน้าสำนักงาน แฮร์รี่ทำงานมาแค่ห้าหกปีแต่ก็มีเสียงกระซิบกระซาบแล้วว่าไม่อีกกี่ปีเขานี้แหละที่จะเป็นหัวหน้าสำนักงานมือปราบมารที่อายุน้อยที่สุด แฮร์รี่ไม่เคยคิดจะอยากเป็นเลย แค่คิดว่าต้องคุมเด็กๆรุ่นใหม่ทั้งหลายเขาก็ปวดหัวแล้ว แต่เอาเถอะ...เรื่องในอนาคตค่อยไปคิด เขายังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะแยะวันพรุ่งนี้ ชายหนุ่มลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมสีเข้มแล้วเตรียมตัวจะเดินออกไป แต่ทันทีที่เขายกไม้กายสิทธิ์หมายจะปิดไฟ สัญญาณเตือนว่ามีการติดต่อจากเครือข่ายฟลูก็ดังขึ้น แฮร์รี่ขมวดคิ้วแต่ก็รีบก้าวยาวๆไปที่เตาผิง ในไฟนั้นมีศรีษะของอาเธอร์ วีสลีย์ลอยอยู่ และเมื่อคุณวีสลีย์เห็นแฮร์รี่เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก 

              “คิดว่าป่านนี้พวกเธอจะกลับกันแล้วซะอีก ฉันไม่อยากใช้ระบบเรียกมือปราบมารฉุกเฉินซะด้วย” อาเธอร์พูดถึงระบบเหรียญที่แฮร์รี่กับรอนเสนอแนะนำสำนักงานให้เอามาปรับใช้ และกลายเป็นมาตรฐานในการติดต่อฉุกเฉินระหว่างมือปราบมารด้วยกันเอง รวมถึงแผนกอื่นในกระทรวงเวทมนตร์ แต่ปัญหาคือถ้าหากใช้ระบบฉุกเฉินเรียกทุกคนจะได้รับการเตือน...ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ฝึกหัดจนถึงหัวหน้าสำนักงาน แสดงว่าคุณวีสลีย์คงมีธุระที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ไปทั่วสินะ 

              “มีอะไรครับคุณวีสลีย์” แฮร์รี่ยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ แม้ในคราแรกๆเขาจะคิดว่าระบบเครือข่ายฟลูมันพิลึกพิลั่นสิ้นดี แต่พอใช้ไปนานๆเข้าเขาก็ชินเสียแล้ว แถมยังสะดวกสบายดีอีกด้วย ไม่ต่างจากโทรศัพท์ในโลกมักเกิ้ลที่เขาคุ้นเคยสักเท่าไหร่ 

              “เอ่อ...มีปัญหากับวัตถุเวทมนตร์นิดหน่อย แล้วดูท่าจะเกินแรงฉัน” 

              แฮร์รี่เลิกคิ้วกระชับมือเข้ากับไม้กายสิทธิ์ “วัตถุเวทมนตร์มืดรึเปล่าครับ แล้วคุณอยู่ที่ไหน” แฮร์รี่ถามอย่างร้อนใจ 

              “ไม่ ไม่ ไม่ใช่เวทมนตร์มืดหรอก...อืมม...คิดว่านะ ฉัน...ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงดี” คุณวีสลีย์พูดแล้วทำท่าทางแบบที่ทำให้แฮร์รี่เลิกคิ้วสูงขึ้นอีก เพราะชายชราก้มหน้าหลบตาเขาแล้วเขาคิดว่า...เขาเห็นแก้มคุณวีสลีย์ขึ้นสีนะ “แล้วเอาเป็นว่าฉันเปิดเครือข่ายฟลูอีกด้านมาแล้ว เธอตามมาได้เลย ระดับความอันตรายต่ำ และมีมักเกิ้ลเข้ามาเกี่ยวข้อง” 

              แฮร์รี่พยักหน้า ความอันตรายต่ำ หมายถึงมือปราบมารคนเดียวก็เพียงพอไม่จำเป็นต้องมีแบ็คอัพ รวมถึงไม่ต้องใช่ชุดป้องกัน และถ้ามีมักเกิ้ลเข้ามาเกี่ยวข้องก็หมายความว่าเขาต้องระวังการใช้เวทมนตร์อีกเป็นเท่าตัว ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมแล้วสอดไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋า ก่อนจะไถลตัวตามเตาผิง 

              ทันทีที่เท้าเขาแตะพื้น แฮร์รี่ก็ยืนตรง สิ่งแรกๆที่เขาต้องฝึกตอนเป็นมือปราบมารคือการใช้เครือข่ายฟลูให้ได้อย่างคล่องแคล่วดังนั้นแฮร์รี่ที่หน้าคะมำหลังจากออกจากเตาผิงน่ะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว มือเขาปัดขี้เถ้าออกจากเสื้อคลุม เบื้องหน้าเขาคือหัวหน้ากองการควบคุมการใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลในทางที่ผิด ชายผมแดงยังใส่เสื้อคลุมยับๆเหมือนที่เขาจำได้ตั้งแต่เด็ก แฮร์รี่ส่งยิ้มให้แล้วทักทาย “สวัสดีครับคุณอาเธอร์” 

              “โอ้ ขอบใจมากนะแฮร์รี่ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ตามเธอซะดึกขนาดนี้ แถมนี่ยังไม่น่าใช่เขตรับผิดชอบของเธออีก” แฮร์รี่รีบส่ายหน้าบอกให้อีกคนรู้ว่าไม่เป็นไร ถึงทีมมือปราบมารจะมีการแบ่งเขตดูแล แต่ถ้าหากถูกตามตัวโดยที่ผู้ดูแลเขตไม่อยู่จะเป็นใครก็ได้ ปกติแฮร์รี่ก็ทำงานข้ามเขตเป็นปกติอยู่แล้ว 

              “เรื่องของเรื่องก็คือ...พ่อมดใช้อุปกรณ์ที่ใช้ยึดเหนี่ยวของมักเกิ้ลกับมักเกิ้ล แล้วมันดู...เอ่อ...ดูเหมือนมันจะผิดแผนไปหน่อย แล้วพ่อมดที่ว่าเขาก็ยืนยันว่าเขาไม่รู้เรื่อง” 

              แฮร์รี่ขมวดคิ้ว ฟังดูยังไงก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะต้องถึงเรียกมือปราบมาร และดูเหมือนคุณวีสลีย์จะอ่านความคิดของเขาออกเพราะชายผมแดงหัวเกือบล้านรีบอธิบายต่อ “ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะจัดการได้ แต่ว่าไม่ว่ายังไงฉันก็เข้าใกล้วัตถุนั้นไม่ได้ เข้าใกล้ปุ๊บเหมือนโดนพลังเวทมนตร์กระแทกแรงๆจนลอยจนผนังเลย ถึงไม่เจ็บก็เล่นเอามึนเหมือนกัน ฉันลองมาสักพักแล้วดูเหมือนไม่ได้ผล...เอ่อ...แล้วฉันคิดว่าถ้าฉันใช้เวลานานกว่านี้พ่อมดหนุ่มน้อยคนนั้นจะตายเอาซะก่อน โอเคอาจจะไม่ถึงตาย แต่อาจจะพิการ แล้วฉันก็ไม่อยากมีเรื่องกับพ่อเขามาก—“ 

              “ผมเข้าใจแล้วครับคุณวีสลีย์” แฮร์รี่ตัดบท ในหัวนึกถึงคาถาทำลายวัตถุมืดทั้งหลายในหัว แล้วชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ประตูที่คุณวีสลีย์กันอยู่ “ข้างหลังนั่นใช่ไหมครับ” อาเธอร์ วีสลีย์พยักหน้าแล้วหลบขยับขาไปอีกด้าน เจ้าตัวดูลังเลเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับแฮร์รี่แต่คิดว่าไม่ดีกว่า ชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วเปิดประตูก้าวเข้าไป ไม้กายสิทธิ์ยกขึ้นตรงหน้าหมายจะกันเวทมนตร์ที่พุ่งเข้ามาทำร้ายเขา แต่ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือภาพที่แฮร์รี่แน่ใจว่าเขาต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ บางทีเขาอาจจะหลับไปตอนเขียนรายงานคดี เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีทางที่ในโลกความเป็นจริงเขาจะเปิดประตูเข้ามาเจอเดรโก มัลฟอยนอนเปลือยบนเตียงพร้อมกับมีกุญแจข้อมือคล้องข้อมือขาวซีดคู่นั้นไว้กับเสาหัวเตียง และอีกด้านของผนังห้องคือมักเกิ้ลผู้ชายที่ดูเหมือนจะโดนเวทมนตร์จัดการทำให้ลอยติดผนังอยู่ เพราะเฮ้ เดรโก มัลฟอยนอนกับมักเกิ้ลเนี่ยนะ โอเค เขาอาจจะตกใจนิดหน่อยที่หมอนั่นเป็นเกย์ แต่ก็ไม่ได้มากหรอก อย่างน้อยก็ไม่เท่ากับที่อดีตเพื่อนร่วมโรงเรียนตัวร้ายของเขาตั้งใจจะมีเซกซ์...เซกซ์แบบที่ท่าทางจะดุเด็ดเผ็ดมันขนาดต้องใช้กุญแจมือ...กับมักเกิ้ล!!! 

              และดูเหมือนคนบนเตียงจะไม่ได้คิดว่าคนที่จะเปิดประตูขึ้นมาคือเขา เพราะหมอนั่นหลับตาแล้วสบถยาวทันทีที่เห็นหน้าเขา ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วยิ้มกวนๆแบบมัลฟอยแท้ๆใส่เขา “สวัสดีพอตเตอร์” 

              “นี่ฉันตื่นอยู่จริงๆใช่ไหม ไม่ใช่หลับคารายงานคดีไปแล้วใช่ไหม” 

              “คิดซะว่าเป็นความฝันแล้วหันหลังกลับออกไปเลย” มัลฟอยพูดเสียงยานคางเหมือนเคย แต่ขอโทษทีเถอะนายจะมาทำเสียงเป็นขุนนางหัวสูงขณะที่ติดกับของเล่นเซกซ์ของตัวเองไม่ได้ 

              แฮร์รี่พยายามจะทำหน้าขรึม เขาพยายามแล้วจริงๆนะ พยายามมากๆเลยด้วยที่จะทำตัวเป็นมืออาชีพ แต่เคราเมอร์ลินนี่คู่อริสุดรักสุดแค้นของเขากำลังนอนแก้ผ้าโดนมัดช่วยตัวเองไม่ได้บนเตียง คือมันคงต้องใช้ความมืออาชีพยิ่งกว่าอะไรที่จะทำหน้าตาย แล้วขอโทษทีที่เขาไม่ได้มืออาชีพขนาดนั้น แฮร์รี่ก็เลยแอบหลุดขำออกมากิ๊กนึง ไม่ได้ตั้งใจเลย แต่มัลฟอยเห็นแน่ๆ เห็นชัดเลยด้วย เพราะตอนนี้หมอนั่นมองเขาตาเขียว แฮร์รี่ยกสองมือขึ้นบอกให้อีกคนรู้ว่าเขามาดีแต่ก็ไม่ได้ทำให้ตาเขียวปั๊ดนั่นมองเขาแรงน้อยลงเลย
              “เอาล่ะครับคุณชายมัลฟอย คายออกมาซะดีๆว่าใช้คาถาอะไรแปลงกุญแจมือ” 

              “ไม่ได้แปลงเว้ย ฉันบอกตาแก่วีสลีย์จนปากจะฉีกแล้วว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันหยิบกุญแจมือนี่มาจากห้องนอนของฉันตามปกติ มันถูกเก็บอยู่ในตู้เซฟส่วนตัวไม่มีคนอื่นรู้ แล้ววันก่อนมันก็ยังเป็นแค่กุญแจมือปกติ มีแค่วันนี้แหละที่อยู่ดีๆทันทีที่โอลิเวอร์” มัลฟอยพยักเพยิดไปทางมักเกิ้ลที่ยังคงหน้าตื่นและดูจะกลัวจนไม่กล้าพูดแถมยังคงโดนเวทมนตร์ทำให้ลอยได้อยู่ “ใส่กุญแจมือฉันแล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบก็บูม เขาก็โดนเวทมนตร์กระแทกติดผนัง ลอยอยู่นั่นตั้งแต่ตอนนั้น ห้านาทีให้หลังหัวหน้ากองการควบคุมการใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลในทางที่ผิดก็โผล่มา เขาเองก็เข้าใกล้ฉันไม่ได้เหมือนกัน ตาแก่วีสลีย์ออกจากห้องไปห้านาทีก่อนคิดว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับแผน หรืออย่างน้อยๆก็ใครที่พึ่งพาได้ แต่กลับเป็นนายซะนี่!!!” 

              “บอกให้รู้นะมัลฟอยฉันเป็นมือปราบมาร เป็นมาหกปีแล้วด้วย โอเคสามปีถ้าไม่รวมฝึกสามปีแรก ฉันคิดว่าฉันมีคุณสมบัติพอที่จะรับมือกับเซกซ์ทอยของนายนะ แล้วนี่ซื้อจากมักเกิ้ลหรือซื้อจากพ่อมด” แฮร์รี่ถามพร้อมกับค่อยๆขยับเข้าใกล้คนบนเตียงทีละก้าว เขาจะได้รู้ว่าขอบเขตของเวทมนตร์คือตรงไหน 

              “ร้านมักเกิ้ล ใครอยากจะไปซื้อเซกซ์ทอยจากพ่อมดกันบ้าง นายอยากได้ไอ้จ้อนปลอมพูดได้เหรอพอตเตอร์” มัลฟอยทำหน้าเหม็นเบื่อเขาซะเหลือเกิน ต้องชื่นชมมัลฟอยซะจริงๆว่าในสภาพแบบนี้ยังทำหน้าเหมือนกับว่าอยู่เหนือกว่าเขาทุกประการได้ อยากรู้จริงๆการฝึกมารยาทของตระกูลนี้ตอนเด็กๆน่ะเป็นยังไง 

              “ไม่เคยใช้” แฮร์รี่ตอบอย่างไม่คิด เพราะตอนนี้ในหัวเขากำลังจดจ่อกับการระแวดระวังตัวไม่ให้โดนเวทมนตร์ เขาคะเนระยะทางคร่าวๆจากเท้าเขาจนถึงเตียงก็ไม่กี่ฟุต แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงเวทมนตร์ที่ออกมาทำร้ายเขาเลย 

              ให้ตายสิพอตเตอร์ ชีวิตรักของนายมันจะจืดชืดไปถึงไหน” ฉึก...แฮร์รี่เงยหน้ามองคนที่อยู่บนเตียงอย่างฉุนๆ ทำไมหมอนั่นถึงได้มีความสามารถพิเศษในการพูดอะไรที่มันจี้ใจดำเขาได้ตลอดขนาดนี้นะ ยุบหนอพองหนอ คอยดูนะกลับไปที่สำนักงานพ่อจะสอบปากคำให้หนักเลย แฮร์รี่หมายมั่นปั้นมือ “ทำหน้าอย่างนั้นแทงใจดำอะ—“ ก่อนที่มัลฟอยจะพูดจบเขาก็ก้าวเข้ามาถึงเตียงของเจ้าตัว ตาสีฟ้าเทาเงยมองเขาอย่างประหลาดใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะหรี่ตาแล้วโวยวายใส่เขา “ยืนนิ่งทำไมวะเจ้าบ้านี้ ช่วยปลดออกหน่อยสิ” คนพูด พูดพร้อมดิ้นขลุกขลักให้เห็นชัดๆ แฮร์รี่มองข้อมือของอีกคนที่ยังถูกพันธนาการเอาไว้ ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องจริงๆ เพราะตรงหน้าเขาข้อมือของมัลฟอยถูกรั้งถูกกระแทกจากความพยายามของเจ้าตัวที่จะดิ้นรนให้หลุดออกจากกุญแจมือจนแดงช้ำและถลอกเลือดซิบไปหมด หรือไม่อย่างนั้นมัลฟอยคงเป็นนักแสดงที่เก่งมาก ซึ่งในฐานะที่รู้จักหมอนั่นมาสิบกว่าปี คิดว่าไม่จริงแน่นอน คนที่เขาอ่านง่ายยิ่งกว่าใครก็คือมัลฟอยนี่แหละ 

              รีวีลิโอ” แฮร์รี่พึมพำเบาๆ กุญแจมือเรืองแสงเป็นสีเหลืองทองอ่อนก่อนจะดับไป มันมีเวทมนตร์แต่ไม่ใช่แบบที่เวทมนตร์มืดอย่างที่เขาเคยเห็น เก่าแก่...และไม่น่าจะใช่พวกกลเวทมนตร์ทำร้ายปกติด้วย แฮร์รี่คิดในใจแล้วเหลือบมองคนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่กุญแจมือ “อะโลโฮโมร่า” เสียงกริ๊กเบาๆ บ่งบอกว่าคาถาของเขาได้ผล มันปลดปล่อยข้อมือของเจ้าของออก เดรโก มัลฟอยถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับดึงแขนลง ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นแฮร์รี่ก็รีบปลดเสื้อโค้ทตัวเองแล้วคลุมลงไปบนไหล่ของหนุ่มผมทอง ที่ดูท่าจะไม่ได้ซาบซึ้งกับน้ำใจของเขาเลย 

    “ยังมีอะไรให้อายอีกรึไง” มัลฟอยพึมพำแต่ก็กระชับเสื้อคลุมเข้ากับตัว ก่อนจะชี้ไปอีกฝั่ง มักเกิ้ลชายยังคงลอยติดผนังอยู่ แฮร์รี่กัดริมฝีปากแล้วลองคาถาแรกที่โผล่ขึ้นมาในหัว 

    ไฟไนท์ อินคาเททัม” ทันทีที่สิ้นเสียงเขา ชายมักเกิ้ลคนนั้นก็ตกลงมาบนพื้นดังตุบ อาเธอร์รีบรุดเข้าไปประคอง หัวหน้ากองที่เกี่ยวข้องกับมักเกิ้ลเป็นปกติอย่างอาเธอร์รู้โปรโตคอลในการเวลาแบบนี้ดี ดูแลให้แน่ใจว่ามักเกิ้ลไม่ได้รับบาดเจ็บจากเวทมนตร์ แล้วก็ลบความทรงจำเขาเสีย เหลืออีกอย่างหนึ่งคือกุญแจมือเจ้าปัญหาที่ตอนนี้แขวนอยู่บนราวหัวเตียงเหมือนกับว่ามันไม่เคยเพิ่งออกฤทธิ์ออกเดชจนทุกคนในห้อง (ยกเว้นแต่เขา) ปวดหัวไปกันหมด แฮร์รี่เอียงคอมองวัตถุตรงหน้าอย่างสงสัยแล้วใช้คาถารีวีลิโอเพื่อดูว่ามันยังคงมีเวทย์มนตร์หรือเปล่า แล้วผลที่ได้ก็เป็นอย่างที่เขาใช้คาถากับมันครั้งแรง เรืองแสงเป็นสีทองอ่อนๆแล้วค่อยๆเลือนลง อาเธอร์ก้าวเข้ามาใกล้เขา 

    “เอาล่ะเดี๋ยวทีมผู้ลบความจำจะมาจัดการที่นี่ ขอบใจมากนะแฮร์รี่ แต่ฉันจัดการได้ ดูเหมือนว่าเจ้ากุญแจมือนี้มันคงเป็นเด็กดื้อเป็นพักๆ” พูดจบชายผมแดงก็เดินจะไปคว้ากุญแจมือก่อนที่แฮร์รี่จะได้ส่งเสียงเตือน และทันใดนั้นอาเธอร์ วีสลีย์ก็โดนเวทมนตร์เหวี่ยงจนกระแทกกับอีกด้านของผนัง ไม่รุนแรงก็จริงแต่ก็มากพอที่จะเตือนให้รู้ว่าอย่าเข้าใกล้ แฮร์รี่มองตามร่างของอาเธอร์ที่ลอยหวือก่อนจะหันมาเลิกคิ้วสบตากับมัลฟอยที่ดูก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าเขา เพราะร่างโปร่งแค่เพียงยักไหล่ เสียงโอยเบาๆของคุณวีสลีย์บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่เป็นอะไรมาก หัวหน้ากองหันมาบอกแฮร์รี่ว่าให้ช่วยเก็บกุญแจนั่นเป็นหลักฐานให้ที เพื่อไม่ให้เป็นการประมาทแฮร์รี่ใช้คาถายกกุญแจมือขึ้นโดยไม่แตะต้องมันโดยตรงก่อนจะรีบล้วงเข้าไปหาถุงเก็บหลักฐานที่ทำหน้าที่ทั้งเก็บหลักฐานและเก็บเวทมนตร์ไม่ให้เล็ดรอดออกมาได้ อุปกรณ์มาตรฐานที่มือปราบมารทุกคนต้องติดตัวเอาไว้ 

    “ไม่ต้องระวังขนาดนั้นหรอกพอตเตอร์ ถ้านายจะโดนเหมือนอย่างตาแก่วีสลีย์นายคงโดนตั้งแต่ใช้คาถาสะเดาะกุญแจแล้ว” มัลฟอยพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปรอบๆ เก็บเสื้อผ้าของเจ้าตัวที่กระจัดกระจายบนพื้น “หลังจากเห็นว่าเข้าใกล้ฉันไม่ได้ วีสลีย์ก็ลองร่ายคาถานั่นจากระยะไกลดู แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิมเป๊ะ เห็นรอบแรกๆก็สนุกดีหรอก แต่พอสักรอบสามรอบสี่ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าบางทีเจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์นี่เป็นกันง่ายเกินไปรึเปล่า” 

    “อะไรจะเป็นยากอย่างเป็นผู้เสพความตายล่ะ” แฮร์รี่สวนกลับก่อนที่ทันจะได้คิดว่าเขาพูดอะไรออกไป และทันทีที่เขาพูดจบก็เหมือนอากาศทั้งห้องหายไป เขารู้ตัวว่าล้ำเส้นไปโข เพราะขนาดคุณวีสลีย์ยังทำตาโตมองเขาอย่างตกใจ ใครๆก็รู้ตั้งแต่ตอนไต่สวนคดีว่าทายาทของตระกูลมัลฟอยไม่เคยอยากเป็นผู้เสพความตาย มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาไม่ถูกฆ่าตายล้างโคตร ไหล่มัลฟอยเกร็งขึ้นมาทันที ท่าทางกึ่งๆเป็นมิตรที่เขาได้รับหายวับไปกับตา ตาสีฟ้าเทาหันกลับมามองเขาอย่างฉุนๆ เจ้าตัวรีบคลี่เสื้อคลุมตัวเองแล้วกระชากเสื้อคลุมเขาโยนกลับมาให้เขาแทน 
    “เอาคืนไปเลย นายคงไม่อยากให้เสื้อคลุมมือปราบมารแสนวิเศษมาอยู่บนตัวผู้เสพความตายอย่างฉันล่ะสิ” 

    “เดี๋ยวสิมัลฟอย—“ แฮร์รี่รีบเข้าไปคว้าแขนอีกคนเอาไว้ คำขอโทษติดอยู่ที่ปลายลิ้นแต่เขาก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ง่ายๆ บางทีไอ้นิสัยที่ติดตัวตั้งแต่ตอนเรียนมันก็ไม่ได้แก้กันในสามวันหรือว่าหกปีหรอกนะ “เอ่อคือนายต้องไปให้ปากคำ...ใช่ไหมครับคุณวีสลีย์” แฮร์รี่รีบหันไปถามหัวหน้ากองการควบคุมการใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลในทางที่ผิด เพราะถึงยังไงคดีนี้ก็ยังอยู่ในความรับผิดชอบของอาเธอร์ วีสลีย์ มือปราบมารอย่างเขาเป็นแค่ผู้ช่วยเหลือเท่านั้น 

    “เอ่อ...ใช่ แต่เดี๋ยวฉันเรียกด๊อบสัน—“ อาเธอร์พูดถึงพนักงานอีกคนในกอง แต่แฮร์รี่รีบโบกมือปัดแล้วส่งยิ้มกว้างสุดๆให้คุณวีสลีย์แทน 

    “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมจะเอาหลักฐานไปส่งที่หน่วยตรวจสอบวัตถุเวทมนตร์แล้วก็สอบปากคำมัลฟอยให้ด้วย” 

    อาเธอร์ดูลังเล เหมือนไม่แน่ใจว่าจะปล่อยคุณชายมัลฟอยไว้กับเขาดีรึเปล่า แต่ก็ต้องตัดสินใจพยักหน้าเพราะเจ้าตัวต้องอยู่จัดการกับที่นี่รวมถึงลบความทรงจำของมักเกิ้ลและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย 

    “นี่ฉันเป็นผู้ต้องสงสัยรึไง” มัลฟอยขมวดคิ้วใส่เขา เสียงเจ้าตัวฉุนๆ 

    “นายเป็นพยานต่างหาก แล้วรีบใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” แฮร์รี่ตอบพร้อมก้มลงจะเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้น คิดว่าคงง่ายที่จะเห็นเสื้อผ้าของมัลฟอยเพราะอีกคนคงไม่แคล้วใส่เสื้อผ้าอย่างพ่อมดทั่วไป แต่เขาก็ต้องชะงักเพราะแทนที่จะเป็นกางเกงผ้าวูลชั้นดี หรือเสื้อเชิ้ตคัตติ้งแบบโบราณ บนพื้นกลับเป็นกางเกงยีนส์สองตัว และเสื้อเชิ้ตสำเร็จรูปมียี่ห้อสองตัว เขาหยุดแล้วหันไปมองคนที่ตอนนี้มีแค่โค้ทยาวคลุมตัว ร่างสูงส่ายหน้าแล้วจัดการเดินผ่านเขาแล้วก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองแทน แต่ก็ไม่วายพูดจากัดเขาเบาๆ 

    “ไม่เจอกันตั้งห้าปี จะไปรู้ได้ไงฉันใส่เสื้อผ้าแบบไหน ไม่ใช่ฮอกวอร์ตนะที่เสื้อผ้าสลิธีรินจะเป็นสีเขียว” 

    แฮร์รี่ยืนขึ้นตรงด้วยความรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า เพราะที่อีกคนพูดน่ะถูกเผง ห้าปีแล้วตั้งแต่จบแล้วไม่เคยเจอกันเลย เขาดันไม่คิดเอาเองซะอีกว่ามัลฟอยจะแต่งตัวยังไง ที่จริงเขาอาจจะไม่ได้รู้จักเดรโก มัลฟอยแล้วซะหน่อย อย่างน้อยเขาตอนสิบเจ็ดก็คงไม่มีวันคิดว่าพ่อหนุ่มบ้านสลิธีรินจะทำรักกับมักเกิ้ล แถมยังยอมให้มักเกิ้ลที่ว่าผูกเขาเข้ากับเสาหัวเตียงอีกด้วย หรือว่ามัลฟอยจะใส่เสื้อผ้าของมักเกิ้ล เขามองตามหลังอีกคนที่เดินเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำแล้วถอนหายใจ ก่อนจะหยิบถุงใส่กุญแจมือต้องสาปออกมาดู พยายามคิดเรื่องคดีแทนที่จะเป็นเรื่องของมัลฟอย เพราะมันประหลาดชะมัดที่เขา...โอเคแล้วก็มัลฟอยด้วย...เป็นแค่สองคนที่ไม่โดนเจ้านี่เล่นงาน จะบอกว่าเป็นเวทมนตร์ที่ออกฤทธิ์กับมักเกิ้ลก็คงไม่ใช่ เพราะคุณวีสลีย์ก็โดนด้วย หรือกับพวกไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ก็ไม่ใช่ อะไรกันนะที่เป็นจุดร่วมระหว่างเขากับมัลฟอย...อย่างน้อยหมอนั่นก็เป็นเจ้าของกุญแจมือ แต่เขาสาบานได้ว่าเขาเพิ่งเคยเห็นมันครั้งแรก ก็...เฮ้อ...เขาน่ะนอกจากจะโสดมาพักใหญ่แล้ว ช่วงที่ไม่โสดชีวิตรักก็ยังสุดแสนจะธรรมดา ไม่มีทางหรอกที่แฮร์รี่จะได้ใช้เซกซ์ทอย ได้เห็นใกล้ๆก็เพราะคดีนี้นี่แหละ 

    ...อะไรกันนะคือจุดร่วม...

    ขณะที่เขาจมอยู่กับความคิด เสียงกระแอมเบาๆจากข้างตัวก็เรียกสติเขากลับคืนมา หนุ่มผมทองแต่งตัวเสร็จแล้ว ร่างโปร่งยืนทำหน้าเบื่อเซ็งข้างๆเขา เขากวาดตามองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วได้แต่สงสัยว่าหมอนี่ทำได้ไงที่ตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องจนถึงตอนนี้หน้าก็ยังไม่แดงสักนิด ต่อมความอายของมัลฟอยมันหายไปแล้วรึไง แฮร์รี่แน่ใจว่าถ้าสถานการณ์กลับกัน เขาต้องระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วหากคู่อริเป็นคนต้องช่วยเขาจากเซกซ์ทอยทำพิษของตัวเอง 
    “ไปกระทรวงใช่ไหม” 

    แฮร์รี่พยักหน้าแล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา รอให้อีกคนทำเช่นเดียวกันแต่ที่มัลฟอยทำก็คือขยับเข้าไปใกล้เขา เหมือนตั้งใจให้เขาพาหายตัวไปด้วยกันมากกว่าจะหายตัวเอง หรือว่าหมอนี่ลืมไปแล้วว่ากระทรวงอยู่ที่ไหน แฮร์รี่ขมวดคิ้วแต่ก็จับข้อมือมัลฟอยแล้วหายตัวไปด้วยกัน พวกเขาโผล่มาที่ตู้โทรศัพท์ทางเข้า หากเป็นปกติเขาก็สามารถเข้าออกได้ตามสะดวกเพราะเขาเป็นเจ้าหน้าที่แต่เพราะเขาพาคนนอกมาด้วย เขาจึงต้องใช้ทางเข้านี้ แฮร์รี่กดเบอร์อย่างชำนาญแล้วไม่นาน พวกเขาก็ก้าวผ่านโถงใหญ่เข้าสู่ลิฟต์ที่จะนำพวกเขาไปที่สำนักงานใหญ่มือปราบมาร เวลาห้าทุ่มกว่าแบบนี้ทั้งอาคารเงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงรองเท้าของพวกเขากระทบพื้นเท่านั้น ในที่สุดแฮร์รี่ก็เดินนำมัลฟอยมาจนถึงโต๊ะทำงานของเขา เขาประหลาดใจนิดๆที่ระหว่างทาง มัลฟอยไม่ได้บ่นหรือมีท่าทางอยากจะหลบหนีหรืออะไรเลย เจ้าตัวแค่เดินตามเขามาเงียบๆเท่านั้น นี่ก็อีกอย่างที่ต่างจากมัลฟอยในหัวเขา

    ร่างโปร่งมองไปรอบๆ แล้วนั่งลง “โต๊ะรกดีนี่พอตเตอร์” 

    แฮร์รี่รีบกวาดม้วนกระดาษลง แล้วมองอีกคนตาขวาง “ช่างฉันเถอะน่า” เขารีบพูดแล้วหยิบกระดาษเปล่าออกมาจดคำให้การของมัลฟอย กระดาษที่ใช้มีจุดพิเศษคือ มันไม่สามารถเขียนคำให้การที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดลงไปได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเรื่องการใส่ความอะไรทั้งนั้น “เอาล่ะ ชื่อ อายุ ที่อยู่” 

    มัลฟอยเลิกคิ้ว “เดรโก ลูเซียส มัลฟอย อายุ 24 อยู่ที่วิลต์เชียร์ คฤหาสน์มัลฟอย นี่นายเพิ่งถามชื่อ อายุ ที่อยู่ฉันจริงน่ะพอตเตอร์ เสียเวลาชะมัด” 

    “เล่ารายละเอียดคืนนี้ให้ฟังอีกครั้งสิ” 

    มัลฟอยยิ้มมุมปากอย่างสนุก และแฮร์รี่รู้ทันทีว่าเขาพลาดไปแล้วกับคำถามนั้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันแก้ หนุ่มผมทองก็เริ่มบทบรรยายเสียก่อน “ฉันกับโอลิเวอร์เราก็นัดเจอกันที่ร้านคาปรีส์เหมือนเคย ที่จริงฉันไม่ได้หิวข้าวเลยสักนิด ตลอดทั้งมื้อฉันอยากจะขย้ำ—“ 

    “ฉันหมายถึงกุญแจมือเว้ย แล้วเพลาๆเรื่องอีโรติคของนายลงไปเลยมัลฟอย ฉันไม่อยากฟังบทบรรยายการผสมพันธ์ของเฟอร์เร็ต” 

    “อิจฉาก็พูด” ได้ยินแล้วเขาอยากจะด่ากลับแต่ก็พูดไม่ทันมัลฟอยอีกเหมือนเคย “ก็อย่างที่บอกว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ฉันพกกุญแจมือมาจากบ้าน ใส่กระเป๋ามาสบายๆ ไม่มีท่าทางว่ามันจะมีเวทมนตร์อะไรด้วย ตอนโอลิเวอร์หยิบส่งให้ฉันครั้งแรกก็ไม่มีอะไร แต่ตอนที่มันคล้องเข้ากับเตียงแล้วโอลิเวอร์ปีนขึ้นมาบนตัว—“ 

    “บอกว่าไม่ต้องบรรยายมากไง” แฮร์รี่ขัดขึ้น พลางคิดในใจว่าจะเขียนรายงานว่ายังไงดีวะ 

    มัลฟอยพูดต่อเหมือนไม่สนใจเขา “แล้วจะจูบฉันมันก็ได้เรื่อง อยู่ดีๆโอลิเวอร์ก็กระเด็นลอยไปอีกฝั่งของห้อง แล้วค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นจนอาเธอร์ วีสลีย์มา” ถึงตรงหน้ามัลฟอยก็ทำหน้าเบี้ยว เขานึกออกเลยว่าการเจอกันอีกครั้งของวีสลีย์ผู้พ่อกับมัลฟอยคงไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขานึกนัก 

    “นายไม่เคยใช้เวทมนตร์กับกุญแจมือนี้” 

    “ไม่” มัลฟอยปฏิเสธเสียงแข็ง

    “บางทีนายอาจจะเผลอๆร่ายคาถาไปโดน หรือว่าลูเซียสอาจจะตั้งใจสาปคนรักของนาย” 

    “ข้อที่หนึ่งไม่ ฉันไม่มีทางร่ายคาถาไปโดน แล้วสองพ่อไม่ยุ่งกับชีวิตรักฉัน เราผ่านสเตจนั้นมาแล้วพอตเตอร์ เอาเป็นว่าตอนนี้พ่อฉันทำใจได้แล้วถ้าฉันจะคบกับมักเกิ้ล” เมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อของเขามัลฟอยก็อธิบายต่อ “ทำใจได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ายินดี หมายความว่าถ้าพ่อยังขืนยื่นมือมายุ่งกับชีวิตรักของฉันอีกฉันจะย้ายออกจากบ้าน แล้วพ่อจะต้องโดนแม่แช่แข็งแน่ถ้าอย่างนั้น” อันนี้พอเชื่อได้ เขารู้ว่านาร์ซิสซาทั้งหวงทั้งห่วงแล้วก็รักลูกชายคนเดียวคนนี้มากกว่าใคร และเขาแน่ใจว่าถึงจะเป็นสามีแต่ลูเซียสก็ยังคงสำคัญน้อยกว่าเดรโกอยู่ดี โธ่ ควรสงสารดีไหมนะ

    “เอาล่ะ ขอไม้กายสิทธิ์ของนายหน่อย” แฮร์รี่ต้องไล่เช็คว่าอีกคนไม่ได้ร่ายคาถาสาปอะไรทั้งนั้น แต่ดูจากสีทองที่ปรากฏขึ้นมาตอนเขาใช้คาถาแสดงเวทมนตร์ แฮร์รี่ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่ฝีมือมัลฟอย สีแบบนั้นมักเป็นสีของคาถาเก่าแก่ แต่เพื่อความแน่ใจ

    เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอกันที่มัลฟอยทำสีหน้าลำบากใจ หนุ่มผมทองยกมือขึ้นมาเสยผม แล้วกัดริมฝีปาก ก่อนจะพูดงึมงำอะไรเบาๆ 

    “พูดว่าอะไรนะ” แฮร์รี่ถามซ้ำ 

    “ไม่มีไม้กายสิทธิ์เว้ย” มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมาพูดใส่เขา แก้มอีกคนขึ้นสีน้อยๆ เหมือนโดนบังคับให้พูดอะไรที่ตัวเองไม่ต้องการออกไป 

    แฮร์รี่กระพริบตาปริบๆ “นายทำหายเมื่อไหร่ แจ้งความไว้รึเปล่า” 

    คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามยกมือขึ้นมากอดอก แล้วมองเขาเขม็ง “หกปีกว่า มีโจรบุกมาขโมยไม้ฉันถึงบ้าน”

    “ฮ่าๆ ไม่ต้องมาไขสือ หลังจากสงครามนายต้องมีไม้กายสิทธิ์สิ เอาออกมาซะดีๆมัลฟอย อย่าให้ฉันต้องใช้คำสั่งศาล” 

    “ไม่มี ไม่ได้ซื้อใหม่ ไม่ต้องใช้ ไม่ได้พก อยากจะใช้คำสั่งศาลก็ตามใจนาย แต่ฉันไม่มีไม้กายสิทธิ์เว้ย!” 

    แฮร์รี่จ้องหน้าอีกคนอย่างฉงน หมอนี่มันโกหกเขาแน่ๆ จะบ้าไปแล้วเหรอพ่อมดไม่มีไม้กายสิทธิ์ ใครมันจะใช้ชีวิตในโลกเวทมนตร์โดยไม่มีไม้กายสิทธิ์ได้บ้าง “นายใช้เวทมนตร์โดยไม่ต้องใช้ไม้ได้เหรอ” แฮร์รี่ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ 

    มัลฟอยกลอกตาอย่างรำคาญ เหมือนกับว่ากำลังพูดกับคนที่งี่เง่าที่สุดในโลก เฮ้ เขาแค่สับสนนะ “ไม่ได้ใช้เวทมนตร์” 

    “โกหก” แฮร์รี่โพล่งออกมาโดยไม่คิด เพราะจะบ้าเหรอ ขนาดเขาโตขึ้นมากับมักเกิ้ล ตอนนี้ให้เลิกใช้เวทมนตร์เขายังไม่รู้เลยว่าจะเอาตัวรอดได้ไหม แล้วคุณชายมัลฟอยที่โตขึ้นในโลกเวทมนตร์เนี่ยนะ 

    “ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ อยู่บ้านก็มีเอลฟ์ดูแล อยากไปนอกบ้านก็ใช้ผงฟลู แล้วฉันก็ไม่ได้ทำงานในโลกเวทมนตร์ อยากได้อยากซื้ออะไรฉันก็ใช้เงินของมักเกิ้ลเอา ไม่ต้องถ่อไปถึงตรอกไดแอกอน” 

    “นายมีเงินมักเกิ้ล” แฮร์รี่ถามซ้ำ เสียงเขาสูงอย่างประหลาดใจ ก็มันประหลาดใจจริงๆนี่หน่า นี่เรากำลังพูดถึงมัลฟอย มัลฟอยที่เกลียดมักเกิ้ลยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน มัลฟอยที่โตขึ้นมาในโลกเวทมนตร์ แต่ตอนนี้กลับไม่ใช้เวทมนตร์ นี่โลกมันกลับตัวกลับหางไปแล้วรึไง 

    มัลฟอยถอนหายใจแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่ถ้าให้เขาเดาก็คงเป็นของมักเกิ้ล แถมยังดูดีมีราคาอีกด้วย หมอนั่นหยิบกระเป๋าเงินออกมาวางแล้วเปิดออก ข้างในมีธนบัตรยับๆ แล้วก็บัตรเครดิต!!!! เดี๋ยวนะหมอนี่มีบัตรเครดิตได้ไง “ทำหน้าอย่างกับเห็นผีไปได้พอตเตอร์” มัลฟอยกอดอกมองหน้าเขา “นายไม่ตกใจตอนที่เห็นว่าคู่นอนของฉันเป็นผู้ชาย ไม่ตกใจที่ฉันชอบเซกซ์แบบที่ต้องใช้กุญแจมือ ไม่ตกใจตอนที่เห็นฉันแก้ผ้า ไม่ตกใจที่ฉันไม่ใช้ทีเผลอตบหัวนายแล้วหนีกลับบ้าน แต่มาตกใจที่ฉันพกเงินมักเกิ้ลเนี่ยนะ” 

    “ไม่ใช่เว้ย ตกใจที่นายไม่ใช่เวทมนตร์ต่างหาก” 

    “อ๋อ เรื่องนั้นนั่นเอง” มัลฟอยพูดแล้วพยักหน้าเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย “ตกลงมีอะไรอีกไหมที่อยากรู้” 

    “นายมีเงินมักเกิ้ลได้ไง” 

    คนถูกถามเลิกคิ้วเรียวแล้วถามกลับ “เกี่ยวกับคดีตรงไหนมิทราบ” 

    หนุ่มผมดำเม้มปาก ก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่เขาอยากรู้ แล้วอยากรู้ด้วยว่าทำไมอยู่ดีๆหมอนี่ถึงได้เลิกใช้เวทมนตร์ แต่ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องที่มัลฟอยจะเปิดปากเล่าให้เขาฟังแน่นอน 

    “ถ้าไม่มีอะไรฉันจะกลับแล้วนะ” 

    “นายกลับได้เหรอ...ก็...ก็...นายไม่มี...เอ่อ...” แฮร์รี่ชี้ไปที่ไม้กายสิทธิ์ของตัวเองอย่างเก้ๆกังๆ 

    เป็นอีกครั้งที่มัลฟอยกลอกตาใส่เขา สักวันเถอะลูกตาจะไหลกลับเข้าไปข้างใน “ทำงานที่นี่จริงเปล่าเนี่ยพอตเตอร์ กระทรวงเขามีเครือข่ายฟลูหรอก” 

    “อ๋อ” แฮร์รี่พยักหน้า แล้วพูดไล่หลังคนที่หันหลังกลับไวๆไป “เฮ้ย อย่าหนีไปไหนนะเว้ย เผื่อมีอะไรเจ้าหน้าที่กระทรวงจะติดต่อไป” 

    และเพราะถึงไม่มีไม้กายสิทธิ์หรือถึงไม่ใช่เวทมนตร์แต่ไอ้ผู้ชายตัวสูงผมทองนั่นก็มีเลือดมัลฟอยเต็มร้อย สิ่งที่เขาได้กลับมาก็คือนิ้วกลางที่คุณชายมัลฟอยยกให้เขาโดยไม่หันหลังกลับมามอง ส่วนแฮร์รี่ก็ต้องก้มหน้าแล้วยิ้มกับตัวเอง อุ่นใจที่อย่างน้อยก็มีหนึ่งอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เขาจำได้ เดรโก มัลฟอยแสบยังไงก็ยังคงแสบอย่างนั้น 

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×