คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Messy Affair
Life is messy. Love is messier –
Catch and Release (2006)
กระทรวงเวทมนตร์ – สำนักงานมือปราบมาร
ในห้องทำงานของหัวหน้าสำนักงานมือปราบมาร
เจ้าของตำแหน่งนั้นอย่างกาเวน โรบาดส์ต้องนวดขมับตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวหนึบจากการที่ต้องมาเถียงกับมือปราบมารหนุ่มตรงหน้าเขา
เขาคงไม่ต้องปวดหัวขนาดนี้ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่ได้หัวดื้อและไม่ไร้ความสามารถในการเล่นเกมส์การเมือง
หรือถ้าคนคนนั้นไม่ได้ชื่อว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์
“ผมยืนยันว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยังยืนเสียงแข็ง ตาสีเขียวเป็นประกายวาวโรจน์
“ตามกฎของกระทรวงข้อที่
235 วรรค 8 กล่าวไว้ว่า –“ แฮร์รี่เปิดปากจะอธิบายเพิ่มแต่กลับถูกขัดด้วยเสียงของหัวหน้า
“ฉันรู้ว่ากฎเขียนว่าอะไรพอตเตอร์!!
ฉันทำงานนี้มาเป็นสิบๆปี คุ้นกับกฎของมือปราบมารทุกข้อ
แต่กฎของมือปราบมารก็ยังเขียนเอาไว้ด้วยว่าการจับกุมต้องไม่ทำเกินกว่าเหตุ
หรือว่าบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่มีหมายศาล!!” กาเวน โรบาดส์คำรามตอบกลับ
เขาเพิ่งกลับมาจากพักร้อนและวันแรกที่เขากลับมาก็ต้องมาจัดการเรื่องที่พอตเตอร์พาทีมงานบุกเข้าไปจับตัวเจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์ระดับสูง
– วอลเตอร์ เรนฮาร์ท
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของไซมอน เรนฮาร์ท ผู้ช่วยรัฐมนตรีและรองประธานหัวหน้าศาลวิเซ็นกาม็อต
และการจับกุมที่ว่าเป็นการบุกเข้าไปลากตัววอลเตอร์ถึงปราสาทของตระกูลเรนฮาร์ทในช่วงเวลาอาหารค่ำ
ตอนที่ทั้งครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตารับประทานด้วยกัน
อาการปวดหัวหนึบไล่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาอุตส่าห์ย้ายพอตเตอร์ไปอยู่ทีมอาชญากรรมทางเศรษฐกิจซึ่งเกี่ยวกับการจับกุมผู้ทำการฉ้อฉลหรือซื้อขายวัตถุมืด
ปกติทีมนี้แทบไม่ต้องมีการเผชิญหน้ากับคนผิดเลย
แค่ใช้หมายศาลเรียกตัวมาแล้วจับก็จบ
“ฉันอุตส่าห์ย้ายนายไปอยู่ทีมนี้หวังว่านายจะลด
ละ เลิกไอ้นิสัยชอบบุกบุ่มบ่ามเข้าไปแบบไม่เห็นหน้าอินทร์หน้าจันทร์ได้บ้าง”
โรบาดส์พูดต่ออย่างหงุดหงิด
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบที่พอตเตอร์ทำหน้าที่ซะเต็มที่แบบนี้
แต่เขาแค่หวังว่าหมอนี่จะช่วยคิดให้รอบคอบก่อนทำอะไรบ้าง
เขาต้องคอยตอบจดหมายกลับหาคนใหญ่คนโตที่สั่งให้พอตเตอร์พ้นจากตำแหน่งเสียจนเขาเองก็แน่ใจว่าขาเก้าอี้เขาในฐานะหัวหน้าสำนักงานนี้ก็เริ่มสั่นไม่น้อยแล้ว
“แต่เรนฮาร์ทมัน
–“ ชายหนุ่มเปิดปาก
“ไม่มีแต่แล้วเว้ยพอตเตอร์
ถ้านี้เป็นความผิดครั้งแรกฉันยังพอจะทำไม่รู้ไม่เห็นได้
แต่นี้นายทำผิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วหา? ฉันรู้ว่านายอยากจะทำหน้าที่
แต่พอตเตอร์ช่วยเข้าใจหน่อยว่าเราอยู่ในสังคมที่ไม่ใช่ว่าเห็นใครผิดก็ไปลากคอมันมาเลยโดยไม่ต้องสนใจ
แม้แต่ครั้งนี้ท่านรัฐมนตรีชักเคิลโบลต์ก็ไม่อยู่ข้างนาย
ท่านสั่งให้ฉันลงโทษได้ตามชอบ”
ชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่ค่อยพอใจ
แต่ก็ยอมหุบปากเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้
“ฉันรู้ว่านายคิดว่าพวกตระกูลสายเลือดบริสุทธิ์มันไม่มีดีสักคน
แล้วก็เหมาะสมแล้วที่นายจะไปลากคอมันออกมารับโทษแบบนั้น” โรบาดส์
“ผมแค่คิดว่าเรนฮาร์ทมันอาจจะหลบหนีก็ได้
ยิ่งมีแผนไปต่างประเทศแบบนั้น”
“ไปฮันนีมูนพอตเตอร์!!
เขาจะไปฮันนีมูนกับลูกสาวของตระกูลกรีนกราสคนโต
ให้ตายสิเขาจะแต่งงานกันสัปดาห์หน้าแล้วไปฮันนีมูนกัน ไม่ได้มีแผนหนีไปไหนเว้ย”
โรบาดส์รู้สึกเหมือนเส้นเลือดบนหัวกำลังจะแตก ถ้าวอลเตอร์
เรนฮาร์ทกล้าถึงขนาดหนีไปช่วงฮันนีมูนกับลูกสาวของท่านเดมิทริส กรีนกราส
หมอนั้นคงเป็นไอ้งั่งที่สุดในโลก ตระกูลกรีนกราสมีเส้นสายไปทั่วยุโรป
มีหรือที่วอลเตอร์จะถึงขนาดหักหน้าท่านเดมิทริสขนาดนั้น
“งานนี้อย่าคิดว่านายจะรอดไปง่ายๆนะพอตเตอร์
ไซมอน เรนฮาร์ทยืนยันว่าฉันต้องลงโทษนาย ให้ตายสิเขาเสนอให้ไล่นายออกด้วยซ้ำ
ทางนั้นจะเอาเรื่องฟ้องศาลด้วย ฉันต้องทั้งกล่อมทั้งขู่จนเรนฮาร์ทยอมเงียบไป”
“ตอนนี้ก็ออกไปก่อนเลย
แล้วช่วยเขียนจดหมายขอโทษไปหาท่านไซมอน
เรนฮาร์ทด้วยที่บุกเข้าไปในปราสาทของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต”
โรบาดส์พูดอย่างอ่อนใจ
“แล้วเรื่องวอลเตอร์
เรนฮาร์ทล่ะครับ” ชายหนุ่มถามต่อเหมือนไม่สนใจสิ่งที่โรบาดส์เพิ่งพูด
“เขาก็ผิดจริงตามหลักฐาน
ตอนนี้ก็ประสานงานกับทางอินเตอร์โพลเพื่อใช้ข้อมูลที่ได้จากเรนฮาร์ทจัดการรวบตัวไอ้พวกมาเฟียที่มันทำงานให้”
กาเวน โรบาดส์ถอนหายใจอีกครั้ง มันยุ่งยากเพราะอย่างนี้แหละ
พอตเตอร์ทำงานได้ดีเสมอ แต่เขามักจะทำคดีโดยทำให้ผู้ใหญ่ของกระทรวงซักคนต้องหงุดหงิด
แล้วคนที่รับกรรมก็คือเขาที่เป็นหัวหน้า
“แต่นายหลุดจากคดีแล้ว
ตอนนี้ฉันส่งคดีของนายให้ลองบัตท่อมทำ”
“แต่-“
หนุ่มแว่นอ้าปากจะเถียง
“ไม่มีแต่
แล้วออกไปได้แล้ว พอตเตอร์ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนมาเรียกนายออกไปเอง” กาเวน
โรบาดส์พูดพร้อมกับใช้สายตาสุดดุจ้องมองลูกน้องจนอีกคนยอมแพ้และล่าถอยไป
################################################################################
“แม่งเอ้ย”
แฮร์รี่เตะถังขยะข้างๆโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด เขาถูกถอดออกจากคดีได้ไงวะ
ทั้งๆที่เขาเป็นคนทำทุกอย่างตั้งแต่แรก เขาเป็นคนรวบรวมข้อมูล
ปะติดปะต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน จนกระทั่งรู้ว่าวอลเตอร์ เรนฮาร์ทใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเงินตราในโลกผู้วิเศษ
ช่วยกลุ่มมาเฟียมักเกิ้ลในการฟอกเงินแลกกับค่าเหนื่อยก้อนโต
เขาคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ถ้าหากเงินที่ว่าไม่ได้มาจากการค้ามนุษย์
เขาต้องเห็นพวกมันลักพาตัวเด็กผู้หญิงจากทั่วโลกเพื่อส่งให้ซ่องในยุโรปตะวันออก
แล้วฟอกเงินให้กลายเป็นเหรียญทองคำผ่านทางวอลเตอร์ เรนฮาร์ท
ก่อนจะฝากเหรียญทองนั้นเหมือนเป็นเงินถูกกฎหมาย
แฮร์รี่เตะถังขยะซ้ำๆเป็นการระบายอารมณ์
“แฮร์รี่”
เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับใบหน้าของเพื่อนสนิทของเขาโผล่มา รอน วีสลีย์มองเจ้าของห้องอย่างเป็นห่วง
“โรบาดส์ว่าไงบ้าง”
พูดแล้วรอนก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของเขาแล้วร่ายคาถาปิดเสียง
“โรบาดส์แม่งก็ห่วงแต่เก้าอี้ของตัวเอง
มันใช่เหรอวะ หัวหน้าควรเข้าข้างคนทำงานบ้างหรือเปล่าวะ” แฮร์รี่ตอบกลับเสียงแข็ง
“ฉันโดนถอดออกจากคดี
แล้วไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษอะไรอีก อ้อยังต้องเขียนจดหมายไปขอโทษไซมอน
เรนฮาร์ทอีกด้วย” ชายหนุ่มเดินไปเดินมาอย่างงุ่นง่าน
“นายว่าฉันเขียนว่าไงดี
เรียนท่านเรนฮาร์ท
ขอโทษด้วยนะครับที่ลูกชายคนเดียวของคุณดันเห็นเงินดีกว่าคุณค่าของมนุษย์
เสียใจจริงๆครับที่เขามันเป็นสัตว์นรก
หวังว่าอัซคาบันคงช่วยให้เขากลับมาเป็นคนนะครับ” แฮร์รี่พูดต่ออย่างประชดประชัน
รอนถอนหายใจเฮือกใหญ่จนเขาต้องหยุดมองเพื่อนรัก
สีหน้าของรอนดูเป็นห่วงเขาไม่น้อย ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างที่หัวหน้ามือปราบมารพูดจริงๆ
เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานให้ขัดแข้งขัดขาใครหรอกน่า
แต่พอเห็นพวกตระกูลเก่าแก่ร่ำรวยที่มันหาเงินบนหลังคนอื่นแล้วเขาก็ทนไม่ได้จริงๆ
“เอาน่าอย่างน้อยก็ไม่โดนไล่ออก”
แฮร์รี่กลอกตา
ถึงเขาจะเล่นเกมส์ไม่เป็นแต่เขาก็รู้ว่าชื่อเขาน่ะสำคัญขนาดไหนสำหรับกระทรวงและสำนักงานมือปราบมาร
เขาทำให้กระทรวงดูว่าเป็นฝ่ายสว่างและทำให้คนมาสมัครเข้าเป็นมือปราบมารสูงเป็นประวัติการ
“ฉันจะลาออกก่อนน่ะสิ”
ชายหนุ่มบ่น แต่เขาก็รู้ว่านั้นเป็นไปไม่ได้
มีเพียงไม่กี่สิ่งในชีวิตที่ทำให้ชีวิตเขามีความหมายและหนึ่งในนั้นก็คือการได้จับคนร้าย
เขารักงาน...มากกว่าชีวิตรักของเขาด้วยซ้ำ หลังจากเริ่มทำงานเต็มตัว
ชีวิตรักของเขากับจินนี่ก็ลุ่มๆดอนๆมาตลอด เขาไม่เคยมีเวลาให้เธอ
เขาเป็นมือปราบมารคนเดียวที่ไม่เคยมีวันหยุด เขาไม่เคยพัก
มีแต่คนสงสัยว่าแฮร์รี่นอนที่สำนักงานหรือเปล่าเพราะไม่ว่าเมื่อไหร่
แฮร์รี่ก็พร้อมลุยเสมอ และในที่สุดจินนี่ก็ทนไม่ได้
เธอยื่นคำขาดว่าเขาต้องมีเวลาให้เธอไม่อย่างนั้นก็ขาดกัน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักจินนี่นะ
แต่ตอนอยู่กับเธอมันไม่ได้ทำให้เขาสุขเท่ากับตอนที่ได้ทำงาน
เขาต้องคอยระวังว่าจะพูดอะไรกับเธอ
ต้องพยายามที่จะทำตัวเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบที่เขาอยากให้เธอได้เจอ
เพราะฉะนั้นถึงจะปวดใจแต่แฮร์รี่ก็เลือกงาน
ส่วนจินนี่ตอนนี้ก็กลายเป็นนักกีฬาควิดดิชสุดฮอตที่มีหนุ่มมาเกี้ยวไม่เว้นวัน
และพอยิ่งไม่มีครอบครัวไม่มีจินนี่
ความบ้างานของแฮร์รี่ก็ทวีคูณขึ้นอีก
“เฮ้ยไม่เอาน่า
บางทีบทลงโทษที่โรบาดส์ให้นายทำอาจจะง่ายๆก็ได้
อย่างพักร้อนสักสัปดาห์เหมือนฉันปีที่แล้วไง อย่าคิดมากสิวะ”
แฮร์รี่พยักหน้า
แต่ก็ไม่เชื่อสิ่งที่รอนพูดสักนิด เขารู้ว่ากาเวน
โรบาดส์ต้องหาบทลงโทษที่ทำให้เขาหลาบจำได้อย่างแน่นอน
ไม่มีทางเป็นแค่พักงานง่ายๆหรอก
###############################################################################
คฤหาสน์มัลฟอย – วิลต์เชียร์
“ไม่” ชายหนุ่มร่างโปร่งทายาทตระกูลมัลฟอยปฏิเสธเสียงแข็ง
เดรโกมองหน้าหญิงสาวสองคนตรงหน้าเขาเขม็งเหมือนพวกหล่อนทั้งคู่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่มาขอร้องเขาแบบนั้น
“นะ เดรโก
ช่วยน้องหน่อยนะ” เดฟนีพูดขอร้องอีกครั้ง
ตาสีฟ้าเหลือบมองน้องสาวของหล่อนที่ตอนนี้กำลังซับน้ำตาอยู่ข้างๆ
“นะคะพี่
หนูไม่รู้จะหันไปขอร้องใครแล้วนะคะ” แอสเทอเรียพูดบ้างพร้อมกับสะอื้นเป็นระยะๆ
ชายหนุ่มถอนหายใจ
ทำไมต้องเป็นเขาหนอ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแอสเทอเรียดันไปตกหลุมรักหนุ่มมักเกิ้ล
และเดมิทริส กรีนกราสบิดาของหญิงสาวมาเจอหนุ่มที่แอสเทอเรียนัดมาพบในป่าหลังเวิร์ทวูดแมนชั่น
บ้านของพวกกรีนกราส
ท่านเดมิทริสก็คิดว่าหนุ่มคนนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มมาเฟียที่อดีตคู่หมั้นของเดฟนีไปเกี่ยวข้อง
แล้วคิดจะมาทำร้ายลูกสาวของท่านล้างแค้นที่วอลเตอร์ เรนฮาร์ทหักหลังพวกนั้น
...มันดันมาโป๊ะเช๊ะพอดีกับตอนที่จดหมายขู่ส่งมาถึงตระกูลเรนฮาร์ทให้หุบปากไม่อย่างนั้นจะต้องเสียใจ
เดมิทริส กรีนกราสก็เลยสั่งให้คนทั้งหมดหาตัวพ่อหนุ่มที่ว่าแล้วฆ่าทิ้งซะ
ทันทีที่รู้ว่าคนที่พ่อสั่งให้จับตายเป็นใครแอสเทอเรียก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
แต่เธอก็ไม่กล้าหนีออกไปช่วยคนรักของเธอ เพราะรู้ว่าถ้าเธอหายไปพ่อของเธอต้องคิดว่าเป็นฝีมือของหนุ่มคนนั้นแน่ๆ
แล้วก็ต้องเพิ่มกำลังตามหาเป็นสองเท่า
แล้วเขาเข้ามาเกี่ยวตรงไหนนะเหรอ
ก็ตรงที่เดฟนีมีแผนแจ่ม??
โดยจะให้เขาช่วยปรุงน้ำยาสรรพรสเพื่อหาคนแปลงเป็นแอสเทอเรีย
ขณะที่น้องสาวหนีออกไปช่วยคนรักหลบหนีไปยังที่ปลอดภัยแล้วจะกลับมาเร็วที่สุด
และถ้านั้นยังไม่ยากพอ หวยยังมาออกที่เขาต้องเป็นคนดื่มน้ำยาที่ว่านั้น จะบ้าเหรอ!
ถึงเขาจะสนิทกับแอสเทอเรียขนาดไหนแต่เขาไม่มีทางปลอมเป็นเธอได้แนบเนียนพอที่จะตบตาคนทั้งโลกหรือแค่พ่อของเธอได้หรอกนะ
แต่เดฟนีก็ยังยืนยันว่าเขาทำได้แน่ๆ แค่ต้องสงบปากสงบคำกว่าปกติเท่านั้น
“แค่ตอนกลางวันนะคะ
ตอนกลางคืนหนูเข้านอนเร็ว พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ” แอสเทอเรียพยายามเกลี้ยกล่อม
“นั้นสิเดรโก
ที่จริงแค่ตอนที่คุณพ่ออยู่บ้านเท่านั้นแหละ แล้วพ่อก็รู้ว่าน้องเข้านอนเร็ว แถมแอสเทอเรียไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก
ไม่มีคนมาเยี่ยมไม่ต้องห่วง ฉันจะบอกว่าฉันกำลังเศร้าเรื่องวอลเตอร์อยู่
ไม่อยากออกงานสังคมไหนแล้วอยากให้น้องอยู่เป็นเพื่อน
ที่นายต้องทำก็แค่วางตัวเป็นผู้ดีเหมือนที่นายทำปกตินั้นแหละ ช่วยหน่อยนะเดรโก”
ชายหนุ่มนวดขมับ
ปวดหัวจี๊ดขึ้นมากับแผนการที่ว่า เขาเห็นแต่ช่องโหว่เต็มไปหมด
อย่างแรกก็คือน้ำยาสรรพรสออกฤทธิ์แค่ชั่วโมงเดียว
เขาต้องดื่มน้ำยาที่ว่านั้นทุกชั่วโมง พระเจ้าพวกนั้นรู้ไหมว่ารสมันแย่ขนาดไหน
แถมเขายังมีคำถามที่โคตรสำคัญนั้นก็คือ
“แล้วถ้าเธอไม่กลับมาล่ะ”
แอสเทอเรียทำหน้าเศร้า
ก่อนจะตอบ “กลับมาสิคะพี่ หนูกลับมาแน่นอน
แค่ขอให้หนูได้ซ่อนและลบความทรงจำของปีเตอร์ก่อนเถอะค่ะ”
พูดแล้วน้ำตาเม็ดโตๆก็ไหลอาบหน้าเธออีกครั้ง พร้อมกับเดฟนีที่หันมาทำหน้าดุใส่เขา
“แล้วทำไมเธอไม่ทำเองเล่าเดฟนี
ฉันปรุงยาให้เธอ เธอก็แกล้งบอกท่านเดมิทริสว่าเธอต้องหลบไปทำใจต่างประเทศแล้วแว่บกลับมาสวมรอยเป็นแอสเทอเรีย”
เดรโกพยายามเสนอทางออก
“บ้าเหรอยะ
ยังกับว่าพ่อฉันจะปล่อยให้ฉันไปคนเดียวอย่างนั้นแหละ
คงมีทีมรักษาความปลอดภัยตามเป็นขโยงหรือไม่พ่อก็คงใช้เส้นส่งมือปราบมารตามฉันไปแหงๆ”
เดฟนีหันมาตอบเสียงเข้ม
“แล้วคิดว่าพ่อแม่ฉันจะไม่สงสัยบ้างเหรอว่าฉันหายไปไหนทั้งวัน”
เดรโกทำเสียงดุตอบ
“ก็บอกว่านายไปเยี่ยมคู่หมั้นสิ
ลูเซียสเร่งให้นายกับแอสเทอเรียแต่งกันยิกๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
บอกว่านายกำลังมาคุยวางแผนงานแต่งอะไรแบบนี้” เดฟนีเสนอ แต่ข้อเสนอของเธอมันแย่ แย่ที่สุด
เพราะข้อที่หนึ่งถ้าพ่อได้ยินอย่างนั้น
พ่อต้องดีใจเป็นที่สุดที่จะได้อุ้มหลานเร็วๆนี้ แล้วเขาไม่อยากให้พ่อผิดหวัง
และข้อที่สองเป็นเพราะพ่อจะต้องป่าวประกาศไปทั่ว ไม่แคล้วเขาต้องแต่งกับแอสเทอเรียอย่างเร็วแน่ๆ
ไม่ใช่เดรโกไม่อยากแต่งงานกับแอสเทอเรีย
พวกเขาเข้าใจกันเป็นอย่างดีว่าการแต่งงานนี้เป็นการจับคู่เพื่อการเมืองเท่านั้น
เขาไม่ได้รักเธออย่างนั้น ให้ตายสิเขาไม่ได้รักผู้หญิงคนไหนอย่างนั้นทั้งนั้นแหละ แอสเทอเรียเองก็มีคนที่เธอรัก
แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้สนุกกับชีวิตโสดต่อไปอีกสักหน่อย
แม้ว่าชีวิตโสดของเขาจะอ้างว้างเพียงใดก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องแสดงว่ารักคนที่เขาไม่ได้รัก
แล้วความคิดที่ว่าเขาจะต้องผลิตทายาทกับเธอเมื่อแต่งงานไปแล้วยิ่งทำให้เขาอยากเลื่อนงานแต่งออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ด้วย
ชายหนุ่มมองหน้าคู่หมั้นอีกครั้ง
ใบหน้าหวานนั้นเศร้าสร้อยและเลอะคราบน้ำตา เรื่องนี้แอสเทอเรียต้องเจ็บกว่าเขาเยอะ
เธอต้องทั้งหาทางช่วยคนรักแล้วต้องลบความทรงจำเขาด้วยมือของเธอเองเพื่อปกป้องพ่อหนุ่มคนนั้น
“แอสเทอเรีย
น้องอย่าร้องเลยนะ” เดรโกรั้งตัวหญิงสาวเข้ามากอด ถึงเขาไม่ได้รักเธออย่างคนรัก
เขาก็ยังเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวที่น่ารักของเขาอยู่ดี ในวันที่ไม่มีใครอยากคบกับตระกูลมัลฟอย
แอสเทอเรียกลับตอบตกลงที่จะเป็นเพื่อนและคู่หมั้นของเขาโดยไม่อิดออด
“หนูไม่อยากให้เขาเป็นอะไร”
หญิงสาวสะอื้นกับอ้อมอกของเขา เดรโกปวดใจขึ้นมาเบาๆ
หวังว่าจะมีสักครั้งในชีวิตที่เขาจะได้รู้จักความรักที่ทำให้เขาต้องถึงขนาดร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดขนาดนี้บ้าง...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
มือเรียวลูบผมสีเข้มของแอสเทอเรีย
ก่อนจะก้มลงจูบกระหม่อมของเธอ
“ตกลงพี่จะช่วยเธอก็ได้”
เดรโกตกลงกับแผนการในที่สุด รู้ทั้งรู้ว่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงแท้ๆ
ความเป็นสลิธีรินรักษาตัวรอดเป็นยอดดีของเขาหายไปไหนหมดแล้วเนี้ย
ชายหนุ่มคิดกับตัวเอง
แอสเทอเรียกอดเขาแน่น
พร้อมกับพร่ำบอกขอบคุณเขาไม่หยุดปาก ส่วนเดฟนีเองก็น้ำตารื้อพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้เขาด้วยเช่นกัน
“เอาล่ะๆ
สาวๆหยุดร้องกันได้แล้ว เรามีงานต้องทำเยอะ” เดรโกดันตัวแอสเทอเรียออกมา
พร้อมทำหน้าเข้ม ถึงมันจะเป็นแผนห่วยๆ
แต่เขาก็จะเปลี่ยนแผนห่วยๆนี้ให้เป็นแผนเด็ดๆให้ได้
#############################################################################
แฮร์รี่เคาะประตูห้องทำงานของกาเวน
โรบาดส์ ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างกับนักโทษที่กำลังจะโดนประหาร
ที่จริงเขาก็รู้สึกอย่างนั้นแหละ
เขารู้ว่ามีเรื่องเดียวที่หัวหน้าสำนักงานมือปราบมารเรียกเขามาพบ บทลงโทษของเขา
“สวัสดีครับหัวหน้า”
แฮร์รี่ทักทายชายผู้นั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่กลางห้อง
ใบหน้าดุนั้นดูเคร่งเครียดมากกว่าปกติ จนทำให้แฮร์รี่อดกลัวไม่ได้
“นี้งานใหม่ของนาย
เริ่มเลยทันที เป็นบทลงโทษของนายด้วย” โรบาดส์พูดแล้วโยนม้วนกระดาษลงมาโครมบนโต๊ะ
ชายหนุ่มรีบยื่นมือไปหยิบม้วนกระดาษที่ว่าแล้วเปิดอ่าน ก่อนจะสบถออกมาเป็นชุด
“งานคุ้มกัน!!!
ผมไม่ใช่ยามหรือหมาเฝ้าบ้านนะครับ ผมเป็นมือปราบมารนะครับ” แฮร์รี่ประท้วงเสียงดัง
“เออรู้ตัวก็ดี
แล้วก็รู้เอาไว้ด้วยว่ามือปราบมารเลือกงานไม่ได้ ฉันสั่งอะไรนายต้องทำตาม”
โรบาดส์พูดโหดๆ
“แล้วบทลงโทษแค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
แค่คุ้มกันพี่น้องตระกูลกรีนกราสจนกว่าคดีของวอลเตอร์ เรนฮาร์ทจะจบ”
“แต่มันก็อีกตั้งหลายสัปดาห์”
แฮร์รี่พูดเสียงสูง
“หรือนายอยากจะโดนลดขั้นถาวรไปอยู่แผนกจราจร”
หัวหน้ามือปราบมารยื่นคำขาด ซึ่งก็ได้ผลเพราะแฮร์รี่รีบหุบปากทันที
เอาวะอย่างน้อยๆงานคุ้มกันสักแป๊บๆ
ก็คงดีกว่าต้องไปดูอุบัติเหตุการหายตัวของพวกผู้วิเศษละกัน
“แต่ถามหน่อยครับ
ตระกูลกรีนกราสนี้เป็นตระกูลเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่ใช่เหรอครับ
ทำไมเขาถึงต้องการให้พวกเราไปคุ้มครองลูกสาวเขาด้วยล่ะครับ” แฮร์รี่สงสัยจริงๆ
“เออ
เขาไม่ได้ขอหรอก ฉันส่งนายไปเอง”
“แล้วไม่ต้องเปิดปากจะเถียงฟังให้จบสิพอตเตอร์
ฉันอยากรู้ว่าคู่หมั้นของวอลเตอร์ เรนฮาร์ทมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขารึเปล่า
หรือว่าตระกูลกรีนกราสทั้งตระกูลนั้นแหละ นายต้องทั้งคุ้มกันแล้วก็สืบไปด้วยแบบลับๆ”
“และสุดท้ายฉันว่านี้เป็นวิธีลงโทษนายอย่างเหมาะสมที่สุด
นายไปอยู่กับตระกูลกรีนกราสที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ดีๆ
เผื่อว่านายจะซึมซับอะไรมาบ้าง”
แฮร์รี่ถอนหายใจออกมา
เป็นวิธีลงโทษเขาได้สมน้ำสมเนื้อซะจริงๆ
#############################################################################
“เดฟนี ฉันต้องใส่ชุดนี้ด้วยเหรอ”
เดรโกมองชุดที่เดฟนีเตรียมให้อย่างตกใจ
ไม่ใช่สิไม่ใช่ชุดแต่เป็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้...เขาต้องใส่ชุดชั้นในผู้หญิง พระเจ้า
“ใช่สิ
นายจะไม่ใส่ยกทรงรึไง” หญิงสาวเลิกคิ้วถามกลับ ส่วนแอสเทอเรียนั้นก็หัวเราะเบาๆ
เธอดูดีกว่าเมื่อวานที่เขาเห็นเธอมาก หลังจากที่ตกลงว่าจะทำตามแผนการของสองพี่น้อง
เดรโกกับทั้งคู่ก็หายตัวไปที่บ้านหลังหนึ่งในเขตสุดตรอกช่างปั่นฝ้ายริมน้ำ...บ้านของอดีตศาสตราจารย์เซเวอรัส
สเนป
โชคดีที่หลังสงครามตระกูลมัลฟอยรับที่จะดูแลบ้านของอดีตอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินและรักษาเอาไว้เหมือนตอนที่เจ้าของอยู่
หวังว่าจะเปลี่ยนมันเป็นพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์เพื่อรำลึกถึงสเนปในสักวัน
และเพราะมันเหมือนเดิมทุกอย่าง ข้าวของที่เขาต้องใช้ในการปรุงน้ำยาสรรพรสก็ครบถ้วน
รวมถึงน้ำยาสรรพรสที่มีการปรุงเสร็จแล้วด้วย
เขาใช้ตั้งใจจะใช้น้ำยาที่ว่าในช่วงแรกที่ปลอมตัวขณะปรุงน้ำยาเพิ่ม
“นี้เธอรู้ใช่ไหมว่ากำลังจะมีผู้ชายเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอน่ะ”
เดรโกถามหญิงสาวผมสีเข้ม ส่วนเดฟนีได้แต่กลอกตาเมื่อได้ยินคำถามของเขา
แอสเทอเรียหัวเราะอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเพราะคนเห็นเป็นพี่น่ะค่ะ”
“น้องหมายความว่าเพราะนายไม่มีทางเกิดอารมณ์กับร่างกายของน้องฉันได้
ถึงเห็นไปก็ไม่มีอะไรสึกหรอ”
เดรโกหรี่ตา
ให้ตายสิเดฟนี ไม่ต้องตรงเผงขนาดนั้นก็ได้
“ไม่ใช่ค่ะ
หนูหมายความว่าสุดท้ายถ้าต้องแต่งงานกันพี่ก็ต้องเห็นอยู่ดีนั้นแหละ” แอสเทอเรียรีบแก้เมื่อเห็นสีหน้าเดรโก
ชายหนุ่มโบกมือไล่ทั้งสองคน
ไม่รู้ว่าเหตุผลของใครทำให้เขารู้สึกแย่กว่ากัน
“ฉันจะใช้เครือข่ายฟลูจากห้องของแอสเทอเรียกลับมาที่ห้องนอนของฉันที่นี่ทุกเย็น
แล้วจะกลับไปที่เวิร์ทวูดตอนเช้าเวลาเจ็ดโมงครึ่งนะ
แน่ใจนะว่าจะไม่มีใครเปิดเข้ามาในห้องนอนของแอสเทอเรียระหว่างช่วงเวลานั้น”
เดรโกจี้ถามทั้งคู่
“แน่ใจค่ะ”
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“หนูล็อคห้องนอนตั้งแต่เด็ก
แล้วก็ร่ายคาถาห้ามรบกวนด้วย ถ้าไม่มีเรื่องด่วนสุดๆก็จะไม่มีใครเข้ามา
และถึงเข้ามาแล้วไม่เห็นหนูพี่เดฟนีก็จะช่วยปิดอีกทาง” แอสเทอเรียอธิบาย
“ใช่
ฉันจะบอกว่าแอสเทอเรียนอนไม่หลับออกไปเดินข้างนอก
แล้วจะรีบใช้เครือข่ายฟลูเรียกนายมาที่นี่ด่วน เข้าใจนะเดรโก”
“เข้าใจๆ”
เดรโกพยักหน้าแล้วหยิบขวดแก้วบนโต๊ะขึ้นมา น้ำยาสรรพรสซึ่งผสมเส้นผมของแอสเทอเรียลงไปแล้ว
โชคดีอีกอย่างคือหญิงสาวมักเจ็บออดๆแอดๆบ่อย เขากับเดฟนีก็เลยคิดว่าการบอกว่าน้ำยาที่แอสเทอเรียต้องดื่มตลอดคือยาบำรุงคงไม่น่าสงสัยอะไร
“เอาล่ะนะ”
ชายหนุ่มยกขวดแก้วขึ้นจรดปากแล้วกลืนน้ำยารสแปลกๆลงไป
เขาหลับตาเมื่อรู้สึกว่าน้ำยากำลังเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา
และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งทุกอย่างก็สงบลง ทั้งเดฟนีทั้งแอสเทอเรียต่างจ้องหน้าเขาเหมือนกับว่าเขาคือตัวประหลาดอย่างไงอย่างงั้น
ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบยกมือแตะหน้าตัวเอง กลัวว่าเขาจะทำอะไรผิดรึเปล่า
แต่มือเขาก็สัมผัสกับผิวแก้มเนียน จมูกโด่ง และปากอิ่มของแอสเทอเรีย กรีนกราส
ชายหนุ่มเดินช้าๆเข้าไปหากระจก คนที่จ้องเขาตอบกลับมาไม่ใช่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีบลอนด์นัยตาสีเงินอีกแล้ว
แต่กลับเป็นหญิงสาวร่างบางผมยาวเป็นลอนสีเข้มและดวงตาสุกใสสีน้ำตาล
“ฉันเป็นแอสเทอเรีย”
แม้กระทั่งเสียงเขาก็เปลี่ยนไปด้วย เดรโกรีบหันไปร่ายคาถาจับเวลาใส่กำไลข้อมือของแอสเทอเรียที่ถอดวางให้เขา
เขาต้องเตือนตัวเองว่าต้องดื่มน้ำยาทุกชั่วโมง ก่อนจะสวมกำไลเตือนนั้น ตอนนี้ทั้งเดฟนีทั้งแอสเทอเรียต่างก็มาช่วยเขาแต่งตัวเป็นการใหญ่
สองสาวผลัดกันอธิบายว่าแต่ละชิ้นต้องใส่ยังไง
ชายหนุ่มได้แต่หัวหมุนพยายามจำให้ได้เยอะที่สุดเพราะรู้ว่าครั้งหน้าเขาต้องแต่งตัวด้วยตัวเอง
หลังจากแต่งตัวเสร็จเขาก็ลาแอสเทอเรีย
โดยแลกเปลี่ยนเหรียญข้อความกับเธอ
เน้นกับเธอว่าให้ติดต่อหาพวกเขาทันทีหากมีเรื่องอะไร เดรโกต้องเตือนตัวเองว่าแอสเทอเรียไม่ใช่เด็กๆอีกแล้ว
แม้หญิงสาวจะดูเหมือนนักเรียนแต่เธอก็เป็นแม่มดเต็มตัว แถมยังเก่งกาจเอาเรื่องอีกด้วย
เขากอดเธอแน่นแล้วอวยพรให้เธอโชคดี
แม้เขาจะรู้ว่าน้องต้องการมากกว่าแค่โชคถ้าจะหลบคนของตระกูลกรีนกราสและลบความทรงจำของคนรักด้วยตัวเอง
เธอต้องการความเข้มแข็งทั้งหมดที่เธอมี
เมื่อแอสเทอเรียจากไปแล้วเดรโกกับเดฟนีก็ต้องเดินทางกลับไปที่เวิร์ทวูดแมนชั่น
ชายหนุ่มกำมือหญิงสาวข้างตัวแน่น ให้ตายเถอะถ้าเขาโดนจับได้เขารู้ว่าท่านเดมิทริส
กรีนกราสต้องไม่ปล่อยให้เขาตายดีแน่
“นายทำได้น่าเดรโก
นายสนิทกับน้องจะตาย รู้ว่าน้องจะทำตัวยังไง พูดยังไง ไม่ต้องห่วงนะ”
เดรโกพยักหน้าแล้วสูดหายใจลึกก่อนจะก้าวเข้าไปในเปลวไฟสีเขียวของเตาผิง
เมื่อเขาก้าวออกมาอีกครั้งเขาก็มายืนในห้องของแอสเทอเรียแล้ว
“เริ่มแล้วสินะ”
เดรโกหันไปมองเดฟนีพร้อมถามเสียงสั่นๆ
วันนั้นเขาใช้เวลาทั้งวันเดินตามเดฟนี
ทำความคุ้นเคยกับส่วนต่างๆของบ้าน และคนงานต่างๆ
เพราะเขาเข้าออกบ้านตระกูลกรีนกราสบ่อยๆทำให้เดรโกจดจำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
ทุกคนในบ้านทักทายเขาเป็นปกติมีเพียงเอลฟ์ประจำบ้านเท่านั้นที่มองเขาอย่างแปลกๆ
เดรโกแน่ใจว่าพวกเอลฟ์สามารถมองทะลุและจดจำเจ้านายของพวกมันได้ไม่ว่าจะอยู่ในรูปร่างไหน
เพราะฉะนั้นพวกเอลฟ์คงเห็นว่าแทนที่จะเป็นแอสเทอเรีย กลับเป็นคุณชายมัลฟอยแทนที่เดินตามหลังเดฟนี
แต่ก็ยังดีที่เอลฟ์ประจำบ้านมักจะไม่พูดอะไรออกไป
แถมยังดูเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดีอีกด้วย
เมื่อถึงเวลาจิบน้ำชายามบ่าย
ก็เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอหน้าคุณกรีนกราสขณะทำตัวเป็นแอสเทอเรีย
ซึ่งเดรโกก็ทำได้ผ่านฉลุยเช่นเดิม เขาเลียนแบบกริยาของแอสเทอเรียเท่าที่เขาจำได้
และพยายามเงียบให้มากที่สุด เพราะรู้ว่าถึงเขาจะเลียนแบบท่าทางของแอสเทอเรียได้
แต่ทุกความคิด ทุกคำพูด เขาไม่มีทางเป็นเหมือนเธอ เขาไม่ใช่เด็กสาวใจดี
รักมักเกิ้ลอย่างแอสเทอเรีย เขามีอารมณ์ขันแบบแปลกๆที่คงดูจะไม่เข้ากับคุณหนูอย่างหญิงสาวผมเข้มคนที่เขาแกล้งจะเป็นแน่แท้
เดฟนีเองก็ดูประหม่า แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเธอก็ยิ่งผ่อนคลายเท่านั้น
เหมือนกับเชื่อใจว่าเขาจะทำได้
#############################################################################
แฮร์รี่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วของเวิร์ทวูดแมนชั่นอย่างหวั่นๆ
เหล็กของประตูดัดเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของตระกูลกรีนกราส
เขารู้สึกถึงเวทมนตร์ป้องกันชั้นสูงไหลผ่านรั้วรอบนั้น เขามองผ่านประตูเข้าไป หากแต่เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้
พวกกรีนกราสปลูกไม้สูงเป็นแนวกั้นเอาไว้
แฮร์รี่ใช้มือแตะที่รั้วประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ
แต่แค่แตะเบาๆรั้วนั้นก็เปิดให้เขาผ่านเข้าไป เขาเดินผ่านทางเดินอิฐซึ่งทอดตัวจากรั้วจนไปถึงตึกทรงสูง
ตึกสีเข้มและมีเถาไอวี่ไต่รอบๆข้างผนังตึก ทำให้แมนชั่นนี้เหมือนปราสาทกลางป่า
สวนสวยงามดูเหมือนได้รับการรักษาอย่างดีอยู่หลังแนวต้นสนสูง
และเมื่อมองต่อไปจากตึกก็คือป่าโปร่งซึ่งเป็นชื่อของสถานที่แห่งนี้ ป่าเวิร์ทวูด
เขารู้ว่าป่านั้นก็เป็นสมบัติของตระกูลกรีนกราสด้วย
เจ้าของคนปัจจุบันชอบเข้าไปล่าสัตว์ฝึกฝีมือการใช้อาวุธแบบมักเกิ้ลในป่าแห่งนี้อยู่เสมอๆ
“คุณพอตเตอร์” เสียงประหม่าของเอลฟ์ประจำบ้านตัวเล็กดังขึ้นใกล้ๆกับเท้าเขาทำให้แฮร์รี่ต้องสะดุ้งอย่างตกใจ
“คุณท่านรอคุณพอตเตอร์อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ
แล้วคุณท่านก็ให้เอลซี่ถามคุณพอตเตอร์ว่าคุณพอตเตอร์ทานเนื้อกวางได้หรือเปล่าคะ
คุณท่านต้องการเลี้ยงอาหารเย็นคุณพอตเตอร์ด้วย”
แฮร์รี่รีบส่ายหน้า
“ไม่ต้องหรอก ฉันแค่มาบอกคุณกรีนกราสว่าฉันจะเข้ามาเริ่มอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้”
แต่เมื่อเห็นตาโตๆของเอลฟ์ประจำบ้านเหมือนมีน้ำตาเอ่อ
แล้วนิ้วยาวๆนั้นบิดผ้ากันเปื้อนพร้อมกับพึมพำว่าหล่อนต้องถูกทำโทษแน่ๆก็ทำให้แฮร์รี่เปลี่ยนใจ
เขาใจอ่อนกับเอลฟ์ประจำบ้านเสมอ บางทีคงเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่มีให้กับดอบบี้
“อย่าร้องนะ
เอ่อฉันทานอะไรก็ได้ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วห้องนั่งเล่นไปทางไหนเหรอ” ชายหนุ่มถามต่อ
“ตามเอลซี่มาเลยค่ะ”
เอลฟ์สาวเดินฉับๆนำเขาไป
ไม่มีท่าทางเหมือนจะร้องไห้ดั่งเมื่อสามสิบวินาทีที่แล้วเลยสักนิด
เมื่อเดินผ่านประตูไม้หนาเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ชายหนุ่มก็ต้องกัดลิ้นตัวเอง ไม่ให้อุทานออกมา
ให้ตายสิทั้งห้องนี้ใหญ่กว่าอพาร์ทเมนต์ของเขาในลอนดอนเสียอีก
ทุกอย่างในห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร โคมไฟระย้าเป็นประกายวิบวับล้อกับแสงไฟ
เครื่องเรือนเป็นไม้กรุด้วยมุก
และชายเจ้าของทุกอย่างนี้ก็ยืนหันหลังให้เขาอยู่กลางห้อง เดมิทริส กรีนกราส
ดูน่าเกรงขามเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเขาอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างนี้
“คุณกรีนกราสครับ”
แฮร์รี่พูดทักเบาๆ เอลซี่นั้นหายตัวไปแล้ว คงกำลังไปเตรียมอาหารเย็นที่ว่า
“สวัสดีมือปราบมารพอตเตอร์”
ชายวัยกลางคนหันกลับมา ตาคมที่ดูเหมือนเหยี่ยวจ้องเขาเขม็ง ผมสีดอกเลาและจมูกงุ้มๆ
ยิ่งทำให้เจ้าตัวเหมือนเหยี่ยวที่กำลังหมายจะกินเหยื่อ
และเหยื่อที่ว่าก็คือเขาเสียด้วย
“ตรงเวลาดีนี่
ผิดที่คาดเอาไว้เลย”
แฮร์รี่ขมวดคิ้ว
ไม่แน่ใจว่ากำลังโดนชมหรือโดนด่า “เอ่อ ขอบคุณครับ
อ้อแล้วก็ขอบคุณที่เชิญผมร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย แต่ว่า...”
“ไม่ต้องปฏิเสธหรอกมือปราบมารพอตเตอร์
ยังไงเธอก็ต้องมาอยู่ที่นี่คอยจับตาลูกสาวฉันเอาไว้ คุยกันก่อนเริ่มสักหน่อยก็ดี”
“คุ้มครองครับ
ไม่ใช่จับตา” แฮร์รี่รีบแก้ แม้ว่าที่อีกคนพูดจะถูกเผงเลยก็ตามเถอะ
เดมิทริส
กรีนกราสกลอกตา “ยังกับฉันจะไม่รู้ว่าโรบาดส์มันคิดยังไงอย่างนั้นแหละ”
คำพูดนั้นของเดมิทริสทำให้แฮร์รี่จำได้ว่าก่อนจะผันตัวออกมาทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย
คุณกรีนกราสนี้แหละที่เป็นคู่หูของหัวหน้าเขาอยู่เป็นสิบปี
...ก็ไม่แปลกหากจะรู้ทันกันแบบนี้...แฮร์รี่คิดพร้อมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
“แต่เอาเถอะ
อย่างน้อยมันก็ส่งเด็กหนุ่มนิสัยดีอย่างเธอมา
ถึงจะไม่ใช่ตระกูลเลือดบริสุทธิ์แต่คงมีมารยาททางสังคมมากพอและรู้ใช่ไหมว่าลูกสาวทั้งคู่ของฉันยังไม่ได้แต่งงานทั้งคู่”
ตาสีเข้มมีแววดุดัน เหมือนจะเตือนเขาว่าอย่าคิดเชียวนะเหวย
แฮร์รี่ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลยสักนิด เขาจำทั้งคู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ เขารู้ว่าเดฟนี
กรีนกราสเป็นเด็กสลิธีรินปีเดียวกับเขา ส่วนแอสเทอเรีย
กรีนกราสเป็นเด็กบ้านเรเวนคลอเด็กกว่าเขาสองปี
และข้อมูลนั้นก็รู้จากการค้นคว้าก่อนเริ่มงาน เดฟนีเป็นอดีตคู่หมั้นของวอลเตอร์
เรนฮาร์ท เธอถอนหมั้นเขาทันทีที่เกิดเรื่อง บอกว่าไม่อยากดองกับคนพรรค์นั้น ส่วนแอสเทอเรียเป็นคู่หมั้นกับเดรโก
มัลฟอย ทั้งคู่ประกาศหมั้นหนึ่งปีหลังจบสงคราม ขณะที่แอสเทอเรียยังเป็นแค่เด็กนักเรียนปีเจ็ดที่ฮอกวอตส์
และผ่านมาเกือบห้าปีแต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ เดรโก มัลฟอยนั้นเก็บตัวเงียบหลังสงคราม
ผันตัวมาคุมกิจการของตระกูลมัลฟอยแทนบิดา
และใช้เวลาว่างค้นคว้าเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการเล่นเร่แปรธาตุจนมีชื่อในวงการ ส่วนแอสเทอเรียนั้นเลือกเส้นทางที่เป็นสายวิชาการกว่ามาก
เธอเขียนหนังสือและค้นคว้าเกี่ยวกับมักเกิ้ลศึกษา
แต่เธอก็เหมือนคู่หมั้นของเธอคือเธอไม่ชอบงานสังคม
ภาพถ่ายของเธอที่เขาเห็นก็เป็นเพียงภาพงานการกุศลที่ถ่ายจากระยะไกล
“ดี
จำเอาไว้ล่ะ งั้นมาเริ่มคุยงานของเธอเถอะ” ชายสูงวัยผายมือไปที่เก้าอี้กลางห้อง
เชื้อเชิญให้เขานั่งลง แฮร์รี่ทำตามง่ายๆ ยิ่งเขาพูดแผนออกไปยิ่งเร็วยิ่งดี
อยู่กับเดมิทริสสองคนทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน
ชายหนุ่มเล่าให้เจ้าของบ้านฟังว่าเขาวางแผนจะเริ่มจากเสริมคาถาความแข็งแกร่งของเขตเวทมนตร์ปกป้อง
และให้คาถาส่งสัญญาณหาเขาทันทีที่มีมักเกิ้ลบุกรุกเข้ามา เดมิทริสเห็นด้วย
แต่ก็เตือนเขาว่าแม้เวิร์ทวูดแมนชั่นจะหลบอยู่กลางป่า
แต่นานๆทีก็มีมักเกิ้ลหลงทางเข้ามาเหมือนกัน ให้เขาระวังเรื่องนั้นด้วย
แล้วปล่อยให้แฮร์รี่เล่าแผนต่อไปที่หน้าที่ของเขาทำให้เขาต้องพำนักใกล้ๆเวิร์ทวูดแมนชั่น
เขาถามชายสูงวัยว่ามีที่ไหนบ้างไหมที่เขาพอจะกางเต้นท์ได้
“อยู่ทำไมในเต้นท์
มาอยู่ข้างในก็ได้”
ชายหนุ่มแทบจะอ้าปากค้าง
พูดเล่นใช่ไหม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่
“ที่นี่มีห้องว่างตั้งเยอะ
พวกเราอยู่กันแค่สามคนกับพวกเอลฟ์ ภรรยาฉันก็เสียไปนานแล้ว คนงานก็มีตึกแยกไป”
“จะดีเหรอครับ”
แฮร์รี่ถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่เป็นไรหรอก
แต่ถ้าฉันจับได้ว่านายย่องเข้าห้องลูกสาวฉันนะ...”
เสียงเข้มขู่ทำให้แฮร์รี่รีบส่ายหน้า
“ไม่ทำหรอกครับ”
ชายหนุ่มรีบตอบปฏิเสธ รู้แล้วหล่ะว่าหวงลูกสาวจริงจัง
“งั้นก็ตกลงตามนี้
แล้วฉันจะส่งจดหมายไปบอกโรบาดส์เอง เอาล่ะไปทานอาหารเย็นกันดีกว่าพอตเตอร์
เอลซี่บอกนายแล้วใช่ไหมว่าวันนี้จะเป็นเนื้อกวาง ฉันล่ามาเองด้วย”
หัวหน้าตระกูลกรีนกราสชวนเขาคุยไปเรื่อยๆจนถึงห้องอาหารใหญ่
และเป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่ต้องมองรอบห้องอย่างตาค้าง
ไอ้พวกคนรวยนี้มันก็รวยจริงๆเว้ย เขาคิดในใจ
ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อเห็นสองร่างกำลังเดินผ่านประตูอีกด้านเข้ามา
...พี่น้องกรีนกราสสินะ...
“เดฟนี แอสเทอเรีย
อย่าเสียมารยาทสิ รีบมาทักทายแขก” เสียงของบิดาของหญิงสาวทั้งสอง
เร่งให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาหาเขา เขาพิจารณาสองคนที่เดินเข้ามา
...ไม่เหมือนกันเลย...เดฟนี
พี่สาวนั้นผมสีบลอนด์อ่อน รูปร่างสูงโปร่งและสวยจัดแบบพวกนางแบบ ส่วนแอสเทอเรีย
น้องสาวนั้นผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนบิดา และเตี้ยกว่าพี่สาวอยู่โข
ที่จริงเธอก็ไม่ใช่คนเตี้ยหรอก หากแต่เมื่อยืนข้างๆร่างสูงโปร่งอย่างเดฟนีก็ทำให้แอสเทอเรียดูด้อยลงไปถนัดตา
“พอตเตอร์” แอสเทอเรียเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาก่อน
แต่เมื่อชื่อเขาหลุดปากเธอก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเหมือนตกใจที่พูดออกไปแบบนั้น...ทำไมกัน
นั้นก็ชื่อเขานี้...
“ฉันหมายความว่าสวัสดีค่ะมือปราบมารพอตเตอร์”
หญิงสาวรีบแก้ตัวแล้วก้มศีรษะต่ำให้เขา แล้วยื่นมือออกไปตรงหน้า
แฮร์รี่ทักเธอตอบพร้อมกับจับมือเธอมาเขย่า สายตาของหญิงสาวมีแววประหลาดใจเหลือล้น
“สวัสดีเช่นกันค่ะมือปราบมารพอตเตอร์”
เดฟนีทักเขาต่อบ้าง เขาเองก็จับมือเดฟนีมาเขย่าพร้อมสวัสดีเช่นกัน
เธอเองก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้นแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เขามาคุ้มครองเธอทั้งคู่
ลูกคงรู้แล้วใช่ไหมเรื่องจดหมายขู่ที่ส่งให้เรนฮาร์ทน่ะ” เดมิทริส
กรีนกราสอธิบายหน้าที่ของแฮร์รี่คร่าวๆ
รวมถึงบอกว่าเขาต้องมาอยู่ในแมนชั่นหลังนี้ตลอดเวลาด้วย และแฮร์รี่แน่ใจว่าเขาเห็นแอสเทอเรียกลอกตาพร้อมทำสีหน้ารำคาญแต่ทันทีที่เขาหันไปมองสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนกลับมาเป็นหน้าเรียบเฉยเจือรอยยิ้มน้อยๆเหมือนเดิมแล้ว
“พูดง่ายๆคือเราจะต้องมีการ์ดส่วนตัวตามต้อยๆไปไหนมาไหนเหรอคะ”
เดฟนีถามเสียงสูงอย่างไม่พอใจ ส่วนแอสเทอเรียก็พยักหน้าสนับสนุนพี่สาว
“อ้ะๆ
คราวนี้ว่าพ่อไม่ได้นะ พ่อไม่ได้สั่ง สำนักงานมือปราบมารเขาส่งมาเอง”
คุณกรีนกราสพูดยิ้มๆ
“คุณพ่อก็สั่งให้เขากลับไปสินะ
พวกหนูดูแลตัวเองได้” เดฟนีพูดพร้อมทำหน้าบึ้ง
“เอ่อ
คงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ
มือปราบมารไม่รับคำสั่งของใครนอกจากหัวหน้าสำนักงานนะครับ
แล้วผมมาเพื่อความปลอดภัยของคุณนะครับคุณเดฟนี”
แฮร์รี่อธิบายอย่างใจเย็นพร้อมเตือนตัวเองว่าถ้าเขาทำเสียเรื่องเขาต้องถูกส่งไปแผนกจราจรแน่ๆ
“นานๆทีจะเห็นคนอย่างคุณทำตามกฎกับเขานะคะ”
และเมื่อเขาหันมองไปที่คนพูดนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจมากยิ่งขึ้น แอสเทอเรียยกมุมปากยิ้มขึ้นแบบที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นบนใบหน้าคนอื่นได้อีกนอกจากใบหน้าของเดรโก
มัลฟอย ดูเหมือนหญิงสาวจะเรียนรู้หนึ่งหรือสองอย่างมาจากคู่หมั้นของเธอนะ
“แอสเทอเรีย!”
ทั้งเดฟนีทั้งเดมิทริสร้องเสียงหลงอย่างตกใจ
และดูเหมือนทำให้แอสเทอเรียรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เธอรีบก้มศีรษะขอโทษเขา
แก้มใสเจือสีชมพูอย่างอาย
“เอาล่ะมือปราบมารพอตเตอร์
ผมขอโทษแทนแอสเทอเรียด้วย ส่วนเดฟนี ลูกคงได้คำตอบแล้วว่าพ่อสั่งเขาไม่ได้
แล้วนี้ก็ออกจะเป็นเรื่องดีที่มีคนมาช่วยดูแลลูก ยิ่งหลังจาก...”
แต่แทนที่ชายสูงวัยจะพูดต่อเขากลับปิดปากลงทันทีพร้อมกับเหลือบมองแฮร์รี่เหมือนนึกได้ว่ามีคนนอกอยู่ด้วย
...ยิ่งหลังจากอะไร...แฮร์รี่คิดในใจ
“เอาละ ไปที่โต๊ะกันเถอะ
พวกเอลฟ์จัดโต๊ะรอเอาไว้แล้ว” เดมิทริสเดินนำทั้งสามคนไปที่โต๊ะยาวกลางห้อง
ที่มีที่นั่งอย่างน้อยยี่สิบกว่าที่ แต่พวกเขามีกันเพียงแค่สี่คน แน่นอนว่าในฐานะเจ้าบ้าน
เดมิทริสต้องนั่งที่หัวโต๊ะ ลูกสาวสองคนนั่งด้านขวามือของบิดา
และฝั่งตรงข้ามก็คือแฮร์รี่ เป็นอีกครั้งที่เขาได้พิจารณาสองพี่น้องกรีนกราสชัดๆ
ทั้งคู่กริยามารยาทหมดจดงดงามเหมือนพวกสายเลือดบริสุทธิ์ตระกูลสูงทั้งหลาย ขณะที่เดฟนีคุยกับบิดาอย่างออกรส
แอสเทอเรียก็นั่งทานเงียบๆ ตาสีเข้มเงยขึ้นมามองเขาเป็นระยะๆ
และที่ทำให้เขาประหลาดใจคือแววตาเธอเหมือนเธอรู้จักเขา
ทั้งๆที่เขาแน่ใจว่านี้เป็นครั้งแรกที่เขาเคยคุยกับเธอ
เขาอาจจะเคยเดินผ่านเธอในฮอกวอตส์แต่เขาไม่เคยจดจำแม้แต่หน้าหรือชื่อของเธอ
สำหรับเขาแล้วเธอคงเป็นหนึ่งในพวกหนอนหนังสือบ้านเรเวนคลอที่เดินไปเดินมาโดยมีหนังสือเป็นตั้งอยู่ในอ้อมอก
อาหารมื้อนั้นทำให้เขารู้จักบ้านกรีนกราสเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
ท่านเดมิทริสที่ปกติจะดูน่ากลัวกลับเป็นคนอารมณ์ดีเมื่ออยู่กับลูกสาวทั้งสอง
พวกเขาทั้งสามคุยเกี่ยวกับบ้านตระกูลอื่นเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ดูเหมือนว่าพวกตระกูลเลือดบริสุทธิ์ทั้งหลายจะยังคงสนิทแน่นแฟ้นกันเป็นอย่างดี ส่วนแฮร์รี่ก็เออออและคอยตอบโต้เมื่อโดนถามเท่านั้น
เขายังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลาของมื้ออาหาร
“คุณอยากกินนี้เหรอครับ”
แฮร์รี่ถามหญิงสาวผมสีเข้มที่ตอนนี้มองพายฟักทองในจานเขาเสียตาเป็นมัน
เมื่อเลื่อนมองไปที่จานของหญิงสาวก็เห็นว่าเธอจัดการชิ้นของเธอเสียจนเรียบแล้ว
ทำไมถึงไม่เรียกให้เอลฟ์ยกมาให้เพิ่มเล่าแฮร์รี่คิดอย่างฉงน
“ปะ...เปล่าค่ะ”
แอสเทอเรียพูดตอบอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าหวานนั้นเจือสีชมพูอีกแล้ว
เหมือนเด็กๆที่โดนจับได้ว่าทำไมผิด
“แอสเทอเรียทานของหวานเยอะๆไม่ได้หรอกคุณพอตเตอร์
เธอสุขภาพไม่ค่อยดี แล้วลูกสาวผมคนนี้ก็ไม่ค่อยชอบของหวานด้วย”
เดมิทริสพูดอธิบายต่อ ส่วนชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าตอบรับ แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
ไม่ชอบของหวานเหรอ แต่ท่าทางตอนกินพายฟักทองอย่างมีความสุขแบบนั้นคืออะไรเล่าแอสเทอเรีย…
หญิงสาวช่างเป็นคนที่มีแต่ความน่าประหลาดใจเต็มไปหมด
##############################################################################
เดรโกสาวเท้าให้เร็วขึ้น
แต่เพราะกระโปรงแคบๆนี้แหละที่ทำให้เขาไม่สามารถก้าวฉับๆและเดินได้เร็วเฉกเช่นปกติ
ให้ตายสิผู้หญิงเดินได้ยังไงกันนะในกระโปรงแคบๆแบบนี้ ชายหนุ่มคิดในใจ
มืออยากยกชายประโปรงขึ้นแล้วเดิน แต่รู้ว่านั้นไม่มีทางเป็นสิ่งที่แอสเทอเรียทำแน่นอน
...แต่เขาก็ไม่ใช่แอสเทอเรียเสียหน่อย...ชายหนุ่มคิดในใจ
อย่างน้อยๆเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดๆแล้ว
อาหารเย็นเป็นหายนะอย่างสุดๆ เดรโกแน่ใจว่าพอตเตอร์ต้องสงสัยอะไรแน่ๆ
หมอนั้นเล่นจ้องเขาไม่วางตา โอเคเขาอาจจะมีส่วนผิดนิดหน่อยที่เริ่มจากจ้องพอตเตอร์ก่อน
แต่เพราะใครจะไปคิดว่าชาตินี้เขาจะได้มาร่วมโต๊ะกินข้าวกับพอตเตอร์
(แล้วมารยาทบนโต๊ะอาหารของหมอนั้นก็ทำให้เขาอยากจะจิกหัวยุ่งๆนั้นมาเข้าคอร์สเร่งรัดสอนวิชาการใช้ช้อนและส้อมเสียจริงๆ)
แถมยังคุยกันเหมือนคนปกติโดยไม่มีการจิกกัดด่าทอเหมือนเคย
แม้ว่าหลังสงครามพวกเขาจะญาติดีต่อกันขึ้นมากก็เถอะ
แต่ทั้งเขาทั้งพอตเตอร์ก็ยังอดทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเวลาเจอหน้ากันไม่ได้ เข้าใจไหมว่านิสัยเก่าๆมันแก้ยาก
แล้วนี้เขาต้องอยู่ในร่างแอสเทอเรียโดยมีพอตเตอร์จับตาไปไม่รู้อีกนานแค่ไหน
ใจหนึ่งก็ภาวนาให้แอสเทอเรียรีบกลับมาเสียที
อีกใจหนึ่งก็ก่นด่าตัวเองที่ยอมทำตามแผนบ้าๆนี้
แผนที่ขนาดปกติก็ดูท่าจะเหลวเป๋วไม่เป็นท่า
แล้วยังไม่นับว่าต้องมารับมือกับมือปราบมารอย่างพอตเตอร์อีก
เขารู้สึกอยากตะโกนให้สุดเสียงหรืออย่างน้อยๆก็หนีออกไปจากเวิร์ทวูดกลับบ้านเสียที
และนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เดรโกรีบเร่งฝีเท้าอยู่ตอนนี้
อีกนิดเดียวก็จะถึงห้องนอนของแอสเทอเรียแล้ว
ทำไมเวิร์ทวูดมันต้องใหญ่ขนาดนี้ด้วยว้า
เสียงฝีเท้าวิ่งไล่หลังมาทำให้เดรโกต้องหันไปมองว่าใครกัน
แต่เมื่อเห็นเสื้อคลุมสีเลือดหมูของมือปราบมารชายหนุ่มก็พยายามจะก้าวให้เร็วมากขึ้น
เขากำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพอดีกับที่พอตเตอร์วิ่งตามมาทัน
“คุณแอสเทอเรียครับ”
เดรโกแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วพยายามจะเดินเข้าห้องนอนไป
แต่พอตเตอร์กลับยื่นมือมาคว้าข้อมือเขาไว้ บังคับให้เขาหันหน้ามาเผชิญหน้ากับตน
และนี้เป็นครั้งที่สองที่เดรโกหงุดหงิดที่แอสเทอเรียช่างเตี้ย
เพราะถ้าเป็นเขาอย่างน้อยๆเขายังสามารถเชิดหน้ามองพอตเตอร์จากปลายจมูกได้
แต่เมื่อเป็นแอสเทอเรียเขากลับต้องเงยหน้าของอีกคนเป็นครั้งที่สองของวัน
“นี้ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้คุณเรียกชื่อจริงเลยนะ!”
เดรโกหลุดปากออกไปก่อนที่จะได้คิด แล้วต้องยกมือมาปิดปากตัวเอง
“เอ่อ
ฉันหมายความว่าคุณพอตเตอร์มีอะไรรึเปล่าคะ”
ตาสีเขียวมองเขาเหมือนเขาเป็นตัวประหลาดหรืออะไรสักอย่าง
“คือผม...”
พอตเตอร์พูดตะกุกตะกักอีกแล้ว เดรโกคิดอย่างรำคาญใจ หมอนั้นเป็นบ้าอะไรนะ
ทีตอนปกติเวลาด่าเขาล่ะก็ปากหมอได้โล่เชียว
“ผมเคยรู้จักคุณรึเปล่าครับ”
เดรโกกระพริบตาถี่ๆ
ความกลัวแล่นไปทั้งร่าง เวรแล้วไง พอตเตอร์มันต้องรู้สึกอะไรแน่ๆ
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
ชายหนุ่มแกล้งโง่สักครั้ง เอาวะเผื่อฟลุ๊คได้ผล
“เอ่อคือคุณ...มองผมเหมือนคุณมีอะไรอยากพูดกับผม
ตลอดเวลาอาหารเย็น” พอตเตอร์เกาหลังหู ท่าทางที่หมอนั้นชอบทำตอนประหม่า
“เป็นเรื่องคดีรึเปล่าครับ”
ตาสีเขียวมองเขามาจากหลังแว่น
ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก
ดูเหมือนว่าพอตเตอร์จะยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเดมิทริสสั่งให้ตามล่ามักเกิ้ล
เขาแน่ใจว่าท่านเดมิทริสต้องปิดเรื่องนี้กับสำนักงานแน่ๆ คงตั้งใจจัดการเองเงียบๆ
แต่ถ้าเผื่อพอตเตอร์จะช่วยได้ล่ะ ยังไงหมอนั้นก็เป็นมือปราบมารนะ
เผื่อจะช่วยตามหา...แต่คิดแล้วเดรโกต้องหยุด ถ้าเจอเรื่องทุกอย่างก็จะแดง
และเขาไม่แน่ใจว่าสำหรับเดมิทริสระหว่างลอบทำร้ายลูกสาวหรือว่าลักลอบพลอดรักลูกสาวอันไหนแย่กว่ากัน
“ไม่มีค่ะ”
คิดแล้วเดรโกก็รีบตอบออกไป
“แล้วขอตัว—“
แต่ก่อนที่เดรโกจะพูดจบกำไลข้อมือของเขาก็สั่นน้อยๆ
เขามีเวลาสิบนาทีก่อนที่ร่างเขาจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเดรโก มัลฟอย
ชายหนุ่มคิดอย่างตระหนก
“ขอตัวก่อนนะคะ”
เดรโกพยายามจะแกมือของแฮร์รี่ออก แต่อีกคนไม่ปล่อยง่ายๆ
สายตาของมือปราบมารหนุ่มจ้องหน้าเขาตรงๆ
“ตาของคุณข้างนึงเป็นสีเทา”
ชายหนุ่มผมดำพูดออกมาเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้ว
คำพูดนั้นยิ่งทำให้เดรโกตกใจมากขึ้น
ซวยแล้วไง เมื่อเดรโกตระหนกสมองของเขามักสั่งให้เขาทำอะไรแปลกๆ อย่างเช่นการตีเข่าใส่จุดกลางตัวของชายตรงหน้าเขา
เสียงพอตเตอร์ร้องลั่น
มือที่กุมข้อมือเขาไว้ปล่อยออกทันทีและเดรโกก็รีบหมุนตัวเข้าห้องแล้วล๊อคประตู
ก่อนจะรีบถอดเสื้อผ้าออกแล้วใส่ชุดของเดรโก มัลฟอย
ส่วนพอตเตอร์...เดรโกคิดพร้อมย่นจมูกอย่างสงสารในฐานะผู้ชายด้วยกัน
หวังว่าคงมีเอลฟ์ประจำบ้านมาพบเข้านะ
เอาเป็นว่าเขาค่อยขอโทษตอนเจอกันครั้งหน้าละกัน
ตอนนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเพื่อนตัวดีอย่างเดฟนี กรีนกราส
############################################################################
ความคิดเห็น