ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Story in Reverse (HP/DM)

    ลำดับตอนที่ #1 : Messy Affair

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 59


    Life is messy. Love is messier – Catch and Release (2006)

     

    กระทรวงเวทมนตร์ – สำนักงานมือปราบมาร

                    ในห้องทำงานของหัวหน้าสำนักงานมือปราบมาร เจ้าของตำแหน่งนั้นอย่างกาเวน โรบาดส์ต้องนวดขมับตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวหนึบจากการที่ต้องมาเถียงกับมือปราบมารหนุ่มตรงหน้าเขา เขาคงไม่ต้องปวดหัวขนาดนี้ถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่ได้หัวดื้อและไม่ไร้ความสามารถในการเล่นเกมส์การเมือง หรือถ้าคนคนนั้นไม่ได้ชื่อว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์

                    “ผมยืนยันว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยังยืนเสียงแข็ง ตาสีเขียวเป็นประกายวาวโรจน์

                    “ตามกฎของกระทรวงข้อที่ 235 วรรค 8 กล่าวไว้ว่า –“ แฮร์รี่เปิดปากจะอธิบายเพิ่มแต่กลับถูกขัดด้วยเสียงของหัวหน้า

                    “ฉันรู้ว่ากฎเขียนว่าอะไรพอตเตอร์!! ฉันทำงานนี้มาเป็นสิบๆปี คุ้นกับกฎของมือปราบมารทุกข้อ แต่กฎของมือปราบมารก็ยังเขียนเอาไว้ด้วยว่าการจับกุมต้องไม่ทำเกินกว่าเหตุ หรือว่าบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่มีหมายศาล!!” กาเวน โรบาดส์คำรามตอบกลับ เขาเพิ่งกลับมาจากพักร้อนและวันแรกที่เขากลับมาก็ต้องมาจัดการเรื่องที่พอตเตอร์พาทีมงานบุกเข้าไปจับตัวเจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์ระดับสูง – วอลเตอร์ เรนฮาร์ท  ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของไซมอน เรนฮาร์ท ผู้ช่วยรัฐมนตรีและรองประธานหัวหน้าศาลวิเซ็นกาม็อต และการจับกุมที่ว่าเป็นการบุกเข้าไปลากตัววอลเตอร์ถึงปราสาทของตระกูลเรนฮาร์ทในช่วงเวลาอาหารค่ำ ตอนที่ทั้งครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตารับประทานด้วยกัน อาการปวดหัวหนึบไล่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาอุตส่าห์ย้ายพอตเตอร์ไปอยู่ทีมอาชญากรรมทางเศรษฐกิจซึ่งเกี่ยวกับการจับกุมผู้ทำการฉ้อฉลหรือซื้อขายวัตถุมืด ปกติทีมนี้แทบไม่ต้องมีการเผชิญหน้ากับคนผิดเลย แค่ใช้หมายศาลเรียกตัวมาแล้วจับก็จบ

                    “ฉันอุตส่าห์ย้ายนายไปอยู่ทีมนี้หวังว่านายจะลด ละ เลิกไอ้นิสัยชอบบุกบุ่มบ่ามเข้าไปแบบไม่เห็นหน้าอินทร์หน้าจันทร์ได้บ้าง” โรบาดส์พูดต่ออย่างหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบที่พอตเตอร์ทำหน้าที่ซะเต็มที่แบบนี้ แต่เขาแค่หวังว่าหมอนี่จะช่วยคิดให้รอบคอบก่อนทำอะไรบ้าง เขาต้องคอยตอบจดหมายกลับหาคนใหญ่คนโตที่สั่งให้พอตเตอร์พ้นจากตำแหน่งเสียจนเขาเองก็แน่ใจว่าขาเก้าอี้เขาในฐานะหัวหน้าสำนักงานนี้ก็เริ่มสั่นไม่น้อยแล้ว

     

                    “แต่เรนฮาร์ทมัน –“ ชายหนุ่มเปิดปาก

     

                    “ไม่มีแต่แล้วเว้ยพอตเตอร์ ถ้านี้เป็นความผิดครั้งแรกฉันยังพอจะทำไม่รู้ไม่เห็นได้ แต่นี้นายทำผิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วหา? ฉันรู้ว่านายอยากจะทำหน้าที่ แต่พอตเตอร์ช่วยเข้าใจหน่อยว่าเราอยู่ในสังคมที่ไม่ใช่ว่าเห็นใครผิดก็ไปลากคอมันมาเลยโดยไม่ต้องสนใจ แม้แต่ครั้งนี้ท่านรัฐมนตรีชักเคิลโบลต์ก็ไม่อยู่ข้างนาย ท่านสั่งให้ฉันลงโทษได้ตามชอบ”

     

                    ชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยอมหุบปากเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้  

     

                    “ฉันรู้ว่านายคิดว่าพวกตระกูลสายเลือดบริสุทธิ์มันไม่มีดีสักคน แล้วก็เหมาะสมแล้วที่นายจะไปลากคอมันออกมารับโทษแบบนั้น” โรบาดส์

     

                    “ผมแค่คิดว่าเรนฮาร์ทมันอาจจะหลบหนีก็ได้ ยิ่งมีแผนไปต่างประเทศแบบนั้น”

     

                    “ไปฮันนีมูนพอตเตอร์!! เขาจะไปฮันนีมูนกับลูกสาวของตระกูลกรีนกราสคนโต ให้ตายสิเขาจะแต่งงานกันสัปดาห์หน้าแล้วไปฮันนีมูนกัน ไม่ได้มีแผนหนีไปไหนเว้ย” โรบาดส์รู้สึกเหมือนเส้นเลือดบนหัวกำลังจะแตก ถ้าวอลเตอร์ เรนฮาร์ทกล้าถึงขนาดหนีไปช่วงฮันนีมูนกับลูกสาวของท่านเดมิทริส กรีนกราส หมอนั้นคงเป็นไอ้งั่งที่สุดในโลก ตระกูลกรีนกราสมีเส้นสายไปทั่วยุโรป มีหรือที่วอลเตอร์จะถึงขนาดหักหน้าท่านเดมิทริสขนาดนั้น

                    “งานนี้อย่าคิดว่านายจะรอดไปง่ายๆนะพอตเตอร์ ไซมอน เรนฮาร์ทยืนยันว่าฉันต้องลงโทษนาย ให้ตายสิเขาเสนอให้ไล่นายออกด้วยซ้ำ ทางนั้นจะเอาเรื่องฟ้องศาลด้วย ฉันต้องทั้งกล่อมทั้งขู่จนเรนฮาร์ทยอมเงียบไป”              

    “ตอนนี้ก็ออกไปก่อนเลย แล้วช่วยเขียนจดหมายขอโทษไปหาท่านไซมอน เรนฮาร์ทด้วยที่บุกเข้าไปในปราสาทของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต” โรบาดส์พูดอย่างอ่อนใจ

     

                    “แล้วเรื่องวอลเตอร์ เรนฮาร์ทล่ะครับ” ชายหนุ่มถามต่อเหมือนไม่สนใจสิ่งที่โรบาดส์เพิ่งพูด

     

                    “เขาก็ผิดจริงตามหลักฐาน ตอนนี้ก็ประสานงานกับทางอินเตอร์โพลเพื่อใช้ข้อมูลที่ได้จากเรนฮาร์ทจัดการรวบตัวไอ้พวกมาเฟียที่มันทำงานให้” กาเวน โรบาดส์ถอนหายใจอีกครั้ง มันยุ่งยากเพราะอย่างนี้แหละ พอตเตอร์ทำงานได้ดีเสมอ แต่เขามักจะทำคดีโดยทำให้ผู้ใหญ่ของกระทรวงซักคนต้องหงุดหงิด แล้วคนที่รับกรรมก็คือเขาที่เป็นหัวหน้า

                    “แต่นายหลุดจากคดีแล้ว ตอนนี้ฉันส่งคดีของนายให้ลองบัตท่อมทำ”

     

                    “แต่-“ หนุ่มแว่นอ้าปากจะเถียง

     

                    “ไม่มีแต่ แล้วออกไปได้แล้ว พอตเตอร์ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนมาเรียกนายออกไปเอง” กาเวน โรบาดส์พูดพร้อมกับใช้สายตาสุดดุจ้องมองลูกน้องจนอีกคนยอมแพ้และล่าถอยไป

                   

    ################################################################################

     

                    “แม่งเอ้ย” แฮร์รี่เตะถังขยะข้างๆโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด เขาถูกถอดออกจากคดีได้ไงวะ ทั้งๆที่เขาเป็นคนทำทุกอย่างตั้งแต่แรก เขาเป็นคนรวบรวมข้อมูล ปะติดปะต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน จนกระทั่งรู้ว่าวอลเตอร์ เรนฮาร์ทใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเงินตราในโลกผู้วิเศษ ช่วยกลุ่มมาเฟียมักเกิ้ลในการฟอกเงินแลกกับค่าเหนื่อยก้อนโต เขาคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ถ้าหากเงินที่ว่าไม่ได้มาจากการค้ามนุษย์ เขาต้องเห็นพวกมันลักพาตัวเด็กผู้หญิงจากทั่วโลกเพื่อส่งให้ซ่องในยุโรปตะวันออก แล้วฟอกเงินให้กลายเป็นเหรียญทองคำผ่านทางวอลเตอร์ เรนฮาร์ท ก่อนจะฝากเหรียญทองนั้นเหมือนเป็นเงินถูกกฎหมาย

                    แฮร์รี่เตะถังขยะซ้ำๆเป็นการระบายอารมณ์

     

                    “แฮร์รี่” เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับใบหน้าของเพื่อนสนิทของเขาโผล่มา รอน วีสลีย์มองเจ้าของห้องอย่างเป็นห่วง

                    “โรบาดส์ว่าไงบ้าง” พูดแล้วรอนก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของเขาแล้วร่ายคาถาปิดเสียง

     

                    “โรบาดส์แม่งก็ห่วงแต่เก้าอี้ของตัวเอง มันใช่เหรอวะ หัวหน้าควรเข้าข้างคนทำงานบ้างหรือเปล่าวะ” แฮร์รี่ตอบกลับเสียงแข็ง

                    “ฉันโดนถอดออกจากคดี แล้วไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษอะไรอีก อ้อยังต้องเขียนจดหมายไปขอโทษไซมอน เรนฮาร์ทอีกด้วย” ชายหนุ่มเดินไปเดินมาอย่างงุ่นง่าน

                    “นายว่าฉันเขียนว่าไงดี เรียนท่านเรนฮาร์ท ขอโทษด้วยนะครับที่ลูกชายคนเดียวของคุณดันเห็นเงินดีกว่าคุณค่าของมนุษย์ เสียใจจริงๆครับที่เขามันเป็นสัตว์นรก หวังว่าอัซคาบันคงช่วยให้เขากลับมาเป็นคนนะครับ” แฮร์รี่พูดต่ออย่างประชดประชัน 

     

                    รอนถอนหายใจเฮือกใหญ่จนเขาต้องหยุดมองเพื่อนรัก สีหน้าของรอนดูเป็นห่วงเขาไม่น้อย ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างที่หัวหน้ามือปราบมารพูดจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานให้ขัดแข้งขัดขาใครหรอกน่า แต่พอเห็นพวกตระกูลเก่าแก่ร่ำรวยที่มันหาเงินบนหลังคนอื่นแล้วเขาก็ทนไม่ได้จริงๆ

                    “เอาน่าอย่างน้อยก็ไม่โดนไล่ออก”

     

                    แฮร์รี่กลอกตา ถึงเขาจะเล่นเกมส์ไม่เป็นแต่เขาก็รู้ว่าชื่อเขาน่ะสำคัญขนาดไหนสำหรับกระทรวงและสำนักงานมือปราบมาร เขาทำให้กระทรวงดูว่าเป็นฝ่ายสว่างและทำให้คนมาสมัครเข้าเป็นมือปราบมารสูงเป็นประวัติการ

                    “ฉันจะลาออกก่อนน่ะสิ” ชายหนุ่มบ่น แต่เขาก็รู้ว่านั้นเป็นไปไม่ได้ มีเพียงไม่กี่สิ่งในชีวิตที่ทำให้ชีวิตเขามีความหมายและหนึ่งในนั้นก็คือการได้จับคนร้าย เขารักงาน...มากกว่าชีวิตรักของเขาด้วยซ้ำ หลังจากเริ่มทำงานเต็มตัว ชีวิตรักของเขากับจินนี่ก็ลุ่มๆดอนๆมาตลอด เขาไม่เคยมีเวลาให้เธอ เขาเป็นมือปราบมารคนเดียวที่ไม่เคยมีวันหยุด เขาไม่เคยพัก มีแต่คนสงสัยว่าแฮร์รี่นอนที่สำนักงานหรือเปล่าเพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ แฮร์รี่ก็พร้อมลุยเสมอ และในที่สุดจินนี่ก็ทนไม่ได้ เธอยื่นคำขาดว่าเขาต้องมีเวลาให้เธอไม่อย่างนั้นก็ขาดกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักจินนี่นะ แต่ตอนอยู่กับเธอมันไม่ได้ทำให้เขาสุขเท่ากับตอนที่ได้ทำงาน เขาต้องคอยระวังว่าจะพูดอะไรกับเธอ ต้องพยายามที่จะทำตัวเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบที่เขาอยากให้เธอได้เจอ เพราะฉะนั้นถึงจะปวดใจแต่แฮร์รี่ก็เลือกงาน ส่วนจินนี่ตอนนี้ก็กลายเป็นนักกีฬาควิดดิชสุดฮอตที่มีหนุ่มมาเกี้ยวไม่เว้นวัน

                    และพอยิ่งไม่มีครอบครัวไม่มีจินนี่ ความบ้างานของแฮร์รี่ก็ทวีคูณขึ้นอีก

     

                    “เฮ้ยไม่เอาน่า บางทีบทลงโทษที่โรบาดส์ให้นายทำอาจจะง่ายๆก็ได้ อย่างพักร้อนสักสัปดาห์เหมือนฉันปีที่แล้วไง อย่าคิดมากสิวะ”

     

                    แฮร์รี่พยักหน้า แต่ก็ไม่เชื่อสิ่งที่รอนพูดสักนิด เขารู้ว่ากาเวน โรบาดส์ต้องหาบทลงโทษที่ทำให้เขาหลาบจำได้อย่างแน่นอน ไม่มีทางเป็นแค่พักงานง่ายๆหรอก

     

    ###############################################################################

    คฤหาสน์มัลฟอย วิลต์เชียร์

                    “ไม่” ชายหนุ่มร่างโปร่งทายาทตระกูลมัลฟอยปฏิเสธเสียงแข็ง เดรโกมองหน้าหญิงสาวสองคนตรงหน้าเขาเขม็งเหมือนพวกหล่อนทั้งคู่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่มาขอร้องเขาแบบนั้น

                    “นะ เดรโก ช่วยน้องหน่อยนะ” เดฟนีพูดขอร้องอีกครั้ง ตาสีฟ้าเหลือบมองน้องสาวของหล่อนที่ตอนนี้กำลังซับน้ำตาอยู่ข้างๆ

                    “นะคะพี่ หนูไม่รู้จะหันไปขอร้องใครแล้วนะคะ” แอสเทอเรียพูดบ้างพร้อมกับสะอื้นเป็นระยะๆ

                    ชายหนุ่มถอนหายใจ ทำไมต้องเป็นเขาหนอ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแอสเทอเรียดันไปตกหลุมรักหนุ่มมักเกิ้ล และเดมิทริส กรีนกราสบิดาของหญิงสาวมาเจอหนุ่มที่แอสเทอเรียนัดมาพบในป่าหลังเวิร์ทวูดแมนชั่น บ้านของพวกกรีนกราส ท่านเดมิทริสก็คิดว่าหนุ่มคนนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มมาเฟียที่อดีตคู่หมั้นของเดฟนีไปเกี่ยวข้อง แล้วคิดจะมาทำร้ายลูกสาวของท่านล้างแค้นที่วอลเตอร์ เรนฮาร์ทหักหลังพวกนั้น ...มันดันมาโป๊ะเช๊ะพอดีกับตอนที่จดหมายขู่ส่งมาถึงตระกูลเรนฮาร์ทให้หุบปากไม่อย่างนั้นจะต้องเสียใจ เดมิทริส กรีนกราสก็เลยสั่งให้คนทั้งหมดหาตัวพ่อหนุ่มที่ว่าแล้วฆ่าทิ้งซะ ทันทีที่รู้ว่าคนที่พ่อสั่งให้จับตายเป็นใครแอสเทอเรียก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด แต่เธอก็ไม่กล้าหนีออกไปช่วยคนรักของเธอ เพราะรู้ว่าถ้าเธอหายไปพ่อของเธอต้องคิดว่าเป็นฝีมือของหนุ่มคนนั้นแน่ๆ แล้วก็ต้องเพิ่มกำลังตามหาเป็นสองเท่า

                    แล้วเขาเข้ามาเกี่ยวตรงไหนนะเหรอ ก็ตรงที่เดฟนีมีแผนแจ่ม?? โดยจะให้เขาช่วยปรุงน้ำยาสรรพรสเพื่อหาคนแปลงเป็นแอสเทอเรีย ขณะที่น้องสาวหนีออกไปช่วยคนรักหลบหนีไปยังที่ปลอดภัยแล้วจะกลับมาเร็วที่สุด และถ้านั้นยังไม่ยากพอ หวยยังมาออกที่เขาต้องเป็นคนดื่มน้ำยาที่ว่านั้น จะบ้าเหรอ! ถึงเขาจะสนิทกับแอสเทอเรียขนาดไหนแต่เขาไม่มีทางปลอมเป็นเธอได้แนบเนียนพอที่จะตบตาคนทั้งโลกหรือแค่พ่อของเธอได้หรอกนะ แต่เดฟนีก็ยังยืนยันว่าเขาทำได้แน่ๆ แค่ต้องสงบปากสงบคำกว่าปกติเท่านั้น

     

                    “แค่ตอนกลางวันนะคะ ตอนกลางคืนหนูเข้านอนเร็ว พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ” แอสเทอเรียพยายามเกลี้ยกล่อม

     

                    “นั้นสิเดรโก ที่จริงแค่ตอนที่คุณพ่ออยู่บ้านเท่านั้นแหละ แล้วพ่อก็รู้ว่าน้องเข้านอนเร็ว แถมแอสเทอเรียไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก ไม่มีคนมาเยี่ยมไม่ต้องห่วง ฉันจะบอกว่าฉันกำลังเศร้าเรื่องวอลเตอร์อยู่ ไม่อยากออกงานสังคมไหนแล้วอยากให้น้องอยู่เป็นเพื่อน ที่นายต้องทำก็แค่วางตัวเป็นผู้ดีเหมือนที่นายทำปกตินั้นแหละ ช่วยหน่อยนะเดรโก”

     

                    ชายหนุ่มนวดขมับ ปวดหัวจี๊ดขึ้นมากับแผนการที่ว่า เขาเห็นแต่ช่องโหว่เต็มไปหมด อย่างแรกก็คือน้ำยาสรรพรสออกฤทธิ์แค่ชั่วโมงเดียว เขาต้องดื่มน้ำยาที่ว่านั้นทุกชั่วโมง พระเจ้าพวกนั้นรู้ไหมว่ารสมันแย่ขนาดไหน แถมเขายังมีคำถามที่โคตรสำคัญนั้นก็คือ

                    “แล้วถ้าเธอไม่กลับมาล่ะ”

     

                    แอสเทอเรียทำหน้าเศร้า ก่อนจะตอบ “กลับมาสิคะพี่ หนูกลับมาแน่นอน แค่ขอให้หนูได้ซ่อนและลบความทรงจำของปีเตอร์ก่อนเถอะค่ะ” พูดแล้วน้ำตาเม็ดโตๆก็ไหลอาบหน้าเธออีกครั้ง พร้อมกับเดฟนีที่หันมาทำหน้าดุใส่เขา

     

                    “แล้วทำไมเธอไม่ทำเองเล่าเดฟนี ฉันปรุงยาให้เธอ เธอก็แกล้งบอกท่านเดมิทริสว่าเธอต้องหลบไปทำใจต่างประเทศแล้วแว่บกลับมาสวมรอยเป็นแอสเทอเรีย” เดรโกพยายามเสนอทางออก

     

                    “บ้าเหรอยะ ยังกับว่าพ่อฉันจะปล่อยให้ฉันไปคนเดียวอย่างนั้นแหละ คงมีทีมรักษาความปลอดภัยตามเป็นขโยงหรือไม่พ่อก็คงใช้เส้นส่งมือปราบมารตามฉันไปแหงๆ” เดฟนีหันมาตอบเสียงเข้ม

     

                    “แล้วคิดว่าพ่อแม่ฉันจะไม่สงสัยบ้างเหรอว่าฉันหายไปไหนทั้งวัน” เดรโกทำเสียงดุตอบ

     

                    “ก็บอกว่านายไปเยี่ยมคู่หมั้นสิ ลูเซียสเร่งให้นายกับแอสเทอเรียแต่งกันยิกๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ บอกว่านายกำลังมาคุยวางแผนงานแต่งอะไรแบบนี้” เดฟนีเสนอ แต่ข้อเสนอของเธอมันแย่ แย่ที่สุด เพราะข้อที่หนึ่งถ้าพ่อได้ยินอย่างนั้น พ่อต้องดีใจเป็นที่สุดที่จะได้อุ้มหลานเร็วๆนี้ แล้วเขาไม่อยากให้พ่อผิดหวัง และข้อที่สองเป็นเพราะพ่อจะต้องป่าวประกาศไปทั่ว ไม่แคล้วเขาต้องแต่งกับแอสเทอเรียอย่างเร็วแน่ๆ

                    ไม่ใช่เดรโกไม่อยากแต่งงานกับแอสเทอเรีย พวกเขาเข้าใจกันเป็นอย่างดีว่าการแต่งงานนี้เป็นการจับคู่เพื่อการเมืองเท่านั้น เขาไม่ได้รักเธออย่างนั้น ให้ตายสิเขาไม่ได้รักผู้หญิงคนไหนอย่างนั้นทั้งนั้นแหละ แอสเทอเรียเองก็มีคนที่เธอรัก แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้สนุกกับชีวิตโสดต่อไปอีกสักหน่อย แม้ว่าชีวิตโสดของเขาจะอ้างว้างเพียงใดก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องแสดงว่ารักคนที่เขาไม่ได้รัก แล้วความคิดที่ว่าเขาจะต้องผลิตทายาทกับเธอเมื่อแต่งงานไปแล้วยิ่งทำให้เขาอยากเลื่อนงานแต่งออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ด้วย

     

                    ชายหนุ่มมองหน้าคู่หมั้นอีกครั้ง ใบหน้าหวานนั้นเศร้าสร้อยและเลอะคราบน้ำตา เรื่องนี้แอสเทอเรียต้องเจ็บกว่าเขาเยอะ เธอต้องทั้งหาทางช่วยคนรักแล้วต้องลบความทรงจำเขาด้วยมือของเธอเองเพื่อปกป้องพ่อหนุ่มคนนั้น

                    “แอสเทอเรีย น้องอย่าร้องเลยนะ” เดรโกรั้งตัวหญิงสาวเข้ามากอด ถึงเขาไม่ได้รักเธออย่างคนรัก เขาก็ยังเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวที่น่ารักของเขาอยู่ดี ในวันที่ไม่มีใครอยากคบกับตระกูลมัลฟอย แอสเทอเรียกลับตอบตกลงที่จะเป็นเพื่อนและคู่หมั้นของเขาโดยไม่อิดออด

                   

                    “หนูไม่อยากให้เขาเป็นอะไร” หญิงสาวสะอื้นกับอ้อมอกของเขา เดรโกปวดใจขึ้นมาเบาๆ หวังว่าจะมีสักครั้งในชีวิตที่เขาจะได้รู้จักความรักที่ทำให้เขาต้องถึงขนาดร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดขนาดนี้บ้าง...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้

     

                    มือเรียวลูบผมสีเข้มของแอสเทอเรีย ก่อนจะก้มลงจูบกระหม่อมของเธอ

                    “ตกลงพี่จะช่วยเธอก็ได้” เดรโกตกลงกับแผนการในที่สุด รู้ทั้งรู้ว่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงแท้ๆ ความเป็นสลิธีรินรักษาตัวรอดเป็นยอดดีของเขาหายไปไหนหมดแล้วเนี้ย ชายหนุ่มคิดกับตัวเอง

     

                    แอสเทอเรียกอดเขาแน่น พร้อมกับพร่ำบอกขอบคุณเขาไม่หยุดปาก ส่วนเดฟนีเองก็น้ำตารื้อพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้เขาด้วยเช่นกัน

     

                    “เอาล่ะๆ สาวๆหยุดร้องกันได้แล้ว เรามีงานต้องทำเยอะ” เดรโกดันตัวแอสเทอเรียออกมา พร้อมทำหน้าเข้ม ถึงมันจะเป็นแผนห่วยๆ แต่เขาก็จะเปลี่ยนแผนห่วยๆนี้ให้เป็นแผนเด็ดๆให้ได้

     

    #############################################################################

     

                    แฮร์รี่เคาะประตูห้องทำงานของกาเวน โรบาดส์ ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างกับนักโทษที่กำลังจะโดนประหาร ที่จริงเขาก็รู้สึกอย่างนั้นแหละ เขารู้ว่ามีเรื่องเดียวที่หัวหน้าสำนักงานมือปราบมารเรียกเขามาพบ บทลงโทษของเขา

                    “สวัสดีครับหัวหน้า” แฮร์รี่ทักทายชายผู้นั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่กลางห้อง ใบหน้าดุนั้นดูเคร่งเครียดมากกว่าปกติ จนทำให้แฮร์รี่อดกลัวไม่ได้

     

                    “นี้งานใหม่ของนาย เริ่มเลยทันที เป็นบทลงโทษของนายด้วย” โรบาดส์พูดแล้วโยนม้วนกระดาษลงมาโครมบนโต๊ะ ชายหนุ่มรีบยื่นมือไปหยิบม้วนกระดาษที่ว่าแล้วเปิดอ่าน ก่อนจะสบถออกมาเป็นชุด

     

                    “งานคุ้มกัน!!! ผมไม่ใช่ยามหรือหมาเฝ้าบ้านนะครับ ผมเป็นมือปราบมารนะครับ” แฮร์รี่ประท้วงเสียงดัง  

     

                    “เออรู้ตัวก็ดี แล้วก็รู้เอาไว้ด้วยว่ามือปราบมารเลือกงานไม่ได้ ฉันสั่งอะไรนายต้องทำตาม” โรบาดส์พูดโหดๆ

                    “แล้วบทลงโทษแค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว แค่คุ้มกันพี่น้องตระกูลกรีนกราสจนกว่าคดีของวอลเตอร์ เรนฮาร์ทจะจบ”

     

                    “แต่มันก็อีกตั้งหลายสัปดาห์” แฮร์รี่พูดเสียงสูง

     

                    “หรือนายอยากจะโดนลดขั้นถาวรไปอยู่แผนกจราจร” หัวหน้ามือปราบมารยื่นคำขาด ซึ่งก็ได้ผลเพราะแฮร์รี่รีบหุบปากทันที เอาวะอย่างน้อยๆงานคุ้มกันสักแป๊บๆ ก็คงดีกว่าต้องไปดูอุบัติเหตุการหายตัวของพวกผู้วิเศษละกัน

     

                    “แต่ถามหน่อยครับ ตระกูลกรีนกราสนี้เป็นตระกูลเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเขาถึงต้องการให้พวกเราไปคุ้มครองลูกสาวเขาด้วยล่ะครับ” แฮร์รี่สงสัยจริงๆ

     

                    “เออ เขาไม่ได้ขอหรอก ฉันส่งนายไปเอง”

                    “แล้วไม่ต้องเปิดปากจะเถียงฟังให้จบสิพอตเตอร์ ฉันอยากรู้ว่าคู่หมั้นของวอลเตอร์ เรนฮาร์ทมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขารึเปล่า หรือว่าตระกูลกรีนกราสทั้งตระกูลนั้นแหละ นายต้องทั้งคุ้มกันแล้วก็สืบไปด้วยแบบลับๆ”

                    “และสุดท้ายฉันว่านี้เป็นวิธีลงโทษนายอย่างเหมาะสมที่สุด นายไปอยู่กับตระกูลกรีนกราสที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ดีๆ เผื่อว่านายจะซึมซับอะไรมาบ้าง”

     

                    แฮร์รี่ถอนหายใจออกมา เป็นวิธีลงโทษเขาได้สมน้ำสมเนื้อซะจริงๆ

     

    #############################################################################

     

                    “เดฟนี ฉันต้องใส่ชุดนี้ด้วยเหรอ” เดรโกมองชุดที่เดฟนีเตรียมให้อย่างตกใจ ไม่ใช่สิไม่ใช่ชุดแต่เป็นสิ่งที่อยู่ข้างใต้...เขาต้องใส่ชุดชั้นในผู้หญิง พระเจ้า

     

                    “ใช่สิ นายจะไม่ใส่ยกทรงรึไง” หญิงสาวเลิกคิ้วถามกลับ ส่วนแอสเทอเรียนั้นก็หัวเราะเบาๆ เธอดูดีกว่าเมื่อวานที่เขาเห็นเธอมาก หลังจากที่ตกลงว่าจะทำตามแผนการของสองพี่น้อง เดรโกกับทั้งคู่ก็หายตัวไปที่บ้านหลังหนึ่งในเขตสุดตรอกช่างปั่นฝ้ายริมน้ำ...บ้านของอดีตศาสตราจารย์เซเวอรัส สเนป โชคดีที่หลังสงครามตระกูลมัลฟอยรับที่จะดูแลบ้านของอดีตอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินและรักษาเอาไว้เหมือนตอนที่เจ้าของอยู่ หวังว่าจะเปลี่ยนมันเป็นพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์เพื่อรำลึกถึงสเนปในสักวัน และเพราะมันเหมือนเดิมทุกอย่าง ข้าวของที่เขาต้องใช้ในการปรุงน้ำยาสรรพรสก็ครบถ้วน รวมถึงน้ำยาสรรพรสที่มีการปรุงเสร็จแล้วด้วย เขาใช้ตั้งใจจะใช้น้ำยาที่ว่าในช่วงแรกที่ปลอมตัวขณะปรุงน้ำยาเพิ่ม

                   

    “นี้เธอรู้ใช่ไหมว่ากำลังจะมีผู้ชายเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอน่ะ” เดรโกถามหญิงสาวผมสีเข้ม ส่วนเดฟนีได้แต่กลอกตาเมื่อได้ยินคำถามของเขา

     

    แอสเทอเรียหัวเราะอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอกค่ะเพราะคนเห็นเป็นพี่น่ะค่ะ”

     

    “น้องหมายความว่าเพราะนายไม่มีทางเกิดอารมณ์กับร่างกายของน้องฉันได้ ถึงเห็นไปก็ไม่มีอะไรสึกหรอ”

                     

                    เดรโกหรี่ตา ให้ตายสิเดฟนี ไม่ต้องตรงเผงขนาดนั้นก็ได้

     

                    “ไม่ใช่ค่ะ หนูหมายความว่าสุดท้ายถ้าต้องแต่งงานกันพี่ก็ต้องเห็นอยู่ดีนั้นแหละ” แอสเทอเรียรีบแก้เมื่อเห็นสีหน้าเดรโก

     

                    ชายหนุ่มโบกมือไล่ทั้งสองคน ไม่รู้ว่าเหตุผลของใครทำให้เขารู้สึกแย่กว่ากัน

                    “ฉันจะใช้เครือข่ายฟลูจากห้องของแอสเทอเรียกลับมาที่ห้องนอนของฉันที่นี่ทุกเย็น แล้วจะกลับไปที่เวิร์ทวูดตอนเช้าเวลาเจ็ดโมงครึ่งนะ แน่ใจนะว่าจะไม่มีใครเปิดเข้ามาในห้องนอนของแอสเทอเรียระหว่างช่วงเวลานั้น” เดรโกจี้ถามทั้งคู่

     

                    “แน่ใจค่ะ” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน

     

                    “หนูล็อคห้องนอนตั้งแต่เด็ก แล้วก็ร่ายคาถาห้ามรบกวนด้วย ถ้าไม่มีเรื่องด่วนสุดๆก็จะไม่มีใครเข้ามา และถึงเข้ามาแล้วไม่เห็นหนูพี่เดฟนีก็จะช่วยปิดอีกทาง” แอสเทอเรียอธิบาย

     

                    “ใช่ ฉันจะบอกว่าแอสเทอเรียนอนไม่หลับออกไปเดินข้างนอก แล้วจะรีบใช้เครือข่ายฟลูเรียกนายมาที่นี่ด่วน เข้าใจนะเดรโก”

     

                    “เข้าใจๆ” เดรโกพยักหน้าแล้วหยิบขวดแก้วบนโต๊ะขึ้นมา น้ำยาสรรพรสซึ่งผสมเส้นผมของแอสเทอเรียลงไปแล้ว โชคดีอีกอย่างคือหญิงสาวมักเจ็บออดๆแอดๆบ่อย เขากับเดฟนีก็เลยคิดว่าการบอกว่าน้ำยาที่แอสเทอเรียต้องดื่มตลอดคือยาบำรุงคงไม่น่าสงสัยอะไร

                    “เอาล่ะนะ” ชายหนุ่มยกขวดแก้วขึ้นจรดปากแล้วกลืนน้ำยารสแปลกๆลงไป เขาหลับตาเมื่อรู้สึกว่าน้ำยากำลังเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งทุกอย่างก็สงบลง ทั้งเดฟนีทั้งแอสเทอเรียต่างจ้องหน้าเขาเหมือนกับว่าเขาคือตัวประหลาดอย่างไงอย่างงั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบยกมือแตะหน้าตัวเอง กลัวว่าเขาจะทำอะไรผิดรึเปล่า แต่มือเขาก็สัมผัสกับผิวแก้มเนียน จมูกโด่ง และปากอิ่มของแอสเทอเรีย กรีนกราส ชายหนุ่มเดินช้าๆเข้าไปหากระจก คนที่จ้องเขาตอบกลับมาไม่ใช่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีบลอนด์นัยตาสีเงินอีกแล้ว แต่กลับเป็นหญิงสาวร่างบางผมยาวเป็นลอนสีเข้มและดวงตาสุกใสสีน้ำตาล

                    “ฉันเป็นแอสเทอเรีย” แม้กระทั่งเสียงเขาก็เปลี่ยนไปด้วย เดรโกรีบหันไปร่ายคาถาจับเวลาใส่กำไลข้อมือของแอสเทอเรียที่ถอดวางให้เขา เขาต้องเตือนตัวเองว่าต้องดื่มน้ำยาทุกชั่วโมง ก่อนจะสวมกำไลเตือนนั้น ตอนนี้ทั้งเดฟนีทั้งแอสเทอเรียต่างก็มาช่วยเขาแต่งตัวเป็นการใหญ่ สองสาวผลัดกันอธิบายว่าแต่ละชิ้นต้องใส่ยังไง ชายหนุ่มได้แต่หัวหมุนพยายามจำให้ได้เยอะที่สุดเพราะรู้ว่าครั้งหน้าเขาต้องแต่งตัวด้วยตัวเอง

     

                    หลังจากแต่งตัวเสร็จเขาก็ลาแอสเทอเรีย โดยแลกเปลี่ยนเหรียญข้อความกับเธอ เน้นกับเธอว่าให้ติดต่อหาพวกเขาทันทีหากมีเรื่องอะไร เดรโกต้องเตือนตัวเองว่าแอสเทอเรียไม่ใช่เด็กๆอีกแล้ว แม้หญิงสาวจะดูเหมือนนักเรียนแต่เธอก็เป็นแม่มดเต็มตัว แถมยังเก่งกาจเอาเรื่องอีกด้วย เขากอดเธอแน่นแล้วอวยพรให้เธอโชคดี แม้เขาจะรู้ว่าน้องต้องการมากกว่าแค่โชคถ้าจะหลบคนของตระกูลกรีนกราสและลบความทรงจำของคนรักด้วยตัวเอง เธอต้องการความเข้มแข็งทั้งหมดที่เธอมี

     

                    เมื่อแอสเทอเรียจากไปแล้วเดรโกกับเดฟนีก็ต้องเดินทางกลับไปที่เวิร์ทวูดแมนชั่น ชายหนุ่มกำมือหญิงสาวข้างตัวแน่น ให้ตายเถอะถ้าเขาโดนจับได้เขารู้ว่าท่านเดมิทริส กรีนกราสต้องไม่ปล่อยให้เขาตายดีแน่

                    “นายทำได้น่าเดรโก นายสนิทกับน้องจะตาย รู้ว่าน้องจะทำตัวยังไง พูดยังไง ไม่ต้องห่วงนะ”

     

                    เดรโกพยักหน้าแล้วสูดหายใจลึกก่อนจะก้าวเข้าไปในเปลวไฟสีเขียวของเตาผิง

     

                    เมื่อเขาก้าวออกมาอีกครั้งเขาก็มายืนในห้องของแอสเทอเรียแล้ว

                    “เริ่มแล้วสินะ” เดรโกหันไปมองเดฟนีพร้อมถามเสียงสั่นๆ

     

                    วันนั้นเขาใช้เวลาทั้งวันเดินตามเดฟนี ทำความคุ้นเคยกับส่วนต่างๆของบ้าน และคนงานต่างๆ เพราะเขาเข้าออกบ้านตระกูลกรีนกราสบ่อยๆทำให้เดรโกจดจำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนในบ้านทักทายเขาเป็นปกติมีเพียงเอลฟ์ประจำบ้านเท่านั้นที่มองเขาอย่างแปลกๆ เดรโกแน่ใจว่าพวกเอลฟ์สามารถมองทะลุและจดจำเจ้านายของพวกมันได้ไม่ว่าจะอยู่ในรูปร่างไหน เพราะฉะนั้นพวกเอลฟ์คงเห็นว่าแทนที่จะเป็นแอสเทอเรีย กลับเป็นคุณชายมัลฟอยแทนที่เดินตามหลังเดฟนี แต่ก็ยังดีที่เอลฟ์ประจำบ้านมักจะไม่พูดอะไรออกไป แถมยังดูเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดีอีกด้วย

                    เมื่อถึงเวลาจิบน้ำชายามบ่าย ก็เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอหน้าคุณกรีนกราสขณะทำตัวเป็นแอสเทอเรีย ซึ่งเดรโกก็ทำได้ผ่านฉลุยเช่นเดิม เขาเลียนแบบกริยาของแอสเทอเรียเท่าที่เขาจำได้ และพยายามเงียบให้มากที่สุด เพราะรู้ว่าถึงเขาจะเลียนแบบท่าทางของแอสเทอเรียได้ แต่ทุกความคิด ทุกคำพูด เขาไม่มีทางเป็นเหมือนเธอ เขาไม่ใช่เด็กสาวใจดี รักมักเกิ้ลอย่างแอสเทอเรีย เขามีอารมณ์ขันแบบแปลกๆที่คงดูจะไม่เข้ากับคุณหนูอย่างหญิงสาวผมเข้มคนที่เขาแกล้งจะเป็นแน่แท้ เดฟนีเองก็ดูประหม่า แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเธอก็ยิ่งผ่อนคลายเท่านั้น เหมือนกับเชื่อใจว่าเขาจะทำได้

     

    #############################################################################

     

                     แฮร์รี่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วของเวิร์ทวูดแมนชั่นอย่างหวั่นๆ เหล็กของประตูดัดเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของตระกูลกรีนกราส เขารู้สึกถึงเวทมนตร์ป้องกันชั้นสูงไหลผ่านรั้วรอบนั้น เขามองผ่านประตูเข้าไป หากแต่เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ พวกกรีนกราสปลูกไม้สูงเป็นแนวกั้นเอาไว้ แฮร์รี่ใช้มือแตะที่รั้วประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่แค่แตะเบาๆรั้วนั้นก็เปิดให้เขาผ่านเข้าไป เขาเดินผ่านทางเดินอิฐซึ่งทอดตัวจากรั้วจนไปถึงตึกทรงสูง ตึกสีเข้มและมีเถาไอวี่ไต่รอบๆข้างผนังตึก ทำให้แมนชั่นนี้เหมือนปราสาทกลางป่า สวนสวยงามดูเหมือนได้รับการรักษาอย่างดีอยู่หลังแนวต้นสนสูง และเมื่อมองต่อไปจากตึกก็คือป่าโปร่งซึ่งเป็นชื่อของสถานที่แห่งนี้ ป่าเวิร์ทวูด เขารู้ว่าป่านั้นก็เป็นสมบัติของตระกูลกรีนกราสด้วย เจ้าของคนปัจจุบันชอบเข้าไปล่าสัตว์ฝึกฝีมือการใช้อาวุธแบบมักเกิ้ลในป่าแห่งนี้อยู่เสมอๆ

                   

                    “คุณพอตเตอร์” เสียงประหม่าของเอลฟ์ประจำบ้านตัวเล็กดังขึ้นใกล้ๆกับเท้าเขาทำให้แฮร์รี่ต้องสะดุ้งอย่างตกใจ

                    “คุณท่านรอคุณพอตเตอร์อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ แล้วคุณท่านก็ให้เอลซี่ถามคุณพอตเตอร์ว่าคุณพอตเตอร์ทานเนื้อกวางได้หรือเปล่าคะ คุณท่านต้องการเลี้ยงอาหารเย็นคุณพอตเตอร์ด้วย”

     

                    แฮร์รี่รีบส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ฉันแค่มาบอกคุณกรีนกราสว่าฉันจะเข้ามาเริ่มอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้” แต่เมื่อเห็นตาโตๆของเอลฟ์ประจำบ้านเหมือนมีน้ำตาเอ่อ แล้วนิ้วยาวๆนั้นบิดผ้ากันเปื้อนพร้อมกับพึมพำว่าหล่อนต้องถูกทำโทษแน่ๆก็ทำให้แฮร์รี่เปลี่ยนใจ เขาใจอ่อนกับเอลฟ์ประจำบ้านเสมอ บางทีคงเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่มีให้กับดอบบี้

                    “อย่าร้องนะ เอ่อฉันทานอะไรก็ได้ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วห้องนั่งเล่นไปทางไหนเหรอ” ชายหนุ่มถามต่อ

     

                    “ตามเอลซี่มาเลยค่ะ” เอลฟ์สาวเดินฉับๆนำเขาไป ไม่มีท่าทางเหมือนจะร้องไห้ดั่งเมื่อสามสิบวินาทีที่แล้วเลยสักนิด

     

                    เมื่อเดินผ่านประตูไม้หนาเข้ามาในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มก็ต้องกัดลิ้นตัวเอง ไม่ให้อุทานออกมา ให้ตายสิทั้งห้องนี้ใหญ่กว่าอพาร์ทเมนต์ของเขาในลอนดอนเสียอีก ทุกอย่างในห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร โคมไฟระย้าเป็นประกายวิบวับล้อกับแสงไฟ เครื่องเรือนเป็นไม้กรุด้วยมุก และชายเจ้าของทุกอย่างนี้ก็ยืนหันหลังให้เขาอยู่กลางห้อง เดมิทริส กรีนกราส ดูน่าเกรงขามเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเขาอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างนี้

                    “คุณกรีนกราสครับ” แฮร์รี่พูดทักเบาๆ เอลซี่นั้นหายตัวไปแล้ว คงกำลังไปเตรียมอาหารเย็นที่ว่า

                   

                    “สวัสดีมือปราบมารพอตเตอร์” ชายวัยกลางคนหันกลับมา ตาคมที่ดูเหมือนเหยี่ยวจ้องเขาเขม็ง ผมสีดอกเลาและจมูกงุ้มๆ ยิ่งทำให้เจ้าตัวเหมือนเหยี่ยวที่กำลังหมายจะกินเหยื่อ และเหยื่อที่ว่าก็คือเขาเสียด้วย

                    “ตรงเวลาดีนี่ ผิดที่คาดเอาไว้เลย”

     

                    แฮร์รี่ขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่ากำลังโดนชมหรือโดนด่า “เอ่อ ขอบคุณครับ อ้อแล้วก็ขอบคุณที่เชิญผมร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย แต่ว่า...”

     

                    “ไม่ต้องปฏิเสธหรอกมือปราบมารพอตเตอร์ ยังไงเธอก็ต้องมาอยู่ที่นี่คอยจับตาลูกสาวฉันเอาไว้ คุยกันก่อนเริ่มสักหน่อยก็ดี”

     

                    “คุ้มครองครับ ไม่ใช่จับตา” แฮร์รี่รีบแก้ แม้ว่าที่อีกคนพูดจะถูกเผงเลยก็ตามเถอะ

     

                    เดมิทริส กรีนกราสกลอกตา “ยังกับฉันจะไม่รู้ว่าโรบาดส์มันคิดยังไงอย่างนั้นแหละ”

     

                    คำพูดนั้นของเดมิทริสทำให้แฮร์รี่จำได้ว่าก่อนจะผันตัวออกมาทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย คุณกรีนกราสนี้แหละที่เป็นคู่หูของหัวหน้าเขาอยู่เป็นสิบปี

                    ...ก็ไม่แปลกหากจะรู้ทันกันแบบนี้...แฮร์รี่คิดพร้อมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

     

                    “แต่เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ส่งเด็กหนุ่มนิสัยดีอย่างเธอมา ถึงจะไม่ใช่ตระกูลเลือดบริสุทธิ์แต่คงมีมารยาททางสังคมมากพอและรู้ใช่ไหมว่าลูกสาวทั้งคู่ของฉันยังไม่ได้แต่งงานทั้งคู่” ตาสีเข้มมีแววดุดัน เหมือนจะเตือนเขาว่าอย่าคิดเชียวนะเหวย

     

                    แฮร์รี่ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลยสักนิด เขาจำทั้งคู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ เขารู้ว่าเดฟนี กรีนกราสเป็นเด็กสลิธีรินปีเดียวกับเขา ส่วนแอสเทอเรีย กรีนกราสเป็นเด็กบ้านเรเวนคลอเด็กกว่าเขาสองปี และข้อมูลนั้นก็รู้จากการค้นคว้าก่อนเริ่มงาน เดฟนีเป็นอดีตคู่หมั้นของวอลเตอร์ เรนฮาร์ท เธอถอนหมั้นเขาทันทีที่เกิดเรื่อง บอกว่าไม่อยากดองกับคนพรรค์นั้น ส่วนแอสเทอเรียเป็นคู่หมั้นกับเดรโก มัลฟอย ทั้งคู่ประกาศหมั้นหนึ่งปีหลังจบสงคราม ขณะที่แอสเทอเรียยังเป็นแค่เด็กนักเรียนปีเจ็ดที่ฮอกวอตส์ และผ่านมาเกือบห้าปีแต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ เดรโก มัลฟอยนั้นเก็บตัวเงียบหลังสงคราม ผันตัวมาคุมกิจการของตระกูลมัลฟอยแทนบิดา และใช้เวลาว่างค้นคว้าเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการเล่นเร่แปรธาตุจนมีชื่อในวงการ ส่วนแอสเทอเรียนั้นเลือกเส้นทางที่เป็นสายวิชาการกว่ามาก เธอเขียนหนังสือและค้นคว้าเกี่ยวกับมักเกิ้ลศึกษา แต่เธอก็เหมือนคู่หมั้นของเธอคือเธอไม่ชอบงานสังคม ภาพถ่ายของเธอที่เขาเห็นก็เป็นเพียงภาพงานการกุศลที่ถ่ายจากระยะไกล

                   

                    “ดี จำเอาไว้ล่ะ งั้นมาเริ่มคุยงานของเธอเถอะ” ชายสูงวัยผายมือไปที่เก้าอี้กลางห้อง เชื้อเชิญให้เขานั่งลง แฮร์รี่ทำตามง่ายๆ ยิ่งเขาพูดแผนออกไปยิ่งเร็วยิ่งดี อยู่กับเดมิทริสสองคนทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน ชายหนุ่มเล่าให้เจ้าของบ้านฟังว่าเขาวางแผนจะเริ่มจากเสริมคาถาความแข็งแกร่งของเขตเวทมนตร์ปกป้อง และให้คาถาส่งสัญญาณหาเขาทันทีที่มีมักเกิ้ลบุกรุกเข้ามา เดมิทริสเห็นด้วย แต่ก็เตือนเขาว่าแม้เวิร์ทวูดแมนชั่นจะหลบอยู่กลางป่า แต่นานๆทีก็มีมักเกิ้ลหลงทางเข้ามาเหมือนกัน ให้เขาระวังเรื่องนั้นด้วย แล้วปล่อยให้แฮร์รี่เล่าแผนต่อไปที่หน้าที่ของเขาทำให้เขาต้องพำนักใกล้ๆเวิร์ทวูดแมนชั่น เขาถามชายสูงวัยว่ามีที่ไหนบ้างไหมที่เขาพอจะกางเต้นท์ได้

                    “อยู่ทำไมในเต้นท์ มาอยู่ข้างในก็ได้”

     

                    ชายหนุ่มแทบจะอ้าปากค้าง พูดเล่นใช่ไหม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่

                    “ที่นี่มีห้องว่างตั้งเยอะ พวกเราอยู่กันแค่สามคนกับพวกเอลฟ์ ภรรยาฉันก็เสียไปนานแล้ว คนงานก็มีตึกแยกไป”

     

                    “จะดีเหรอครับ” แฮร์รี่ถามอย่างไม่แน่ใจ

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าฉันจับได้ว่านายย่องเข้าห้องลูกสาวฉันนะ...” เสียงเข้มขู่ทำให้แฮร์รี่รีบส่ายหน้า

     

                    “ไม่ทำหรอกครับ” ชายหนุ่มรีบตอบปฏิเสธ รู้แล้วหล่ะว่าหวงลูกสาวจริงจัง

     

                    “งั้นก็ตกลงตามนี้ แล้วฉันจะส่งจดหมายไปบอกโรบาดส์เอง เอาล่ะไปทานอาหารเย็นกันดีกว่าพอตเตอร์ เอลซี่บอกนายแล้วใช่ไหมว่าวันนี้จะเป็นเนื้อกวาง ฉันล่ามาเองด้วย” หัวหน้าตระกูลกรีนกราสชวนเขาคุยไปเรื่อยๆจนถึงห้องอาหารใหญ่

     

                    และเป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่ต้องมองรอบห้องอย่างตาค้าง ไอ้พวกคนรวยนี้มันก็รวยจริงๆเว้ย เขาคิดในใจ ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อเห็นสองร่างกำลังเดินผ่านประตูอีกด้านเข้ามา

                    ...พี่น้องกรีนกราสสินะ...

     

                    “เดฟนี แอสเทอเรีย อย่าเสียมารยาทสิ รีบมาทักทายแขก” เสียงของบิดาของหญิงสาวทั้งสอง เร่งให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาหาเขา เขาพิจารณาสองคนที่เดินเข้ามา

                    ...ไม่เหมือนกันเลย...เดฟนี พี่สาวนั้นผมสีบลอนด์อ่อน รูปร่างสูงโปร่งและสวยจัดแบบพวกนางแบบ ส่วนแอสเทอเรีย น้องสาวนั้นผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนบิดา และเตี้ยกว่าพี่สาวอยู่โข ที่จริงเธอก็ไม่ใช่คนเตี้ยหรอก หากแต่เมื่อยืนข้างๆร่างสูงโปร่งอย่างเดฟนีก็ทำให้แอสเทอเรียดูด้อยลงไปถนัดตา

     

                    “พอตเตอร์” แอสเทอเรียเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาก่อน แต่เมื่อชื่อเขาหลุดปากเธอก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเหมือนตกใจที่พูดออกไปแบบนั้น...ทำไมกัน นั้นก็ชื่อเขานี้...

                    “ฉันหมายความว่าสวัสดีค่ะมือปราบมารพอตเตอร์” หญิงสาวรีบแก้ตัวแล้วก้มศีรษะต่ำให้เขา แล้วยื่นมือออกไปตรงหน้า แฮร์รี่ทักเธอตอบพร้อมกับจับมือเธอมาเขย่า สายตาของหญิงสาวมีแววประหลาดใจเหลือล้น

     

                    “สวัสดีเช่นกันค่ะมือปราบมารพอตเตอร์” เดฟนีทักเขาต่อบ้าง เขาเองก็จับมือเดฟนีมาเขย่าพร้อมสวัสดีเช่นกัน เธอเองก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้นแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

     

                    “เขามาคุ้มครองเธอทั้งคู่ ลูกคงรู้แล้วใช่ไหมเรื่องจดหมายขู่ที่ส่งให้เรนฮาร์ทน่ะ” เดมิทริส กรีนกราสอธิบายหน้าที่ของแฮร์รี่คร่าวๆ รวมถึงบอกว่าเขาต้องมาอยู่ในแมนชั่นหลังนี้ตลอดเวลาด้วย และแฮร์รี่แน่ใจว่าเขาเห็นแอสเทอเรียกลอกตาพร้อมทำสีหน้ารำคาญแต่ทันทีที่เขาหันไปมองสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนกลับมาเป็นหน้าเรียบเฉยเจือรอยยิ้มน้อยๆเหมือนเดิมแล้ว

     

                    “พูดง่ายๆคือเราจะต้องมีการ์ดส่วนตัวตามต้อยๆไปไหนมาไหนเหรอคะ” เดฟนีถามเสียงสูงอย่างไม่พอใจ ส่วนแอสเทอเรียก็พยักหน้าสนับสนุนพี่สาว

     

                    “อ้ะๆ คราวนี้ว่าพ่อไม่ได้นะ พ่อไม่ได้สั่ง สำนักงานมือปราบมารเขาส่งมาเอง” คุณกรีนกราสพูดยิ้มๆ

     

                    “คุณพ่อก็สั่งให้เขากลับไปสินะ พวกหนูดูแลตัวเองได้” เดฟนีพูดพร้อมทำหน้าบึ้ง

     

                    “เอ่อ คงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ มือปราบมารไม่รับคำสั่งของใครนอกจากหัวหน้าสำนักงานนะครับ แล้วผมมาเพื่อความปลอดภัยของคุณนะครับคุณเดฟนี” แฮร์รี่อธิบายอย่างใจเย็นพร้อมเตือนตัวเองว่าถ้าเขาทำเสียเรื่องเขาต้องถูกส่งไปแผนกจราจรแน่ๆ        

     

                    “นานๆทีจะเห็นคนอย่างคุณทำตามกฎกับเขานะคะ” และเมื่อเขาหันมองไปที่คนพูดนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจมากยิ่งขึ้น แอสเทอเรียยกมุมปากยิ้มขึ้นแบบที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นบนใบหน้าคนอื่นได้อีกนอกจากใบหน้าของเดรโก มัลฟอย ดูเหมือนหญิงสาวจะเรียนรู้หนึ่งหรือสองอย่างมาจากคู่หมั้นของเธอนะ

     

                    “แอสเทอเรีย!” ทั้งเดฟนีทั้งเดมิทริสร้องเสียงหลงอย่างตกใจ และดูเหมือนทำให้แอสเทอเรียรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เธอรีบก้มศีรษะขอโทษเขา แก้มใสเจือสีชมพูอย่างอาย

     

                    “เอาล่ะมือปราบมารพอตเตอร์ ผมขอโทษแทนแอสเทอเรียด้วย ส่วนเดฟนี ลูกคงได้คำตอบแล้วว่าพ่อสั่งเขาไม่ได้ แล้วนี้ก็ออกจะเป็นเรื่องดีที่มีคนมาช่วยดูแลลูก ยิ่งหลังจาก...” แต่แทนที่ชายสูงวัยจะพูดต่อเขากลับปิดปากลงทันทีพร้อมกับเหลือบมองแฮร์รี่เหมือนนึกได้ว่ามีคนนอกอยู่ด้วย

     

                    ...ยิ่งหลังจากอะไร...แฮร์รี่คิดในใจ

     

                    “เอาละ ไปที่โต๊ะกันเถอะ พวกเอลฟ์จัดโต๊ะรอเอาไว้แล้ว” เดมิทริสเดินนำทั้งสามคนไปที่โต๊ะยาวกลางห้อง ที่มีที่นั่งอย่างน้อยยี่สิบกว่าที่ แต่พวกเขามีกันเพียงแค่สี่คน แน่นอนว่าในฐานะเจ้าบ้าน เดมิทริสต้องนั่งที่หัวโต๊ะ ลูกสาวสองคนนั่งด้านขวามือของบิดา และฝั่งตรงข้ามก็คือแฮร์รี่ เป็นอีกครั้งที่เขาได้พิจารณาสองพี่น้องกรีนกราสชัดๆ ทั้งคู่กริยามารยาทหมดจดงดงามเหมือนพวกสายเลือดบริสุทธิ์ตระกูลสูงทั้งหลาย ขณะที่เดฟนีคุยกับบิดาอย่างออกรส แอสเทอเรียก็นั่งทานเงียบๆ ตาสีเข้มเงยขึ้นมามองเขาเป็นระยะๆ และที่ทำให้เขาประหลาดใจคือแววตาเธอเหมือนเธอรู้จักเขา ทั้งๆที่เขาแน่ใจว่านี้เป็นครั้งแรกที่เขาเคยคุยกับเธอ เขาอาจจะเคยเดินผ่านเธอในฮอกวอตส์แต่เขาไม่เคยจดจำแม้แต่หน้าหรือชื่อของเธอ สำหรับเขาแล้วเธอคงเป็นหนึ่งในพวกหนอนหนังสือบ้านเรเวนคลอที่เดินไปเดินมาโดยมีหนังสือเป็นตั้งอยู่ในอ้อมอก

                    อาหารมื้อนั้นทำให้เขารู้จักบ้านกรีนกราสเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ท่านเดมิทริสที่ปกติจะดูน่ากลัวกลับเป็นคนอารมณ์ดีเมื่ออยู่กับลูกสาวทั้งสอง พวกเขาทั้งสามคุยเกี่ยวกับบ้านตระกูลอื่นเหมือนเป็นเรื่องปกติ ดูเหมือนว่าพวกตระกูลเลือดบริสุทธิ์ทั้งหลายจะยังคงสนิทแน่นแฟ้นกันเป็นอย่างดี ส่วนแฮร์รี่ก็เออออและคอยตอบโต้เมื่อโดนถามเท่านั้น เขายังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลาของมื้ออาหาร

     

                    “คุณอยากกินนี้เหรอครับ” แฮร์รี่ถามหญิงสาวผมสีเข้มที่ตอนนี้มองพายฟักทองในจานเขาเสียตาเป็นมัน เมื่อเลื่อนมองไปที่จานของหญิงสาวก็เห็นว่าเธอจัดการชิ้นของเธอเสียจนเรียบแล้ว ทำไมถึงไม่เรียกให้เอลฟ์ยกมาให้เพิ่มเล่าแฮร์รี่คิดอย่างฉงน

     

                    “ปะ...เปล่าค่ะ” แอสเทอเรียพูดตอบอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าหวานนั้นเจือสีชมพูอีกแล้ว เหมือนเด็กๆที่โดนจับได้ว่าทำไมผิด

     

                    “แอสเทอเรียทานของหวานเยอะๆไม่ได้หรอกคุณพอตเตอร์ เธอสุขภาพไม่ค่อยดี แล้วลูกสาวผมคนนี้ก็ไม่ค่อยชอบของหวานด้วย” เดมิทริสพูดอธิบายต่อ ส่วนชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าตอบรับ แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ไม่ชอบของหวานเหรอ แต่ท่าทางตอนกินพายฟักทองอย่างมีความสุขแบบนั้นคืออะไรเล่าแอสเทอเรียหญิงสาวช่างเป็นคนที่มีแต่ความน่าประหลาดใจเต็มไปหมด

     

    ##############################################################################

     

                    เดรโกสาวเท้าให้เร็วขึ้น แต่เพราะกระโปรงแคบๆนี้แหละที่ทำให้เขาไม่สามารถก้าวฉับๆและเดินได้เร็วเฉกเช่นปกติ ให้ตายสิผู้หญิงเดินได้ยังไงกันนะในกระโปรงแคบๆแบบนี้ ชายหนุ่มคิดในใจ มืออยากยกชายประโปรงขึ้นแล้วเดิน แต่รู้ว่านั้นไม่มีทางเป็นสิ่งที่แอสเทอเรียทำแน่นอน

                    ...แต่เขาก็ไม่ใช่แอสเทอเรียเสียหน่อย...ชายหนุ่มคิดในใจ อย่างน้อยๆเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดๆแล้ว อาหารเย็นเป็นหายนะอย่างสุดๆ เดรโกแน่ใจว่าพอตเตอร์ต้องสงสัยอะไรแน่ๆ หมอนั้นเล่นจ้องเขาไม่วางตา โอเคเขาอาจจะมีส่วนผิดนิดหน่อยที่เริ่มจากจ้องพอตเตอร์ก่อน แต่เพราะใครจะไปคิดว่าชาตินี้เขาจะได้มาร่วมโต๊ะกินข้าวกับพอตเตอร์ (แล้วมารยาทบนโต๊ะอาหารของหมอนั้นก็ทำให้เขาอยากจะจิกหัวยุ่งๆนั้นมาเข้าคอร์สเร่งรัดสอนวิชาการใช้ช้อนและส้อมเสียจริงๆ) แถมยังคุยกันเหมือนคนปกติโดยไม่มีการจิกกัดด่าทอเหมือนเคย แม้ว่าหลังสงครามพวกเขาจะญาติดีต่อกันขึ้นมากก็เถอะ แต่ทั้งเขาทั้งพอตเตอร์ก็ยังอดทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเวลาเจอหน้ากันไม่ได้ เข้าใจไหมว่านิสัยเก่าๆมันแก้ยาก

                    แล้วนี้เขาต้องอยู่ในร่างแอสเทอเรียโดยมีพอตเตอร์จับตาไปไม่รู้อีกนานแค่ไหน ใจหนึ่งก็ภาวนาให้แอสเทอเรียรีบกลับมาเสียที อีกใจหนึ่งก็ก่นด่าตัวเองที่ยอมทำตามแผนบ้าๆนี้ แผนที่ขนาดปกติก็ดูท่าจะเหลวเป๋วไม่เป็นท่า แล้วยังไม่นับว่าต้องมารับมือกับมือปราบมารอย่างพอตเตอร์อีก เขารู้สึกอยากตะโกนให้สุดเสียงหรืออย่างน้อยๆก็หนีออกไปจากเวิร์ทวูดกลับบ้านเสียที และนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เดรโกรีบเร่งฝีเท้าอยู่ตอนนี้ อีกนิดเดียวก็จะถึงห้องนอนของแอสเทอเรียแล้ว ทำไมเวิร์ทวูดมันต้องใหญ่ขนาดนี้ด้วยว้า

     

                    เสียงฝีเท้าวิ่งไล่หลังมาทำให้เดรโกต้องหันไปมองว่าใครกัน แต่เมื่อเห็นเสื้อคลุมสีเลือดหมูของมือปราบมารชายหนุ่มก็พยายามจะก้าวให้เร็วมากขึ้น เขากำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพอดีกับที่พอตเตอร์วิ่งตามมาทัน

                    “คุณแอสเทอเรียครับ”

     

                    เดรโกแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วพยายามจะเดินเข้าห้องนอนไป แต่พอตเตอร์กลับยื่นมือมาคว้าข้อมือเขาไว้ บังคับให้เขาหันหน้ามาเผชิญหน้ากับตน และนี้เป็นครั้งที่สองที่เดรโกหงุดหงิดที่แอสเทอเรียช่างเตี้ย เพราะถ้าเป็นเขาอย่างน้อยๆเขายังสามารถเชิดหน้ามองพอตเตอร์จากปลายจมูกได้ แต่เมื่อเป็นแอสเทอเรียเขากลับต้องเงยหน้าของอีกคนเป็นครั้งที่สองของวัน

                    “นี้ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้คุณเรียกชื่อจริงเลยนะ!” เดรโกหลุดปากออกไปก่อนที่จะได้คิด แล้วต้องยกมือมาปิดปากตัวเอง

                    “เอ่อ ฉันหมายความว่าคุณพอตเตอร์มีอะไรรึเปล่าคะ”

     

                    ตาสีเขียวมองเขาเหมือนเขาเป็นตัวประหลาดหรืออะไรสักอย่าง

                    “คือผม...” พอตเตอร์พูดตะกุกตะกักอีกแล้ว เดรโกคิดอย่างรำคาญใจ หมอนั้นเป็นบ้าอะไรนะ ทีตอนปกติเวลาด่าเขาล่ะก็ปากหมอได้โล่เชียว

                    “ผมเคยรู้จักคุณรึเปล่าครับ”

     

                    เดรโกกระพริบตาถี่ๆ ความกลัวแล่นไปทั้งร่าง เวรแล้วไง พอตเตอร์มันต้องรู้สึกอะไรแน่ๆ

                    “คุณหมายความว่ายังไงคะ” ชายหนุ่มแกล้งโง่สักครั้ง เอาวะเผื่อฟลุ๊คได้ผล

     

                    “เอ่อคือคุณ...มองผมเหมือนคุณมีอะไรอยากพูดกับผม ตลอดเวลาอาหารเย็น” พอตเตอร์เกาหลังหู ท่าทางที่หมอนั้นชอบทำตอนประหม่า

                    “เป็นเรื่องคดีรึเปล่าครับ” ตาสีเขียวมองเขามาจากหลังแว่น

     

                    ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก ดูเหมือนว่าพอตเตอร์จะยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเดมิทริสสั่งให้ตามล่ามักเกิ้ล เขาแน่ใจว่าท่านเดมิทริสต้องปิดเรื่องนี้กับสำนักงานแน่ๆ คงตั้งใจจัดการเองเงียบๆ แต่ถ้าเผื่อพอตเตอร์จะช่วยได้ล่ะ ยังไงหมอนั้นก็เป็นมือปราบมารนะ เผื่อจะช่วยตามหา...แต่คิดแล้วเดรโกต้องหยุด ถ้าเจอเรื่องทุกอย่างก็จะแดง และเขาไม่แน่ใจว่าสำหรับเดมิทริสระหว่างลอบทำร้ายลูกสาวหรือว่าลักลอบพลอดรักลูกสาวอันไหนแย่กว่ากัน

                    “ไม่มีค่ะ” คิดแล้วเดรโกก็รีบตอบออกไป

                    “แล้วขอตัว—“ แต่ก่อนที่เดรโกจะพูดจบกำไลข้อมือของเขาก็สั่นน้อยๆ เขามีเวลาสิบนาทีก่อนที่ร่างเขาจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเดรโก มัลฟอย ชายหนุ่มคิดอย่างตระหนก

                    “ขอตัวก่อนนะคะ” เดรโกพยายามจะแกมือของแฮร์รี่ออก แต่อีกคนไม่ปล่อยง่ายๆ สายตาของมือปราบมารหนุ่มจ้องหน้าเขาตรงๆ

     

                    “ตาของคุณข้างนึงเป็นสีเทา” ชายหนุ่มผมดำพูดออกมาเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้ว

                   

                    คำพูดนั้นยิ่งทำให้เดรโกตกใจมากขึ้น ซวยแล้วไง เมื่อเดรโกตระหนกสมองของเขามักสั่งให้เขาทำอะไรแปลกๆ อย่างเช่นการตีเข่าใส่จุดกลางตัวของชายตรงหน้าเขา เสียงพอตเตอร์ร้องลั่น มือที่กุมข้อมือเขาไว้ปล่อยออกทันทีและเดรโกก็รีบหมุนตัวเข้าห้องแล้วล๊อคประตู ก่อนจะรีบถอดเสื้อผ้าออกแล้วใส่ชุดของเดรโก มัลฟอย

                    ส่วนพอตเตอร์...เดรโกคิดพร้อมย่นจมูกอย่างสงสารในฐานะผู้ชายด้วยกัน หวังว่าคงมีเอลฟ์ประจำบ้านมาพบเข้านะ เอาเป็นว่าเขาค่อยขอโทษตอนเจอกันครั้งหน้าละกัน ตอนนี้เขามีเรื่องต้องคุยกับเพื่อนตัวดีอย่างเดฟนี กรีนกราส

     

    ############################################################################

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×