ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hollow Hearted (Harry Potter/Draco Malfoy)

    ลำดับตอนที่ #8 : Happy House

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 63


    แฮร์รี่หายตัวมาที่ลอนดอนตั้งแต่เช้า เมื่อคืนเขาแทบจะนอนไม่หลับ หลายเรื่องที่เขาต้องคิด แน่นอนแฮร์รี่ยังคงโกรธหนุ่มผมบลอนด์ที่ปิดบังเขาตั้งแต่แรก ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวรู้ว่าลอร์ดโวลเดอร์มอร์ฟื้นคืนชีพกลับมาจริง บางทีกษัตริย์อัลบัสอาจจะรู้อะไรบางอย่างถึงได้ส่งให้เขามาหามัลฟอย แล้วดูเหมือนว่าไม่ว่าเขาจะแทบไม่เชื่อใจมัลฟอยแค่ไหน แต่เขาก็ต้องผูกติดกับอีกคนไปจนกว่าจะเข้าถึงตัวลอร์ดโวลเดอร์มอร์ได้ เรื่องโวลเดอร์มอร์ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาปวดหัว คำสั่งของกษัตริย์ให้เขาสืบเรื่องนี้อย่างลับที่สุด อัลบัสกำลังป่วยหนักและกษัตริย์ชราของเขาไม่มีทายาท แล้วถ้าหากมีข่าวหลุดรอดออกมาว่าหนึ่งในคนที่มีสายเลือดกษัตริย์กลับมาตอนนี้ เขาแน่ใจว่าทุกคนจะเห็นชอบที่จะให้ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ครองบัลลังก์ เขาไม่สามารถยกกำลังพลบุกปราสาทของเหล่าผู้ที่สนับสนุนโวลเดอร์มอร์ได้ แล้วไม่แม้แต่จะขอตรวจค้นบ้านพวกเขาเพื่อหาคนที่เพิ่งฟื้นจากความตาย และกำลังเสริมที่เขามีตอนนี้...

    ...ก็คือเพื่อนสนิทสองคน...ที่คนหนึ่งท้องโต และอีกคนก็ยุ่งกับร้านค้าของตระกูลและไม่มีวันอยู่ห่างจากภรรยาเกินสองเมตร 

     

    แฮร์รี่เดินไปตามถนนปูอิฐผ่านชาริ่งครอส เสียงของรถม้าดังก้องถนน เด็กผู้ชายอายุไม่เกินสิบห้าปีวิ่งไปตามตึกแถว ลอนดอนยังคงวุ่นวายเหมือนเคย แฮร์รี่ต้องคอยหลบผู้คนที่เดินเหมือนไม่สนใจคนอื่น ก่อนจะถึงจุดหมาย ชายหนุ่มหลบเข้าไปในตรอกลับตาคน ก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์มาเคาะที่กำแพงอิฐตรงหน้า ก่อนที่กำแพงนั้นจะจัดเรียงตัวใหม่เป็นทางเข้า ชายหนุ่มรีบเร่งก้าวเข้าไปในทางเปิด ถนนเล็ก ๆ ที่เขาเดินเข้ามาอยู่ไม่ห่างจากตรอกไดแอกอนแต่กลับเงียบสงบต่างจากเขตค้าขาย เขารู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาเลือกบ้านที่นี่เพราะเหตุผลนี้แหละ รอนสามารถเดินไปที่ร้านในตรอกวุ่นวายนั่นได้ และเฮอร์ไมโอนี่สามารถเขียนหนังสือจากบนบ้านที่เงียบสงบ

     

    แฮร์รี่ดูนาฬิกา เขาไม่ได้มาเช้าเกินไป และไม่ได้สายเกินไปด้วย ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่คงตื่นแล้ว และรอนคงยังไม่ออกไปเปิดร้าน ชายหนุ่มเคาะประตูเบา ๆ รอให้ประตูเปิด ก่อนที่หนุ่มผมแดงเจ้าของบ้านจะโผล่หน้าออกมา แล้วหัวเราะร่าทันทีที่เห็นว่าใครอยู่อีกฝั่งของประตู

     

    “เฮอร์ไมโอนี่ ทายสิใครมาเยี่ยมเรา” รอนตะโกนพร้อมกับเปิดประตูกว้างให้แฮร์รี่เดินเข้าไป ทั้งบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของชา เวลาอาหารเช้าสินะ เขากอดทักทายเพื่อนสนิท 

    “ให้ตายสิแฮร์รี่ กำลังเป็นห่วงอยู่เลยว่านายเป็นไงบ้าง” รอนรุนหลังเขาให้เดินเข้าไป “ทานอะไรมารึยังพวก”

     

    “ยังเลย ไม่ค่อยหิวน่ะ” แฮร์รี่ตอบกลับ ความหนักใจจากทุกเรื่องทำให้ความรู้สึกหิวของเขาเป็นศูนย์ 

     

    “พูดงั้นได้ไง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เดี๋ยวฉันทำแพนเค้กให้นายเอง แม่เพิ่งส่งเนยสดกับน้ำผึ้งมาจากบ้านโพรงกระต่ายด้วย”

     

    “แฮร์รี่ โอ๊ยดีใจจังที่เธอมา” เฮอร์ไมโอนี่เดินอุ้ยอ้ายออกมาจากห้องครัว เธอพยายามเขย่งเท้ากอดเขา ทำให้แฮร์รี่ต้องทำตาโตห้ามเธอยกใหญ่ แล้วยื่นมือให้เธอเกาะเพื่อเดินกลับไปที่โต๊ะ หญิงสาวนั่งลงก่อนจะตบมือลงที่เก้าอี้ข้างตัว และแฮร์รี่ไม่รอช้าที่จะนั่งลงข้างเธอ 

    “เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม” เธอถาม 

     

    เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนช่วยเขาหาข้อมูลเกี่ยวกับมัลฟอย แล้วยังเรื่องการแต่งงาน เธอรู้ทุกอย่าง แต่เขาไม่รู้ว่าจะตอบเธอว่าอย่างไรดี มันผ่านไปไม่กี่วันก็จริงแต่มีเรื่องเกิดเต็มไปหมด

    “งานแต่งเรียบร้อยดี แอนโดรเมด้าช่วยเอาไว้เยอะเลย” 

     

    “เขาไม่ได้โวยวายใช่ไหม” เธอย่นจมูก 

     

    แฮร์รี่ส่ายหน้า “เดร—มัลฟอยทำตามที่เราตกลงกันทุกอย่าง” 

     

    “ทุกอย่าง หมายความว่า—” พูดจบเธอก็ยกมือขึ้นมาอุดปาก 

    “เล่ามาให้หมดเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ให้ตายสิปากกาขนนกฉันอยู่ไหน ไม่มีใครเคยเขียนเรื่องพิธีแต่งงานของพวกเลือดบริสุทธิ์เลย นายจะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีแฮร์รี่” 

     

    “ยินดีเป็นแหล่งข้อมูลให้เธอนะเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดพร้อมกับวางมือห้ามไม่ให้เธอเรียกปากกาขนนกของเธอ “แต่ไม่ใช่ตอนนี้ งานแต่งเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วกับเรื่องหลังจากนั้นเลย”

     

    เธอสังเกตสีหน้าเขาได้ทันที รอยยิ้มของเธอหายไป “เกิดอะไรขึ้น” 

     

    “ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วน่ะสิ”

     

    เคร้ง เสียงจานแตก เขากับเฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปมองคนข้างหลัง รอนทำตาโตมือข้างหนึ่งถือตะหลิวอีกข้างคงเป็นมือที่เคยถือจานเอาไว้ ชายหนุ่มทำตาโต ก่อนจะรีบปิดเตาแล้วยกแพนเค้กลงมาวางหน้าแฮร์รี่ทั้ง ๆ ที่อยู่บนกระทะ

     

    “มีหลักฐานแล้วเหรอ” รอนถามเสียงสั่น เขาโตขึ้นมากับเรื่องเล่าของสงครามกบฏครั้งนั้น ไม่แปลกใจที่รอนจะมีท่าทางตระหนกที่สุดในพวกเขาสามคน แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่โตขึ้นมากับพวกมักเกิ้ล สำหรับพวกเขาสงครามเป็นเพียงบทเรียนในประวัติศาสตร์ 

     

    เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ โบกไม้กายสิทธิ์เปลี่ยนกระทะตรงหน้าเป็นจานดี ๆ ให้แฮร์รี่ 

     

    “ใช่” 

     

    “นายเห็น—” 

     

    แฮร์รี่ส่ายหน้า “เปล่า ฉันไม่เห็น แต่ฉันฟังมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้” 

     

    “ใคร” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

     

    แฮร์รี่คิดจะเก็บชื่อคนที่บอกเป็นความลับ แต่เขารู้ดีกว่านั้น เขาไม่เคยโกหกเฮอร์ไมโอนี่ได้ ไม่ช้าก็เร็วเธอก็มีวิธีล้วงเอาความจริงจากเขาไปอยู่ดี

    “เดรโก มัลฟอย” 

     

    “ไอ้หน้าหนู—” 

     

    “รอน” เฮอร์ไมโอนี่เตือนสามี ก่อนจะหันมาทางแฮร์รี่อีกครั้ง “เขาว่ายังไง” 

     

    “เขายืนยันว่าโวลเดอร์มอร์ฟื้นขึ้นมาแล้ว”

     

    “เขาบอกรึเปล่าว่ายังไง” เธอถามเขาต่อ 

     

    ชายหนุ่มพยักหน้า ขมวดคิ้ว นี้แหละสาเหตที่เขามาหาเธอ “หินชุบชีวิตกับเวทมนตร์เลือด พวกเขาใช้เวทมนตร์เลือดน่าจะสังเวยใครสักคนเพื่อเอาโวลเดอร์มอร์คืนมา พร้อมกับใช้หินชุบชีวิตทำให้เขาไม่กลายเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจ เดรโกยืนยันว่าเขากลับมาเหมือนสมัยที่เขาเรืองอำนาจสุด ๆ ไม่มีผิด” 

     

    “นายเรียกเดรโก—” 

     

    “รอนนี่ไม่ใช่เวลามาตกใจเรื่องเล็กๆ” เฮอร์ไมโอนี่เตือนสามีอีกครั้ง 

     

    “ให้ฉันตกใจเรื่องเล็ก ๆ ไปเถอะน่าเฮิร์ม ให้ตายสิไม่อย่างนั้นฉันต้องคิดว่าโวลเดอร์มอร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับทำหน้าแขยงแล้วยกแขนกอดตัวเอง

     

    เธอทำหน้าเหนื่อยใจ แต่ริมฝีปากก็ยังมีรอยยิ้ม นี้แหละสาเหตที่พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความสัมพันธ์ของเพื่อนรักทั้งสองของเขา

    แต่เพียงแว่บเดียวเธอก็หันกลับมามองหน้าเขา พร้อมมีสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง 

    “ที่มัลฟอยเล่ามานั้นดูไม่ดีเลย”

     

    แฮร์รี่พยักหน้า “ใช่ ถ้าเขากลับมาได้ครั้งหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าถึงเราจัดการเขาได้คราวนี้ เขาจะยังกลับมาได้อีกรึเปล่า” 

     

    “ฉันเป็นห่วงตรงหินชุบชีวิตมากกว่า” เธอมองมือตัวเองอย่างครุ่นคิด คิ้วสีเข้มขมวดมุ่น เฮอร์ไมโอนี่ฉลาดกว่าเขาเสมอ ที่จริงเธอฉลาดกว่าทุกคนที่เขาเคยรู้จัก ฉลาดเสียจนเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เรียนวิทยาลัยเวทมนตร์ชั้นสูงในรอบสิบปี เธอทำให้อาจารย์ใหญ่อย่างมักกอลนากัลป์ภูมิใจที่เลือกอุปการะเด็กหญิงจากตระกูลมักเกิ้ล แล้วเอาชื่อเสียงของเธอเป็นเดิมพันให้เฮอร์ไมโอนี่สามารถซื้อไม้กายสิทธิ์ได้ 

    “มีอยู่สองหินที่ทำสิ่งที่เธอเล่าให้ฟังได้” หญิงสาวพูดต่อ “แล้วอันหนึ่งเป็นข่าวร้ายกว่าอีกอันมาก เธออยากจะฟังอันไหนก่อน” 

     

    “ข่าวดีสิเฮอร์ไมโอนี่” รอนตอบแทนเขา 

     

    เธอกลอกตาแล้วตอบ “โอเค อันหนึ่งอาจจะเป็นศิลาอาภรรพ์ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์จากพวกนักเล่นแร่แปรธาติที่รวมเวทมนตร์เก่าแก่เข้ากับหินที่เชื่อว่ามาจากเมอร์ลิน”

     

    “เปลี่ยนโลหะเป็นทอง” รอนพูดต่อ

     

    “ใช่ และมีความสามารถในการชุบชีวิตคนด้วย เขาเล่ารึเปล่าว่าพิธีการชุบชีวิตทำยังไงบ้าง” 

     

    แฮร์รี่ส่ายหน้า

     

    “แย่หน่อย ไม่อย่างนั้นเราคงรู้ว่าเป็นศิลาอาภรรพ์รึเปล่า เพราะตัวศิลาต้องถูกบดแล้วผู้ถูกชุบชีวิตต้องดื่มน้ำยาที่มีส่วนผสมของศิลา แล้วเขาจะต้องดื่มมันไปตลอดเพื่อให้มีชีวิตไม่แก่ไม่ตาย” 

     

    “นั่นคือข่าวดีของเธอเหรอ เขามีศิลาอาถรรพ์” รอนถามเสียงหลง 

     

    “ใช่เพราะอีกหินหนึ่งน่ะข่าวร้ายกว่ามาก”

     

    แฮร์รี่ได้ยินหนุ่มผมแดงพึมพำอะไรอย่าง ร้ายกว่าอีกเหรอ แล้วก็อยากตื่นแล้วอะ 

     

    “อีกอันคืออะไร” แฮร์รี่ถาม 

     

    “หินชุบวิญญาณหนึ่งในเครื่องรางยมทูต แฮร์รี่นายชินกับเรื่องเล่าของบีดเดิ้ลยอดกวีขนาดไหน” เฮอร์ไมโอนี่ถามเขา 

     

    แฮร์รี่สั่นหน้า

     

    “งั้นไม่เป็นไร แล้วตระกูลเพฟเวอร์เรลล่ะ” 

     

    “เธอหมายถึงกฎของเพฟเวอร์เรล” นี่เป็นครั้งที่สองในรอบไม่กี่วันที่เขาได้ยินชื่อนี้ 

     

    หญิงสาวคลี่ยิ้ม “ดีใจที่เธอไม่หลับตลอดชั่วโมงประวัติศาสตร์เวทมนตร์” 

     

    ชายหนุ่มขยับตัวอย่างรู้สึกผิด เขาไม่กล้าบอกเธอเหรอว่าเขาเพิ่งได้ยินจากเดรโกมาไม่กี่วันก่อน เขายังไม่อยากถูกเธอดุว่าเขาลืมทุกอย่างจากสมัยเรียน

     

    “แล้วก็ใช่ตระกูลเพฟเวอร์เรล จากกฎของเพฟเวอร์เรลนั้นแหละ เรื่องของเรื่องก็คือ เครื่องรางยมทูตที่ตระกูลเพฟเวอร์เรลได้รับมาจากยมทูตมีสามชิ้น” เธอเน้นคำว่ายมทูต “หนึ่งไม้กายสิทธิ์ที่มีอำนาจจนไม่มีใครเอาชนะได้ สองหินชุบวิญญาณ และสามผ้าที่ทำให้ยมทูตมองเธอไม่เห็น แล้วตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ก็ใช้วัตถุเวทมนตร์ทั้งสามสร้างกฎของเพฟเวอร์เรลขึ้น กฎที่ไม่มีใครสามารถยกเลิกหักล้างหรือไม่ทำตามได้ กฎที่ผูกพันแม้คนสร้างจะตายไปแล้วก็ตาม ว่ากันว่าเครื่องรางยมทูตทั้งหมดถูกทำลายลงหลังจากที่แอนติโอก เพฟเวอร์เรลล์สถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์แห่งเขตแดนเวทมนตร์อังกฤษคนแรก”

     

    “ถ้ามันถูกทำลายแล้ว—” 

     

    “ฉันไม่คิดว่ามันถูกทำลายน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่มองเขานิ่ง 

    “แล้วก็หลาย ๆ คนด้วยเชื่อว่าพวกเพฟเวอร์เรลล์ซ่อนเครื่องรางยมทูตเอาไว้ แทนที่จะทำลาย แต่ก็ไม่มีใครเคยออกมายืนยันว่าเจอหนึ่งในเครื่องราง” 

     

    “แต่เธอคิดว่ามันอาจจะใช่”

     

    เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า “หินชุบวิญญาณสามารถนำวิญญาณคนตายกลับมาได้ แต่นายต้องมีร่าง แล้วนั่นคือสิ่งที่เวทมนตร์เลือดทำ สร้างร่างไว้รองรับวิญญาณ แต่มันเป็นข่าวร้ายกับนายมากกว่าศิลาอาถรรพ์มาก” เธอกลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ “เพราะสิ่งเดียวที่ทำร้ายสิ่งที่ถูกชุบชีวิตโดยหินชุบวิญญาณคือเครื่องรางยมทูตอีกอัน ถ้าเขาถูกชุบชีวิตด้วยวิธีนี้จริง ๆ ทางเดียวที่นายจะเอาชนะลอร์ดโวลเดอร์มอร์คือนายต้องหาไม้เอลเดอร์ ไม้กายสิทธิ์ที่ไม่มีใครเอาชนะได้” 

     

    แค่ได้ยินก็ปวดหัวแล้ว “เรามีเบาะแสอะไรบ้าง” 

     

    เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า “ไม่มีเลย ถ้าเป็นเครื่องรางยมทูตนะ” 

     

    “แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว 

     

    หญิงสาวเม้มปาก “เธอรู้ใช่ไหมฉันทำงานวิจัยเกี่ยวกับอดีตพระสวามีของกษัตริย์อัลบัส”

     

    “เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ใช่ฉันรู้” แฮร์รี่พยักหน้า “เขาพยายามก่อกบฏ ปลงพระชมน์จนตอนนี้ยังถูกจองจำที่อัซคาบันนี่” และนี่เป็นสาเหตที่ทำให้กษัตริย์อัลบัสไม่มีทายาท กษัตริย์ของเขาไม่เคยแต่งงานใหม่หลังจากที่ต้องสั่งขังอดีตพระสวามีของตัวเอง

     

    “เขาเชื่อในเครื่องรางยมทูต แล้วเขาก็ตามหามัน” 

     

    “เจอ—”

     

    “ไม่...ไม่รู้” หญิงสาวถอนหายใจ “บันทึกของเขาขาดตอน และทางวังไม่ให้ฉันสัมภาษณ์เขา แต่เขาใช้เวลาเป็นสิบปีค้นคว้าเรื่องพวกนี้”

     

    “เขาอาจจะบ้าก็ได้” รอนเถียง 

     

    “กษัตริย์อัลบัสก็ด้วย” หญิงสาวตอกกลับ คราวนี้ทั้งเขาและรอนมองหน้ากัน อัลบัส ดัมเบิลดอร์ไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล “แล้วเขาก็พยายามบอกให้ฉันหยุดเขียนวิจัยเรื่องนี้หลังจากรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่”

     

    แฮร์รี่ยกมือขึ้นมากุมศีรษะ สูดหายใจลึก 

    “เอาล่ะ เราจะเริ่มจากสมมุติฐานที่แย่น้อยกว่าก่อน ศิลาอาถรรพ์--”

     

    “ไม่ฉันว่านายต้องกลับไปที่ข่าวของนายมากกว่า มันมาจากเดรโก มัลฟอยนะพวก” รอนพูดขัด “แล้วเราก็รู้ว่าเขาไว้ใจไม่ได้” 

     

    “ใช่ฉันรู้เขาไว้ใจไม่ได้” แฮร์รี่ตอบรับ รู้สึกเจ็บลึก ๆ เขาต้องระวังเดรโกมากกว่านี้ แต่...

    “แต่ฉันว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้โกหก”

     

    “นายไม่รู้หรอก หมอนั่นเป็นพวกเอิร์ลนะ พวกนั้นเรียนวิธีสกัดใจเพื่อจะได้โกหกหน้าตายตั้งแต่เกิด” 

     

    เดี๋ยวนะ เขาเป็นคนเดียวในโลกรึเปล่าที่ไม่รู้ว่าสกัดใจคืออะไร ขนาดรอนยังรู้เลยเหรอ ให้ตายสิ บางทีการศึกษาของเขาอาจจะมีปัญหาจริง ๆ ด้วย 

     

    “แต่เขาจะได้อะไรจากการโกหกแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามกลับ เขารักเธอชะมัด 

     

    “ไม่รู้สิ ได้ขู่ให้กลัวมั้ง แบบเฮ้จอมมารกลับมาแล้ว นายทำอะไรไม่ได้หรอก” 

     

    “เธอกับฉันแล้วก็เดรโก มัลฟอยรู้จักแฮร์รี่คนเดียวกันรึเปล่าเนี่ย” หญิงสาวหรี่ตาดูสามีของตัวเอง “มัลฟอยไม่ได้ไม่รู้จักแฮร์รี่นะ เขาต้องรู้อยู่แล้วถ้าบอกไปว่าโวลเดอร์มอร์คืนชีพ แฮร์รี่ไม่มีวันถอย แล้วจะยิ่งตามติดกว่าเดิมด้วย เขามีแต่เสียกับเสียที่เล่าให้แฮร์รี่ฟัง หนึ่งแฮร์รี่รู้ว่าเขาเป็นวงใน สองถ้าโวลเดอร์มอร์รู้ว่าเขาแพร่งพรายให้ศัตรูเขาไม่รอดแน่ แล้วสามคราวนี้แฮร์รี่กัดเรื่องโวลเดอร์มอร์ไม่ปล่อยแน่นอน” 

     

    รอนถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “หรือเขาอาจจะพูดเพื่อให้แฮร์รี่เชื่อใจเขา” 

     

    “ไม่ เขารู้อยู่แล้วว่าถ้าเขารู้เรื่องแล้วไม่เล่าให้ฉันฟังตั้งแต่แรกแต่เป็นตอนนี้ฉันจะต้องสงสัยสิ่งที่เขาพูดตลอดไป” แฮร์รี่ตอบให้แทน เพราะเขารู้ว่าตัวเขาคิดอย่างไร แล้วเขาก็รู้ว่าเดรโกเองก็รู้จักเขาดีพอควร “เขาไม่ได้โกหกเชื่อฉันเถอะ ไม่ใช่แค่เขาไม่ได้อะไร แต่วิธีที่เขาเล่า— นายเชื่อเถอะว่าเขาไม่ได้โกหก” เขายังคงเห็นใบหน้าขาวซีดที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังเมื่อคืน มือที่ตบเขาเพราะเขาพูดอะไรสักอย่าง หนุ่มผมทองอาจจะปลิ้นปล้อน และไม่จริงจังกับเขาในหลาย ๆ ครา แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ความกลัว ความตระหนก แล้วยังความโกรธนั่นอีก เดรโกไม่ได้สร้างมันขึ้น 

     

    “กลับมาที่เรื่องตรงหน้า ศิลาอาถรรพ์” แฮร์รี่หันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ “ฉันจะสืบได้ยังไง” 

     

    หญิงสาวยกน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาไม่ชอบเลย เฮอร์ไมโอนี่มีแผนอะไรแน่ ๆ แผนที่เขาแน่ใจว่าเขาจะไม่ชอบ 

    “ฉันว่านายน่าจะไปคุยเรื่องการมีบุตร”

     

    “เมอร์ลิน อะไรของเธอ” รอนตะโกน “แฮร์รี่กับไอ้หน้าหนูนั่นนะ เฮอร์—” 

     

    “พวกเขาทำพิธีแต่งงานกันนะรอน แต่งงานแบบเลือดบริสุทธิ์ด้วย แล้วก็ทำจนจบพิธีด้วยใช่ไหม” หญิงสาวหันมาถาม แฮร์รี่ได้แต่กระแอมแล้วพยักหน้าน้อย ๆ ไม่กล้าหันไปมองว่าตอนนี้หนุ่มผมแดงข้างตัวเขาอ้าปากค้างจนถึงพื้นรึยัง

     

    “แต่รอนพูดถูกเกี่ยวอะไรกับเรื่องลูกด้วย”

     

    “เพราะหมอยาที่เก่งที่สุดในการทำบุตรให้กับคู่แต่งงานเพศเดียวกันคือหมอนิโคลัส เฟลมเมล” 

    “แล้วเขาเป็นหมอยาและนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อดัง และเป็นคนสุดท้ายที่มีข่าวลือว่าครอบครองศิลาอาถรรพ์” 

     

    “ฉันก็แค่ไปหาเขาไม่จำเป็นต้องบอกว่าไปปรึกษาเรื่องมีบุตรก็ได้” แฮร์รี่จำชื่อนิโคลัส เฟลมเมลไว้ในหัว 

     

    “เธอต้องสืบเรื่องนี้ลับ ๆ ไม่ใช่รึไง นัดเข้าไปปรึกษาเรื่องวางแผนครอบครัวเป็นทางที่ดี อีกอย่างฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเขาไม่รับแขกมาหลายปีแล้ว ยกเว้นแต่คู่แต่งงานที่สิ้นหวังจริง ๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ “แล้วดูเหมือนตระกูลมัลฟอยจะพึ่งเขามาตลอด พวกนั้นมีลูกยากพิกล ฉันว่าถ้าเป็นมัลฟอยนัดเข้าไปเขาต้องรับนัดแน่นอน” 

     

    “ฉันนัดเข้าไปคนเดียวได้ไหม” แฮร์รี่ถามเสียงอ่อย พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วจากประกายตาของเพื่อนสาว 

     

    “ฉันว่านายจะมีโอกาสมากกว่าถ้าให้มัลฟอยเป็นคนนัดนะแฮร์รี่”

     

    “เขาต้องไม่ร่วมมือด้วยแหง ๆ” แฮร์รี่ยังไม่กล้าบอกเธอว่าเขาจ่ายหนี้ทั้งหมดให้เดรโกไปแล้ว และเขาไม่เหลือข้อต่อรองแล้ว 

     

    “พนันสิบกิลเลี่ยนว่าเขากระโดดงับทันทีที่ได้ยินชื่อนิโคลัส เฟลมเมล” เธอพูดอย่างคนที่เหนือกว่า

     

    “พนัน” คนที่ตอบไม่ใช่เขาแต่เป็นรอน ผู้ซึ่งมีความมั่นใจในเดรโกเป็นศูนย์

    “หมอนั่นไม่มีทางช่วยแฮร์รี่แน่นอน เขาเกลียดแฮร์รี่ยิ่งกว่าอะไร” 

     

    “ฉันชนะแน่โรนัลด์” เธอยิ้มกว้าง 

    “เพราะฉันกับเดรโก มัลฟอยเป็นสองคนในฮอกวอร์ตที่ลงเรียนวิชาเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูง แล้วฉันก็รู้ว่ามัลฟอยน่ะชอบวิชานี้ขนาดไหน” 

    “เขาได้คะแนนมากกว่าฉันด้วยซ้ำ”

     

    แฮร์รี่กับรอนอ้าปากค้าง มองหน้ากันมีมนุษย์ที่เอาชนะเฮอร์ไมโอนี่ในเรื่องการเรียนได้เหรอ 

     

    “แล้วฉันหวังว่าหมอนิโคลัสจะบอกว่าเขาทำศิลาหายไปแล้วนะ ไม่อย่างนั้นนายต้องหาไม้เอลเดอร์ให้เจอแล้วล่ะแฮร์รี่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×