คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Disastrous Dinner
ปราสาทของแคร์โรว์ไม่ได้หรูหราเท่าคฤหาสน์มัลฟอย แฮร์รี่คิดขณะเดินไปตามทางเดินมืด ๆ ใช่มันใหญ่ แต่การตกแต่งข้างในนั้นเน้นด้วยไม้เนื้อแข็งมืดทึม ไม่มีการแกะสลักลงเงินลงทอง ไม่มีการประดับประดาด้วยเครื่องปั้นดินเผาราคาแพงจากแดนไกล หรือว่าภาพเขียนที่เห็นแล้วรู้ว่าคนซื้อคงเสียทองไปไม่น้อยเพื่อให้ได้มา อะมีคัส แคร์โรว์เดินนำหน้าเขา ผู้นำตระกูลแคร์โรว์เป็นคนตัวสูงหากแต่เดินห่อไหล่ ไม่ได้ดูมีความผึ่งผาย และตั้งแต่เดินเข้ามาแฮร์รี่ก็สังเกตว่าอะมีคัสคอยแตะที่หน้าอกตัวเองเสมอ ถ้าให้เดาคงเป็นจุดที่เจ้าตัวเก็บไม้กายสิทธิ์เอาไว้ ไม่ใช่แค่คนข้างตัวเขาหรอกที่คันไม้คันมืออยากจะสาปใครสักคน
คิดถึงคนข้างตัวแล้วแฮร์รี่ก็เหลือบมองหนุ่มผมบลอนด์หน้าบอกบุญไม่รับที่อยู่ข้างเขา เดรโกกลัวผู้ชายตรงหน้า แฮร์รี่จับได้ตั้งแต่เดินเข้ามา เขาไม่ได้ทะเลาะกับเดรโกมาตลอดเจ็ดปีที่ฮอกวอร์ตโดยไม่ได้เรียนรู้อะไรสักอย่างสองอย่างเกี่ยวกับคู่อริที่รักของเขา เดรโกหายใจเร็วขึ้น หน้าเรียบเฉยมากขึ้น แล้วก็เช่นเดียวอะมีคัสหนุ่มผมบลอนด์อดไม่ได้ที่จะคอยแตะจุดที่เขาเก็บไม้กายสิทธิ์เอาไว้ เหมือนพร้อมจะดึงออกมาได้ตลอดเวลา คิดว่าเขาจะปล่อยให้พวกแคร์โรว์ทำอะไรคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเขาหรือไงนะ อะมีคัส แคร์โรว์อาจจะเป็นนักประลองเวทที่เก่งและอำมหิตอย่างที่เดรโกบอก แต่เขาก็คือที่หนึ่งในชั้นปีในวิชาป้องกันตัวเช่นกัน
ไม่นานพวกเขาก็เดินไปถึงห้องทานอาหาร คนข้างตัวเขาเกร็งขึ้นมาทันที แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะคว้ามือนั่นมาจับไว้ คนตัวสูงหันมาทำตาขวางใส่เขา แล้วพยายามดึงกลับ แต่เรื่องสิ ปล่อยไว้คนเดียวก็กลัวตัวสั่นอยู่คนเดียว อยากให้รู้นะว่าเขาอยู่ด้วยตรงนี้
“เราแต่งงานกันแล้วนะ” เขาเตือน
เดรโกหรี่ตามองเขา ก่อนจะปล่อยเลยตามเลยให้เขาจับมือ แฮร์รี่ยิ้มน้อย ๆ เขาตั้งใจแกล้ง รู้หรอกว่าทำให้เดรโกโมโห แต่โกรธเขาดีกว่าให้เจ้าตัวหมกมุ่นแล้วกลัวสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“สวัสดีท่านเอิร์ล” ผู้หญิงผมสีน้ำตาลแดงรวบตึง หน้าตาคล้ายอะมีคัสทักขึ้นทันทีที่พวกเขาเดินไปถึงโต๊ะ ผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นก็ยืนขึ้นด้วยเช่นกัน แฮร์รี่จำลอร์ดแครบบ์ได้ ลอร์ดร่างใหญ่มากับผู้ชายหน้าตาคล้ายกัน คงไม่แคล้วเป็นหนึ่งในบุตรชาย ยังโชคดีที่ไม่ใช่ลูกชายคนที่แฮร์รี่เรียนด้วยสมัยฮอกวอร์ต ลอร์ดและเลดี้กิบบ้อน ตระกูลขุนนางเล็ก ๆ แต่มักจะทำเหมือนตัวเองสลักสำคัญ และลอร์ดและเลดี้น๊อตต์ เยี่ยมแต่ละคนคือคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับลอร์ดโวดเดอร์มอร์เมื่อครั้งเขาก่อกบฏเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วทั้งสิ้น
“สวัสดีเลดี้แคร์โรว์ ขอบคุณสำหรับคำเชิญรับประทานอาหารวันนี้” เดรโกกล่าว พร้อมกับโค้งน้อย ๆ ก่อนจะยืดตัวแล้วค้อมศีรษะทักทายกับผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น
เลดี้แคร์โรว์...ถ้าอย่างนั้นเธอคงเป็นน้องสาวฝาแฝดของอะมีคัส แคร์โรว์สินะ อะเล็กโต แคร์โรว์ เธอหยุดมองเขาอย่างสนใจ
“และคุณคือท่านเค้าท์คนใหม่?” เธอหันมาถามเขาเสียงยกสูงตอนท้าย
“ใช่ไฮด์รัสเป็นท่านเคาท์ของตระกูลมัลฟอย” เดรโกเปิดปากตอบแทน
“สวัสดีเลดี้แคร์โรว์” แฮร์รี่โค้งให้หญิงสาว
“ไฮด์รัสหรือคะ ชื่อประหลาดจัง” เธอทักอย่างไม่มีมารยาท พร้อมกับหัวเราะด้วยเสียงหัวเราะที่ฟังเหมือนหมาไฮยีน่า
“เขาเป็นแบล็ค” อะมีคัสพูดตัด เหมือนจะอธิบายทั้งหมด พี่น้องสบตากัน แล้วทั้งโต๊ะก็หันมามองแฮร์รี่เป็นตาเดียว
“สายไหน” ลอร์ดน็อตต์ถามคิ้วขมวดมองแฮร์รี่เหมือนพยายามนึกให้ออกว่ายังมีใครในแบล็คที่จะมีลูกชายได้
“สายดยุ๊คแห่งแคลร์มอนต์ พ่อของผมคือซิริอัส แบล็ค” แฮร์รี่ตอบอย่างรำคาญที่ทุกคนพูดเหมือนเขาไม่อยู่ตรงนี้
คนอื่นในโต๊ะหันไปมองหน้ากัน ทุกคนดูกระสับกระส่ายเหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าทายาทของซิริอัส แบล็ค
“แฮ—ไฮดรัสเพิ่งเดินทางกลับมาอังกฤษ เขาเกิดและโตที่ฝรั่งเศส” เดรโกรีบพูดเหมือนกลัวว่าทุกคนจะคิดไปไหน
“ใช่แล้วผมก็เดินทางกลับมาเจอเดรโกที่เป็นญาติ และดูเหมือนท่านเอิร์ลก็เป็นตัวเลือกที่ดีหากผมต้องการคงความบริสุทธิ์ของเลือดในตระกูลเอาไว้” เขาพูดต่อพร้อมกับเปลี่ยนมือที่จับกับเดรโกมาเป็นโอบอีกคนแทน เดรโกตัวแข็งแต่ก็ไม่ขยับไปไหน “แล้วผมต้องยืนอีกนานไหม” ในเมื่ออะเล็กโตหยาบคายกับเขาแฮร์รี่ก็เล่นเธอตอบเช่นกัน หญิงสาวกระแอมแล้วรีบผายมือไปที่เก้าอี้ว่างไม่ห่างจากหัวโต๊ะที่เธอนั่ง
“เชิญค่ะท่านเอิร์ลและท่านเค้าท์” แฮร์รี่พาเดรโกเดินอ้อมทุกคนรอบโต๊ะเพื่อจะไปที่เก้าอี้ เขาใช้เวลาที่เดินผ่านสังเกตว่าแต่ละคนเก็บไม้กายสิทธิ์ไว้ที่ไหน ถึงเดรโกจะคิดว่าเขาพึ่งพาไม่ได้ แต่แฮร์รี่ก็ทำเรื่องแบบนี้มาตลอดสี่ปีหลังเรียนจบ เขาไม่ได้แย่นักหรอกน่า
อะมีคัสเดินตัดมาอีกด้านกระซิบกับหูน้องสาวของตัวเอง ก่อนจะโค้งให้ทุกคนบนโต๊ะ “ขอตัวสักครู่นะครับ มีเรื่องด่วนที่ผมต้องจัดการ” นั่นดูไม่ดีเลย แฮร์รี่คิดในใจ แล้วแน่นอนเดรโกก็ต้องสังเกตด้วยเช่นกัน มือที่แฮร์รี่กุมไว้เย็นขึ้นมาทันที แต่เดรโกก็ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้ได้ ขอบคุณพระเจ้าที่มัลฟอยทุกคนใส่หน้ากากเก่ง
ทันทีที่พวกเขานั่งลงอาหารก็ปรากฏขึ้น บทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน มันไม่มีอะไรลึกซึ้งหรือเป็นข้อมูลมากนัก นอกจากทุกคนแสดงความประหลาดใจที่เดรโกแต่งงานกะทันหันโดยไม่แจ้งใครเลย แน่นอนพวกเขาถามว่าแฮร์รี่เป็นใคร โชคดีที่เขาได้คาถาของเฮอร์ไมโอนี่ช่วย ทำให้เขาสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสได้คล่องปรื๋อ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แฮร์รี่เหมาะสมกับการทำงานด้านการสืบข้อมูลคือเขาสามารถใช้เวทมนตร์โดยไม่ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ได้ โดยเฉพาะเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับร่างกายของเขา เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าไม่ว่าแฮร์รี่จะตัดผมกี่ครั้งแต่ไม่ว่ายังไงวันรุ่งขึ้น ผมเขาก็ยาวเท่าเดิม แล้วยังการที่เขาแทบไม่ต้องโกนหนวดเลยแม้จะต้องอยู่ในป่าเป็นเดือน ๆ เขาสามารถคงเวทมนตร์แปลงกายแม้ขณะใช้ไม้กายสิทธิ์ไปกับคาถาอื่น
หลังจากเริ่มเสิร์ฟซุปอะมีคัส แคร์โรว์ก็เดินกลับมา เขากระซิบข้างหูอะเล็กโตแล้วเดินไปนั่งอีกด้านของหัวโต๊ะ ด้านที่ห่างจากเขาและเดรโก ดวงตาสีดำเล็กเหมือนตาหมูคู่นั้นมองเขาไม่วางตา แต่แฮร์รี่ไม่หลุดหรอก
“ปีนี้การเก็บภาษีของตระกูลมัลฟอยเป็นอย่างไรบ้างล่ะท่านเอิร์ล” ลอร์ดน็อตต์หันมาถามเดรโก
“ยังไม่ถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยว แต่ดูเหมือนการเกษตรปีนี้จะไม่ค่อยดี คงได้น้อยกว่าเดิม” เดรโกตอบส่วนแฮร์รี่นั่งฟังเงียบ ๆ
“น่าจะเป็นกันหมด ลอร์ดเอเวอรี่เริ่มเก็บภาษีแล้ว ปีนี้ดูเหมือนจะมีคนจ่ายไม่พอเยอะเสียด้วย” เป็นแครบบ์ที่นั่งเงียบพูดขึ้นมาบ้าง
“แต่ลอร์ดเอเวอรี่ก็มีแผนให้จ่ายเป็นอย่างอื่นสำหรับคนในปกครองที่จ่ายภาษีไม่ครบนี่” แครบบ์จูเนียร์พูดต่อจากพ่อ เขาพูดด้วยท่าทางอวดรู้ ดีเลยคนอย่างนี้แหละที่แฮร์รี่ชอบ คนปากสว่างที่จะบอกทุกอย่างเพราะคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด
ทุกคนบนโต๊ะมองหน้ากัน ลอร์ดแครบบ์ต้องกระแอมแล้วเตือนลูกชาย “สงบปากซะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเล่าบนโต๊ะอาหาร”
แผนคืออะไร แฮร์รี่ทำเป็นสนใจขนมปังตรงหน้า แต่จริง ๆ แล้วกำลังฟังหูผึ่ง พวกเอเวอรี่เสียด้วย แถมทุกคนยังทำท่าลุกลี้ลุกลน
“พ่อยังบอกว่าน่าสนใจอยู่เลยวันก่อน จ่ายภาษีด้วยแรงงาน—”
“เรย์มอนด์!” แครบบ์ผู้พูดเสียงดัง และคราวนี้ได้ผล เรย์มอนด์ แครบบ์หุบปากทันที แต่ก็ทำให้แฮร์รี่พอจะได้ข้อมูล เอเวอรี่ไม่ยึดทรัพย์แต่ยอมให้พวกชาวนาจ่ายด้วยแรงงานหรือ เอาแรงงานไปทำอะไร แล้วดูเหมือนผู้วิเศษตระกูลอื่นจะสนใจเอาตามบ้าง
“เราคงทำให้ท่านเค้าท์เบื่อแย่ด้วยการคุยเรื่องภาษีแบบนี้” เลดี้กิบบ้อนรีบพูดเปลี่ยนเรื่องแล้วมองเขาอย่างกระวนกระวาย
“อ๋อ ไม่หรอกครับ ผมก็อยากจะรู้เรื่องพวกนี้ไว้บ้างเหมือนกัน ถึงแม้ว่าทุกเรื่องผมจะให้เดรโกเป็นคนตัดสินใจน่ะ” แฮร์รี่ใส่สีหน้าลอร์ดที่ไม่รู้เรื่องอะไรอะไรสักอย่างทันที
“รวมถึงการดูแลทรัพย์สมบัติของตระกูลแบล็คด้วยหรือครับ” ลอร์ดกิบบ้อนหันมาถามบ้าง “ได้ยินว่าตระกูลแบล็คมีที่ดินเกือบครึ่งนึงของอังกฤษเลยทีเดียว แถมยังเป็นเขตที่มีผู้วิเศษอาศัยอย่างหนาแน่นอีก ท่านเค้าท์ไม่สนใจดูแลเรื่องพวกนี้จริงหรือครับ”
“ไม่ล่ะครับ ผมแค่สนุกกับการใช้เงิน ส่วนเรื่องการจัดการผมยกให้เป็นหน้าที่ท่านเอิร์ลดีกว่า ในบ้านหนึ่งควรจะมีหนึ่งคนที่ดูแลงานปาร์ตี้ใช่ไหมครับ”
เลดี้กิบบ้อนหัวเราะร่า และทุกคนดูคลายความกังวลลงไป ยกเว้นก็แต่คนข้างตัวเขาที่ดูจะเงียบผิดปกติ แถมแทบจะไม่กินอะไรเลย แฮร์รี่เห็นว่าเดรโกนั้นเอาแต่ส้อมเขี่ยเมล็ดถั่วไปมาบนชาม ฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะกินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ขนมปังก็ไม่แตะ มีแค่ซุปนิดหน่อยเท่านั้นที่เดรโกทานไป ถึงได้ผอมขนาดนี้น่ะสิ แฮร์รี่อดขมวดคิ้วมองข้อมือเล็กที่เขากำรอบได้ เขาพยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปยุ่ง แต่ก็อดไม่ได้
“กลัวยาพิษรึไงหือ” แฮร์รี่เอียงตัวกระซิบกับคนข้างตัว
เดรโกสะดุ้งหันมามองเขา คำด่าคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น แต่เพราะพวกเขากำลังเล่นบทคู่แต่งงานใหม่สิ่งเดียวที่เดรโกทำได้ก็คือใช้สายตาดุเขาแทน “ถ้ามีป่านนี้นายตายไปแล้ว”
เขาอยากจะต่อปากต่อคำอยู่หรอก แต่ตอนนี้มีแต่คนรายล้อม แฮร์รี่เลยยอมพูดจากใจจริงจะได้จบ ๆ เรื่อง “กินน้อยแบบนั้นเดี๋ยวก็เป็นลมหรอก”
“คราวนี้ฉันไม่อุ้มเข้าบ้านด้วย”
ตาสีเทาจ้องเขาเขม็ง แก้มแอบขึ้นสี ก่อนที่เจ้าตัวจะจิ้มเนื้อที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ ให้เขาดู
“อะ ขนมปัง” เขาจ่อขนมปังที่บิเป็นชิ้น ๆ กับปากอีกคน ส่วนเดรโกน่ะเหรอ ไม่มีทางที่จะอ้าปากง่าย ๆ
“คนอื่นมองอยู่ เร็ว ๆ สิ” เขายังพูดเบา ๆ มองเผิน ๆ คงเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่กระซิบกระซาบเรื่องลามกใส่หูกันมากกว่ากำลังพยายามบังคับให้อีกคนเอาอาหารเข้าปากซะบ้าง
“ฉันไม่กินจากมือนาย” เดรโกกัดฟันพูด ใบหน้ายังคงทำเป็นแสร้งยิ้ม
แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาจริง ๆ เขาใส่ขนมปังเข้าปากตัวเองแทน เดรโกก็ยังคงเป็นเดรโก ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่โดนกัดมือขาด
แต่เขาก็อารมณ์ดีได้ไม่นาน เพราะเสียงหวือเตือนของเครือข่ายฟลูดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มร้าย ๆ ของอะมิคัส แคร์โรว์
“โอ ดูเหมือนแขกคนสุดท้ายของเราจะมาถึงแล้ว” อะมิคัสพูดพร้อมกับจ้องแฮร์รี่เขม็ง นี่ไม่ดีมาก ๆ เลย แฮร์รี่คิดในใจ และเดรโกก็คงเช่นกัน หนุ่มผมบลอนด์ข้างตัวเขาวางส้อมลง ยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม ตากวาดมองไปรอบ ๆ แฮร์รี่ก็เช่นกัน เขาแน่ใจว่าเขาสามารถปลดอาวุธทุกคนบนโต๊ะได้ก่อนที่พวกเขาจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา
“ใครกันช่างเสียมารยาทซะจริงที่มาสายซะขนาด—” เลดี้กิบบ้อนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนจะหุบปากกว้าง ๆ ของเธอทันทีที่เห็นคนที่เธอนินทาเดินเข้ามา
“ขอโทษที่เสียมารยาทชาร์ลอตต์” เจ้าของเสียงพูดนั้นคือผู้หญิงสวยผมดำ ตาสีเข้ม ผิวขาวจัด และรอยยิ้มที่ทำให้เธอดูเหมือนกำลังเยอะเย้ยมากกว่าจะเป็นรอยยิ้มจริง ๆ เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์
“ไวเคาน์เตสเลสแตรงจ์ ดิฉันไม่ทราบว่าท่านจะมาร่วมด้วย” เลดี้กิบบ้อนรีบพูดอย่างลุกลี้ลุกลน หญิงสาวห่อตัวเหมือนเป็นเอลฟ์ที่ทำความผิด เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์มีผลกับคนอื่นเช่นนั้นเสมอ เธอขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้าย และเธอเป็นผู้สนับสนุนโวลเดอร์มอร์แน่นอน สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรอดพ้นคุกในฐานะกบฏคืออิทธิพลของตระกูลเลสแตรงจ์
“ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่อะมิคัสเล่าอะไรน่าสนใจ ๆ ให้ฟัง” เธอพูดก่อนจะหันมามองเขากับเดรโก ตาสีเข้มของเธอจับตาเดรโกนิ่ง “หลานรักของฉันแต่งงาน กับหลานอีกคน” เธอพูดแล้วเหลือบมองแฮร์รี่
“ใครเป็นทำพิธีให้หือเดรโก”
“สายมัลฟอยในฝรั่งเศส” เดรโกโกหกโดยที่สายตายังมองเธอนิ่ง “ขอโทษป้าด้วยที่ฉุกละหุกจนไม่ได้เชิญ แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าป้าจะว่างมา”
เบลลาทริกซ์มองเดรโกโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหัวเราะออกมา แน่นอนตาเธอไม่ได้ยิ้มไปด้วย “เก่งขึ้นนี่เดรโก เดี๋ยวนี้สามารถใช้การสกัดใจได้คล่องขนาดนี้แล้ว”
“มีอะไรที่อยากจะซ่อนจากป้ากัน”
“ไม่มี แต่ผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาจุ้นจ้านกับความคิดของผม” เดรโกตอบกลับ ชายหนุ่มผมทองดูโกรธแค้นเบลลาทริกซ์มากกว่าที่หลานควรจะรู้สึกกับป้าของตัวเอง ถึงจะเป็นป้าโรคจิตอย่างเบลลาทริกซ์ก็เถอะ
เบลลาทริกซ์ยกมุมปากขึ้น ก่อนจะเบนความสนใจมาที่แฮร์รี่ เดรโกเหลือบมองเขาอย่างตกใจแล้วก่อนที่แฮร์รี่จะได้ถามว่าอะไร เป็นครั้งแรกตั้งแต่พิธีแต่งงานที่เขารู้สึกถึงเดรโก เขาสัมผัสรู้สึกถึงการมีตัวตนของเดรโกเหมือนเป็นสายน้ำอุ่น ๆ หรือสายลมฤดูร้อน แล้วเขาก็รู้สึกถึงอารมณ์ของอีกคนด้วย กลัว ไม่สบายใจ นี่มันอะไรกัน เขามองคนข้างตัวอย่างไม่เข้าใจ แต่เดรโกทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงนิ่งมองหน้าเบลลาทริกซ์
“หลานแต่งงานกับแบล็ค เธอสินะพ่อหนุ่ม” เบลลาทริกซ์ถามเขา
“ใช่ครับท่านไวเคาน์เตส” แฮร์รี่ตอบกลับ เขาไม่กลัวเธอ เธอทำอะไรเขาไม่ได้
“ได้ยินว่าเธอเป็นลูกชายของซิริอัส แถมแม่เธอยังไม่ได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของฉัน” เธอหยาบคาย แต่ใคร ๆ ก็ดูเหมือนอยากจะทำตัวหยาบคายกับเขา ไม่ใช่ปัญหา
“ใช่ แต่พ่อก็ยังใจดีที่ให้ผมเป็นทายาททุกอย่างของแบล็ค”
เธอแสยะยิ้ม “ใช่ เสียดายธรรมเนียมบ้า ๆ ของตระกูลที่ให้แค่ลูกชายสืบสกุล” เธอไม่ปกปิดว่าเธอคิดว่าเธอควรจะเป็นทายาทของแบล็คแทนที่ซิริอัสหรือว่าเขา แล้วความจริงที่เขาได้ทุกอย่างคงทำให้เธอฉุนแทบตาย
“แล้วหลานของฉันคนนี้ชื่ออะไร”
“ผมชื่อไฮด์รัส”
“อย่างน้อยซิริอัสก็ยังใช้ธรรมเนียมของสกุลตั้งชื่อเธอ หมูดาวที่เพิ่งถูกค้นพบเหรอ เหมาะดีนี่” เธอพูดแล้วมองหน้าเขานิ่ง อย่างที่เธอทำกับเดรโก
“เห็นเค้าของพ่อเธออยู่” เธอยังมองเขานิ่ง “แต่หวังว่าความคล้ายคงหยุดแค่หน้าตานะ”
“แน่นอนครับป้าเบลล่า” เดรโกตอบแทน “ไฮด์รัสไม่เหมือนท่านดยุ๊ค เขาเลี้ยงดูโดยเชื่อในความคิดของเลือดบริสุทธิ์และบรรดาศักดิ์”
“ดีที่ได้ยิน” เธอเหลือบมองเดรโกอย่างรำคาญ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ ใช้ปลายไม้กายสิทธิ์เชิดคางแฮร์รี่ขึ้น เดรโกข้างตัวเขาขยับจะหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเอง แต่แฮร์รี่พูดขึ้นตัดก่อน
“ผมไม่ยินดีที่คุณสำรวจเหมือนผมเป็นปศุสัตว์ ผมจะไม่ไว้หน้าถึงคุณจะเป็นญาติก็เถอะ” แฮร์รี่ปัดปลายไม้ของเธอออก แล้วจับแขนเดรโกลุกขึ้น “ดูเหมือนผมคงจะอยู่ร่วมโต๊ะกับคนไร้มารยาทอย่างคุณไม่ได้”
“ผมกับท่านเอิร์ลคงต้องขอตัว” พูดจบเขาก็รีบหันหลังเดินออกไป ดูเหมือนนี่จะเป็นทางออกที่ดี
“ขออภัยท่านเอิร์ลและท่านเคาท์” เสียงเบลลาทริกซ์ไล่หลัง ทำให้เขากับเดรโกต้องหยุด “ครั้งหน้าที่เจอกันสัญญาว่าฉันจะมีมารยาทกว่านี้” เธอพูดพร้อมกับยิ้มเย็น “แล้วก็ไม่น่าจะนาน เพราะช่วงนี้ฉันอยู่ไม่ไกลจากวิลไชร์ บางทีฉันกับสามีน่าจะไปแสดงความยินดีกับพวกคุณ มายลอร์ด”
กลัว ตกใจ กลัว ความรู้สึกของเดรโกชัดเจนในใจเขา เขาไม่จำเป็นต้องหันไปมองอีกคนด้วยซ้ำ เดรโกกลัวเธอมาก ไม่ใช่สิเขาเริ่มลนลานตอนที่เธอบอกว่าเธออยู่ไม่ไกลและจะไปเยี่ยม เขาไม่ได้กลัวเธอขนาดนั้น เขากลัวบางอย่างที่เกี่ยวกับเธอ
ทั้งคู่หายตัวกลับมาที่คฤหาสน์มัลฟอย ทันทีที่อยู่ในเขตบ้าน เดรโกก็ปล่อยมือแฮร์รี่แล้วทรุดลงไปกับพื้น มือยาวสั่นขณะที่ปิดหน้า พร้อมกับเจ้าตัวพึมพำว่าพระเจ้า พระเจ้า ซ้ำไปซ้ำมา แล้วสายลมฤดูร้อนที่อยู่ในใจเขาก็หายไป ความรู้สึกกลัวจับใจของเดรโกด้วย ในหัวเหลือเขาคนเดียวอีกครั้ง
“เดรโก” แฮร์รี่คุกเข่าแล้วประคองอีกคนขึ้น “เราต้องเข้าบ้าน”
“ไม่เราจบเห่แล้ว” เดรโกพูดพร้อมเบิกตากว้าง ใบหน้าขาวซีด “เธอจะต้องฆ่าฉันแน่ ๆ เธอต้องรู้แน่ ๆ ว่าเรามีแผนอะไร เราหลอกเธอไม่ได้หรอก”
“เดรโก” แฮร์รี่เรียกชื่ออีกคน แต่เมื่อคนตัวสูงยังเอาแต่ส่ายหน้ากับมือตัวเองเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากโอบเดรโกไว้แนบตัวแล้วใช้สองมือยกหนุ่มผมทองขึ้น
“เฮ้ย” คนที่ถูกยกประท้วง ขายาว ๆ เตะออกทำให้เขาเกือบเสียการทรงตัว
“อย่าดิ้นสิเดี๋ยวก็ล้มหรอก” เขาเตือนขณะพยายามก้าวยาว ๆ ให้ถึงบ้านเร็ว ๆ
“เดินเองก็ได้” เดรโกยังตะโกน
“แล้วใครกันที่เมื่อกี้ไม่ยอมลุกไปไหน” แฮร์รี่กัดฟันพูด ให้ตายสิถึงจะดูผอมแต่อีกคนก็ไม่ได้เบาขนาดนั้นอยู่ดี โชคดีที่เขาเดินเข้าประตูพอดีกับที่ด๊อบบี้ปรากฏตัวขึ้น
“ด๊อบบี้เตรียมช๊อคโกแลตร้อนให้เดรโกด้วย” เขาพูดพร้อมกับปล่อยคนในอ้อมกอดลง
“ฉันอยากได้อะไรที่แรงกว่าช๊อคโกแลตนะ” เดรโกบ่น แต่ด๊อบบี้ก็หายไปแล้ว เขาไม่ขยับตัวห่างจากเดรโก แม้กระทั่งตอนนี้ใบหน้าของเดรโกก็ยังคงไร้สี ตาสีเทาเบิกกว้าง ร่างสูงหายใจเร็วเหมือนคนที่เพิ่งวิ่งมาราทอนมา
“หายใจลึก ๆ” แฮร์รี่เข้าไปประคองอีกคน แต่มือของเดรโกก็สะบัดเขาออก
“ไม่ฟังฉันนายกำลังตกใจ แล้วถ้านายไม่หายใจลึก ๆ นายเป็นลมแน่ แล้วคราวนี้ฉันไม่อุ้มจริง ๆ ด้วย” เขาขู่แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะเดรโกเริ่มตะโกนกลับทันที
“แล้วนายไม่ตกใจรึไง ให้ตายสิป้าเบลล่า ฉันน่าจะรู้ไอ้เลวแคร์โรว์มันจะต้องเรียกป้าเบลล่ามา”
“เธอไม่ได้อะไรจากเรา” แฮร์รี่พยายามทำตัวมีเหตุผล ให้ตายสิทำไมเดรโกต้องตกใจขนาดนี้ด้วย
“เพราะฉันช่วยนายไว้เจ้าโง่” หนุ่มผมทองตะโกน “คิดว่าใครที่สกัดใจกั้นป้าเบลล่าให้นาย ให้ตายสิฉันต้องสกัดใจให้สองคนพร้อม ๆ คน สเนปจะต้องดีใจแน่ถ้ารู้ว่าฉันเก่งขนาดนี้แล้ว” เดรโกพูดอะไรทุกอย่างที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจแต่น้อย สกัดใจเหรอ เขาได้ยินเบลลาทริกซ์พูดเช่นกันแต่มันคืออะไร แล้วสองคนพร้อมกัน คือเขากับเดรโกหรือ แล้วก็สเนป หมอยาของอัลบัสเกี่ยวอะไรด้วย
“ป้าเป็นบ้าไปแล้ว ป้าเป็นบ้าไปตั้งนานแล้ว ป้าต้องฆ่าพวกเราทิ้งแน่”
ตอนนี้คนที่แฮร์รี่สงสัยว่าจะเป็นบ้าไม่ใช่เบลลาทริกซ์ แต่เป็นหนุ่มผมสีอ่อนที่เอาแต่เดินเป็นหนูติดจั่นตรงหน้าเขา ชายหนุ่มดูหวาดกลัว ตกใจ แล้วก็เหมือนจะแตกสลายได้ทุกวินาที
...เขาเคยเห็นเดรโกอย่างนี้...แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
.
.
.
ปีหก ค.ศ. 1805 วิทยาลัยเพื่อผู้มีเวทมนตร์ฮอกวอร์ต
“เฮ้ย แฮร์รี่เห็นมัลฟอยมันมือสั่นขนาดนั้นรึเปล่าวะ” รอนหัวเราะลั่น กางเกงสีแดงเลือดหมูของรอนเลอะโคลนจากการประลองเมื่อครู่
แฮร์รี่พยักหน้าตอบรับ คิ้วขมวด อดไม่ได้ที่มองไปทางหนุ่มผมทองกางเกงสีเขียวเข้มที่เดินลิ่ว ๆ กลับไปในปราสาท มัลฟอยควรที่จะชนะรอนได้ง่าย ๆ เพื่อนของเขาลงไปนอนเอ้งเค้งแท้ ๆ แต่หนุ่มจากบ้านสลิธิรินกลับมือสั่นเมื่อต้องใช้คาถาเลือดพิษที่ถูกสอน แน่นอนพวกเขาซ้อมประลองกันด้วยไม้กายสิทธิ์พิเศษที่ทำให้ผลของคาถาเลือดพิษนั้นไม่ถึงคนที่ถูกสาปมีเลือดเป็นพิษจนเลือดออกถึงตายแค่เจ็บ ๆ คัน ๆ เท่านั้น
“สงสัยมันจะจำไม่ได้ว่าต้องร่ายว่าอะไร” รอนพูดต่อ สนุกที่เห็นคู่อริล้มเหลวต่อหน้าคนทั้งชั้น
“อือ สงสัยจะเป็นอย่างนั้น” แฮร์รี่เออออตาม แต่เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยสักนิด เขาแน่ใจว่ามัลฟอยรู้ว่าจะต้องร่ายว่าอะไร มัลฟอยไม่ใช่เด็กนักเรียนที่ไม่ดี ที่จริงเขาทำคะแนนได้ดีเสมอ
“เออ นายไปทานข้าวก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันตามไป” แฮร์รี่แตะไหล่รอน แล้วเดินไปอีกทางเมื่อเข้าสู่ปราสาท เขาเดินตามรอยรองเท้าเลอะโคลนที่นำไปจนถึงห้องน้ำผีสิง ยกผ้าคลุมล่องหนที่กษัตริย์อัลบัสมอบให้ขึ้นมาคลุมตัว อีกคนเดียวในโรงเรียนที่ลงไปคลุกโคลนพร้อมกับรอนคือมัลฟอย ที่ถอยหลังจนล้มแล้วยอมแพ้ไปเอง
“ฉันทำไม่ได้ ฉันทำไม่ได้” เสียงมัลฟอยพูดเร็ว ๆ แฮร์รี่หลบที่หลังเสาแอบมองเข้าไป ร่างสูงก้มหน้าเหนืออ่างล้างมือ ผมสีทองปล่อยลงมาปิดหน้า มือกำขอบอ่างล้างมือแน่น ตัวโยกไปมาเหมือนคนที่ถูกผีสิงหรืออะไรแบบนั้น
“ทำไมฉันทำไม่ได้” มือยาวยกขึ้นมาปิดหน้า เสียงสะอื้นน้อย ๆ ทำให้แฮร์รี่รู้สึกผิดจนอยากจะเดินถอยกลับออกไป เขาแค่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมมัลฟอยถึงไม่สามารถเสกคาถานั้นได้
“พ่อต้องรู้แน่” มัลฟอยปล่อยมือ น้ำตาไหลอาบแก้ม หมดภาพเด็กผู้ชายจอมอวดดีที่ข่มเหงแฮร์รี่และเพื่อนมาตลอดหกปี
ทำอะไรไม่ได้ เขาขมวดคิ้ว
“ฉันฆ่าคนไม่ได้” มัลฟอยกระซิบเบา ๆ กับกระจก เหมือนบอกความลับยิ่งใหญ่ให้ใครรู้ พูดจบร่างสูงก็กลั้นหายใจมองที่กระจกเหมือนรอให้คนข้างในนั้นตะโกนด่าหรืออะไร แต่เงาของเขาเพียงแค่สะท้อนภาพเด็กผู้ชายน้ำตาเปรอะแก้มออกมาเท่านั้น
แค่นั้นเองหรือ เรื่องที่ทำให้มัลฟอยต้องร้องไห้ เขาพยายามตั้งหกปีอยากเห็นใบหน้ายโสนั่นน้ำตาอาบแก้มอย่างนี้สักครั้ง แต่พอมาเห็นจริง ๆ แล้วความรู้สึกคือเขากลับอยากเดินไปบอกร่างสูงเสียอีกว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็ไม่ได้ทำ ที่เขาทำคือแค่หลบซ่อนตัวเงียบ ๆ แล้วดูคู่อริยืนโยกตัวไปมาร้องไห้กระซิบปลอบใจตัวเองอยู่หน้ากระจก
.
.
.
ตอนนี้ก็เหมือนกัน เดรโกทำเหมือนกับตอนปีหกไม่มีผิด เขารู้สึกผิดไม่น้อย เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ทำให้เดรโกกลัวได้เหมือนกลัวพ่อตัวเองเชียวหรือ
แต่เขาไม่ใช่เขาตอนปีหกอีกแล้ว เขาจะไม่ยืนนิ่ง ๆ รอจนเดรโกหยุดร้องไห้เองหรอก แฮร์รี่คิดแล้วทำสิ่งที่เขาอยากทำตั้งแต่ตอนนั้น
เขาเดินเข้าไปคว้าตัวเดรโกเข้ามากอดแน่น
“ไม่เป็นไรนะ นายจะไม่เป็นไร เราจะไม่เป็นไร”
-----------------------------------------------------------------------
Note: ตอนหน้าจะเริ่มมีเฉลยอะไรบ้างแล้วนะคะ งื้อแอบเดินเรื่องช้าขอโทษนะคะ
ความคิดเห็น