คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Awkward Aftermath
เดรโกนั่งลงที่โต๊ะไม้ในห้องหนังสือแล้วอ่านจดหมายเชิญนั้นซ้ำ ๆ ความรู้สึกคลื่นเหียนผุดมาเป็นระลอก ข่าวว่าเขาแต่งงานนั้นไปเร็วเหลือเกิน ไม่ถึงหนึ่งวันดี แน่นอนว่าการแต่งงานของผู้มีตระกูลสูงจะมีผลของเวทมนตร์ที่ปรับปรุงพงศาวลีของตระกูลให้แตกกิ่งเห็นว่าผู้นั้นมีสามีหรือภริยาแล้ว แต่เดรโกนึกไม่ถึงว่าจะมีใครที่เฝ้าดูพงศาวลีของตระกูลมัลฟอยอย่างใกล้ชิดจนเห็นว่าเอิร์ลแห่งวิลไชร์ได้มีเคาท์แห่งวิลไชร์แล้ว มือที่จับกระดาษสั่นน้อย ๆ หรือว่าเขา...เขาจะสั่งให้พวกแคร์โรว์จับตาดูเดรโกเอาไว้ทุกทาง เดรโกรู้สึกเหมือนเขากำลังถูกหินทับ แม้กระทั่งเขาอยู่ในบ้านตลอดเวลา ไม่ออกไปให้ใครเห็น แต่ก็ยังไม่รอดพ้นสายตาของคนคนนั้นอยู่ดี
แล้วยังแฮร์รี่อีก...แฮร์รี่ที่ไม่เคยเป็นเก็บซ่อนอะไรนอกจากความเป็นตัวของตัวเองได้เลยสักครั้ง ชายหนุ่มตรงไปตรงมาต่อตัวเองจนน่าอิจฉา แต่ก็เป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดด้วย ไม่มีทางที่แฮร์รี่จะตบตาพวกแคร์โรว์ หนุ่มผมดำรู้จักการสกัดใจไหมเดรโกยังไม่แน่ใจเลย ที่จริงไม่ต้องพูดถึงการสกัดใจ แค่พูดคุยกับคนตระกูลแคร์โรว์โดยไม่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาสาปอะมีคัส แคร์โรว์ยังไม่รู้จะทำได้ไหม
เขายกมือขึ้นมากดเบ้าตา ทุกอย่างเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว เขาคงคิดตื้นเขินเกินไปที่ว่าแผนแต่งงานหลอก ๆ จะสำเร็จง่าย ๆ เขาจะได้เงินมาใช้หนี้ ส่วนแฮร์รี่...แฮร์รี่ก็อาจจะได้รู้เรื่องของลอร์ดโวลเดอร์มอร์...แต่ไม่ใช่จากคนนอก จากเขาเองนี่แหละ เขาตั้งใจตั้งแต่แรกที่ชายหนุ่มบอกเหตุผลที่จะแต่งงานแล้ว เขาจะบอกความจริงทั้งหมดกับแฮร์รี่ในสักวันที่เขากล้าหาญพอที่จะรับสายตารังเกียจจากแฮร์รี่ เมอร์ลินเป็นพยาน...แค่คิดว่าสายตาคู่นั้นจะมองเขาอย่างเหยียดหยามมากกว่าที่เคยเป็นมาตลอดชีวิตเขาก็แทบจะรับไม่ได้
แล้วยิ่งหลังจากเรื่องเมื่อคืน ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก เขามันงี่เง่าที่ปล่อยตัวไปขนาดนั้น เขารู้แล้วแฮร์รี่สามารถมองเขาอย่างอื่นนอกจากรำคาญใจก็ได้ แล้วเขาก็ต้องการสิ่งนั้น ต้องการมากกว่าทุกอย่างในโลก วินาทีที่เขาชวนแฮร์รี่ขึ้นห้องแล้วเห็นความปรารถนาในดวงตาสีเขียวสวยคู่นั้น ผู้ชายที่ซื่อตรงคนนั้นต้องการเขา เวทมนตร์หรือเพราะแฮร์รี่แค่ชอบเซกซ์ อะไรก็เถอะ วันนี้ทั้งวันเขาต้องทรมานกับการอดกลั้นใจไม่ให้ดึงคนที่ได้ชื่อว่าสามีมากอดแล้วถามออกไปตรง ๆ ว่าพวกเขาไม่แกล้งเล่นขายของได้ไหม
ไม่ได้อยู่แล้ว เดรโกตอบอย่างแน่ใจ มันอาจจะเคยได้ในวันที่เขายังไม่ได้สกปรกขนาดนี้ แต่แฮร์รี่ไม่มีวันให้อภัยหากรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป และมันอาจจะเคยได้ หากในวันที่ฝังมารดาเขาไม่ได้ให้คำสัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันรักใคร ไม่มีวันให้ความรู้สึกเขามาเป็นเครื่องมือให้ใคร เดรโกจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองและตัวเองเท่านั้น
ชายหนุ่มวางกระดาษแล้วสูดหายใจลึก เขาร่ายมนตร์เรียกเครื่องเขียนให้มาเรียงตรงหน้า ปากกาขนนกเต้นระบำไปมารอให้เขาหยิบขึ้น เดรโกสะบัดไม้กายสิทธิ์อีกครั้ง ม้วนกระดาษประทับตราประจำตระกูลก็มาวางตรงหน้าเขา ชายหนุ่มหยิบปากกาขนนกก่อนที่มันจะเต้นจนตกจากโต๊ะ เขาปฏิเสธแคร์โรว์ไม่ได้ พวกนั้นสนิทกับผู้ชายคนนั้นเกินไป มันจะทำให้เดรโกยิ่งตกเป็นเป้าต้องสงสัย แน่นอนทางเดียวคือเขาต้องตอบรับ ชายหนุ่มจรดปากกาแล้วเขียนตอบรับคำเชิญนั้น ทั้ง ๆ ที่ใจจริงเขาอยากจะเผาแล้วบอกแคร์โรว์ว่าไปลงนรกซะ
แล้วเขาก็เหมือนตกอยู่ในนรกเมื่อเกือบครึ่งปีก่อนอีกครั้ง เดรโกค้นหนังสือเกี่ยวกับเวทกั้นเป็นบ้าเป็นหลัง คิดว่าทำอย่างไรก็ได้ที่จะต้องทำให้คฤหาสน์มัลฟอยเป็นเหมือนป้อมที่ปลอดที่สุด ต้องไม่มีใครเข้ามาได้
.
.
.
“นายทำอะไรอยู่” เสียงทุ้มไม่ห่างจากตัวทำให้เดรโกสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือหนาตรงหน้า แฮร์รี่ถือวิสาสะเดินเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเขา แล้วก่อนที่เดรโกจะร้องห้ามได้ทัน หนุ่มผมดำก็เก็บหนึ่งในหนังสือปกหนักเก่า ๆ ที่ตกอยู่ขึ้นมา
“เวทมนตร์และสิ่งปลูกสร้าง” แฮร์รี่อ่านชื่อหนังสือ คิ้วเข้มขมวดมุ่น “นี่น่ะเหรอที่นายใช้สร้างคาถาเวทกั้น”
“เรื่องของฉัน” เดรโกเดินไปคว้าหนังสือมาจากมืออีกคน แต่ดูเหมือนแฮร์รี่ไม่ยอมง่าย ๆ หนุ่มผมดำยกมือยึดขึ้นสุดแขน หมอนี่เล่นเป็นเด็กๆไปได้ เดรโกเขย่งแต่เพราะสายตาเอาแต่จับจ้องอยากได้หนังสือคืน ทำให้เขาไม่ได้ระวังตัว รู้สึกอีกทีมืออุ่นก็โอบเอวเขาไว้แน่น ดวงตาสีเขียวจ้องเขาใกล้จนเดรโกต้องมองไปอีกทาง พยายามจะดันตัวเองออก แต่คนดื้อด้านก็ไม่ยอม แขนนั่นโอบเอวเขาแน่นมากขึ้น เหมือนคนขี้แกล้งจะรู้ว่ายิ่งใกล้เท่าไหร่ เดรโกยิ่งไร้แรงผลักออกเท่านั้น
“พอตเตอร์ปล่อย”
“เป็นมัลฟอยแล้วต่างหาก”
“ฉันจะเรียกนายว่าพอตเตอร์นี่แหละ เพราะนายมันทำตัวดื้อด้านหัวแข็งเหมือนกับหม้อขึ้นสนิท” เดรโกดิ้นออก คนอุตส่าห์พยายามจะตัดใจ ทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วยนะ
“ไม่ปล่อยจนกว่าจะเล่าเรื่องพวกแคร์โรว์ให้ฟัง” คนตรงหน้ายังทำหน้านิ่งใส่
“นี่วิธีการสอบสวนของพวกอัศวินรึไง” เดรโกแหวใส่ “นายเที่ยวไปกอดใครต่อใครอย่างนี้เหรอ ให้ตายสิว่าแล้วว่าทำไมใคร ๆ ก็บอกอัศวินของกษัตริย์อัลบัสน่ากลัว”
“แล้วนายกลัวไหมเล่า”
“ไม่” เดรโกพยายามอีกครั้ง หนังสือหลุดจากมือแฮร์รี่จนได้ แต่แทนที่จะคว้าหนังสือเอาไว้ กลายเป็นว่าแขนทั้งสองข้างนั้นกลับมากอดเขาไว้แน่น เขายิ่งหนีไปไหนไม่ได้มากกว่าเดิมอีก ชายหนุ่มทำหน้าง่ำใส่ แต่อีกคนยังคงนิ่งเฉย
“ต้องให้ทำยังไงฮึถึงจะยอมเปิดปาก” แฮร์รี่ทำหน้าเหนื่อย “เห็นชัด ๆ อยู่ว่านายกลัวเรื่องพวกแคร์โรว์ ฉันอยากรู้ว่าทำไม พวกนั้นทำอะไร”
“เป็นตระกูลบารอนร้าย ๆ น่ะสิ” เดรโกตอบอย่างเสียไม่ได้
“ก็แค่กินข้าวแล้วชวนพวกเขาคุย ไม่เห็นจะมีอะไรน่าเป็นห่วง”
“นั่นแหละโคตรน่าเป็นห่วง” เดรโกโวยวาย ดีไม่ปล่อยเขานัก เขาจะตะโกนใส่หน้าให้หูชาไปเลย “คิดว่าซื่อบื้อเบ๊อะบ๊ะอย่างนายจะรอดรึไง แล้วไม่รู้อีกเขาเชิญใครมาบ้าง ถ้าเชิญคนที่รู้จักนายจากสมัยฮอกวอร์ตมาความก็แตกพอดี ฉันกับนายโดนเชือดคาห้องทานข้าวแน่”
“ไม่เชื่อที่ฉันบอกเลยสักนิดว่าฉันมีแผน” แฮร์รี่เลิกคิ้วถาม
“ไม่”
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะเดรโก” คนพูดเริ่มทำหน้ารำคาญ ก่อนจะพึมพำอะไรเบา ๆ เดรโกรู้สึกถึงเวทมนตร์ ก่อนจะต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ทำอะไร แว่นของชายหนุ่มหายไป ผมสีดำตัดสั้นยาวออกประบ่าและเสยยกสูงไปข้างหลัง จมูกสูงขึ้น ใบหน้าตอบลงเล็กน้อย เห็นสันกรามและโหนกแก้มชัดขึ้น ที่สำคัญหน้าผากนั้นไม่มีรอยแผลเป็นใด ๆ ทั้งสิ้น ตาสีเขียวที่เขาหลงใหลก็กลายเป็นสีน้ำตาล ชายหนุ่มดูคล้ายดยุ๊คแห่งแคลร์มอนต์ หากแต่ยังคงเป็นแฮร์รี่ด้วย แต่ใบหน้าคมเข้มนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตระกูลแบล็คอย่างทันที
“นะ...นายใช้เวทมนตร์โดยไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ได้” แฮร์รี่ต้องมีพลังเวทมนตร์ขนาดไหนกันนะ เขารู้ว่าชายหนุ่มมีพลังเหลือล้นจากการประลองในโรงเรียน หลายต่อหลายครั้งที่คาถาโล่ของเขาโดนคาถาของแฮร์รี่ พอตเตอร์ชนแตกกระจาย แล้วเขากระเด็นกระดอนตกจากเวที
“นั่นไม่ใช่ประเด็นไหม” เสียงไม่เปลี่ยน แฮร์รี่แต่ก็ไม่ใช่แฮร์รี่
“นายคงเวทนี้ได้นานขนาดไหน” เขาถาม สายตายังคงสำรวจใบหน้าอีกคน ใกล้ขนาดนี้ยังจับสังเกตไม่ได้
“นานเท่าที่อยากทำ” แฮร์รี่ตอบ “แล้วนี่เชื่อสักนิดรึยังว่าฉันมีแผน”
เดรโกหรี่ตา “ถึงหน้าเปลี่ยนก็ไม่ได้หมายความว่าความจะไม่แตก”
“ที่นายกลัวคือนายกลัวแคร์โรว์จะรู้ว่าฉันเป็นใคร” แฮร์รี่ขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ
เดรโกพยักหน้า
“แค่นั้นจริงเหรอ”
“เออสิ” เขาตอบกลับ “แล้วไม่ใช่แค่นั้น ถ้าพวกแคร์โรว์ระแคะระคายว่าฉันแต่งงานกับใครสักคนที่พวกเขาเห็นว่าอาจจะเป็นอันตราย แน่เลยว่าทั้งนายและฉันได้ไปเป็นอาหารเย็นของสัตว์ป่ารอบปราสาทแคร์โรว์แน่”
“ทำไมพวกเขาต้องมายุ่งว่านายจะแต่งงานกับใคร”
โอ๊ย บางทีเขาก็อยากให้แฮร์รี่ไม่ค่อยฉลาดบ้าง เดรโกรู้ว่าคนที่กอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อยรู้แน่นอนหากเขาโกหก ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ “เพราะฉันเป็นเอิร์ลแห่งวิลไชร์ ถึงนายจะไม่ทำเหมือนฉันมีศักดิ์ก็เถอะ แต่ความจริงก็คือที่ดินรอบ ๆ วิลไชร์เป็นของตระกูลมัลฟอย รวมถึงผู้วิเศษทุกคนที่ใช้ที่ดินนั้นในการทำมาหากินด้วย พวกเขาถูกผูกพันธ์ด้วยกฎของเพฟเวอร์เรลล์ว่าจะต้องถวายความซื่อสัตย์ให้ตระกูลเจ้าของที่ดิน แล้วกองทัพย่อม ๆ ของฉันก็ไม่ได้เล็กสักเท่าไหร่หรอก พ่ออาจจะพยายามขายทุกอย่าง ยกเว้นแต่ที่ดินของตระกูล”
“กฎของเพฟเวอร์เรลล์” แฮร์รี่ทวนคำ พร้อมขมวดคิ้ว
“ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่านายเอาความรู้เรื่องกฎของเพฟเวอร์เรลล์คืนอาจารย์หมดแล้ว” เดรโกทำตาดุใส่อีกคน เพราะให้ตายสิ ลืมกฎพื้นฐานที่เป็นเหมือนฐานรากของสังคมผู้วิเศษได้อย่างไรกัน กฎนั้นให้อำนาจแก่กษัตริย์ในการปกครอง รวมถึงมีผลให้เวทมนตร์ผูกพันระหว่างที่ดินและผู้วิเศษ และข้อห้ามหยุมหยิมอย่างห้ามขายไม้กายสิทธิ์ให้แก่ผู้วิเศษที่เจ้าของที่ดินไม่ได้อนุญาต
“ไม่ได้ลืม แต่ไม่มีใครพูดถึงกฎนี่มานานแล้ว”
“ใช่เพราะทุกคนรู้จักมันขึ้นใจไง” อย่างน้อย ๆ ก็พวกเลือดบริสุทธิ์ที่เกิดกับผู้วิเศษนะ เพราะกฎนี้ไม่มีผลกับมักเกิ้ลหรือว่าผู้วิเศษที่เกิดจากมักเกิ้ล พวกนั้นถือว่าเป็นสมบัติของกษัตริย์ เหล่าพวกขุนนางที่มีศักดิ์และที่ดินถึงได้ต่อต้านหนักหนาเวลาที่มีการเรียกร้องเพิ่มอำนาจให้ผู้วิเศษที่เกิดจากมักเกิ้ล เพราะพวกเขาไม่มีผลได้อะไรเลย มีแต่การเพิ่มอำนาจให้ราชสำนัก
“เพราะฉะนั้นพวกเขากลัวว่าถ้าหากนายแต่งงานกับคนที่คิดต่างอย่างเช่นคนจากตระกูลพอตเตอร์ นายจะสั่งกองทัพย่อม ๆ ของนายให้ทำอะไรที่มีปัญหากับพวกเขาใช่ไหม”
“สิบคะแนนให้กริฟฟินดอร์” เดรโกพูดประชด
“นี่ไม่ได้เป็นนักเรียนแล้วนะ” แฮร์รี่ขมวดคิ้วมองเขา “ต้องช่างประชดขนาดนี้ด้วยรึไง”
“ก็ต้องสิ” เดรโกไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “แล้วปล่อยได้แล้วตอบคำถามนายหมดแล้ว อัศวินหัวดื้อ”
อัศวินหัวดื้อที่ว่าไม่ยอมปล่อยเขาในทันที หากแต่มองหน้าเขานิ่งขณะที่ใบหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนกลับไปเป็นคนที่เขาคุ้นเคย ดวงตาสีเขียวสวยคู่นั้นมองเขาอีกแล้ว เดรโกพยายามดิ้นออก ให้ตายสิเขาไม่อยากถูกจับได้นะว่าใจเต้นแรงเวลาสบตากับคนตรงหน้า ในที่สุดแฮร์รี่ก็ยอมแพ้ แขนสองข้างปล่อยเขา เดรโกรีบเดินถอยหลังทันที ส่วนอีกคนกอดอกแล้วมองหน้าเขา เหมือนกำลังคิดไม่ตกว่าควรจะทำอะไรกับเขาดี อะไรกันเล่าเขาก็ตอบคำถามไปหมดแล้วไม่ใช่รึไง
“กฎของเพฟเวอร์เรลล์นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกตระกูลขุนนางทั้งหลายมีอำนาจใช่ไหม”
เดรโกพยักหน้าง่าย ๆ นี่เขาต้องมาช่วยแฮร์รี่ทวนความจำเรื่องประวัติศาสตร์เวทมนตร์จริงเหรอ “ผู้วิเศษที่มีชีวิตตั้งแต่สมัยนั้นได้รับแบ่งที่ดินและอำนาจ และมอบอำนาจส่วนของที่ดินที่ยังไม่มีการจัดสรรให้แก่กษัตริย์ เขาจะให้ใครก็ได้ แล้วกฎนั้นก็ทำลายไม่ได้ ว่ากันว่ามันถูกขึ้นมาด้วยเวทมนตร์ที่ยืมมากจากโลกหลังความตาย เหนือกาลเวลาทั้งปวง”
“สมมุติว่าฉันเกิดมาบนที่ดินตระกูลมัลฟอย ฉันก็ต้องถือว่าเป็นสมบัติของนายอย่างนั้นเหรอ” แฮร์รี่ถาม
“ใช่สิ” หมอนั่นไม่เข้าใจเรื่องง่าย ๆ อย่างนี้ได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นทุกคนไม่ไขว่คว้าที่จะร่ำรวยที่ดิน แล้วอยากแต่งงานกับตระกูลขุนนางหรอกนะ
“หมายความว่าตอนนี้ฉันมีอำนาจสั่งผู้วิเศษทุกคนที่เกิดบนที่ดินของตระกูลแบล็ค” แฮร์รี่ถามช้า ๆ หน้าซีด เหมือนเพิ่งเข้าใจเป็นครั้งแรกว่าคำว่าทายาทตระกูลแบล็คหมายความว่าอย่างไร
“ไม่ใช่” ทันทีที่คำพูดออกจากปากเดรโก คนถามก็ทำหน้าโล่งใจ เดรโกยกมุมปากขึ้น “ฉันต่างหากมีอำนาจสั่งผู้วิเศษทุกคนที่เกิดบนที่ดินตระกูลแบล็ค นายแต่งเข้าตระกูลมัลฟอยแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดที่นายมีเป็นของฉัน”
แฮร์รี่เบิกตากว้าง
“ใช่ แล้วแบล็คเป็นตระกูลที่มีที่ดินที่สุดในอังกฤษ” เดรโกสนุกที่ได้ทำให้คนขี้แกล้งจอมกวนหน้าซีดขึ้นมาบ้าง
“แต่ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าระหว่างที่ท่านดยุ๊คอยู่ในช่วงสติแตก” เดรโกเน้นคำว่าสติแตก คำที่วัลเบอร์ก้าใช้อธิบายถึงการกระทำของลูกชายคนโต “เขาปลดปล่อยผู้คนที่อยู่ในอาณัติทั้งหมด รวมถึงยกที่ดินที่พวกนั้นอาศัยให้เป็นของพวกเขาด้วย” ไม่แกล้งก็ได้ ถึงอยากจะเอาคืนที่กอดเขาไม่ปล่อยแค่ไหนก็เถอะ แต่เห็นแฮร์รี่ที่ทำหน้าซีดเหมือนเห็นผีขนาดนั้นแล้วเขากลับทำต่อไม่ลง
“ถ้าซิริอัสไม่ทำอย่างนั้น นายก็จะกลายเป็นคนที่มีผู้วิเศษใต้ปกครองที่สุดในอังกฤษ”
“เกือบถูก คนที่มีผู้วิเศษใต้ปกครองที่สุดในอังกฤษคือพระราชา แต่ฉันคงเป็นที่สองอะไรแบบนั้น” การแต่งงานระหว่างทายาทสายตรงของมัลฟอยและแบล็คเป็นการรวมอำนาจที่น่ากลัว แต่ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้น เพราะหมายความว่าตระกูลหนึ่งจะขาดไปทันที
“นายรู้อยู่แล้ว” แฮร์รี่เขม่นมองเขาเหมือนเดรโกทำผิด
“ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วเจ้าบ้า” เดรโกเถียง “ฉันไม่ได้เป็นคนเสนอแต่งงานด้วยซ้ำ นายต่างหาก แล้วฉันคิดว่านายรู้ซะอีก อย่างน้อยคงรู้ว่าท่านดยุ๊คทำอะไรลงไป”
“ฉันพอจะรู้ว่าซิริอัสมีความคิดก้าวหน้า และเกลียดการผูกอำนาจของตระกูลขุนนาง แล้วก็ได้ยินเรื่องเล่าที่เขาหักระเบียบประเพณีของแบล็ค”
“เพราะอย่างนี้แหละ นายถึงจะถูกจับได้ นายไม่รู้เรื่องอะไรของสังคมผู้วิเศษเลย นายจะเป็นทายาทแบล็คได้ยังไง ถึงจะบอกว่าถูกเลี้ยงดูด้วยแบล็คนอกคอกอย่างซิริอัส แบล็คก็เถอะ”
แฮร์รี่เปิดปากเหมือนจะเถียงก่อนจะปิดลงแล้วขมวดคิ้ว “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“ห่วงสิ” เขาตะโกนอย่างอดไม่ได้
“ฉันหมายความว่าห่วงความปลอดภัยของฉันเองเว้ย” เดรโกรีบเสริมเมื่อเห็นว่าอีกคนเลิกคิ้ว
แฮร์รี่ก้มหน้า แต่เดรโกก็แอบเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ เจ้าบ้าน่าโมโหนั่น
“ไม่ต้องห่วงจริง ๆ นะ รู้แล้วว่านายต้องเสี่ยงไปกับฉันด้วย ฉันไม่ทำให้นายไม่ปลอดภัยหรอกน่าเดรโก”
--------------------------------------------------------
แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นมนุษย์ที่บ้าบอที่สุดในโลก เดรโกเดินวนรอบห้องนอนเป็นรอบที่ร้อย หมอนั่นบอกว่าจะไม่ทำให้เขาไม่ปลอดภัยแล้วมองเขาด้วยสายตาที่แทบจะทำให้เดรโกอยากลากเขามาฟัดกลางห้องหนังสือ แต่แทนที่จะทำอะไรต่อแฮร์รี่กลับขอตัวออกไปทันทีที่พูดจบ บอกว่ามีเรื่องที่ต้องเตรียมตัว แล้วดูสิ จนดึกขนาดนี้ก็ยังไม่กลับมา
“นายท่านขอรับ” เสียงของด๊อบบี้จากข้างตัวทำให้เดรโกตกใจจนเกือบกรี๊ด
“ด๊อบบี้จัดห้องให้นายท่านแฮร์รี่เรียบร้อยแล้ว”
เดรโกพยักหน้ารับรู้ หลังจากเดินขึ้นห้องนอนอย่างเบลอ ๆ เขาก็นึกได้ว่าแฮร์รี่เองก็ต้องมีห้องด้วย และต้องไม่ใช่ห้องเดียวกับเขา แค่นี้อยู่ใกล้ตอนกลางวันเดรโกก็รู้สึกหัวหมุนจนแทบจะแย่ ถ้าต้องเจอหน้ากันตอนกลางคืนเขามีหวังยั้งตัวเองไม่ได้แหงแก๋
“ห้องไหน”
“ด๊อบบี้จัดห้องนอนรับแขกที่ติดกับห้องนายท่านให้ครับ”
เดรโกอ้าปากค้าง เดี๋ยวนะ ห้องในคฤหาสน์มัลฟอยมีเป็นร้อย แล้วห้องข้างห้องเขามันสำหรับเวลาที่เพื่อนสนิทเขามาพักด้วยสมัยเดรโกยังเด็ก ๆ ห้องนั่นเล็กกว่าห้องนอนแขกอื่นในห้อง ที่สำคัญห้องนั่นมีประตูเชื่อมกับห้องเขาเสียด้วย
“ทำไม—”
“นายท่านแฮร์รี่บอกเองครับว่าขอห้องเล็ก ๆ แล้วห้องที่ว่าเป็นห้องที่เล็กที่สุดครับ” ด๊อบบี้ตอบอย่างแข็งขัน แต่เดรโกแอบสงสัยเอลฟ์ประจำบ้านตัวดีของเขา
“เปลี่ยนห้องซะ ให้แฮร์รี่ไปนอนอีกปีก—”
“แต่ถ้าอย่างนั้นด๊อบบี้จะขัดคำสั่งนายท่านแฮร์รี่” ด๊อบบี้พูดพร้อมกับน้ำตาคลอตาโต ๆ เอลฟ์ประจำบ้านที่ซื่อสัตย์ของเขาวิ่งไปที่กำแพงทำท่าเหมือนจะโขกกำแพงทำโทษตัวเอง ทำให้เดรโกต้องรีบเบรกแทบไม่ทัน
“เออ ๆ งั้นไม่เป็นไร ทำตามคำสั่งนายท่านแฮร์รี่ก็แล้วกัน”
อย่าให้รู้นะว่านายตั้งใจทำอย่างนี้ไอบ้าแฮร์รี่ เดรโกคิดในใจ
.
.
.
แล้วกว่าแฮร์รี่จะกลับมาก็ปาเข้าไปดึกโข เขาได้ยินเสียงเตาผิง เสียงเดินโครม ๆ แล้วก็ความอบอุ่นของเวทมนตร์ที่บอกให้รู้ว่าคู่ของเขากลับมาแล้ว
“นี่เราต้องคุยกัน” เขาเปิดประตูเชื่อมห้องทันทีที่ได้ยินเสียงอีกคนเดินเข้ามาในห้องนอน แฮร์รี่ทำตาโตมองเขา ในมือหอบชุดทางการพะรุงพะรัง แล้วยังม้วนกระดาษที่เจ้าตัวคาบไว้ในปากอีก หมอนี่ไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นพ่อมด คิดแล้วเดรโกก็โบกไม้กายสิทธิ์ ส่งให้เสื้อผ้าลอยออกจากอ้อมแขนแฮร์รี่ไปเก็บในตู้ง่ายๆ แล้วม้วนกระดาษก็ถูกดึงออกวางบนโต๊ะเขียนหนังสือไม่ห่างจากเตียง
“เฮ้” คนใส่แว่นประท้วง แล้ววิ่งไปหยิบม้วนกระดาษขึ้นมา
“เราต้องคุยกัน” เดรโกกอดอกยืนยันคำเดิม
“นั่นเป็นประตูลับรึไง เปิดไปไหน” หนุ่มผมดำเดินเข้ามาใกล้เขา แล้วชะโงกมองผ่านไหล่เขาไป ก่อนจะส่งเสียงโอออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นฝั่งที่อยู่อีกด้านของกำแพง
“ห้องนอนของนาย” แฮร์รี่พูดเบา ๆ ตายังคงมองไปในห้องเขา เดรโกหันมองตามสายตาอีกคน ก่อนจะหน้าร้อนฉ่า เพราะหมอนั่นเล่นมองที่เตียงตาไม่กะพริบ เมอร์ลิน เขาโบกไม้กายสิทธิ์ ดับตะเกียงในห้อง
“เราต้องคุยกัน” เดรโกพูดเป็นครั้งที่สาม นี่เขาจะต้องพูดประโยคเดิมซ้ำอีกกี่รอบถึงจะเข้าสมองเนี่ย
แฮร์รี่ถอยหลัง กอดอกมองเขา “ก็คุยมาสิ”
“พรุ่งนี้ที่ไปกินข้าวกับพวกแคร์โรว์แผนนายคืออะไร” เดรโกถามเสียงเครียด
“อ้อ ใช่ฉันต้องเตี๊ยมกับนายด้วยเรื่องฉากหลังของพวกเรา” พูดจบก็กระวีกระวาดกางม้วนกระดาษลงบนโต๊ะ เรียกเขาให้เข้าไปใกล้
แล้วเพราะกระดาษมันเล็ก แล้วไฟจากตะเกียงก็ไม่ค่อยสว่าง ทำให้เขาต้องยืนชิดกับแฮร์รี่จนรับรู้อุณหภูมิของอีกคน ให้ตายสิเมอร์ลิน เขาคิดแล้วพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
“ยังไงฉันก็ต้องทายาทตระกูลแบล็ค” แฮร์รี่อธิบาย ในนั้นเหมือนเป็นประวัติโดยย่อของใครสักคน บุคคลสมมุติ คนที่เดรโกควรจะแต่งงานด้วย
“ไฮด์รัส แบล็ค” เดรโกอ่านชื่อนั้น
“ใช่ การปลอมตัวยิ่งใกล้เคียงกับตัวจริงเท่าไหร่ยิ่งทำให้หลุดยากขึ้นเท่านั้น ไฮด์รัส แต่นายเรียกด้วยชื่อเล่นว่าแฮร์รี่ ที่สำคัญห้ามหลุดปากคำว่าพอตเตอร์เด็ดขาด” คนข้างตัวยกนิ้วขึ้นมาแตะปลายจมูกเขาเหมือนสั่ง
“รู้แล้วน่า” เดรโกขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ลูกชายนอกสมรสของดยุ๊คแห่งแคลร์มอนต์กับหญิงชาวบ้านฝรั่งเศส เกิดระหว่างที่ท่านดยุ๊คเดินทางท่องเที่ยวหลังจบจากฮอกวอร์ต เรียนที่โบซ์บาตง— พวกเขาต้องชวนนายคุยด้วยภาษาฝรั่งเศสแน่ นายพูดเป็นรึไง”
“วุย จา พาลเยีย ฟรองเซ่” แฮร์รี่ตอบกลับ (Oui je parle francias แปลว่าฉันพูดภาษาฝรั่งเศสได้)
“หวังว่าจะมากกว่านั้น” เดรโกไม่ถามต่อ “นายติดต่อกับฉันหลังได้ยินข่าวการเสียชีวิตของนาร์ซิสซาร์ มัลฟอยที่เป็นอดีตตระกูลแบล็ค แล้วเราก็แต่งงานกัน”
“ใช่ พวกเราแต่งงานกันเพราะมันเหมาะสม ฉันอยากกลับมาแผ่นดินของพ่อ แล้วก็ได้สมบัติของแบล็คพอดี ส่วนนายก็เจอคู่ที่เหมาะสมทั้งชาติตระกูลและเงินทอง ฉันอาจจะไม่ได้มีศักดิ์ขุนนางเพราะเป็นลูกนอกสมรส แต่ด้วยเงิน ฉันว่าพวกเขาคงปล่อยผ่าน แล้วฉันจัดการใส่ประวัติไฮด์รัส แบล็คในทะเบียนนักเรียนของโบซ์บาตงแล้ว ไม่ต้องห่วง พวกเขาสืบไม่ได้หรอก”
“แต่คำถามสำคัญคือนายเป็นแบล็คแบบซิริอัส หรือแบบเรกูลัสน้องชายแสนดีที่เป็นอย่างแบบตระกูลแบล็คทุกกระเบียดนิ้ว เสียดายที่อายุสั้นไปหน่อย”
“ไม่สักคน ฉันจะเป็นผู้ชายสำรวยหัวขี้เลื่อยให้นายชักจูงได้ง่าย ๆ ไม่รู้อะไรสักอย่างในสังคมอังกฤษ เห็นด้วยกับทุกอย่างที่นายพูด รักสามีคนเดียวของฉันสุดใจ”
“อย่าเยอะ” เดรโกพูดปัด แล้วก้มหน้ามองกระดาษ พยายามบอกตัวเองว่าห้ามมองตาแฮร์รี่เด็ดขาด
“ก็พอไหว” เดรโกสรุป “รายละเอียดพวกเราไม่เยอะดี นายดูไม่ใช่ตัวปัญหา แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะเชื่อใจนายพอจะคุยเรื่องที่นายอยากรู้รึเปล่า”
“เดี๋ยวก็รู้”
----------------------------------------------------------------------
เขายังยืนยันคำเดิมว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นมนุษย์ที่บ้าบอที่สุดในโลก เดรโกเดินวนที่ห้องโถงรับแขกเป็นรอบที่ร้อย ตามองชั้นสอง ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกา จะห้าโมงอยู่แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก วันนี้ทั้งวันก็เอาแต่หมกตัวอยู่กับเขาจนเกือบเย็น นั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ กับเขาในห้องหนังสือ แล้วก็มาจุ้นจ้านเปิดดูตู้เสื้อผ้าเขาขณะเขาเลือกชุดสำหรับวันนี้ แล้วดูสิ ตัวเองก็ยังแต่งตัวไม่เสร็จ
“ด๊อบบี้บอกว่านายเดินวนจนพื้นบ้านจะสึกแล้ว” เสียงทุ้มพูดทักขึ้น พร้อมกับเสียงรองเท้ากระทบบันไดไม้ ขณะที่เจ้าของเสียงเดินลงมา เดรโกหันกลับกำลังจะเปิดปากด่า แต่เขาก็ลืมคำพูดทั้งหมดเมื่อเห็นแฮร์รี่ชัด ๆ แน่นอนหมอนั่นแปลงหน้าให้กลายไปไฮด์รัส แบล็ค ไปแล้ว และหน้าตาที่ดูเต็มเปี่ยมด้วยสายเลือดแบล็คนั้นเข้ากันได้ดีสุด ๆ กับชุดเสื้อคอสูง ผ้าไหมคราเวตสีขาวอมเทา (Cravat ผ้าผูกคอแทนเนกไท เป็นที่นิยมในยุครีเจ็นซี่ค่ะ) เสื้อกั๊กสีเทาดิ้นด้วยเงินลวดลายอ่อนช้อย แล้วก็โค้ทหางยาวสีน้ำเงินเข้ม กางเกงเข้ารูปพร้อมรับรองเท้าบู้ทสูงที่คราวนี้ดูใหม่เอี่ยมแวววับ หมอนั่นดูเหมือนหนึ่งในขุนนางที่เขาคุ้นเคยด้วยไม่ผิดเพี้ยน
“สวัสดีท่านเอิร์ล” แฮร์รี่พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะโค้งศีรษะให้เดรโก เป็นการทักทาย
“เอ่อ สะ...สวัสดีท่านเค้าท์” เดรโกตอบตะกุกตะกัก โค้งกลับก่อนจะรับมืออีกคนมา
“หัวเราะอะไร”
“ก็นายเล่นทำหน้าเหมือนเห็นผี”
“ฉันแค่ไม่คิดว่านายจะแต่งองค์ทรงเครื่องแบบนี้ก็เป็นด้วย” เดรโกมองชุดของคนข้างตัว ไม่ใช่แค่ถูกต้อง แต่รายละเอียดการตัดเย็บ รวมถึงเนื้อผ้านั้นดูแล้วเป็นของมีราคา เราอาจจะไม่ไร้ความหวังอย่างที่คิด อย่างน้อย ๆ ถ้าแฮร์รี่ไม่หลุดหัวเราะออกมาอย่างนี้นะ เพราะไม่มีแบล็คคนไหนทั้งนั้นที่จะยิ้มซะตายิบหยีแบบนี้หรอก
“ฉันเป็นสามีนายนะ ไม่ทำให้นายอายหรอกน่า” ดวงตาสีน้ำตาลมองเขาอย่างเอ็นดู เดรโกต้องหันหน้ากลับมองตรงไปข้างหน้าแทน
“ต้องเก็บอารมณ์มากกว่านี้รู้ไหม” เขาดุคนข้างตัว “ทำหน้านิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ อย่างคนที่คิดว่าตัวเองดีกว่าทุกคน” เขาสอนพร้อมกับที่ประตูบ้านมัลฟอยเปิดออก พวกเขาต้องเดินไปถึงเขตที่หายตัวได้อย่างปลอดภัย แล้วมีเพียงเดรโกเท่านั้นที่รู้ หนึ่งในเวทมนตร์ป้องกันของที่นี่
“อือรู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องทำยังไง ก็เล่นมองหน้านายมาตั้งเจ็ดปี”
หมอนั่นหมายความว่ารู้จักเขามาเจ็ดปีหรอกน่า เดรโกพูดกับตัวเอง บังคับไม่ให้สมองคิดอะไรไปมากกว่านี้ ให้ตายสิแฮร์รี่ พอตเตอร์ นายจะทำให้ฉันต้องปวดหัวอีกนานแค่ไหนกัน
“พร้อมนะ” เขาถามเมื่อถึงจุดหายตัว จุดเดียวกับที่เขาทำพิธีการแต่งงานนั้นแหละ ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน และเหมือนคนข้างตัวเขาก็จำได้เช่นกัน ดวงตาคู่นั้นมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดที่เขา แล้วเดรโกสาบานว่าเขาไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ ที่แฮร์รี่เหลือบมองริมฝีปากเขา ก่อนจะรีบถอนสายตาแล้วมองหน้าเขาแทน
“พร้อม” แฮร์รี่ตอบ เดรโกจับมืออีกคนเอาไว้แล้วตั้งสมาธินึกถึงบ้านตระกูลแคร์โรว์ แล้วเมื่อเขาเปิดตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็เห็นหลังคาทรงสูงสีดำทะมึนของหอคอยปราสาทพวกแคร์โรว์ ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย และเหมือนคนข้างตัวเขาจะรู้แฮร์รี่บีบมือเขาเบา ๆ
“ไม่มีอะไรต้องกังวลน่าเดรโก”
“นายไม่รู้จักความเลือดเย็นของพวกเราดีพอน่ะสิ” เดรโกขมุบขมิบตอบ พร้อมกับก้าวขาเดินไปข้างหน้า จนกระทั่งเขาชนกับกำแพงเวทมนตร์
“นี่น่ะเหรอกำแพงเวทมนตร์” แฮร์รี่ถามพร้อมกับใช้แรงผลักกำแพงที่มองไม่เห็นตรงหน้า
“ที่พระราชวังไม่มีรึไง”
“ไม่ กษัตริย์อัลบัสต้องการดำเนินนโยบายเปิดประตูวังต้อนรับทุกคน มีเพียงแค่ทหารยามในชุดเกราะกับอัศวินรักษาพระองค์คุมเท่านั้น ส่วนข้างในก็เป็นพวกรูปภาพและใช้รหัสผ่าน”
“แล้วนายมาเล่าให้ฉันฟังเนี่ยนะ ถ้าเผื่อฉันคิดร้ายต่อพระราชาขึ้นมาเล่า” เดรโกถามเสียงสูง
“ถ้านายจะคิดร้าย ถึงเป็นกำแพงเวทมนตร์ยังไงก็กันไม่อยู่หรอก จากที่ฉันอ่านหนังสือในห้องสมุดของนายมีหลายคาถาเชียวที่ฉันอยากลองใช้” แฮร์รี่พูดแล้วยกมุมปากข้างนึงขึ้น
“ห้ามเด็ดขาด ฉันไม่อยากโดนพวกแคร์โรว์ล่าหัว”
“รู้แล้วน่า ไม่งั้นก็ทำไปแล้ว” แล้วทันใดนั้นกำแพงตรงหน้าเขาก็สลายลง เปิดให้เดรโกเดินต่อเข้าไปอย่างสะดวก และเมื่อเขาเดินเข้าไป ก็มีเอลฟ์ประจำบ้านรีบออกมาต้อนรับและเดินนำไปที่ห้องโถงรับรอง เอลฟ์ของพวกแคร์โรว์ดูผ่ายผอมว่าเอลฟ์ของพวกเขาซะอีก แถมยังเต็มไปด้วยรอยหวด เหมือนไม่ใช่แค่ลงโทษตัวเอง แต่หากเจ้านายก็ร่วมด้วย เดรโกพยายามไม่มอง ถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาได้ญาติดีกับพวกเอลฟ์เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสารวิธีที่เจ้านายบางคนปฏิบัติต่อเอลฟ์
พวกเขาเดินกันมาเงียบ ๆ จนถึงประตูเข้าบ้าน เดรโกตั้งสมาธิกับการสกัดใจ พวกแคร์โรว์ไม่ได้เก่งเรื่องการพินิจใจก็จริง แต่เขาไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นแขกบ้าง เขาหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่บ้าถึงขนาดล่อทายาทตระกูลมัลฟอยออกมาเพื่อฆ่าทิ้ง ไม่หรอก เขามีค่าในฐานะผู้รับใช้ มากกว่าในฐานะศพ แล้วโวลเดอร์มอร์ไม่มีวันคิดว่าคนอย่างเดรโกจะมีความกล้า หรือความบ้าพอที่จะร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อโค่นตัวเอง
ไม่มีทางสงสัยหรอก เดรโกปลอบใจตัวเอง
“สวัสดีท่านเอิร์ล” ผู้ชายหลังค่อม ใบหน้าไม่เป็นที่น่าจดจำ ดวงตาห่างและเล็กเหมือนดวงตาหมูทักขึ้นก่อน อะมีคัส แคร์โรว์หน้าตาไม่ต่างจากที่เขาจำได้ ใบหน้าซีดบิดเบี้ยวที่ดูสนุกเหลือเกินที่ได้ใช้คาถากรีดแทงกับเขา ร่างกายเขากระตุกเหมือนจะบอกให้เขาวิ่งหนีจากคนที่เคยทำร้ายเขา แต่สิ่งที่ห้ามเขาไว้อยู่คือมือของแฮร์รี่ที่บีบมือเขาแน่น
“สวัสดีท่านบารอน” เดรโกทักกลับ เสียงเขาไม่สั่น
“แล้วนี่คงเป็นท่านเคาท์คนใหม่” อะมีคัสพูดพร้อมกับมองไปทางแฮร์รี่ ดวงตาสีดำมองคนข้างตัวเขาขึ้นลง ราวกับแฮร์รี่เป็นสินค้าจัดแสดง “ไม่ทราบว่าท่านมาจากตระกูลไหน มายลอร์ด” อะมีคัสถามที่แฮร์รี่
“แบล็ค” แฮร์รี่ตอบสั้น ๆ สายตามองแคร์โรว์อย่างไม่ใส่ใจ
“แบล็คหรือ แบล็คยังมีทายาทผู้ชายด้วยอีกหรือ ท่านใช้นามสกุลของมารดา—”
“เราคือลูกชายของท่านดยุ๊คแห่งแคลร์มอนต์และทายาทสายตรงของแบล็ค” แฮร์รี่พูดขัดด้วยน้ำเสียงของคนที่เหนือกว่า ว้าว เดรโกอดประทับใจไม่ได้ หมอนี่เล่นละครก็เป็นแฮะ
อะมีคัสเบิกตากว้าง ก่อนจะกระแอมเบา ๆ “ขอโทษที่เสียมารยาทมายลอร์ด แต่ผมไม่ทราบว่าท่านดยุ๊คคนก่อนมีบุตรชายด้วย”
“ก็ไม่แปลก เพราะเราก็ไม่ใช่ลูกที่เกิดตามกฎหมาย แต่ยังไงเราก็คือสายเลือดแบล็คอยู่ดี” ทันทีที่แฮร์รี่พูดจบ เดรโกอดไม่ได้ที่จะสมน้ำหน้าอะมีคัส ไอ้หน้าหมูนั่นต้องเรียกลูกนอกกฎหมายว่ามายลอร์ด ข้างในคงเดือดปุด ๆ แต่คนตรงหน้าคือแบล็คสายตรง และมียศเป็นถึงเคาท์ ไม่ว่าจะยังไงตระกูลบารอนอย่างแคร์โรว์ในทางสังคมแล้วก็ต้องก้มหัวให้กับคนที่ลำดับสูงกว่าอย่างเคาท์
“อ้อ งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ” อะมีคัสหยุดก่อนจะพูดต่อ “มายลอร์ด” อะมีคัสพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างเต็มๆ
“แกไปเรียกอะเล็กโตด้วย” อะมีคัสตะโกนสั่งเอลฟ์ประจำบ้านอย่างหยาบคาย เอลฟ์ห่อตัวอย่างหวาดกลัวก่อนจะหายตัวไป ทำกับคนที่ศักดิ์สูงกว่าไม่ได้ ก็ลงกับคนที่ด้อยกว่า นี่แหละแคร์โรว์ เดรโกคิดอย่างรังเกียจ
“ห้ามสาปเขานะ” แฮร์รี่กระซิบที่หูเขาเบา ๆ เดรโกทำตาโตดุ ทำให้คนพูดต้องอมยิ้ม “ดูก็รู้ว่านายเกลียดเขา แต่ห้ามทำแผนแตก” แฮร์รี่พูดต่อดวงตาเป็นประกาย นี่แหนะผู้ชายจากตระกูลแบล็คจอมยโสคนนั้นหายไปไหนแล้ว ทำไมต่อหน้าเขาถึงได้เป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่แสนจะบ้าบอที่สุดในโลกเหมือนเดิมกันนะ
---------------------------------------------------------
Author Note: สนุกกับการเขียนเรื่อง Background เวทมนตร์มากเลยค่ะ หึหึหึ แล้วก็สนุกที่ได้จินตนาการแฮร์รี่กับเดรโกในชุดยุครีเจ็นซี่ด้วย คิดถึงพวกอังกฤษประมาณปี 1700 - 1800 ประมาณนั้นอะค่ะ เรื่องนี้ยาวนะคะ ขอโทษด้วยนะคะถ้าความสัมพันธ์ตัวละครจะไป ๆ กลับ ๆ
ความคิดเห็น