คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Courageous Confession
“นายชอบฉันเหรอ”
หัวใจเขาเต้นรัว เดรโกภาวนาให้แฮร์รี่ปฏิเสธคำถามนั้น แต่ลึก ๆ เขารู้ว่าแฮร์รี่จะตอบว่าอย่างไร เขารู้ตั้งแต่เห็นความทรงจำของอีกคนในครั้งแรกที่เต็มไปด้วยเขาแล้ว การพินิจใจนั้นแปลกพิกลตรงที่สมองจะส่งความทรงจำที่เจ้าตัวอยากซ่อนมากที่สุดจากผู้พินิจใจขึ้นมาเป็นอันดับแรก แล้วเขาก็พอจะเดาออกว่าทำไมแฮร์รี่ถึงอยากซ่อนความทรงจำเกี่ยวกับเขาจากเขา
แต่ได้โปรดปฏิเสธ เดรโกภาวนาอีกครั้ง
แฮร์รี่มองหน้าเขาจากอีกฟากของห้อง ดวงตาสีเขียวหลังแว่นนั่นมองเขาเหมือนเขาเป็นลูกสนิชก็ไม่ปาน เขาเคยเห็นความมุ่งมั่นนี่ทุกครั้งที่พวกเขาแข่งกันในเกมส์ตลอดหกปีที่ฮอกวอร์ต ไม่เคยคิดว่าจะมีสักวันที่เขาจะกลายเป็นลูกสนิชให้แฮร์รี่ต้องมาไล่ตาม
“ใช่ ฉันรักนายเดรโก” แฮร์รี่พูดออกมา ไม่ใช่แค่ชอบแต่เป็นรักเชียวหรือ ส่วนเขาได้แต่หลับตาแล้วหวังว่าเขากำลังฝันไป “ตั้งแต่สมัยฮอกวอร์ต และฉัน--”
“หยุด” เขาร้องห้าม ไม่อยากฟังคำสารภาพไปมากกว่านี้ มือเขาจับโต๊ะไว้แน่น พยุงตัวไม่ได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เจ้าบ้านั่นดันชอบคนอย่างเขา แถมยังเป็นตอนนี้อีก
“นายรักฉันไม่ได้” เขาพูดต่อ
แฮร์รี่เม้มปากไม่ตอบ ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง “ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดโดยหลบหน้าจากสายตาเขา
เดรโกจิกนิ้วจนเจ็บ ไม่เกี่ยวว่าเขาจะรู้สึกยังไง แต่ความจริงคือแฮร์รี่จะมารู้สึกอะไรกับเขาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้าตัวจะต้องเกี่ยวข้องกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ไม่เข้าใจหรือยังไง
“แต่ฉันเองก็หยุดไม่ได้หรอกนะ”
เดรโกไม่เข้าใจว่าทำไมหน้าอกเขาต้องปวดขนาดนี้เมื่อได้ยินประโยคที่อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงวิงวอนเช่นนั้น
“นายไม่เข้าใจ” เขาตะโกนกดความรู้สึกเจ็บแปลก ๆ ให้ลึกลงไป “นายจะรู้สึกอะไรกับฉันไม่ได้เด็ดขาด” เขาถอนหายใจมองเพดาน หวังว่าเสียงจะไม่สั่นก่อนจะพูดต่อ “เขาเป็นคนที่ใช้สิ่งนั้นเข้าใจไหม โวลเดอร์มอร์ใช้ความรู้สึกของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือ”
“เขาหลอกให้ป้าเบลล่ารักเขาและทุ่มเททุกอย่าง พ่อปลุกเขาขึ้นมาเพราะพ่อรักฉัน แล้วคิดว่าเขาจะช่วยได้ เขาใช้ชีวิตของฉันเป็นประกันเพื่อให้แน่ใจว่าพ่อกับแม่จะทำตามที่เขาบอก ถ้าไม่เขาจะบังคับตีตรามารใส่ฉัน เขารู้ว่าฉันรักแม่ เพราะฉะนั้นเขาถึงตั้งใจ— “เดรโกหยุดตัวเอง เขาไม่อยากพูดถึงมันอีกครั้ง
“นายเข้าใจไหมเขาเก่งเรื่องนี้ ถ้าเขาเห็นหรือสงสัยหรือแค่รู้สึกว่านายรักฉัน เขาจะต้องหาทางใช้มัน นายจะเป็นเครื่องมือให้เขา ไม่เข้าใจรึไง” ความคิดที่โวลเดอร์มอร์จะใช้ความรู้สึกของแฮร์รี่ จะใช้แฮร์รี่เป็นเครื่องมือ ทำให้เขาอยากจะอาเจียน
“อย่าถูกใช้แฮร์รี่”
แฮร์รี่หันมามองเขา สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเศร้า “นายพูดประโยคนั้นหลังจาก—”
“ใช่ หลังจากที่พ่อกับแม่ตาย ฉันสัญญากับตัวเองว่าฉันจะไม่ถูกเขาใช้อีก” เดรโกรู้ว่าแฮร์รี่เห็นอะไรตอนที่อีกคนเผลอกระโจนเข้าไปในหัวเขา
“ฉันจะกันความคิดจากเขา” แฮร์รี่ตอบกลับ
“เขาเป็นคนที่เก่งพินิจใจที่สุดในอังกฤษนะ นายอาจจะกันบางเรื่องได้ ความลับที่นายต้องเก็บ แต่ความรู้สึกมันกันยากมาก” เดรโกยกมือขึ้นมาปิดหน้า “นายต้องหยุดความรู้สึกนั้น ฉันไม่มีวันรักนายกลับ และถ้านายยังคงรู้สึกอย่างนั้นต่อไปนายจะเป็นเหยื่อเขา” เขาหลับตาก่อนจะหมุนตัว เปิดประตูออกไป แฮร์รี่ไม่เดินตามเขาออกมา แต่เดรโกก็ยังรู้สึกถึงสายตาของอีกคนจนประตูปิดลง
-----------------------------------------
เดรโกพยายามปลดกระดุมทองเสื้อกั๊กออก หวังว่าเมื่อถอดเสื้อนอกออกเขาจะหายใจได้ปกติอีกครั้ง แต่มือเขาก็ยังสั่นจนในที่สุดเดรโกก็ยอมแพ้แล้วนั่งลงปลายเตียงของตัวเองโดยที่เสื้อกั๊กยังเหลือกระดุมอีกสองเม็ด
“นายเป็นพ่อมดนะ” เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์พึมพำคาถาที่แม่เคยใช้ถอดเสื้อผ้าเขาสมัยเด็ก ๆ กระดุมทองเป็นแถบหลุดออก เดรโกสะบัดเสื้อดึงเสื้อกั๊กตัวนอกที่รัดจนอึดอัดออก แต่ทำไมถึงถอดออกแล้วเขายังรู้สึกเจ็บในอกจนหายใจได้ไม่ทั่วปอดอยู่ดีนะ
ชายหนุ่มวางไม้กายสิทธิ์ลงยกมือขึ้นมาปิดหน้า ให้ตายสิเขามองข้ามการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแฮร์รี่ไปนานขนาดนั้นได้ยังไง
“ถ้ารู้เร็วกว่านี้จะรีบบอกให้นายเลิกคิดซะ” เขาพูดกับมือตัวเอง ขอบตาร้อนผ่าว เขาไม่ยอมให้แฮร์รี่ต้องถูกใช้เหมือนพ่อกับแม่เขาเด็ดขาด เดรโกกอดตัวเอง พยายามดันภาพที่เห็นชายหนุ่มผมดำนอนมองเขาจากพื้นด้วยสายตาว่างเปล่าตอนที่ได้ยินแฮร์รี่สารภาพลงไปให้ลึกที่สุด ต้องไม่เกิดขึ้น มันต้องไม่เกิดขึ้น
“ทำไมนายไม่แค่สงสารฉันนะ” เขาวางมือลงบนตัก แล้วก้มมองมือสั่น ๆ ของตัวเอง ตั้งแต่เช้าเขาพยายามบอกตัวเองตลอดว่าแฮร์รี่คงสงสารเขาตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาร้องไห้ครั้งนั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นหรอก เขาไม่ยอมให้ตัวเองเชื่อว่าเป็นอย่างอื่น ถึงเขาจะเกลียดว่าโดนอีกคนสงสารแค่ไหนคงดีกว่ารัก และตอนนี้คนที่รู้ว่าแฮร์รี่รู้สึกยังไงกับเขาก็มีสองคนแล้ว หมอนั่นไม่น่าจะพูดเลย เดรโกรู้ว่าสายตาอีกคนยามมองเขาขณะสารภาพความรู้สึกจะฝังอยู่ในหัวเขาไม่มีวันลบเลือน และเขาได้แต่หวังว่าเขาจะสามารถซ่อนมันจากจอมมารได้
แต่ก็คงยากเต็มที คำสารภาพของแฮร์รี่ไม่ใช่แค่ทำให้เขากลัว แต่มันปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวเขาขึ้นมา ในชั่วขณะหนึ่งในห้องนั่นเดรโกยอมให้ตัวเองรู้สึกดีใจ มีใครคนหนึ่งที่รักเขา ถึงเขาจะบอกตัวเองว่าไม่ต้องการมัน แต่สำหรับมนุษย์คนหนึ่งเขาก็ยังโหยหาสิ่งนั้น
และอาจจะเป็นเขาเองด้วยซ้ำที่เปิดช่องให้แฮร์รี่ได้มีความรู้สึกกับเขา เขาเหงาและไม่มีใครอีกแล้วตั้งแต่พ่อกับแม่ไม่อยู่ แฮร์รี่เป็นคนเดียวที่เข้ามา แล้วเขา...เดรโกกัดริมฝีปากจนได้รสเลือด... นึกถึงทุกอย่างที่เขาทำกับแฮร์รี่ ถ้ารู้ว่าจะทำให้อีกคนรักเขา เขาคงใจร้ายกว่านี้ตั้งแต่แรก
และเขายังคงมองมือตัวเองตอนที่เขาได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อเขาเบา ๆ
“เดรโก”
เขาสะดุ้งเงยหน้าขึ้น เจ้าของเสียงนั่นนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา ดวงตาคู่นั้นดูเจ็บช้ำแต่ไม่มีน้ำตา แน่นอนแฮร์รี่แทบไม่เคยร้องไห้ ที่จริงตลอดเจ็ดปีที่ฮอกวอร์ตไม่ว่าเขาจะแกล้งอีกคนแค่ไหน เขาก็ไม่เคยเห็นแฮร์รี่ร้องไห้เลยสักครั้ง แฮร์รี่เข้มแข็งกว่าเขาเสมอ และเป็นครั้งแรกที่เขาดีใจที่เป็นอย่างนั้น
“ไม่ใช่ความผิดของนายนะที่ฉันรักนาย” แฮร์รี่วางมือลงบนเข่าเขา อุ่นและเบามืออย่างไม่แน่ใจเหมือนเจ้าตัวกลัวว่าเขาจะวิ่งหนีซะวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
เดรโกไม่ตอบ เขาก้มลงมองมืออุ่นของอีกคน มือของแฮร์รี่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น มือของคนที่ต้องต่อสู้มาตลอดชีวิต แต่มือของเขา...เดรโกมองมือของตัวเอง มือเขาคือมือของคนมียศ คนที่ไม่เคยต้องลำบาก คิดแล้วในอกเขายิ่งปวดหนึบเมื่อคิดว่าเขาอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แฮร์รี่ต้องตาย
“นายไม่ควรรู้สึกอย่างนั้น” เขาพูดเบา ๆ ขอบตาร้อน แต่ในเมื่อแฮร์รี่ไม่ร้องเขาก็จะไม่ร้องเช่นกัน
“ฉันไม่เคยผิดสัญญานะเดรโก” แฮร์รี่ตอบกลับ ไม่ได้บังคับให้เขาสบตา
“ไม่ใช่แค่ต่อหน้าฉัน” เขาเสียงสั่นอย่างคุมตัวเองไม่ได้
“ถ้านายตาย แล้วถ้ามันเป็นเพราะฉัน เมอร์ลิน—” เดรโกไม่กล้าพูดต่อ เขาจะให้อภัยตัวเองได้ยังไง เขาจะมีชีวิตต่อได้ยังไง ถ้าทั้งพ่อ ทั้งแม่ แล้วก็แฮร์รี่ต้องตายเพราะเขา เขาจะทนได้ยังไง
“นายเข้ามายุ่งเรื่องโวลเดอร์มอร์ตั้งแต่แรกเพราะ—”
“เพราะเป็นคำสั่งของกษัตริย์อัลบัส” แฮร์รี่พูดแทรก ไม่ยอมให้เขาโทษตัวเอง “ไม่ใช่เพราะนาย ไม่ว่าฉันจะอยู่หรือตายมันจะไม่ใช่เพราะความรู้สึกที่ฉันมีให้นาย”
“แล้วถ้าวันนึงเขารู้แล้วเขาบังคับให้นายเลือกระหว่างฉันกับอะไรก็ตาม” เดรโกกดดันอีกคน อยากให้แฮร์รี่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้กลัวหนักหนา
“ฉันจะเลือกทำสิ่งที่ฉันต้องทำ” แฮร์รี่ตอบกลับโดยไม่มีลังเล ดวงตาคู่นั้นมองตาเขานิ่ง เหมือนท้าทายรอให้เขาอ่านใจว่ากำลังโกหกอยู่รึเปล่า ปลายนิ้วของแฮร์รี่เอื้อมขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากเขาเบา ๆ ความอุ่นของเวทมนตร์รักษาแผ่ไปทั่วริมฝีปากเขา
“ตลอดชีวิตฉันไม่เคยได้ทำได้มีอะไรอย่างที่ฉันต้องการอยู่แล้ว” แฮร์รี่ยิ้มเศร้า ส่วนเขาได้แต่พยายามบังคับให้ตัวเองสูดลมหายใจแล้วหวังว่าความอึดอัดในอกจะคลายลงไปบ้าง
“นายก็จะเป็นอีกอย่างที่ฉันจะไม่สามารถมีได้ แต่มันไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ ฉันรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่ถ้ามันถึงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างนายกับสิ่งที่ฉันต้องทำ นายก็รู้คำตอบแล้วนะว่าฉันจะเลือกอะไร”
“แล้วระหว่างฉันกับชีวิตนายล่ะ” เดรโกถามเสียงเบา เขาไม่สงสัยเลยว่าคนตรงหน้าจะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อหน้าที่ แฮร์รี่เป็นอย่างนั้นเสมอ เขาเป็นซีกเกอร์ที่เก่งไม่ใช่แค่เพราะเขาบินเก่ง แต่เพราะเขาไม่เคยเสียสมาธิในเกมส์ ทุกอย่างเพื่อจับลูกสนิชเท่านั้น ความปลอดภัยของตัวเองเป็นรองสิ่งที่ต้องทำเสมอ
แฮร์รี่ไม่ตอบเขาทันที มีแต่รอยยิ้มเศร้าที่ส่งกลับมาให้เท่านั้น และเดรโกก็หยุดน้ำตาไว้ไม่ได้ ทำไมเขาต้องร้องไห้ต่อหน้าคนคนนี้ตลอดเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากดูอ่อนแอจนต้องโดนปกป้องแท้ ๆ
“ถ้าภารกิจยังไม่จบ ฉันก็ต้องทำให้จบ” คำตอบที่อ้อมโลกไปไกล หมอนี่อยู่กับกษัตริย์อัลบัสมากเกินไปแล้ว เดรโกก้มหน้ามองมือตัวเอง ไม่อยากเงยหน้ามองคนที่กำลังบอกเขาว่าถ้าหากไม่มีภารกิจแล้วแฮร์รี่จะเลือกเขาก่อนชีวิตตัวเอง
เขาหลับตาสงบใจ ได้ เขาจะอยู่กับคำตอบนั่นได้ เพราะหลังจบเรื่องนี้เขาไม่คิดว่าเขาจะอยากมีชีวิตต่อเช่นเดียวกัน ยังไงเขาก็เป็นฆาตกร เขาไม่สมควรที่จะได้มีชีวิตอยู่แล้ว
“ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะไม่รัก” เดรโกพูดเบา ๆ “ฉันจะไม่เปิดช่องว่างให้เขามากกว่านี้”
แฮร์รี่ไม่ปฏิเสธแต่แค่ขยับมือมาทาบทับมือเขาแล้วบีบเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “อือ”
“ไม่เป็นไรหรอกเดรโก ถ้าฉันอยากให้นายรักฉันคงบอกนายไปตั้งนานแล้ว”
เดรโกมองมืออีกคนที่จับมือของเขาไว้ แฮร์รี่ไม่เคยคิดว่าอยากจะให้เขารู้ตั้งแต่แรก เรื่องที่เขารู้เป็นเพราะเขาบุกรุกเข้าไปในใจอีกคน แต่...แต่ไม่ว่ายังไง ถึงจะบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้รักแฮร์รี่ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นอีกคนต้องมาผิดหวังเพราะรักคนอย่างเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่แฮร์รี่ก็เป็นคนสำคัญในใจเขา และเขารู้สึกเจ็บแทนเมื่อได้ยินพูดของแฮร์รี่ว่าในชีวิตเขาไม่เคยมีอะไรสักอย่างอย่างที่ต้องการ ถ้าเป็นคนอื่นอย่างน้อย ๆ แฮร์รี่ก็จะมีคนรักอย่างที่ต้องการ ถึงจะไม่มีพ่อแม่ ไม่เหลือครอบครัว แต่ก็ยังมีคนรัก
แฮร์รี่นั่งคุกเข่าจับมือเขาเงียบ ๆ และเขาไม่รู้สึกอยากดึงมือตัวเองกลับด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถรักแฮร์รี่ได้ แต่เขาก็ยังทำอย่างนี้ เดรโกอดไม่ได้ที่จะโกรธตัวเองแต่เขาก็ไม่มีแรงใจที่จะดึงตัวเองออกมาตอนนี้
“ขะ...ขอโทษนะ” คำขอโทษที่เขาแทบไม่เคยเอ่ยปากให้ใครได้ยิน แต่เขากลับรู้สึกว่าเขาต้องบอกแฮร์รี่
แฮร์รี่ไม่ตอบแค่บีบมือเขากลับ
เสียงเคาะกระจกทำให้เดรโกสะดุ้ง ก่อนจะเงยหน้ามองไปทางหน้าต่าง นกฮูกสีเข้มตัวใหญ่บินอยู่ข้างนอก ที่ขามีม้วนจดหมาย เขาสบตากับแฮร์รี่ ใครกันที่จะติดต่อเขามาตอนนี้ เดรโกปล่อยมือจากแฮร์รี่แล้วเอื้อมไปหยิบไม้กายสิทธิ์ ก่อนจะสะบัดเบา ๆ เปิดหน้าต่างให้นกฮูกเข้ามา มันบินเข้ามาปล่อยจดหมายลงบนตักเขาแล้วบินกลับโดยไม่หยุด
เดรโกเอื้อมไปคว้าจดหมาย ก่อนจะรีบเปิดออกเมื่อเห็นตราประทับของตระกูลเลสแตรงจ์ เขาวางจดหมายสั้น ๆ นั่นลงหลังอ่านจบ และดูเหมือนแฮร์รี่จะอ่านอารมณ์เขาออก หนุ่มผมดำยืดตัวขึ้นแล้วดึงเขาเข้าไปกอดแน่น
“เป็นอะไรเดรโก” เสียงทุ้มนั้นถามเขาอย่างอ่อนโยน เดรโกยกมือขึ้นกอดหลังอีกคนกลับ อยากจะหยุดเวลาได้ตรงนี้ แต่พวกเขาอยู่ในสงครามและมีสิ่งที่ต้องทำ
“โวลเดอร์มอร์สั่งให้ผู้เสพความตายทุกคนตามล่านายแล้วพาไปหาเขา” เดรโกหลับตาแน่น ซุกจมูกเข้ากับไหล่ของอีกคน เขาหยุดอะไรไม่ได้อีกแล้ว สายตาของจอมมารจับจ้องมาที่ลูกชายของผู้หญิงที่ฆ่าเขาครั้งที่แล้ว
-----------------------------------------
และเพราะพวกเขาต้องมีเรื่องทำ ดังนั้นแทนที่จะซ่อนตัวในคฤหาสน์อย่างที่คนมีค่าหัวจะทำ เขากับแฮร์รี่กลับมาที่ก๊อดดริกฮอลโลว์อีกครั้ง คราวนี้พร้อมกับความรู้สึกที่หนักอึ้งยิ่งกว่าครั้งแรก และไม่ใช่เขาคนเดียวที่ต้องคลุมผ้าคลุมจนมิดชิด แต่คนข้างตัวก็เขาก็เช่นกัน เขาบังคับให้แฮร์รี่ทิ้งชุดนอกสีแดงเลือดหมูพร้อมตราสัญลักษณ์ของอัศวินพระราชาเสีย แค่นี้ก็เป็นเป้าพออยู่แล้ว
เดรโกเหลือบมองคนข้างตัว เขาไม่เห็นว่าใบหน้าใต้ฮู้ดสีเข้มนั้นทำสีหน้าอย่างไร แต่ถ้าจากไหล่ที่เกร็งและมือที่กำไม้กายสิทธิ์แน่น เขาก็พอจะเดาออก
พวกเขาเดินเข้าไปในบ้านเงียบ ๆ แฮร์รี่แสดงสัญลักษณ์และผ่านเวทมนตร์ตรวจสอบว่าไม่ได้มีการแปลงกายใด ๆ ให้กับอัศวินที่เฝ้าพื้นที่ แถบนี้เงียบกว่าครั้งที่แล้วที่เขามา แม้จะไม่กี่วัน แต่ข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่าลอร์ดโวลเดอร์มอร์และพวกผู้เสพความตายโผล่มาแถบนี้ ทำให้ผู้วิเศษที่อาศัยหลบอยู่แต่ในบ้านและใช้ทุกอย่างที่รู้ในการป้องการบ้านให้แข็งแกร่งที่สุด
“อืม เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าให้ร่ายคาถานี้บนของทุกอย่าง แล้วถ้ามันมีร่องรอยเวทมนตร์ของกรินเดลวัลด์จะเรืองแสง” แฮร์รี่พูดพร้อมกับอ่านม้วนกระดาษในมือ เดรโกมองหน้าอีกคน แฮร์รี่ดูไม่ได้ต่างจากก่อนหน้าเลยสักนิด ไม่มีอาการที่หลบหน้าเขาหรืออะไร เหมือนยังกับว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เกิดขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าเดรโก” อีกคนถามเขา
“ไม่มี” เดรโกรีบส่ายหน้า สลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องของแฮร์รี่ออกจากหัว ทำไมคนที่บอกว่าจะไม่รักอย่างเขาถึงกลายเป็นคนที่รู้สึก ๆ แปลก ๆ ด้วยน้า
“งั้นแยกกัน นายดูของชั้นล่างฉันจะขึ้นไปชั้นบน” เขารีบเสนอความคิด
“อือ” แฮร์รี่ตกลงก่อนจะยื่นม้วนกระดาษของเกรนเจอร์ให้เขา “ฉันจำคาถาได้แล้ว นายเอาไปสิ”
เดรโกกำลังจะเปิดปากด่าหาว่าอีกคนดูถูกเขารึยังไง ก่อนจะระลึกได้ว่าแฮร์รี่ไม่ใช่คนอย่างนั้น คงเป็นห่วงคิดว่าเขาจะจำไม่ได้จริง ๆ เขารับกระดาษมาแต่ยังไม่วายขอบ่นหน่อย
“ไม่ได้ความจำสั้นอย่างวีสลีย์นะ” เขามองค้อนคนที่แอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงบ่นเขา
“เอ้า รีบ ๆ ไปจัดการได้แล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่ทั้งวันใช่ไหม” แฮร์รี่พูดแค่นั้นแล้วหันหลังไปเริ่มร่ายคาถาใส่สิ่งของ เดรโกก้าวขึ้นไปบันไดโดยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงสายตาที่แอบมองตาม แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหันกลับไปดูให้แน่ใจ
คาถาของเกรนเจอร์ไม่ได้ยากเย็นถ้าจับเทคนิคการลากเสียงและสะบัดข้อมือได้ เป็นการพลิกแพลงคาถายืนยันเวทมนตร์ที่พวกเขาต้องเรียน สำหรับตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยว่ามีคำแช่งรึเปล่า เกรนเจอร์แปลงให้มันแสดงเฉพาะหากถูกร่ายโดยไม้กายสิทธิ์ของกรินเดลวัลด์หรือมีลายเซนต์เวทมนตร์ของกรินเดลวัลด์
และแน่นอนสิ่งของที่เรืองแสงมีเป็นร้อยชิ้น เพราะที่นี่คือบ้านของกรินเดลวัลด์และกษัตริย์อัลบัส ทำให้เขาต้องร่ายคาถาคลายเวทมนตร์เพื่อดูว่าปล่อยเวทมนตร์แล้วจะเกิดอะไรขึ้น และนั่นคือส่วนที่เสี่ยงที่สุด ทุกครั้งเขาต้องตั้งคาถาโล่ก่อนร่ายคาถาคลายเวทมนตร์ ไม่รู้ว่าอดีตคนรักของพระราชาจะใส่คำแช่งแปลก ๆ ไว้รึเปล่า
“เอ๊ะ” เดรโกอุทานอย่างแปลกใจเมื่อหนึ่งในวัตถุที่เรืองแสงไม่ตอบสนองต่อคาถาคลายเวทมนตร์ของเขา เขาร่ายอีกหนึ่งคาถา แต่มันก็ยังคงเรืองแสงเช่นเดิมไปเปลี่ยนไปไหน คราวนี้เดรโกขมวดคิ้วก่อนจะตะโกนเรียกกำลังเสริม
“แฮร์รี่ แฮร์รี่ขึ้นมานี่หน่อย” แล้วเสียงฝีเท้าปึง ๆ ก็บอกให้เขารู้ว่าคนที่เขาเรียกกำลังกระโดดขึ้นบันได
“มันไม่หาย ฉันพยายามใช้คาถาคลายเวทมนตร์แล้ว” เขาชี้ไปที่กองตั้งเอกสาร ที่ตอนนี้ยังคงเรืองแสงสีฟ้าอ่อน ๆ อัศวินหนุ่มเดินเข้าไปใกล้มองตั้งกระดาษนั่น
“ข้อเสนอของกรินเดลวัลด์ให้กษัตริย์อัลบัส” แฮร์รี่อ่านหน้าปกตัวใหญ่ ก่อนจะหันมามองเขาเหมือนรอให้เขาอธิบาย เจ้าบ้านี่เป็นอัศวินได้ยังไงห๋า
“ก็ข้อเสนอของกรินเดลวัลด์ไง ที่กษัตริย์ของเราไม่ยอมตกลงด้วย” เมื่อเห็นว่าหนุ่มแว่นยังคงทำหน้าว่างเปล่า เดรโกก็ได้แต่กลอกตามองบนแล้วพูดต่อ “ยกเลิกระบอบกษัตริย์และขุนนาง ปกครองโดยสภาผู้วิเศษที่คัดเลือกจากอำนาจเวทมนตร์แทนที่จะเป็นสายเลือด ไม่ซ่อนตัวจากมักเกิ้ล แล้วถ้ามักเกิ้ลคนไหนกล้าหือก็จัดการให้รู้ซึ้งซะว่าใครจะชนะ พอจะคุ้น ๆ รึยัง บนโต๊ะนั่นคือข้อเสนอที่ถูกตีกลับมา เป็นฉนวนสงครามไง”
“กษัตริย์อัลบัสไม่ทำลายข้อเสนอนี้เหรอ” แฮร์รี่ถามเขา ส่วนเขาได้แต่จ้องหน้าอีกคนตอบกลับ เขาจะรู้ใจตาแก่นั่นไหมเล่า กษัตริย์อัลบัสคิดอะไรอยู่ใครจะไปรู้ เป็นเขาคงทำลายทุกอย่างที่เป็นภัยจนเหี้ยนมากกว่าเก็บไว้เตือนใจ
“จะรู้ไหม นี่เดรโก มัลฟอยเว้ย ไม่ใช่กษัตริย์อัลบัส” เขาขมวดคิ้วตอบกลับเมื่อเห็นอีกคนยังมองหน้าเขาเหมือนเขาต้องรู้คำตอบ แล้วเขาไม่ใช่หนังสือเดินได้อย่างเกรนเจอร์ที่จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
“เขาใจอ่อนเรื่องกรินเดลวัลด์จะตายนายก็รู้” เดรโกเดินเข้ามายืนข้างแฮร์รี่ มองตั้งกระดาษเจ้าปัญหา ไม่ได้หนาไปกว่ากระดาษไม่กี่แผ่น แต่ก็พอที่จะทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ
“ไฟไนท์ อินคันทาเท็ม” แฮร์รี่ร่ายเวทมนตร์ไปที่กระดาษ เขากำลังจะด่าว่านี่คิดว่าเขาไม่ได้ใช้คาถาเด็ก ๆ นั่นเป็นอันดับแรกรึไง แต่ทันทีที่ไม่ได้ผลอีกคนก็ร่ายอีกคาถาโดยไม่หยุดพัก
“รีเวอร์เต้” เป็นอีกครั้งที่ไม่ได้ผล
“รีพาร์ริฟาร์จ” ไม่ได้ผลเช่นกัน
“รีเวลลิโอ” ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แฮรืรี่ขมวดคิ้วแล้วยื่นมือไปแตะที่กองกระดาษก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากห้าม เขาต้องรีบดึงนิ้วอีกคนออกอย่างรวดเร็ว จับมือเจ้าตัวไว้ขณะที่เบิกตามองอย่างตกใจ
“จะบ้าเหรอ” เขาตะโกนใส่หน้าแฮร์รี่
“ก็ดูไม่น่าเป็นอันตราย แล้วเมื่อกี้แตะก็ไม่เป็นอะไรสักหน่อย” แฮร์รี่ขมวดคิ้วใส่เขา “ห่วงเกินไปแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นเขาก็รีบปล่อยมืออีกคนเหมือนเป็นเหล็กร้อน แต่ถึงปล่อยแล้วเขาก็ยังรู้สึกถึงสัมผัสของมือแฮร์รี่แม้แต่ตอนที่เจ้าของมือนั่นหยิบกองกระดาษขึ้นมาดูใกล้ ๆ เขาได้แต่กลั้นหายใจ แล้วหวังว่าจะไม่มีระเบิดตูมตามให้เขาต้องอกสั่นขวัญหนี
“มีสัญลักษณ์ของเครื่องรางยมทูตด้วย” แฮร์รี่ชี้ให้เขาดูที่มุมกระดาษ
“สัญลักษณ์ของกรินเดลวัลด์ด้วย บอกให้รู้ว่านี่คือข้อเสนอของเขา”
“ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นด้วย ในเมื่อมันก็มีชื่อเขาหราอยู่” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว
เขาได้แต่ขมวดคิ้วตอบกลับ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จะให้เดาสิ่งที่กรินเดลวัลด์คิดคงยากกว่าให้เดาว่ากษัตริย์อัลบัสคิดอะไร
แฮร์รี่เม้มปากแล้ว สะบัดไม้กายสิทธิ์ แปลงให้แผ่นข้อเสนอของกรินเดลวัลด์เล็กลงก่อนจะกวาดลงกระเป๋า นี่มันขโมยกันหน้าด้าน ๆ เลยนะ เขาทำตาโต ก่อนจะหรี่ตามอง
“นายเป็นกรินฟินดอร์จริง ๆ รึเปล่า”
คนที่ได้ยิน ทำหน้าเหมือนเด็กถูกจับได้ว่ากำลังขโมยขนม แฮร์รี่ก้มหน้าแก้มขึ้นสี “นี่ไม่ถือว่าขโมยซะหน่อย ฉันตั้งใจเอามาคืนหรอก”
เดรโกเกือบจะหลุดหัวเราะ หมอนั่นหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึกผิดอยู่ ว้า อยากแกล้งมากกว่านี้จัง แต่เพราะเขาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเขาถึงปล่อยผ่าน
แฮร์รี่เหลือบตามองเขาแล้วยื่นมือให้เขาจับ เป็นการบอกให้เขารู้ว่าเจ้าตัวกำลังจะพาเขาหายตัว และแปลกชะมัดที่เขาดันจับมืออีกคนก่อนที่จะถามออกมาว่าไปที่ไหน
“ไปชาริ่งครอสกัน” แฮร์รี่บอกเขาทันทีที่ดึงเขาเข้ามาใกล้ ดวงตาหลังแว่นเป็นประกาย “ไปเจอเฮอร์ไมโอนี่กัน”
แล้วเขาก็ไม่มีเวลาประท้วง เพราะทันทีที่เท้าแตะพื้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ที่ชาริ่งครอส แฮร์รี่รีบดึงฮู้ดขึ้นมาปิดผมเขา แล้วจับมือดึงให้เขาเดินตามไปในตรอกไร้ผู้คน เขาเดินจนงงและหยุดที่หน้าประตูสีส้มของตึกทรงสูง เดรโกหันไปมองรอบตัว เขาแน่ใจว่าเขาอยู่ไม่ห่างจากตรอกไดแอกอน เขาคิดว่าพวกวีสลีย์อยู่บ้านนอกกันเสียอีก
“รอนอยากมีเวลาดูร้านแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อยากอยู่ไกลจากห้องสมุด” แฮร์รี่พูดเหมือนอ่านใจเขาออก
“นี่นายอ่านใจฉันเหรอ”
เสียงหัวเราะหึ ๆ ชวนให้เขาตบหัวเจ้าของเสียงนั่นเหลือเกิน “ใช่ที่ไหนเล่า นายเล่นขยับมองไปมองมา เห็นแค่นั้นก็รู้แล้วว่านายคิดอะไรอยู่”
ให้ตายสิ ไอ้ผ้าฮู้ดนี่มันเกะกะชะมัด ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงกำลังมองค้อนคนที่บอกว่าเขาอ่านง่ายแล้ว เขาเป็นมัลฟอยนะ อย่ามาพูดนะว่ารู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ใคร” เสียงทักจากอีกฝากของประตู แฮร์รี่ใช้ไม้กายสิทธิ์แตะที่ประตูเบา ๆ สองสามจุด ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับ “อ้อ แฮร์รี่เหรอ เดี๋ยวเปิดให้นะ” และไม่นาน หญิงสาวท้องโตผมฟูใบหน้ายิ้มร่าก็เปิดประตูออกมา เธอกำลังจะโผเข้ากอดเพื่อนสนิท ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสังเกตเห็นเขาซะก่อน เกรนเจอร์รีบถอยกรูด ยกไม้กายสิทธิ์มาตั้งหลัก
“ถ้าฉันจะสาปเธอ เธอตายไปแล้วเกรนเจอร์” เดรโกพูดลากเสียง
หญิงสาวหันมามองร่างใต้ฮู้ดที่เป็นเพื่อนเธอ แต่แฮร์รี่ก็ไม่อยากอธิบายตอนนี้ ชายหนุ่มรีบรุนหลังเขากับเกรนเจอร์ให้เข้าไปข้างในพร้อมกับพึมพำ
“เรื่องของกรินเดลวัลด์ ต้องการความช่วยเหลือด่วน”
เดรโกดึงฮู้ดออก มองไปรอบ ๆ ทางเดินที่แคบกว่าคฤหาสน์มัลฟอยเกินกว่าครึ่ง ของใช้วางระเกะระกะขณะที่หญิงสาวเดินนำพวกเขาไปจนถึงห้องนั่งเล่น ก่อนที่เธอจะนั่งลง แล้วยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้อง
“มีอะไร” เกรนเจอร์ถาม ก่อนจะเหลือบมองเขา “เดี๋ยวรอนจะกลับมาตอนห้าโมงนะ” หญิงสาวมองนาฬิกา แล้วมองเขาอีกครั้ง เอ๊ะ เดรโกเริ่มเดือดปุด ๆ
“นี่—” เขากำลังจะด่าบอกว่าสามีของเธอนั่นแหละที่เป็นปัญหาไม่ใช่เขา แต่แฮร์รี่ยกมือขึ้นมาปิดปากเขาก่อน ส่วนเขาได้แต่ตกใจที่หมอนี่กล้าแตะตัวเขาต่อหน้าคนอื่นง่าย ๆ จนคำพูดหายไปเอง
“ไปก๊อดดริกฮอลโลว์มา ใช้คาถาของเธอ” แฮร์รี่พูดพร้อมกับควานหาของในกระเป๋าเสื้อคลุม ก่อนจะดึงข้อเสนอที่ถูกย่อส่วนออกมา “อันนี้เป็นอย่างเดียวที่ไม่ว่าทำอะไรคาถาเขาก็ไม่หายไป” แฮร์รี่ใช้เวทมนตร์คลายคาถาย่อส่วน ก่อนจะสะบัดอีกทีเพื่อใช้คาถาของเกรนเจอร์ กองกระดาษบาง ๆ นั่นเรืองแสงเหมือนครั้งแรกไม่มีผิด
หญิงสาวกัดริมฝีปาก แล้วยกข้อเสนอของกรินเดลวัลด์ขึ้นมาสำรวจ “สัญลักษณ์เครื่องรางยมทูต” เธอแตะที่รูปสามเหลี่ยมบนมุม
“ใช่ ปกติเขาไม่ได้แสดงตรานี้ ยกเว้นแต่กับของส่วนตัว” แฮร์รี่ตอบกลับบ้าง พวกเขาสองคนคุยกันโดยไม่สนใจเดรโก จนทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก เดรโกไม่อยากยอมรับแต่เขาแอบอิจฉาเพื่อนสนิทสามคนนี้มาตลอดเวลาที่เรียนที่ฮอกวอร์ต เขาไม่มีเพื่อน ทุกคนที่เข้าหาเพราะคำสั่งของตระกูลให้ผูกมิตรกับพวกมัลฟอย เพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่าง
มือของแฮร์รี่ยื่นออกมาจับมือเขา ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวกำลังคุยกับเกรนเจอร์ เดรโกหันไปมองใบหน้าด้านข้างของหนุ่มผมดำ จะดึงมือออกก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมว่าเขาไม่อยากทำ
“...ไม่ใช่คาถาแปลงกายธรรมดา ไม่ใช่คาถาซ่อนความลับ” แฮร์รี่พูดต่อถึงคาถาทุกอย่างที่เขาใช้ หญิงสาวพยักหน้าแล้วยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาลองร่ายคาถาบ้าง และทุกคาถาของเธอก็ไม่มีผลเช่นกัน หญิงสาวขมวดคิ้วหนักขึ้น ก่อนจะพูดออกมาช้า ๆ
“มันอาจจะเป็นการซ่อนความลับสองชั้น”
“อ๊ะ” เดรโกอุทานขึ้น เขาไม่ได้นึกถึงสิ่งนี้เลย แต่เป็นไปได้ คาถาซ่อนสองชั้น คือการที่แยกส่วนความลับเป็นสองชิ้น ของสองชั้นต้องมาเข้าคู่กันอย่างที่ผู้ร่ายต้องการไม่อย่างนั้นจะไม่คายความลับ เป็นคาถาที่ซับซ้อนจึงไม่ค่อยมีคนใช้ แต่นี่คือกรินเดลวัลด์ พ่อมดที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง เรื่องนี้ไม่ยากเกินความสามารถเขาอยู่แล้ว
แต่มันก็เป็นปัญหาใหญ่ยักษ์น่ะสิ
“แล้วเราจะหากุญแจอีกดอกเจอได้ยังไง” ของอีกสิ่งที่จะมาเข้าคู่กัน เดรโกคิดออกมาดัง ๆ
“ในบ้านนั้นไม่มีอะไรอีกแล้วใช่ไหมที่เป็นแบบนี้” เกรนเจอร์หันมาถามเขาตรง ๆ เป็นครั้งแรก
“ส่วนที่ฉันหาไม่มีนะ” แฮร์รี่ตอบแทน แล้วมองหน้าเขา เขาขมวดคิ้ว แล้วก็ส่ายหน้าตอบกลับ
“คิดอยู่ว่าอย่างเขาคงไม่ซ่อนของสองอย่างไว้ที่เดียวกัน” เกรนเจอร์บีบจมูก
“เดี๋ยว อธิบายก่อนว่าการซ่อนความลับสองชั้นคืออะไร แล้วกุญแจอีกดอกที่เดรโกพูดคืออะไร”
“นายไม่ได้เรียนคาถา—”
“แฮร์รี่ไม่ได้ลงเรียนคาถาขั้นสูง” เกรนเจอร์หันมาบอกเขา ก่อนจะหันกลับไปอธิบายให้เพื่อนของเธอ “การซ่อนความลับสองชั้นคือการที่นายแบ่งความลับออกเป็นสองส่วน แล้วแยกแปลงใส่เอาไว้ที่วัตถุเวทมนตร์สองชิ้น และสองชิ้นนั้นต้องมาประกบกันตามแบบที่นายต้องการความลับถึงจะเผยออกมา”
“เขาแยกไม้เอลเดอร์เป็นสองส่วนเหรอ” แฮร์รี่ถามอย่างตกใจ
“ไม่ใช่หรอก น่าจะเป็นคาถาซ่อนและแปลงกายมากกว่า เขาน่าจะแปลงไม้เอลเดอร์เป็นอะไรสักอย่าง แล้วคาถานั้นจะเผยตัวและถูกคลายได้เมื่อเวทมนตร์สองส่วนประกบกัน กุญแจอีกดอกคือวัตถุอีกชิ้นที่เขาเสกเวทมนตร์อย่างนี้เอาไว้” เขาอธิบายแทนอย่างอดไม่ได้
“ใช่อย่างที่มัลฟอยพูด เราต้องหาวัตถุอีกชิ้นให้เจอ แล้วต้องมาเข้าคู่กันอย่างที่เขาตั้งกฎไว้” เกรนเจอร์พูดเสียงเหนื่อย เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน แค่ได้ยินก็เหนื่อยแล้ว ทำไมไม่มีอะไรง่าย ๆ เลยน้า
แฮร์รี่ขมวดคิ้ว หยิบข้อเสนอขึ้นมา พลิกไปมา ก่อนจะกัดริมฝีปากแล้วพูดออกมาเบา ๆ
“ฉันคิดว่าฉันรู้นะว่ากุญแจอีกดอกคืออะไร”
--------------------------------------------
Note: มีคนถามเรื่องการเรียกลำดับขั้นขุนนาง เราใช้ตามแบบอังกฤษนะคะ จะเรียงตามนี้ค่ะ
King/Queen(Albus/Gellert Grindelwald) -> Duke/Duchess (Black Family) ->Marquess/Marchioess -> Earl/Countess (Malfoy Family) -> Viscount/Viscountess (Lestrange Family) -> Baron/Baroness (Carrow Family) มีสารภาพบาปว่าเรามีเขียนผิดเบลลาทริกซ์เป็นบารอนเนสตอนนึง ทั้งที่จริงเธอต้องเป็นไวเคาน์เตส
และต่ำกว่านั้นคือ Knight (อัศวิน) ถือว่าไม่มียศขุนนาง และเป็นคนธรรมดาค่ะ
ตำแหน่งนั่นสืบทอดผ่านลูกชายเท่านั้น ต้องเป็นลูกชายคนแรกด้วย อย่างเช่นถ้าเดรโกมีน้องชาย น้องก็จะไม่มียศค่ะ จะแค่ถูกเรียกว่าลอร์ดซึ่งเป็นการเรียกชื่ออย่างสุภาพ ส่วนผู้หญิงก็เป็นเลดี้ ยศจะมีตามสามีเท่านั้นค่ะ อย่างเช่นอะเล็กโต แคร์โรว์ ก็จะเป็นแค่เลดี้ ไม่ใช่บารอนเนสนะคะ
แฮร์รี่หลังแต่งงานกับเดรโกแล้วเป็นเคาท์ จริง ๆ คือเค้าท์เตสนั้นแหละค่ะถ้าเป็นผู้หญิง
Note 2: ส่วนเรื่องบอกความในใจ เรารู้สึกว่าแฮร์รี่ถ้าเดรโกรู้แล้วก็คงไม่ได้ป๊อดขนาดที่จะไม่พูด แต่ถ้ายังไม่รู้ก็จะไม่พูดให้เดรโกต้องคิดมาก เรารู้สึกว่าแฮร์รี่เป็นคนที่ยอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อคนอื่นมากๆ คือไม่เคยได้อะไรเลยแต่นางก็แบบเป็นเด็กดียอมทุกคน เป็นส่วนในหนังสือที่เราชื่นชมแฮร์รี่มากๆค่ะ #พระเอกของฉัน
ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ
ความคิดเห็น