คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Lucid Lesson
แฮร์รี่เขม้นมองไปที่ประตูไม้ปลายเตียง ใจกระหวัดนึกไปถึงคนที่คงหลับสนิทอยู่อีกฝากของประตู ส่วนเขาน่ะสินึกถึงการกระทำของอีกคนวันนี้จนนอนไม่หลับ เดรโกเป็นคนที่ช่างน่าฉงนจนบางครั้งแฮร์รี่อยากจะรู้ว่าข้างในหันนั่นคิดอะไรอยู่ ปากบอกว่าไม่แคร์ว่าเขาจะตาย แต่ก็เป็นคนตัวเองที่ไม่หนีจากเขาไปไหน ช่วยเขาต่อหน้าลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ทั้ง ๆ ที่กลัวคนที่ได้ชื่อจอมมารสุดหัวใจ แถมยังร้องไห้ไม่หยุดเมื่อถึงบ้าน ปากไม่ตรงกับใจ ดื้อไม่เคยฟังเขาสักครั้งเดียว ถ้าบังคับให้พูดสิ่งที่อยู่ในใจคงไม่แคล้วได้ด่าเขากลับแน่นอน
แต่ความขัดแย้งในตัวเองนี่ไม่ใช่หรอกหรือที่ทำให้เขารู้สึกดึงดูดอีกคนเสียเหลือเกิน เขาที่ไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตัวเองนั้นไม่เคยเข้าใจเดรโกเลยสักนิด ทำให้ยิ่งนึกถึง ยิ่งคิด ยิ่งติดตาม ยิ่งมองหา จนวันนึงถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองรู้สึกเปลี่ยนไปแล้ว และเขาก็ไม่เคยถอยหลังกลับได้เลย
ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งทำให้เขารุ่มร้อน อยากบอกทุกอย่างที่คิดให้เดรโกรับรู้ แต่แฮร์รี่ก็รู้จักอีกคนดีพอที่จะเข้าใจว่าเดรโกคงมีแต่ระเบิดกลับใส่เขา หากรับรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีไม่ใช่แค่เพียงคู่อริ
“นายก็ไม่ได้เกลียดฉันซะหน่อย” แฮร์รี่พูดกับตัวเอง มีแค่นี้เท่านั้นที่เขาแน่ใจ คนที่เกลียดกันน่ะ ไม่ยอมเสี่ยงตายขนาดนั้นเพื่อช่วยเขาหรอกนะ
--------------------------------------------
“แน่ใจนะว่านายทำสมาธิได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว” เดรโกพูด ร่างสูงกอดอกมองเขาเหมือนเขา เช้าวันนี้เดรโกใส่เสื้อผ้าเต็มยศอีกตามเคย เสื้อเชิ้ตคอตั้งมีผ้าผูกคอ เสื้อกั๊กกุ๊นลายพอดีตัวสีเทา แล้วก็กางเกงสีเข้ากัน ใครหนอช่างเลือกให้เจ้าตัว สีเทาเข้มน่ะยิ่งขับให้ดวงตาของเดรโกดูเป็นประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าปกติ แล้วเขาก็ดันต้องสังเกตเห็นซะด้วยสินะ
แฮร์รี่กระแอมไล่ความคิดว่าอาจารย์ของเขาดูดีสุด ๆ แล้วพยักหน้าตอบรับคำถาม ถึงจะยากแค่ไหนแต่เขาก็ทำใจว่าง ๆ ได้แล้ว ได้ฝึกเกือบทั้งคืน เพราะนอนไม่หลับ แต่อีกคนกลับหรี่ตาเหมือนไม่เชื่อ
“ก็ได้ งั้นขั้นต่อไปนายต้องทำสมาธิให้ได้เวลาที่ฉันพยายามจะพินิจใจนาย ทำใจให้ว่างพร้อมกับพยายามผลักฉันออกไป”
แฮร์รี่ขมวดคิ้ว พยายามผลักออกงั้นหรือ
นิ้วเรียวดีดเป๊าะเข้ากับหน้าผากเขา ก่อนที่อาจารย์สุดโหดจะขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “เหมือนตอนที่นายต่อต้านสัจจะเซรุ่มไง พวกอัศวินต้องฝึกให้ได้กันทุกคนใช่ไหมล่ะ”
“อือ” แฮร์รี่ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากป้อย ๆ “คิดอย่างเดียวว่าห้ามเห็นความคิด” เขาคิดว่าเขาพอจะเข้าใจวิธีการแล้วนะ แต่ไม่รับปากหรอกนะว่าจะทำได้ทันที โอ๊ย หวังว่าที่หมอนั่นบอกว่าไม่อยากเห็นความคิดเขาคงจริงนะ เดรโกคงไม่ดึงดันที่จะดูความทรงจำหรือความคิดเขาใช่ไหมล่ะ
“พร้อมนะ” เดรโกมองหน้าเขา แฮร์รี่พยักหน้าแล้วสูดหายใจลึกตั้งสมาธิ ปล่อยให้ความคิดละลายหายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า
“เลกจิลิเมนส์” เดรโกพูดคาถา พร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนทุกความทรงจำที่ถูกกดของแฮร์รี่ถูกดึงกระชากขึ้นมาโดยไม่เต็มใจ แฮร์รี่เบิกตากว้าง
หยุด หยุดคิดเดี๋ยวนี้ เขาสั่งตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผล ภาพสมัยที่เขาอยู่ในฮอกวอร์ตผุดขึ้นมาเป็นระลอกเหมือนคลื่นน้ำไหลล้นฝาย
เขาที่กำลังมองซีกเกอร์ของบ้านสลิธิรีนขณะอีกคนกัดฟัน กำมือแน่น ขณะที่แฮร์รี่คว้าลูกสนิชเอาไว้ในมือ
เขาในหอคอยของกริฟฟินดอร์ โยนลูกสนิชขึ้นไป มองตาม แล้วได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงอยากจะปล่อยให้เดรโก มัลฟอยคว้าลูกสนิชได้วันนี้แทนที่จะเป็นเขา
เขาจูบกับจินนี่ใต้กิ่งมิสเซิลโท
เขาหันไปมองหนุ่มผมบลอนด์อ่อนที่ก้าวลงจากรถม้า ใบหน้าหยิ่งนั่นมองเขาก่อนจะสะบัดแล้วเชิดมองไปอีกทาง
หยุด ออกไป แฮร์รี่รวบรวมสมาธิแล้วผลักพลังที่รุนรานเข้ามาในจิตใจเขา ในที่สุดอีกคนก็ถอยร่น แฮร์รี่ใจเต้นรัว เขาเหลือบมองใบหน้าเดรโก ถ้าหากเจ้าตัวคิดว่าความทรงจำเขาช่างประหลาดสิ้นดีที่มีแต่เดรโกเต็มหมด ใบหน้านิ่งก็ไม่ได้ทรยศแสดงความรู้สึกอะไรออกมา เจ้าตัวยังมองเขาด้วยแววตาเฉยเมยเหมือนเคย
“ตั้งสมาธิให้ดีและผลักฉันออกให้เร็วกว่านี้ แต่นายมาถูกทางแล้ว” เดรโกพูดนิ่ง ๆ ก่อนจะสะบัดข้อมือเรียกเอลฟ์ประจำบ้านสั่งให้เอาชาร้อนมาให้ แฮร์รี่รู้สึกขอบคุณที่เดรโกมาอยากดื่มชาตอนนี้ ถ้าเขาต้องรับมือการพินิจใจอีกรอบไม่รู้ว่าคราวนี้เขาจะสงบใจได้ไหม เดรโกต้องทำอย่างนี้อยู่ตลอดเวลาเลยหรือ ดันความรู้สึกทุกอย่างลงไปให้ลึกที่สุดพร้อมกับออกแรงผลักทุกอย่างที่รุกรานในใจ แต่แฮร์รี่ทำอย่างนั้นไม่ได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ทำให้เขามีความรู้สึกมากขนาดนี้
“ขอบใจ” แฮร์รี่รับถ้วยชาร้อนที่อีกคนส่งมาให้ มือเขายังคงสั่น แฮร์รี่ต้องใช้สองมือประคองแก้ว ตามองที่อีกคนที่นั่งไขว่ห้างมองที่แก้วด้วยใบหน้าเรียบเฉย จะไม่ถามจริง ๆ หรือว่าทำไมเขาถึงได้แต่มองตามเดรโกขนาดนั้น ไม่มีกระทั่งแซวเรื่องที่เขาจูบกับน้องสาวของเพื่อนรักสักนิดเลยหรือ
“ฉันกับจินนี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน” เป็นแฮร์รี่ซะอีกที่อดรนทนไม่ได้ต้องรีบบอก
ดวงตาสีเทาเหลือบมองเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะมองที่แก้วอีกครั้ง “เธอเป็นวีสลีย์สินะ”
“ใช่” แฮร์รี่ตอบรับ เดรโกไม่รู้จักจินนี่ เธอไม่ได้เรียนที่ฮอกวอร์ต แต่ต้องเรียนที่โรงเรียนเฉพาะสำหรับแม่มด และเธอบ่นตลอดเวลาว่าเธอไม่อยากเรียนแค่คาถาเย็บปักถักร้อยหรือทำความสะอาดเท่านั้น
“เธอน่ารักดีนิ ดูเหมาะกับนาย นายก็สนิทกับครอบครัววีสลีย์” เดรโกพูดต่อ น้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์เช่นเดิม เขาอยากจะอ่านอีกคนออกสักครั้งในชีวิต
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอ” ไม่เกี่ยวกับที่เธอน่ารัก แต่ถ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
“นายจูบกับคนที่ไม่ชอบได้สินะ ฉันน่าจะรู้สินะ” เดรโกยิ้มเหยียด
แฮร์รี่อ้าปากเกือบจะปฏิเสธออกไป ก่อนจะระลึกได้ว่าเขาจูบคนตรงหน้า หากปฏิเสธออกไปคงเท่ากับบอกความรู้สึกโต้ง ๆ ว่าเขาชอบคนตรงหน้า เฮ้อ เขาขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ ที่ยกเรื่องจินนี่ขึ้นมาพูด
“อย่าให้ความหวังคนอื่นสิ ถ้านายไม่ชอบ สงสารเธอบ้าง” เดรโกพูดต่อยกน้ำชาขึ้นจิบ ดวงตาสีเทามองเขานิ่ง
แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วยกน้ำชาขึ้นมาจิบบ้าง น้ำชาที่ควรจะทำให้เขาใจสงบแต่ตอนนี้กลับไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด
“ไม่ได้ให้ความหวังซะหน่อย ฉันโดนแกล้งนะ อยู่ใต้มิสเซิลโทนายก็เห็น” เขาพึมพำใส่ถ้วยชา ไม่กล้าพูดขณะมองหน้าอีกคนตรง ๆ
“อือ เห็น” เดรโกตอบรับง่าย ๆ แล้ววางแก้วชาลง เสียงกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ ของถ้วยแก้วดังก้องในห้องหนังสือเงียบสนิท อึดอัดแต่แฮร์รี่ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“แต่ไม่ได้อยากเห็นหรอกนะ ครั้งหน้าทำให้ดีกว่านี้” อีกคนพูดต่อแล้วก็เงียบ
แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นมาจากถ้วย ลอบมองคนที่ตอนนี้นั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง เดรโกที่ปกติอ่านยากอยู่แล้วในยามที่เจ้าตัวยกมือขึ้นมาปิดครึ่งหน้าแบบนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เขามองตามจมูกโด่ง ๆ โหนกแก้มสูงที่ชวนอิจฉา ดวงตาสีเทาเรียบเฉยเหมือนกับท้องฟ้าฤดูหนาว เดรโกเหมือนรูปสลักจากหินอ่อน ทุกอย่างเป็นสีอ่อนและเย็น
“มองหน้าฉันอีกแล้ว” เจ้าตัวพูดอู้อี้โดยไม่แม้แต่หันมามองหน้าเขา แฮร์รี่เสียอีกที่รีบลดสายตามองถ้วยชา รู้สึกตัวตลอดเวลาเลยหรือ แล้วรู้สึกตัวอย่างนี้รึเปล่านะยามที่เขาแอบมองเจ้าตัวสมัยเรียน
“นายทำประจำเลย ตั้งแต่สมัยนั้น” ดวงตาสีเทาเหลือบมองเขา แต่ใบหน้านั่นก็ยังไม่ได้ขยับ มือยังคงปิดใบหน้าครึ่งล่างของอีกคน
แฮร์รี่ไม่แน่ใจว่าเดรโกอยากให้เขาตอบว่าอะไร เขาจึงเลือกที่จะเงียบ
“เราจะเริ่มกันอีกครั้งได้ไหม” เดรโกถามเบา ๆ
แฮร์รี่ต้องตั้งสติแล้วนึกว่าเดรโกกำลังพูดถึงอะไร อ๋อ เรื่องการสกัดใจ
“อือ พร้อมแล้ว คราวนี้ฉันจะทำให้ดีกว่าเดิม” แฮร์รี่ตอบกลับออกไป แม้รู้สึกว่ามันจะต้องไม่เป็นอย่างนั้นแน่ ๆ แต่เขาไม่อยากแสดงให้เดรโกเห็นว่าการที่เจ้าตัวเห็นความทรงจำความคิดของเขานั้นทำให้เขาสั่นแค่ไหน
เดรโกขยับตัว เผชิญหน้ากับเขา นิ้วเรียวหยิบไม้กายสิทธิ์ข้างกายขึ้นมา เจ้าตัวดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชี้มาที่เขาแล้วพูดคาถานั่นอีกครั้ง “เลกจิลิเมนส์”
แฮร์รี่ตั้งสติ เขาเตรียมพร้อมรับการบุกรุกจิตใจ และดูเหมือนเขาจะต้านทานได้นานกว่าครั้งที่แล้ว แต่ก่อนที่เขาจะผลักอีกคนออกไปได้ เดรโกก็ทะลุผ่านความว่างเปล่าในใจเขา พร้อมกับความทรงจำที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาแบบที่เขาหยุดไม่ได้อีกครั้ง
เขามองเดรโก มัลฟอยที่อยู่อีกฝั่งของห้องโถง เจ้าตัวหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าสลิธีรินได้คะแนนนำ ส่วนกริฟฟินดอร์เป็นบ๊วยตามเคย
เขารีบเดินข้ามสนามประลองอย่างไม่รู้ตัว อยากจะดึงตัวคู่ต่อสู้ที่ตอนนี้นั่งก้นจ้ำเบ้ามองเขาอย่างโกรธ ๆ แต่มือเขาก็ถูกปัดออก เดรโก มัลฟอยเชิดหน้าแล้วยืดตัวขึ้นก่อนจะใช้มือเปื้อนโคลนผลักอกเขาให้ออกไป และเขาก็หงุดหงิดจนผลักเจ้าตัวกลับ
“ฉันทำไม่ได้ ฉันทำไม่ได้” เขามองร่างสูงที่กำลังพึมพำคำนั้นซ้ำ ๆ ใบหน้าถูกปิดด้วยผมสีบลอนด์อ่อน เขาก้าวขาแต่ก็ดึงตัวเองให้หยุดได้ เขาได้แต่มองใบหน้าครึ่งเสี้ยวเปื้อนน้ำตาของเดรโกผ่านกระจก
แฮร์รี่หายใจแรง เขาไม่ได้ผลักเดรโกออก แต่อีกคนกลับดึงตัวเองออกไป เป็นครั้งแรกของวันที่เขาอ่านอารมณ์ของเดรโกออก ดวงตาสีเทาเบิกกว้างมองเขาอย่างตกใจ นิ้วเรียวยกขึ้นมาปิดปาก
“นะ...นายเห็น” เดรโกพูดเบา ๆ เสียงสั่น เหมือนตัวเองเป็นคนที่โดนเห็นความทรงจำ
ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ แฮร์รี่เลยพยักหน้ายอมรับ รอดูความฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยวจากอีกคน แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเพราะหมัดลุ่น ๆ ตรงเข้าใบหน้าเขา เขายกมือขึ้นกันจับข้อมืออีกคนไว้
“ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบดูนะ”
“แต่นายก็เห็น” เดรโกตะโกนใส่หน้าเขา แก้มเป็นสีน้อย ๆ แน่นอนว่าเดรโกต้องโกรธ ในเมื่อเจ้าตัวไม่เคยอยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น
“ขอโทษนะ” เขามองหน้าเดรโก อีกคนกัดริมฝีปากก่อนจะดึงข้อมือกลับแล้วหันหลังเดินปึงปังออกไป แฮร์รี่อยากจะเดินตามแต่รู้ว่าถ้าเขาตามไปตอนนี้มีแต่จะทำให้เดรโกโกรธยิ่งกว่าเดิม
แล้วดูท่าวันนี้อาจารย์ของเขาคงไม่โผล่กลับมาสอนเขาอีกแล้ว
--------------------------
ดังนั้นแฮร์รี่เลยใช้เวลาตอนบ่ายมาที่ฮอกวอร์ต...ไม่ใช่เพื่อมารำลึกความหลัง แต่เพราะนี่เป็นที่ ๆ พวกเขาซ่อนกษัตริย์อัลบัสเอาไว้ ฮอกวอร์ตนั้นเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่มีการป้องกันสูงที่สุดในอังกฤษ แม้แต่กองทัพของโวลเดอร์มอร์ก็ไม่อาจทะลวงผ่านเข้ามาได้ง่าย ๆ
“ลอร์ดมัลฟอย” หมอยาของกษัตริย์อัลบัสทักทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของกษัตริย์ชรา อัศวินอารักขายอมให้เขาผ่านเข้ามาง่าย ๆ ด้วยรู้ว่าแฮร์รี่ทำงานกับองค์พระราชาอย่างใกล้ชิด
“ลอร์ดสเนป” แฮร์รี่โค้งศีรษะให้อีกคน ยังไงก็ไม่ชินซะทีที่ต้องโดนเรียกว่าลอร์ดมัลฟอย แล้วดูเหมือนลอร์ดสเนปจะรู้ว่าเขาไม่ชอบ เจ้าตัวถึงได้ตั้งใจเรียกเขาด้วยชื่อนั้น
“กษัตริย์อัลบัสเป็นอย่างไรบ้าง” แฮร์รี่เข้าเรื่องทันที พร้อมกับเดินเข้าไปข้างเตียง
“ดีขึ้นแฮร์รี่” เสียงอ่อนแรงของกษัตริย์ชราตอบกลับ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดตามองหน้าเขา แล้วส่งยิ้มให้ แม้จะดูเหนื่อยมากก็ตาม
“ผม...ผมคุยกับท่านตามลำพังได้ไหมครับ” เขาพูดพร้อมเหลือบมองสเนป ลอร์ดร่างสูงทำท่าไม่พอใจ และคงจะเอ่ยปากพูดออกมา หากไม่ใช่เพราะกษัตริย์อัลบัสชิงตอบเสียก่อน
“ได้สิ เซเวอรัสขอเวลาฉันกับแฮร์รี่”
“แต่ท่านครับ— ตกลงครับ” ลอร์ดสเนปยอมแพ้ในที่สุด ร่างสูงของหมอยาค่อย ๆ ถอยหลังออกไป จนกระทั่งแฮร์รี่ได้ยินเสียงปิดประตู เขาถึงพูดกับกษัตริย์ชรา
“เครื่องรางยมทูต ท่านรู้ใช่ไหมครับ” เขารีบถาม
กษัตริย์อัลบัสมีสีหน้าหม่นหมองแต่ก็พยักหน้า “ฉันรู้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะหาจนเจอ” พูดแล้วชายชราก็แตะที่หน้าอกเบา ๆ อย่างใจลอย
แฮร์รี่ไม่แน่ใจว่าเขาในความหมายนี้คือกรินเดลวัลด์หรือโวลเดอร์มอร์กันแน่
“กรินเดลวัลด์มีไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ท่าน—”
“ฉันไม่รู้ว่าไม้อยู่ที่ไหนแฮร์รี่ เกลเลิร์ตไม่เคยไว้ใจฉันมากพอ” กษัตริย์อัลบัสมองต่ำ เสียงแหบเบาหวิวดูเหมือนชายชราจะหมดสติได้ทุกขณะ
“เดรโก—”
“เธอช่วยเขาได้ไหม เด็กนั่นกำลังทำอะไรอันตรายอยู่” กษัตริย์อัลบัสหลับตา นอนลงอีกครั้ง เสียงหายใจหอบดังเหมือนคนหมดแรง แฮร์รี่ได้แต่เม้มปาก อยากถามเรื่องเดรโกมากกว่านี้ “ฉันไม่อยากทำผิดพลาดอีกครั้งเหมือนทอม” กษัตริย์อัลบัสพูดถึงชื่อเก่าของลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ครั้งที่เขายังเป็นเด็กในอุปถัมภ์ แสดงว่าอัลบัสต้องรู้เรื่องที่เดรโกเกี่ยวข้องกับโวลเดอร์มอร์สินะ แต่เขาจะช่วยเดรโกได้ยังไงกันนะ
“ท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่ เกี่ยวข้องกับเครื่องรางยมทูตรึเปล่าครับ” แฮร์รี่เก็บความสงสัยไว้ไม่ได้
กษัตริย์อัลบัสยกริมฝีปากเหมือนจะยิ้ม “ฉันทำอะไรอะไรที่โง่เขลาไปน่ะสิแฮร์รี่ ฉันอยากจะหยุดเด็กคนนั้น ฉันอยากจะช่วยเขา”
กษัตริย์อัลบัสหมายถึงลอร์ดโวลเดอร์มอร์หรือ “ผมก็อยากจะหยุดเขา แต่ผมไม่รู้จะหาไม้เอลเดอร์ได้ยังไง กรินเดลวัลด์พูดถึงกษัตริย์ที่คู่ควร คุณรู้ไหมว่าเขาหมายถึงใครครับ”
ชายชราฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อคนรักเก่า แต่ดวงตาสีฟ้ามัวนั่นกลับไม่ได้มองเขา แต่มองบางอย่างที่ไกลออกไป “ไม่ใช่ฉัน เกลเลิร์ตไม่เคยคิดว่าฉันคู่ควร” สายตาเจ็บปวด นิ้วของชายชราแตะที่หน้าอกอีกครั้ง คราวนี้แฮร์รี่ก็เห็นว่ามันคืออะไร จี้เล็ก ๆ สัญลักษณ์เครื่องรางยมทูต สัญลักษณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตราของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ด้วยเช่นกัน
“ใช่นี่จี้ของเขา” กษัตริย์อัลบัสพูดเหมือนอ่านความคิดเขาได้ แฮร์รี่สะดุ้งละสายตาจากเครื่องประดับเล็ก ๆ นั่น
“ฉันไม่อยากเดาว่าเขาซ่อนไม้ไว้ที่ไหน ฉันแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น แต่ฉันก็ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคิดอยู่” แฮร์รี่เข้าใจความรู้สึกนั่นดี
“ผมควรจะทำยังไงดีต่อครับ” แฮร์รี่ถามอย่างอับจน แต่ความเงียบที่ตอบกลับมาก็บอกให้เขารู้ว่าชายชราเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นเดียวกัน
“เธอจะหาทางได้ ทอมไม่มีอะไรเหนือเธอเลย” แฮร์รี่ก้มหน้า ถึงกษัตริย์อัลบัสจะพูดอย่างนั้นแต่เขากลับคิดตรงกันข้าม ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ไม่ใช่ทอมอีกแล้ว กษัตริย์อัลบัสอาจจะเคยรู้จักเขายามที่เขาเคยเป็นลูกเลี้ยง แต่ผู้ชายที่แฮร์รี่ประมือไม่มีแม้แต่ความลังเลที่จะใช้คาถาต้องห้าม แล้วเมื่อเขาอ่านใจผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีความทรงจำปกติอย่างมนุษย์เลย มีแต่ศพเลือดและการทำลาย ลอร์ดโวลเดอร์มอร์ไม่เจ็บปวดที่จะเอาชีวิตใคร ตรงข้ามกับเขา แฮร์รี่รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ชายชราชื่นชม แต่เขาก็รู้เช่นกันว่ามันคือจุดอ่อนในสนามรบ
แล้วถ้าหากขนาดกษัตริย์อัลบัสยังไม่รู้ว่าเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ซ่อนไม้กายสิทธิ์ไว้ที่ไหน คนอย่างเขาจะรู้ได้ยังไง แฮร์รี่เหลือบมองจี้รูปเครื่องรางยมทูตอีกครั้ง แค่วัตถุเวทมนตร์สามอย่าง แต่อำนาจที่มีช่างร้ายเหลือ
“หมดเวลาเยี่ยมแล้วลอร์ดมัลฟอย” ประตูเปิดพร้อมกับเสียงเข้ม ๆ ของสเนป แฮร์รี่กัดฟัน เขามีอะไรอยากถามอีกมากมาย แต่เมื่อหันไปมองกษัตริย์อัลบัสที่ตอนนี้ตาแทบจะปิดเขาก็ต้องถอนหายใจ
“แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ” เขาจับมือกษัตริย์ชราขึ้นมาจูบ ก่อนจะโค้งแล้วเดินออกไป แต่ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทดีเขาก็ได้ยินบทสนทนาจากข้างในห้อง
“ท่านคิดจะพึ่งพิงพอตเตอร์ไปถึงเมื่อไหร่ เด็กนั่นไม่มีทางเอาชนะลอร์ดโวลเดอร์มอร์ได้” เสียงของสเนปพูด เรียกชื่อเขาด้วยชื่อเดิมเสียด้วย แฮร์รี่หยุดประตูแล้วเงี่ยหูฟัง
“เขามีเดรโกช่วย” กษัตริย์อัลบัสตอบเสียงเบา ๆ
“นั่นก็อีกอย่าง ท่านส่งพอตเตอร์ไปตั้งใจให้คุ้มครองเดรโก แต่ไอ้นั่นดันแต่งงานกับเดรโก แทนที่จะพาเดรโกไปหลบที่ปลอดภัย ทำไมท่านถึงไม่—” แฮร์รี่เบิกตากว้าง จริง ๆ ด้วยกษัตริย์อัลบัสมีสาเหตุที่ส่งให้เขาไปหาเดรโก
“เซเวอรัส เธอก็รู้คำตอบของเดรโกอยู่แล้วว่าทำไมเขาไม่หนี” เดรโกต้องการเห็นคนที่ฆ่าพ่อแม่เขาตาย แฮร์รี่ตอบแทนให้ เขารู้เหตุผลของอีกคน
“แต่แต่งงานเชียวนะ” สเนปพูดเสียงสูง
“แฮร์รี่ไม่ได้บังคับใจเดรโกไม่ใช่หรือ”
“แล้วเธอก็รู้จักเดรโก ถ้าหากเขาไม่เต็มใจทำเขาไม่มีวันตกลง” แฮร์รี่กลืนน้ำลาย รู้สึกแปลก ๆ ในท้องเมื่อคิดว่าเดรโกนั้นเต็มใจยอมรับข้อตกลงของเขา แต่สิ่งที่กษัตริย์อัลบัสพูดก็ไม่ผิด คนอย่างเดรโกคงไม่ตกลงกับเขาถ้าหากเจ้าตัวไม่ตั้งใจที่จะแต่งงาน เขาถึงตกใจเหลือเกินที่เดรโกยินยอมง่าย ๆ
“เดรโกกำลังเครียด เขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ที่เราควรทำคือปกป้องตระกูลมัลฟอย ในเมื่อเขา—”
“ลอร์ดมัลฟอยไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว”
“แต่—”
“เธอจะบังคับให้คนป่วยเถียงกับเธออีกนานเท่าไหร่หือ” กษัตริย์อัลบัสถามเสียงอ่อน เป็นอันว่าตัดบทจบ
แฮร์รี่ค่อย ๆ ปล่อยประตูให้ปิดเบาที่สุด เดินออกไปตามทางเดินกว้างที่เขาคุ้นเคย พร้อมกับขบคิดทุกอย่างที่ได้ยิน ไม่ได้ชอบนักหรอกที่โดนสั่งให้ไปทำโน้นนี่โดยไม่รู้ความจริงทั้งหมด แต่เขาก็รู้ว่าผู้เป็นนายเขาไม่เคยคิดร้าย และดูเหมือนกษัตริย์อัลบัสจะเชื่อใจลอร์ดสเนปมากกว่าที่เขาคิด เขาไม่เคยชอบหมอหลวงคนนั้นเลย พวกเขาเหมือนน้ำกับน้ำมันที่ถึงพยายามแค่ไหน แต่ลักษณะนิสัยของเขากับลอร์ดสเนปก็เข้ากันไม่ได้ หมอนั่นแย่ยิ่งกว่าเดรโกเสียอีกในเรื่องแสดงความรู้สึก
แต่ดูยังไงเขาก็ดูเป็นห่วงเดรโกจริงจัง แถมยังคิดว่าแฮร์รี่ไม่ได้เรื่องในการดูแลลอร์ดมัลฟอยอีกต่างหาก เจ็บนิด ๆ แต่ก็จริง ภาพเดรโกตอนร้องไห้โผล่ขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ แล้วยังที่เขาทำเจ้าตัวฟกช้ำดำเขียวไปหมดอีก
เขากำหมัด จากนี้ไปเขาจะต้องทำให้ดีขึ้น กษัตริย์อัลบัสเชื่อว่าเขาทำได้ แล้วเขาก็มีเหตุผลส่วนตัวใหญ่เบิ้มที่อยากจะจัดการให้จบเช่นกัน
...อย่าง...การที่ไม่อยากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีต้องร้องไห้อีกแล้ว คิดแล้วแฮร์รี่ก็แตะที่แหวนบนนิ้วนางเบา ๆ
------------------------------------------------
“นายท่านเดรโกรับประทานอาหารเย็นที่เรือนกระจก” ด๊อบบี้แจ้งเขาทันทีที่เขาหายตัวกลับมา แล้วถามว่าเดรโกอยู่ไหน แฮร์รี่ประหลาดใจน้อย ๆ ที่อีกคนทานอาหารได้โดยที่เขาไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไช อาการซึมเศร้าอาจจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ได้นะ เขายิ้มน้อย ๆ
“เตรียมอาหารให้ฉันด้วย เดี๋ยวฉันไปทานกับเดรโก” เขาสั่งแค่นั้นแล้วเดินไปทางเรือนกระจก พวกเอลฟ์ประจำบ้านรู้แล้วว่าแฮร์รี่ชอบทานอะไร ที่จริงถึงทำอะไรให้เขาทานเขาก็ทานทั้งนั้นแหละ ไม่เลือกกินเหมือนคุณชายเจ้าของบ้านหรอก ขานั้นถ้าหากอาหารไม่ถูกปากก็จะวางส้อมแล้วหยุดกินทันที กินยากกินเย็น
แฮร์รี่หยุดก่อนเปิดประตูเรือนกระจก ไม่รู้ว่าอีกคนอยู่ในอารมณ์ไหน ยังคงโกรธเขารึเปล่าหนอ แต่ปล่อยให้อยู่คนเดียวจนมืดแล้ว เดรโกน่าจะเย็นลงได้แล้วมั้ง แต่ถึงไม่เย็น เขาก็ต้องหาทางทำงานร่วมกับเดรโกให้ได้ เขาต้องให้อีกคนสอนสกัดใจอยู่ดี คนที่รู้ว่าเขาแอบชอบเดรโก มัลฟอยแล้วดูอาจจะสติแตกน้อยที่สุดน่าจะเป็นเดรโก มัลฟอยนี่แหละ
คิดแล้วแฮร์รี่ก็รวบรวมความกล้าแบบกริฟฟินดอร์แล้วเปิดประตูเข้าไป
“อ้ะ” เสียงอุทานเบา ๆ จากคนในห้องกระจกบอกให้เขารู้ว่าเดรโกไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมา
“ด๊อบบี้บอกว่านายทานอาหารอยู่ที่นี่” เขาพยายามสนทนา ทำสีหน้าเฉย ๆ ไม่แสดงออกว่าเขากำลังกลัวว่าอีกคนจะปามีดข้างมือใส่หัวเขา
เดรโกถอนหายใจแรง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรขณะที่เขานั่งลงที่โต๊ะ ครู่เดียวอาหารเย็นของเขาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เวทมนตร์ของพวกเอลฟ์สินะ แต่ก่อนที่เขาจะได้ฉีกขนมปังจิ้มลงไปในซุปร้อน ๆ อีกคนก็พูดขึ้นเสียก่อน
“ไปหาวีสลีย์มาเหรอ” เดรโกถามเสียงเรียบ ๆ ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ นั่นน่ะจะงอนไปถึงเมื่อไหร่กันหนอ แต่เขาน่าจะเดาได้ เดรโกน่ะช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เหมือนใครเสียหน่อย
“อือ ไปเจอกษัตริย์อัลบัสแล้วก็เลยไปหารอนกับเฮอร์ไมโอนี่ด้วย” เขาใช้เวลาตอนบ่ายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเฮอร์ไมโอนี่ส่งพวกเขาไปบ้านเก่าของกษัตริย์อัลบัสให้เธอกับรอนฟัง รอนน่ะเป็นห่วงเขาจนแทบจะลุกมากอดแล้ว ยิ่งตอนที่เขาบอกว่าเจอโวลเดอร์มอร์เพื่อนสนิทยิ่งทำหน้าเหมือนอยากจะทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนด่าเขา
“เกรนเจอร์ว่า—”
“วีสลีย์ เฮอร์ไมโอนี่แต่งงานแล้วนะ” เขาอดแก้ไม่ได้
“ฉันจะเรียกว่าเกรนเจอร์” อีกคนกอดอกไม่ยอมแพ้ เอ้าเป็นอะไรไปอีก “ฉันไม่ยอมรับคนตระกูลวีสลีย์หรอก”
“แต่ถ้าเป็นเกรนเจอร์นายจะยอมรับได้ใช่ไหมละ” แฮร์รี่อ่านข้อความที่คนปากแข็งตรงข้ามเขาไม่ยอมพูดออกมา ใจอ่อนกับเฮอร์ไมโอนี่แล้วล่ะสิ เขาอดยิ้มไม่ได้
“เอ๊ะ นาย—“
“งั้นเรียกเกรนเจอร์ก็ได้ แต่อย่าเรียกต่อหน้ารอนก็แล้วกัน”
อีกคนทำปากขมุบขมิบบ่นว่าไม่มีทางที่จะไปเสวนากับพวกวีสลีย์ “เกรนเจอร์ว่ายังไง”
“เธอยังเชื่อว่ากรินเดลวัลด์น่าจะซ่อนไว้ที่บ้าน แต่เขาเก่งเรื่องเวทมนตร์แปลงกายและคาถาที่ซับซ้อน เขาอาจจะซ่อนโดยมีเงื่อนไขพิเศษที่ทำให้คาถาธรรมดาของพวกเราเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนออกมาไม่ได้” ว่าแล้วแฮร์รี่ก็ดึงม้วนกระดาษออกมา “เธอเขียนคาถาพิเศษที่จะแสดงเวทมนตร์ของกรินเดลวัลด์ให้พวกเราด้วย น่าจะกลับไปลองอีกที”
คนฟังเริ่มหน้าซีด แฮร์รี่ถอนหายใจ รู้หรอกว่าการกลับไปที่บ้านนั่นทั้ง ๆ ที่เพิ่งเผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอร์ที่นั่น คงเป็นฝันร้ายของอีกคน
“นายไม่ต้องไปก็ได้นะ”
“เอ๊ะ พอตเตอร์คิดว่าฉันกลัวรึไง”
ก็กลัวน่ะสิ เขาคิดตอบในใจ แต่ถ้าพูดออกไปคราวนี้มีดที่หวั่น ๆ คงได้ปักที่กลางกระหม่อมเขาจริง ๆ แน่นอน
“ตามใจนาย” แฮร์รี่ไม่คิดห้าม เพราะคิดว่ายังไงไม่น่าจะเจอกับโวลเดอร์มอร์อีกครั้งหรอก ถ้าคนคนนั้นคิดว่ามีอะไรในบ้านจริง คงฝ่าด่านเวทมนตร์กั้นเข้าไปหาแล้ว แต่นี่อัศวินที่เฝ้าระวังแจ้งเขามาว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โวลเดอร์มอร์น่าจะกำลังสืบตามร่องรอยอื่น เฮ้อ อยากอ่านใจโวลเดอร์มอร์ได้จริง ๆ ว่าคิดว่าไม้เอลเดอร์เก็บไว้ที่ไหน
“เขาเรียกนายอีกไหม” แฮร์รี่ถามออกมาพร้อมกับแตะที่แขนของตัวเองตรงที่เดรโกมีตรามาร
เดรโกขมวดคิ้ว ส่ายหน้า คงกังวลไม่แพ้เขาที่โวลเดอร์มอร์เงียบหายไป
“มีข่าวว่าพวกเอเวอร์รี่ประกาศยกธงรบแล้ว มีจดหมายมาถึงฉันด้วย ถามว่าเมื่อไหร่มัลฟอยจะประกาศ” เดรโกพูดเสียงเครียด
“ถ้าไม่จบเร็ว ๆ นี่ฉันคงต้องเรียกคนใต้ปกครอง แล้วประกาศศึก” ชายหนุ่มพูดต่อเสียงเบาหวิว ดวงตาสีเทาช้อนมองเขา กลืนน้ำลาย “ต้องรบกับพวกอัศวิน”
แฮร์รี่วางช้อนลง ความหิวหายไปทันที “ประวิงเวลาได้นานเท่าไหร่”
เดรโกหลุบมองต่ำ “ไม่เกินหน้าร้อน ฉันอ้างฤดูเก็บเกี่ยวว่ายังไงเราต้องมีเสบียง แต่หมดหน้าร้อนฤดูเก็บเกี่ยวก็จบแล้ว”
เต็มที่สามเดือน นี่ก็ปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว หวังว่าพวกผู้เสพความตายคงไม่กดดันเดรโกก่อนเวลา แต่ถ้าหากอัศวินยังคงชนะตระกูลอื่นไปเรื่อย ๆ ยังไงมัลฟอยก็ต้องโดนกดดัน แต่เขาจะสั่งให้พวกเนวิลล์แกล้งแพ้เพื่อซื้อเวลาให้เดรโกก็คงไม่ได้ แฮร์รี่กัดฟัน
“คืนนี้เริ่มบทเรียนสกัดใจต่อไหม” เขารู้สึกแค่ต้องทำอะไรสักอย่าง ตอนนี้ถ้าไม่ทำอะไรเลยแฮร์รี่คงกระวนกระวายจนนอนไม่หลับ
แต่อีกคนกลับสะดุ้ง มองเขาอย่างไม่แน่ใจ แน่นอนล่ะเดรโกคงไม่ได้อยากจะเห็นอะไรในหัวเขาเท่าไหร่
“ฉันจะทำให้ดีขึ้น” แฮร์รี่พูดยืนยัน นายจะได้ไม่ต้องเห็นอะไรที่ไม่อยากเห็น
-------------------------------------
แล้วพวกเขาก็กลับมายืนในห้องหนังสือเหมือนตอนเช้าไม่มีผิด แฮร์รี่ชักรู้สึกว่าเขาควรจะบอกเดรโกไปตามจริงว่าตอนนี้เขาร้อนรนจนไม่แน่ใจว่าจะตั้งสมาธิได้ไหม แล้วยอมให้เดรโกบ่นหูชา ก่อนจะกลับเข้าห้อง แต่เขาเลือกที่จะเงียบ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เขาพอจะจับทางได้แล้วว่าต้องขัดขืนอย่างไร
“พร้อมไหม” เดรโกกอดอกมองเขา แฮร์รี่เดาไม่ถูกอีกเช่นเคยว่าอีกคนคิดอะไรอยู่ เดรโกไม่พูดเรื่องเมื่อเช้าเลยสักนิด
“พร้อม” เขาตอบกลับ ตั้งสมาธิ
“เลกจิลิเมนส์” เดรโกพูดเบา ๆ
ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกรุกรานครอบคลุมจิตใจแฮร์รี่อีกครั้ง เขาพยายามตั้งสมาธิ แต่ด้วยเรื่องหลายอย่างที่เขาคิดทำให้แฮร์รี่ทำได้ไม่ดีพอ และเดรโกก็ฉีกทึ้งผ่านปราการใจสมองเขาเหมือนเป็นกระดาษเก่ากรอบ
เขากัดริมฝีปากแน่นซุกจมูกเข้ากับหมอนสีแดงของกริฟฟินดอร์ มือกอบกำส่วนอ่อนไหวของร่างกาย นิ้วเขาเลื่อนขึ้นลงตามจังหวะที่เขาชอบ...
ไม่ ไม่ ไม่ แฮร์รี่รีบคิดอย่างตกใจ เขารีบตั้งสมาธิแต่ก็ช้าเกินไป
…มือเขาขยับเร็วขึ้น แล้วในที่สุดเขาก็ถึง น้ำสีขาวอุ่นไหลเลอะมือ ขณะที่เขาครางชื่อคนที่อยู่ในความคิดของเขา ‘มัลฟอย’
ไม่ แฮร์รี่ดันเดรโกให้ออกไปจากหัวเขา และดูเหมือนอีกคนตกใจกับความทรงจำที่เห็นไม่แพ้กัน เดรโกจึงไม่ทันได้ตั้งตัวตอนที่แฮร์รี่ผลักเข้ามาในความทรงจำของตัวเอง
เสียงร้องสะอื้นดังก้องในห้องมืด ๆ มือสีขาวซีดกำแน่น มองใบหน้าว่างเปล่าของนาร์ซิสซาร์ มัลฟอย และลูเซียส มัลฟอย เจ้าตัวพึมพำคำเดิมซ้ำ ๆ เหมือนเป็นคาถาขับไล่ ‘ฉันจะไม่ถูกใช้ ฉันจะไม่ถูกใช้’
เดรโกรีบผลักเขาออก ตาสีเทาเบิกกว้าง มือข้างนึงยกขึ้นมาปิดปาก อีกข้างแตะที่โต๊ะข้างหลังประคองไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม แฮร์รี่รุดเข้าไปตั้งใจจะช่วย แต่เดรโกกลับถอยหนีจากเขา
“อย่าเข้ามาพอตเตอร์”
ชื่อเดิมของเขา อีกคนกำลังโกรธ ตาสีเทากะพริบช้า ๆ ถี่ ๆ เขาแน่ใจว่าเดรโกทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ แต่เจ้าตัวเสียใจอะไรกัน คนที่ควรจะเสียใจควรเป็นเขาไม่ใช่รึไง เขาสิที่โดนเห็นความลับจนอยากจะหนีหน้าไปซะตอนนี้
“ฉัน—” แฮร์รี่พยายามหาคำพูด แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะพูดอะไรออกไป บอกเดรโกไปหรือว่าขอโทษทีนะที่เขาน่ะชอบอีกคนตั้งแต่ตอนที่เห็นเจ้าตัวร้องไห้ตอนปีหก มองตามจนหลงใหล แม้จะรู้ว่าไม่มีวันได้อะไรคืนมา เดรโกต้องเกลียดเขาแน่ ๆ เจ้าตัวต้องโกรธที่เขาใช้การแต่งงานทำให้ได้สัมผัสเจ้าตัวอย่างที่เขาอยากทำ แต่ไม่ใช่เลย เขาไม่ได้คิดอย่างนั้น ให้ตายสิ
เดรโกเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด
“นายชอบฉันเหรอ”
-------------------------------
Note: งานเข้ารัว ๆ อยากจะอัพได้ทุกวัน ;( จะพยายามนะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ ดีใจมากเลยค่ะที่มีคนอ่านด้วย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
ความคิดเห็น