คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Troublesome Tomb
เดรโกรู้สึกว่าเขากำลังตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายกาจตอนที่ตกลงว่าจะสอนการสกัดใจให้กับแฮร์รี่ เขาเตือนอีกคนไปว่าถ้าหากตั้งสมาธิไม่ดีพอเขาจะสามารถเห็นความคิดความทรงจำของแฮร์รี่ได้ แต่ในทางกลับกันก็จริงเช่นเดียวกันว่าถ้าหากเขาเองเป็นฝ่ายที่ตั้งสมาธิไม่ดี แฮร์รี่ที่อาจจะไม่สามารถควบคุมจิตใจตัวเองได้อาจจะเป็นฝ่ายบุกรุกเข้าในมาหัวเขา เขาเกลียดเสมอความรู้สึกที่ความคิดของเขาถูกเปิดให้ใครเห็น เดรโกนั้นเก่งกาจในการแบ่งแยกความรู้สึกด้านต่าง ๆ สิ่งที่เขาแสดงออกกับสิ่งที่เขาคิดไม่จำเป็นต้องสอดคล้อง เขาไม่เหมือนหนุ่มกริฟฟินดอร์คนที่ชื่อว่าเป็นสามีของเขาเลยสักนิดเดียว
“เริ่มอย่างแรกคือต้องหัดทำใจให้ว่าง” เดรโกพูดเรียบ ๆ ระหว่างที่เขาปล่อยให้จิตเชื่อมกับแฮร์รี่เขาก็รู้เลยว่าในหัวของคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความคิดตลอดเวลา
“อย่าคิดอยู่ตลอดเวลา ตั้งสมาธิกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” เดรโกมองอีกคนที่มองเขากลับตาไม่กะพริบ “ไม่ได้หมายความว่าต้องตั้งสมาธิมองฉันเว้ย” เขาแหวใส่
“สำหรับการสกัดใจระยะเริ่มต้นอย่างนายแค่ตั้งสมาธิว่าจะไม่คิดอะไรหรือนึกถึงความทรงจำอะไรสักอย่างที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยก็พอแล้ว แต่ในขั้นสูงนายจะสามารถหลอกผู้พินิจใจได้ว่าสิ่งที่นายพูดเป็นความจริงโดยการตั้งสมาธิแสร้างคิดและสร้างความทรงจำให้สอดคล้องกับคำโกหกของนาย”
“แล้วนายเป็นขั้นไหนแล้ว” แฮร์รี่ถาม
“ขั้นแรกมั้ง” เขากวนกลับ ก็เล่นถามมาทำไมเล่า คิดว่าคนอย่างเขาอยู่ขั้นไหนกันวะเจ้าบ้า
แฮร์รี่กลอกตาแล้วขมุบขมิบปากบ่นเขา
“บทเรียนวันนี้แค่นี้พอ ฝึกตั้งสมาธิกับอะไรสักอย่างให้ได้สักชั่วโมง”
แฮร์รี่ทำหน้าเบี้ยว “ยากกว่าอ่านหนังสืออีกนะ อ่านหนังสือยังมีตัวอักษรให้คิดตาม แต่นี่ต้องทำใจว่าง ๆ เฉย ๆ เหรอ”
เดรโกเดินไปดีดนิ้วใส่หน้าผากคนที่พูดแล้วดูไม่เข้าสมองไปหนึ่งทีเบา ๆ “หรือตั้งสมาธิกับอะไรสักอย่าง นายจะคิดตลอดเวลาก็ได้ว่าห้ามเข้ามา ฉันเป็นกำแพง หรือคิดว่าฉันเป็นหม้อขึ้นสนิทที่หัวกลวงก็ยังได้ แต่ต้องคิดแค่อย่างเดียว ห้ามแว่บนึกอะไรเด็ดขาด”
“เฮ้” แฮร์รี่ยกมือขึ้นปิดหน้าผาก ร้องประท้วงเขา
“เข้าใจไหม” เดรโกกอดอกมอง เริ่มรู้สึกว่าไม่มีหวังซะแล้วมั้ง สงสัยต้องเป็นเขาที่ต้องเพิ่มความสามารถเองเพื่อปกป้องแฮร์รี่ซะมากกว่า
“เข้าใจแล้ว” แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วตอบ ทำหน้ามุ่ย
เห็นแล้วเดรโกอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะไหล่อีกคน “ทำให้ดี ๆ ล่ะเจ้าบ้า ฉันไม่ได้อยากเห็นนะในหัวกริฟฟินดอร์คิดอะไรอยู่”
“แล้วก็เข้านอนได้แล้ว” พูดจบเขาก็ตั้งใจจะเดินออกไป แต่มือของแฮร์รี่กลับคว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อนที่เดรโกจะเดินพ้นรัศมีอีกคน เดรโกหันกลับไปมองคนที่รั้งข้อมือเขาเอาไว้ สีหน้าของแฮร์รี่แปลกประหลาดอีกแล้ว แถมยังไม่ยอมสบตาเขาอีก แต่ก็ไม่ปล่อยข้อมือเขา
“มีอะไรอีก” เขาถามพร้อมขมวดคิ้ว จะถามก็ถามไม่เห็นต้องจับมือเลย
“เอ่อ นาย...” แฮร์รี่กัดริมฝีปากตัวเองก่อนจะมองเขา “นอนคนเดียวจะเป็นอะไรไหมคืนนี้”
เดรโกรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า แล้วก็ได้แต่หวังว่าตะเกียงตรงโถงทางเดินนี้จะสลัวพอที่จะไม่ให้หนุ่มสี่ตาเห็นว่าหน้าเขาแดงขนาดไหน เพราะเขารู้เลยว่าไอ้ผิวขาว ๆ ของเขามันซ่อนอาการหน้าแดงไม่ได้เลยสักนิดเดียว
บ้าบอที่สุด โอ๊ย รู้หรอกเขาใช้อีกคนเป็นหมอนข้างสองคืนติด แล้วแฮร์รี่คงเป็นห่วงว่าเขาจะยังปกติไหมหลังจากเจอโวลเดอร์มอร์และเบลลาทริกซ์ แต่คงไม่ได้อยากมานอนกับเขานักหรอกถึงได้ทำหน้าประหลาดอย่างนี้
“จะเสนอตัวมานอนเป็นเพื่อนรึไง” เขาย้อนถามกลับ
อีกคนอ้าปากค้าง ไม่ตอบในทันทีแต่กลับทำปากพะงาบ ๆ เหมือนพูดไม่ออก จนเขาต้องดึงมือกลับ
“ไม่ต้อง นอนคนเดียวได้” เขารีบหมุนตัว และดีใจชะมัดที่เขาหันหลังให้อีกคนตอนแฮร์รี่ตะโกนประโยคหลังไล่มา
“อย่าล๊อคห้องนะ เผื่อนายเป็นอะไร—”
“จะเป็นพี่เลี้ยงฉันรึไง ไอ้หม้อขึ้นสนิท” เขารีบพูดขัดแล้วก้าวเร็ว ๆ ขึ้นบันได ไม่เข้าใจทำไมต้องรู้สึกหน้าร้อนกว่าปกติด้วยนะ ก็แค่แฮร์รี่ทำตัวเป็นแฮร์รี่เท่านั้นเอง
---------------------------------------------
เขาตื่นสายโด่งเพราะเมื่อคืนก็เอาแต่พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ เดี๋ยวก็ผุดลุกขึ้นมามองประตูเชื่อมห้องตัวดีที่เป็นต้นเหตุของความกระสับกระส่าย เจ้าบ้านั่นดันพูดอะไรไร้สาระทำให้เขาต้องระแวงว่ากลางค่ำกลางคืนอัศวินผมดำจะโผล่ผ่านประตูเข้ามารึเปล่า เล่นเอากว่าจะสงบสตินอนได้ก็ดึกดื่น บวกกับความล้าติด ๆ กันหลายวัน เช้านี้เขาถึงตื่นเกือบจะเวลาอาหารเที่ยง
และทันทีที่เขาตื่นเอลฟ์ประจำบ้านที่ดูเหมือนตอนนี้จะเปลี่ยนเจ้านายเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็กระวีกระวาดเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงเตียง แถมยังไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะเห็น’นายท่านเดรโกทานอาหารเช้าจนหมด’
ส่วนคนตัวดีที่เจ้ากี้เจ้าการกับเอลฟ์ของเขากลับมานั่งหลบมุมที่ห้องหนังสือ กระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับกระจก เดรโกขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปใกล้ ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังแต่นิสัยสลิธีรินมันเข้าเส้นเลือด
“เมอร์ลินเขาว่าอย่างนั้นแหละ สรุปก็คือไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ยังคงสาบสูญ” เสียงของแฮร์รี่พูด ดูเหมือนกำลังอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นตอนพวกเขาไปพบเมอร์ลินเมื่อวันก่อน
“กษัตริย์ที่คู่ควรเหรอ ไม่ใช่กษัตริย์อาเธอร์ของเมอร์ลินเสียด้วย” เสียงผู้หญิงตอบกลับ เดรโกเบิกตากว้างจำได้ทันทีว่าเสียงใคร ก็เป็นเสียงของผู้หญิงคนเดียวที่เรียนชนะเขาได้เกือบทุกวิชาที่ฮอกวอร์ต ยายหนอนหนังสือเกรนเจอร์ แฮร์รี่บอกอยู่ว่าเธอช่วยหาคำตอบเกี่ยวกับกรินเดลวัลด์ น่าประหลาดใจดี พวกเขาสนทนากันด้วย...เดรโกขยับหน้าออกไปมอง...กระจกสองทางหรือ เธอมีอันหนึ่ง เขามีอันหนึ่ง กระจกเวทมนตร์เช่นนั้นแพงน่าดู แต่ด้วยทองเป็นภูเขาของแบล็คและพอตเตอร์รวมกันแค่นั้นหมอนั่นคงขนหน้าแข้งไม่ร่วง
“มัลฟอยคิดว่ายังไงบ้างล่ะ” เดรโกตัวแข็งทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง
“อือ ไม่ได้คุยกับเขาเรื่องนี้เลย เขามีเรื่องปวดหัวอย่างอื่นอยู่” แฮร์รี่ตอบเสียงอ่อย เดรโกรอดูว่าเมื่อไหร่อีกคนจะหลุดโพล่งไปว่าเขาเป็นผู้เสพความตายและพ่อกับแม่เขาถูกฆ่าโดยโวลเดอร์มอร์ แต่แฮร์รี่กลับไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เขาตกลงจะช่วยเราจริง ๆ ใช่ไหม” เกรนเจอร์ถามเสียงไม่แน่ใจ เดรโกคิดอย่างฉุน ๆ “คือฉันไม่ได้พูดออกไปวันก่อนต่อหน้ารอน แต่เขาเป็นวงในนะแฮร์รี่ แล้วเธอก็รู้บ้าน—”
“เขาอยู่ฝั่งเรา” แฮร์รี่พูดเสียงแข็ง “ฉันจะไม่ทะเลาะกับเธอเรื่องนี้นะ ฉันเชื่อใจเขา” เดรโกอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่ากริฟฟินดอร์หัวอ่อนเอ๊ย เชื่อใจฉันง่ายไปแล้วนะเจ้าบ้า
“แต่—” เกรนเจอร์จะพูดประท้วง
“เราจะไม่สงสัยความจงรักภักดีของเดรโก เขามีเหตุผลส่วนตัวแล้วฉันก็เชื่อเขา”
“เขาอาจจะเป็นสายลับสองหน้าก็ได้นะ เราควรระวังเรื่องการเปิดเผยข้อมูล--”
“ฉันไม่ได้อยู่ฝั่งโวลเดอร์มอร์แน่นอนเกรนเจอร์” เดรโกเดินอาด ๆ ออกไป เขาชักรำคาญขึ้นทุกที เขายื่นหน้าไปหากระจก “เชื่อเพื่อนเธอบ้าง” เดรโกทิ้งตัวลงนั่งหลังตรง หน้าเชิด ส่วนแฮร์รี่ที่อ้าปากค้างตอนนี้กลับกำลังชี้หน้าเขา
“นายแอบฟัง” หนุ่มผมดำหน้าขึ้นสีน้อย ๆ
“ก็นี่บ้านฉัน ถ้าอยากจะคุยเป็นความลับทำไมมาคุยที่นี่เล่า” เขาถลึงตาใส่
“ด๊อบบี้บอกว่านายยังไม่ตื่น” แฮร์รี่บ่นอุบอิบ ก่อนจะรีบยกกระจกขึ้นมา “เฮอร์ไมโอนี่เดี๋ยวฉันติด—”
“ไม่ต้องเลย จะคุยเรื่องโวลเดอร์มอร์ก็คุยกันสามคนนี่แหละ” เขารีบห้าม จะเสียเวลาไปทำไม
“แล้วเกรนเจอร์ตอบคำถามเธอ ฉันก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่านอกจากกษัตริย์อัลบัสที่ไม่มีไม้เอลเดอร์แน่นอนแล้วกรินเดลวัลด์จะภักดีต่อกษัตริย์คนไหนได้อีก”
เกรนเจอร์ทำหน้าเหวอ แต่แค่แว๊บเดียวเธอก็ตั้งหลักได้แล้วรีบเปิดโน้ต “เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นสายราชวงศ์จากปรัซเซียที่เขาเกิด”
เดรโกเคาะนิ้วลงกับเข่าอย่างครุ่นคิด เป็นไปได้ “แต่กรินเดลวัลด์ก็ไม่ได้ชื่นชมกษัตริย์องค์ไหนของปรัซเซียเลย ที่จริงออกจะตรงข้ามด้วยซ้ำ เขาวิจารณ์ราชวงศ์อย่างชัดเจนว่าไม่ได้เรื่อง แล้วสายเลือดที่แต่งงานกันไปมาระหว่างเครือญาติก็ทำให้เวทมนตร์ของครอบครัวกษัตริย์อ่อนแอ”
“ใช่ฉันรู้” หญิงสาวตอบเสียงอ่อย เธอถอนหายใจยาว “แต่ฉันก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นใครได้”
“เอาจากข้อมูลที่เรารู้แน่นอน กรินเดลวัลด์ยืนยันกับโวลเดอร์มอร์เรื่องการถือครองไม้เอลเดอร์ และโวลเดอร์มอร์ก็แน่ใจมากว่าเขาเป็นเจ้าของเพราะฉะนั้นเขาน่าจะมีจริง ตอนที่เขาไปหาเมอร์ลินเธอว่าเขามีรึยัง”
เดรโกมองหน้าแฮร์รี่ นั่นสิเขาพยายามนึกถึงประโยคที่เมอร์ลินพูด เมอร์ลินนั้นดูแน่ใจว่าเคยได้ยินคำว่าไม้เอลเดอร์ และตอนนั้นกรินเดลวัลด์เองก็มีแผนการมากพอที่จะคุยกับเมอร์ลินได้เป็นวรรคเป็นเวร
“มีแล้ว เขาต้องมีแล้ว เธอบอกว่าเขากับกษัตริย์อัลบัสหาเครื่องรางยมทูตตอนที่พวกเขายังเป็นหนุ่มใช่ไหม เขาหาไม้ วางแผน ไปชักชวนหาแนวร่วม แล้วซ่อนไม้ ก่อนจะแพ้ดวลกับกษัตริย์อัลบัส” แฮร์รี่พูดออกมา ก่อนจะขมวดคิ้วกับความไม่สมเหตุสมผลของประโยคหลัง ใช่เดรโกเองก็คิดมาตลอดและสงสัยว่าเหตุใดกรินเดลวัลด์ที่มีไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ถึงไม่ใช้มันในการดวลกับกษัตริย์อัลบัส ทำไมเขาต้องซ่อน ที่จริงเขาต้องรับรู้ทันทีที่อัลลัสทำลายเวทมนตร์เลือด แล้วรู้ว่ากำลังจะจบเห่แล้ว
“นายก็สงสัยใช่ไหม ทำไมเขาไม่ใช้ไม้เอลเดอร์” เดรโกถามแฮร์รี่
แฮร์รี่พยักหน้า
“เป็นไปได้ไหมที่เขาหยิ่งเกินไปที่จะใช้ไม้ที่แพ้ไม่ได้ในการดวลหรือ” เกรนเจอร์เสนอความคิดออกมาดัง ๆ
เดรโกหันไปมองหน้าเธอในกระจก ยอมรับก็ได้เธอฉลาดและรู้เรื่องดีชะมัด
“ถ้าอย่างนั้นกรินเดลวัลด์ต้องซ่อนไม้ไว้ในที่ไม่ไกลจากจุดประลอง เขามีเวลาไม่มาก” เขาพูดต่อ เรื่องการประลองของกษัตริย์ชรากับคนรักเป็นอะไรที่ถูกเล่าราวกับเป็นตำนาน เขารู้ว่าทันทีที่ทำลายเวทมนตร์เลือด กษัตริย์อัลบัสก็เผชิญหน้ากับคนรักทันที
“พวกเขาประลองที่ก๊อดดริกฮอลโลว์ บ้านเก่าของกษัตริย์อัลบัสสมัยเป็นเจ้าชาย” เกรนเจอร์ตะโกนออกมาจากกระจก
เขากับแฮร์รี่มองหน้ากัน ถึงจะเบาบางขนาดไหนแต่นี่ก็คือเงื่อนงำ
“ตอนนี้เลยไหม” เขาถามอัศวินหนุ่ม
“นายไหวรึเปล่า” แฮร์รี่ถามเขากลับ เมื่อเห็นเขาพยักหน้าชายหนุ่มก็หันมาบอกเพื่อนสาว “เฮอร์ไมโอนี่ฉันกับเดรโก—”
“รู้แล้วระวังตัวด้วยล่ะ ฉันคิดว่าโวลเดอร์มอร์คงพยายามพลิกหาในทุกที่ที่เกี่ยวข้องกับกรินเดลวัลด์เหมือนกัน” เธอตอบเพื่อนสนิท ก่อนจะกระแอมแล้วเรียกเขา “มัลฟอย” เขาโผล่หน้ามองเธอ หญิงสาวไม่ได้ต่างจากสมัยเรียนเท่าไหร่ ผมของเธอยังคงฟูฟ่อง ตาโตสีน้ำตาลใส มีแค่แก้มที่อิ่มเอิบขึ้น แฮร์รี่บอกว่าเธอท้องอยู่ “เอ่อ...ขอบใจนะที่ช่วย แฮร์รี่บอกว่านายเป็นคนปะติดปะต่อจนได้เรื่องกรินเดลวัลด์”
เขาทำอะไรไม่ถูกกับคำชม เธอก็คงเช่นเดียวกัน เธอหน้าขึ้นสีก่อนจะรีบหันไปพูดลากับเพื่อนสนิทแล้วตัดการติดต่อไป เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา แฮร์รี่ก็ส่งยิ้มกว้างมาให้เขา
“เฮอร์ไมโอนี่ชอบนายนะ”
“บ้ารึไง ฉันไม่อยากถูกวีสลีย์ฆ่าทิ้งซะหน่อย” เขารีบพูดอย่างเขิน แล้วหวังว่าหน้าเขาจะไม่แดง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะคนตรงหน้าเขาเอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่มแบบที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ในท้องยังไงก็บอกไม่ถูก
-------------------------------------------
‘นี่เป็นอากาศกลางฤดูใบไม้ผลิจริง ๆ รึเปล่านี่’ เดรโกคิดในใจขณะเดินฝ่าหมอก และอากาศที่เย็นกว่าปกติ ตั้งแต่ที่ผู้คุมวิญญาณหนีออกจากอัซคาบันแล้วอาละวาดไปทั่ว พวกมันก็พาไอเย็นและหมอกไปด้วยทุกที่ เขาไม่ได้สังเกตที่คฤหาสน์มัลฟอยเพราะอย่างที่เบลลาทริกซ์พูด ที่นั่นไม่ดึงดูดผู้คุมวิญญาณ ไม่ใช่เพราะเวทมนตร์อะไรหรอก แต่เขาแน่ใจว่าบ้านเขาความสุขในนั้นคงติดลบแน่ ๆ
แฮร์รี่หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาเตรียมพร้อม ดวงตากวาดไปรอบ ๆ เขาไม่ยอมรับออกไปดัง ๆ หรอกนะ แต่ว่าเขาอุ่นใจขึ้นโขที่มีคนนี้อยู่ข้างตัว เขารู้ว่าแฮร์รี่เป็นที่หนึ่งของชั้นในวิชาป้องกันตัวและการประลอง ชายหนุ่มรวดเร็ว มีประสาทสัมผัสชั้นยอด และใช้คาถาป้องกันตัวได้อย่างคล่องแคล่ว
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น นายหายตัวกลับไปที่คฤหาสน์เลยเข้าใจไหม” แฮร์รี่หันมาสั่งเขาเบา ๆ
“นี่ เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ” เขาขึ้นเสียงใส่
“ไม่ใช่คิดว่านายดูแลตัวเองไม่ได้เว้ย แต่นาย...” แฮร์รี่ชี้ไปที่ผมตัวเองเหมือนว่าเขาต้องเข้าใจว่าหนุ่มแว่นต้องการจะสื่ออะไร แล้วเมื่อเห็นว่ายังไงเขาก็ทำหน้ายักษ์ใส่อีกคนก็เลยพูดภาษาคนออกมาง่าย ๆ “นายเด่นเข้าใจไหม ผมของนายใครเห็นก็รู้ว่ามัลฟอย”
อ๋อ “แล้วทำไมไม่พูดตั้งแต่แรกเล่า” เขาตะเพิดใส่กลับ พูดจบก็ดึงผ้าคลุมขึ้นมาคลุมศีรษะแล้วเสกคาถาให้ผ้าไม่หลุด เขาไม่หนีกลับหรอกนะ ถ้าไม่ได้ดึงมืออีกคนมาด้วยเขาไม่กลับคฤหาสน์ตัวเปล่าเด็ดขาด
เมื่อเห็นว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมฟัง แฮร์รี่ก็เลยยอมเลยตามเลย แล้วเดินนำต่อไปจนถึงบ้านพักเก่าของกษัตริย์อัลบัส และในเมื่อแฮร์รี่มีตราของพระราชา พวกเขาถึงผ่านข่ายเวทมนตร์กั้นบ้านหลังนี้เข้ามาได้
“นายคิดว่าที่ไหน” แฮร์รี่หันมาถามเขา พร้อมกับร่ายคาถาให้แสดงห้องหรือสิ่งของที่ซ่อนอยู่ในบ้านออกมา
“ไม่รู้สิ พวกเขาประลองกันที่ข้างหลังนั่น” เดรโกชี้ไปที่สวนข้างนอก เลยจากนั้นก็เป็นเขตสุสานของสายครอบครัวกษัตริย์อัลบัสคนที่ไม่ได้เป็นกษัตริย์
“นายหาในบ้านนี่ ฉันจะออกไปดูข้างนอก” แฮร์รี่ตัดสินใจให้ เดรโกพยักหน้าตอบรับ รู้หรอกว่าอีกเหตุผลคืออะไร ข้างในบ้านยังมีข่ายเวทมนตร์ป้องกันไม่ใช่ในที่แจ้งเลยทีเดียว หมอนั่นคิดว่าเขาโง่หรือไง แต่ช่างเถอะ เดรโกไล่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่มีลงไปแล้วค่อย ๆ ใช้ไม้กายสิทธิ์ไล่ร่ายเวทมนตร์ไปทีละส่วน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเมื่อเห็นภาพของกรินเดลวัลด์กับเจ้าชายอัลบัส ทั้งคู่ยิ้มร่าให้กันก่อนจะเอียงหน้าจูบปากกัน ภาพวนซ้ำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ
เขาไล่หาจนถึงห้องทำงานของกรินเดลวัลด์ ดูเหมือนพระราชวังและกษัตริย์ชราจะคงสภาพห้องนี้เอาไว้อย่างเดิมจนแทบไม่เปลี่ยนแปลง ม้วนกระดาษที่มีลายมือเรียบร้อยของกรินเดลวัลด์กองอยู่ พร้อมรายงานข้อเสนอให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ ยกเลิกระบบขุนนาง แล้วให้อำนาจปกครองกับกลุ่มผู้วิเศษที่มีอำนาจเวทมนตร์สูงสุดแถมยังยืนยันว่าพวกเขาไม่ควรจะต้องซ่อนตัว ในเมื่อเวทมนตร์ไม่ใช่อะไรที่น่าอับอาย หน้าสุดท้ายนั้นว่างยกเว้นแต่เส้นที่รอให้กษัตริย์ลงชื่อรับรองข้อเสนอนั้น นี่เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่หากวิธีที่กรินเดลวัลด์เสนอนั้นคือฆ่าทุกคนที่ต่อต้านทิ้ง แน่นอนเหล่าขุนนางลุกฮือต่อต้านทันที พร้อมกับพวกสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ ‘ทำลายกฎของเพฟเวอร์เรลล์ไม่ได้’ เดรโกมองตั้งกระดาษแล้วนึกถึงสิ่งที่เรียนในวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ที่กรินเดลวัลด์กล้าขนาดนั้นเพราะเขารู้ว่ากฎของเพฟเวอร์เรลล์ทำลายได้น่ะสิ ตอนนั้นคงมีเครื่องรางยมทูตสองชิ้นแล้ว ไม้กายสิทธิ์และผ้าคลุม เหลือแค่แหวนของก๊อนท์ที่เฝ้าตามหา หรือบางทีอาจจะมีครบแล้วก็ได้เพราะโวลเดอร์มอร์เป็นลูกเลี้ยงกษัตริย์อัลบัส เป็นไปได้ว่าเขาจะขโมยแหวนมาจากกษัตริย์ชรา
เดรโกแตะที่สัญลักษณ์สามเหลี่ยมวงกลมและเส้นตรงที่มุมของกระดาษ เขารู้แล้วว่านี่เป็นสัญลักษณ์ของเครื่องรางยมทูต แฮร์รี่เล่าให้เขาฟัง ตอนที่เขาวาดสัญลักษณ์นั่นพร้อมกับหินชุบวิญญาณ
เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ตั้งกระดาษแล้วร่ายคาถา ไม่มีไม้กายสิทธิ์ซ่อนอยู่ในนี้ เดรโกถอนหายใจแล้วเดินหาต่อ ถ้ารู้ว่าวันนึงต้องมานั่งหาอะไรแบบนี้ เขาจะตั้งใจฟังนิทานก่อนนอนที่พี่เลี้ยงเล่าให้ดีกว่านี้ เขาคิดพร้อมกับเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แฮร์รี่เดินไปที่สุสานแล้ว แสดงว่าในสวนคงไม่มีอะไร เขาควรจะรีบลงมือหาต่อ ภาวนาให้หนึ่งในเครื่องใช้เป็นไม้กายสิทธิ์ที่ถูกแปลงสภาพ
แต่เขาก็ไม่มีโชค เดรโกเดินออกจากบ้านมา ไม่ได้ซ่อนที่นี่หรือ เขาคิดหัวแทบแตกว่าจะเป็นที่ไหนได้อีก และยังคงคิดอยู่เมื่อเดินเข้าไปหาแฮร์รี่ที่นั่งอยู่หน้าหลุมศพอันหนึ่ง
“ไม่มี” เขาพูดอย่างท้อ ๆ “นายล่ะ”
“ไม่มีเหมือนกัน แต่ดูนี่สิ” แฮร์รี่ฉุดมือเขาลงมา เดรโกมองดินชื้น ๆ อะไรนะจะให้เขาลงไปคุกเข่ากับดินเปียก ๆ นี่หรือ เขาเลิกคิ้วใส่อีกคน แต่หมอนั่นแค่กรอกตาแล้วดึงแขนเขาลงมาอีกคน “นั่งเถอะน่าเดี๋ยวฉันเสกคาถาทำความสะอาดชุดนายให้ แล้วเลอะโคลนหน่อยจะเป็นไรไง”
“นี่นายให้รู้ไว้นะชุดฉันราคาหลายร้อยเกลเลียน—”
“รู้แล้วครับ นั่งเถอะน่า สัญญาว่าคุ้มกับกางเกงนาย” ไม่ใช่เพราะสัญญาอะไรหรอก แต่เป็นเพราะไอ้สายตาที่มองเขาอย่างออดอ้อนนั้นแหละที่เขาปฏิเสธไม่ได้ ให้ตายเถอะความสามารถพิเศษของแฮร์รี่จริง ๆ
เดรโกคุกเข่าตามอีกคนอย่างทุลักทุเล มือยันดินโคลนชื้น ๆ เอาไว้พร้อมกับย่นจมูก
“เห็นนี่ไหม”
“เห็น หินหลุมศพ” เขาตอบอย่างรำคาญ
“เห็นไหมมันไม่มีชื่อ แต่ดูนี่ เห็นสัญลักษณ์นี่ไหม” จริง ๆ ด้วย หินเรียบไม่ได้สลักชื่อเอาไว้ แต่บางทีอาจจะเป็นเวทมนตร์ที่ซ่อนชื่อก็ได้ แต่เมื่อมองตามมือแฮร์รี่ไปที่มุมหินเขาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ สัญลักษณ์ของเครื่องรางยมทูต
“ดินนี่ยังใหม่ด้วย ฉันคิดว่ากรินเดลวัลด์ฝังอยู่ที่นี่”
เดรโกรีบกระโดดออก เขาเหยียบหลุมฝังศพกรินเดลวัลด์อยู่หรือ “ทำไมเขาได้ฝังที่นี่” เดรโกอดไม่ได้ที่จะถาม
แฮร์รี่ได้แต่ยักไหล่ “คงเป็นคำสั่งกษ้ตริย์อัลบัส ท่านไม่ค่อยมีเหตุผลเรื่องกรินเดลวัลด์อยู่แล้ว”
“นายคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่เขาจะฝังกรินเดลวัลด์กับไม้เอลเดอร์” เดรโกถามเสียงเบา
“ไม่—” แฮร์รี่กำลังจะตอบ แต่คำตอบของถูกตัดสั้นด้วยเสียง ป๊อบ เบา ๆ ขึ้นสี่ครั้ง อัศวินหนุ่มรีบดึงเดรโกให้เข้าไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ แล้วเสกคาถาพรางตาใส่พวกเขา แฮร์รี่โผล่หน้าออกไปดูก่อนจะหันมาสบถ
“ห่าแล้ว ผู้เสพความตาย”
เดรโกเบิกตากว้าง ดึงแขนแฮร์รี่ให้ตั้งใจหายตัว แต่อีกคนกลับทำหน้าดุใส่เขา “นายกลับไป ฉันต้องอยู่ที่นี่” พูดจบอัศวินหนุ่มก็สะบัดแขนเขา แล้ววิ่งออกไปสาดคาถาใส่กลุ่มผู้เสพความตาย เดรโกหลับตาปี๋ ฟังเสียงหินแตกกระจาย ก่อนจะทนไม่ไหวแอบโผล่ออกไปดู โชคดีที่คาถาของแฮร์รี่แข็งพอที่จะไม่ให้ใครเห็นเขา ผู้เสพความตายแค่สี่คน และดูเหมือนล้มไปแล้วสอง ส่วนแฮร์รี่ยังคงหลบได้อยู่
เขาควรจะหายตัวไป แต่...แต่เขาต้องแน่ใจว่าแฮร์รี่ไม่เป็นอะไร แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ เดรโกกลืนน้ำลาย เขาคิดว่าเขาคงกล้าพอที่จะเดินออกไปแล้วช่วยแฮร์รี่ได้ แผนแตกคงดีกว่าแฮร์รี่ตาย ยังไงโวลเดอร์มอร์คงไม่ได้เกลียดเขามากไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่
“เปรี้ยง” หินแตกกระจายอีกครั้ง
“สตูเปฟาย” เสียงแฮร์รี่ตะโกน เดรโกใจเต้นรัว อยากขยับตัวมอง แต่เขากลัวว่าคาถาพรางตาจะหลุด “โพรเทโก้”
“สตูเปฟาย” เสียงล้มจากไกล ๆ คาถาคงโดนไปอีกหนึ่ง เหลืออีกแค่คนเดียว แต่ก่อนที่เขาจะได้ดีใจ เสียง ป๊อบ เบา ๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนที่ทำให้เดรโกแทบเข่าอ่อน
“ครูซิโอ” เดรโกตัวแข็งนิ่ง เขารู้จักเสียงนั้น เหงื่อเย็น ๆ ไหลมาตามหน้าผากที่อยู่ใต้ผ้าคลุม ใช่แน่ ๆ แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ “เอกซ์เปลลิอาร์มัส” เสียงคาถาพูดต่อ โดยไม่หยุด ใช่แน่ ๆ ความเร็วนี้ ผู้ชายคนนั้น
โวลเดอร์มอร์อยู่ที่นี่ เดรโกหลับตาแน่น นิ้วจิกเข้าไปในฝ่ามือ
“งานง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้รึ” เสียงตะโกนของโวลเดอร์มอร์ คงพูดกับผู้เสพความตาย “แค่ให้หาศพของกรินเดลวัลด์ ต้องให้ข้าออกโรง” โวลเดอร์มอร์ร่ายคาถาโล่กั้นเวทมนตร์ของแฮร์รี่ และโล่ของเขาสมบูรณ์แบบ เดรโกเคยเห็นมันแล้ว
“โอ ดูเหมือนว่าอัศวินคนนี้จะไม่ใช่ย่อย ๆ”
“รีดัคโต รีดัคโต” เสียงแฮร์รี่ตะโกนซ้ำ ๆ แต่ดูเหมือนคงไม่โดนเป้า เพราะโวลเดอร์มอร์พูดต่อ
“อย่าพยายามเลย ข้าปราณีจะปล่อยให้เจ้ารอดไปง่าย ๆ วันนี้ ไปเสียอัศวิน”
“ไม่ เอกซ์เปลลิอาร์มัส” เสียงแฮร์รี่ตะโกนกลับ พร้อมกับสาดคาถาไปทางจอมมาร และเป็นอีกครั้งที่คาถาไม่เข้าเป้า
“เอ็กซ์พัลโซ่ สตูปิฟาย” แฮร์รี่ร่ายคาถาซ้ำ ๆ เดรโกเข้าใจทันทีว่าอีกคนต้องการทำอะไร ใช้คาถาระเบิดทำลายโล่แล้วให้มีช่องโจมตีด้วยสตูปิฟาย เป็นวิธีการที่ดีสำหรับคู่ต่อสู้ที่ไม่ใช่ลอร์ดโวลเดอร์มอร์
“ทรานซิโก้ พังโก้” โวลเดอร์มอร์ร่ายคาถามีด เสียงอึกทำให้เดรโกรู้ว่าคาถานั้นโดนแฮร์รี่ หัวใจเขาเต้นแรง อยากจะก้าวขาออกไปกั้นระหว่างแฮร์รี่กับลอร์ดโวลเดอร์มอร์แต่ทั้งตัวกลับแข็งนิ่งขยับไม่ได้
“แอนเซนดิโอ” โวลเดอร์มอร์พูด ก่อนจะมีเสียงตุบเบา ๆ ไม่ห่างจากจุดที่เขายืน
“โอ้ ข้ารู้จักใบหน้านี้” ในที่สุดเดรโกก็บังคับร่างกายให้ฝืนขยับได้ เขาหันหน้าไปมองทางต้นเสียงของโวลเดอร์มอร์ แม้จิตใต้สำนึกจะสั่งให้เขามองอีกทางแล้ววิ่งหนีให้เร็วที่สุด ร่างสูงของโวลเดอร์มอร์ยืนอยู่เหนือร่างของแฮร์รี่ที่ตอนนี้เลือดออกที่ขาคงจากคาถามีดของจอมมารจนอัศวินหนุ่มต้องลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น แต่มือของแฮร์รี่ยังคงถือไม้กายสิทธิ์แน่น และยังไม่หยุดร่ายคาถาใส่จอมมาร แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับคาถาโล่ที่สมบูรณ์แบบนั่น
“เพทริฟิคัส โททัลลัส” โวลเดอร์มอร์พูดง่าย ๆ โดยที่ยังสามารถคงคาถาโล่เอาไว้ได้ ร่างแฮร์รี่แข็งแล้วล้มลงกับพื้นทันที ดวงตาสีเขียวเบิกกว้าง
“ลาวิคอร์ปัส” ข้อเท้าของแฮร์รี่ลอยขึ้น จนใบหน้าของอัศวินหนุ่มอยู่ระดับเดียวกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ผมที่ปิดหน้าผากของเขาเปิดออก แผลเป็นรูปสายฟ้าชัดจนหน้าผากเนียน
“แกเป็นลูกของนางแพศยานั่น” โวลเดอร์มอร์คำราม
“ใช่ แม่ฉันไงล่ะที่ส่งแกลงหลุม” ให้ตายสิแฮร์รี่ เดรโกด่าอีกคน ช่วยอย่าทำให้เขาโกรธมากกว่านี้ได้ไหม แค่นี้เดรโกก็ไม่รู้ว่าเขาจะใช้คาถาอะไรเข้าไปช่วยได้แล้ว ถ้าหากเข้าไปแทรกตอนนี้เขาตายก่อนที่จะได้ยกไม้แน่นอน เขาเคยเห็นสิ่งเดียวกันเกิดขึ้นกับพ่อเขาแล้ว
น่าประหลาดใจที่โวลเดอร์มอร์ไม่ได้ใช้คาถาพิฆาตในทันที แต่กลับหัวเราะเย็น “แล้วก็เป็นแกที่จะทำให้ฉันมีชัยชนะ” โวลเดอร์มอร์แตะที่หน้าผากของแฮร์รี่ มองชุดเครื่องแบบอัศวินของอีกคน “ฉันกำลังอยากรู้พอดีเลยว่ากษัตริย์อัลบัสกับสุนัขรับใช้ของมันไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”
เดรโกยกมือขึ้นปิดปาก โวลเดอร์มอร์กำลังจะอ่านใจแฮร์รี่ ซวยแน่แท้แล้วเขา เขามองไม้กายสิทธิ์ตัวเอง ต้องขยับนะ ไม่ใช่แค่ชีวิตแฮร์รี่ ชีวิตอัศวินคนอื่น แต่ชีวิตของเขาด้วยที่จะอยู่ในอันตราย เดรโกหลับตาสงบใจ ถ้าโวลเดอร์มอร์จะอ่านใจเขาจะมีโอกาสเปิดว่าง แค่แว่บเดียวแต่เขาก็ต้องทำให้ได้
“เลกจิลิเมนส์” ทันทีที่โวลเดอร์มอร์เริ่มเอ่ยคาถาและปลดคาถาโล่ของตัวเองเพื่อเตรียมอ่านใจคนตรงหน้า เดรโกก็พุ่งตัวออกจากที่ซ่อน ตะโกนคาถากันระหว่างแฮร์รี่และโวลเดอร์มอร์
“โพรเทโก้” ผลของคาถาพินิจใจสะท้อนกลับไปที่คนร่าย โวลเดอร์มอร์ผงะ เดรโกกวาดมือร่ายอีกคาถาป้องกันเพิ่มทันที
“รีเพลโล่ อินนิมิคัม” เขารีบดึงตัวแฮร์รี่คว้าไม้กายสิทธิ์ของอีกคนแล้วหายตัวไปให้เร็วที่สุด
หัวใจเขายังเต้นรัวแม้ว่าจะหายตัวกลับมาที่คฤหาสน์มัลฟอยแล้ว เดรโกยังคุกเข่าขณะแตะไม้กายสิทธิ์เข้าที่ตัวแฮร์รี่แล้วพึมพำ “ไฟไนท์ อินแคนทาทัม” เบา ๆ คนให้อ้อมกอดเขาครางออกมาทันทีที่ถูกปลดจากคาถาหินแข็ง มือของแฮร์รี่เอื้อมขึ้นมาปัดผ้าคลุมออกจากศีรษะเขา ก่อนจะหยุดแตะที่แก้มเขา ริมฝีปากของคนเจ็บขยับเป็นรอยยิ้ม
“ยิ้มออกได้ไง นายเลือดไหลจะแย่แล้ว” ให้ตายสิขนาดเสียงเขายังสั่นเลย ใช่แล้วเขาควรจะส่งแฮร์รี่ไปโรงพยาบาล
“เก่งมากเดรโก” แฮร์รี่ยิ้มให้เขา “ขอบใจนะ”
หัวใจเดรโกเต้นรัว แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เพราะความกลัว เขารู้สึกเหมือนผิวใต้สัมผัสของนิ้วแฮร์รี่ร้อนจัด น้ำตาที่ไม่ควรจะไหลตอนนี้กลับหยดแหมะใส่หน้าคนเจ็บแบบคุมไม่ได้
“จะ...เจ้าบ้า...นะ นาย…” เดรโกไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ เขาอยากจะตะโกนด่าว่าทำไมนายต้องจะตายด้วย “ต่อหน้าฉัน” เขาพูดพร้อมสะอื้นฮัก บ้าชะมัดที่เขาคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้
แฮร์รี่ดึงเขาลงมากอดแน่น เดรโกซุกหน้าเข้ากับผมอีกคน กลิ่นน้ำตาลเคี่ยวที่เขาเริ่มคุ้นเคย แฮร์รี่มีกลิ่นเหมือนเค้ก เหมือนวันดี ๆ ที่เขาเคยมีในตอนที่เดรโกยังไม่รู้ว่าโลกโหดร้าย
“ฉันไม่เป็นไร” แฮร์รี่พูดเบา ๆ ข้างหูเขา ลูบหลังเขาเหมือนเดรโกเป็นแมวที่กำลังตื่นกลัว
เขายกมือขึ้นปัดน้ำตาออกจากหน้า ยันอีกคนออก “เราต้องไปโรงพยาบาล แล้วก็ต้องบอกอัศวินคนอื่น โวลเดอร์มอร์คงจะอยากได้ศพของกรินเดลวัลด์เพื่อฟื้นคืนชีพ”
“เรื่องโวลเดอร์มอร์ไม่ต้องห่วง ฉันตั้งใจใช้คาถารีดัคโตแล้วเล็งพลาดให้ไปโดนหลุมศพกรินเดลวัลด์ ข้างใต้นั่นคงมีแค่ฝุ่นที่เหลือ” แฮร์รี่ตอบ ก่อนจะทำหน้าเหยเกยันตัวขึ้น “แต่ใช่เราควรไปโรงพยาบาล ฉันต้องการผู้บำบัด แล้วอีกอย่างตอนที่นายใช้คาถาแล้วเขาพยายามอ่านใจฉัน มันมีแว่บนึงที่ฉันเข้าไปในหัวเขาได้ เขามีแผนจะโจมตีเซนต์มังโก” เดรโกพยักหน้าแล้วพยุงอีกคนขึ้น ไม่มีเวลามานั่งตกใจไปมากกว่านี้แล้ว เขากำลังอยู่ในสงคราม
“ขอบใจจริง ๆ นะเดรโก” แฮร์รี่กระซิบใส่หูเขาอีกครั้ง
-------------------------------------
แล้วเดรโกก็ได้แต่รอ เขาเดินกระสับกระส่ายไปหน้าเตาผิง กังวลไปหมดทุกอย่าง แฮร์รี่จะปลอดภัยไหม ตอนนั้นโวลเดอร์มอร์รู้ไหมว่าเป็นเขา คฤหาสน์มัลฟอยปลอดภัยจริง ๆ รึเปล่า กษัตริย์อัลบัสกับพวกอัศวินปลอดภัยไหม แล้วไม้เอลเดอร์อยู่ที่ไหนกันแน่
ไฟผิงส่องสว่างวูบเจิดจ้าเป็นไฟสีเขียว ก่อนที่ร่างสูงในเสื้อคลุมสีแดงจะก้าวออกมาจากเตาผิง เดรโกถอนหายใจออก แล้วรีบร่ายคาถาปิดเครือข่ายฟลูไม่ให้ใครเข้าออกได้อีก
“เป็นยังไงบ้าง” เขารีบเข้าไปพยุงอัศวินหนุ่ม ที่ตอนนี้วุ่นกับการปัดขี้เถ้าออกจากผมยุ่ง ๆ
“ไม่เป็นไรแล้ว คาถามีดที่เขาใช้ไม่โดนอวัยวะสำคัญ แค่แทงผิว แป๊บเดียวผู้บำบัดก็จัดการได้” แฮร์รี่หันมายิ้ม ก่อนจะจับข้อมือเขาไว้ไม่ยอมให้เขาดึงมือออกเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่เป็นไร ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องอื่นร้อนใจเขาคงด่าไปแล้ว
“แล้วเซนต์มังโกหล่ะ”
“จัดการบอกพวกอัศวินให้หาเวรยามมาอารักขาแล้ว จัดเตรียมที่อื่นเอาไว้รองรับผู้ป่วยกรณีต้องเคลื่อนย้ายแล้วด้วย”
ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีอะไร เดรโกรู้สึกโล่งใจ ก็ขวัญหนีดีฝ่อติด ๆ กันทุกวันอย่างนี้เขาก็ไม่ค่อยไหวเหมือนกันนะ ขอมีข่าวดีบ้างเถอะ
“นายเป็นยังไงมั่ง” คำถามของอีกคนทำให้เดรโกเงยหน้ามองตาคนถาม ดวงตาสีเขียวหลังแว่นมองเขากลับ
“เอ่อ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก” จะเป็นได้ยังไงล่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ หลังจากกลับมาจากข้างนอกเขาก็อยู่ในบ้านตลอด รอข่าวร้ายไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
“เฮ้” เขาร้องประท้วงเมื่อคนที่ตอนแรกแค่จับมือเขาดึงเขาเข้าไปกอดแน่น เดรโกทุบหลังอีกคน ไม่กล้าทำแรงหรอกแต่ต้องเตือนให้รู้ว่าอยู่ดี ๆ มาจับเขากอดได้ไง
“เดรโก” แฮร์รี่พูดโดยไม่ฟังคำประท้วงจากเขา เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเหมือนกำลังบอกความลับยิ่งใหญ่ “สัญญาว่าจะไม่ตายต่อหน้านายนะ”
เดรโกหยุดมือ วางมือลงบนไหล่อีกคน หมอนั่นรู้ด้วยหรือว่าเขากลัวอะไร เขากะพริบตาถี่ ๆ ไม่เอาไม่ร้องสิ วันนี้ก็บ่อน้ำตาแตกไปรอบนึงแล้ว
“จะพยายามนะ ขอโทษนะสำหรับวันนี้”
เขายอมยืนนิ่งปล่อยให้แฮร์รี่กอด ยอมก็ได้ถ้านั่นจะแลกกับคำสัญญาได้ เขาหลับตาแน่นไม่เอาอีกแล้ว เขาไม่อยากเห็นใครตายต่อหน้าอีกแล้ว
“ใครจะไปสนว่านายจะตายที่ไหน” เดรโกผลักอีกคนออกเบา ๆ พูดออกมาตรงข้ามกับใจคิด อยากให้เขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ เขาอยากให้ตัวเองไม่ต้องแคร์ว่าใครจะตายบ้าง
แฮร์รี่ยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับไม่ยิ้มตาม
“แต่ยังไงฉันก็จะรักษาสัญญานะ”
ความคิดเห็น