คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Detrimental Duo
ในที่สุดแฮร์รี่ก็เข้าใจว่าทำไมเดรโกถึงได้เกลียดนักหนาเวลาที่เขาเค้นถามเรื่องเกี่ยวกับการตายของลูเซียส และนาร์ซิสซาร์ มัลฟอย ร่างในอ้อมแขนเขาแทบจะไม่ร้องไห้เลย เป็นเขาเสียอีกที่น้ำตาไหลอย่างหยุดไม่ได้ แต่อีกคนกลับมีแต่สายตาเศร้ามองพื้น เหมือนคนยอมแพ้ต่อโชคชะตาไปแล้ว
“ไปหากษัตริย์อัลบัสไหม เขาต้องปกป้องนายได้” แฮร์รี่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาอยากจะช่วยคนข้างตัว แต่ตัวเขาไม่มีทางงัดข้อกับโวลเดอร์มอร์ตอนนี้ได้ ไม่ได้อยากยอมรับแต่เขาเจอหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมมารในศึกที่วังวันนี้ ผู้ชายคนนั้นต่อสู้ได้สมฉายานามนั้น โวลเดอร์มอร์ทั้งรวดเร็วและโหดร้าย พลังเวทมนตร์เขาสูงเสียจนไม่มีคาถาโล่ไหนต้านคาถาเขาไว้ได้ เหมือนปีศาจมากกว่ามนุษย์ โชคดีของพวกเขาที่ทันทีที่พบว่าในหลุมศพไม่มีไม้เอลเดอร์ โวลเดอร์มอร์ก็หายตัวออกไปอย่างเร็ว ถ้าเขายังสู้ต่อ วันนี้พวกอัศวินคงเสียชีวิตมากกว่านี้
เดรโกไม่ตอบในทันที ชายหนุ่มเงียบไปนานจนแฮร์รี่คิดว่าเดรโกคงไม่ตอบแล้ว
“วันนั้นฉันสัญญากับตัวเองว่าจะต้องฆ่าเขาให้ได้ เป็นเหตุผลเดียวที่ฉันยังมีชีวิตอยู่”
แฮร์รี่รู้สึกเจ็บในอก เดรโกไม่จำเป็นต้องพูดว่าเจ้าตัวหมายความว่าอย่างไรในประโยคสั้น ๆ นั้น เดรโกคิดอยากจะตาย ในชั่ววินาทีที่ทั้งลูเซียส และ นาร์ซิสซาร์ไม่อยู่อีกแล้ว เจ้าตัวคงไม่อยากมีชีวิตอยู่เช่นกัน แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้ ถ้าหากเขาดึงสาเหตุนั้นออกไปแล้ว เดรโกจะอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกหรือเปล่านะ
แต่เขารู้จักเดรโก...และในบางมุมอาจจะดีกว่าที่ชายหนุ่มรู้จักตัวเอง
“นายฆ่าคนไม่ได้หรอกเดรโก” เขาไม่ได้พูดเพราะสบประมาท แต่เขารู้ว่าถ้าหากปล่อยให้อีกคนสังหารใครแล้ว จิตใจเดรโกต้องแตกสลาย เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ แต่เดรโกไม่เคยมีความคิดจะเอาชีวิตใคร ความตายของนาร์ซิสซาร์ถึงหนักหนามากเหลือเกินสำหรับเจ้าตัว ภาพติดตาที่เขาไม่มีวันลืมคือเด็กผู้ชายอายุสิบหกที่มือสั่นไม่หยุดเมื่อต้องร่ายคาถาสำเร็จโทษกับคู่ต่อสู้ ใบหน้าของเดรโกที่กระซิบความลับกับกระจก แล้วก็เสียงสะอื้นเหมือนจะขาดใจยามเจ้าตัวยอมรับว่าฆ่าใครไม่ได้
มืออีกคนผลักอกเขาออก แต่แฮร์รี่กลับดึงคนตรงหน้ามากอดไว้แน่น ซุกหน้าเข้ากับผมนิ่ม แล้วพูดต่อ
“แต่ฉันจะทำให้นายนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะจัดการเขาให้ได้” มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่แฮร์รี่ให้ได้
“อย่าเป็นอะไรจนกว่าวันนั้นจะมาถึงนะ” อย่าตายก่อน อย่ายอมแพ้ เขาอยากจะพูดให้เดรโกเข้าใจ ถ้าเพียงแต่จะรักษาจิตใจอีกคนไว้ได้เขายอมที่จะมือเปื้อนเลือด
เดรโกหยุดดิ้นรน มือยกมาแตะไหล่เขา ไหล่ผอมนั้นสั่นสะท้านน้อย ๆ ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ เดรโกมีศักดิ์ศรีเกินกว่าจะร้องไห้อย่างเปิดเผยต่อหน้าเขา หยิ่งทะนง ไม่ยอมให้ใครเห็นว่าตัวเองอ่อนแอ แฮร์รี่ลูบศีรษะอีกคนเบา ๆ ขอโทษนะที่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้
“นายก็ฆ่าคนไม่ได้เหมือนกัน” เสียงเดรโกเบาแทบจะกระซิบ “พวกอัศวินไม่เคยฆ่าใคร”
“ใช่ แต่ฉันทำได้ ถ้าหากมันจะช่วยให้ฉันปกป้องสิ่งสำคัญเอาไว้ได้” อย่างจิตใจของนาย
“เพื่อปกป้องกษัตริย์สินะ” เดรโกพูดเหมือนเข้าใจ แฮร์รี่ไม่อยากขัดความเข้าใจนั้น ไม่ใช่แค่กษัตริย์เสียหน่อยที่เขาอยากปกป้อง
เขากอดเดรโกแล้วไม่ถามอะไรเจ้าตัวต่อจากนั้น เมื่อตื่นมาอีกครั้งเขาก็นอนอยู่บนโซฟา โดยมีร่างของเจ้าของห้องนอนทับอย่างบนอก แฮร์รี่ผงกศีรษะขึ้น มองใบหน้าที่หลับสนิท มือลูบผมนิ่มเบา ๆ ใจกระหวัดคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน และแอบรู้สึกผิดขึ้นมาครามครันที่เขาเคยสงสัยว่าเดรโกจะรับใช้โวลเดอร์มอร์จริง ๆ หรือเปล่า อยากจะขอโทษทุกอย่าง อัลบัสรู้เรื่องทุกอย่างรึเปล่าหนอถึงส่งให้เขามาหาเดรโก แล้วทำไมกษัตริย์ชราถึงไม่พูดตรง ๆ ไปเลยว่าโวลเดอร์มอร์ฆ่าพ่อแม่เดรโก เขาต้องช่วยเธอแน่แฮร์รี่ ไปหาเขาซะ แต่กลับพูดสั้น ๆ ทำให้แฮร์รี่ต้องตีความเองว่าต้องทำอย่างไรต่อ
ความรู้สึกหนักอึ้งทับในใจเขาอีกครั้งเมื่อคิดว่าศึกครั้งนี้มีอะไรเป็นเดิมพันบ้าง ไม่ใช่แค่กษัตริย์อัลบัสที่เขาทั้งรักและเคารพเหมือนพ่อ พี่น้องอัศวินทั้งหลาย ชะตากรรมของอาณาจักร แต่ยังมีคนตรงหน้านี้ด้วย แพ้ไม่ได้เสียแล้ว ชักช้าไม่ได้ด้วย โวลเดอร์มอร์ฉลาดนักนึกออกได้ทันทีว่าคำพูดก่อนตายของกรินเดลวัลด์ต้องเป็นคำใบ้ เดินนำพวกเขามาเกือบตลอด แฮร์รี่ถอนหายใจ เขามีเฮอร์ไมโอนี่ช่วยก็จริง แต่เธอไม่ได้รู้ทุกอย่างเท่าเขา แต่โวลเดอร์มอร์นั้นทั้งรู้ทุกอย่าง วางแผนเอง คิดแล้วก็นึกได้ว่าเขาต้องเล่าให้เธอฟังเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดเรื่องการพบปะเมอร์ลินเพราะช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นเขาทำได้แค่บอกเธอว่าสุสานของคิงส์อาเธอร์ไม่มีไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์และโวลเดอร์มอร์กำลังจะบุกวัง
...แต่ยังไม่อยากลุกขึ้นเลย...มือเขาแตะที่ผมนุ่ม รู้ว่าถ้าหากซุกหน้าลงไปคงได้กลิ่นอำพันกับโอ๊คที่ชวนอยากให้เขาฝังจมูกลงไปแน่ ขออยู่อย่างนี้ต่อไปแค่นิดเดียว แฮร์รี่รู้เลยว่าถ้าหากเรื่องนี้จบเขาคงไม่มีวันได้เห็นใบหน้ายามหลับของเดรโก มัลฟอยอีกแล้ว
“อือ” เดรโกขยับส่งเสียงคราง ก่อนจะเปิดตาขึ้นอย่างเชื่องช้า นิ้วขยี้ตาอย่างง่วงงุน
“ไง” เขาทักแค่นั้น แต่ก็พอให้อีกคนสะดุ้งโหยงแล้วยืนขึ้น ตาสีเทาเบิกกว้างมองสภาพเขาที่นอนเป็นเบาะให้ทั้งคืน แก้มของเดรโกขึ้นสีน้อย ๆ แฮร์รี่ยิ้มแล้วขยับตัวขึ้นบ้าง สะบัดหน้าและคอพร้อมยืดแขนไล่ความเมื่อยล้า หมอหลวงจัดการบาดแผลของเขาก่อนที่เขาจะกลับมาที่คฤหาสน์ ดังนั้นแฮร์รี่เลยไม่มีอาการเจ็บยอกตามตัว แต่อีกคนน่ะสิ เขามองปราดไปที่ร่างสูงโปร่ง
“เจ็บตรงไหนไหม” มือเอื้อมออกคว้าข้อมือผอม เข้าใจขึ้นมาแล้วว่าทำไมอีกคนไม่ยอมทานอะไร ความรู้สึกไม่อยากมีชีวิตคงรบกวนจิตใจเดรโกอยู่แม้จะถูกกดด้วยความแค้นก็ตาม
เดรโกไม่ได้สะบัดมือออกอย่างที่เขาคิด ดวงตาสีเทามองเขาอย่างครุ่นคิด อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาน่ะอ่านง่ายกว่าหนุ่มสลิธีรินเยอะ เขาไม่คิดย้อนสิบตลบอย่างอีกคนหรอก ถ้าห่วงก็แสดงออกว่าห่วงนั้นแหละ แต่จะไม่ข้ามเส้นที่ไม่ควรข้าม
“ปวดตัว แต่ไม่เป็นไร” เดรโกตอบตามความจริง แฮร์รี่พยักหน้าเข้าใจ คาถากรีดแทงสินะ
เขายังจับข้อมือนั้นไว้ แม้รู้ว่าจะควรปล่อยได้แล้วในเมื่อเขาไม่มีอะไรจะพูดออกอีก แต่...แต่...เขาปล่อยไม่ได้ ชายหนุ่มบังคับตัวเองให้คลายมือออก ความว่างเปล่านั้นทำให้เขาแทบจะผวาดึงข้อมือเดรโกเข้ามาอีกครั้งแต่เขาก็อดทน ใช่ตลอดชีวิตเขาต้องอดทนมาตลอด แฮร์รี่เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าชีวิตนั้นเจ็บปวด และสิ่งเดียวที่ทำให้เขาผ่านทุกอย่างได้คือความอดทน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาจะอดทนช่วยเดรโก แล้วจะอดทนยอมปล่อยมือให้อีกคนได้มีความสุขอย่างที่ควรมี
“ไปเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวบอกด๊อบบี้ให้เตรียมอาหารเช้าให้” เขายืนขึ้น
เดรโกย่นจมูกเมื่อได้ยินคำว่าอาหาร “ไม่เอาห้องทานอาหารนะ ห้องนั้นเป็นห้องที่—” เดรโกไม่พูดต่อแต่แฮร์รี่ก็รู้ว่าเป็นห้องที่อะไร ห้องที่นาร์ซิสซาร์ตายสินะ
“เรือนกระจกละกัน” แฮร์รี่สังเกตเจ้าของบ้านมาหลายวันจนพอจะรู้ว่าไม่กี่ห้องที่เดรโกชอบคือเรือนกระจก สวน แล้วก็ห้องหนังสือ เจ้าตัวหลีกเลี่ยงห้องทานอาหาร ห้องปีกฝั่งขวา แล้วก็คุกใต้ดิน
เดรโกผ่อนลมหายใจออก แล้วพยักหน้า
...ไม่เหมือนนายเลยสักนิด...แฮร์รี่คิดอย่างเศร้า ๆ เดรโกที่เชื่อฟังเขาแบบนั้นทำให้แฮร์รี่ปวดในอกอย่างบอกไม่ถูก
-----------------------------------
“แผนต่อไปทำยังไงดี” เดรโกถามขึ้นมาก่อนระหว่างที่ทาแยมลงบนสโคนอุ่น ๆ แดดของฤดูใบไม้ผลิยามสายส่องผ่านกระจก สะท้อนกับผมสีอ่อน ทำให้ผมของเดรโกยิ่งดูเหมือนไหมสีขาวเป็นประกาย
“เฮ้ หูหนวกเหรอ” เดรโกพูดเสียงดังขึ้น ตบมือข้างนึงลงหน้าเขา
“อ้ะ โทษที ๆ เพิ่งตื่นยังเบลอ ๆ” เขารีบยกน้ำชาขึ้นมาดื่มปิดแก้มที่คงขึ้นสี จะให้จับได้ได้อย่างไรเล่าว่าเขาแอบมองคนที่เป็นสามีตัวเอง
“แผนต่อไปทำยังไง” เดรโกทวนประโยคเดิม
แฮร์รี่ถอนหายใจยาว นั่นสิ เขาเองก็มืดแปดด้านกับเรื่องไม้เอลเดอร์ เป็นไปได้ไหมนะที่จะจัดการโวลเดอร์มอร์โดยไม่มีไม้เอลเดอร์ “ฉันคงต้องคุยกับเฮอร์ไมโอนี่อีกที เดี๋ยวต้องกลับไปจัดกำลังพลกับพวกอัศวินด้วย แบ่งไปดูแลประชาชนจากการโจมตีของผู้คุมวิญญาณแล้วก็อารักขากษัตริย์”
เดรโกหยุดมือ กลืนน้ำลายแล้วมองหน้าเขา “พวกอัศวินเป็นยังไงกันบ้าง”
“แย่ เสียชีวิตไม่น้อยจากเมื่อวาน” เขาพูดโดยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อวานเขาร้องไห้ให้กับศพที่กองของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ และได้แต่สับสนในใจว่าถ้าหากเขาไม่สั่งให้จับเป็นเพื่อนของเขาจะรอดมากกว่านี้ไหม เขาปล่อยให้ความรู้สึกของคนตรงหน้ามามีผลต่อการตัดสินใจของเขา แต่หลังจากเมื่อวานแฮร์รี่ก็บอกตัวเองว่าเขาไม่เอาอีกแล้ว เขาจะไม่ยอมให้การตัดสินใจของเขาทำให้ใครตายอีก
“แต่กษัตริย์แล้วก็ประชาชนทั้งหมดไม่มีใครเป็นอะไร ขอบใจนะที่เตือน”
“เราจับผู้เสพความตายได้ไม่น้อย อย่างน้อยก็จะบังคับให้พวกเขาซัดทอด แล้วจะใช้อำนาจของกษัตริย์ริบทรัพย์พวกเขาคืนมา คงพอตัดกำลังโวลเดอร์มอร์ได้”
“ตอนนี้ทุกคนก็แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเขากลับมา” เดรโกถาม
แฮร์รี่พยักหน้า เนวิลล์เข้าใจเหตุผลที่เขาต้องปลีกตัวออกมา ไม่สามารถร่วมบุกทลายปราสาทของลอร์ดต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกับโวลเดอร์มอร์ เขาต้องหาทางรุกฆาตควีน
“สงครามกลางเมืองสินะ” เดรโกคนน้ำชาอย่างใจลอย จนแขนเสื้อกรุยกรายแทบจะหย่อนลงไปในถ้วยด้วย
“หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เขาประกาศตัวออกมาแล้ว หลายตระกูลเริ่มลุกฮือขึ้นมาสนับสนุนโวลเดอร์มอร์ด้วย ยิ่งคนที่เกลียดกษัตริย์อัลบัสเป็นทุน” สิ่งที่เขาพยายามหยุดมากที่สุดกลับหยุดไม่ได้
“ยิ่งหยุดมันได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” หากหยุดหัวได้ทางหางคงไม่ขยับ เสียเลือดเนื้อให้น้อยที่สุด
“นายท่านเดรโกขอรับ” ด๊อบบี้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมทำสีหน้าตื่นกลัว ในมือถือม้วนกระดาษเล็ก ๆ “จะ..จดหมายถึงนายท่าน” เอล์ฟประจำบ้านโค้งตัวแล้วหายไปอีกครั้ง
เดรโกอ่านจดหมายตรงหน้า ก่อนจะวางกระดาษลงด้วยมือสั่น ๆ
“เย็นนี้นายจะได้เจอพวกเลสแตรงจ์” เดรโกมองหน้าเขา แล้วยื่นจดหมายให้
“เบลลาทริกซ์อยากนัดเจอฉันกับนาย” เจ้าตัวพูดพร้อมทำหน้าเหมือนจะอาเจียนอีกแล้ว แฮร์รี่มองตามอย่างเป็นห่วงเมื่อร่างสูงเริ่มลุกขึ้นเดินไปมา “ให้ตายสิ ยัยบ้านั่นสงสัยอะไรอยู่แน่ ๆ” ชายหนุ่มเริ่มลนลาน
“โอกาสดีที่จะได้ล้วงข้อมูลว่าโวลเดอร์มอร์จะทำอะไรต่อ”
“นายน่ะสิจะเป็นฝ่ายโดนล้วงลูก!” เดรโกชี้นิ้วมาทางเขา
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เธอมาถึงคฤหาสน์มัลฟอยเลยไม่ใช่รึไง นี่ถิ่นนายนะ” แฮร์รี่พยายามใช้เหตุผล
“แล้วฉันก็อยู่ด้วยนะ ไม่ทิ้งนายไปไหนหรอก” แฮร์รี่สบตาอีกคน
เดรโกหลับตาแล้วถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะพูดออกมาโดยที่ยังปิดตาไว้
“รักษาสัญญาด้วยล่ะ”
-------------------------------------------
สำหรับแฮร์รี่การได้เจอเบลลาทริกซ์เป็นอะไรที่ดีกว่าที่คาดเอาไว้จริง ๆ เพราะพวกเขากำลังทางตันเรื่องไม้เอลเดอร์ แฮร์รี่รู้ตัวว่าเขาช่วยอะไรในเรื่องการค้นคว้าไม่ได้มาก ที่พวกเขามาได้ขนาดนี้ต้องขอบคุณเฮอร์ไมโอนี่กับเดรโกที่เป็นคนหาข้อมูลส่วนใหญ่ เรื่องไม้เอลเดอร์ก็ต้องตาม แต่การตามหาตัวโวลเดอร์มอร์และรู้ว่าเขาจะวางแผนอะไรต่อนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน แล้วถึงไม่ได้ไม้เอลเดอร์มันก็ยังต้องมีวิธีจัดการโวลเดอร์มอร์แหละน่า
แต่เขาก็รู้ว่าเขากำลังสร้างความลำบากใจให้เดรโก รู้ทั้งรู้ว่าอีกคนผ่านอะไรมากว่าจะถึงตอนนี้แต่เขาก็ยังเอาน้ำหนักไปใส่บนบ่านั้นอีก แฮร์รี่คิดขณะมองไหล่ผอมบางใต้เสื้อแจ็คเก็ตพอดีตัวสีเทาอ่อน แม้ว่าจะเป็นแค่การกินข้าวในหมู่ญาติ ๆ แต่ว่าในฐานะเอิร์ลและเค้าท์แล้วพวกเขาไม่สามารถแต่งตัวแค่เสื้อเชิ้ตและกางเกงธรรมดา ๆ ได้ แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะแอบคันยุบยิบกับคอเสื้อระบาย
“อย่าทำอย่างนั้นสิ” เดรโกหันขวับกลับมาตีมืออีกคนก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสเกาจุดที่คัน
“มองเห็นได้ยังไง” แฮร์รี่บ่นกระปอดกระแปด “แล้วมันคันนี่ ทำไมชุดของพวกนายมันถึงต้องทั้งคันทั้งร้อนไปหมด” แฮร์รี่ทำหน้าเซ็ง ยกแขนเสื้อใต้เสื้อแจ็คเก็ตเฉดเข้มกว่าเดรโกขึ้นมา ปลายแขนยาวระบาย แบบนี้กินอะไรก็ไม่สะดวก แล้วยังกางเกงพอดียาวถึงเข่าแบบที่เดรโกใส่แล้วดูดีสุด ๆ แต่ทำไมเขาถึงใส่แล้วโคตรอึดอัดเคลื่อนไหวตัวไม่สะดวกเลยนะ ผ้าวูลนี้อีกที่ทั้งหนาทั้งร้อน
คนถูกบ่นหันมามองเขา เดินเข้ามาใกล้แล้วตีมือเขาดังเพี๊ยะอีกรอบ ก่อนจะจัดผ้าผูกคอของแฮร์รี่ให้เข้าที่ “ไม่ชอบขนาดไหนก็ต้องทน นายต้องทำให้ป้าเบลล่าคิดว่านายไม่ใช่ซิริอัส แบล็ค” เดรโกก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างตั้งใจ
“แค่หน้าก็ไม่ใช่แล้ว” แฮร์รี่พูดเบา ๆ มือคันยุกยิกคราวนี้ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้า แต่เป็นเพราะอยากขยับขึ้นไปแตะผมสีทองเหมือนไหมนั่น เดรโกรวบผมหลวม ๆ ที่ท้ายทอย มีบางส่วนตกลงมาเคลียข้างแก้ม เขาอยากจะเอื้อมเอาผมปอยนั้นทัดหูให้เจ้าตัวเหลือเกิน
“ซิริอัสหล่อกว่าฉันไม่รู้ตั้งกี่เท่า” เขาไม่ได้พูดเกินเลย แฮร์รี่มองกระจก ใบหน้าของไฮด์รัส แบล็คมองเขากลับ แม้จะแปลงให้เป็นแบล็คแต่ก็ไม่ได้ต่างจากเขาจนเกินไป แต่ซิริอัสนั้นมีเลือดแบล็คและใบหน้าหล่อเหลาอย่างสายเลือดแบล็คจริง ๆ คางเป็นสันชัดเจน โหนกแก้มสูงชวนอิจฉา ดวงตาสีเข้มที่มีประกายขี้เล่น จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่ม แม้ในตอนที่เจ้าตัวสูงวัยและร่วงโรยเค้าความหล่อเหลาก็ยังไม่จากไปไหน ถ้าเขาหน้าตาดีได้ครึ่งนึงของพ่อทูนหัวเขาคงไม่อกหักรักคุดหรอก เอ๊ะ แต่ในกรณีเขาถึงเขาจะหน้าตาดีขนาดไหนแต่ถ้าเขาคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ยังไงก็คงอกหักอยู่ดี
“ใช่นายมันหน้าตาเหลาแหย่ เสียชื่อแบล็คชะมัด” นั่นไงได้ทีขี่แพะไล่ แต่น้ำเสียงนั่นไม่ได้จริงจังหรอก “จะปลอมตัวทั้งทีทำไมต้องคงหน้าเดิมเอาไว้เยอะขนาดนี้หือ” เดรโกเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาพอดี ดวงตาสีเทาไล่เลื่อนมองตามแต่ละส่วนของใบหน้า อย่ามามองหน้ากันใกล้ ๆ แบบนี้ได้ไหม!
“อย่าตกใจตอนฉันสกัดใจให้นายนะ” เดรโกแตะที่หน้าอกเขาเบา ๆ แฮร์รี่กำลังจะบอกว่าไม่ต้องห่วงพวกเขาคุยเรื่องนี้กันแล้ว แต่เสียงเตาผิงดังขึ้นขัด ประกาศว่าแขกที่พวกเขารอมาถึงแล้ว
“สวัสดีครับท่านไวส์เค้าท์และไวส์เค้าเตส” เดรโกโค้งศีรษะเคารพสองสามีภรรยาเลสแตรงจ์ แฮร์รี่ก็ทำตามด้วยเช่นกัน ถึงแม้ใจจริงอยากจะชักไม้กายสิทธิ์ออกมาจัดการสองคนตรงหน้ามากกว่าโค้งศีรษะให้อย่างนอบน้อมก็เถอะ
“น่ารักจริง ๆ จับมือกันซะด้วย” เบลลาทริกซ์โยนเสื้อคลุมให้เอลฟ์ประจำบ้านโดยไม่แม้แต่จะหันไปขอบคุณ ส่วนแฮร์รี่รู้สึกตัวเป็นครั้งแรกว่าเขากับเดรโกประสานมือกันแน่น เขาไม่แน่ใจว่าระหว่างที่รอให้เลสแตรงจ์ทั้งสองก้าวออกมาจากเตาผิงใครเป็นคนดึงมือใครมาจับก่อน โรโดลฟัสเดินมาหยุดข้างภรรยาของเขาโดยไม่ลืมหรี่ตามองแฮร์รี่
“สวัสดีเดรโก” เสียงทุ้มที่ชวนขนลุกทัก ในชั่วครู่เขาเห็นคิ้วสีอ่อนของเดรโกขมวดเข้าด้วยกันแต่พริบตาเดียวใบหน้านั่นก็กลับมาเรียบเฉยเช่นเดิม เขารู้ว่าเดรโกรำคาญใจเรื่องอะไร ผู้ชายคนนี้เป็นเพียงไวส์เค้าท์แต่หากเรียกเดรโกด้วยชื่อต้นโดยไม่สนใจฐานันดร ไม่ใช่เพราะความใกล้ชิดหรอก แต่เพราะตั้งใจอยากจะสื่อมากกว่าว่าเขาไม่คิดให้ความเคารพกับชายอ่อนวัยกว่าในฐานะใดก็ตาม
“เบลล่าบอกว่าเธอแต่งงานแล้ว เสียดายนะไม่บอกฉัน” ดวงตาสีดำกวาดมองเดรโกตั้งแต่หัวจรดเท้า แฮร์รี่รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะชกหน้าคนที่มองสามีเขาตาไม่กระพริบแทบตายแล้ว
“ป้าเบลล่าคงบอกคุณแล้วว่าฉุกละหุก” เดรโกตอบ เหลือบสายตามองเบลลาทริกซ์ที่มองพวกเขาสองคนไม่วางตา ใบหน้าของเธอยกยิ้มเหมือนสนุกเต็มที
“เสียดายจริง ๆ ในตระกูลเลสแตรงจ์ก็มีลอร์ดและเลดี้โสด ๆ ถึงวัยอีกมาก แล้วเธอก็เป็นถึงมัลฟอย” ไม่พูดเปล่าแต่กลับยกข้อนิ้วมาแตะแก้มเดรโก แฮร์รี่ขยับตัวไปปัดมือนั่นออกอย่างไม่คิด
“ขอโทษนะครับผมไม่ชอบให้ใครแตะต้องสามีผม” แฮร์รี่มองเขม็ง เขาจำได้แล้ว สามีภรรยาเลสแตรงก์มีข่าวลือแปลก ๆ อยู่ แต่งงานกันมานานก็ไม่มีลูกเสียที เขาว่าฝ่ายสามีนั้นไม่ได้มีใจชอบผู้หญิง เพียงแต่ต้องแต่งงานกับแบล็คเพื่อสานสัมพันธ์
ดวงตาสีดำสนิทนั่นปราดมามองเขา สีหน้าเหมือนเขาเป็นหนอนแมลงที่น่ารำคาญ “ไร้มารยาทสมกับที่เป็นพวกลูกนอกสมรสเลยนะครับ” เลสแตรงจ์พูดยิ้ม ๆ ประโยคนั่นฟังยังไงก็ไม่ใช่ประโยคสุภาพแน่ ๆ “คงไม่รู้ว่าผมกับหลานสนิทกันขนาดไหน” มุมปากยิ้ม ทำให้แฮร์รี่ขนลุกไปทั้งตัว และหัวร้อนจนอยากจะยกไม้กายสิทธิ์ออกมาสาปมันตรงนี้ หากไม่ใช่เพราะมือเดรโกแตะเขาเอาไว้
“สนิทแค่ไหนก็คงน้อยกว่าผมที่เป็นสามีนะครับ แล้วคงไม่เกี่ยวมั้งครับว่าเป็นลูกนอกสมรส ผมว่าคงเพราะเลือดแบล็คมากกว่า พวกเราไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามของของตระกูลแบล็คหรอกนะครับ คุณป้าเบลล่าคงสอนคุณได้” แฮร์รี่พูดด้วยสีหน้ายิ้มเย็นอย่างที่เขาฝึกหน้ากระจก
“นั่นสินะคะ แบล็คน่ะจะปกป้องคนรักของตัวเองจนตัวตาย” เธอยิ้มเหี้ยม ในเสี้ยววินาทีนั้นเขากับเดรโกก็เชื่อมต่อกันอีกครั้ง ชายหนุ่มผมทองกลัวว่าเบลลาทริกซ์กำลังพยายามจะพินิจใจเขา เดรโกกำลังสกัดใจให้เขา แต่แล้วเธอก็หันไปมองเดรโก “ดูอย่างน้องสาวฉันสิ ตายไปพร้อมกับคนรักอย่างนั้นเลย” เธอพูดจบก็หัวเราะอย่างสนุก เขาเกลียดคนตรงหน้า เธอรู้อยู่แล้วว่านาร์ซิสซาร์ตายยังไง แต่เธอเลือกที่จะพูดกรีดแทงย้ำกับเดรโก เธอดูสนุกมากทุกวินาทีที่เห็นแววตาวูบไหวของเดรโก ให้ตายสิเขาอยากจะ—
‘หยุด เราต้องทำตามแผน’ เสียงเดรโกในหัวเขาดังขึ้น เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด ตอนที่เขาได้ยินเดรโกตะโกนอย่างร้อนรนว่าสุสานกษัตริย์ เขาอยากคุยกับเดรโกได้ด้วย แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดผ่านเวทมนตร์แต่งงานอย่างที่เดรโกทำได้ยังไง นี่ก็อีกเรื่องที่ต้องถามเดรโกหลังจากนี้ มันจะเป็นประโยชน์ยามที่พวกเขาต้องอยู่คนละที่
‘เลิกคิดอะไรวุ่นวายซะที นายทำให้ฉันเสียสมาธิ’ เดรโกดุอีกแล้ว เขารีบหยุดทุกความคิดแล้วเหลือบตามองคนที่ยังทำหน้านิ่งเรียบเฉย หมอนี่เก่งชะมัดแฮะ ทำหน้าปกติได้ทั้ง ๆ ที่รู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย
‘พอตเตอร์! ฉันพูดจริง’
“ครับ” เดรโกยิ้มตอบรับ “ป้าเบลล่าคงเล่าให้คุณลุงฟังเกี่ยวกับไฮด์รัสแล้ว” เดรโกพูดต่อ
“ใช่” เสียงนั้นเหยียดหยามชัดเจน ไม่ต้องบอกเลยว่าเธอคงไปพูดว่าเขาเป็นลูกนอกสมรส ไม่ควรมีสิทธิ์เป็นแบล็ค “หมู่ดาวที่เพิ่งเจอ ดูเหมือนซิริอัสจะซ่อนเธอไว้อย่างดีเลยนะ”
“ก็เป็นผู้สืบสกุลที่แสนสำคัญนี่ครับ คุณพ่อก็เลยต้องประคบประหงมผมหน่อย” แฮร์รี่เชิดหน้ามองอีกคนจากปลายจมูก
เขาเห็นมือของไวส์เค้าท์กำแน่น คงอยากจะด่าสินะว่าเป็นแค่ไอ้ลูกนอกสมรสอย่ามาทำเป็นชูคอหน่อยเลย แต่ขอโทษทียังไงแฮร์รี่ก็เป็นทายาทแบล็ค ตระกูลที่ใหญ่กว่าเลสแตรงจ์ไม่น้อยเลย แถมยังดองกับมัลฟอยตระกูลใหญ่อันดับสองอีก
“ผมว่าไปคุยต่อในห้องทานอาหารดีไหมครับ จะได้ไม่เสียเวลา” แฮร์รี่ใช้หางตามองเลสแตรงจ์ แล้วหันตัวโดยไม่ลืมจับมือกับเดรโกไว้แน่น นิ้วลูบข้อมือของอีกคนตั้งใจจะแสดงให้คนที่เดินตามรู้เอาไว้ว่าใครที่แตะต้องตัวผู้ชายคนนี้ได้
‘อย่าไปกวนเขาได้ไหม เขาโมโหแล้วน่ากลัวมากนะ’ เดรโกดุมาตามสายกระแสจิต แต่ก็ไม่ได้ดึงมือออก แฮร์รี่รับรู้ถึงความพอใจจากอีกฝ่าย อย่างนี้สินะที่รอนบอกเขา พวกคู่แต่งงานควรจะรับรู้อารมณ์อีกฝ่ายได้ตลอดเวลา ออกจะสำคัญไม่น้อยสำหรับเมื่อก่อนที่คู่แต่งงานต้องคลุมถุงชนแล้วไม่รู้นิสัยใจคอของคู่ตัวเอง
“หมอนั่นน่ารำคาญนี่ แล้วนายก็ไม่ได้โกรธจริง ๆ ซะหน่อย” แฮร์รี่หันไปกระซิบข้างหูอีกคน แน่ใจว่าถ้ามองจากข้างหลังคงเหมือนเขาจูบต้นคอลูบไล้สามีมากกว่า
มุมปากอีกคนยกขึ้น ดวงตาสีเทาเป็นประกาย เขาชอบเดรโกเวลาอย่างนี้เป็นที่สุด แฮร์รี่คิดแล้วส่งยิ้มตอบกลับ นาน ๆ ทีจะเจอสิ่งที่พวกเขาเหมือนกัน
พวกเขามานั่งที่โต๊ะกลาง เดรโกเม้มปากแต่ก็นั่งลง ส่วนเบลลาทริกซ์เธอมองที่พื้นจุดหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเดรโกก่อนยิ้มเหยียด
“ป้าชอบห้องนี้ของคฤหาสน์มัลฟอยเสียจริง เพดานสูง เสากลางห้องสักต้นก็ไม่มี อยู่มุมไหนก็มองเห็นไปหมด”
เดรโกกำหมัด แต่เจ้าตัวก็ยังไม่พูดอะไร
“แล้วที่ปราสาทตระกูลเลสแตรงจ์ไม่มีหรือครับห้องแบบนี้ น่าจะมีทุกบ้านไม่ใช่รึครับ” แฮร์รี่ตั้งใจโพล่งเปลี่ยนเรื่อง ทำเป็นไม่รู้เรื่องซะว่าเบลลาทริกซ์ตั้งใจพูดอะไร
เดรโกเหลือบมองเขา ก่อนจะดีดนิ้วแล้วซุปและอาหารก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา แต่ก็ไม่ได้หยุดการพูดคุยระหว่างเขากับเบลลาทริกซ์
“ไม่เหมือนหรอก ที่นี่น่ะบรรยากาศดีกว่าเยอะ” เธอพูดแล้วหัวเราะกับตัวเอง ยิ้มเหมือนเธอกำลังฝันกลางวัน แฮร์รี่ไม่อยากคิดว่าในหัวของเบลลาทริกซ์เธอกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
“ได้ยินข่าวเรื่องผู้คุมวิญญาณหนีออกจากอัซคาบันไหมครับ” แฮร์รี่ใช้ช้อนกวาดซุป แล้วพูดเหมือนเป็นบทสนทนาปกติ ไม่ใช่เขากำลังมองสีหน้าสองคนเขม็ง
“ผมยังบอกกับเดรโกเลยว่าน่ากลัว ไม่รู้พวกนั้นจะไปที่ไหน”
“คงเป็นที่ ๆ พวกไร้ค่าทั้งหลายรวมกันเยอะ ๆ มั้ง” เบลลาทริกซ์ตอบอย่างไม่สนใจ “ไม่ใช่แถวนี้อยู่แล้ว คฤหาสน์มัลฟอยเวทมนตร์แน่นหนาจะตายไป กว่าจะหลุดเข้ามาได้ต้องผ่านไม่รู้กี่ชั้น”
ใช่ คนเยอะ ๆ แฮร์รี่จดข้อมูลนี้เอาไว้ในหัว
“พวกคุณไม่เป็นห่วงเหรอครับ” แฮร์รี่ถามต่อ “ผมกลับมาอังกฤษไม่นานก็มีทั้งข่าวผู้คุมวิญญาณหนีออกจากคุกข่าวลอร์ดโวลเดอร์มอร์ฟื้นคืนชีพ แล้วก็กองทัพผู้เสพความตายบุกวัง เริ่มจะคิดจริง ๆ แล้วว่ากษัตริย์อัลบัสคงไม่เอาอ่าวจริง ๆ ขนาดที่ปล่อยให้เกิดเรื่องซ้ำ ๆ”
“นั่นสิ ตาแก่นั่นควรลงจากบัลลังก์ได้แล้ว” เบลลาทริกซ์พูดอย่างไม่สนใจ แต่โรโดลฟัสกลับตวัดสายตามองแฮร์รี่ แน่นอนอยู่แล้วแม้เขาจะโรคจิตชอบทรมานคนไม่ต่างจากภรรยา แต่เขายังคงไม่บ้าขนาดเบลลาทริกซ์ที่ต่อต้านกษัตริย์อัลบัสอย่างออกนอกหน้า
“ท่านอายุมากแล้วคงไม่นาน” แฮร์รี่หย่อนเหยื่อต่อ
“นานเกินไป ตาแก่หนังเหนียวนั่นคิดอะไรก็ไม่รู้ วันดีคืนดีอาจจะยกเลิกบรรดาศักดิ์ทั้งหมดเลยก็ได้” เบลลาทริกซ์พูดต่อ “ไม่กลัวรึไง สักวันสามีเธออาจจะจนกรอบ จนเดรโกต้องเร่ขายสมบัติกิน แต่อย่างเดรโกน่ะอาจจะขายอย่างอื่นแทนได้ ใช่ไหมคะที่รัก” เธอหันไปยิ้มกับสามีตัวเอง แฮร์รี่ได้ยินแทบจะอยากสำรอกอาหารที่กิน ผู้หญิงคนนี้พูดอย่างนี้กับหลานชายตัวเองหรือ แล้วก็มีความสุขเวลาที่เห็นเดรโกทำหน้าอึดอัด
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย” โรโดลฟัสตอบกลับ สายตามองแฮร์รี่เขม็ง “ช่วงนี้อากาศดีคู่แต่งงานใหม่อย่างพวกเธอได้ออกไปเที่ยวไหนบ้างรึเปล่า”
“ไม่ว่างขนาดนั้นหรอกครับท่านไวส์เค้าท์” เดรโกตอบ แฮร์รี่จับอารมณ์ขุ่นมัวที่ไหลบ่าผ่านเวทมนตร์แต่งงานได้
“แม้กระทั่งวันดี ๆ อย่างวันนี้หรือ ฉันว่าเราน่าจะเดินเล่นในป่าแถวคฤหาสน์ซะหน่อย”
“ขอโทษนะครับ แต่วันนี้ผมกับเดรโกเหนื่อยคงพาคุณเดินไม่ได้” แฮร์รี่ตอบแทนให้ อยากเอื้อมไปจับมือเดรโก อีกคนคงกลัวว่าคน ๆ นี้จะหาทางสำรวจปราการป้องกันของคฤหาสน์มัลฟอยสินะ
“ทำอะไรให้เหนื่อยอย่างนั้นหรือ เมื่อคืนเดรโกน่าจะเหนื่อยจนทำอะไรต่อไม่ได้แท้ ๆ” ตาคู่นั้นมองเดรโกอย่างลวนลามอีกครั้ง ให้ตายสิเขาอยากปิดตามันจริง ๆ บังอาจขนาดไหนมามองเดรโกอย่างนี้
“เหรอครับ” แฮร์รี่สะกดความโกรธ แล้วแสดงละครต่อ
“นายออกไปไหนหลังฉันหลับหรือ เห็นตื่นมาก็เจอนายอยู่ที่เดิมแล้ว”
เดรโกส่ายหน้า “พอดีป้าเบลล่ามีธุระให้ช่วยตอนค่ำ ๆ น่ะ ขอโทษทีที่ไม่ได้บอก” เสียงไม่ทรยศบอกเลยว่าคนข้างตัวเขากำลังโกหก
“ครั้งหน้าก็ชวนไฮด์รัสมาทำธุระกับเราด้วยสิ” เบลลาทริกซ์ยิ้มเย็น “ดูแล้วเขาก็น่าสนใจดีไม่ใช่เหรอ”
หัวใจแฮร์รี่เต้นเร็ว ใช่เขาจะได้ใกล้โวลเดอร์มอร์ ถึงยังไม่รู้ว่าจะฆ่ายังไงแต่เขาก็ยังต้องลอง
“เบลลาทริกซ์ ฉันไม่คิดว่าคนนอก—“
“อย่างี่เง่าน่าโรโดลฟัส ยังไงเขาก็เป็นทั้งมัลฟอยทั้งแบล็คนะ อีกอย่างเธอเองก็ไม่ชอบกษัตริย์อัลบัสสักเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะหลานของฉัน” เบลลาทริกซ์หันมาถามแฮร์รี่
“ผมคงไม่มีความเห็นหรอกครับ แต่น่าสนใจดีนะครับถ้าจะทำให้ผมได้อยู่ใกล้เดรโก” แฮร์รี่ยังคงแสดงต่อไปได้ ไฮด์รัสผู้ชายหัวกลวงที่รักสามีที่สุด
เดรโกเหลือบมองเขา แต่แฮร์รี่จับความรู้สึกอีกคนผ่านทางเวทมนตร์ที่เชื่อมโยงพวกเขาไม่ได้เลย
“แล้วเดรโกล่ะว่ายังไงจ้ะ” เบลลาทริกซ์มองหน้าเดรโกเขม็ง
เดรโกเม้มปาก มองหน้าเขา ในที่สุดแฮร์รี่ก็จับความรู้สึกได้ ห่วง โกรธ กลัว หงุดหงิด
“ได้ครับ ถ้ามีโอกาสผมจะพาไฮด์รัสได้ด้วย”
ทำไมถึงได้โกรธกันเล่า ได้ใกล้โวลเดอร์มอร์ไม่ดีรึไงนะ แฮร์รี่ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้จนสองสามีภรรยาเลสแตรงจ์กลับ
“นายรู้ใช่ไหมนั่นเป็นหลุมพราง” เดรโกพูดขึ้นมาทันทีที่แขกกลับไป ดวงตาสีเทาวิบวาว เพราะเดรโกไม่ได้สะบั้นการเชื่อมโยงของเขาทันทีทำให้แฮร์รี่จับความรู้สึกโกรธอย่างชัด ๆ ได้
“แต่ได้ใกล้โวลเดอร์มอร์นะ” แฮร์รี่ขมวดคิ้วตอบ
มือเรียวผลักอกเขาให้ถอยห่าง อีกแล้วนิสัยไม่พอใจแล้วทำร้าย ไม่ให้เขาอยู่ใกล้ คิดอย่างนั้นปุ๊บ เดรโกก็ตัดความเชื่อมโยงในหัวพวกเขาทันที
“ฉันช่วยนายไม่ได้นะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด ริบบิ้นที่ผูกรวบผมไว้หลุดไหลออกมา “อยู่ต่อหน้าเขาแค่สกัดใจให้ตัวเองก็เต็มแรงแล้ว”
“เขาเก่งกว่าเบลลาทริกซ์เรื่องพินิจใจหรือ” แฮร์รี่ถามตรง ๆ เริ่มเข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงโกรธขึ้นมา แต่เขาต้องเรียนได้น่า สกัดใจยากเท่าไหร่กันเชียว
เดรโกทำท่ากระฟัดกระเฟียด ก่อนจะถอนหายใจพรูแล้วตอบ
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ในกรณีที่ฉันต้องรับแรงกดดันทางร่างกายแบบอื่น การควบคุมจิตใจของฉันจะถูกจำกัด”
แฮร์รี่คิดตาม ก่อนจะเบิกตา “นายหมายถึงคาถากรีดแทง”
เดรโกพยักหน้าไม่สบตาเขา “ใช่ ฉันคุมสมาธิไม่ได้ดีขนาดนั้นเวลาที่เขาใช้คาถากรีดแทงกับฉัน แล้วเขาก็ชอบใช้มันด้วย”
“นายก็เหมือนกันนั้นแหละ คิดว่าจะคงรูปลักษณ์ของไฮด์รัส แบล็คเอาไว้ตอนที่เจอเขาได้เหรอ”
“ไม่ต้องห่วง เรื่องปลอมตัวน่ะยังไงก็ไม่หลุด” แฮร์รี่ตอบอย่างแน่ใจ มองตาเดรโกแล้วพูดต่อ “แล้วฉันไม่อยากให้นายต้องปกป้องฉัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องเจอเขา เดรโกนาย...นายช่วยสอนวิธีสกัดใจให้ฉันหน่อยได้ไหม”
เดรโกสูดหายใจลึก “รู้ใช่ไหมว่าฉันต้องฝึกโดยพินิจใจนาย ถ้าหากนายทำได้ไม่ดีฉันจะอ่านทุกอย่างในนี้ได้” เดรโกแตะที่หน้าผากเขา
หัวใจแฮร์รี่เต้นเร็วขึ้น เขาควรจะพูดว่าในนี้ไม่มีความลับสำหรับนาย แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ในหัวเขามีแต่เรื่องที่ไม่อยากให้เดรโกรู้เต็มไปหมด แต่ดีแล้วใช่ไหม เป็นแรงกระตุ้นให้เขาต้องรีบสกัดใจให้เป็น ความลับที่เขาปิดจะได้หยุดแค่ที่เขาคนเดียว
“ฉันจะทำให้ได้ ตกลงไหมเดรโก”
เดรโกมองเขานิ่งก่อนจะถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “ตกลง ถ้าฉันรู้ความลับนายก็อย่าบ่นแล้วกันนะเจ้าบ้า”
----------------------------------------------
Note: เกินครึ่งเรื่องแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่อดทนอ่านกันมา ทั้ง ๆ ที่ความสัมพันธ์ยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่เลย แต่ตอนนี้แฮร์รี่รู้เรื่องเดรโกแล้ว เดี๋ยวเดรโกก็จะต้องรู้เรื่องแฮร์รี่บ้างค่ะ แฮ่เอาคืน ๆ
ความคิดเห็น