[SF] YUNJAE LOVER'S CONCERTO
เสียงประสานของคู่รัก... ทั้งๆที่สัญญา... ทั้งๆที่...รักกันมากขนาดนี้.. ทำไมนายไม่เคยกลับมาหาฉันเลยล่ะ... ความรู้สึกเล็กๆ...บอกฉันว่านายยังอยู่ตรงนี้...
ผู้เข้าชมรวม
1,600
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Lover’s Concerto
ตอนนี้เป็นช่วงพายุเข้า ทำให้ผู้คนเข้าไปอยู่ในหลังคาเรือนของตนกันหมด คงมีแต่ผมที่ยังคงยืนอยู่ ยืนรอคำสัญญาจากชายคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่ามันจะมีจริงหรือไม่ ฝนที่พากันเทลงมาเหมือนตกย้ำความอ่อนแอ เหมือนบอกให้ผมรู้และเข้าใจว่าที่ของผมไม่ใช่ตรงนี้
‘นายมาทำไมกันเนี่ยแจจุง เมื่อยก็เมื่อย เหนื่อยก็เหนื่อย แถมหนาวจนจะเป็นปอดบวมตายอยู่แล้ว จะมายืนตากฝนหาอะไร’ ผมได้แต่ด่ากระทำของตนอยู่ในใจ แต่ถึงแบบนั้น ขาก็ไม่คิดที่จะเดินจากไปจากตรงนี้
‘เขาไม่มาหรอก คิดดูสิ พายุหนักขนาดนี้ แมว หมาสักตัวยังไม่มี แล้วคนที่ไหนมันจะออกมาหานายกัน... ’ผมคิดแล้วก็พยายามลากสังขารของตัวเองไปยังที่อบอุ่นและปลอดภัยที่ผมทิ้งมันไปนานนับ 4 ชม. เพื่อมารอคำสัญญาโง่เง่านี้ ผมก้าวออกไปได้แค่ 3-4 ก้าวเท่านั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของผม
‘แจจุง....ฉันให้สัญญาพอถึงวันที่ 6 กุมภาเมื่อไร ฉันจะรีบเหาะมาหานาย ไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม’ คำสัญญาโง่ๆนั้นมันเหาะมาหาผมแทนจะเป็นไอคนพูด ทำให้ความคิดจะกลับบ้านนั้นหายไปแล้วก็ได้แต่วิ่งกลับมาใต้ร่มไม้ต้นเดิมอย่างเคย
‘แจจุง ดูนะๆ นี่มือเปล่าใช่ป่ะ’ ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดกับผมพร้อมแบมือพลิกไปมาให้ดูว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง
‘มั่วแล้ว นี่มันอุ้งเท้าหมีชัดๆ’
‘....แจอะ อุ้งเท้าหมีก็อุ้งเท้าหมี ดูนะอุ้งเท้าเปล่าๆเลยนะ’ เขามองหน้าผมเล็กน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าผมยังคงสนใจอุ้งมือของเขาอยู่
‘แต่พออุ้งนี่ไปเจอกับเจ้านี่...’ เขาใช้ฝ่ามือนั่นแนบลงมายังใบหน้าของผม
‘และเจ้านี่....’ แล้วค่อยๆเลื่อนลงมาที่ตำแหน่งของหัวใจของผม
‘....’ ผมยังคงตั้งใจฟังคำของเขาต่อไป
‘มันก็จะออกมาเป็น.... ไอนี้!’ เขาพยายามทำน้ำเสียงให้ตื่นเต้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะแบมือออกมา ซึ่งในนั้นก็มีแต่ความว่างเปล่า
‘อะไรกันเนี่ย คุณชองจะทำอะไรครับเนี่ย ฮะๆ’ ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางงุนงงกับมุขมายากลที่ไม่ได้ผลของคนตรงหน้า
‘แล้วใครว่าให้ดูที่มือฉันกันล่ะแจจุง...’ เขาพูดขึ้นแล้วอ้อมมาโอบผมจากด้านหลัง คางเรียวพาดกับไหล่ของผม แล้วมือของเขาก็ค่อยๆยกมือซ้ายของผมขึ้นมา
‘เห้ย!...’ ผมได้แต่ร้องอุทานออกมา เพราะ มือซ้ายของผมและเขาตอนนี้ไม่ได้วางเปล่าอีกต่อไป ที่นิ้วนางของเราทั้งสองมีโลหะสีเงินสวมอยู่
‘อะไรกันเขามีแต่ดีใจ ไม่ก็อึ้ง ทำไมแจร้องเหมือนเจอผีแบบนั้นล่ะ หืม?’ เขาพูดก่อนจะฝังหน้าลงไปยังคอของผม ถึงมันจะรู้สึกจักจี้นิดๆแต่อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้ผมรู้สึกว่า ผมยังไม่ได้ลอยไปไหน
‘ก็... แต่โฮ...’ ยังพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็หันหน้าผมไปประกบปากหนาของเขาเสียแล้ว ถึงตอนแรกที่ตกใจและงงอยู่ก็เถอะนะ แต่ผมก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนและนุ่มนวลมากจริงๆ เขาใช้ลิ้นแตะที่ริมฝีปากผมเหมือนขออนุญาตให้ผ่านเข้าไป ก่อนลิ้นนั้นจะมาสัมผัสกับลิ้นของผม
เบา...เบามาก ตัวผมเหมือนลอยอยู่บนอากาศเลยเวลาถูกเขาสัมผัส แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นก็ไม่เคยจะยาวนาน ผมจำได้เลยว่าเราไม่เคยจูบกันนานเกินนับหนึ่งถึง 5 และครั้งนี้ก็แบบนั้นด้วยเหมือนกัน
‘ฉันรักนายนะแจจุง...แต่ลิ้นนายเนี่ยนุ่มจังเนอะ จูบกี่ทีก็ไม่เปลี่ยน’ เขาพูดก่อนจะส่งยิ้มให้ผมจนตาหยี้
‘ปากนายก็น่าแตะขึ้นทุกวันทุกวันเลยนะยุนโฮ’ ผมพูดเสียงเข้มใส่เขา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้แต่หัวเราะและกอดผมไว้
ภาพในวันนั้น วันที่เขาขอผมแต่งงานใต้ต้นไม้ต้นนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในตัวของผม ไม่ใช่ที่ความทรงจำ แต่เป็นที่จิตใจของผม ผมยังจำได้ไม่ลืม ตั้งแต่วันที่ผมกับเขาต่อยกันเพราะแย่งผู้หญิงกัน หรือ ทะเลาะกันเรื่องข้าวกล่องว่าแม่ใครทำอร่อยกว่ากัน ฮะๆ มันมีแต่เรื่องที่ไร้สาระกันทั้งนั้นเลย แต่ทำไม ผมถึงไม่เคยจำได้เลยว่าเรารักกันตอนไหน หรือเพราะมารู้อีกที เขากับผมก็จากกันไม่ได้แล้ว
แค่นึกถึงภาพวันเก่าๆของเราผมก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ผมยังจำอ้อมกอดนั้นได้ดี จำความรู้สึก ความอบอุ่น แม้แต่กลิ่นจากเขาผมเองก็ยังคงจำมันได้ดี แต่ทำไม ทำไมผมถึงจำความรู้สึกที่ทำให้ใจผมและเขาเต้นรั่วนั้นไม่ได้ หรือเพราะผมกำลังต้องการมัน และอยากรู้สึกถึงมันเกินกว่าจะมานึกถึงมันกันล่ะ
“แจจุง...” ชายที่ผมกำลังคิดถึงอยู่ๆก็เหาะมา ใช่เขาเหาะมา แถมลงได้ท่าอุบาทที่สุดที่ผมเคยเห็น หน้าเขาตอนนี้เหมือนลูกหมีจมบ่อโคลนไม่มีผิด แต่ทำไม ทำไมถึงรักมันได้ลงกันนะ ทำไมถึงรู้สึกว่าอกของเจ้าหมีนี้ล่ะที่ทำให้ร่างกายและใจของผมอุ่นได้ และจะมีเพียงที่ตรงนั้นเพียงทีเดียว แต่สภาพเจ้าหมีมันไม่น่ากอดเท่าไรหรอกนะครับ เพราะมันเหาะลงมาจากมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเรา เพราะถนนลื่นหรือมันบ้าผมก็ไม่รู้แต่หน้ามันไปปักพื้นเรียบร้อยแล้วล่ะ
“ฮ่าๆๆ คุณชองที่แท้ก็คิดถึงพื้นจนอยากจะจูบขนาดนั้นเลยหรอ”
“มาคุณชงคุณชองอะไรกันเล่า ตอนนี้เราก็เป็นตระกูลชองกันทั้งคู่แล้วนะแจ” ยุนโฮเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับผม ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติของเขาแต่มือก็ยังคงสัมผัสอยู่ที่จมูกที่แดงก่ำของตนอยู่ตลอด
“ลุกขึ้นมาสิโฮ” เมื่อเขาลูกขึ้นมาที่ผมบอกผมก็ค่อยๆ กดไหล่เขาเพื่อให้ช่วยเรื่องความสูงที่มันต่างของเราลดน้อยลงแล้วค่อยใช้ปากสัมผัสกันจมูกนั้นเบาๆ
“อ่า.... ถ้ารู้แบบนี้เอาหัวปักพื้นทกวันเลยดีกว่า ฮ่าๆ” เขาพูดแล้วกอดผมไว้ เขายังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนไปคือ....เสียงของหัวใจ ทำไมมันถึงเต้นดังกว่าเดิมล่ะ ทำไมมันถึงทุบอกผมแรงขนาดนี้หรือเพราะผมห่างจากสัมผัสนี้ไปนานกัน
“กลับบ้านกันเถอะเด็กน้อย” เขาพูดกับผมแล้วค่อยจูบลงมาที่จมูกของผมเหมือนเด็กๆ ทั้งๆที่ผมแก่กว่าตั้ง...หลายวันเลยนะ
“ใครเด็กห่ะไอหมีอะ...ไอหมี....ไอหมีหล่อ” ผมได้แต่เถียงกลับไปแต่จะไปด่ามันเหมือนเคยว่าหมีอ้วนก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้มันไม่อ้วนเหมือนเคยแล้วนิ นึกอะไรไม่ออกเลยได้แต่พูดสิ่งที่คิดออกไป ผมนี่มันบ้าจริงๆเลยให้ตายสิ
“ฮ่าๆ หมีตัวนี้มันหล่ออยู่แล้นล่ะเด็กน้อย มะมามาให้หมีอุ้มไปที่บ้านนะ” ไอหมีบ้ายังคงหลงตัวเองเหมือนเคย แถมมันยังทำท่าเหมือนเรียกเด็กสองขวบให้คลานเข้าไปหามันอีกต่างหาก
บรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมลืมไปชั่วขณะว่ากำลังยืนอยู่กลางสายฝน เพราะมันอุ่นจริงน่ะสิ อกของตาหมีหล่อตัวเนี่ย
“แล้วจะกลับบ้านไหมเนี่ย มั่วแต่มายืนเถียงกับหมีอยู่ได้” ผมต้องเริ่มปรามร่างบางตรงหน้าที่ดูท่าจะไม่หยุดเถียงง่ายๆ
“กลับสิ พูดไม่คิด ถ้าไม่กลับจะมายืนตากฝนรอหมีบ้าอย่างนายทำไมเล่า” แจจุงพูดแล้วซุกหน้าเขากับอกของผม
ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมหมอนี้ถึงได้ชอบให้ผมกอดนัก แต่ถ้าเจ้านี้ไม่เอาหน้าเข้ามาซุกกับอกผมแบบนี้มันคงจะไม่มีอะไรหรอก แต่เจ้านี้เล่นทั้งซุกไม่พอยังจะไซร้อีก แบบนี้ไม่ให้ผมใจเต้นยังไหวล่ะครับ
“ใจ....เต้นดังจัง” ผมกับแจจุงกระซิบให้กันและกันฟังพร้อมกัน แล้วก็ได้แต่มองหน้ากันยิ้มๆ ก่อนที่ผมจะพยายามลากเจ้าเด็กดื้อนี้กลับไปที่บ้าน
“ยูนโฮ.....” เจ้าเด็กน้อยนั้นเรียกผมเสียงยาน ซึ่งก็เหมือนเคยเวลาที่เขาจะอ้อนขออะไรจากผม
“กอดหน่อยสิ” แจจุงอ้าแขนออกจากลำตัวที่เปลือยเปล่า และผมซึ่งเป็นแฟนที่ดีก็ต้องทำตามความต้องการของแฟน ถูกไหมครับ?
“ตัวเริ่มรุมๆแล้วนะแจ”
“อือ...ไม่ต้องกลัวมีหมอชองสุดหล่อ สุดเท่ สุดเก่งอยู่ข้างกายแจจุงแบบนี้จะไปกลัวอะไร” แจจุงพูดยิ้มแล้วก็ฉีกยิ้มจนแก้มปริจนผมเองก็งงกันท่าทางของเขา
‘มันมีอะไรให้น่ายิ้มว่ะ หรือหน้าเรายังมีขี้โคลนติดอยู่’
“โฮไม่เห็นเถียงเลย....” แจพูดในขณะใช้หน้าถูไปมากับอกของผม
“หืม?”
“ก็ที่เขาชอบตัวเองว่าหล่อ เท่ไง ฮะๆ” แจจุงเงยหน้ามามองหน้าผมอีกครั้งแล้วก็ขำคิกคักอยู่คนเดียว
“ก็มันเป็นความจริงนิ ไม่เห็นต้องเถียงเลย”
“จ้า แต่แจอยากอาบน้ำอะโฮ มันเหนียวๆไงไม่รู้...”แจจุงค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วเอานิ้วไปเหน็บรักแร้ก่อนจะเอาขึ้นมาใกล้จมูกตัวเอง
“....เหม็นจิ๊บเยยอะโฮ” แจจุงทำหน้ายู่ก่อนจะเอามาใกล้จมูกผมบ้าง
“ไม่เห็นเหม็นเลยแจ...” ผมพูดไปตามความจริงเมื่อมันไม่มีกลิ่นอะไรซักนิด แต่หัวผมก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาจนได้
“แต่เดี๋ยวสิ....ตรงนี้....หอมอยู่นะเนี่ย” ผมเรียกแจเข้ามาใกล้ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มใสนั้นฟอดใหญ่
“ตรงนี้....ล่ะ” ผมลากนิ้วผ่านแก้มนวลไปที่คอขาวไปถึงอกนิ่มไปจนถึงหน้าท้องแบนราบ ผมค่อยๆจุมพิตหน้าท้องตรงหน้า และค่อยๆจูบมันหนักขึ้นจนคนตรงหน้าส่งเสียงมาปลุกสติของผม....ไม่รู้จะเรียกว่าปลุกสติหรือดับสติผมกันแน่ เพราเสียงนั้นมันยิ่งทำให้ผมอยากทำมากกว่านี้ อยากฟังเสียงนี้ครางต่อไปเรื่อยๆ
“โฮ...มันซิ๊ด....สะ...” ผมเลื่อนตัวขึ้นสูงแล้วจูบลงไปที่ปากบางนั้น มันเป็นจูบแรกของเรา เป็นจูบแรกที่เราจูบกันนานเกิน 3 วิ.มันดูน่าตลกที่เราไม่เคยจูบกันนานเท่าไรแต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกต้องการมัน เพราะแค่มองตาคนตรงหน้าผมก็รู้สึกได้ถึงความรักของตัวผมและแจจุงที่มีให้กัน
“ฮึก....ฮา....อือ....” ผมปล่อยให้เขาหายใจเข้าปอดซักพักก่อนจะปิดปากเขาอีกครั้ง เขายังจูบไม่เป็นด้วยซ้ำ เหมือนผมแกล้งเด็กยังไงชอบกลนะ
“พะ พอก่อน” แจจุงเอามือมาปิดปากผมเมื่อผมปล่อยปากเขาให้เป็นอิสระ ตอนนี้ทั้งหน้า ใบหู และทั้งยอดอกของเขากำลังเป็นสีชมพูไปหมด จนผมหลงไปกับภาพข้างหน้า ยิ่งลมหายใจร้อนๆของแจจุงมาเป่ารดตรงหน้าของผมมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนฝันจริงๆ
“โฮ เราขอเถอะนะ เราอยากอาบน้ำ” แจจุงพูดปนหอบเล็กๆ
“โอเคจ้ะเด็กน้อย แต่ต้องให้ฉันเข้าไปอาบด้วยโอเคไหม” และแน่นอนว่าคำตอบก็ต้องเป็นไม่ แต่เรื่องอะไรผมจะต้องรอฟังคำตอบล่ะจริงไหมครับ?
“นายจะอาบด้วยแล้วไม่คิดจะถอดเสื้อผ้าเลยหรือไงห่ะ” แจจุงมองมาทางผมอย่างหาเรื่องเล็กๆ พอผมอุ้มเขามาในห้องน้ำผมก็ได้แต่ยืนมองเขาถอดเสื้อผ้าไปทีละชิ้น ถ้าให้พูดจริงๆคือมองละสายตาไปจากเขาไม่ได้ซักทีน่ะสิครับ
“ถะ...ถอดจ้าถอด”
เขาหันมายิ้มให้ผมเล็กๆ ขณะที่เขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าผมแอบเห็นสีหน้าของเขา สีหน้าเหมือน “เสียดาย” อะไรบ้างอย่าง
“นี่โฮ ทำไมมันมึนๆหัวจังเลยอะ” ผมเริ่มรู้สึกมึนหัวแปลกๆ จนเซที่ไปขอบอ่างล้างหน้า ตอนนี้ภาพจากตาของผมเหมือนมีฝ้าเกาะอยู่
“ระวังหน่อยสิ” เขาเข้ามาพยุงตัวผมให้นั่งลงที่ขอบอ่างจนจะจับจับหน้าผากของผมเพื่อวัดไข้
“ตัวไม่เห็นร้อนเลย นายไหวหรือเปล่า จะเช็ดตัวแทนไหมแจจุง” เขาเริ่มถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงและอ่อนโยนขึ้น แต่หน้าเขา....มันเริ่มเลือนไปทุกทีๆแล้วนะ ทำไมมันถึง...หนาวแบบนี้
“แจ...แจจุง!” นั้นเป็นคำสุดท้ายก่อนที่สติผมจะหลุดลอยไป ผมล่ะอยากเห็นหน้าเจ้าหมีบ้านี่จริงๆว่ามันจะทำหน้าเครียดขนาดไหน ฮ่ะๆ นึกแล้วขำชะมัด
“แจ...หนาวไหมครับ” เสียงชายคนหนึ่งพูดกับผม ผมพยายามกระพริบตาเพื่อให้ชินกับแสงและมองไปยังใบหน้าของเขา
“ไม่เท่าไรหรอกมิกกี้” ผมพูดยิ้มๆให้กับเขา
“แจรู้ไหมเมื่อกี้แจไข้ขึ้นสูงมาเลยนะครับ ผมตกใจแทบแย่แถมยังละเมอหมีๆโฮๆอะไรไม่รู้ซะลั่นเลย” ตาหนูปากห้อยพูดกับผมยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบน้ำรินใส่แก้วแล้วส่งให้ผม
“ซักแก้วไหมเพ่” เขาพูดขณะส่งแก้วน้ำนั้นมาให้ผม และรอยยิ้มกวนๆนี้ผมล่ะอยากตบปากที่ห้อยมาของมันซะจริงให้ตายสิ
“ได้อยู่แล้น เอาเพียวๆเลย” ผมก็ได้แต่พูดล้อกลับไปแต่ทำไมมันรู้สึกแปลกๆจังนะ ทำไมถึงจำหน้าของคนที่ชื่อ.... ชื่ออะไรนะ เมื่อกี้ผมยังฝันเห็นเขาอยู่เลยนิ
“เอาๆ น้ำที่ไหนมันไม่เพียวล่ะเพ่ แล้วดูสิคิ้ว จะชนกันอยู่แล้วนะครับ” เขาส่งแล้วให้ผมแล้วใส่นิ้วจิ้มๆไปที่หัวคิ้วแล้วพยายามลากให้มันออกห่างกันซึ่งท่าทางของเขาดูแล้วก็จะโอเว่อร์ไปมากเลยล่ะ
“อ๊าก...อย่าดึงแรงแบบนั้นดิเจ็บนะ” ผมพูดแล้วทำปากยื่นๆเหมือนเด็กไม่พอใจ นึกสภาพตัวแล้วติ๊งต๊องจัง ฮ่ะๆ ท่าทางจะบ้าแล้วสิเรา
“แจครับ แล้วแหวนล่ะ แหวนหายไปไหน” มิกกี้พูดแล้วยกมือผมขึ้นมาดู มันทำให้ผมเห็นว่าแหวนที่ทุกครั้งผมจะสวมมันไว้ได้หายไปแล้ว มันสลักว่า หมีอ้วน...ตลอดไป... ถึงผมจะไม่เข้าใจความหมายของมันก็เหอะ แถมยังไม่รู้อีกว่าผมใส่มันมานานแค่ไหนแล้ว รู้แต่ว่าพอจำความได้ผมก็ใส่มันอยู่ตลอดแล้ว แต่วันนี้มันกลับหายไป
“มัน... มิก มิกช่วยแจหาหน่อยสิ มิก” ผมรู้สึกกลัว กลัวว่าแหวนวงนั้นจะหายไป กลัวว่าจะไม่ได้มาคืนมา กลัวว่าจะลืมมันไปเหมือนกับความทรงจำอะไรบ้างอย่างที่ผมได้ลืมมันไป...
“คะ ครับ” มิกกี้เริ่มลุกขึ้นเดินหามันรอบๆห้องของเรา แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ามันไม่ได้อยู่ที่นี้
‘หมีอ้วนรักเด็กน้อยมากๆเลยนะ รักมากและตลอดไป’ เสียงที่คุ้นเคยของชายคนหนึ่งพูดขึ้น เสียงเขาอ่อนโยนมาก จนผมรู้สึกว่าตัวเองสามารถลอยได้ เป็นแผ่วเบาแต่หนักแน่นทำให้ผมจำอะไรบ้างอย่างได้ จำคำสัญญาโง่คำหนึ่งได้
“มิก...เราจะออกไปหาข้างนอกนะ” ผมพูดแล้วรีบวิ่งออกไปยังที่ๆหนึ่ง ผมไม่รู้ว่ามันไกลจากจุดเริ่มต้นของผมแค่ไหน แต่ผมรู้ว่าร่างกายของผมจะนำผมไปที่นั้นได้
ผมเดินจนมาถึงสวนแห่งหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเจ็บที่เท้าจึงก้มลงไปมองเลยเห็นว่าผมยังใส่รองเท้าเดินในบ้านลายมินนี่เม้าส์อยู่เลย ตอนนี้รองเท้าเริ่มขาดทำให้เท้าผมเจ็บ
ผมเห็นต้นไม้ตอนหนึ่งมันเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ราว 8 คนโอบได้ ใหญ่มากเลยใช่ไหมล่ะ ใต้ต้นนั้นมีชายอีกคนยืนอยู่เขากวักมือให้ผมเข้ามาใต้ร่มไม้ ถึงผมจะไม่รู้จักเขาแต่ผมก็ยอมทำตามคำเชิญ?นั้น เพราะตอนนี้ตัวผมเปียกปอนไปด้วยน้ำตาจากฟากฟ้า
“เด็กน้อย...ในที่สุดก็มาจนได้นะครับ” ชายคนนั้นเอยขึ้นด้วยเสียงที่ผมคุ้นเคย เขายิ้มให้กับผมแล้วค่อยๆเดินมาสวมกอดผมไว้
แล้วอยู่ๆน้ำตาของผมก็ไหล มันให้ความรู้สึกเหมือนคนบ้านิดๆว่าไหมครับ อยู่ๆก็เดินมาที่ๆเราไม่รู้จัก มากอดกับชายที่ไม่รู้จัก ร้องไห้เพราะคนที่ไม่รู้ ร้องไห้เพราะคิดถึงเขาเหลือเกินทั้งๆที่เพิ่งจะเคยเห็นหน้า รู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของคนที่ไม่รู้จักจนผมแอบเอามาเทียบกับอ้อมกอดของคนรักของผมไม่ได้ เมื่อเทียบกับมิกกี้แล้ว กอดนี้กลับให้ความรู้สึกปลอดภัยมากว่า ผมมันบ้าชัดๆเลยว่าไหมครับ
“เด็กน้อยจำหมีอ้วนไม่ได้สินะ หมีไม่ว่าหรอก” เขาตรงหน้าที่แทนตัวเองว่าหมีอ้วนเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอนตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าเขากำลังหลั่งน้ำตาหรือเพราะหยดน้ำจากปอยผมเขากันแน่ที่หยดลงบนใบหน้าของผม
“ตามสัญญา หมีเหาะมารับเด็กน้อยแล้วนะ” เขาระบายยิ้มอีกครั้งแต่คราวนี้น้ำตาในตอนแรกเริ่มไหลออกมาเป็นสาย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังคงกอดผมและยิ้มให้ผมไม่หยุด
“แต่เด็กน้อยไปอยู่กับหมีอ้วนไม่ได้หรอกนะ เพราะหมีอ้วนอยู่...ฮึก...อยู่ไกล...ไกลจากเด็กน้อยมาก” เขามองตาผมแล้วปล่อยน้ำตาลงมา มันมากจนผมเองก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย เพราะผมเห็นน้ำตาเขาหรือเพราะผมรู้สึกว่าผมจะไม่ได้รับความอบอุ่นนี้แล้วกันล่ะ?
“แหวนหมีขอคืนแล้วกันเนอะ ตอนนี้นิ้วของแจก็ว่างแล้วนะ หมีค่อยดูแจกับเจ้ามิกกี้นั้นทุกวันเลยนะรู้เปล่า ฮึก..ฮ้าให้ตายสิหยุดหยดใส่ตาฉันได้แล้วนะเจ้าฝนบ้า” เพราะพูดแล้วสัมผัสไปที่มือของผม ก่อนที่เขาจะสะอื้นอีกครั้งแล้วเงยหน้าขึ้นไปต่อว่าอะไรบ้างอย่าง
“นั้นน้ำตาต่างหากล่ะหมี...หล่อ” ผมพูดมันออกไปแต่สีหน้าของคนตรงหน้ากลับยิ่งแย่ลงไปใหญ่ เขาเริ่มร้องไห้หนักขึ้นจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคนขี้แยแบบนี้ทำถึงมีอกที่มีแต่ความรู้สึกปกป้องและปลอดภัยแบบนี้ได้กันนะ
“เด็กโง่....ยะ...ฮึก...ยะ อย่ามาพูดเหมือนจำฉันได้หน่อยเลยฮึก... แค่มาที่นี้ถูกก็บุญแล้วรู้ไว้ ฮึก” เขาพูดเหมือนต่อว่าผม ขณะที่กดหน้าผมลงแนบอก มันเงียบ.... มีแต่เสียงสะอื้นจากร่างสูงตรงหน้า และเสียงหัวใจของผม ใช่มีเพียงแค่นี้ ไม่มีเสียงหัวใจของเขาเลยแม้แต่น้อย
“นาย....” ผมมองหน้าอึ้งๆ ดีนะที่ผมยังแค่อึ้งไม่ช็อกตายไป
“อือ...หมีจากเด็กน้อยไปนานแล้วล่ะ แต่เด็กน้อยยังจำสัญญาของเราได้ ดีใจจัง” เขาก้มลงมาหอมแก้มผมแล้วขยี้ผมเบาๆเหมือนผมเป็นเด็กๆ
“ตอนนี้เราก็หมดสัญญาต่อกันแล้วนะ ต่อไปนี้หมีคงไปยืนมอง....ฮึก....มองแจกับเจ้าหมอนั้นไม่ได้แล้ว...” เขาพูดแล้วเม้มปากเข้าหากันก่อนจะหายใจเข้าให้เต็มปอดเหมือนกับจะสูดเอาหยดน้ำตาที่เอ่ออยู่ให้กลับเข้าไป
“ต่อจากนี้เด็กน้อยจะจำเรื่องของหมีไม่ได้ จะไม่ได้เห็นหมีอีก...จะ....จะไม่ได้...ไม่ได้กอดแจอีกแล้ว” เพียงเท่านั้นเหมือนในที่สุดเขื่อน....เขื่อนแห่งความทรงจำของผมก็ได้แตกออก มีความทรงจำเกี่ยวกับชายตรงหน้ามากมายหลั่งไหลออกมา ทั้งภาพวันแรกที่เราเจอกันที่โรงเรียนอนุบาลนอกเมือง ภาพวันแรกที่เราจูบกัน ภาพของวันที่เขาของผมแต่งงานใต้ต้นไม้ต้นนี้ ภาพของค่ำคืนที่ผมได้เป็นของเขาทั้งตัวแล้วหัวใจ ภาพของคำสัญญาโง่ๆที่เขามีให้ผม ภาพของวันที่ผมไปงานศพของชายคนที่ผมรักที่สุด โดยไร้คนสนิทปลอบใจ
ภาพเหตุการณ์มากมายที่ไหลออกมา มันพาเอาหยดน้ำตามากมายไหลออกมาด้วยเช่นกัน ตอนนี้ผมอยากจะด่าเขากับคำสัญญางี่เง่าที่เขาเคยให้ ผมอยากจะต่อยเขาที่เขาเคยทำกับร่างกายผมจนผมเจ็บสะโพกไปกว่าสองอาทิตย์ ผมอยากจะกอดเขาที่เขาเคยรักผมมากมายขนาดนี้ ผมอยากจะจูบเขาที่เขาเคยทำให้ผมเป็นผู้ชายที่มีชีวิตรักสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก และผมอยากจะเป็นของเขาอีกครั้งเพราะเขายังคงเป็นชายที่ผมรักที่สุดอยู่ในตอนนี้และตลอดไป
“อย่าร้องสิเด็กดื้อ เดี๋ยวหมีตะปบแก้มแตกเลยนะ” เขาพูดแล้วยื่นมือมาจับแก้มของผม
“ตะปบเลยหมีบ้า ทำไม...ทำไมต้องสัญญาอะไรโง่ๆแบบนี้ด้วย ฮึก...ทำไมต้อง...ต้องทรมานตัวเองด้วย” ผมพูดอู้อี้ขึ้นเรื่อยๆเมื่อนึกถึงภาพในอดีต
แค่คำสัญญาที่ดูไม่น่าเป็นความจริงว่า แจจุง หมีตัวนี้สัญญาว่าจะรักนายคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรก็เปลี่ยนใจฉันไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นชะตากรรมหรือแม้แต่ความตาย ฉันให้สัญญาพอถึงวันที่ 6 กุมภาเมื่อไร ฉันจะรีบเหาะมาหานาย ไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม แม้แต่...โลกแห่งความตายฉันก็จะมาหานายฉันสัญญา...
“ไม่เคยเลย ไม่ทรมานเลย ดีซะอีกได้แอบดูแจอาบน้ำทุกวัน ฮุๆแบบว่าขาว…” เขาเริ่มพูดไปเรื่อยๆ แต่ผมไมได้สนใจว่าเนื้อความมันจะเกี่ยวกับผมยังไง ผมรู้แต่ว่าผมต้องจูบเขาก่อนจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
“แจ...” เขาพยุงใบหน้าของผมไว้แล้วค่อยประกบปากของเราเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง เหมือนมันหลอมเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งร่างกายของเราที่แนบชิดกับจนจะกลืนเป็นคนเดียว ลิ้นที่พันเกี่ยวกันจนแยกกันไม่ออก ใบหน้าที่ฝังลึกลงไปในใบหน้าของกันและกัน สายน้ำตาของเราทั้งสองที่ไหลรินลงมาเกิดกัน และถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองและรู้สึกไปเองแล้วล่ะก็ ผมแอบได้รู้สึกถึงเสียงหัวใจของเราทั้งสอง เต้นจังหวะเดียวกันถึงจะไม่พร้อมกันแต่ก็ประสานคู่กันไป จนเหมือนเป็นเสียงดนตรีรัก มันเป็นเสียงประสานที่เพราะที่สุด เพราะที่สุดจากใจผมถึงใจเขาจริงๆ
“โฮจะไปแล้วหรอ” ผมได้แต่ผมหน้าเขาอย่างเศร้าใจ ตอนนี้ผมคงไม่คิดจะเก็บความรู้สึกอะไรอีกแล้ว
“อือ แจเป็นเด็กดีนะ อย่าให้คนอื่นมารักจนโงหัวไม่ขึ้นแบบโฮนะ แล้วก็อย่า..” ผมปิดปากเขาก่อนจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะผมรู้ถึงคำต่อไป ซึ่งมันจะไม่มีวันเป็นไปได้
“ฉันจะไม่มีวันเลิกรักนาย สัญญา” ผมยิ้มให้กับเขา ก่อนที่ร่างสูงตรงหน้าผมจะค่อยๆจางและหายไป พร้อมกับเมฆฝน ท้องฟ้าเลยมีแสงสีทองส่องลงมาให้เห็นเหมือนกับมารับเขาขึ้นไปบนนั้น
“ตอนนี้เราจำได้แล้ว เพราะงั้นอย่ามาคิดแอบดูฉันอาบน้ำล่ะเจ้าหมีหล่อ” ผมเงยหน้าพูดกับท้องฟ้าสีทอง พยายามกลืนน้ำตาและเสียงสะอื้นลงไป
หลังจากนั้นไม่นานผมก็ไม่ได้มีรักใหม่อีก ผมเล่าเรื่องระหว่างผมกับยุนโฮให้กับยูชอนฟัง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะร้องไห้ตามแถมยังร้องหนักกว่าผมซะอีก ฮ่ะๆๆ จนคนที่น่าร้องหนักที่สุดต้องมานั่งปลอบเขา ถ้าเจ้าหมีนั้นมาเห็นคงแอบขำอยู่แน่ๆเลย
ผมกับยูชอนเราก็เริ่มปรับความสัมพันธ์จากคนรักกลับมาเป็นเพื่อนอย่างเก่า เพราะเขาเองก็เข้าใจว่าผมยังคงรักยุนโฮหมดหัวใจ แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจะเป็นคนที่คอยดูแลผม
เมื่อก่อนเวลารู้สึกว่ามีคนแอบมองผมจะคิดแค่ไอโรคจิตมาแอบมองอีกแล้วหรอ จะแจ้งรปภ.ให้มาฆ่ามันเลยนิ แต่ตอนนี้กลับอยาก...อยากจะให้มีคนมอง คนที่ผมจะมองเขาไม่เห็น
แต่อย่างน้อยๆผมก็ยังจำเรื่องราวความรักเก่าๆของผมได้ ถึงมันจะผ่านมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ที่ผมจะไม่มีวันลืมคือ เสียงหัวใจของผมและสุดที่รักที่เต้นประสานกัน เป็นเพลงที่ผมจะจำไปอีกนานแสนนานเลยล่ะ
จากปลายปากกา :: หวังว่าจะมีคนอ่าน+เม้นให้บ้างนะค่ะ ชอบไม่ชอบ..ก็บอกเล่าบ้างเนอะ
ขออนุญาตทำตัวโอเว่อร์หน่อยนะค่ะแบบ... ขอบคุณทั้งสามคอมเม้นเลยค่ะ อ่า..ตอนแรกก็กลัวว่าที่เขียนสลับช่วงยุนแจ
จะทำให้งงกันหรือเปล่า อ่า... ดีใจจัง 55+ ส่วนเรื่องยาวก็คือเรื่อง eyes on u นะค่ะ ตามไปอ่านกันได้ค่ะ เรื่องนั้นจะเล่ายาวๆเลย
ฝากฟิคยุนแจทั้งสามเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยค่ะ ^_______________^
ผลงานอื่นๆ ของ __Lo_Oll3__ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ __Lo_Oll3__
ความคิดเห็น