ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Haikyuu x oc ] My memories ความทรงจำ

    ลำดับตอนที่ #6 : ความทรงจำที่ไม่อยากจำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 974
      98
      28 ก.ย. 63

    'นี่เจ้าหน้าที่กู้ภัย กรุณาอย่ามุงผู้บาดเจ็บครับ ช่วยถอยออกไปหน่อยครับ '

     

     

    ' หนูน้อยเป็นอะไรรึเปล่า '

     

     

    ' ฮึก ฮือ พะ..พี่โคลด์คะ ละ..แล้--- '

     

     

    ' ไม่ต้องห่วงนะเลส ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยรักษากันอย่างเต็มความสามารถนะ น้องควรไปทำแผลก่อน '

     

     

    ' แต่ว่-- '

     

     

    ' เชื่อพี่นะเลส ทุกอย่างจะโอเคขึ้น คนเก่งหยุดร้องก่อนนะครับ '

     

    เฮือก!

     

    เด็กสาวสะดุ้งตื่นกลางยามราตรี น้ำตาสีใสไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้างอย่างช้าๆ ความทรงจำในอดีตไหลเข้าหัวเป็นเหตุการณ์ในวันนั้น

     

    เป็นฝันที่วนลูปเดิมๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

     

    ถือเป็นความทรงจำที่ไม่อยากจำมากที่สุด.....

     

     

    " อึก ปวดหัว"

     

     

    มือทั้งสองข้างกุมหัวของตัวเอง ความทรงจำที่ปรากฎขึ้นราวกับมันเกิดขึ้น ณ เวลานี้ ตอนนี้ น้ำเสียงและใบหน้าของคนอันเป็นที่รัก กลิ่นคาวเลือดและแสงไฟรถยนต์บนท้องถนน สีหน้าของผู้คนรอบตัวที่เข้ามามุงดูพร้อมกับเสียงรถพยาบาล ทุกอย่างมันชัดเจนเหมือนหนังที่ฉายซ้ำวนกันหลายรอบ

     

    เลตติเซียลุกขึ้นจากที่นอนแล้วรีบวิ่งตรงไปทางห้องน้ำ ตามมาด้วยเสียงทรมาน

     

     

    " อุก อุ..แหวะ! "

     

    สองฝ่ามือรองน้ำจากก็อกน้ำแล้วล้างหน้าซ้ำหลายๆครั้ง ขอบตาเริ่มแดง เธอค่อยๆหายใจเข้าลึกๆและทำใจให้สงบ เสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์แล้วเปิดเพลงกลบภาพความฝันเมื่อสักครู่ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอลืมมันลงไป

     

    เธอเปิดเสียงเพลงจนสุด นอนแผ่บนเตียงตอนนี้เธอไม่อยากเห็น 'แสงไฟ' อะไรทั้งนั้น อยากอยู่ในความมืด

     

    แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกลียดทุกเเสงแต่มันจะมีอยู่เเสงหนึ่งที่เธอไม่ชอบ แต่ตอนนี้เธอไม่อยากเห็นเเสงก็แค่นั้นเอง...

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ก๊อก ก๊อก

     

     

    " เลสลงมากินข้าวได้เเล้ว "

     

     

    เสียงพี่ชายที่กำลังเคาะประตูและเรียกน้องสาวที่เอาแต่หมกอยู่ในห้องจนเวลาในตอนนี้ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงแล้ว

     

    ไร้เสียงตอบรับจากคนในห้อง โคลด์ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปหาเอง ภายในห้องสี่เหลี่ยมไร้แสงใดๆมีเพียงความมืดมิด

     

    ดวงตาสีฟ้าหม่นมองไปยังเผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่บนเตียง โคลด์เดินเข้าไปหาแล้วดึงเก้าอี้จากโต๊ะทำงานมานั่งอยู่ตรงข้างๆเตียง นัยน์ตาสีอำพันไม่ได้หลับแต่อย่างไร เพียงแค่จ้องมองไปข้างหน้าเท่านั้น

     

    คนบนเตียงลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาสองคู่สบตากันแววตาดูเรียบนิ่ง

     

    แต่ทำไมเขารู้สึกว่านัยน์ตาคู่นั้นดูสับสนเหลือเกิน..

     

     

    " นี่พี่โคลด์..ตอนนี้พี่นั่งอยู่ข้างหน้าหนูใช่ไหม..ตอนนี้คือปัจจุบันใช่ไหม..มันไม่มีอุบัติเหตุใช่ไหม.."

     

     

    " ตอนนี้พี่นั่งอยู่ข้างหน้าและมันไม่มีอุบัติเหตุอะไรทั้งนั้น เป็นอะไรไปเลส "

     

     

    " หนูเห็นภาพซ้อน อดีตกับปัจจุบัน เห็นเหตุการณ์ทั้งสองซ้อนทับกัน มันรู้สึกปวดหัวไปหมด มันเหมือนกับว่าไม่สามารถควบคุมความทรงจำได้..มันแยกไม่ออก..."

     

    เลตติเซียร่ายยาวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นระริกและแผ่วเบา โคลด์ไม่ได้รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้ชินกับเหตุการณ์แบบนี้สักที

     

    เพราะมันไม่ใช่ 'ครั้งแรก' ที่เคยเกิดขึ้น

     

    โคลด์เลื่อนมือไปกุมมือน้องสาวเอาไว้ นัยน์ตาสีฟ้าหม่นมองร่างบนเตียงที่นั่งพึมพำออกมาอยู่คนเดียว คนเป็นพี่เข้าไปกอดน้องสาวไว้แน่น

     

    " เธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอปลอดภัย ใจเย็นนะๆ น้องพี่ต้องเข้มแข็ง "

     

    เขาพูดปลอบเลตติเซียด้วยความอ่อนโยน พี่ชายค่อยๆใช้มือหนาลูบหัวน้องเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นทีละนิด สองแขนเล็กกอดกลับไว้แน่นกว่าเดิม เธอปลดปล่อยความรู้สึกทุกอย่างด้วยเสียงร้องไห้

     

    โคลด์ยังคงนั่งกอดน้องสาวของตัวเองไว้เช่นเดิม

     

    น้องของผมนั้นเป็นโรคอยู่โรคนึงที่เกี่ยวกับความจำแต่ไม่ใช่จะเป็นการลืม หรือจำอะไรไม่ได้ แต่มันคือการจดจำได้ทุกอย่าง มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่คุณสามารถจำอะไรได้หมด แต่ คุณจะรู้ไหมว่า ในข้อดีนั้นมันก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกับหยินและหยาง

     

    หลายๆคนอาจคิดว่าการเป็นโรคๆนี้ ชีวิตคุณอาจจะดีขึ้นมาก็ได้ อยากจำอะไรก็จำ ยิ่งถ้ามีความทรงจำดีๆเราก็จะนึกถึงความทรงจำนั้นเป็นเรื่องราวได้ตามที่นึก จำได้ทุกระเบียบนิ้วราวกับกำลังฉายหนังซ้ำอยู่ตรงหน้า

     

    ฟังดูดีใช่ไหมล่ะ ?

     

    แต่ถ้าคุณเจอเหตุการณ์เลวร้ายอย่างเช่นการสูญเสียคนสำคัญไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายที่คอยหลอกหลอน ยิ่งได้เห็นวัตถุรอบตัวหรือสภาพแวดล้อมเหมือนกับเหตุการณ์ในตอนนั้น ทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปจมอยู่กับความทรงจำ..

     

    อยากจะลืมมัน แต่ไม่สามารถลืมได้..

     

    ผมว่าการที่เราจดจำความทรงจำมากมายน่ะมันก็ไม่ได้ดีเสมอไปหรอก....

     

    เสียงร้องไห้ค่อยๆเบาลง เหลือแต่เสียงหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดได้หลับไปอีกรอบ โคลด์ค่อยๆประคองร่างนั้นนอนบนเตียงอบ่างเบามือถือสุด มือหนาเลื่อนไปลูบผมคนตรงหน้าอีกรอบ หางตาหันไปมองกล่องไวโอลินที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินออกจากห้องไป

     

    เวลาล่วงเลยผ่านไปจนตอนนี้ท้องนภาถูกย้อมเป็นสีส้ม แสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินสาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน เปลือกตาบางสวยค่อยๆลืมตาขึ้นจากการหลับเป็นเวลานาน นัยน์ตาสีอำพันกวาดมองรอบห้อง นาฬิกาบอกเวลา 6 โมงเย็น เธอค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ ภายในห้องยังคงมืดเหมือนเดิม มีเพียงแสงอาทิตย์ริบหรี่จากด้านนอกเท่านั้น

     

    เลตติเซียเดินไปตรงโต๊ะทำงาน มือเรียวคว้ากล่องไวโอลินมาเปิด เธอโอบกอดไวโอลินที่พังด้วยความคิดถึงน้ำตาค่อยๆไหลอีกครั้งและเเน่นอนว่าความทรงจำนั้นก็กลับมาอีก..

    .

     

    .

     

    .

     

     

    2 ปีที่แล้ว

     

     

     

    ห้องดนตรีโรงเรียนม.ต้นแห่งหนึ่ง

     

     

     

    " รู้ไหมตั้งแต่แกเข้าชมรมมาครูก็ไม่เคยสนใจพวกเราเลย สนใจแต่แก คิดว่าตัวเองพิเศษรึยังไง!! "

     

     

    นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ แววตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองมากมายถูกส่งมาที่ตัวของเลสแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแต่คนรอบตัวก็ไม่คิดจะเข้ามาห้าม ได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลตติเซีย กอดไวโอลินของคุณแม่แน่นด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเห็นหน้าของเลตติเซีย ความโกรธก็ยิ่งมากขึ้น

     

    " ถ้าไม่มีแกก็คงจะดีกว่านี้ "

     

    " ทั้งๆที่ฉันพยายามมากแท้ แต่แกกลับ ทำพังทั้งหมด... "

     

    " อีนังบ้า!! "

     

     

     

    " ไวโอลินเนี่ยแกรักมากใช่ไหม!! "

     

     

     

    " ไม่ได้นะ! อันนั้นไม่ได้! "

     

     

    นักเรียนหญิงคนนั้นแย่งไวโอลินจากอีกฝ่ายมา เลตติเซียที่กำลังจะแย่งกลับถูกอีก 2 คนจับเอาไว้ ไวโอลินที่สำคัญถูกฟาดกับผนังซ้ำหลายๆรอบ เศษไม้จากไวโอลินค่อยๆร่วงลงมา สุดท้าย ไวโอลินตัวนั้นก็ถูกขว้างลงพื้นอย่างรุนแรงและโดนเหยียบซ้ำ สายตาที่มองลงมาด้วยความสมเพชและความสะใจ

     

    " แค่นี้มันคงจำแล้วล่ะ "

     

    ผู้หญิงคนเดิมกระชากผมของเลตติเซียแล้วเหวี่ยงลงพื้นอย่างไม่ใยดี แล้วเดินออกไปพร้อมกับคนอื่นอีก 2 คน ร่างเล็กค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ความเจ็บแล่นไปทั้งตัว เธอค่อยๆเดินไปเก็บเศษไวโอลินที่พังเข้ากล่องอย่างช้าๆ

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    บ้านโยชิฟุมิ

     

     

     

    " เลส! ทำไมกลับมาสภาพนั้น "

     

     

    เสียงกังวลของพี่ชายดังขึ้นเมื่อเห็นสภาพน้องสาวที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก สภาพเนื้อตัวมอมแมม ชุดนักเรียนเปรอะไปด้วยรอยรองเท้า มุมปากช้ำเลือด แก้มมีรอยช้ำ เด็กสาวเดินเข้าบ้านพร้อมกอดกล่องไวโอลินเอาไว้แน่น

     

    " มะ มีอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ.. "

     

     

    เลตติเซียวัย 14 ปี ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาจากพี่ชายที่ยืนมองอยู่

     

     

    " โกหก โดนแกล้งมาใช่ไหม "

     

    อึก..

     

    โคลด์รีบคว้ากล่องไวโอลินจากน้องสาวเเล้วเปิดดูข้างใน

     

    ไวโอลินที่พังจนไม่เหลือชิ้นดี..ไม่เหลืออะไรที่คิดว่าจะซ่อมกลับให้เป็นแบบเดิมได้

     

    โดนแกล้งขนาดนี้เลยรึไงกัน แต่ด้วยความเป็นห่วงน้องสาวเรื่องความทรงจำจึงต้องตัดสินใจพูดสิ่งที่ตัวเองไม่อยากพูดออกมา

     

    " เลสมันพังแล้วจะเก็บไว้อีกทำไม มันซ่อมไม่ได้แล้ว ทิ้งไปได้แล้ว "

     

     

    " มันเป็นของคุณแม่นะคะ! จะให้ทิ้งไปได้ยังไงกัน "

     

     

     

    " เลส น้องก็รู้เรื่องความทรงจำของตัวเอง ว่ามันพิเศษกว่าคนอื่น! มันไม่มีทางลืมสิ่งที่เกิดขึ้นหรอกนะ ยิ่งถ้าเก็บไว้มันจะเป็นผลเสียกับตัวน้องเอง! "

     

     

     

    " ความทรงจำอะไรนั่นก็ช่างมันสิ! คิดว่าหนูอยากมีนักรึไงกัน! มันซ่อมไม่ได้แล้วจะทำไมคะ หนูก็ไม่คิดจะทิ้งมันเหมือนเดิม!! "

     

     

    ไม่รอให้อีกฝ่ายพูด เลตติเซียแย่งกล่องไวโอลินจากพี่ชาย แล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเอง โคลด์ที่กำลังจะวิ่งตามขึ้นไปถูกรั้งด้วยเสียงของคนที่มาใหม่

     

    " เกิดอะไรโคลด์ เสียงดังออกไปถึงนอกบ้าน "

     

     

     

    " คุณพ่อ..เรื่องเกี่ยวกับเลสครับ "

     

     

     

    ห้องของเลตติเซีย

     

     

     

    " ฮึก คุณแม่คะ หนูอยากกอดคุณแม่ "

     

    เธอพูดแล้วกอดโครงไวโอลินที่หักไม่เหลือชิ้นดีไว้แนบอก เสียงพร่ำเพ้อถึงบุคคลอันเป็นที่รัก ทุกอย่างในตอนนั้นเหมือนกับจมดิ่งอยู่ในเหวลึก เกือบจะกลายเป็นคนเฉยชากับทุกสิ่ง

     

    คิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ..


     

    --------------------

    มาแว้ววววววจ้าา เนื้อหาตอนนี้คือดำเนินเรื่องไปเร็วมากๆ.. อาจจะงงๆหน่อยๆ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้อ้อมอกด้วยนะคะะ เจอกันตอนหน้าค่าา

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×