ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คืนปรารถนา บทที่ 4
คืนปรารถนา บทที่ 4
อชิระยกกาแฟที่เหลืออยู่เกือบคอดถ้วยดื่มจนหมด มันเย็นชืดและไร้รสชาติ แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำ เพราะตอนนี้เขากำลังทั้งเบื่อและหงุดหงิดอันเนื่องมาจากการรอคอย
เมื่อวานหลังจากพิภพกลับไปพร้อมทิ้งข่าวการตั้งครรภ์ของมิลินท์ไว้ให้เขา เขาก็แทบจะนั่งทำงานไม่ติดที่ ใจเขาร่ำๆ อยากจะไปพิสูจน์เรื่องเล่าของพิภพ แต่เขาก็ไปไหนไม่ได้ เพราะเขามีประชุมเกือบทั้งวัน ดังนั้นเขาจึงต้องมาที่ร้านวราในวันถัดไป และเขาก็ใจร้อนมากจนไม่คิดจะยืดเวลาออกไปอีก เขามาถึงที่โรงแรมแต่เช้า เขาหาร้านวราเจอไม่ยาก แต่เขากลับพบว่ามันเปิดสิบโมง ดังนั้นเขาจึงต้องมานั่งรอเวลาเปิดร้านที่คอฟฟีชอปของโรงแรม ซึ่งอยู่เยื้องๆ กับมัน
เขาเห็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งไขประตูและเดินเข้าไปข้างในแล้ว เขาคาดว่าเธอน่าจะเป็นเจ้าของร้าน เพราะร้านเครื่องประดับมีค่าพวกนี้ เจ้าของร้านมักจะมาเปิดร้านและจัดเรียงข้าวของใส่ตู้โชว์เองมากกว่า พนักงานที่จ้างไว้มีหน้าที่เพียงช่วยขายของและเฝ้าระวังการสูญหายเท่านั้น
ไฟหลักในร้านสว่างขึ้น ทำให้เขามองเห็นภาพข้างในได้พอสมควร ผู้หญิงคนนั้นกำลังจัดเตรียมงานงกๆ เธอหายเข้าไปด้านหลังร้าน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับถาดเครื่องประดับ แล้วเธอก็ทยอยเรียงเข้าตู้ เขามองดูเธอทำงานเพลิน ไม่ช้า เธอก็จัดร้านของเธอเรียบร้อย
อชิระยกข้อมือดูนาฬิกาแล้วพบว่ามันเกือบสิบโมงแล้ว มิลินท์น่าจะมาถึงได้แล้ว ร้านเปิดสิบโมง ก็น่าจะมาถึงก่อนเวลาสักนิดนี่นา
ความคิดในสมองยังไม่ทันจะจางหาย ทางด้านขวาของปลายหางตาเขาก็มีหญิงครรภ์แก่คนหนึ่งปรากฎ
มิลินท์!
เป็นเธอจริงๆ เธอกำลังท้อง ท้องโตมากๆ และในท้องของเธอก็มีลูกของเขา...ใช่ ต้องเป็นลูกของเขาแน่ๆ...เขาคิดปักใจไปมากกว่าครึ่ง จะว่าไป เขาคิดปักใจตั้งแต่ได้ยินเรื่องของเธอและลูกจากพิภพแล้ว
มิลินท์สวมชุดคลุมท้องสีครีมและน้ำตาลยาวคลุมเข่า เธอรวบผมยาวของเธอเป็นทรงหางม้า เธอสะพายกระเป๋าสีน้ำตาลขนาดกลาง มืออีกข้างถือถุงก๊อบแก๊บใบเล็กๆ ข้างในใส่น้ำเต้าหู้ เธอค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังและมั่นคง แต่กระนั้นเขาก็อดหวาดเสียวแทนเธอไม่ได้ เขากลัวว่าเธอจะหกล้ม เพราะดูเธออ่อนแอและเปราะบางยิ่งกว่ามิลินท์คนที่เขาเคยรู้จัก
อชิระไม่ได้เรียกพนักงานมาเก็บเงิน หากวางธนบัตรใบละห้าร้อย สำหรับค่ากาแฟ ซึ่งแม้จะรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้ว มันก็ยังเกินเลยไปมาก แต่เขาไม่สน เขาไม่มีธนบัตรย่อยใบอื่น เขาจึงยกเงินที่เหลือจากค่ากาแฟให้เป็นค่าทิปไป เพราะตอนนี้เขากำลังสนใจสิ่งที่เขาเห็นมากกว่า
เขาก้าวยาวๆ และเร็วๆ ออกไปจากร้าน มิลินท์ไม่เห็นเขาเลย เธอมองไปข้างหน้า และกำลังจะเลี้ยวเข้าร้าน
“มิลินท์!” อชิระเรียก
มิลินท์หันไปมอง แล้วเธอก็ชะงักงัน เมื่อเห็นว่าใครเดินอาดๆ มาทางเธอ
“คะ...คุณต้น” เธอครางเสียงพร่า ทั้งตกใจและคาดไม่ถึง
เขามาทำอะไรที่นี่!
เขาเดินพุ่งตรงมาทางเธอเร็วรี่ไม่ต่างไปจากจรวดนำวิถี...ซึ่งเป้าหมายในที่นี้ก็คือเธอนั่นเอง
เขามาเพราะเรื่องลูกใช่ไหม มิลินท์ไม่สงสัยว่าพิภพจะไม่เล่าเรื่องของเธอให้อชิระฟัง เพียงแต่เธอไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เธอเพิ่งจะพบพิภพเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง และถึงจะรู้ว่ามีโอกาสที่อชิระจะแวะมาหาเธอ แต่เธอก็ไม่กลัว...ไม่สิ เธอยังคงกลัวเขา แต่เธอคิดไม่ถึงมากกว่าว่าเขาจะมา เพราะจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน เขารังเกียจเธอไม่ต่างจากไส้เดือนกิ้งกือ
พระเจ้า เธอจะทำยังไงดี
เธอไม่อยากเดินหนี เนื่องจากเธอไม่ผิด การมีลูกเพราะอุบัติเหตุไม่ใช่สิ่งผิด และเธอเชื่อว่าถึงเธอจะเดินหนี เขาก็จะไม่หยุด อีกอย่าง เธอก็ไม่อยากจะหนีเพราะเธอยังต้องอาศัยงานนี่ เธอหนีไปเฉยๆ ไม่ได้ในเมื่อเธอยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่รอการเลี้ยงดูจากเธอในอนาคต
ยิ่งเขาเข้ามาใกล้เท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นดังโครมๆ มากขึ้นเท่านั้น
ไม่ เธอจะต้องไม่กลัว ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกลัวในเมื่อเธอไม่ได้เป็นคนผิด เธอไม่เคยเป็นคนผิดดังที่เขาเคยกล่าวหา ดังนั้นเธอจึงไม่ควรกลัวหรือรู้สึกผิด คนที่สมควรจะรู้สึกแบบนั้นมีแต่อชิระเท่านั้น เพราะเขาเป็นคนที่ทำร้ายเธออย่างแท้จริง
พระเจ้า เธอไม่ได้เห็นเขามานานเท่าไหร่แล้วนะ
เจ็ดเดือน
เท่ากับอายุของลูกในท้องของเธอ ลูกที่ครึ่งหนึ่งเป็นของเขา!
และถึงจะไม่ได้เจอเขามานาน แต่อชิระก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม หล่อเหลา เคร่งขรึม หยิ่งยโส และพุ่งเข้าหาเธอราวกับคนโกรธเคืองหงุดหงิด...เหมือนเมื่อคืนนั้น
พระเจ้า เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยจริงๆ และเขาก็กลับมาแล้ว กลับมาอย่างปีศาจร้ายที่มาทวงความแค้น...ทวงเอาจากเธออย่างเลือดเย็น
“มาทำธุระอะไรที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวไม่ได้ทักทายเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่ได้ทักทายเธอ แต่กลับถามเสียงเรียบ เธอฝืนยิ้ม หากมือที่ถือถุงของเกร็งแน่นจนเห็นข้อขาว เธอพยายามทำใจดีสู้เสือ เธอไม่รู้ว่า ‘เสือ’ อย่างเขาจะมาทำอะไรที่นี่ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ขย้ำเธออีกครั้ง...เหมือนเมื่อเจ็ดเดือนที่แล้ว
อชิระเสยผมสีดำสั้นของเขาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะถลึงตาใส่แม่สาวตัวเล็กนัยน์ตาสีน้ำตาลใสที่ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงอะไรเขา...ไม่เหมือนภาพของมิลินท์ที่เขาคิดในใจ
“เธอน่าจะรู้ว่าฉันมาที่นี่ทำไม” อชิระข่มเสียงกร้าวให้ราบเรียบ ความอดทนเขาลดน้อยถอยลงทุกวินาทีที่ผ่านเลยไป
ไม่...ไม่ หญิงสาวส่ายหน้าพลางสูดลมหายใจแรง ไม่หรอกน่า มันคงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ทำใจเย็นๆ เข้าไว้มิลินท์ เธอจะต้องไม่กลัว เธอจะต้องเข้มแข็ง เธอไม่ได้เป็นลูกน้องเขาอีกแล้วนะ เธอพึมพำในใจ แม้ปากจะบอกจะเตือนตัวเองไม่ให้กลัวเขา แต่จริงๆ แล้วเธอกลัวเขาเหลือเกิน เขามาที่นี่ทำไม มาด้วยเรื่องลูก หรือมาเพราะเมื่อเจ็ดเดือนก่อนเขายังทำร้ายเธอไม่พอ และก่อนที่เธอจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เขาก็พูดออกมา
“เธอท้อง” น้ำเสียงของเขากล่าวหา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
“ก็...อย่างที่คุณเห็น” เธอไหวไหล่น้อยๆ ราวกับว่าเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอเป็นเรื่องเล็กจ้อยธรรมดา แต่ภายในใจของเธอกำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “ใครๆ ก็ท้อง แล้วทำไมมิลินท์จะท้องไม่ได้”
“ลูกใคร”
โอ นี่เขากล้าถามเธอแบบนี้ได้ยังไงว่าเด็กเป็นลูกใคร ในเมื่อเจ็ดเดือนที่แล้วเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ และเขาก็รู้จากพิภพว่าเด็กคนนี้ก็อายุได้เจ็ดเดือน มิลินท์เม้มปาก ก่อนจะคลายอาการ บอกให้ตัวเองใจเย็น...เย็นให้เหมือนน้ำแข็งขั้วโลก “คุณสนใจด้วยหรือ” เสียงของเธอต่ำและราบเรียบอย่างน่าตกใจ เธอไม่คิดว่าเธอจะใจเย็นอยู่ได้ เธอคิดว่าเธอจะกระโดดเข้าขย้ำคอเขาโทษฐานที่เขาดูถูกเธอทางอ้อมแบบนี้แล้ว
“ผมสนใจแน่ถ้าเด็กเป็นลูกของผม”
สีหน้ายโสของเขาทำให้เธอโพล่งออกไป “งั้นคุณก็คงไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”
“คุณภพบอกว่าเธอท้องเจ็ดเดือน” อชิระเถียง ในใจร้อนรนแปลกๆ
ฮึ นั่นไง เขาก็รู้จากคุณภพว่าเด็กอายุเจ็ดเดือน แล้วเขายังมีหน้ามาถามเธอว่าเด็กเป็นลูกใครงั้นรึ“แล้วยังไงคะ”
“เธอก็รู้ว่าเจ็ดเดือนที่แล้วเกิดอะไรขึ้น เธอไม่น่าจะลืมคืนนั้นได้ง่ายๆ นะ”
มิลินท์พูดไม่ออก หน้าเธอซีดขาว ความเก่งกล้าที่มีค่อยๆ ถูกเขาทำลายลงทีละนิด คนร้ายกาจ เธอจะลืมคืนนั้นได้อย่างไร เขาทำให้เธอตายใจ แล้วเขาก็ทำร้ายเธอ ก่อนจะเหยียบเธอซ้ำอย่างไม่ปราณี
“คุณก็คุมกำเนิดนี่” เธอยังคงใจแข็งต่อไป และนึกถึงตลกร้ายที่เกิดกับชีวิตของเธอ ต้องมาตั้งท้องทั้งที่ใช้ถุงยาง
“ของแบบนี้มันพลาดกันได้” เขายอมรับ บางครั้งถุงยางก็ไม่ได้ป้องกันได้เต็มร้อย ไม่อย่างนั้นทำไมบางคนจึงทั้งใช้ถุงยางและให้คู่รักของตนกินยาคุมควบคู่ไปด้วยล่ะ แต่ยังไง เขาก็คงจะโชคร้ายจริงๆ ที่เกิดแจ็กพอตแตกทั้งที่เปอร์เซ็นต์การท้องต่ำเหลือเกิน
“คงจะไม่พลาดที่คุณหรอก”
“หมายความว่ายังไง เธอมีคนอื่นเรอะ” อชิระเอ่ยเสียงกร้าว เขาไม่พอใจที่คิดว่าเธอจะมีคนอื่นต่อจากเขา เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะมีคนอื่นหลังจากที่คืนนั้นเธอเพิ่งจะบอกรักเขาไปแหมบๆ และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาจะต้องขุ่นเคืองเธอ ทั้งที่เขาและเธอไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเจ้านายและลูกน้องที่กลายมาเป็นคู่นอนคืนเดียว
“เราไม่เคยเป็นอะไรกัน คุณต้น อย่าพูดเรื่องนี้เลย มันไม่ใช่ธุระกงการของคุณ” มิลินท์รู้ว่าเด็กในท้องของเธอเป็นธุระของเขาเต็มเปา แต่เธอจะไม่ให้เขามายุ่งด้วย พอกันทีกับผู้ชายโหดร้ายเอาแต่ใจที่ชื่ออชิระ ขนาดเขามาถามข่าวคราวจากเธอ เขายังใช้คำพูดเสียดสีเธอ ไม่ให้เกียรติเธอขนาดนี้ อย่างนั้นก็เชิญเขาไปพูดไกลๆ เธอเลย นี่ลองถ้าเขามาดี ไม่กร้าวร้าวใส่เธอแบบนี้ เธออาจจะคุยกับเขา หรือสารภาพความจริงกับเขาก็ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าแม้จะผ่านมาเจ็ดเดือนแล้ว ไฟแค้นของเขาก็ยังไม่มอดไหม้ เขายังคงคิดว่าเธอเป็นคนผิดในข่าวซุบซิบเรื่องชาติกำเนิดของเขา
“ไม่ มิลินท์ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” ชายหนุ่มพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ตะโกนโวยวายกลางที่สาธารณะ
“เราไม่มีอะไรจะคุยกันค่ะ คุณไม่ได้มาคุย คุณแค่อยากจะมาเยาะเย้ยถากถางมิลินท์เท่านั้น และคุณก็ทำไปแล้ว คุณน่าจะพอใจและกลับไปได้แล้ว” แล้วเธอก็ตัดบทว่า
“มิลินท์ไปก่อนนะคะ ร้านเปิดแล้ว ต้องทำงานค่ะ” เธอเห็นไฟตู้โชว์หน้าร้านสว่างพรึบพรับ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร้านได้เปิดเต็มที่แล้ว
“เดี๋ยว มิลินท์” ชายหนุ่มโผเข้าไปหา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน
หญิงสาวตวัดหน้ากลับมา สายตาของเธอเชือดเฉือน เตือนให้เขาหยุดนิ่ง “มิลินท์ไม่คิดจะคุยกับคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ลาก่อนนะคะคุณต้น หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีก” แล้วเธอก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในร้านด้วยความองอาจเท่าที่คนเจ็บช้ำคนหนึ่งจะทำได้
อชิระมองเธออย่างตะลึงงัน นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาทำอะไรไม่ถูก
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เมื่อปราศจากอชิระ มิลินท์ก็ค่อยหายใจหายคอได้โล่งคล่อง แต่กระนั้นเธอก็ยังสั่นไปทั้งตัวอยู่ดี จนถึงตอนนี้ ทั้งที่ได้เห็นหน้าเขา ได้เผชิญหน้ากับเขาเข้าจังๆ เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่ดีว่าอชิระจะมา เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมานั่นเอง เขาไม่ได้สนใจเธอมาตั้งเจ็ดเดือนแล้ว จู่ๆ เขาจะมาสนใจเธอทำไม
เฮอะ มิลินท์ เขาก็ต้องมาสิ แต่เขาไม่ได้มาเพราะเธอหรอกนะ เขามาเพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในท้องเป็นของเขาด้วยหรือเปล่าเท่านั้น แถมเขายังอุตส่าห์มาทั้งที่เขาโกรธเธอเรื่องนั้นไม่หายด้วยนะ ช่างลดละซึ่งทิฐิแล้วจริงๆ!
เรื่องนั้นก็คือเรื่องที่เขาคิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่าเธอเอาเรื่องลูกชู้ของเขาไปบอกคนอื่นจนกลายเป็นข่าวขึ้นมานั่นเอง
มิลินท์ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเดินกระแทกเท้า สีหน้าของเธอเหมือนคนที่อัดอั้นตันใจอย่างร้ายกาจ ชนิดที่เกรงว่าอารมณ์ทั้งมวลที่เก็บกดอยู่จะระเบิดตูมออกมา
หน็อย คนเลว ถามมาได้ยังไงว่าลูกใคร ทั้งที่หลักฐานทุกอย่างมันชี้มาที่เขา
มิลินท์เดินไปข้างหน้า ดวงตาจับจ้องพื้น เธอกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว โดยไม่ได้สนใจวราพรซึ่งยืนอยู่หลังเคานเตอร์และจ้องมาทางเธอด้วยความสนใจเลย
แล้วถ้าเขามาพูดซักกร้าวร้าวใส่เธอแล้วหวังจะให้เธอบอกอะไรเขา เขาก็ฝันหวานไปหน่อยกระมัง เชิญไปลงนรกพร้อมกับไอ้ความพยาบาทบ้าๆ ของเขาเลย ลองดูซิว่าถ้าเธอไม่ยอมรับอะไรสักอย่าง เขาจะทำยังไง เรื่องแบบนี้มีคนรู้อยู่สองคน...เธอกับเขา อ้อ และอาจจะมีอีกหนึ่งคนที่รู้...ลูกที่ยังไม่ได้เกิดมาและยังไม่ได้รับการตรวจดีเอ็นเอ!
“คนรู้จักหรือจ๊ะ มิลินท์” วราพรถามขึ้นมา แต่เธอไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้น...คนที่มิลินท์เจอที่หน้าร้าน...จะเป็นคนรู้จักธรรมดา เพราะไม่อย่างนั้น ทำไมมิลินท์ถึงได้ดูทั้งตื่นตกใจและโมโหโทโสขนาดนี้
มิลินท์ชะงัก เพิ่งจะสำเหนียกได้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เธอเงยหน้าสบตาวราพรที่กำลังมองมาด้วยความเป็นห่วง เธอจึงตระหนักว่าวราพรคงจะสะกิดใจอะไรบางอย่าง
“เอ้อ ก็...ค่ะ ค่ะ” เธอตอบเหมือนไม่แน่ใจว่าควรพูดว่าอย่างไร
“ความจริงมิลินท์เชิญเขาเข้ามานั่งคุยข้างในก็ได้นะ ป้าไม่ว่าอะไรหรอก” วราพรบอกอย่างใจดี เธอปกครองลูกจ้างของเธอเหมือนลูกหลานหรือเพื่อนสนิทมากกว่า และตัวมิลินท์เองก็นิสัยน่ารักน่าเอ็นดูจนเธออดที่จะใจดีด้วยไม่ได้
“อย่าดีกว่าค่ะ ป้าพร รบกวนเปล่าๆ เขามาแป๊บเดียวน่ะค่ะ” ขืนเชิญเข้ามาข้างในน่ะหรือ คงได้มาทะเลาะกันต่อหน้าป้าพรแหงๆ
“อ้อ จ้ะ” วราพรพยักหน้ารับ แต่จากประสบการณ์ของเธอ เธอเชื่อว่า ครั้งต่อไป เขาคงจะไม่ได้มาแค่แป๊บเดียวแน่ๆ
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
หลังจากออกมาจากโรงแรมแบบงงๆ อชิระก็แวะไปดูไซต์งานสามแห่งที่กำลังดำเนินงานก่อสร้าง ก่อนจะขับรถกลับบ้าน โดดงานไม่เข้าออฟฟิศ เนื่องจากหมดอารมณ์และสมาธิไปตั้งแต่เมื่อเช้า
ให้ตาย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงปล่อยให้มิลินท์ตอกหน้าเขากลับมาอย่างนั้น
...มิลินท์ไม่คิดคุยกับคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ลาก่อนนะคะคุณต้น หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีก...
เขายังจำคำพูดสุดท้ายของเธอได้เป็นอย่างดี เขาถึงกับทำอะไรม่ถูก ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร และปล่อยให้เธอเดินกลับเข้าไปในร้าน ทั้งที่เขายังพูดธุระกับเธอไม่เสร็จ เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาเสียด้วยซ้ำ แต่กลับพูดเฉออกไปโน่น
เขาปล่อยให้เธอทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง!
ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งเหยียบคันเร่งแรง รถยนต์วิ่งฉิวไปตามถนนสี่เลนที่ค่อนข้างโล่ง แม้จะมีรถใหญ่วิ่งคึ่กคั่กบ้าง แต่เขาก็ขับแซงมันได้ไม่ยาก เขาแซงแล้วแซงอีก เขาขับรถตามอารมณ์ไปตลอดทางที่มุ่งหน้าสู่บ้านของครอบครัว
ถึงเธอจะไม่ตอบรับว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก แต่ถ้านับอายุครรภ์ตามที่พิภพบอกเขา มันก็ต้องเป็นเขาเท่านั้นที่มีโอกาสเป็นพ่อของเด็กในท้องมิลินท์
แล้วทำไมเธอจึงไม่บอกเขา เขาอุตส่าห์ถามไถ่ แต่เธอไม่ตอบ แถมยังตอบเลี่ยงอย่างไม่ยี่หระด้วย คล้ายทำนองว่าถึงจะมีเด็ก แต่เธอก็ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญที่เด็กจะต้องมีพ่อ เธอดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่จำเป็นเลยที่เขาจะต้องมาโอบอุ้มเธอกับลูก
โอ ใช่ เธอดูแลตัวเองได้ เขายังเห็นเธออยู่ดีมีสุข หน้าชื่นตาบาน อาจจะมีตกใจนิดหน่อยตอนเห็นหน้าเขา
ฮึ ทำเป็นทนเห็นหน้าเขาไม่ได้ ต้องหน้าซีดมือสั่น แต่ปากแข็งพูดใส่เขาฉอดๆ
อะไรกันอชิระ นายหวังจะได้เห็นอะไร หวังจะได้เห็นมิลินท์วิ่งร้องไห้โฮเข้ามากอดเขาหลังจากที่เห็นเขางั้นรึ
เขารู้ว่าเขาทำร้ายจิตใจเธอ แต่เธอก็ทำร้ายจิตใจเขาไม่แพ้กัน
และนี่เธอก็กำลังจะเอาเรื่องลูกมาทำร้ายเขาด้วย
เขาไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม
เขาเชื่อว่าเด็กเป็นของเขา แม้เขาจะป้องกันตัวเองแล้วก็ตาม
เธอไม่มีสิทธิ์มากีดกันเขา เขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาไม่รู้ว่าพ่อมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ หรือจะไม่ยอมให้ลูกเข้าใจผิด คิดว่าคนอื่นเป็นพ่อ...เหมือนอย่างที่เขาเคยเข้าใจผิดคิดว่าวันวิสาเป็นแม่ของเขาจริงๆ
เขาจะไม่ยอมให้เธอปฏิเสธเขาอีก เขาจะต้องทำให้เธอยอมรับ เธอต้องยอมรับเหมือนอย่างที่เธอเคยบอกว่ารักเขา
...มิลินท์ไม่คิดคุยกับคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ลาก่อนนะคะคุณต้น หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีก...
คำพูดสุดท้ายของเธอ วกกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
โอเค เธอไม่คิดจะคุยกับเขาที่อารมณ์เสีย คราวหน้า เขาจะไม่พลาด เขาจะเข้าไปดีๆ...ใช่ หวังว่าเขาจะเข้าไปหาเธอได้อย่างสันติ
มิลินท์ ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ต้องเจอผม คุณห้ามมากล่าวลาผมทั้งที่ผมไม่ยินยอม!
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
แม้จะผ่านการขับรถแบบเอาแต่ใจมาตลอดทาง อชิระก็ยังคงไม่หายขุ่นใจ เขาเดินกระแทกเท้าอย่างหงุดหงิดเข้าไปในบ้าน ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อพบกับวันวิสา แม่...แม่เลี้ยงของเขา
วันวิสากำลังนั่งอ่านนิตยสารในห้องหนังสือ ที่อยู่ก่อนถึงห้องรับแขกซึ่งเป็นทางผ่านขึ้นไปชั้นบน เธอสวมเสื้อถักแขนสั้นสีชมพูกับกางเกงสแลกส์สีครีม เธอแต่งหน้าอ่อนๆ พอประมาณ โดยรวมแล้วเธอดูสง่างามและอ่อนเยาว์ เธอยังคงแต่งตัวสวยสดแม้ว่าจะไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน วันๆ เธอแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากจัดการงานบ้านในบ้าน คุมคนรับใช้ และคอยช่วยใช้เงินทองที่สามีและลูกหามาได้ แม้จะอายุล่วงผ่านห้าสิบฝนมาหลายปีแล้ว หากวันวิสาก็ยังคงดูหน้าอ่อนกว่าอายุจริงราวสิบปี ด้วยเพราะเธอบำรุงบำเรอตัวเองด้วยน้ำเงินที่มีอยู่ แต่กระนั้น ความงามของเธอก็ไม่ได้ช่วยดึงสามีเอาไว้ได้ หลังจากพลัดพลาดมีลูกกับสรียาแล้ว วีระก็ยังคงหาเศษหาเลยนอกบ้านเสมอ ทำให้วันวิสาไม่มีความสุขในชีวิตสมรส
วันวิสาละสายตาจากหนังสือและเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า และเมื่อพบว่าเป็นใคร เธอก็เพียงยิ้มเย็นชาให้ ไม่ได้ทักทายต้อนรับเขาอย่างรักใคร่เหมือนครอบครัวอื่นๆ
“สวัสดีครับ แม่” อชิระทักทาย ถึงจะรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของวันวิสา แต่เขาก็อดเรียกเธอว่าแม่ไม่ได้อยู่ดี มัน...มันเคยชินเกินไป เกือบตลอดชีวิตของเขา เขาเข้าใจว่าเธอคือแม่ของเขา แม่ที่รักพี่ชายเขามากกว่าเขา
“อะไรกัน กลับบ้านแล้วรึ เพิ่งจะบ่ายสามโมงเองนะ ตาต้น” วันวิสาถาม น้ำเสียงสงสัยระคนตำหนิ คล้ายว่าทำไมเขาจึงทำงานเอาเปรียบบิดาและพี่ชายที่ยังไม่กลับมาจากบริษัท
“ครับ วันนี้ตั้งใจแวะไปเช็กงานที่ไซต์งานอย่างเดียว ไม่ได้เข้าบริษัท ก็เลยกลับเร็วครับ” อชิระแจง เขารู้ว่าวันวิสาไม่พอใจ แต่ก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมวันวิสาชอบพูดจาจิกกัดกระทบกระเทียบเขา เหมือนว่าเขาทำความผิดร้ายแรง ทั้งที่บางครั้งวชิระทำแบบเดียวกับเขา จะไม่โดนดุว่า ตอนนี้เขาเข้าใจ และเขาพยายามจะไม่โกรธแม่ เพราะเขาคิดว่าเธอก็คงจะเจ็บปวดกับการนอกใจของพ่อมากพอดู
“อ้อ” วันวิสาทำเสียงเล็กๆ ในลำคอ คล้ายจะรับรู้แบบส่งๆ ไป
“ผมขึ้นห้องก่อนนะครับ” เขาขอตัว เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะพูดออกไป ก็ต้องทนฟังคำตอบและสายตาที่ตอบโต้มาด้วยความเย็นชา เขาเบื่อเหลือเกิน มันราวกับว่าเขากำลังอยู่ในสงครามเย็นก็ไม่ปาน แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเหตุผลของสงครามนั้นคืออะไร
วันวิสาก้มหน้าอ่านนิตยสารต่อ โดยไม่ได้ตอบรับอะไร คล้ายว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ด้อยค่ากว่า ไม่ใช่เด็กชายที่เธอเคยเลี้ยงมาในนามลูกของเธอเลย
อชิระพาร่างกายที่เหนื่อยอ่อนจากศึกทางใจขึ้นไปข้างบน ไม่รู้ทำไม เขาช่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้พ่ายแพ้เหลือเกิน บางที นี่อาจจะถึงเวลาที่เขาควรจะพาตัวเองออกไปสมรภูมิรบนี้ได้แล้วกระมัง เขากรำศึกคนเดียวมานานเหลือเกิน
แต่ตอนนี้ เขาจะต้องพิชิตสมรภูมิรบที่ชื่อมิลินท์ก่อน ครอบครัวยุ่งๆ ของเขา เขาขอทิ้งไว้แต่เบื้องหลัง
จบคืนปรารถนา บทที่ 4
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
หวัดดีค่า
มาแปะรวดให้สองบทนะคะ เนื่องจากว่าจะแปะเรื่อง Hidden Love
ซ่อนอะไรไว้ใต้ความลับ ซึ่งยาวเท่าๆ กับคืนปรารถนาสองบทค่ะ จะได้อ่านเท่าๆ กัน
บทที่ 3 4 น่าจะถูกใจหลายๆ คนนะคะ อชิระก็ได้เจอมิลินท์แล้ว และมิลินท์ก็ดื้อดึงกับเขา อชิระนี่ จะว่าไปก็เหมือนเด็กมีปัญหาเอาแต่ใจนะคะ เพราะพ่อแม่ รวมถึงพี่ร่วมสายเลือดก็ไม่รักเขาเลย ก็...น่าสงสารเหมือนกัน เพื่อนๆ คิดเหมือนกันไหม
ส่วนเรื่องจะเป็นยังไงต่อไป ติดตามกันบทหน้าค่ะ
มิถุนา
ป.ล. สำหรับเพื่อนๆ ที่อ่านในพันทิปและฟาร์มกระต่าย รอพรุ่งนี้นะคะ แปะไว้แปะพร้อมกับ Hidden Love ค่ะ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ขออนุญาตไปนอนก่อนค่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น