ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คืนปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #4 : คืนปรารถนา บทที่ 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.75K
      18
      27 ก.พ. 52

    คืนปรารถนา บทที่ 4
     
    อชิระยกกาแฟที่เหลืออยู่เกือบคอดถ้วยดื่มจนหมด มันเย็นชืดและไร้รสชาติ แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำ เพราะตอนนี้เขากำลังทั้งเบื่อและหงุดหงิดอันเนื่องมาจากการรอคอย
     
    เมื่อวานหลังจากพิภพกลับไปพร้อมทิ้งข่าวการตั้งครรภ์ของมิลินท์ไว้ให้เขา เขาก็แทบจะนั่งทำงานไม่ติดที่ ใจเขาร่ำๆ อยากจะไปพิสูจน์เรื่องเล่าของพิภพ แต่เขาก็ไปไหนไม่ได้ เพราะเขามีประชุมเกือบทั้งวัน ดังนั้นเขาจึงต้องมาที่ร้านวราในวันถัดไป และเขาก็ใจร้อนมากจนไม่คิดจะยืดเวลาออกไปอีก เขามาถึงที่โรงแรมแต่เช้า เขาหาร้านวราเจอไม่ยาก แต่เขากลับพบว่ามันเปิดสิบโมง ดังนั้นเขาจึงต้องมานั่งรอเวลาเปิดร้านที่คอฟฟีชอปของโรงแรม ซึ่งอยู่เยื้องๆ กับมัน
     
    เขาเห็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งไขประตูและเดินเข้าไปข้างในแล้ว เขาคาดว่าเธอน่าจะเป็นเจ้าของร้าน เพราะร้านเครื่องประดับมีค่าพวกนี้ เจ้าของร้านมักจะมาเปิดร้านและจัดเรียงข้าวของใส่ตู้โชว์เองมากกว่า พนักงานที่จ้างไว้มีหน้าที่เพียงช่วยขายของและเฝ้าระวังการสูญหายเท่านั้น
     
    ไฟหลักในร้านสว่างขึ้น ทำให้เขามองเห็นภาพข้างในได้พอสมควร ผู้หญิงคนนั้นกำลังจัดเตรียมงานงกๆ เธอหายเข้าไปด้านหลังร้าน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับถาดเครื่องประดับ แล้วเธอก็ทยอยเรียงเข้าตู้ เขามองดูเธอทำงานเพลิน ไม่ช้า เธอก็จัดร้านของเธอเรียบร้อย
     
    อชิระยกข้อมือดูนาฬิกาแล้วพบว่ามันเกือบสิบโมงแล้ว มิลินท์น่าจะมาถึงได้แล้ว ร้านเปิดสิบโมง ก็น่าจะมาถึงก่อนเวลาสักนิดนี่นา
     
    ความคิดในสมองยังไม่ทันจะจางหาย ทางด้านขวาของปลายหางตาเขาก็มีหญิงครรภ์แก่คนหนึ่งปรากฎ
     
    มิลินท์!
     
    เป็นเธอจริงๆ เธอกำลังท้อง ท้องโตมากๆ และในท้องของเธอก็มีลูกของเขา...ใช่ ต้องเป็นลูกของเขาแน่ๆ...เขาคิดปักใจไปมากกว่าครึ่ง จะว่าไป เขาคิดปักใจตั้งแต่ได้ยินเรื่องของเธอและลูกจากพิภพแล้ว
     
    มิลินท์สวมชุดคลุมท้องสีครีมและน้ำตาลยาวคลุมเข่า เธอรวบผมยาวของเธอเป็นทรงหางม้า เธอสะพายกระเป๋าสีน้ำตาลขนาดกลาง มืออีกข้างถือถุงก๊อบแก๊บใบเล็กๆ ข้างในใส่น้ำเต้าหู้ เธอค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังและมั่นคง แต่กระนั้นเขาก็อดหวาดเสียวแทนเธอไม่ได้ เขากลัวว่าเธอจะหกล้ม เพราะดูเธออ่อนแอและเปราะบางยิ่งกว่ามิลินท์คนที่เขาเคยรู้จัก
     
    อชิระไม่ได้เรียกพนักงานมาเก็บเงิน หากวางธนบัตรใบละห้าร้อย สำหรับค่ากาแฟ ซึ่งแม้จะรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้ว มันก็ยังเกินเลยไปมาก แต่เขาไม่สน เขาไม่มีธนบัตรย่อยใบอื่น เขาจึงยกเงินที่เหลือจากค่ากาแฟให้เป็นค่าทิปไป เพราะตอนนี้เขากำลังสนใจสิ่งที่เขาเห็นมากกว่า
     
    เขาก้าวยาวๆ และเร็วๆ ออกไปจากร้าน มิลินท์ไม่เห็นเขาเลย เธอมองไปข้างหน้า และกำลังจะเลี้ยวเข้าร้าน
     
    “มิลินท์!” อชิระเรียก
     
    มิลินท์หันไปมอง แล้วเธอก็ชะงักงัน เมื่อเห็นว่าใครเดินอาดๆ มาทางเธอ
     
    “คะ...คุณต้น” เธอครางเสียงพร่า ทั้งตกใจและคาดไม่ถึง
     
    เขามาทำอะไรที่นี่!
     
    เขาเดินพุ่งตรงมาทางเธอเร็วรี่ไม่ต่างไปจากจรวดนำวิถี...ซึ่งเป้าหมายในที่นี้ก็คือเธอนั่นเอง
     
    เขามาเพราะเรื่องลูกใช่ไหม มิลินท์ไม่สงสัยว่าพิภพจะไม่เล่าเรื่องของเธอให้อชิระฟัง เพียงแต่เธอไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เธอเพิ่งจะพบพิภพเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง และถึงจะรู้ว่ามีโอกาสที่อชิระจะแวะมาหาเธอ แต่เธอก็ไม่กลัว...ไม่สิ เธอยังคงกลัวเขา แต่เธอคิดไม่ถึงมากกว่าว่าเขาจะมา เพราะจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน เขารังเกียจเธอไม่ต่างจากไส้เดือนกิ้งกือ
     
    พระเจ้า เธอจะทำยังไงดี
     
    เธอไม่อยากเดินหนี เนื่องจากเธอไม่ผิด การมีลูกเพราะอุบัติเหตุไม่ใช่สิ่งผิด และเธอเชื่อว่าถึงเธอจะเดินหนี เขาก็จะไม่หยุด อีกอย่าง เธอก็ไม่อยากจะหนีเพราะเธอยังต้องอาศัยงานนี่ เธอหนีไปเฉยๆ ไม่ได้ในเมื่อเธอยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่รอการเลี้ยงดูจากเธอในอนาคต
     
    ยิ่งเขาเข้ามาใกล้เท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นดังโครมๆ มากขึ้นเท่านั้น
     
    ไม่ เธอจะต้องไม่กลัว ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกลัวในเมื่อเธอไม่ได้เป็นคนผิด เธอไม่เคยเป็นคนผิดดังที่เขาเคยกล่าวหา ดังนั้นเธอจึงไม่ควรกลัวหรือรู้สึกผิด คนที่สมควรจะรู้สึกแบบนั้นมีแต่อชิระเท่านั้น เพราะเขาเป็นคนที่ทำร้ายเธออย่างแท้จริง
     
    พระเจ้า เธอไม่ได้เห็นเขามานานเท่าไหร่แล้วนะ
     
    เจ็ดเดือน
     
    เท่ากับอายุของลูกในท้องของเธอ ลูกที่ครึ่งหนึ่งเป็นของเขา!
     
    และถึงจะไม่ได้เจอเขามานาน แต่อชิระก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม หล่อเหลา เคร่งขรึม หยิ่งยโส และพุ่งเข้าหาเธอราวกับคนโกรธเคืองหงุดหงิด...เหมือนเมื่อคืนนั้น
     
    พระเจ้า เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยจริงๆ และเขาก็กลับมาแล้ว กลับมาอย่างปีศาจร้ายที่มาทวงความแค้น...ทวงเอาจากเธออย่างเลือดเย็น
     
    “มาทำธุระอะไรที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวไม่ได้ทักทายเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่ได้ทักทายเธอ แต่กลับถามเสียงเรียบ เธอฝืนยิ้ม หากมือที่ถือถุงของเกร็งแน่นจนเห็นข้อขาว เธอพยายามทำใจดีสู้เสือ เธอไม่รู้ว่า ‘เสือ’ อย่างเขาจะมาทำอะไรที่นี่ เธอได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ขย้ำเธออีกครั้ง...เหมือนเมื่อเจ็ดเดือนที่แล้ว
     
    อชิระเสยผมสีดำสั้นของเขาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะถลึงตาใส่แม่สาวตัวเล็กนัยน์ตาสีน้ำตาลใสที่ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงอะไรเขา...ไม่เหมือนภาพของมิลินท์ที่เขาคิดในใจ
     
    “เธอน่าจะรู้ว่าฉันมาที่นี่ทำไม” อชิระข่มเสียงกร้าวให้ราบเรียบ ความอดทนเขาลดน้อยถอยลงทุกวินาทีที่ผ่านเลยไป
     
    ไม่...ไม่ หญิงสาวส่ายหน้าพลางสูดลมหายใจแรง ไม่หรอกน่า มันคงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ทำใจเย็นๆ เข้าไว้มิลินท์ เธอจะต้องไม่กลัว เธอจะต้องเข้มแข็ง เธอไม่ได้เป็นลูกน้องเขาอีกแล้วนะ เธอพึมพำในใจ แม้ปากจะบอกจะเตือนตัวเองไม่ให้กลัวเขา แต่จริงๆ แล้วเธอกลัวเขาเหลือเกิน เขามาที่นี่ทำไม มาด้วยเรื่องลูก หรือมาเพราะเมื่อเจ็ดเดือนก่อนเขายังทำร้ายเธอไม่พอ และก่อนที่เธอจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เขาก็พูดออกมา
     
    “เธอท้อง” น้ำเสียงของเขากล่าวหา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
     
    “ก็...อย่างที่คุณเห็น” เธอไหวไหล่น้อยๆ ราวกับว่าเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอเป็นเรื่องเล็กจ้อยธรรมดา แต่ภายในใจของเธอกำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “ใครๆ ก็ท้อง แล้วทำไมมิลินท์จะท้องไม่ได้”  
     
    “ลูกใคร”
     
    โอ นี่เขากล้าถามเธอแบบนี้ได้ยังไงว่าเด็กเป็นลูกใคร ในเมื่อเจ็ดเดือนที่แล้วเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ และเขาก็รู้จากพิภพว่าเด็กคนนี้ก็อายุได้เจ็ดเดือน มิลินท์เม้มปาก ก่อนจะคลายอาการ บอกให้ตัวเองใจเย็น...เย็นให้เหมือนน้ำแข็งขั้วโลก “คุณสนใจด้วยหรือ” เสียงของเธอต่ำและราบเรียบอย่างน่าตกใจ เธอไม่คิดว่าเธอจะใจเย็นอยู่ได้ เธอคิดว่าเธอจะกระโดดเข้าขย้ำคอเขาโทษฐานที่เขาดูถูกเธอทางอ้อมแบบนี้แล้ว
     
    “ผมสนใจแน่ถ้าเด็กเป็นลูกของผม”
     
    สีหน้ายโสของเขาทำให้เธอโพล่งออกไป “งั้นคุณก็คงไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”
     
    “คุณภพบอกว่าเธอท้องเจ็ดเดือน” อชิระเถียง ในใจร้อนรนแปลกๆ
     
    ฮึ นั่นไง เขาก็รู้จากคุณภพว่าเด็กอายุเจ็ดเดือน แล้วเขายังมีหน้ามาถามเธอว่าเด็กเป็นลูกใครงั้นรึ“แล้วยังไงคะ”
     
    “เธอก็รู้ว่าเจ็ดเดือนที่แล้วเกิดอะไรขึ้น เธอไม่น่าจะลืมคืนนั้นได้ง่ายๆ นะ”
     
    มิลินท์พูดไม่ออก หน้าเธอซีดขาว ความเก่งกล้าที่มีค่อยๆ ถูกเขาทำลายลงทีละนิด คนร้ายกาจ เธอจะลืมคืนนั้นได้อย่างไร เขาทำให้เธอตายใจ แล้วเขาก็ทำร้ายเธอ ก่อนจะเหยียบเธอซ้ำอย่างไม่ปราณี
     
    “คุณก็คุมกำเนิดนี่” เธอยังคงใจแข็งต่อไป และนึกถึงตลกร้ายที่เกิดกับชีวิตของเธอ ต้องมาตั้งท้องทั้งที่ใช้ถุงยาง
     
    “ของแบบนี้มันพลาดกันได้” เขายอมรับ บางครั้งถุงยางก็ไม่ได้ป้องกันได้เต็มร้อย ไม่อย่างนั้นทำไมบางคนจึงทั้งใช้ถุงยางและให้คู่รักของตนกินยาคุมควบคู่ไปด้วยล่ะ แต่ยังไง เขาก็คงจะโชคร้ายจริงๆ ที่เกิดแจ็กพอตแตกทั้งที่เปอร์เซ็นต์การท้องต่ำเหลือเกิน
     
    “คงจะไม่พลาดที่คุณหรอก”
     
    “หมายความว่ายังไง เธอมีคนอื่นเรอะ” อชิระเอ่ยเสียงกร้าว เขาไม่พอใจที่คิดว่าเธอจะมีคนอื่นต่อจากเขา เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะมีคนอื่นหลังจากที่คืนนั้นเธอเพิ่งจะบอกรักเขาไปแหมบๆ และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาจะต้องขุ่นเคืองเธอ ทั้งที่เขาและเธอไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเจ้านายและลูกน้องที่กลายมาเป็นคู่นอนคืนเดียว
     
    “เราไม่เคยเป็นอะไรกัน คุณต้น อย่าพูดเรื่องนี้เลย มันไม่ใช่ธุระกงการของคุณ” มิลินท์รู้ว่าเด็กในท้องของเธอเป็นธุระของเขาเต็มเปา แต่เธอจะไม่ให้เขามายุ่งด้วย พอกันทีกับผู้ชายโหดร้ายเอาแต่ใจที่ชื่ออชิระ ขนาดเขามาถามข่าวคราวจากเธอ เขายังใช้คำพูดเสียดสีเธอ ไม่ให้เกียรติเธอขนาดนี้ อย่างนั้นก็เชิญเขาไปพูดไกลๆ เธอเลย นี่ลองถ้าเขามาดี ไม่กร้าวร้าวใส่เธอแบบนี้ เธออาจจะคุยกับเขา หรือสารภาพความจริงกับเขาก็ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าแม้จะผ่านมาเจ็ดเดือนแล้ว ไฟแค้นของเขาก็ยังไม่มอดไหม้ เขายังคงคิดว่าเธอเป็นคนผิดในข่าวซุบซิบเรื่องชาติกำเนิดของเขา
     
    “ไม่ มิลินท์ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” ชายหนุ่มพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ตะโกนโวยวายกลางที่สาธารณะ
     
    “เราไม่มีอะไรจะคุยกันค่ะ คุณไม่ได้มาคุย คุณแค่อยากจะมาเยาะเย้ยถากถางมิลินท์เท่านั้น และคุณก็ทำไปแล้ว คุณน่าจะพอใจและกลับไปได้แล้ว” แล้วเธอก็ตัดบทว่า
     
    “มิลินท์ไปก่อนนะคะ ร้านเปิดแล้ว ต้องทำงานค่ะ” เธอเห็นไฟตู้โชว์หน้าร้านสว่างพรึบพรับ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร้านได้เปิดเต็มที่แล้ว
     
    “เดี๋ยว มิลินท์” ชายหนุ่มโผเข้าไปหา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน
     
    หญิงสาวตวัดหน้ากลับมา สายตาของเธอเชือดเฉือน เตือนให้เขาหยุดนิ่ง “มิลินท์ไม่คิดจะคุยกับคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ลาก่อนนะคะคุณต้น หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีก” แล้วเธอก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในร้านด้วยความองอาจเท่าที่คนเจ็บช้ำคนหนึ่งจะทำได้
     
    อชิระมองเธออย่างตะลึงงัน นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาทำอะไรไม่ถูก
    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
     
    เมื่อปราศจากอชิระ มิลินท์ก็ค่อยหายใจหายคอได้โล่งคล่อง แต่กระนั้นเธอก็ยังสั่นไปทั้งตัวอยู่ดี จนถึงตอนนี้ ทั้งที่ได้เห็นหน้าเขา ได้เผชิญหน้ากับเขาเข้าจังๆ เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่ดีว่าอชิระจะมา เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมานั่นเอง เขาไม่ได้สนใจเธอมาตั้งเจ็ดเดือนแล้ว จู่ๆ เขาจะมาสนใจเธอทำไม
     
    เฮอะ มิลินท์ เขาก็ต้องมาสิ แต่เขาไม่ได้มาเพราะเธอหรอกนะ เขามาเพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในท้องเป็นของเขาด้วยหรือเปล่าเท่านั้น แถมเขายังอุตส่าห์มาทั้งที่เขาโกรธเธอเรื่องนั้นไม่หายด้วยนะ ช่างลดละซึ่งทิฐิแล้วจริงๆ!
     
    เรื่องนั้นก็คือเรื่องที่เขาคิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่าเธอเอาเรื่องลูกชู้ของเขาไปบอกคนอื่นจนกลายเป็นข่าวขึ้นมานั่นเอง
     
    มิลินท์ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเดินกระแทกเท้า สีหน้าของเธอเหมือนคนที่อัดอั้นตันใจอย่างร้ายกาจ ชนิดที่เกรงว่าอารมณ์ทั้งมวลที่เก็บกดอยู่จะระเบิดตูมออกมา
     
    หน็อย คนเลว ถามมาได้ยังไงว่าลูกใคร ทั้งที่หลักฐานทุกอย่างมันชี้มาที่เขา
     
    มิลินท์เดินไปข้างหน้า ดวงตาจับจ้องพื้น เธอกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว โดยไม่ได้สนใจวราพรซึ่งยืนอยู่หลังเคานเตอร์และจ้องมาทางเธอด้วยความสนใจเลย
     
    แล้วถ้าเขามาพูดซักกร้าวร้าวใส่เธอแล้วหวังจะให้เธอบอกอะไรเขา เขาก็ฝันหวานไปหน่อยกระมัง เชิญไปลงนรกพร้อมกับไอ้ความพยาบาทบ้าๆ ของเขาเลย ลองดูซิว่าถ้าเธอไม่ยอมรับอะไรสักอย่าง เขาจะทำยังไง เรื่องแบบนี้มีคนรู้อยู่สองคน...เธอกับเขา อ้อ และอาจจะมีอีกหนึ่งคนที่รู้...ลูกที่ยังไม่ได้เกิดมาและยังไม่ได้รับการตรวจดีเอ็นเอ!
     
    “คนรู้จักหรือจ๊ะ มิลินท์” วราพรถามขึ้นมา แต่เธอไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้น...คนที่มิลินท์เจอที่หน้าร้าน...จะเป็นคนรู้จักธรรมดา เพราะไม่อย่างนั้น ทำไมมิลินท์ถึงได้ดูทั้งตื่นตกใจและโมโหโทโสขนาดนี้
     
    มิลินท์ชะงัก เพิ่งจะสำเหนียกได้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เธอเงยหน้าสบตาวราพรที่กำลังมองมาด้วยความเป็นห่วง เธอจึงตระหนักว่าวราพรคงจะสะกิดใจอะไรบางอย่าง
     
    “เอ้อ ก็...ค่ะ ค่ะ” เธอตอบเหมือนไม่แน่ใจว่าควรพูดว่าอย่างไร
     
    “ความจริงมิลินท์เชิญเขาเข้ามานั่งคุยข้างในก็ได้นะ ป้าไม่ว่าอะไรหรอก” วราพรบอกอย่างใจดี เธอปกครองลูกจ้างของเธอเหมือนลูกหลานหรือเพื่อนสนิทมากกว่า และตัวมิลินท์เองก็นิสัยน่ารักน่าเอ็นดูจนเธออดที่จะใจดีด้วยไม่ได้
     
    “อย่าดีกว่าค่ะ ป้าพร รบกวนเปล่าๆ เขามาแป๊บเดียวน่ะค่ะ” ขืนเชิญเข้ามาข้างในน่ะหรือ คงได้มาทะเลาะกันต่อหน้าป้าพรแหงๆ
     
    “อ้อ จ้ะ” วราพรพยักหน้ารับ แต่จากประสบการณ์ของเธอ เธอเชื่อว่า ครั้งต่อไป เขาคงจะไม่ได้มาแค่แป๊บเดียวแน่ๆ
    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
     
    หลังจากออกมาจากโรงแรมแบบงงๆ อชิระก็แวะไปดูไซต์งานสามแห่งที่กำลังดำเนินงานก่อสร้าง ก่อนจะขับรถกลับบ้าน โดดงานไม่เข้าออฟฟิศ เนื่องจากหมดอารมณ์และสมาธิไปตั้งแต่เมื่อเช้า
     
    ให้ตาย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงปล่อยให้มิลินท์ตอกหน้าเขากลับมาอย่างนั้น
     
    ...มิลินท์ไม่คิดคุยกับคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ลาก่อนนะคะคุณต้น หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีก...
     
    เขายังจำคำพูดสุดท้ายของเธอได้เป็นอย่างดี เขาถึงกับทำอะไรม่ถูก ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร และปล่อยให้เธอเดินกลับเข้าไปในร้าน ทั้งที่เขายังพูดธุระกับเธอไม่เสร็จ เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาเสียด้วยซ้ำ แต่กลับพูดเฉออกไปโน่น
     
    เขาปล่อยให้เธอทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง!
     
    ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งเหยียบคันเร่งแรง รถยนต์วิ่งฉิวไปตามถนนสี่เลนที่ค่อนข้างโล่ง แม้จะมีรถใหญ่วิ่งคึ่กคั่กบ้าง แต่เขาก็ขับแซงมันได้ไม่ยาก เขาแซงแล้วแซงอีก เขาขับรถตามอารมณ์ไปตลอดทางที่มุ่งหน้าสู่บ้านของครอบครัว
     
    ถึงเธอจะไม่ตอบรับว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก แต่ถ้านับอายุครรภ์ตามที่พิภพบอกเขา มันก็ต้องเป็นเขาเท่านั้นที่มีโอกาสเป็นพ่อของเด็กในท้องมิลินท์
     
    แล้วทำไมเธอจึงไม่บอกเขา เขาอุตส่าห์ถามไถ่ แต่เธอไม่ตอบ แถมยังตอบเลี่ยงอย่างไม่ยี่หระด้วย คล้ายทำนองว่าถึงจะมีเด็ก แต่เธอก็ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญที่เด็กจะต้องมีพ่อ เธอดูแลตัวเองและลูกได้ ไม่จำเป็นเลยที่เขาจะต้องมาโอบอุ้มเธอกับลูก
     
    โอ ใช่ เธอดูแลตัวเองได้ เขายังเห็นเธออยู่ดีมีสุข หน้าชื่นตาบาน อาจจะมีตกใจนิดหน่อยตอนเห็นหน้าเขา
     
    ฮึ ทำเป็นทนเห็นหน้าเขาไม่ได้ ต้องหน้าซีดมือสั่น แต่ปากแข็งพูดใส่เขาฉอดๆ
     
    อะไรกันอชิระ นายหวังจะได้เห็นอะไร หวังจะได้เห็นมิลินท์วิ่งร้องไห้โฮเข้ามากอดเขาหลังจากที่เห็นเขางั้นรึ
     
    เขารู้ว่าเขาทำร้ายจิตใจเธอ แต่เธอก็ทำร้ายจิตใจเขาไม่แพ้กัน
     
    และนี่เธอก็กำลังจะเอาเรื่องลูกมาทำร้ายเขาด้วย
     
    เขาไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม
     
    เขาเชื่อว่าเด็กเป็นของเขา แม้เขาจะป้องกันตัวเองแล้วก็ตาม
     
    เธอไม่มีสิทธิ์มากีดกันเขา เขาจะไม่ยอมให้ลูกของเขาไม่รู้ว่าพ่อมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ หรือจะไม่ยอมให้ลูกเข้าใจผิด คิดว่าคนอื่นเป็นพ่อ...เหมือนอย่างที่เขาเคยเข้าใจผิดคิดว่าวันวิสาเป็นแม่ของเขาจริงๆ
     
    เขาจะไม่ยอมให้เธอปฏิเสธเขาอีก เขาจะต้องทำให้เธอยอมรับ เธอต้องยอมรับเหมือนอย่างที่เธอเคยบอกว่ารักเขา
     
    ...มิลินท์ไม่คิดคุยกับคนที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ลาก่อนนะคะคุณต้น หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันอีก...
     
    คำพูดสุดท้ายของเธอ วกกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
     
    โอเค เธอไม่คิดจะคุยกับเขาที่อารมณ์เสีย คราวหน้า เขาจะไม่พลาด เขาจะเข้าไปดีๆ...ใช่ หวังว่าเขาจะเข้าไปหาเธอได้อย่างสันติ
     
    มิลินท์ ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ต้องเจอผม คุณห้ามมากล่าวลาผมทั้งที่ผมไม่ยินยอม!
    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
     
    แม้จะผ่านการขับรถแบบเอาแต่ใจมาตลอดทาง อชิระก็ยังคงไม่หายขุ่นใจ เขาเดินกระแทกเท้าอย่างหงุดหงิดเข้าไปในบ้าน ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อพบกับวันวิสา แม่...แม่เลี้ยงของเขา
     
    วันวิสากำลังนั่งอ่านนิตยสารในห้องหนังสือ ที่อยู่ก่อนถึงห้องรับแขกซึ่งเป็นทางผ่านขึ้นไปชั้นบน เธอสวมเสื้อถักแขนสั้นสีชมพูกับกางเกงสแลกส์สีครีม เธอแต่งหน้าอ่อนๆ พอประมาณ โดยรวมแล้วเธอดูสง่างามและอ่อนเยาว์ เธอยังคงแต่งตัวสวยสดแม้ว่าจะไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน วันๆ เธอแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากจัดการงานบ้านในบ้าน คุมคนรับใช้ และคอยช่วยใช้เงินทองที่สามีและลูกหามาได้ แม้จะอายุล่วงผ่านห้าสิบฝนมาหลายปีแล้ว หากวันวิสาก็ยังคงดูหน้าอ่อนกว่าอายุจริงราวสิบปี ด้วยเพราะเธอบำรุงบำเรอตัวเองด้วยน้ำเงินที่มีอยู่ แต่กระนั้น ความงามของเธอก็ไม่ได้ช่วยดึงสามีเอาไว้ได้ หลังจากพลัดพลาดมีลูกกับสรียาแล้ว วีระก็ยังคงหาเศษหาเลยนอกบ้านเสมอ ทำให้วันวิสาไม่มีความสุขในชีวิตสมรส
     
    วันวิสาละสายตาจากหนังสือและเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า และเมื่อพบว่าเป็นใคร เธอก็เพียงยิ้มเย็นชาให้ ไม่ได้ทักทายต้อนรับเขาอย่างรักใคร่เหมือนครอบครัวอื่นๆ
     
    “สวัสดีครับ แม่” อชิระทักทาย ถึงจะรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของวันวิสา แต่เขาก็อดเรียกเธอว่าแม่ไม่ได้อยู่ดี มัน...มันเคยชินเกินไป เกือบตลอดชีวิตของเขา เขาเข้าใจว่าเธอคือแม่ของเขา แม่ที่รักพี่ชายเขามากกว่าเขา
     
    “อะไรกัน กลับบ้านแล้วรึ เพิ่งจะบ่ายสามโมงเองนะ ตาต้น” วันวิสาถาม น้ำเสียงสงสัยระคนตำหนิ คล้ายว่าทำไมเขาจึงทำงานเอาเปรียบบิดาและพี่ชายที่ยังไม่กลับมาจากบริษัท
     
    “ครับ วันนี้ตั้งใจแวะไปเช็กงานที่ไซต์งานอย่างเดียว ไม่ได้เข้าบริษัท ก็เลยกลับเร็วครับ” อชิระแจง เขารู้ว่าวันวิสาไม่พอใจ แต่ก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมวันวิสาชอบพูดจาจิกกัดกระทบกระเทียบเขา เหมือนว่าเขาทำความผิดร้ายแรง ทั้งที่บางครั้งวชิระทำแบบเดียวกับเขา จะไม่โดนดุว่า ตอนนี้เขาเข้าใจ และเขาพยายามจะไม่โกรธแม่ เพราะเขาคิดว่าเธอก็คงจะเจ็บปวดกับการนอกใจของพ่อมากพอดู
     
    “อ้อ” วันวิสาทำเสียงเล็กๆ ในลำคอ คล้ายจะรับรู้แบบส่งๆ ไป
     
    “ผมขึ้นห้องก่อนนะครับ” เขาขอตัว เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะพูดออกไป ก็ต้องทนฟังคำตอบและสายตาที่ตอบโต้มาด้วยความเย็นชา เขาเบื่อเหลือเกิน มันราวกับว่าเขากำลังอยู่ในสงครามเย็นก็ไม่ปาน แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเหตุผลของสงครามนั้นคืออะไร
     
    วันวิสาก้มหน้าอ่านนิตยสารต่อ  โดยไม่ได้ตอบรับอะไร คล้ายว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ด้อยค่ากว่า ไม่ใช่เด็กชายที่เธอเคยเลี้ยงมาในนามลูกของเธอเลย
     
    อชิระพาร่างกายที่เหนื่อยอ่อนจากศึกทางใจขึ้นไปข้างบน ไม่รู้ทำไม เขาช่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้พ่ายแพ้เหลือเกิน บางที นี่อาจจะถึงเวลาที่เขาควรจะพาตัวเองออกไปสมรภูมิรบนี้ได้แล้วกระมัง เขากรำศึกคนเดียวมานานเหลือเกิน
     
    แต่ตอนนี้ เขาจะต้องพิชิตสมรภูมิรบที่ชื่อมิลินท์ก่อน ครอบครัวยุ่งๆ ของเขา เขาขอทิ้งไว้แต่เบื้องหลัง
     
    จบคืนปรารถนา บทที่ 4
    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
     
    หวัดดีค่า
     
    มาแปะรวดให้สองบทนะคะ เนื่องจากว่าจะแปะเรื่อง Hidden Love…ซ่อนอะไรไว้ใต้ความลับ ซึ่งยาวเท่าๆ กับคืนปรารถนาสองบทค่ะ จะได้อ่านเท่าๆ กัน
     
    บทที่ 3 – 4 น่าจะถูกใจหลายๆ คนนะคะ อชิระก็ได้เจอมิลินท์แล้ว และมิลินท์ก็ดื้อดึงกับเขา อชิระนี่ จะว่าไปก็เหมือนเด็กมีปัญหาเอาแต่ใจนะคะ เพราะพ่อแม่ รวมถึงพี่ร่วมสายเลือดก็ไม่รักเขาเลย ก็...น่าสงสารเหมือนกัน เพื่อนๆ คิดเหมือนกันไหม
     
    ส่วนเรื่องจะเป็นยังไงต่อไป ติดตามกันบทหน้าค่ะ
    มิถุนา
     
    ป.ล. สำหรับเพื่อนๆ ที่อ่านในพันทิปและฟาร์มกระต่าย รอพรุ่งนี้นะคะ แปะไว้แปะพร้อมกับ Hidden Love ค่ะ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ขออนุญาตไปนอนก่อนค่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×