ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : งานใหม่ - - วังคีตปราณ (35%)
เสียงกรี๊ดจนเพดานของฮอลล์ขนาดใหญ่แทบถล่มดังกระหึ่มเมื่อเสียงเพลงดังขึ้น เด็กสาวผมหยิกสลวย
วาดลวดลายการร้องและสีไวโอลินได้อย่างงดงาม แสงแฟลตสาดส่องไปทั่วคนตรงกลางเวที น้ำเสียงอัน
ทุ้มนุ่มลึกและแนวทางการร้องที่ไม่เหมือนใครทำให้เธอโด่งดังในชั่วข้ามคืนด้วยวัยเพียงสิบเจ็ดปี
เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นที่หอประชุมแบบโรมันขนาดใหญ่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก วันนี้เป็นวันแห่ง
ความฝัน วันที่พระเจ้าประทานแนวทางในการดำเนินชีวิตมาให้ ผู้คนในชุดครุยกรุยกรายนับร้อยนั่งเรียงกัน
พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว เด็กสาววัยใสที่บัดนี้กลายเป็นหญิงสาวแสนสวยที่พ่วงไปด้วยดีกรีบัณฑิต
ปริญญาโท เกียรตินิยมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ นักศึกษาดีเด่น และนักกีฬาเกียรติยศของมหาวิทยาลัยแห่ง
เทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก รัตนคีตาคนนี้สามารถก้าวข้ามเส้นทางชีวิตมาได้ระดับหนึ่งแล้ว
ณ เวลานี้ หญิงสาวที่ว่านั่งอยู่ภายในห้องทำงานที่บ้านหลังเล็กกะทัดรัดสีขาว ใบหน้าเคร่งเครียด ผมที่เคยหยิกสลวยบัดนี้กลับดูยุ่งเหยิงบ่งบอกถึงความไม่ค่อยเอาใจใส่ ตาคู่สวยจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
พรุ่งนี้แล้วสินะ    รัตนคีตาคิด
วันอาทิตย์ที่ดูจะธรรมดาและแสนจะสบายสำหรับใครหลายๆคน แต่วันอาทิตย์ที่ว่าเป็นวันที่จะวัดฝีมือว่าสาวดีกรีนักเรียนนอกอย่างเธอจะแน่สักแค่ไหน งานสร้างตึกรามบ้านช่องหรือว่าเคหสถานไหนๆก็ไม่เคยทำให้ดวงหน้าคมคายหนักใจได้เท่ากับงานสร้างวังคีตปราณของหม่อมเจ้าภาคิณทร์ ผู้ที่เลื่องชื่อลือชาว่าเนี้ยบ เงียบ และหยิ่งยโสซึ่งคีตาไม่แน่ใจว่าเธอจะทำงานนี้ได้สำเร็จเร็จหรือไม่
ด้วยแบบวังที่ยากแสนยากเรียกได้ว่าราคาสวนทางกับยุคเศรษฐกิจอันฝืดเคืองนี้เป็นอย่างมาก บวกกับความเรื่องมากตามคำบอกเล่าของธนา สหายของหม่อมเจ้าภาคิณทร์ซึ่งเป็นผู้ติดต่อเธอให้รับงานนี้และคุ้นเคยกับน้องชายของเธอเป็นอย่างดี ทำเอาวิศวกรสาวต้องละทิ้งการสอนพิเศษดนตรีให้กับนักเรียนในโรงเรียนนารีรมณ์มานั่งเขียนแบบซึ่งเธอเชี่ยวชาญยิ่งกว่าสถาปนิกหลายๆคนเป็นเดือนๆ ด้วยหวังว่าหากงานเสร็จเธอจะได้หลุดพ้นจากบ่วงวินาศกรรมและคำครหาว่าเป็นนักร้องแล้วจะมาสร้างบ้านได้อย่างไร
หน้าตาของหม่อมเจ้าภาคิณทร์นั้นเธอก็ยังไม่เคยเห็นเพราะหากไปคุยงานเมื่อใดถ้าท่านชายอยู่ท่านก็จะหันหลังให้ มีอต่คุณธนาเท่านั้นที่คอยประสานงานกับเธออย่างต่อเนื่อง วัสดุอุปกรณ์รวมถึงคนงานที่จะใช้ในการสร้างวังคีตปราณครั้งนี้มาจากหจก.อภินันท์วัสดุก่อสร้างซึ่งเป็นของเครือญาติเธอที่ได้รับความเชื่อถือมานานกว่าห้าสิบปีทำให้วางใจได้ว่างานนี้น่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหากท่านชายไม่เรื่องมากอย่างที่ขาเมาท์ทั้งหลายลือไว้
\"อภินันท์วัสดุก่อสร้างค่ะ ..ขา ...อะไรนะคะ....อ๋อ..กำลังจะไปส่งค่ะ...แป๊บนึงนะคะ\" นิรสารับโทรศัพท์โดยเขาแขนแนบกับใบหูถือไว้ก่อนจะหันมาพูดกับบุคคลตรงหน้าแล้วหันไปพูดโทรศัพท์ต่อ
\"กาญจน์ เดี๋ยวเอาของไปส่งให้ลูกค้านะแล้วแวะบ้านอากงด้วยนะ\"
\"ราคาไม่ขึ้นนะคะ ร้านเรายังราคาเท่าเดิมค่ะ..ค่ะ...ขอบคุณค่ะ\" วางสายเสร็จก็จดอะไรขยุกขยิกไว้บนกระดาษโน้ตก่อนจะหยิบผ้ากับเปื้อนมาสวมและวิ่งออกไปข้างนอกตึก
\"เล่าจิ้ง ดินกองนั้นน่ะแบ่งไว้ด้วยเย็นนี้คุณสิริกรจะมารับ  เหม่ยๆ จดราคาตรงนั้นเสร็จแล้วเดี๋ยวไปหาพี่ในบ้านด้วย ...อ้อ...พี่ปลา เช็คกระเบื้องของร้านจักเส็งที่สั่งแบบส่งไว้ด้วยนะคะ\" หญิงสาวสั่งพลางก้าวฉับๆไปตรงกองหินและสั่งงานลูกน้องอย่างขมักเขม้นทั้งๆที่อากาศแสนจะร้อนอบอ้าว แดงส่องไปที่หน้าหมวยๆทำเอาแก้มเนียนใสแดงเปล่งปลั่ง ชายวัยชราวิ่งตรงมาหาเธอ
\"คุณสาครับมีคนมารอพบครับ\" ลุงเพิ่มคือคนเก่าคนแก่ของตระกูลเธอมาตั้งแต่สมัยปู่ของเธอ หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วถอดผ้ากับเปื้อนส่งให้นายเพิ่มก่อนจะวิ่งกลับไปยังตึกใหญ่
\"สัวสดีค่ะ อภินันท์กรุ๊ปค่ะ\" นิรสากล่าวทักทาย บุคคลที่นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้หันหน้ามาก่อนจะลุกขึ้นยืน
\"คุณธนา\" เสียงใสพึมพำ
\"ครับ ผมเอารายการของที่คุณคีสั่งมาให้...นี่ครับ\" ชายหนุ่มว่าพลางสมุดสั่งของเล่มเล็กๆให้ มือเรียวเล็กรับมาอย่างสั่นๆ
\"ทำไมคุณถึงมาสั่งของแทนยัยคีได้\" หญิงสาวถาม ชายหนุ่มไม่ตอบ ยื่นหน้ามาข้างๆใบหู
\"ที่ร้าน Winter Song ตอนทุ่มตรง แล้วคุณจะรู้คำตอบ\"
\"เอ๋\"
\"ไปนะครับ\" ธนาโบกมือให้ก่อนจะเดินกลับไปที่รถทิ้งให้นิรสามองตามอย่างงงๆ
เด็กสาวสองคนวัยสิบหกปีนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนข้างสนามบาสเกตบอลภายในเวลาเย็น เด็กหนุ่มร่างสูงเดินตรงมาหาทั้งสอง
\"สา ยืมตัวสิหน่อยนะครับ\"  เด็กสาวผมเปียพยักหน้า พลางรับกระเป๋าที่คนผมสั้นส่งมาให้    ธนา หนุ่มนักบาสเกตบอลของโรงเรียนกำลังขายขนมจีบให้เพื่อนของเธออยู่ น่าแปลกเพราะแต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเดินเข้ามาธนาก็บอกปัดทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เพื่อนของเธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาถักไหมพรมอยู่อย่างเดียวเท่านั้น
\"สา ทำไมเพื่อนคุณต้องทำกับผมอย่างนี้ด้วย\" ชายหนุ่มสวมกอดหญิงสาวที่สูงเพียงแค่ไหล่ น้ำใสๆไหลลงมาจากคนที่เรียกว่า  ลูกผู้ชาย    สองปีที่แล้วเขาและเพื่อนของเธอยังรักกันดี แต่ตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าคนเรียบร้อยอย่างสิรีจะหักอกเขาได้ ก่อนจะบินไปสวิตเซอร์แลนด์พร้อมกับแฟนคนใหม่เพื่อเรียนต่อ ทิ้งให้ธนาอาการเข้าขั้นโคม่า แต่ผลสอบเข้าเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาจากมหาวิทยาลัยของธนานั้นตอบรับ เด็กหนุ่มจึงบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อทันทีด้วยหวังว่าคงจะพอลืมเรื่องราวต่างๆได้บ้างและไม่ได้พบเจอนิรสาอีกเลยจนกระทั่งวันนี้
ด้วยความที่สิรีเป็นเพื่อสนิทที่สุดของเธอถ้าไม่นับรัตนคีตาเพราะเจ้าหล่อนหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่หกขวบก่อนจะกลับมาพร้อมกับใบปริญญาโททั้งๆที่อายุเพียงยี่สิบสองปีจึงทำให้หญิงสาวลำบากใจเป็นอย่างมาก เพื่อนเธอหักอกเขาจนไม่อาจเรียกได้ว่าจะรักใครได้อีกแล้ว นิรสาส่ายหัวไล่ความคิดนั้นออกจากสมองไปก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วตรงไปที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
\"ไม่ช้าไปนะคะ\" เธอเอ่ย ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอีกเชื้อเชิญให้เธอนั่ง
\"ไม่หรอกครับ เร็วไปสองนาที\" ธนาพูดยิ้มๆ บริการเดินมารับออร์เดอร์ ระหว่างที่รอ นิรสาเค้นเอาคำตอบจากชายหนุ่มเป็นการใหญ่
\"คุณไปรู้จักยัยคีได้ยังไง\" เสียงใสถาม มองหน้าคนตรงข้ามอย่างหาคำตอบ ธนายักไหล่
\"ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีเพื่อนผมเค้าจะสร้างบ้านก็เลยให้ผมช่วยติดต่อประสานงาน\"
\"แล้วคุณกลับมาจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่\" หญิงสาวรัวคำถามต่อ ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเรื่อยๆ
\"สองปีที่แล้วครับ\"
\"แล้วคุณคุญกับชั้นแบบเนี้ย มันไม่...เอ่อ..เกิดความรู้สึกเศร้าในใจอะไรบ้างเลยหรือไง\" คราวนี้น้ำเสียงเอ่ยอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มหัวเราะ
\"ลงเครื่องตอนแรกก็เศร้านะครับ แต่สองนาทีผ่านไปก็คิดได้ว่านั่นน่ะมันแค่puppyเลิฟ อย่ากังวลไปเลยครับ หัวใจผมยังดีอยู่\"
นิรสาทำหน้าเก้อๆก่อนจะหยิบช้อนส้อมขึ้นมาพลางตักเส้นสปาเกตตี้เข้าปาก
\"คุณนี่แตกต่างจากสิรีสุดขั้วเลยนะ เป็นเพื่อนกันได้ยังไง\" ธนาเอ่ยถึงรักแรกอย่างไม่สะทกสะท้านทำให้หญิงสาวมั่นใจได้ว่า เขาเป็นปกติแล้วจริงๆ
\"ไม่เหมือนกันแต่ก็เป็นเพื่อนกันได้นี่คะถ้าเป็นคนดี\"
\"โหย แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีขัดใจกันบ้างล่ะครับ คุณชอบสปาเกตตี้ ส่วนสิรีเกลียด คุณวิ่งเร็ว ไฮเปอร์ แต่สิรีเชื่องช้า เป็นแม่บ้าน\"
\"สรุปคุณด่าหรือคุณชมชั้นเนี่ย\" น้ำเสียงเริ่มขุ่นๆเมื่อได้ยินคำว่าไฮเปอร์ ธนารีบแก้ตัวก่อนจะพูดต่อ
\"ชมสิครับ ...แล้วผมก็คิดไว้ด้วยว่า ถ้าผมมีแฟนคนใหม่ คนๆนั้นจะต้องแตกต่างจากสิรีทุกอย่าง\"
\"ทำไมล่ะคะ\" นิรสางง คนตรงหน้าทำให้เธอสับสนได้เรื่อยๆ
\"เดี๋ยวมันจะเจอภาพเก่าๆครับ หัวใจผมปกติแต่ก็ได้หมายความว่ามันไม่มีอดีตติดไว้นี่ครับ หัวใจมันมีเมมโมรี่นะ แม้ว่าจะนานแค่ไหนมันยังไงก็จำได้ เกิดไวรัสอันเก่าส่งกลับมาเดี๋ยวเครื่องรวน\" ชายหนุ่มพูดติดตลก นิรสาเหลือบมองไปยังจานสีขาวของอีกฝั่ง
\"คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ\"
\"เห็นหน้าคุณแล้วผมอิ่ม\"
\"รู้สึกว่าหลังกลับมาจากอเมริกานี่คุณเสี่ยวขึ้นเยอะนะคะ\" หญิงสาวเริ่มดักคอกับความทะเล้น ที่เมื่อก่อนแทนที่ด้วยความเงียบขรึม
\"เฮ้อ กินก็ได้ คุณรอผมก่อนอย่างหนีกลับก่อนล่ะ\" ธนาบ่นแล้วหยิบช้อมส้อมขึ้นมา วันนี้เขาสนุกอย่างบอกไม่ถูก แม้จะไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่การได้แซวนิรสาเล็กๆน้อยๆทำให้เขาเบิกบานมากขึ้น แม้ว่าภายในรอยร้าวหัวใจจะยังประสานไม่สนิทก็ตาม เสียงเรือยนต์วิ่งผ่านโต๊ริมแม่น้ำ ลมพัดแผ่วเบาคลอไปพร้อมๆกับเสียงไวโอลิน แสงสีทองพุ่งผ่านลงมาจากฟากฟ้า นิรสากุมมือนั่งพึมพำอะไรอยู่คนเดียว
สาวผมหยิกนั่งเอาขาซ้ายพาดหัวเข้าไปดูทีวีไปพลางหันไปถามบุคคลที่เพิ่งเข้ามา \"เป็นไงเจ้ ยิ้มหน้าบานมาเชียว\"
นิรสาไม่ตอบ กลับนั่งลงบนโซฟานุ่มๆฝั่งตรงข้ามแล้วหยิบคุกกี้เข้าปาก คนตรงหน้าทำเสียงเขียว
\"นั่นมันของเค้านะ\"
\"จะของใครป้าแจ่มก็ทำเหมือนกันแหละน่ะ เออนี่ เธอไม่เห็นบอกว่าไปรับสร้างบ้านให้ท่านชายภาคินทร์\" สาวหน้าหมวยบอกปัดก่อนจะเริ่มคำถาม รัตนคีตายักไหล่แบบรำคาญ
\"ตัวเองเคยอยู่ให้บอกซะที่ไหนล่ะ วันๆทำแต่งาน อีตาหม่อมเจ้าอะไรนั่นหน้าตาชั้นยังไม่เคยเห็นเลย คิดยังไงก็ไม่รู้ริจะไปสร้างบ้านอยู่บนเขา สงสัยคงอยากปลูกแครอท\"
ลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างเหนื่อยใจ ไอ้คนที่ไม่อยู่น่ะน่าจะเป็นเจ้าหล่อนมากกว่าเพราะวันๆเอาแต่ร่อนไปร่อนมาบิดเหนือล่องใต้ทำเอาน้าเพ็ย \"หม่าม้า\" ของเธอคิดจะตัดหางปล่อยวัด  \"คนอย่างเจ้าคีอยู่ไหนก็อดตาย มันเป็นจิ้งจก เปลี่ยนสีตามฝาผนังได้\" ถ้าดูจากรูปร่างบอกได้คำเดียวว่าคงเป็นจิ้งจกไซส์พิเศษที่บึกบึนเกินควร
\"แล้วจะไปวันไหน\"
\"อีกสองวัน ซักสี่ห้าเดือนก็คงเสร็จ งานนี้ยากชะมัด แต่ก็ดี ไปเปิดหูเปิดตา\" พูดจบก็วางแก้วน้ำผลไม้ลงอย่างไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกำกับที่ต้องไปอยู่กลางดินกินกลางทราย ถ้าหากเป็นนิรสาแล้วล่ะก็ หล่อนคงขาดใจตายถ้าหากไม่ได้คุมลูกน้องทำงานทุกวัน
\"อืม...แล้วไม่คิดจะมาช่วยงานบริษัทมั่งเลยรึไง\" นิรสาเบี่ยงประเด็น รัตนคีตาทำหน้าเบ้
\"เหอะๆ แกก็รู้ว่าชั้นมันไม่เก่งด้านประสานงาน เจอคนเยอะๆแล้วจะแผลงฤทธิ์ ไม่งั้นหม่าม้าคงจะปล่อยไฟแดงไม่ให้ชั้นไปเรียนวิศวะที่เมืองนอกตั้งนมนานหรอก\"
เจ้าตัวใช้เหตุผลเดิมๆ แต่มันก็จริง เพราะรัตนคีตาเป็นคนที่เรียกได้ว่ามีอารมณ์ \"ติสท์\" ที่สุดในบ้านรองจากคามินทร์พี่ชายคนรอง แต่โชคของตระกูลอภินันท์สกุลยังดีที่คามินทร์มีความสนใจด้านเศรษฐศาสตร์เป็นพิเศษ คานินทร์ ตี๋ใหญ่ของบ้านจึงไม่ต้องรับบทหนักในการ
บริหารกิจการจิลเวอรี่ของตระกูลมากนัก สิ่งแรกที่เรียกได้ว่าติดตัวรัตนคีตามาตั้งแต่เกินคือไวโอลินสีขาว ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากคุณปู่ทวดซึ่งโปรดปรานดนตรีเป็นพิเศษจนทำตราสัญลักษณ์ของตระกูลอภินันท์สกุลเป็นรูปกุญแจซอลขึ้นมา
\"เอาเถอะๆ ยังไงงานนี้ก็แวะไปดูงานที่บริษัทหน่อยก็แล้วกัน สงสารเฮียคินทร์กับพี่นินทร์\"
\"เฮ้อ อย่าพูดอย่างนั้นสิ พูดทีไรรู้สึกตัวเองเป็นลูกเป็นน้องอกตัญญูขึ้นมาทุกทีเลย เอาเป็นว่าเสร็จงานนี้จะรีบบึ่งไปช่วยงานเฮียๆเลย\" รัตนคีตาพูดอย่างแข็งขันพร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะแบบทหารให้นิรสา สาวหมวยหัวเราะจนลักยิ้มโผล่ ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น สองสาวนั่งดูวิดีโอจนถึงเที่ยงคืน แม่อุ้ย พี่เลี้ยงเก่าแก่ก็มาไล่ให้ทั้งสองไปนอนซึ่งก็รับคำกันเป็นอย่างดี กว่าจะได้นอนก็กระจุยหมอนรำลึงถึงความหลังกันเป็นการใหญ่
-------------------------------------------------------
(35%)
วาดลวดลายการร้องและสีไวโอลินได้อย่างงดงาม แสงแฟลตสาดส่องไปทั่วคนตรงกลางเวที น้ำเสียงอัน
ทุ้มนุ่มลึกและแนวทางการร้องที่ไม่เหมือนใครทำให้เธอโด่งดังในชั่วข้ามคืนด้วยวัยเพียงสิบเจ็ดปี
เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นที่หอประชุมแบบโรมันขนาดใหญ่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก วันนี้เป็นวันแห่ง
ความฝัน วันที่พระเจ้าประทานแนวทางในการดำเนินชีวิตมาให้ ผู้คนในชุดครุยกรุยกรายนับร้อยนั่งเรียงกัน
พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว เด็กสาววัยใสที่บัดนี้กลายเป็นหญิงสาวแสนสวยที่พ่วงไปด้วยดีกรีบัณฑิต
ปริญญาโท เกียรตินิยมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ นักศึกษาดีเด่น และนักกีฬาเกียรติยศของมหาวิทยาลัยแห่ง
เทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก รัตนคีตาคนนี้สามารถก้าวข้ามเส้นทางชีวิตมาได้ระดับหนึ่งแล้ว
ณ เวลานี้ หญิงสาวที่ว่านั่งอยู่ภายในห้องทำงานที่บ้านหลังเล็กกะทัดรัดสีขาว ใบหน้าเคร่งเครียด ผมที่เคยหยิกสลวยบัดนี้กลับดูยุ่งเหยิงบ่งบอกถึงความไม่ค่อยเอาใจใส่ ตาคู่สวยจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
พรุ่งนี้แล้วสินะ    รัตนคีตาคิด
วันอาทิตย์ที่ดูจะธรรมดาและแสนจะสบายสำหรับใครหลายๆคน แต่วันอาทิตย์ที่ว่าเป็นวันที่จะวัดฝีมือว่าสาวดีกรีนักเรียนนอกอย่างเธอจะแน่สักแค่ไหน งานสร้างตึกรามบ้านช่องหรือว่าเคหสถานไหนๆก็ไม่เคยทำให้ดวงหน้าคมคายหนักใจได้เท่ากับงานสร้างวังคีตปราณของหม่อมเจ้าภาคิณทร์ ผู้ที่เลื่องชื่อลือชาว่าเนี้ยบ เงียบ และหยิ่งยโสซึ่งคีตาไม่แน่ใจว่าเธอจะทำงานนี้ได้สำเร็จเร็จหรือไม่
ด้วยแบบวังที่ยากแสนยากเรียกได้ว่าราคาสวนทางกับยุคเศรษฐกิจอันฝืดเคืองนี้เป็นอย่างมาก บวกกับความเรื่องมากตามคำบอกเล่าของธนา สหายของหม่อมเจ้าภาคิณทร์ซึ่งเป็นผู้ติดต่อเธอให้รับงานนี้และคุ้นเคยกับน้องชายของเธอเป็นอย่างดี ทำเอาวิศวกรสาวต้องละทิ้งการสอนพิเศษดนตรีให้กับนักเรียนในโรงเรียนนารีรมณ์มานั่งเขียนแบบซึ่งเธอเชี่ยวชาญยิ่งกว่าสถาปนิกหลายๆคนเป็นเดือนๆ ด้วยหวังว่าหากงานเสร็จเธอจะได้หลุดพ้นจากบ่วงวินาศกรรมและคำครหาว่าเป็นนักร้องแล้วจะมาสร้างบ้านได้อย่างไร
หน้าตาของหม่อมเจ้าภาคิณทร์นั้นเธอก็ยังไม่เคยเห็นเพราะหากไปคุยงานเมื่อใดถ้าท่านชายอยู่ท่านก็จะหันหลังให้ มีอต่คุณธนาเท่านั้นที่คอยประสานงานกับเธออย่างต่อเนื่อง วัสดุอุปกรณ์รวมถึงคนงานที่จะใช้ในการสร้างวังคีตปราณครั้งนี้มาจากหจก.อภินันท์วัสดุก่อสร้างซึ่งเป็นของเครือญาติเธอที่ได้รับความเชื่อถือมานานกว่าห้าสิบปีทำให้วางใจได้ว่างานนี้น่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหากท่านชายไม่เรื่องมากอย่างที่ขาเมาท์ทั้งหลายลือไว้
\"อภินันท์วัสดุก่อสร้างค่ะ ..ขา ...อะไรนะคะ....อ๋อ..กำลังจะไปส่งค่ะ...แป๊บนึงนะคะ\" นิรสารับโทรศัพท์โดยเขาแขนแนบกับใบหูถือไว้ก่อนจะหันมาพูดกับบุคคลตรงหน้าแล้วหันไปพูดโทรศัพท์ต่อ
\"กาญจน์ เดี๋ยวเอาของไปส่งให้ลูกค้านะแล้วแวะบ้านอากงด้วยนะ\"
\"ราคาไม่ขึ้นนะคะ ร้านเรายังราคาเท่าเดิมค่ะ..ค่ะ...ขอบคุณค่ะ\" วางสายเสร็จก็จดอะไรขยุกขยิกไว้บนกระดาษโน้ตก่อนจะหยิบผ้ากับเปื้อนมาสวมและวิ่งออกไปข้างนอกตึก
\"เล่าจิ้ง ดินกองนั้นน่ะแบ่งไว้ด้วยเย็นนี้คุณสิริกรจะมารับ  เหม่ยๆ จดราคาตรงนั้นเสร็จแล้วเดี๋ยวไปหาพี่ในบ้านด้วย ...อ้อ...พี่ปลา เช็คกระเบื้องของร้านจักเส็งที่สั่งแบบส่งไว้ด้วยนะคะ\" หญิงสาวสั่งพลางก้าวฉับๆไปตรงกองหินและสั่งงานลูกน้องอย่างขมักเขม้นทั้งๆที่อากาศแสนจะร้อนอบอ้าว แดงส่องไปที่หน้าหมวยๆทำเอาแก้มเนียนใสแดงเปล่งปลั่ง ชายวัยชราวิ่งตรงมาหาเธอ
\"คุณสาครับมีคนมารอพบครับ\" ลุงเพิ่มคือคนเก่าคนแก่ของตระกูลเธอมาตั้งแต่สมัยปู่ของเธอ หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วถอดผ้ากับเปื้อนส่งให้นายเพิ่มก่อนจะวิ่งกลับไปยังตึกใหญ่
\"สัวสดีค่ะ อภินันท์กรุ๊ปค่ะ\" นิรสากล่าวทักทาย บุคคลที่นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้หันหน้ามาก่อนจะลุกขึ้นยืน
\"คุณธนา\" เสียงใสพึมพำ
\"ครับ ผมเอารายการของที่คุณคีสั่งมาให้...นี่ครับ\" ชายหนุ่มว่าพลางสมุดสั่งของเล่มเล็กๆให้ มือเรียวเล็กรับมาอย่างสั่นๆ
\"ทำไมคุณถึงมาสั่งของแทนยัยคีได้\" หญิงสาวถาม ชายหนุ่มไม่ตอบ ยื่นหน้ามาข้างๆใบหู
\"ที่ร้าน Winter Song ตอนทุ่มตรง แล้วคุณจะรู้คำตอบ\"
\"เอ๋\"
\"ไปนะครับ\" ธนาโบกมือให้ก่อนจะเดินกลับไปที่รถทิ้งให้นิรสามองตามอย่างงงๆ
เด็กสาวสองคนวัยสิบหกปีนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนข้างสนามบาสเกตบอลภายในเวลาเย็น เด็กหนุ่มร่างสูงเดินตรงมาหาทั้งสอง
\"สา ยืมตัวสิหน่อยนะครับ\"  เด็กสาวผมเปียพยักหน้า พลางรับกระเป๋าที่คนผมสั้นส่งมาให้    ธนา หนุ่มนักบาสเกตบอลของโรงเรียนกำลังขายขนมจีบให้เพื่อนของเธออยู่ น่าแปลกเพราะแต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเดินเข้ามาธนาก็บอกปัดทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เพื่อนของเธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาถักไหมพรมอยู่อย่างเดียวเท่านั้น
\"สา ทำไมเพื่อนคุณต้องทำกับผมอย่างนี้ด้วย\" ชายหนุ่มสวมกอดหญิงสาวที่สูงเพียงแค่ไหล่ น้ำใสๆไหลลงมาจากคนที่เรียกว่า  ลูกผู้ชาย    สองปีที่แล้วเขาและเพื่อนของเธอยังรักกันดี แต่ตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าคนเรียบร้อยอย่างสิรีจะหักอกเขาได้ ก่อนจะบินไปสวิตเซอร์แลนด์พร้อมกับแฟนคนใหม่เพื่อเรียนต่อ ทิ้งให้ธนาอาการเข้าขั้นโคม่า แต่ผลสอบเข้าเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาจากมหาวิทยาลัยของธนานั้นตอบรับ เด็กหนุ่มจึงบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อทันทีด้วยหวังว่าคงจะพอลืมเรื่องราวต่างๆได้บ้างและไม่ได้พบเจอนิรสาอีกเลยจนกระทั่งวันนี้
ด้วยความที่สิรีเป็นเพื่อสนิทที่สุดของเธอถ้าไม่นับรัตนคีตาเพราะเจ้าหล่อนหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่หกขวบก่อนจะกลับมาพร้อมกับใบปริญญาโททั้งๆที่อายุเพียงยี่สิบสองปีจึงทำให้หญิงสาวลำบากใจเป็นอย่างมาก เพื่อนเธอหักอกเขาจนไม่อาจเรียกได้ว่าจะรักใครได้อีกแล้ว นิรสาส่ายหัวไล่ความคิดนั้นออกจากสมองไปก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วตรงไปที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
\"ไม่ช้าไปนะคะ\" เธอเอ่ย ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอีกเชื้อเชิญให้เธอนั่ง
\"ไม่หรอกครับ เร็วไปสองนาที\" ธนาพูดยิ้มๆ บริการเดินมารับออร์เดอร์ ระหว่างที่รอ นิรสาเค้นเอาคำตอบจากชายหนุ่มเป็นการใหญ่
\"คุณไปรู้จักยัยคีได้ยังไง\" เสียงใสถาม มองหน้าคนตรงข้ามอย่างหาคำตอบ ธนายักไหล่
\"ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีเพื่อนผมเค้าจะสร้างบ้านก็เลยให้ผมช่วยติดต่อประสานงาน\"
\"แล้วคุณกลับมาจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่\" หญิงสาวรัวคำถามต่อ ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเรื่อยๆ
\"สองปีที่แล้วครับ\"
\"แล้วคุณคุญกับชั้นแบบเนี้ย มันไม่...เอ่อ..เกิดความรู้สึกเศร้าในใจอะไรบ้างเลยหรือไง\" คราวนี้น้ำเสียงเอ่ยอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มหัวเราะ
\"ลงเครื่องตอนแรกก็เศร้านะครับ แต่สองนาทีผ่านไปก็คิดได้ว่านั่นน่ะมันแค่puppyเลิฟ อย่ากังวลไปเลยครับ หัวใจผมยังดีอยู่\"
นิรสาทำหน้าเก้อๆก่อนจะหยิบช้อนส้อมขึ้นมาพลางตักเส้นสปาเกตตี้เข้าปาก
\"คุณนี่แตกต่างจากสิรีสุดขั้วเลยนะ เป็นเพื่อนกันได้ยังไง\" ธนาเอ่ยถึงรักแรกอย่างไม่สะทกสะท้านทำให้หญิงสาวมั่นใจได้ว่า เขาเป็นปกติแล้วจริงๆ
\"ไม่เหมือนกันแต่ก็เป็นเพื่อนกันได้นี่คะถ้าเป็นคนดี\"
\"โหย แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีขัดใจกันบ้างล่ะครับ คุณชอบสปาเกตตี้ ส่วนสิรีเกลียด คุณวิ่งเร็ว ไฮเปอร์ แต่สิรีเชื่องช้า เป็นแม่บ้าน\"
\"สรุปคุณด่าหรือคุณชมชั้นเนี่ย\" น้ำเสียงเริ่มขุ่นๆเมื่อได้ยินคำว่าไฮเปอร์ ธนารีบแก้ตัวก่อนจะพูดต่อ
\"ชมสิครับ ...แล้วผมก็คิดไว้ด้วยว่า ถ้าผมมีแฟนคนใหม่ คนๆนั้นจะต้องแตกต่างจากสิรีทุกอย่าง\"
\"ทำไมล่ะคะ\" นิรสางง คนตรงหน้าทำให้เธอสับสนได้เรื่อยๆ
\"เดี๋ยวมันจะเจอภาพเก่าๆครับ หัวใจผมปกติแต่ก็ได้หมายความว่ามันไม่มีอดีตติดไว้นี่ครับ หัวใจมันมีเมมโมรี่นะ แม้ว่าจะนานแค่ไหนมันยังไงก็จำได้ เกิดไวรัสอันเก่าส่งกลับมาเดี๋ยวเครื่องรวน\" ชายหนุ่มพูดติดตลก นิรสาเหลือบมองไปยังจานสีขาวของอีกฝั่ง
\"คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ\"
\"เห็นหน้าคุณแล้วผมอิ่ม\"
\"รู้สึกว่าหลังกลับมาจากอเมริกานี่คุณเสี่ยวขึ้นเยอะนะคะ\" หญิงสาวเริ่มดักคอกับความทะเล้น ที่เมื่อก่อนแทนที่ด้วยความเงียบขรึม
\"เฮ้อ กินก็ได้ คุณรอผมก่อนอย่างหนีกลับก่อนล่ะ\" ธนาบ่นแล้วหยิบช้อมส้อมขึ้นมา วันนี้เขาสนุกอย่างบอกไม่ถูก แม้จะไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่การได้แซวนิรสาเล็กๆน้อยๆทำให้เขาเบิกบานมากขึ้น แม้ว่าภายในรอยร้าวหัวใจจะยังประสานไม่สนิทก็ตาม เสียงเรือยนต์วิ่งผ่านโต๊ริมแม่น้ำ ลมพัดแผ่วเบาคลอไปพร้อมๆกับเสียงไวโอลิน แสงสีทองพุ่งผ่านลงมาจากฟากฟ้า นิรสากุมมือนั่งพึมพำอะไรอยู่คนเดียว
สาวผมหยิกนั่งเอาขาซ้ายพาดหัวเข้าไปดูทีวีไปพลางหันไปถามบุคคลที่เพิ่งเข้ามา \"เป็นไงเจ้ ยิ้มหน้าบานมาเชียว\"
นิรสาไม่ตอบ กลับนั่งลงบนโซฟานุ่มๆฝั่งตรงข้ามแล้วหยิบคุกกี้เข้าปาก คนตรงหน้าทำเสียงเขียว
\"นั่นมันของเค้านะ\"
\"จะของใครป้าแจ่มก็ทำเหมือนกันแหละน่ะ เออนี่ เธอไม่เห็นบอกว่าไปรับสร้างบ้านให้ท่านชายภาคินทร์\" สาวหน้าหมวยบอกปัดก่อนจะเริ่มคำถาม รัตนคีตายักไหล่แบบรำคาญ
\"ตัวเองเคยอยู่ให้บอกซะที่ไหนล่ะ วันๆทำแต่งาน อีตาหม่อมเจ้าอะไรนั่นหน้าตาชั้นยังไม่เคยเห็นเลย คิดยังไงก็ไม่รู้ริจะไปสร้างบ้านอยู่บนเขา สงสัยคงอยากปลูกแครอท\"
ลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างเหนื่อยใจ ไอ้คนที่ไม่อยู่น่ะน่าจะเป็นเจ้าหล่อนมากกว่าเพราะวันๆเอาแต่ร่อนไปร่อนมาบิดเหนือล่องใต้ทำเอาน้าเพ็ย \"หม่าม้า\" ของเธอคิดจะตัดหางปล่อยวัด  \"คนอย่างเจ้าคีอยู่ไหนก็อดตาย มันเป็นจิ้งจก เปลี่ยนสีตามฝาผนังได้\" ถ้าดูจากรูปร่างบอกได้คำเดียวว่าคงเป็นจิ้งจกไซส์พิเศษที่บึกบึนเกินควร
\"แล้วจะไปวันไหน\"
\"อีกสองวัน ซักสี่ห้าเดือนก็คงเสร็จ งานนี้ยากชะมัด แต่ก็ดี ไปเปิดหูเปิดตา\" พูดจบก็วางแก้วน้ำผลไม้ลงอย่างไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกำกับที่ต้องไปอยู่กลางดินกินกลางทราย ถ้าหากเป็นนิรสาแล้วล่ะก็ หล่อนคงขาดใจตายถ้าหากไม่ได้คุมลูกน้องทำงานทุกวัน
\"อืม...แล้วไม่คิดจะมาช่วยงานบริษัทมั่งเลยรึไง\" นิรสาเบี่ยงประเด็น รัตนคีตาทำหน้าเบ้
\"เหอะๆ แกก็รู้ว่าชั้นมันไม่เก่งด้านประสานงาน เจอคนเยอะๆแล้วจะแผลงฤทธิ์ ไม่งั้นหม่าม้าคงจะปล่อยไฟแดงไม่ให้ชั้นไปเรียนวิศวะที่เมืองนอกตั้งนมนานหรอก\"
เจ้าตัวใช้เหตุผลเดิมๆ แต่มันก็จริง เพราะรัตนคีตาเป็นคนที่เรียกได้ว่ามีอารมณ์ \"ติสท์\" ที่สุดในบ้านรองจากคามินทร์พี่ชายคนรอง แต่โชคของตระกูลอภินันท์สกุลยังดีที่คามินทร์มีความสนใจด้านเศรษฐศาสตร์เป็นพิเศษ คานินทร์ ตี๋ใหญ่ของบ้านจึงไม่ต้องรับบทหนักในการ
บริหารกิจการจิลเวอรี่ของตระกูลมากนัก สิ่งแรกที่เรียกได้ว่าติดตัวรัตนคีตามาตั้งแต่เกินคือไวโอลินสีขาว ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากคุณปู่ทวดซึ่งโปรดปรานดนตรีเป็นพิเศษจนทำตราสัญลักษณ์ของตระกูลอภินันท์สกุลเป็นรูปกุญแจซอลขึ้นมา
\"เอาเถอะๆ ยังไงงานนี้ก็แวะไปดูงานที่บริษัทหน่อยก็แล้วกัน สงสารเฮียคินทร์กับพี่นินทร์\"
\"เฮ้อ อย่าพูดอย่างนั้นสิ พูดทีไรรู้สึกตัวเองเป็นลูกเป็นน้องอกตัญญูขึ้นมาทุกทีเลย เอาเป็นว่าเสร็จงานนี้จะรีบบึ่งไปช่วยงานเฮียๆเลย\" รัตนคีตาพูดอย่างแข็งขันพร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะแบบทหารให้นิรสา สาวหมวยหัวเราะจนลักยิ้มโผล่ ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น สองสาวนั่งดูวิดีโอจนถึงเที่ยงคืน แม่อุ้ย พี่เลี้ยงเก่าแก่ก็มาไล่ให้ทั้งสองไปนอนซึ่งก็รับคำกันเป็นอย่างดี กว่าจะได้นอนก็กระจุยหมอนรำลึงถึงความหลังกันเป็นการใหญ่
-------------------------------------------------------
(35%)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น