ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~.:ช็อคโกแลต....สื่อรักแทนใจ:.~

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นอันหอมหวาน

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 50


    ช็อกโกแลต.. ขนมหวานสื่อรัก 

    ขนมหวานรสละมุนลิ้นอย่างช็อกโกแลตนั้น เป็นที่โปรดปรานของคนทุกเพศทุกวัย มานานนับศตวรรษ
    เพราะนอกจากจะมีรสชาติหอมหวานกลมกล่อม ที่ชวนให้เผลอใจหลงใหล จนยากที่จะถอนตัวแล้ว ช็อกโกแลตยังเป็นสื่อสากลที่คนทั่วโลกนิยม มอบให้กันเพื่อแสดงถึงมิตรภาพ และความรัก โดยมีตำนานจารึกไว้ว่าในช่วงกลางศตวรรษที่ 11 กษัตริย์มองเตซูม่า ( Montezuma) ที่ 2 จักรพรรดิ์ของแคว้นแอสเท็กซ์ ประเทศเม็กซิโก นิยมดื่มช็อกโกแลตวันละ 50 ถ้วย เพื่อเยียวยาชีวิตรัก ทุกวันนี้ช็อกโกแลต จึงเป็นของขวัญที่ขาดไม่ได้ในวันวาเลนไทน์

                           ปัจจุบันนี้ ช็อกโกแลตเป็นของกำนัลยอดนิยมที่หนุ่มสาวทั้งในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทยของเรา ใช้เป็นสื่อแทนความรู้สึกดี ๆ ได้เช่นเดียวกันกับการมอบดอกกุหลาบสีแดงสด

    chocolate18.jpg (12125 bytes)

    ถิ่นกำเนิดของโกโก้

                   ช็อกโกแลตที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติไหน หรือยี่ห้ออะไร ล้วนเป็นผลผลิตซึ่งมีโกโก้เป็นวัตถุดิบสำคัญทั้งสิ้น

                   โกโก้ เป็นพืชยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในลุ่มน้ำอะเมซอน มานานกว่า 4000 ปีแล้ว โดยชาวมายาส์ของแคว้นยูคาฐาน และชาวแอสเท็กซ์ของเม็กซิโกทำการเพาะปลูกพืชพื้นเมืองชนิดนี้มานาน

    อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าโกโก้นั้นเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เทพยดาประทานมาให้ และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ในเวลา   ต่อมาราวศตวรรษที่ 18 นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนที่ชื่อ ลินนีอุส ได้ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ของโกโก้ว่า ทีโอโบรมา คะคาโอ ( Theobroma cacao ) เพราะคำว่า ทีโอโบรมานั้นเป็นภาษากรีกซึ่งแปลว่า ภักษาหารของพระผู้เป็นเจ้า

                    ในราชอาณาจักรแอสเท็กเมื่อราว 200 ปีก่อนคริสตกาล เมล็ดโกโก้เป็นสิ่งมีค่าและสามารถใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินตราได้ นอกจากนั้น ชาวแอสเท็กซ์ ยังมีความเชื่อว่า โกโก้มีสรรพคุณในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยแม้ว่า คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จะเป็นชาวยุโรป คนแรกที่ค้นพบโกโก้โดยบังเอิญ เมื่อเขาเดินทางไปยังทวีปอเมริกาเป็นครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2045 แต่นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้กลับไม่ได้ใส่ใจ กับผลไม้ที่มีรูปร่างเหมือนลูกรักบี้เลยแม้แต่น้อย


    จนกระทั่งอีก 2 ทศวรรษต่อมา เมื่อนายพลเออร์นานโด คอร์เทส นักสำรวจชาวสเปนสังเกตเห็นว่า จักรพรรดิ์แห่งแอสเท็กซ์ทรงโปรดปราน เครื่องดื่มพิเศษชนิดหนึ่งที่เรียกขานในภาษาฝรั่งเศสว่า โชโกลาต์ นั้นมีรสขมมาก แต่ก็สามารถทำให้ร่างกาย มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างน่าประหลาด

                นายพลคอร์เทสเป็นผู้นำเมล็ดโกโก้ กลับไปถวายพระเจ้าชาร์ลสที่ 5 ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งสเปนในสมัยนั้น ก่อนที่โกโก้จะแพร่หลายไปในประเทศอื่น ๆ เช่น ทรินิแดด ไฮติ เกาะต่าง ๆ ทางแอฟริกาตะวันตกและหมู่เกาะเวสต์อินดีส รวมไปถึงประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและศรีลังกาในเวลาต่อมา

    กว่าจะมาเป็นช็อกโกแลตแสนอร่อย

    ชาวสเปนเป็นชนชาติแรก ที่ค้นพบรสชาติอันแสนวิเศษของช็อกโกแลต
    โดยพวกเขาพบว่า การหมักทำให้เมล็ดโกโก้มีกลิ่นและรสดีขึ้น หากนำไปต้มโดยเติมน้ำและน้ำตาลไป จะได้เครื่องดื่มชนิดใหม่ที่พวกเขาให้ชื่อว่า ช็อกโกแลต ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่ขุนนางชั้นสูง ของประเทศสเปนเป็นอย่างมาก และมีการคิดค้นสูตรการปรุงใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติมส่วนผสมที่เป็นเครื่องเทศ เช่น อบเชย กานพลู เมล็ดผักชี รวมไปถึงการเพิ่มความหอมมัน จากเครื่องดื่มช็อกโกแลต

                     หลังจากนั้นอีกเกือบหนึ่งศตวรรษ ความหอมหวานของเครื่องดื่มช็อกโกแลต จึงเริ่มเข้าไปแพร่หลายในทวีปยุโรป โดยในช่วงกลางปี พ.ศ. 2143 ความนิยมของเครื่องดื่มช็อกโกแลตขยายไปถึงอิตาลี ฮอลแลนด์และฝรั่งเศส นอกจากนั้นยังมีหลักฐานยืนยันว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ เป็นที่รู้จักของขุนนางอังกฤษในปี พ.ศ. 2207 ต้นศตวรรษที่ 18 เป็นช่วงเวลาที่เริ่มมีการเปิดร้าน ขายเครื่องดื่มช็อกโกแลตแข่งกับร้านขาย กาแฟในกรุงลอนดอน ต่อมาในปี พ.ศ. 2371 คอนราดฟอน เฮาเซ่น นักเคมีชาวสวีเดนค้นพบวิธีการสกัดไขมันที่เรียกว่า ไขมันโกโก้ ออกมาเป็นช็อกโกแลต

                    ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเป็นผงโกโก้ได้สำเร็จ โดยที่ เจ.เอส.ฟรายรวมถึงแคดเบอรี่ เป็นผู้นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตช็อกโกแลตแท่งในเวลาต่อมา ทำให้คนทั่วโลกได้ลิ้มรสช็อกโกแลตในรูปแบบที่ไม่ใช่เครื่องดื่ม หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาธุรกิจขนมหวานและช็อกโกแลตนมจนเป็นที่นิยมบริโภคมาจนถึงปัจจุบัน



     บริโภคช็อกโกแลตอย่างไรจึงได้ประโยชน์

       ความเชื่อในเรื่องของการรับประทานช็อกโกแลตนั้น เป็นประเด็นที่นักวิทยาศาสตร์ ให้ความสนใจมาเนิ่นนานแล้ว ด้วยต่างก็ต้องการพิสูจน์ ให้ได้ว่าการบริโภคช็อกโกแลต ซึ่งมีรสชาติเป็นที่ติดอกติดใจคนทั่วโลกนั้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

                      เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับการบริโภคช็อกโกแลตว่า ขนมหวานชนิดนี้มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เยกว่า ฟลาโวนอยด์ ( Flavonoid ) เช่นเดียวกับที่พบในพืชผักและใบชา เป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้นการรับประทานช็อกโกแลตในปริมาณที่เหมาะสมจึงมัส่วนช่วยป้องกัน การเกิดโรคหัวใจหรือแม้กระทั่งให้คุณประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งบางชนิดได้

                      อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดของจุลสาร American Journal of Clinical Nutrition ระบุว่ามนุษย์จะได้รับประโยชน์จากช็อกโกแลตและโกโก้หากได้รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น โดยการรับประทานช็อกโกแลตดำประมาณครึ่งออนซ์ หรือแป้งโกโก้ที่ไม่ใส่น้ำตาล 1/4 ช้อนโต๊ะ จะทำให้ความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระของร่างกายเราเพิ่มขึ้นประมาณ 4 % และปริมาณของ LDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นพิษก็จะลดลงเช่นกัน

    การที่คนสมัยก่อนนิยมให้คนป่วยดื่มโกโก้ร้อน หรือช็อกโกแลตร้อนเพื่อบำรุงร่างกายนั้น มีสาเหตุมาจากความจริงที่ว่า ในโกโก้หรือ ช็อกโกแลตร้อน 1 ถ้วยนั้นมีปริมาณของสารคาเฟอีนประมาณ 10 มิลลิกรัมและปริมาณสารคาเฟอีนที่น้อยกว่ากาแฟถึง 10 เท่านี้เองที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้

      โกโก้หรือช็อกโกแลตร้อนยังมีสรรพคุณช่วยให้หายเครียดด้วย เนื่องจากช็อกโกแลตมีสารบางชนิดที่ไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่ชื่อ เอ็นดอร์ฟิน ( Endorphin ) ออกมาช่วยทำให้รู้สึกมีอารมณ์ดี นอกจากนั้นชาวยุโรปส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าทำให้สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว อีกทั้งยังสามารถช่วยลดไข้รักษาอาการอาหารไม่ย่อยและช่วยให้มีลมหายใจที่หอมสดชื่นอีกด้วย


    25389_wallpaper280a.jpg (8547 bytes)






     

    chocolate16a.jpg (12585 bytes)

    chocolate10.jpg (5376 bytes)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×