ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : แกะรอยหิ่งห้อย
      ยีวอนน่าเดินกลับเข้ามายังบ้าน ประตูห้องรับแขกเปิดทิ้งไว้หน้าต่างทุกบานก็เปิดออกรับลม แสดงว่าคุณยายคงกลับถึงบ้านแล้ว ยีวอนน่าเดินเข้าไปสำรวจในห้องอาหารบนโต๊ะอาหารว่างเปล่าแสดงว่าใครสักคนหรืออาจเป็นคุณยายเพนนีก็ได้คงเก็บอาหารเช้าออกไปเรียบร้อยแล้ว เสียงน้ำก็อกกำลังไหลอย่างแรงและมีเสียงคล้ายจานชนกันยีวอนน่าชะโงกหน้าเข้าไปในครัว คุณยายเพนนีกลับมาแล้วจริงๆเสียด้วยท่านกำลังล้างจานอยู่นั่นเองวันนี้คุณยายแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ มันเป็นชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนและผมของคุณยายก็เกล้าเป็นหางม้า
      “ของที่ยายสั่งไว้ซื้อมาได้ครบมั้ยจ๊ะหลานรัก?” คุณยายเพนนีร้องถามยีวอนน่าในขณะยังคงสาละวนกับการล้างจาน ยีวอนน่าฉุกคิดได้เธอลืมเอาแครอทกับสตรอเบอร์รี่ลงมาจากรถแวนนั่นเอง แย่แล้วสิคุณยายจะว่าอะไรหรือเปล่านะ
      “คุณยายคะ หนูลืม.....” ยีวอนน่าพูดพร้อมกับเดินเข้ามาช่วยคุณยายเพนนีเช็ดจานที่ล้างเสร็จแล้ว คุณยายเพนนีมองลอดแว่นแล้วหัวเราะ
      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาก็เอามันกลับมาเองแหละ” คุณยายเพนนีพูดขึ้นและยิ้มให้ยีวอนน่าเป็นเชิงว่าแวนเนสคงจะต้องย้อนกลับมาที่บ้านอีกแน่นอน ยีวอนน่าอดแปลกใจ(อีกเช่นเคย)ไม่ได้ว่าคุณยายรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง
      “แครอทกับสตรอเบอร์รี่ ทุกอย่างอยู่ในรถแวนของแวนเนส คุณยายรู้จักเขานี่คะ” ยีวอนน่ากล่าว คุณยายเพนนีพยักหน้ายิ้มและชวนยีวอนน่าคุยเรื่องการไปจ่ายตลาดและการชมเมือง ในขณะที่ยีวอนน่าก็กำลังเช็ดจานใบแล้วใบเล่า
      “ตายแล้ว!” ยีวอนน่าอุทาน เธอวางจานและผ้าเช็ดจานลงบนโต๊ะและยกมือข้างซ้ายขึ้นมาดู คุณยายเพนนีเดินเข้ามาดูใกล้ๆบนฝ่ามือของยีวอนน่า
      “ที่แท้ก็คือเบอร์โทรศัพท์ของมิสเตอร์วี ลูกชายเจ้าของร้านที่ชื่อแวนเนส” คุณยายเพนนีมองดูที่ฝ่ามือของยีวอนน่าและขยับแว่นเล็กน้อย ยีวอนน่ายิ้มเขินๆคุณยายเพนนีจึงบอกให้ยีวอนน่าจดเบอร์ลงในสมุดโน๊ตหรือกระดาษก่อนที่จะเผลอล้างมือไปเสียก่อน
      ยีวอนน่าจดเบอร์โทรศัพท์ของแวนเนสลงในสมุดวาดภาพและเริ่มนึกถึงใบหน้าอันสดใสของแวนเนสจากนั้นเธอก็บรรจงวาดใบหน้าของแวนเนสลงบนสมุดวาดภาพอย่างมีความสุข ลมในตอนสายๆของวันนี้ค่อนข้างแรงเล็กน้อยยีวอนน่าจึงเดินไปปิดหน้าต่างตรงระเบียงห้องนอนและกลับมานั่งลงบนเตียงและวาดรูปแวนเนสต่อไป สักพักยีวอนน่าได้ยินเสียงคล้ายกับมีใครมาเคาะกระจกหน้าต่างตรงระเบียง ในตอนแรกเธอคิดว่าเธออาจหูฝาดไปเองแต่เสียงนั่นดังถี่ขึ้นเรื่อยๆจนยีวอนน่ารู้สึกหงุดหงิดที่ถูกทำให้เสียสมาธิในการวาดภาพ เธอเดินไปเปิดหน้าต่างและเดินออกมาที่ระเบียงทุกอย่างปกติไม่มีใครอยู่ตรงระเบียง มีเพียงท้องฟ้าสดใสและสวนดอกไม้ที่อยู่เบื้องล่าง นกพิราบตัวหนึ่งบินตรงมายังยีวอนน่าและมันได้หย่อนซองจดหมายซองหนึ่งลงบนระเบียง ยีวอนน่าเก็บมันขึ้นมาหน้าซองจ่าชื่อยีวอนน่า มันเป็นซองจดหมายสีงาช้างขนาดเล็กเท่ากับนามบัตรเมื่อเปิดซองออกจะมีไอเย็นๆกระจายออกมาทั่วมือ ยีวอนน่าหยิบบัตรเล็กๆที่อยู่ในซองออกมาและเปิดอ่านมันเป็นบัตรเชิญงานเลี้ยงของใครสักคนที่ยีวอนน่าไม่รู้จัก สถานที่ของงานคือสวนดอกไม้ของคุณยายเพนนีและผู้เชิญลงชื่อไว้ว่า ภูตกลางคืน
      “ตลกสิ้นดี ใครจะเข้ามาจัดงานเลี้ยงในสวนส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านได้” ยีวอนน่าพูดขึ้นและวางซองจดหมายพร้อมบัตรเชิญไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นเธอก็หยิบแปรงขึ้นมาแปรงผมยาวสลวยของเธออย่างพิถีพิถัน เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้านยีวอนน่าเดินออกไปดูที่ระเบียงรถแวนสีฟ้าขาวของแวนเนสจอดอยู่หน้าบ้านพอดีคุณยายเดินไปยังประตูเล็กและเปิดมันออก แวนเนสขยับตะกร้าแครอทและถุงสตรอเบอร์รี่เข้ามาในบ้านทางประตูและช่วยคุณยายเพนนีถือพวกมันเข้ามาภายในบ้านพร้อมกันจากนั้นเขาก็เดินออกมาตามทางเดินอิฐแดงทรงแปดเหลี่ยมและลอดออกไปทางประตูเล็กตรงกำแพงเช่นเดิม ยีวอนน่ายังคงยืนอยู่บนระเบียงห้องนอนมองไปยังแวนเนสและโบกมือให้ แวนเนสโบกมือตอบและขับรถออกไป
      หลังอาหารค่ำของคุณยายเพนนี ยีวอนน่าอิ่มเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเค้กแครอทของคุณยายนั้นอร่อยมาก มันคงเป็นการดีถ้าจะขอสูตรเค้กแครอทไปให้คุณรอนนี่บ้างเขาคงจะมีความสุขมากเลยทีเดียว ส่วนสตรอเบอร์รี่ที่ซื้อมาคุณยายก็เอาไปแช่น้ำแข็งเอาไว้และนำมาทำไอศครีมสตรอเบอร์รี่เสิร์ฟหลังอาหารค่ำ ถ้าคุณยายยังทำอาหารแบบนี้ทุกมื้อแล้วล่ะก็ยีวอนน่าเองคงต้องออกกำลังกายมากขึ้นแล้วแหละ ยีวอนน่ากลับขึ้นไปยังห้องนอนหลังจากช่วยคุณยายทำความสะอาดห้องครัวและนั่งดูทีวีด้วยกัน เธอค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆและเดินไปตามทางเดินยาวๆยีวอนน่ายังคงสงสัยอยู่ว่าคุณยายเพนนีสามารถอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้เพียงลำพังได้อย่างไร
      ที่ห้องนอนยีวอนน่ากำลังเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ เธอเปิดน้ำจนเต็มอ่างและค่อยๆหย่อนตัวลงในอางอาบน้ำ คืนนี้ดวงดาวเต็มท้องฟ้าดังนั้นยีวอนน่าจึงเปิดม่านแง้มเอาไว้เพื่อที่จะได้เห็นดวงจันทร์ยามค่ำคืน สิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังบินผ่านหน้าต่างไปมันเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆมีแสงในตัวเองคล้างหิ่งห้อย แต่แสงของพวกมันสว่างไสวกว่าหิ่งห้อยยิ่งนักและหากยีวอนน่าไม่ได้ตาฝาดพวกมันมีปีกเหมือนผีเสื้อและใส่เสื้อผ้าเหมือนคน ยีวอนน่ารีบอาบน้ำให้เสร็จเธอแต่งตัวและรีบเปิดม่านออกมองตามกลุ่มแสงเหล่านั้นไป พวกมันทั้งหมดมุ่งไปยังที่ๆเดียวกันนั่นคือในสวนดอกไม้นั่นเองจึงทำให้ในคืนนี้สวนดอกไม้ทุกทำให้สว่างโดยแสงจากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
      ยีวอนน่านั้นสงสัยในความประหลาดของบ้านหลังนี้อยู่แล้วเธอจึงไม่รีรอที่จะลงไปสืบให้รู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นคือหิ่งห้อยหรืออะไรกันแน่ ในตอนแรกยีวอนน่าเดินอย่างเร็วเพื่อที่จะลงบันไดไปแต่เธอก็พยายามเดินให้เบาและเงียบที่สุดแทนเพราะหากเธอทำเสียงดังคุณยายอาจจะสงสัยและบอกให้เธอกลับเข้าไปในห้องนอนและเธอก็จะอดทำตัวเป็นนักสืบในที่สุด ยีวอนน่าค่อยๆย่องลงไปตามบันไดเธอมองไปยังห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน มันคือห้องหนังสือของคุณยายและมันยังคงเปิดไฟอยู่แสดงว่าคุณยายคงกำลังอ่านหนังสือ เธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเปิดลิ้นชักใส่ของออกมาและหยิบเอาไฟฉายเล็กๆไปด้วย ยีวอนน่าเดินไปยังสวนดอกไม้ที่อยู่ทางระเบียงด้านซ้ายของห้องนอนเธอเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆและพยายามเงียบไว้ให้มากที่สุด สวนดอกไม้ตกแต่งแบบสวนยุโรปมีพุ่มไม้เตี้ยๆที่แต่งไว้เป็นกำแพงเตี้ยๆและทางเดินที่เป็นอิฐ แต่ด้วยความมืดจึงทำให้ยากแก่การมองเห็นได้ว่าดอกไม้ที่ปลูกอยู่คือดอกอะไรบ้าง
      แสงสว่างทุกๆดวงบินมารวมกันตรงบริเวณน้ำพุเล็กๆกลางสวนจนทำให้เกิดเป็นแสงสว่างราวกับใครเอาโคมไฟดวงใหญ่ๆมาตั้งไว้กลางสวนตอนกลางคืน ยีวอนน่าหมอบลงและค่อยๆคลานไปตามทางเดินและมองผ่านกำแพงพุ่มไม้เตี้ยๆ เธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้
      “ของที่ยายสั่งไว้ซื้อมาได้ครบมั้ยจ๊ะหลานรัก?” คุณยายเพนนีร้องถามยีวอนน่าในขณะยังคงสาละวนกับการล้างจาน ยีวอนน่าฉุกคิดได้เธอลืมเอาแครอทกับสตรอเบอร์รี่ลงมาจากรถแวนนั่นเอง แย่แล้วสิคุณยายจะว่าอะไรหรือเปล่านะ
      “คุณยายคะ หนูลืม.....” ยีวอนน่าพูดพร้อมกับเดินเข้ามาช่วยคุณยายเพนนีเช็ดจานที่ล้างเสร็จแล้ว คุณยายเพนนีมองลอดแว่นแล้วหัวเราะ
      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาก็เอามันกลับมาเองแหละ” คุณยายเพนนีพูดขึ้นและยิ้มให้ยีวอนน่าเป็นเชิงว่าแวนเนสคงจะต้องย้อนกลับมาที่บ้านอีกแน่นอน ยีวอนน่าอดแปลกใจ(อีกเช่นเคย)ไม่ได้ว่าคุณยายรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง
      “แครอทกับสตรอเบอร์รี่ ทุกอย่างอยู่ในรถแวนของแวนเนส คุณยายรู้จักเขานี่คะ” ยีวอนน่ากล่าว คุณยายเพนนีพยักหน้ายิ้มและชวนยีวอนน่าคุยเรื่องการไปจ่ายตลาดและการชมเมือง ในขณะที่ยีวอนน่าก็กำลังเช็ดจานใบแล้วใบเล่า
      “ตายแล้ว!” ยีวอนน่าอุทาน เธอวางจานและผ้าเช็ดจานลงบนโต๊ะและยกมือข้างซ้ายขึ้นมาดู คุณยายเพนนีเดินเข้ามาดูใกล้ๆบนฝ่ามือของยีวอนน่า
      “ที่แท้ก็คือเบอร์โทรศัพท์ของมิสเตอร์วี ลูกชายเจ้าของร้านที่ชื่อแวนเนส” คุณยายเพนนีมองดูที่ฝ่ามือของยีวอนน่าและขยับแว่นเล็กน้อย ยีวอนน่ายิ้มเขินๆคุณยายเพนนีจึงบอกให้ยีวอนน่าจดเบอร์ลงในสมุดโน๊ตหรือกระดาษก่อนที่จะเผลอล้างมือไปเสียก่อน
      ยีวอนน่าจดเบอร์โทรศัพท์ของแวนเนสลงในสมุดวาดภาพและเริ่มนึกถึงใบหน้าอันสดใสของแวนเนสจากนั้นเธอก็บรรจงวาดใบหน้าของแวนเนสลงบนสมุดวาดภาพอย่างมีความสุข ลมในตอนสายๆของวันนี้ค่อนข้างแรงเล็กน้อยยีวอนน่าจึงเดินไปปิดหน้าต่างตรงระเบียงห้องนอนและกลับมานั่งลงบนเตียงและวาดรูปแวนเนสต่อไป สักพักยีวอนน่าได้ยินเสียงคล้ายกับมีใครมาเคาะกระจกหน้าต่างตรงระเบียง ในตอนแรกเธอคิดว่าเธออาจหูฝาดไปเองแต่เสียงนั่นดังถี่ขึ้นเรื่อยๆจนยีวอนน่ารู้สึกหงุดหงิดที่ถูกทำให้เสียสมาธิในการวาดภาพ เธอเดินไปเปิดหน้าต่างและเดินออกมาที่ระเบียงทุกอย่างปกติไม่มีใครอยู่ตรงระเบียง มีเพียงท้องฟ้าสดใสและสวนดอกไม้ที่อยู่เบื้องล่าง นกพิราบตัวหนึ่งบินตรงมายังยีวอนน่าและมันได้หย่อนซองจดหมายซองหนึ่งลงบนระเบียง ยีวอนน่าเก็บมันขึ้นมาหน้าซองจ่าชื่อยีวอนน่า มันเป็นซองจดหมายสีงาช้างขนาดเล็กเท่ากับนามบัตรเมื่อเปิดซองออกจะมีไอเย็นๆกระจายออกมาทั่วมือ ยีวอนน่าหยิบบัตรเล็กๆที่อยู่ในซองออกมาและเปิดอ่านมันเป็นบัตรเชิญงานเลี้ยงของใครสักคนที่ยีวอนน่าไม่รู้จัก สถานที่ของงานคือสวนดอกไม้ของคุณยายเพนนีและผู้เชิญลงชื่อไว้ว่า ภูตกลางคืน
      “ตลกสิ้นดี ใครจะเข้ามาจัดงานเลี้ยงในสวนส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านได้” ยีวอนน่าพูดขึ้นและวางซองจดหมายพร้อมบัตรเชิญไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นเธอก็หยิบแปรงขึ้นมาแปรงผมยาวสลวยของเธออย่างพิถีพิถัน เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นที่หน้าบ้านยีวอนน่าเดินออกไปดูที่ระเบียงรถแวนสีฟ้าขาวของแวนเนสจอดอยู่หน้าบ้านพอดีคุณยายเดินไปยังประตูเล็กและเปิดมันออก แวนเนสขยับตะกร้าแครอทและถุงสตรอเบอร์รี่เข้ามาในบ้านทางประตูและช่วยคุณยายเพนนีถือพวกมันเข้ามาภายในบ้านพร้อมกันจากนั้นเขาก็เดินออกมาตามทางเดินอิฐแดงทรงแปดเหลี่ยมและลอดออกไปทางประตูเล็กตรงกำแพงเช่นเดิม ยีวอนน่ายังคงยืนอยู่บนระเบียงห้องนอนมองไปยังแวนเนสและโบกมือให้ แวนเนสโบกมือตอบและขับรถออกไป
      หลังอาหารค่ำของคุณยายเพนนี ยีวอนน่าอิ่มเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเค้กแครอทของคุณยายนั้นอร่อยมาก มันคงเป็นการดีถ้าจะขอสูตรเค้กแครอทไปให้คุณรอนนี่บ้างเขาคงจะมีความสุขมากเลยทีเดียว ส่วนสตรอเบอร์รี่ที่ซื้อมาคุณยายก็เอาไปแช่น้ำแข็งเอาไว้และนำมาทำไอศครีมสตรอเบอร์รี่เสิร์ฟหลังอาหารค่ำ ถ้าคุณยายยังทำอาหารแบบนี้ทุกมื้อแล้วล่ะก็ยีวอนน่าเองคงต้องออกกำลังกายมากขึ้นแล้วแหละ ยีวอนน่ากลับขึ้นไปยังห้องนอนหลังจากช่วยคุณยายทำความสะอาดห้องครัวและนั่งดูทีวีด้วยกัน เธอค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆและเดินไปตามทางเดินยาวๆยีวอนน่ายังคงสงสัยอยู่ว่าคุณยายเพนนีสามารถอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้เพียงลำพังได้อย่างไร
      ที่ห้องนอนยีวอนน่ากำลังเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ เธอเปิดน้ำจนเต็มอ่างและค่อยๆหย่อนตัวลงในอางอาบน้ำ คืนนี้ดวงดาวเต็มท้องฟ้าดังนั้นยีวอนน่าจึงเปิดม่านแง้มเอาไว้เพื่อที่จะได้เห็นดวงจันทร์ยามค่ำคืน สิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังบินผ่านหน้าต่างไปมันเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆมีแสงในตัวเองคล้างหิ่งห้อย แต่แสงของพวกมันสว่างไสวกว่าหิ่งห้อยยิ่งนักและหากยีวอนน่าไม่ได้ตาฝาดพวกมันมีปีกเหมือนผีเสื้อและใส่เสื้อผ้าเหมือนคน ยีวอนน่ารีบอาบน้ำให้เสร็จเธอแต่งตัวและรีบเปิดม่านออกมองตามกลุ่มแสงเหล่านั้นไป พวกมันทั้งหมดมุ่งไปยังที่ๆเดียวกันนั่นคือในสวนดอกไม้นั่นเองจึงทำให้ในคืนนี้สวนดอกไม้ทุกทำให้สว่างโดยแสงจากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
      ยีวอนน่านั้นสงสัยในความประหลาดของบ้านหลังนี้อยู่แล้วเธอจึงไม่รีรอที่จะลงไปสืบให้รู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นคือหิ่งห้อยหรืออะไรกันแน่ ในตอนแรกยีวอนน่าเดินอย่างเร็วเพื่อที่จะลงบันไดไปแต่เธอก็พยายามเดินให้เบาและเงียบที่สุดแทนเพราะหากเธอทำเสียงดังคุณยายอาจจะสงสัยและบอกให้เธอกลับเข้าไปในห้องนอนและเธอก็จะอดทำตัวเป็นนักสืบในที่สุด ยีวอนน่าค่อยๆย่องลงไปตามบันไดเธอมองไปยังห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน มันคือห้องหนังสือของคุณยายและมันยังคงเปิดไฟอยู่แสดงว่าคุณยายคงกำลังอ่านหนังสือ เธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเปิดลิ้นชักใส่ของออกมาและหยิบเอาไฟฉายเล็กๆไปด้วย ยีวอนน่าเดินไปยังสวนดอกไม้ที่อยู่ทางระเบียงด้านซ้ายของห้องนอนเธอเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆและพยายามเงียบไว้ให้มากที่สุด สวนดอกไม้ตกแต่งแบบสวนยุโรปมีพุ่มไม้เตี้ยๆที่แต่งไว้เป็นกำแพงเตี้ยๆและทางเดินที่เป็นอิฐ แต่ด้วยความมืดจึงทำให้ยากแก่การมองเห็นได้ว่าดอกไม้ที่ปลูกอยู่คือดอกอะไรบ้าง
      แสงสว่างทุกๆดวงบินมารวมกันตรงบริเวณน้ำพุเล็กๆกลางสวนจนทำให้เกิดเป็นแสงสว่างราวกับใครเอาโคมไฟดวงใหญ่ๆมาตั้งไว้กลางสวนตอนกลางคืน ยีวอนน่าหมอบลงและค่อยๆคลานไปตามทางเดินและมองผ่านกำแพงพุ่มไม้เตี้ยๆ เธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น