ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เดินเล่น
      นกพิราบบินผ่านดินแดนต่างๆในนิรันดร์นครและมุ่งไปยังปราสาทแก้ว มันแกล้งบินโฉบวิลโล่ภูตหนุ่มน้อยรูปร่างท้วมน่ารัก วิลโล่มองเห็นเงาของนกพิราบบนพื้นดินและตกใจกลัวนึกว่าเป็นนกเหยี่ยวเขารีบหมอบลงบนพื้นแต่เมื่อได้ยินเสียงของนกพิราบเขาจึงรู้ว่าเป็นนกของจัสมินเพื่อนภูตของเขาเอง
      “ปัดโธ่! ทำฉันขวัญเสียหมดเลยนะ!” วิลโล่ตะโกนว่านกพิราบ
      “ฮ่าๆๆๆ” ไวโอเล็ตและโรสเพื่อนภูตสาวคู่ซี้ซึ่งบินเล่นอยู่แถวๆนั้นหัวเราะเยาะวิลโล่อย่างตลกขบขัน
      ในที่สุดนกพิราบก็บินเข้ามายังห้องทำงานบนยอดบนสุดของปราสาทแก้ว มันหย่อนจดหมายลงบนหัวของจัสมินพอดิบพอดีแต่ด้วยขนาดซองจดหมายที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้จัสมินเสียหลักล้มลงจากเก้าอี้
      “โอ้ย เจ้านกตัวแสบทำฉันเสียฟอร์มหมดเลย” จัสมินบ่นและขยับมงกุฎเพชรบนหัวของเธอให้เข้าที่ตามเดิมจากนั้นเธอก็พยายามแกะซองจดหมายขนาดความยาวเท่าโต๊ะทำงานของเธอด้วยความทุลักทุเลและในที่สุดความพยายามของจัสมินก็หมดลงเธอใช้คาถาเสกให้จดหมายเด้งออกมาจากซอง จดหมายกางออกในอากาศในทันทีที่มันเด้งออกมาจากซอง จัสมินเริ่มอ่านทุกตัวอักษรที่ยีวอนน่าบอกเล่าและเมื่อเธออ่านจบจัสมินก็รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรบ้าง ใช่แล้วเรียกประชุมกับเพื่อนๆของเธอนั่นเอง
      ยีวอนน่าเดินไปมหาวิทยาลัยกับนุชชี่สองคน เธอเลือกที่จะเดินไปเรียนเองโดยที่แวนเนสไม่จำเป็นต้องมาคอยรับตลอดทุกเช้าเพราะเธอเห็นใจที่เขาต้องเสียเวลากับการย้อนไปมาระหว่างอพ้าทเม้นท์ของเขา บ้านของเธอและมหาวิทยาลัย นุชชี่ชวนยีวอนน่าคุยสารพัดเรื่องโดยเฉพาะเรื่องคริสแฟนหนุ่มยีวอนน่าบอกว่านุชชี่โชคดีมากที่เจอคนแบบคริสเพราะเขาทั้งดูดีและนิสัยดีแถมยังสามารถเข้ากับแวนเนสผู้ชายบ๊องๆได้เป็นอย่างดี และเช่นกันยีวอนน่าก็ยังเล่าถึงเรื่องที่เธอคุยกับยายเมื่อเช้าด้วย
      “เออนี่ ยีวอนน่า ทำไม่พวกภูตถึงชอบเรียกตัวเองว่าภูตกลางคืนในเมื่อเธอบอกว่าพวกนั้นอยู่ในตอนกลางวันก็ได้?” นุชชี่ถามขึ้นหลังจากหมดเรื่องคุยไปพักหนึ่ง
      “จากที่จัสมินบอกให้ฉันไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับภูตมานะ มันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกที่ภูตกลางคืนเป็นภูตกลางคืนก็เพราะว่าพวกภูตประเภทนี้มีปีกเรืองแสงดังนั้นจึงชอบออกมาเล่นในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวันเพื่อโชว์แสงที่สวยงามบนปีกก็เท่านั้นแหละ” ยีวอนน่าตอบอย่างผู้รู้
      “ฉันมาคิดดูใหม่นะเธอน่าจะโทรไปหาคุณยายเพนนีและถามท่านตรงๆไปเลยจะได้ไม่ต้องสงสัยไงว่าครอบครัวของแม่เธอเป็นอะไรกันแน่” นุชชี่เสนอความคิด
      “ก็อยากทำแบบนั้นอยู่หรอกแต่คุณยายเพนนีเป็นคนที่ชอบพูดอะไรสั้นๆและฉันก็จะต้องเอามาเรียบเรียงอีกที” ยีวอนน่าตอบ นุชชี่สังเกตเห็นรถสปอตสีแดงของแวนเนสจอดอยู่ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยประตูรถเปิดอ้าอยู่และขายาวๆของแวนเนสก็โผล่ออกมาจากที่นั่งด้านคนขับ นุชชี่รีบสะกิดยีวอนน่าให้มองไปที่รถ
      “ดูนั่นสิ ใช่แฟนเธอหรือเปล่า น่าเกลียดจริงๆมานอนอะไรแถวนี้” นุชชี่บอกยีวอนน่าพลางชี้ไปที่รถ ยีวอนน่ามองตามนิ้วชี้ของนุชชี่ไปที่รถสปอตสีแดงและเดินไปยังรถเพื่อดูใกล้ๆว่าแวนเนสทำอะไรอยู่กันแน่
      ยีวอนน่าเดินมาถึงตัวรถโดยมีนุชชี่เดินตามมาติดๆ เธอมองเข้าไปในรถและแวนเนสก็กำลังนอนหลับอยู่โดยที่หัวของเขาอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับและนอนเหยียดขายาวๆสองข้างมาทางที่นั่งคนขับ เขายังไม่ได้ผูกเชือกรองเท้าผ้าใบด้วยซ้ำ
      “ทำไมมานอนแบบนี้ล่ะ เมาหรือเปล่า?” นุชชี่ถามยีวอนน่า
      “เมื่อคืนยังดีๆอยู่เลยเธอก็เห็น” ยีวอนน่าบอก
      “เอางี้ฉันไม่กวนดีกว่าเธออยู่ดูแลแวนเนสไปเถอะ แล้วเจอกันที่ห้องนะจ๊ะ” นุชชี่บอกและยิ้มให้จากนั้นก็เดินแยกไปอันที่จริงนุชชี่คิดว่าแวนเนสคงวางแผนเรียกร้องความสนใจบางอย่างจากยีวอนน่าและอยากอยู่กับยีวอนน่าสองคนมากกว่าเธอจึงจงใจเดินเลี่ยงมาก่อนเพื่อให้เพื่อนรักได้หวานชื่นว่าแล้วนุชชี่ก็ลืมตัวหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวจนดูเหมือนบ้า
      ยีวอนน่ามองดูแวนเนสอยู่ครู่หนึ่งเธอโยนหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆลงบนท้องของแวนเนส เขากระตุกเล็กน้อยแต่ยังคงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ ยีวอนน่ายืนเท้าสะเอวและมองไปยังรองเท้าผ้าใบของแวนเนสเธอนั่งลงและพยายามจะผูกเชือกรองเท้าให้กับเขาแต่แวนเนสกลับชักขาขึ้นและเริ่มพลิกตัว ขาของเขาชนถูกแตรรถเต็มแรง เสียงแตรที่ดังขึ้นทำให้แวนเนสสะดุ้งตื่น ยีวอนน่าชะโงกหน้าเข้าไปในรถเมื่อแวนเนสมองเห็นยีวอนน่าเขาจึงค่อยๆเลื่อนตัวออกมาทางประตูรถด้านคนขับที่เปิดอยู่
      “ระวังหนังสือฉันหน่อยสิ” ยีวอนน่าร้องบอกแวนเนสที่ทำหนังสือของยีวอนน่าตกไปทั่วพื้น แวนเนสก้มลงหยิบข้าวของของยีวอนน่าและยื่นมันคืนให้กับเธอ เขานั่งพิงไปที่เบาะคนขับและหาวนอน
      “ง่วงเป็นบ้าเลย วันนี้ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้าตื่นมาทำไมก็ไม่รู้” แวนเนสพูดขึ้น เขาเกาคอตัวเองไปมา
      “ก็เลยมานอนตากลมแถวนี้แทนน่ะเหรอ?” ยีวอนน่าแหย่ แวนเนสหันมายิ้ม
      “ฉันตื่นแล้วเธอลืมอะไรหรือเปล่า?” แวนเนสถาม ทำตาเจ้าเล่ห์
      “ไม่มีทางหรอกนะฉันไม่หลงกลอีกแล้ว” ยีวอนน่าบอกและเอื้อมมือไปหยิกแก้มแวนเนส
      “วันนี้เธอมีเรียนตอนเช้าหรือเปล่า?” แวนเนสถามขึ้น
      “ก็ไม่เชิง วันนี้อาจารย์งดสอนแต่พวกเราต้องนั่งทำการบ้านในชั่วโมง” ยีวอนน่าตอบ แวนเนสลุกออกมาจากรถเขาดึงหนังสือของยีวอนน่ามาจากมือของเธอและโยนมันไว้ที่เบาะด้านหลังจากนั้นก็ปิดประตูรถและจูงมือยีวอนน่าออกมา
      “ไปเดินเล่นกัน” แวนเนสชวนและจูงยีวอนน่าเดินมาเรื่อยๆ โดยที่ยีวอนน่าบ่นตลอดทางว่าเธอควรจะอยู่ในห้องเรียนมากกว่าในเวลาแบบนี้แต่แวนเนสหาได้ใส่ใจกับเสียงบ่นของยีวอนน่า เขายังคงผิวปากเป็นเพลงอย่างสบายใจจนในที่สุดยีวอนน่าก็เหนื่อยที่จะบ่นและยอมไปเดินเล่นแต่โดยดี แวนเนสสะดุดสายเชือกรองเท้าของตัวเองในที่สุดยีวอนน่าได้แต่หัวเราะและรอให้แวนเนสก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้เรียบร้อย
      แวนเนสนั้นจัดได้ว่าเป็นคนที่ซุกซนคนหนึ่ง เขามักเป็นคนช่างสังเกตและชอบสำรวจไปทั่วทุกหนทุกแห่งวันนี้เขาพายีวอนน่ามาเดินเล่นที่ด้านหลังของมหาวิทยาลัยแม็คเคล่าซึ่งเป็นบริเวณที่ติดกับลำธารสายเล็กๆ และก็เป็นเช่นหลายๆครั้งที่วันนี้เป็นวันที่ลมแรงและยีวอนน่าก็สวมกระโปรงเธอพยายามเดินจับกระโปรงเอาไว้แทบจะตลอดเวลาเพื่อกันไม่ให้กระโปรงเปิด
      “ทำไมเธอจะต้องใส่กระโปรงเวลาที่ฉันพามาเดินเล่นด้วยนะ” แวนเนสมองยีวอนน่า เขายิ้มให้เธอ ยีวอนน่าหัวเราะในคำพูดของแวนเนส เธอมองไปยังเขาซึ่งวันนี้เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีเทาและกางเกงยีนส์
      “แล้วเธอล่ะเอาเสื้อแจ๊กเก๊ตตัวโปรดไปทิ้งถังขยะแล้วเหรอ?” ยีวอนน่าถามบ้าง
      “เอาไปซักน่ะ....ที่ร้านของพ่อเธอน่ะแหละ ตอนเย็นค่อยแวะไปเอา” แวนเนสตอบ เขามองไปข้างหน้าและเดินล้วงกระเป๋ากางเกง ยีวอนน่าหันไปยิ้มให้เขา
      ยีวอนน่าเหลือบไปเห็นแปลงเพาะชำต้นไม้ที่ฝั่งตรงข้ามเธอชี้ให้แวนเนสดู เขาบอกกับยีวอนน่าว่าแปลงเพาะชำตรงนั้นเป็นแปลงเพาะชำดอกกุหลาบแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของว่าแล้วแวนเนสก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาเขามองเห็นไม้กระดานผุๆแผ่นหนึ่งที่วางผาดเอาไว้เพื่อเป็นสะพานข้ามไปอีกฝากของลำธาร เขารีบเดินไปที่ไม้กระดานแผ่นนั้นและหันมาทางยีวอนน่า
      “ฉันจะไปเอากุหลาบดอกที่สวยที่สุดมาให้เธอเอง มากับฉันนะ” แวนเนสบอกยีวอนน่าและยื่นมือของเขาเพื่อรอรับมือของเธอ
      “นั่นมันเข้าข่ายขโมยนะ” ยีวอนน่าคัดค้าน
      “แค่ดอกเดียวเอง ฉันขอซื้อกับเจ้าของแปลงก็ได้ มาน่า” แวนเนสชวน ยีวอนน่ายื่นมือไปหาเขาเมื่อทั้งสองจับมือกันความเงียบก็เกิดขึ้น แวนเนสทำหน้าตาแปลกๆและมองไปที่ยีวอนน่าเช่นเดียวกับที่ยีวอนน่ามองไปที่เขา
      “เมื่อคืนนี้ฉันฝัน” ยีวอนน่าและแวนเนสพูดพร้อมกัน ยีวอนน่าประหลาดใจและปล่อยมือจากแวนเนส
      “ยีน่า ระวัง!” แวนเนสร้องเตือนยีวอนน่าและจับตัวเธอเอาไว้ก่อนที่ยีวอนน่าจะพลัดตกลงไปในลำธาร ยีวอนน่าจับแขนของแวนเนสได้ทันเธอรีบเดินลงจากแผ่นไม้กระดานทันทีแวนเนสเดินตามลงมา
      “เธอฝัน.....แบบนี้ใช่มั๊ยที่แม่น้ำอะไรซักอย่าง” แวนเนสถามยีวอนน่า เธอหันกลับมาหาแวนเนส
      “เป็นไปไม่ได้หรอกคนสองคนจะฝันเรื่องเดียวกันได้ยังไง” ยีวอนน่าไม่อยากจะเชื่อว่าแวนเนสก็ฝันเหมือนเธอ เมื่อเห็นสีหน้าของยีวอนน่าดูมีความวิตกกังวลแวนเนสจึงเป็นห่วงและพยายามหันเหความสนใจของเธอ
      “แหมคิดถึงฉันมากจนฝันถึงฉันล่ะสิท่า” แวนเนสพยายามพูดตลกซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่งเพราะยีวอนน่าหัวเราะออกมานิดหน่อย
      “ฉันหิวแล้วแหละ เมื่อเช้าโดนนุชชี่แย่งกินไปซะเกือบหมดเลย” ยีวอนน่าเองก็ต้องการหันเหความสนใจเรื่องความฝันให้ออกไปจากสมองของแวนเนสเช่นกัน แวนเนสยิ้มและจูงมือยีวอนน่าเดินกลับไปเพื่อหาอาหารว่างกินกัน
      “ปัดโธ่! ทำฉันขวัญเสียหมดเลยนะ!” วิลโล่ตะโกนว่านกพิราบ
      “ฮ่าๆๆๆ” ไวโอเล็ตและโรสเพื่อนภูตสาวคู่ซี้ซึ่งบินเล่นอยู่แถวๆนั้นหัวเราะเยาะวิลโล่อย่างตลกขบขัน
      ในที่สุดนกพิราบก็บินเข้ามายังห้องทำงานบนยอดบนสุดของปราสาทแก้ว มันหย่อนจดหมายลงบนหัวของจัสมินพอดิบพอดีแต่ด้วยขนาดซองจดหมายที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้จัสมินเสียหลักล้มลงจากเก้าอี้
      “โอ้ย เจ้านกตัวแสบทำฉันเสียฟอร์มหมดเลย” จัสมินบ่นและขยับมงกุฎเพชรบนหัวของเธอให้เข้าที่ตามเดิมจากนั้นเธอก็พยายามแกะซองจดหมายขนาดความยาวเท่าโต๊ะทำงานของเธอด้วยความทุลักทุเลและในที่สุดความพยายามของจัสมินก็หมดลงเธอใช้คาถาเสกให้จดหมายเด้งออกมาจากซอง จดหมายกางออกในอากาศในทันทีที่มันเด้งออกมาจากซอง จัสมินเริ่มอ่านทุกตัวอักษรที่ยีวอนน่าบอกเล่าและเมื่อเธออ่านจบจัสมินก็รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรบ้าง ใช่แล้วเรียกประชุมกับเพื่อนๆของเธอนั่นเอง
      ยีวอนน่าเดินไปมหาวิทยาลัยกับนุชชี่สองคน เธอเลือกที่จะเดินไปเรียนเองโดยที่แวนเนสไม่จำเป็นต้องมาคอยรับตลอดทุกเช้าเพราะเธอเห็นใจที่เขาต้องเสียเวลากับการย้อนไปมาระหว่างอพ้าทเม้นท์ของเขา บ้านของเธอและมหาวิทยาลัย นุชชี่ชวนยีวอนน่าคุยสารพัดเรื่องโดยเฉพาะเรื่องคริสแฟนหนุ่มยีวอนน่าบอกว่านุชชี่โชคดีมากที่เจอคนแบบคริสเพราะเขาทั้งดูดีและนิสัยดีแถมยังสามารถเข้ากับแวนเนสผู้ชายบ๊องๆได้เป็นอย่างดี และเช่นกันยีวอนน่าก็ยังเล่าถึงเรื่องที่เธอคุยกับยายเมื่อเช้าด้วย
      “เออนี่ ยีวอนน่า ทำไม่พวกภูตถึงชอบเรียกตัวเองว่าภูตกลางคืนในเมื่อเธอบอกว่าพวกนั้นอยู่ในตอนกลางวันก็ได้?” นุชชี่ถามขึ้นหลังจากหมดเรื่องคุยไปพักหนึ่ง
      “จากที่จัสมินบอกให้ฉันไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับภูตมานะ มันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกที่ภูตกลางคืนเป็นภูตกลางคืนก็เพราะว่าพวกภูตประเภทนี้มีปีกเรืองแสงดังนั้นจึงชอบออกมาเล่นในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวันเพื่อโชว์แสงที่สวยงามบนปีกก็เท่านั้นแหละ” ยีวอนน่าตอบอย่างผู้รู้
      “ฉันมาคิดดูใหม่นะเธอน่าจะโทรไปหาคุณยายเพนนีและถามท่านตรงๆไปเลยจะได้ไม่ต้องสงสัยไงว่าครอบครัวของแม่เธอเป็นอะไรกันแน่” นุชชี่เสนอความคิด
      “ก็อยากทำแบบนั้นอยู่หรอกแต่คุณยายเพนนีเป็นคนที่ชอบพูดอะไรสั้นๆและฉันก็จะต้องเอามาเรียบเรียงอีกที” ยีวอนน่าตอบ นุชชี่สังเกตเห็นรถสปอตสีแดงของแวนเนสจอดอยู่ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยประตูรถเปิดอ้าอยู่และขายาวๆของแวนเนสก็โผล่ออกมาจากที่นั่งด้านคนขับ นุชชี่รีบสะกิดยีวอนน่าให้มองไปที่รถ
      “ดูนั่นสิ ใช่แฟนเธอหรือเปล่า น่าเกลียดจริงๆมานอนอะไรแถวนี้” นุชชี่บอกยีวอนน่าพลางชี้ไปที่รถ ยีวอนน่ามองตามนิ้วชี้ของนุชชี่ไปที่รถสปอตสีแดงและเดินไปยังรถเพื่อดูใกล้ๆว่าแวนเนสทำอะไรอยู่กันแน่
      ยีวอนน่าเดินมาถึงตัวรถโดยมีนุชชี่เดินตามมาติดๆ เธอมองเข้าไปในรถและแวนเนสก็กำลังนอนหลับอยู่โดยที่หัวของเขาอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับและนอนเหยียดขายาวๆสองข้างมาทางที่นั่งคนขับ เขายังไม่ได้ผูกเชือกรองเท้าผ้าใบด้วยซ้ำ
      “ทำไมมานอนแบบนี้ล่ะ เมาหรือเปล่า?” นุชชี่ถามยีวอนน่า
      “เมื่อคืนยังดีๆอยู่เลยเธอก็เห็น” ยีวอนน่าบอก
      “เอางี้ฉันไม่กวนดีกว่าเธออยู่ดูแลแวนเนสไปเถอะ แล้วเจอกันที่ห้องนะจ๊ะ” นุชชี่บอกและยิ้มให้จากนั้นก็เดินแยกไปอันที่จริงนุชชี่คิดว่าแวนเนสคงวางแผนเรียกร้องความสนใจบางอย่างจากยีวอนน่าและอยากอยู่กับยีวอนน่าสองคนมากกว่าเธอจึงจงใจเดินเลี่ยงมาก่อนเพื่อให้เพื่อนรักได้หวานชื่นว่าแล้วนุชชี่ก็ลืมตัวหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวจนดูเหมือนบ้า
      ยีวอนน่ามองดูแวนเนสอยู่ครู่หนึ่งเธอโยนหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆลงบนท้องของแวนเนส เขากระตุกเล็กน้อยแต่ยังคงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ ยีวอนน่ายืนเท้าสะเอวและมองไปยังรองเท้าผ้าใบของแวนเนสเธอนั่งลงและพยายามจะผูกเชือกรองเท้าให้กับเขาแต่แวนเนสกลับชักขาขึ้นและเริ่มพลิกตัว ขาของเขาชนถูกแตรรถเต็มแรง เสียงแตรที่ดังขึ้นทำให้แวนเนสสะดุ้งตื่น ยีวอนน่าชะโงกหน้าเข้าไปในรถเมื่อแวนเนสมองเห็นยีวอนน่าเขาจึงค่อยๆเลื่อนตัวออกมาทางประตูรถด้านคนขับที่เปิดอยู่
      “ระวังหนังสือฉันหน่อยสิ” ยีวอนน่าร้องบอกแวนเนสที่ทำหนังสือของยีวอนน่าตกไปทั่วพื้น แวนเนสก้มลงหยิบข้าวของของยีวอนน่าและยื่นมันคืนให้กับเธอ เขานั่งพิงไปที่เบาะคนขับและหาวนอน
      “ง่วงเป็นบ้าเลย วันนี้ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้าตื่นมาทำไมก็ไม่รู้” แวนเนสพูดขึ้น เขาเกาคอตัวเองไปมา
      “ก็เลยมานอนตากลมแถวนี้แทนน่ะเหรอ?” ยีวอนน่าแหย่ แวนเนสหันมายิ้ม
      “ฉันตื่นแล้วเธอลืมอะไรหรือเปล่า?” แวนเนสถาม ทำตาเจ้าเล่ห์
      “ไม่มีทางหรอกนะฉันไม่หลงกลอีกแล้ว” ยีวอนน่าบอกและเอื้อมมือไปหยิกแก้มแวนเนส
      “วันนี้เธอมีเรียนตอนเช้าหรือเปล่า?” แวนเนสถามขึ้น
      “ก็ไม่เชิง วันนี้อาจารย์งดสอนแต่พวกเราต้องนั่งทำการบ้านในชั่วโมง” ยีวอนน่าตอบ แวนเนสลุกออกมาจากรถเขาดึงหนังสือของยีวอนน่ามาจากมือของเธอและโยนมันไว้ที่เบาะด้านหลังจากนั้นก็ปิดประตูรถและจูงมือยีวอนน่าออกมา
      “ไปเดินเล่นกัน” แวนเนสชวนและจูงยีวอนน่าเดินมาเรื่อยๆ โดยที่ยีวอนน่าบ่นตลอดทางว่าเธอควรจะอยู่ในห้องเรียนมากกว่าในเวลาแบบนี้แต่แวนเนสหาได้ใส่ใจกับเสียงบ่นของยีวอนน่า เขายังคงผิวปากเป็นเพลงอย่างสบายใจจนในที่สุดยีวอนน่าก็เหนื่อยที่จะบ่นและยอมไปเดินเล่นแต่โดยดี แวนเนสสะดุดสายเชือกรองเท้าของตัวเองในที่สุดยีวอนน่าได้แต่หัวเราะและรอให้แวนเนสก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้เรียบร้อย
      แวนเนสนั้นจัดได้ว่าเป็นคนที่ซุกซนคนหนึ่ง เขามักเป็นคนช่างสังเกตและชอบสำรวจไปทั่วทุกหนทุกแห่งวันนี้เขาพายีวอนน่ามาเดินเล่นที่ด้านหลังของมหาวิทยาลัยแม็คเคล่าซึ่งเป็นบริเวณที่ติดกับลำธารสายเล็กๆ และก็เป็นเช่นหลายๆครั้งที่วันนี้เป็นวันที่ลมแรงและยีวอนน่าก็สวมกระโปรงเธอพยายามเดินจับกระโปรงเอาไว้แทบจะตลอดเวลาเพื่อกันไม่ให้กระโปรงเปิด
      “ทำไมเธอจะต้องใส่กระโปรงเวลาที่ฉันพามาเดินเล่นด้วยนะ” แวนเนสมองยีวอนน่า เขายิ้มให้เธอ ยีวอนน่าหัวเราะในคำพูดของแวนเนส เธอมองไปยังเขาซึ่งวันนี้เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีเทาและกางเกงยีนส์
      “แล้วเธอล่ะเอาเสื้อแจ๊กเก๊ตตัวโปรดไปทิ้งถังขยะแล้วเหรอ?” ยีวอนน่าถามบ้าง
      “เอาไปซักน่ะ....ที่ร้านของพ่อเธอน่ะแหละ ตอนเย็นค่อยแวะไปเอา” แวนเนสตอบ เขามองไปข้างหน้าและเดินล้วงกระเป๋ากางเกง ยีวอนน่าหันไปยิ้มให้เขา
      ยีวอนน่าเหลือบไปเห็นแปลงเพาะชำต้นไม้ที่ฝั่งตรงข้ามเธอชี้ให้แวนเนสดู เขาบอกกับยีวอนน่าว่าแปลงเพาะชำตรงนั้นเป็นแปลงเพาะชำดอกกุหลาบแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของว่าแล้วแวนเนสก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาเขามองเห็นไม้กระดานผุๆแผ่นหนึ่งที่วางผาดเอาไว้เพื่อเป็นสะพานข้ามไปอีกฝากของลำธาร เขารีบเดินไปที่ไม้กระดานแผ่นนั้นและหันมาทางยีวอนน่า
      “ฉันจะไปเอากุหลาบดอกที่สวยที่สุดมาให้เธอเอง มากับฉันนะ” แวนเนสบอกยีวอนน่าและยื่นมือของเขาเพื่อรอรับมือของเธอ
      “นั่นมันเข้าข่ายขโมยนะ” ยีวอนน่าคัดค้าน
      “แค่ดอกเดียวเอง ฉันขอซื้อกับเจ้าของแปลงก็ได้ มาน่า” แวนเนสชวน ยีวอนน่ายื่นมือไปหาเขาเมื่อทั้งสองจับมือกันความเงียบก็เกิดขึ้น แวนเนสทำหน้าตาแปลกๆและมองไปที่ยีวอนน่าเช่นเดียวกับที่ยีวอนน่ามองไปที่เขา
      “เมื่อคืนนี้ฉันฝัน” ยีวอนน่าและแวนเนสพูดพร้อมกัน ยีวอนน่าประหลาดใจและปล่อยมือจากแวนเนส
      “ยีน่า ระวัง!” แวนเนสร้องเตือนยีวอนน่าและจับตัวเธอเอาไว้ก่อนที่ยีวอนน่าจะพลัดตกลงไปในลำธาร ยีวอนน่าจับแขนของแวนเนสได้ทันเธอรีบเดินลงจากแผ่นไม้กระดานทันทีแวนเนสเดินตามลงมา
      “เธอฝัน.....แบบนี้ใช่มั๊ยที่แม่น้ำอะไรซักอย่าง” แวนเนสถามยีวอนน่า เธอหันกลับมาหาแวนเนส
      “เป็นไปไม่ได้หรอกคนสองคนจะฝันเรื่องเดียวกันได้ยังไง” ยีวอนน่าไม่อยากจะเชื่อว่าแวนเนสก็ฝันเหมือนเธอ เมื่อเห็นสีหน้าของยีวอนน่าดูมีความวิตกกังวลแวนเนสจึงเป็นห่วงและพยายามหันเหความสนใจของเธอ
      “แหมคิดถึงฉันมากจนฝันถึงฉันล่ะสิท่า” แวนเนสพยายามพูดตลกซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่งเพราะยีวอนน่าหัวเราะออกมานิดหน่อย
      “ฉันหิวแล้วแหละ เมื่อเช้าโดนนุชชี่แย่งกินไปซะเกือบหมดเลย” ยีวอนน่าเองก็ต้องการหันเหความสนใจเรื่องความฝันให้ออกไปจากสมองของแวนเนสเช่นกัน แวนเนสยิ้มและจูงมือยีวอนน่าเดินกลับไปเพื่อหาอาหารว่างกินกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น