ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปริศนาบ้านคุณยาย The Granny\'s House

    ลำดับตอนที่ #4 : อาหารค่ำ

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 46


           เกือบจะหกโมงเย็นแล้วแต่ยีวอนน่ายังคงหลับสนิทแต่แล้วเธอก็รู้สึกราวกับมีใครสักคนหรืออะไรสักอย่างกำลังเขย่าเตียงไปมาเบาๆ มันทำให้เธอรู้สึกตัวแต่ตาของยีวอนน่ายังไม่อยากจะเปิดสักเท่าไร เธอค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงทั้งๆที่ตายังปิดอยู่จากนั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นและบิดขี้เกียจ ทันใดนั้นก็มีนาฬิกาปลุกเรือนเล็กๆปรากฏขึ้นตรงหน้าของยีวอนน่า เธอตกใจและทำตาโตเพราะสิ่งที่เธอเห็นคือนาฬิกาปลุกกำลังลอยอยู่ในอากาศราวกับมันเบาเหมือนขนนก ยีวอนน่าค่อยๆเอื้อมมือไปจับมันด้วยความพิศวงเข็มนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเย็นและทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงร้องเสียงดังหนวกหูเป็นอย่างมาก ยีวอนน่าตกใจปล่อยมือจากนาฬิกาและเอามือปิดหูเมื่อนาฬิกาหยุดร้องมันก็หายไปในพริบตาและปรากฏเป็นควันจางๆ ยีวอนน่าใช้หมอนปัดควันออกไป

           “ผีหลอก!” ยีวอนน่าพูดขึ้นพร้อมกับรีบวิ่งออกจากห้องนอน

           เธอวิ่งลงมาตามบันไดโค้งและหยุดหายใจเมื่อลงมาถึงชั้นล่างอย่างปลอดภัย ยีวอนน่ารู้สึกปวดหัวมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นหลายอย่างในบ้านหลังนี้ แล้วเธอจะสามารถอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ตลอดสามเดือนหรือนี่ยีวอนน่าตัดสินใจเดินไปยังห้องอาหารเพราะอย่างน้อยๆก็ยังดีกว่ายืนอยู่เพียงคนเดียวตรงเชิงบันไดแล้วมีมือลึกลับเอื้อมมาจับขาเธอเอาไว้ ว่าแล้วยีวอนน่าก็รีบเดินไปยังห้องอาหาร

           ที่ห้องอาหารทุกสิ่งทุกอย่างทุกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว มีจานชาม ช้อนส้อมและแก้วน้ำ อาหารบางส่วนจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อยส่งกลิ่นหอมน่ากินและดูเหมือนคุณยายจะยังคงอยู่ในห้องครัว ยีวอนน่าเริ่มหิวขึ้นมาและเดินไปยังห้องครัวเพื่อดูว่าเธอจะช่วยอะไรได้บ้าง ในห้องครัวคุณยายกำลังจัดแจงแต่งหน้าขนมเค้กขนาดกลางและข้างๆก็ยังมีคุกกี้ (โอ้ยไม่...คุกกี้อีกแล้วหรือ?) ท่านหันมาหายีวอนน่าและผลักยีวอนน่าให้ออกไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร

           “วันนี้เป็นวันพิเศษ ยายเข้าครัวเองเลยนะ ไปนั่งรอซะไปอาหารเสร็จแล้วและเราก็จะเริ่มมื้อค่ำกันซักที” คุณยายเพนนีกล่าวอย่างใจดี

           “แต่ว่าหนูควรจะช่วยคุณยายบ้างนะคะ คุณยายไม่มีแม้แต่แม่บ้าน” ยีวอนน่าพูดขึ้นในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ คุณยายเพนนีสั่นหัวและยิ้มท่านบอกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อแต่งหน้าเค้กเสร็จแล้วคุณยายเพนนีก็นั่งลงที่โต๊ะอาหารอีกคนเป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลากินเสียทีหลังจากที่ยีวอนน่าไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง อาหารอร่อยหมดทุกอย่างคุณยายทำซุปแครอท สลัดไข่ และยังมีสตูไก่ที่เน้นไปทางการใส่ผักมากกว่าเนื้อไก่ ดูๆไปแล้วก็เป็นอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายและให้คลอเรสเตอร์รอลต่ำอีกด้วย(แหมคุณยายดูแลสุขภาพเก่งจริงๆ เลยนะ) ทั้งสองคนกินมื้อค่ำด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น คุณยายช่างใจดีและน่ารักเสียเหลือเกินและเมื่อเค้กถูกเสิร์ฟยีวอนน่าก็เริ่มที่จะชวนคุณยายคุยบ้าง

           “คุณยายจะไปเที่ยวหรือคะ ทำไมต้องหาคนมาเฝ้าบ้านด้วย ทำไมไม่จ้างคนดูแลหรือตำรวจ?” ยีวอนน่าถามด้วยความอยากรู้อย่างที่สุด

           “ก็ไม่เชิงนะจ๊ะ การเขียนจดหมายไปขอให้หลานมาเฝ้าบ้านให้เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด ช่วงนี้ยายมีธุระบ่อยไม่ค่อยอยู่บ้านจะให้คนนอกมาจัดการทุกอย่างในบ้านแทนก็คงไม่ดีเท่าลูกหลานหรอกนะ” คุณยายเพนนีอธิบายพร้อมกับตักเค้กผลไม้เข้าปาก

           “แต่คุณยายก็อายุมากแล้ว ยังจำเป็นต้องทำงานอีกหรือคะ?” ยีวอนน่าถาม

           “ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ จริงมั้ย?” คุณยายเพนนีกล่าวพร้อมยิ้ม ยีวอนน่ายิ้มตอบและพยักหน้าค่อยๆ

           “คุณยายคะ หนูว่า....เออ....หนูว่าบ้านหลังนี้มันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้นะคะ หนูคิดว่าหนูโดนผีหลอกในห้องนอน...จริงๆนะคะ” ยีวอนน่าพูดอย่างหวาดๆ คุณยายเพนนีตักเค้กอีกหนึ่งชิ้นให้ยีวอนน่าและหัวเราะ

           “บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าแก่ตกทอดมาหลายคนแต่มันก็ยังน่าอยู่นะ ดูเหมือนบ้านใหม่อยู่เสมอ มันไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่หนูว่าหรอกยีวอนน่า มันเป็นบ้านที่น่าอยู่และอบอุ่นที่สุดเท่าที่หนูจะหาได้” คุณยายเพนนีกล่าวอย่างใจดี

           “แต่ว่า.....” ยีวอนน่างอแง

           คุณยายเพนนีสั่นหัวเบาๆและหัวเราะและบอกกับยีวอนน่าว่าเดือนหน้าท่านจะต้องไปธุระหลายอาทิตย์และในช่วงนี้อยากให้ยีวอนน่าพักผ่อนให้สบายมากกว่า ท่าทีของคุณยายทำให้ยีวอนน่ารู้สึกโล่งใจขึ้นมากในเรื่องผีหลอก เธออาสาช่วยเก็บโต๊ะอาหารและล้างจานให้คุณยายเพนนีหลังมื้อค่ำจากนั้นคุณยายเพนนีก็หยิบตระกร้าใส่คุกกี้ออกมาจากในครัวและยกให้ยีวอนน่าพร้อมทั้งบอกให้เธอไปนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น ยีวอนน่านั่งลงที่ห้องนั่งเล่นในขณะที่คุณยายเดินไปเดินมาอยู่ตลอดเวลาดูราวกับว่าคุณยายจะไม่ชอบอยู่เฉยๆเอาซะเลย คุณยายถามยีวอนน่าเกี่ยวกับพ่อและแม่ของเธอ ยีวอนน่าไม่อยากบอกว่าตอนนี้ครอบครัวของเธอถังแตกและมีเงินเหลืออยู่ไม่มากนัก จึงได้แต่บอกว่าทั้งพ่อและแม่นั้นสบายดี นี่ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่ายีวอนน่าพูดแบบนี้ท่านทั้งสองคงจะโมโหเป็นแน่ เพราะยีวอนน่ารู้ดีว่าพ่อกับแม่อยากให้เธอพูดว่าพวกเราเป็นญาติที่ดีและควรได้เงินเยอะๆจากการมาเฝ้าบ้านในครั้งนี้ (ว่าแล้วยีวอนน่าก็จินตนาการถึงตัวเธอเองที่หดเล็กลงในขณะที่พ่อแม่ของเธอกลายร่างเป็นปีศาจยักย์และกำลังจะบีบคอเธอ)

           “อย่ามัวแต่คิดเหลวไหล ดูทีวีเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำซะนะหลาน” คุณยายเพนนีบอกยีวอนน่าในขณะที่ท่านกำลังยืนจัดกรอบรูปบนเตาผิง ยีวอนน่าสะดุ้งและภาพในจินตนาการที่น่ากลัวของเธอก็จางหายไป

           “คะ..ค่ะ เดี๋ยวจบรายการนี้หนูก็จะไปอาบน้ำแล้วค่ะ” ยีวอนน่าตอบ (คุณยายรู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังคิดอะไรเหลวไหล)

           เมื่อรายการทีวีจบลงยีวอนน่าก็ปิดทีวีและเข้าไปกอดคุณยายจากนั้นก็ขอตัวไปอาบน้ำ ห้องอาบน้ำตั้งอยู่ภายในห้องนอนมีอ่างอาบน้ำสีขาวและมีม่านกั้นระหว่างส่วนที่เป็นห้องนอนและอ่างอาบน้ำและยังสามารถมองเห็นสวนตอนกลางคืนอีกด้วยแต่ยีวอนน่าคิดว่าคงเป็นการดีถ้าจะปิดม่านตรงหน้าต่างซะ อย่างน้อยๆเธอก็ไม่ชินกับการอาบน้ำข้างๆหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดเอาไว้แม้จะเป็นตอนกลางคืนก็เถอะ ยีวอนน่ายังคงระแวงเล็กน้อยจากเหตุการณ์ผีหลอกเมื่อตอนเย็น(เธอคิดว่านั่นน่าจะเป็นผี) แต่อย่างน้อยๆถ้าคุณยายยืนยันว่าไม่มีอะไรเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัว



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×