ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พบกับคุณยาย
      ยีวอนน่าเดินสำรวจไปรอบๆบ้าน น่าแปลกเป็นอย่างมากที่บ้านหลังใหญ่โตกลับมีคนอยู่เพียงแค่คนเดียวไม่มีคนรับใช้หรือคนสวนหรือแม้แต่ผู้ดูแลบ้านสักคน ห้องที่ยีวอนน่ายืนอยู่คือห้องรับแขก เดินถัดเข้าไปก็ดูเหมือนกับห้องรับแขกอีกเช่นกันแต่อาจจะเป็นห้องนั่งเล่นก็ได้และเดินลึกเข้าไปก็เป็นโต๊ะอาหาร เลี้ยวไปทางซ้ายของโต๊ะอาหารเป็นห้องครัวและยังมีทางเดินที่ดูเหมือนระเบียงอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น อีกฟากของระเบียงก็มีห้องอยู่อีกหนึ่งห้องและคิดว่าคงมีอีกหลายห้องเสียด้วยซ้ำ มองออกไปด้านนอกจากหน้าต่างทรงสูงมีสวนหย่อมสวยงาม แสดงว่าจะต้องมีคนสวนอย่างแน่นอน ยีวอนน่ากลับมายังห้องรับแขกและมองขึ้นไปบนบันไดโค้งข้างบนยังมีอีกหลายห้อง เธอไม่กล้าที่จะเดินขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงตัดสินใจนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมพลางกวาดสายตาไปรอบๆและในที่สุดบางสิ่งก็สะดุดความสนใจของยีวอนน่า
      ถ้าไม่เพราะความหล่อของแวนเนส ยีวอนน่าคงให้ความสนใจกับบ้านของคุณยายเพนนีมากขึ้นในตอนแรก ยีวอนน่าสังเกตเห็นนาฬิกาที่แขวนบนพนังเรือนหนึ่งมันเป็นนาฬิกาไม้เก่าๆรูปบ้านและมีหน้าต่างเล็กๆอยู่ด้านบนตรงกลางเพื่อให้ตุ๊กตานกตัวเล็กๆเด้งออกมาร้องทุกๆชั่วโมง(ยีวอนน่าคิดว่ามันน่าจะเป็นตุ๊กตานกมากกว่าอย่างอื่น) มันยังคงเดินอยู่เพียงแต่เข็มวินาทีของนาฬิกากำลังเดินถอยหลังเท่านั้นเอง
      “ประหลาดมากๆเลยเข็มจะเดินถอยหลังได้ไง ไปซื้อมาจากไหนกันเนี่ย” ยีวอนน่าพูดกับตัวเองเบาๆพลางเดินเข้าไปสำรวจนาฬิกาใกล้ๆโดยไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีใครมายืนอยู่ข้างหลัง
      “นาฬิกาเก่าแก่ ยายได้มาจากคนๆนึงเขาบอกยายว่ามันเป็นนาฬิกาที่เป็นมากกว่านาฬิกาธรรมดา” คุณยายเพนนีพูดขึ้นพลางหัวเราะอย่างร่าเริงยีวอนน่าสะดุ้งเล็กน้อยและหันกลับมาหาคุณยาย
      “คุณยายเพนนี......ใช่ไหมคะ?” ยีวอนน่าถามขึ้น คุณยายเพนนีหยุดหัวเราะและพยักหน้าเบาๆ
      คุณยายเพนนีเป็นหญิงชราที่ดูใจดีและดูอ่อนวัยอาจเพราะความเป็นคนอารมณ์ดีก็เป็นได้ ท่านเป็นคนตัวเล็กและอ้วนเล็กน้อย สวมแว่นสายตา แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงขาสั้นและไว้ผมบ๊อบท่านยิ้มให้ยีวอนน่าและจูงมือยีวอนน่าขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนอย่างกระฉับกระเฉง คุณยายเพนนียังคงแข็งแรงเป็นอย่างมากเพราะคนอายุขนาดคุณยายหลายๆคนเดินขึ้นบันไดไม่ไหวด้วยซ้ำไป คุณยายเพนนีพายีวอนน่าเดินผ่านห้องหลายห้องทุกห้องมีประตูทรงสูงสีขาวและก็มาถึงห้องๆหนึ่ง มันเป็นห้องสุดท้ายสุดทางเดินชั้นบนภายในห้องมีเตียงนอนและเครื่องตกแต่งบางส่วนและยังมีระเบียงที่สามารถมองเห็นสวนดอกไม้อีกด้วย
      “ห้องนี้ของหลานนะยีวอนน่า” คุณยายเพนนีกล่าวและยิ้มอย่างใจดี
      “คุณยายรู้ได้ยังไงว่าหนูเป็นหนู หนูยังไม่ทันจะแนะนำตัวเองเสียด้วยซ้ำไป?” ยีวอนน่าถามด้วยความแปลกใจ
      “รู้ละกันน่า” คุณยายกล่าวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ยีวอนน่าหัวเราะตามในท่าทางอารมณ์ดีของคุณยายเพนนี
      “บ้านคุณยายสวยมากเลยค่ะและห้องนี้ก็สวยมากๆด้วย แต่ว่าหนูต้องไปเอากระเป๋าขึ้นมาไว้ในห้องเสียก่อน” ยีวอนน่ากล่าว
      “จะลงไปให้เหนื่อยทำไม กระเป๋าของหลานน่ะมันตั้งอยู่ตรงนั้นไงจ๊ะ” ตุณยายพูดพร้อมกับเดินอ้อมเตียงนอนสีขาวมายังอีกมุมหนึ่งของห้องนอนพลางชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางและข้าวของทุกอย่างที่ยีวอนน่านำมา
      ยีวอนน่าประหลาดใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่สัมภาระทั้งหมดจะขึ้นมาอยู่บนห้องนอนทั้งๆที่เมื่อสักครู่นี้มันยังคงตั้งอยู่ที่ห้องรับแขกและยีวอนน่าก็แน่ใจว่าเธอยังไม่เห็นคนรับใช้ที่จะช่วยเธอยกกระเป๋าสักคนเดียว ยีวอนน่าทำท่าจะถามแต่คุณยายยกมือขึ้นมาเป็นเชิงว่ายังไม่ต้องถามอะไรในตอนนี้และบอกว่าท่านอยากจะคุยกับหลานสาวคนเดียวของท่านในมื้อค่ำนี้ที่โต๊ะอาหาร จากนั้นคุณยายเพนนีก็เดินออกไปจากห้องนอนด้วยท่าทางอารมณ์ดีพร้อมทั้งฮัมเพลงเบาๆไปตลอดทาง
      “อาหารค่ำตอนหกโมงเย็นนะจ๊ะ” คุณยายเดินย้อนกลับมาบอกก่อนเดินฮัมเพลงๆเดิมออกไปจากห้อง
      ยีวอนน่าเก็บความประหลาดใจไว้และพยายามไม่ไปคิดมากเกี่ยวกับเรื่องที่กระเป๋าของเธอเข้ามาอยู่ในห้องนอนได้อย่างไรและเริ่มสำรวจไปรอบๆห้อง มันเหมือนราวกับฝันเป็นที่สุดในชีวิตนี้เธอเองคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้อยู่บ้านหลังใหญ่โตแบบนี้ มันทั้งสวยงามน่าอยู่และเงียบสงบเป็นที่สุดบางทีเธออาจจะบอกกับคุณยายเพนนีว่าเธอยินดีที่จะมาเฝ้าบ้านให้ทุกๆซัมเมอร์เลยก็เป็นได้ ยีวอนน่านอนลงบนเตียงสีขาวแสนนุ่มและกลิ้งไปมาอย่างมีความสุขพลางคิดไปว่าทำไมคุณยายถึงต้องการให้เธอมาเฝ้าบ้านให้ทั้งๆที่เธอเองก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆและคงไม่สามารถรับมือได้หากมีใครแอบเข้ามาในบ้านโดยพลการ หากจะต้องมีใครสักคนมาเฝ้าบ้านหลังใหญ่หลังนี้มันน่าจะเป็นพวกตำรวจ บอดีการ์ดตัวโตๆ หรือไม่ก็เป็นนายแวนเนสคนนั้นมากกว่า
      ใช่แล้วนายแวนเนสหนุ่มหน้าตากวนประสาทคนนั้นเขาน่ารักมากทีเดียวและแล้วรอยยิ้มกว้างสดใสของแวนเนสก็เข้ามาอยู่ในหัวของยีวอนน่าในทันที หน้าของแวนเนสกำลังลอยอยู่ในอากาศและหมุนไปรอบๆหัวของยีวอนน่า เธอสะบัดหัวและพยายามตั้งสติว่าเธอมาที่นี่เพื่อมาเฝ้าบ้านและรับเงินก้อนโตจากคุณยายเพนนีไม่ใช่มาเพื่อจะพบรักกับใครสักคนและที่สำคัญเธอคิดว่าความรักมักเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ในชีวิตของเธอเสมอ เธอจะต้องลงไปพบคุณยายตอนหกโมงเย็นแต่ก่อนอื่นยีวอนน่าต้องหลับไปเสียก่อนเพื่อพักผ่อนจากการเดินทาง
      ถ้าไม่เพราะความหล่อของแวนเนส ยีวอนน่าคงให้ความสนใจกับบ้านของคุณยายเพนนีมากขึ้นในตอนแรก ยีวอนน่าสังเกตเห็นนาฬิกาที่แขวนบนพนังเรือนหนึ่งมันเป็นนาฬิกาไม้เก่าๆรูปบ้านและมีหน้าต่างเล็กๆอยู่ด้านบนตรงกลางเพื่อให้ตุ๊กตานกตัวเล็กๆเด้งออกมาร้องทุกๆชั่วโมง(ยีวอนน่าคิดว่ามันน่าจะเป็นตุ๊กตานกมากกว่าอย่างอื่น) มันยังคงเดินอยู่เพียงแต่เข็มวินาทีของนาฬิกากำลังเดินถอยหลังเท่านั้นเอง
      “ประหลาดมากๆเลยเข็มจะเดินถอยหลังได้ไง ไปซื้อมาจากไหนกันเนี่ย” ยีวอนน่าพูดกับตัวเองเบาๆพลางเดินเข้าไปสำรวจนาฬิกาใกล้ๆโดยไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีใครมายืนอยู่ข้างหลัง
      “นาฬิกาเก่าแก่ ยายได้มาจากคนๆนึงเขาบอกยายว่ามันเป็นนาฬิกาที่เป็นมากกว่านาฬิกาธรรมดา” คุณยายเพนนีพูดขึ้นพลางหัวเราะอย่างร่าเริงยีวอนน่าสะดุ้งเล็กน้อยและหันกลับมาหาคุณยาย
      “คุณยายเพนนี......ใช่ไหมคะ?” ยีวอนน่าถามขึ้น คุณยายเพนนีหยุดหัวเราะและพยักหน้าเบาๆ
      คุณยายเพนนีเป็นหญิงชราที่ดูใจดีและดูอ่อนวัยอาจเพราะความเป็นคนอารมณ์ดีก็เป็นได้ ท่านเป็นคนตัวเล็กและอ้วนเล็กน้อย สวมแว่นสายตา แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงขาสั้นและไว้ผมบ๊อบท่านยิ้มให้ยีวอนน่าและจูงมือยีวอนน่าขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนอย่างกระฉับกระเฉง คุณยายเพนนียังคงแข็งแรงเป็นอย่างมากเพราะคนอายุขนาดคุณยายหลายๆคนเดินขึ้นบันไดไม่ไหวด้วยซ้ำไป คุณยายเพนนีพายีวอนน่าเดินผ่านห้องหลายห้องทุกห้องมีประตูทรงสูงสีขาวและก็มาถึงห้องๆหนึ่ง มันเป็นห้องสุดท้ายสุดทางเดินชั้นบนภายในห้องมีเตียงนอนและเครื่องตกแต่งบางส่วนและยังมีระเบียงที่สามารถมองเห็นสวนดอกไม้อีกด้วย
      “ห้องนี้ของหลานนะยีวอนน่า” คุณยายเพนนีกล่าวและยิ้มอย่างใจดี
      “คุณยายรู้ได้ยังไงว่าหนูเป็นหนู หนูยังไม่ทันจะแนะนำตัวเองเสียด้วยซ้ำไป?” ยีวอนน่าถามด้วยความแปลกใจ
      “รู้ละกันน่า” คุณยายกล่าวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ยีวอนน่าหัวเราะตามในท่าทางอารมณ์ดีของคุณยายเพนนี
      “บ้านคุณยายสวยมากเลยค่ะและห้องนี้ก็สวยมากๆด้วย แต่ว่าหนูต้องไปเอากระเป๋าขึ้นมาไว้ในห้องเสียก่อน” ยีวอนน่ากล่าว
      “จะลงไปให้เหนื่อยทำไม กระเป๋าของหลานน่ะมันตั้งอยู่ตรงนั้นไงจ๊ะ” ตุณยายพูดพร้อมกับเดินอ้อมเตียงนอนสีขาวมายังอีกมุมหนึ่งของห้องนอนพลางชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางและข้าวของทุกอย่างที่ยีวอนน่านำมา
      ยีวอนน่าประหลาดใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่สัมภาระทั้งหมดจะขึ้นมาอยู่บนห้องนอนทั้งๆที่เมื่อสักครู่นี้มันยังคงตั้งอยู่ที่ห้องรับแขกและยีวอนน่าก็แน่ใจว่าเธอยังไม่เห็นคนรับใช้ที่จะช่วยเธอยกกระเป๋าสักคนเดียว ยีวอนน่าทำท่าจะถามแต่คุณยายยกมือขึ้นมาเป็นเชิงว่ายังไม่ต้องถามอะไรในตอนนี้และบอกว่าท่านอยากจะคุยกับหลานสาวคนเดียวของท่านในมื้อค่ำนี้ที่โต๊ะอาหาร จากนั้นคุณยายเพนนีก็เดินออกไปจากห้องนอนด้วยท่าทางอารมณ์ดีพร้อมทั้งฮัมเพลงเบาๆไปตลอดทาง
      “อาหารค่ำตอนหกโมงเย็นนะจ๊ะ” คุณยายเดินย้อนกลับมาบอกก่อนเดินฮัมเพลงๆเดิมออกไปจากห้อง
      ยีวอนน่าเก็บความประหลาดใจไว้และพยายามไม่ไปคิดมากเกี่ยวกับเรื่องที่กระเป๋าของเธอเข้ามาอยู่ในห้องนอนได้อย่างไรและเริ่มสำรวจไปรอบๆห้อง มันเหมือนราวกับฝันเป็นที่สุดในชีวิตนี้เธอเองคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้อยู่บ้านหลังใหญ่โตแบบนี้ มันทั้งสวยงามน่าอยู่และเงียบสงบเป็นที่สุดบางทีเธออาจจะบอกกับคุณยายเพนนีว่าเธอยินดีที่จะมาเฝ้าบ้านให้ทุกๆซัมเมอร์เลยก็เป็นได้ ยีวอนน่านอนลงบนเตียงสีขาวแสนนุ่มและกลิ้งไปมาอย่างมีความสุขพลางคิดไปว่าทำไมคุณยายถึงต้องการให้เธอมาเฝ้าบ้านให้ทั้งๆที่เธอเองก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆและคงไม่สามารถรับมือได้หากมีใครแอบเข้ามาในบ้านโดยพลการ หากจะต้องมีใครสักคนมาเฝ้าบ้านหลังใหญ่หลังนี้มันน่าจะเป็นพวกตำรวจ บอดีการ์ดตัวโตๆ หรือไม่ก็เป็นนายแวนเนสคนนั้นมากกว่า
      ใช่แล้วนายแวนเนสหนุ่มหน้าตากวนประสาทคนนั้นเขาน่ารักมากทีเดียวและแล้วรอยยิ้มกว้างสดใสของแวนเนสก็เข้ามาอยู่ในหัวของยีวอนน่าในทันที หน้าของแวนเนสกำลังลอยอยู่ในอากาศและหมุนไปรอบๆหัวของยีวอนน่า เธอสะบัดหัวและพยายามตั้งสติว่าเธอมาที่นี่เพื่อมาเฝ้าบ้านและรับเงินก้อนโตจากคุณยายเพนนีไม่ใช่มาเพื่อจะพบรักกับใครสักคนและที่สำคัญเธอคิดว่าความรักมักเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ในชีวิตของเธอเสมอ เธอจะต้องลงไปพบคุณยายตอนหกโมงเย็นแต่ก่อนอื่นยีวอนน่าต้องหลับไปเสียก่อนเพื่อพักผ่อนจากการเดินทาง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น