ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ธุรกิจร้านซักรีด
      ยีวอนน่าอยู่เป็นเพื่อนและคอยแวนเนสเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆในตอนเย็นหลังเลิกเรียนโดยที่นุชชี่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่ตอนเที่ยง ที่โรงยิมในขณะที่ยีวอนน่ากำลังเพลิดเพลินไปกับลีลาการแข่งบาสเก็ตบอลของแวนเนสอยู่อย่างสนุกสนานนุชชี่ก็วิ่งถลาเข้ามาหายีวอนน่าซึ่งนั่งอยู่ที่อัฒจรรย์
      “นุชชี่! เธอโดดเรียนตอนบ่าย นั่นมันแย่นะ เธอรู้มั๊ยว่าอาจารย์น่ะ......” ยีวอนน่าบ่นนุชชี่เป็นชุด โดยที่นุชชี่เองก็รู้สึกกังวลไม่น้อย
      “อาจารย์ทำไมเหรอ?” นุชชี่ถาม ทำตาปริบๆ ยีวอนน่าหันไปมองนุชชี่และยิ้มอย่างมีเสศนัย
      “อาจารย์น่ะไม่ได้ให้การบ้าน” ยีวอนน่าตอบและหัวเราะเสียยกใหญ่กับหน้าตาสุดเอ๋อของนุชชี่
      “แหม ขำจริงนะ ตั้งแต่ไปคบกับนายคนนั้นรู้สึกว่ามุขเยอะนะ” นุชชี่โต้ตอบ
      “ฉันยังเล่าความฝันให้เธอฟังไม่จบเลยนะ” ยีวอนน่าโพล่งออกมา นุชชี่ทำตาเหลือก
      “ไม่เอาน่า ฉันฟังมามากพอแล้วกับเรื่องราวสุดแสนจะพิสดารต่างๆนานาของเธอ ยีวอนน่าบอกตรงๆนะเรื่องพวกนั้นทำให้ฉันห่วงเธอมาก ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปแล้วฉันจะทำไงล่ะ” นุชชี่เริ่มกังวลแทนเพื่อน
      “คิดมากไปได้ฉันก็อยู่นี่ไง เปลี่ยนเรื่องคุยก็ได้นะ” ยีวอนน่าปลอบใจ
      แวนเนสเหนื่อยกับการเล่นบาสเก็ตบอลและเดินขึ้นมาบนอัฒจรรย์ในขณะที่นุชชี่กำลังเม้าท์อย่างออกรสกับยีวอนน่า
      “เมื่อตอนเที่ยงฉันนั่งอยู่ที่ร้านไอติมแถวๆตึกกลางกับคริส เธอรู้มะว่าฉันเห็นอะไร?” นุชชี่ถามยีวอนน่าเมื่อเห็นแวนเนสเดินมานั่งข้างๆยีวอนน่า
      “เธอเห็นอะไรเหรอ? เล่ามาซักทีสิ” ยีวอนน่าถามนุชชี่ แวนเนสหยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋าเป้และเริ่มดื่มมันช้าๆ
      “เห็นคนบ้า เป็นผู้ชายวิ่งรอบสวนดอกไม้น่ะสิแถมยังตะโกนอะไรแปลกๆออกมาด้วยฉันไม่ได้สนใจ” นุชชี่บอกและหัวคิกคักกับยีวอนน่า แวนเนสอมยิ้มและวางขวดน้ำลง
      “ฉันอายเป็นเหมือนกันนะ แต่ที่ทำแบบนั้นได้เพราะว่าฉันดูแล้วว่าแถวตึกกลางน่ะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมากนัก” แวนเนสพูดขึ้น ยีวอนน่าหันไปยิ้มให้เขา
      “แต่เธอลืมไปว่ามีคนนั่งกินไอติมอยู่แถวๆนั้น” ยีวอนน่าบอกแวนเนส เขาหัวเราะ
      “ช่าย.......จริงสิ ฉันจำได้ว่าเธอบอกว่าเธอฝันเหรอ?” แวนเนสเพิ่งนึกออก นุชชี่ทำตาโตและรีบห้ามแวนเนสทันที
      “อย่าพูดถึงมันเลยนะ ได้โปรด” นุชชี่ห้าม แวนเนสขมวดคิ้วและยักไหล่
      “แค่ฝัน ทำไมต้องทำท่าตกใจแบบนั้นด้วย?” แวนเนสถามนุชชี่
      “เย็นแล้วกลับบ้านเถอะนะ” ยีวอนน่าบอกทั้งสองคนเพื่อตัดบท
      แวนเนสขับรถสปอตสีแดงของเขาแวะส่งนุชชี่และมาส่งยีวอนน่าที่หน้าบ้าน ยีวอนน่าประหลาดใจเมื่อเห็นรถคันหรูของพ่อจอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อแวนเนสดับเครื่องรถสปอตแม่ของยีวอนน่าก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อเปิดประตูแม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ยีวอนน่าก็ดีใจมากกว่าที่เห็นแม่เพราะโดยปกติพ่อกับแม่ของเธอจะอยู่ที่คฤหาสน์สีขาวในเมืองบลูรีเวอร์ เธอรีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ
      “เป็นไงลูกแม่ หิวข้าวหรือยังจ๊ะ?” แม่ถามและเหลือบไปเห็นแวนเนส
      “ต๊ายย มิสเตอร์วีพ่อรูปหล่อ อย่าเพิ่งกลับนะจ๊ะอยู่กินข้าวเย็นกันก่อนนะ” แม่ทักทายแวนเนสอย่างเป็นกันเอง
      เมื่อเข้ามาในบ้านยีวอนน่าสังเกตเห็นว่าพ่อกับแม่เอาสัมภาระมาไม่มากนักคงจะมาอยู่แค่ไม่กี่วันเท่านั้นแต่ด้วยความอยากรู้ยีวอนน่าก็ต้องถามจนได้ แม่บอกว่าเดินทางมาเป็นเพื่อนพ่อเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจนิดหน่อยและคิดถึงยีวอนน่าด้วยเช่นกัน เมื่อเธอเข้าไปกอดพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟายีวอนน่าก็เริ่มออกอาการของเด็กงอแง
      “หนูคิดว่าพ่อกับแม่คิดถึงหนูซะอีก แต่เอาเสื้อผ้ามาคนละกระเป๋าแบบนี้แสดงว่าไม่รักกันจริงนี่นา” ยีวอนน่าบอกพ่อ แวนเนสที่นั่งอยู่ถัดมาหัวเราะคิก ยีวอนน่าหันไปค้อนเขา พ่อวางหนังสือพิมพ์ลงและหัวเราะเบาๆพลางลูบหัวลูกสาว
      “เดี๋ยวนี้พ่อกับแม่งานยุ่งนะลูก ที่บลูรีเวอร์น่ะเรามีงานต้องทำทุกวันพ่อต้องออกไปที่แปลงแครอทแทบทุกวัน ส่วนวันที่ว่างน่ะก็ชวนเวอร์นอนเล่นหมากรุก” พ่อบอก
      “เวอร์นอน?” ยีวอนน่าถามเพราะเธอไม่คุ้นชื่อนี้มาก่อน
      “พ่อฉันเองแหละ” แวนเนสตอบแทน เขายักคิ้วถี่ๆให้ยีวอนน่า
      ยีวอนน่าขำออกมา เธอคิดว่าตัวเองนั้นงี่เง่าเป็นอย่างมากเพราะเธอเองสนิทกับพ่อของแวนเนสและได้คุยกับเขาบ่อยๆแต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของแวนเนสนั้นชื่ออะไร พ่อของยีวอนน่าและพ่อของแวนเนสเป็นเพื่อนกันโดยบังเอิญและนอกเหนือจากนั้นพวกเขาเป็นหุ้นส่วนของการเป็นเจ้าของแปลงแครอทในบลูรีเวอร์ร่วมกัน
      ที่โต๊ะอาหารแม่เริ่มเล่าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจที่ว่าไว้ซึ่งสิ่งที่แม่ได้เล่ามานั้นทำให้ยีวอนน่าประหลาดใจ(อีกแล้ว) เพราะก่อนหน้านี้เธอเองไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก
      “เจ้าของร้านซักรีดเขาจะเลิกเช่าร้านของเรา แม่ก็เลยเห็นว่าเราน่าจะเอาร้านมาทำร้านซักรีดของเราเองพ่อเค้าก็เห็นด้วย” แม่เล่า
      “ร้านไหนคะแม่?หนูไม่เคยรู้เลยว่าพ่อกับแม่มีร้านซีกรีดให้เช่าในเมืองหลวง” ยีวอนน่าถามพลางตักไก่อบให้แวนเนส
      “ก็เออ....เราก็มีอยู่ร้านเดียวแหละนะลูก อยู่เลยจากบ้านนี้ไปอีกหน่อยก่อนถึงบ้านนุชชี่ไงลูก” แม่บอกพลางหันไปยิ้มให้พ่อและยิ้มให้แวนเนสแต่ไม่ได้หันมามองยีวอนน่า
      “ร้านนั้น! บ้านเก่าของเรา.....เออ....คือ หนูหมายถึงมันอยู่แถวบ้านเรานี่เอง” ยีวอนน่านึกขึ้นได้แล้ว เธอทำท่าตกใจจนแวนเนสเองก็พลอยตกใจไปด้วย ร้านซักรีดร้านนี้แต่เดิมเคยเป็นบ้านเก่าที่ยีวอนน่าอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ก่อนเหตุการณ์พลิกผลันทำให้ครอบครัวยีวอนน่าร่ำรวยและบ้านหลังนั้นก็กลายเป็นร้านซักรีดไปในเวลาต่อมาแต่ยีวอนน่าเพิ่งจะรู้จากปากของแม่วันนี้เองว่าจริงๆแล้วเจ้าของร้านซักรีดได้เช่าร้านนั้นกับพ่อและแม่ของเธอเอง
      “ร้านฉัน บ้านฉัน แต่แม่ไม่เคยบอกเลย” ยีวอนน่ากระซิบกระซาบกับแวนเนสเบาๆ
      “ให้ฉันเดานะมันอาจเป็นเพราะผลข้างเคียงจากเหตุการณ์ที่บ้านของคุณยายเพนนีก็เป็นได้ พ่อกับแม่ฉันเองก็ยังแปลกๆไปในบ้างครั้งเลยแต่ไม่มากเท่าไหร่” แวนเนสกระซิบกระซาบตอบ
      “เออนี่พรุ่งนี้เราไปดูร้านกันมั๊ย พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอด้วยนะหนุ่มน้อย” พ่อตบโต๊ะเสียงดังจนยีวอนน่ากับแวนเนสสะดุ้ง
      วันต่อมายีวอนน่าและครอบครัวรวมทั้งแวนเนสเดินทางไปที่ร้านซักรีด ยีวอนน่ามองดูร้านซักรีดและนึกไปถึงตอนที่บริเวณแห่งนี้เป็นบ้านอันแสนจะอบอุ่นของเธอแม้ว่าในตอนนั้นเธอไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็รู้สึกมีความสุขอยู่ลึกๆแต่ตอนนี้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นตึกเล็กๆของร้านซักรีดไปแล้ว พ่อกับแม่ตัดสินใจจะเปิดร้านเสียเองหลังจากคนเช่ารายก่อนเลิกสัญญาเช่าไป
      “ถ้าเป็นไปได้ฉันขอไม่ไปหาคุณยายเพนนีตั้งแต่ครั้งแรก การตัดสินใจไปหาคุณยายเพนนีทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมากและพ่อกับแม่ฉันก็แปลกขึ้นทุกวัน” ยีวอนน่าบอกกับแวนเนส ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าร้านในขณะพ่อกับแม่ของยีวอนน่าเดินสำรวจอยู่ในร้าน
      “เธอตัดสินใจถูกแล้วเพราะถ้าเธอไม่ไปที่บลูรีเวอร์ ฉันคงไม่ได้เจอเธอและอาจไม่มีโอกาสเจอด้วยซ้ำ” แวนเนสบอก
      “ฉันคิดมากไปเองน่ะ” ยีวอนน่าตอบ เธอยิ้มให้แวนเนส
    ไม่กี่วันหลังจากนั้นร้านซักรัดก็เปิดตัวอีกครั้ง พ่อของยีวอนน่าจ้างพนักงานสองสามคนเพื่อดูแลร้านเนื่องจากมันเป็นเพียงร้านซักรีดเล็กๆและฝากให้ยีวอนน่าช่วยเข้ามาดูร้านบ้างเป็นครั้งคราวหากเธอมีเวลาว่างมากพอ นุชชี่ประเดิมการเป็นลูกค้ารายแรกกับเสื้อผ้าของเธอเองที่ไม่ได้ซักมาหลายวันและช่วยเอาใบปลิวไปเดินแจกคนแถวบ้านเพื่อโฆษณาร้านให้อีกด้วย
      และแล้วพ่อกับแม่ก็เดินทางกลับบลูรีเวอร์หลังจากอยู่ที่บ้านกับยีวอนน่าอีกหนึ่งสัปดาห์เต็มๆแต่ยีวอนน่าก็ยังไม่วายคิดมากเรื่องพ่อกับแม่ของเธอจะได้รับผลข้างเคียงจากเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงอดีตที่ผ่านมา เธอคิดว่าแม่ดูแปลกๆไปและแปลกมากกว่าทุกครั้งเสียด้วยเพราะโดยปกติแม่มักชอบพูดถึงแต่เรื่องของความร่ำรวยของคุณยายเพนนีแต่คราวนี้ดูแม่ไม่ได้สนใจจะพูดถึงมันเลยด้วยซ้ำ
      “นุชชี่! เธอโดดเรียนตอนบ่าย นั่นมันแย่นะ เธอรู้มั๊ยว่าอาจารย์น่ะ......” ยีวอนน่าบ่นนุชชี่เป็นชุด โดยที่นุชชี่เองก็รู้สึกกังวลไม่น้อย
      “อาจารย์ทำไมเหรอ?” นุชชี่ถาม ทำตาปริบๆ ยีวอนน่าหันไปมองนุชชี่และยิ้มอย่างมีเสศนัย
      “อาจารย์น่ะไม่ได้ให้การบ้าน” ยีวอนน่าตอบและหัวเราะเสียยกใหญ่กับหน้าตาสุดเอ๋อของนุชชี่
      “แหม ขำจริงนะ ตั้งแต่ไปคบกับนายคนนั้นรู้สึกว่ามุขเยอะนะ” นุชชี่โต้ตอบ
      “ฉันยังเล่าความฝันให้เธอฟังไม่จบเลยนะ” ยีวอนน่าโพล่งออกมา นุชชี่ทำตาเหลือก
      “ไม่เอาน่า ฉันฟังมามากพอแล้วกับเรื่องราวสุดแสนจะพิสดารต่างๆนานาของเธอ ยีวอนน่าบอกตรงๆนะเรื่องพวกนั้นทำให้ฉันห่วงเธอมาก ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปแล้วฉันจะทำไงล่ะ” นุชชี่เริ่มกังวลแทนเพื่อน
      “คิดมากไปได้ฉันก็อยู่นี่ไง เปลี่ยนเรื่องคุยก็ได้นะ” ยีวอนน่าปลอบใจ
      แวนเนสเหนื่อยกับการเล่นบาสเก็ตบอลและเดินขึ้นมาบนอัฒจรรย์ในขณะที่นุชชี่กำลังเม้าท์อย่างออกรสกับยีวอนน่า
      “เมื่อตอนเที่ยงฉันนั่งอยู่ที่ร้านไอติมแถวๆตึกกลางกับคริส เธอรู้มะว่าฉันเห็นอะไร?” นุชชี่ถามยีวอนน่าเมื่อเห็นแวนเนสเดินมานั่งข้างๆยีวอนน่า
      “เธอเห็นอะไรเหรอ? เล่ามาซักทีสิ” ยีวอนน่าถามนุชชี่ แวนเนสหยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋าเป้และเริ่มดื่มมันช้าๆ
      “เห็นคนบ้า เป็นผู้ชายวิ่งรอบสวนดอกไม้น่ะสิแถมยังตะโกนอะไรแปลกๆออกมาด้วยฉันไม่ได้สนใจ” นุชชี่บอกและหัวคิกคักกับยีวอนน่า แวนเนสอมยิ้มและวางขวดน้ำลง
      “ฉันอายเป็นเหมือนกันนะ แต่ที่ทำแบบนั้นได้เพราะว่าฉันดูแล้วว่าแถวตึกกลางน่ะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมากนัก” แวนเนสพูดขึ้น ยีวอนน่าหันไปยิ้มให้เขา
      “แต่เธอลืมไปว่ามีคนนั่งกินไอติมอยู่แถวๆนั้น” ยีวอนน่าบอกแวนเนส เขาหัวเราะ
      “ช่าย.......จริงสิ ฉันจำได้ว่าเธอบอกว่าเธอฝันเหรอ?” แวนเนสเพิ่งนึกออก นุชชี่ทำตาโตและรีบห้ามแวนเนสทันที
      “อย่าพูดถึงมันเลยนะ ได้โปรด” นุชชี่ห้าม แวนเนสขมวดคิ้วและยักไหล่
      “แค่ฝัน ทำไมต้องทำท่าตกใจแบบนั้นด้วย?” แวนเนสถามนุชชี่
      “เย็นแล้วกลับบ้านเถอะนะ” ยีวอนน่าบอกทั้งสองคนเพื่อตัดบท
      แวนเนสขับรถสปอตสีแดงของเขาแวะส่งนุชชี่และมาส่งยีวอนน่าที่หน้าบ้าน ยีวอนน่าประหลาดใจเมื่อเห็นรถคันหรูของพ่อจอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อแวนเนสดับเครื่องรถสปอตแม่ของยีวอนน่าก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อเปิดประตูแม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ยีวอนน่าก็ดีใจมากกว่าที่เห็นแม่เพราะโดยปกติพ่อกับแม่ของเธอจะอยู่ที่คฤหาสน์สีขาวในเมืองบลูรีเวอร์ เธอรีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ
      “เป็นไงลูกแม่ หิวข้าวหรือยังจ๊ะ?” แม่ถามและเหลือบไปเห็นแวนเนส
      “ต๊ายย มิสเตอร์วีพ่อรูปหล่อ อย่าเพิ่งกลับนะจ๊ะอยู่กินข้าวเย็นกันก่อนนะ” แม่ทักทายแวนเนสอย่างเป็นกันเอง
      เมื่อเข้ามาในบ้านยีวอนน่าสังเกตเห็นว่าพ่อกับแม่เอาสัมภาระมาไม่มากนักคงจะมาอยู่แค่ไม่กี่วันเท่านั้นแต่ด้วยความอยากรู้ยีวอนน่าก็ต้องถามจนได้ แม่บอกว่าเดินทางมาเป็นเพื่อนพ่อเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจนิดหน่อยและคิดถึงยีวอนน่าด้วยเช่นกัน เมื่อเธอเข้าไปกอดพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟายีวอนน่าก็เริ่มออกอาการของเด็กงอแง
      “หนูคิดว่าพ่อกับแม่คิดถึงหนูซะอีก แต่เอาเสื้อผ้ามาคนละกระเป๋าแบบนี้แสดงว่าไม่รักกันจริงนี่นา” ยีวอนน่าบอกพ่อ แวนเนสที่นั่งอยู่ถัดมาหัวเราะคิก ยีวอนน่าหันไปค้อนเขา พ่อวางหนังสือพิมพ์ลงและหัวเราะเบาๆพลางลูบหัวลูกสาว
      “เดี๋ยวนี้พ่อกับแม่งานยุ่งนะลูก ที่บลูรีเวอร์น่ะเรามีงานต้องทำทุกวันพ่อต้องออกไปที่แปลงแครอทแทบทุกวัน ส่วนวันที่ว่างน่ะก็ชวนเวอร์นอนเล่นหมากรุก” พ่อบอก
      “เวอร์นอน?” ยีวอนน่าถามเพราะเธอไม่คุ้นชื่อนี้มาก่อน
      “พ่อฉันเองแหละ” แวนเนสตอบแทน เขายักคิ้วถี่ๆให้ยีวอนน่า
      ยีวอนน่าขำออกมา เธอคิดว่าตัวเองนั้นงี่เง่าเป็นอย่างมากเพราะเธอเองสนิทกับพ่อของแวนเนสและได้คุยกับเขาบ่อยๆแต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของแวนเนสนั้นชื่ออะไร พ่อของยีวอนน่าและพ่อของแวนเนสเป็นเพื่อนกันโดยบังเอิญและนอกเหนือจากนั้นพวกเขาเป็นหุ้นส่วนของการเป็นเจ้าของแปลงแครอทในบลูรีเวอร์ร่วมกัน
      ที่โต๊ะอาหารแม่เริ่มเล่าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจที่ว่าไว้ซึ่งสิ่งที่แม่ได้เล่ามานั้นทำให้ยีวอนน่าประหลาดใจ(อีกแล้ว) เพราะก่อนหน้านี้เธอเองไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก
      “เจ้าของร้านซักรีดเขาจะเลิกเช่าร้านของเรา แม่ก็เลยเห็นว่าเราน่าจะเอาร้านมาทำร้านซักรีดของเราเองพ่อเค้าก็เห็นด้วย” แม่เล่า
      “ร้านไหนคะแม่?หนูไม่เคยรู้เลยว่าพ่อกับแม่มีร้านซีกรีดให้เช่าในเมืองหลวง” ยีวอนน่าถามพลางตักไก่อบให้แวนเนส
      “ก็เออ....เราก็มีอยู่ร้านเดียวแหละนะลูก อยู่เลยจากบ้านนี้ไปอีกหน่อยก่อนถึงบ้านนุชชี่ไงลูก” แม่บอกพลางหันไปยิ้มให้พ่อและยิ้มให้แวนเนสแต่ไม่ได้หันมามองยีวอนน่า
      “ร้านนั้น! บ้านเก่าของเรา.....เออ....คือ หนูหมายถึงมันอยู่แถวบ้านเรานี่เอง” ยีวอนน่านึกขึ้นได้แล้ว เธอทำท่าตกใจจนแวนเนสเองก็พลอยตกใจไปด้วย ร้านซักรีดร้านนี้แต่เดิมเคยเป็นบ้านเก่าที่ยีวอนน่าอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ก่อนเหตุการณ์พลิกผลันทำให้ครอบครัวยีวอนน่าร่ำรวยและบ้านหลังนั้นก็กลายเป็นร้านซักรีดไปในเวลาต่อมาแต่ยีวอนน่าเพิ่งจะรู้จากปากของแม่วันนี้เองว่าจริงๆแล้วเจ้าของร้านซักรีดได้เช่าร้านนั้นกับพ่อและแม่ของเธอเอง
      “ร้านฉัน บ้านฉัน แต่แม่ไม่เคยบอกเลย” ยีวอนน่ากระซิบกระซาบกับแวนเนสเบาๆ
      “ให้ฉันเดานะมันอาจเป็นเพราะผลข้างเคียงจากเหตุการณ์ที่บ้านของคุณยายเพนนีก็เป็นได้ พ่อกับแม่ฉันเองก็ยังแปลกๆไปในบ้างครั้งเลยแต่ไม่มากเท่าไหร่” แวนเนสกระซิบกระซาบตอบ
      “เออนี่พรุ่งนี้เราไปดูร้านกันมั๊ย พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอด้วยนะหนุ่มน้อย” พ่อตบโต๊ะเสียงดังจนยีวอนน่ากับแวนเนสสะดุ้ง
      วันต่อมายีวอนน่าและครอบครัวรวมทั้งแวนเนสเดินทางไปที่ร้านซักรีด ยีวอนน่ามองดูร้านซักรีดและนึกไปถึงตอนที่บริเวณแห่งนี้เป็นบ้านอันแสนจะอบอุ่นของเธอแม้ว่าในตอนนั้นเธอไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็รู้สึกมีความสุขอยู่ลึกๆแต่ตอนนี้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นตึกเล็กๆของร้านซักรีดไปแล้ว พ่อกับแม่ตัดสินใจจะเปิดร้านเสียเองหลังจากคนเช่ารายก่อนเลิกสัญญาเช่าไป
      “ถ้าเป็นไปได้ฉันขอไม่ไปหาคุณยายเพนนีตั้งแต่ครั้งแรก การตัดสินใจไปหาคุณยายเพนนีทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมากและพ่อกับแม่ฉันก็แปลกขึ้นทุกวัน” ยีวอนน่าบอกกับแวนเนส ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าร้านในขณะพ่อกับแม่ของยีวอนน่าเดินสำรวจอยู่ในร้าน
      “เธอตัดสินใจถูกแล้วเพราะถ้าเธอไม่ไปที่บลูรีเวอร์ ฉันคงไม่ได้เจอเธอและอาจไม่มีโอกาสเจอด้วยซ้ำ” แวนเนสบอก
      “ฉันคิดมากไปเองน่ะ” ยีวอนน่าตอบ เธอยิ้มให้แวนเนส
    ไม่กี่วันหลังจากนั้นร้านซักรัดก็เปิดตัวอีกครั้ง พ่อของยีวอนน่าจ้างพนักงานสองสามคนเพื่อดูแลร้านเนื่องจากมันเป็นเพียงร้านซักรีดเล็กๆและฝากให้ยีวอนน่าช่วยเข้ามาดูร้านบ้างเป็นครั้งคราวหากเธอมีเวลาว่างมากพอ นุชชี่ประเดิมการเป็นลูกค้ารายแรกกับเสื้อผ้าของเธอเองที่ไม่ได้ซักมาหลายวันและช่วยเอาใบปลิวไปเดินแจกคนแถวบ้านเพื่อโฆษณาร้านให้อีกด้วย
      และแล้วพ่อกับแม่ก็เดินทางกลับบลูรีเวอร์หลังจากอยู่ที่บ้านกับยีวอนน่าอีกหนึ่งสัปดาห์เต็มๆแต่ยีวอนน่าก็ยังไม่วายคิดมากเรื่องพ่อกับแม่ของเธอจะได้รับผลข้างเคียงจากเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงอดีตที่ผ่านมา เธอคิดว่าแม่ดูแปลกๆไปและแปลกมากกว่าทุกครั้งเสียด้วยเพราะโดยปกติแม่มักชอบพูดถึงแต่เรื่องของความร่ำรวยของคุณยายเพนนีแต่คราวนี้ดูแม่ไม่ได้สนใจจะพูดถึงมันเลยด้วยซ้ำ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น