ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปริศนาบ้านคุณยาย The Granny\'s House

    ลำดับตอนที่ #2 : บ้านของคุณยาย

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 46


           บ้านของคุณยายเพนนีอยู่คนละเมืองกับเมืองที่ยีวอนน่าอาศัยอยู่มันเป็นเมืองเล็กๆที่มีชื่อว่าบลูรีเวอร์ รสบัสมาถึงสถานีขนส่งของบลูรีเวอร์ในอีกหกชั่วโมงต่อมา ยีวอนน่าลงจากรถพร้อมกับสัมภาระเล็กน้อย เธอบิดขี้เกียจยาวจากการนั่งรถเป็นเวลานานและจัดแจงหยิบจดหมายของคุณยายเพนนีออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนต์ ในจดหมายได้แนบแผนที่และที่อยู่ของบ้านมาให้เรียบร้อยแต่ปัญหาคือยีวอนน่าไม่เคยมาที่บลูรีเวอร์มาก่อนถึงแม้ว่าบลูรีเวอร์จะเป็นเมืองเล็กๆก็ตาม ยีวอนน่าอ่านแผนที่และเริ่มเกาหัวด้วยความงงแผนที่ที่คุณยายแนบมาเป็นแผนที่ที่วาดขึ้นเองด้วยปากกาเป็นรูปเมืองขยุกขยิก เส้นทางที่คดเคี้ยวและไม่มีรายละเอียดใดๆบอกอยู่บนแผนที่นอกจากรูปสถานีขนส่ง, สะพานข้ามแม่น้ำ และบ้านของคุณยายเพนนี

           “ให้ตายเถอะ!” ยีวอนน่าอุทาน เธอเกาหัวหนักขึ้น

           ยีวอนน่าตัดสินใจโบกรถสักคัน(เธอไม่คิดจะเรียกแท็กซี่เพราะคงต้องเสียค่าใช้จ่ายพอสมควร อย่าลืมสิเธอต้องช่วยพ่อกับแม่ประหยัด)ที่วิ่งผ่านไปมาเผื่อว่าคนขับจะรู้ว่าบ้านของคุณยายเพนนี่นั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ หลังจากยืนโบกรถจนเมื่อยมืออยู่พักใหญ่รถบรรทุกแครอทคันเล็กๆสีส้มก็จอดรับยีวอนน่าร่วมทางไปด้วย เธอยื่นแผนที่ให้คนขับดู

           “แน่นอน บ้านคุณเพนนี ฉันผ่านแถวนั้นประจำแหละ บ้านคุณเพนนีเป็นบ้านหลังเดียวที่ตั้งอยู่บริเวณนั้น” คนขับกล่าวพร้อมกับยิ้มให้ยีวอนน่า

           “ดีจังค่ะ หนูโชคดีจริงๆที่มาเจอคุณลุง” ยีวอนน่ากล่าวกับคนขับพร้อมยิ้มหวานตอบ

           เมื่อมองผ่านจากกระจกรถบรรทุกแครอทเมืองบลูรีเวอร์เป็นเมืองที่น่าอยู่เป็นอย่างมาก ไม่มีมลพิษหรือตึกสูงๆมีแต่ทัศนียภาพและธรรมชาติที่สวยงาม ยีวอนน่าคิดว่าตัวเองได้ตัดสินใจถูกแล้วที่มายังบลูรีเวอร์เพราะอย่างน้อยก็ถือเป็นการพักผ่อนก่อนเปิดเทอม รถบรรทุกแครอทขับผ่านร้านค้าและเขตชุมชนและขับไกลออกมายังถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งกว้างดูคล้ายทุ่งปลูกผลไม้ชนิดหนึ่ง อาจเป็นองุ่นหรือแอ๊ปเปิ้ลงั้นหรือ? ช่างเถอะยีวอนน่าไม่ได้สนใจมากนักในที่สุดรถบรรทุกก็แล่นมาจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ มันคือสะพานบลูรีเวอร์และแน่นอนแม่น้ำที่อยู่เบื้องล่างนั่นก็คือแม่น้ำบลูรีเวอร์ มันเป็นแม่น้ำที่มีสีฟ้าเข้มสวยงามราวกับแม่น้ำในนิทาน เมื่อข้ามสะพานไปแล้วถนนสองข้างทางก็เปลี่ยนจากทุ่งกว้างเป็นถนนที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมอยู่สองข้างทาง ยีวอนน่าสังเกตเห็นร้านอาหารเล็กๆตั้งอยู่ระหว่างทางพลางนึกไปว่าจะมีใครบ้างเดินทางมากินอาหารไกลได้ขนาดนี้

           ในที่สุดรถบรรทุกก็ขับมาจนถึงเขตรั้วของบ้านหลังหนึ่ง คนขับจอดรถและทำท่าเป็นเชิงบอกว่ายีวอนน่าได้มาถึงที่หมายแล้ว

           “โอ้ หนูมาถึงแล้วเหรอคะ?” ยีวอนน่าถามอย่างไม่แน่ใจ

           “นี่แหละบ้านคุณเพนนีที่ว่า อันที่จริงควรเรียกว่าอะไรดีล่ะ?.....วัง?หรือคฤหาสน์ดีนะ?” คนขับพูดติดตลก

           “มันใหญ่มากๆ ใหญ่กว่าที่หนูคิดซะอีก ไม่คิดว่าคุณยายจะรวยขนาดนี้!” ยีวอนน่าพูดขึ้นพร้อมกับมองผ่านเข้าไปในรั้วบ้านของคุณยายเพนนีด้วยความตะลึง มันเป็นคฤหาสน์สีขาวหลังคาสีเทาที่สวยงามมาก เมื่อตั้งสติได้ยีวอนน่าก็ลงจากรถและกล่าวขอบคุณกับคนขับ เมื่อรถบรรทุกขับออกไปแล้วยีวอนน่าก็จัดแจงกดกริ่งหน้าประตูบ้านคุณยายเพนนี เมื่อคำนวณดูแล้วคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบนาทีกว่าจะมีใครสักคนเดินออกมาจากบ้านและเดินมาตามทางเดินจนถึงประตู

           ยีวอนน่ายืนกอดอดอยู่เกือบสิบห้านาทีแต่ก็ไร้วี่แววของใครสักคนที่จะมาเปิดประตูบานนี้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะปีนประตูข้ามเข้าไปด้วยตนเองเธอเริ่มด้วยการโยนสัมภาระข้ามเข้าไปก่อนจากนั้นก็เตรียมที่จะปีน ชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซต์ผ่านมาพอดี

           “เฮ้! เธอ! จะเข้าไปขโมยของหรือไง!” ชายหนุ่มตะโกนในขณะที่ยีวอนน่ายังคงเกาะอยู่บนประตูราวกับจิ้งจก

           “ขอโทษนะ เมื่อกี้เธอบอกว่าฉันจะเข้าไปทำอะไรนะ?” ยีวอนน่าเด้งตัวกลับลงมาบนพื้นด้วยความไม่พอใจและหันไปทางชายหนุ่ม

           ชายหนุ่มดับเครื่องมอเตอร์ไซต์และถอดหมวกกันน็อคออกมาถือไว้ เขาเป็นชายหนุ่มผมดำยาวประบ่า ผิวขาวและสูงโปร่ง เขาดูสูงมากเกินไปเมื่อเทียบกับรูปร่างของยีวอนน่า เขายิ้มและถอดแว่นกันแดดออกเผยให้เห็นแววตาสดใสแต่แฝงด้วยความกวนประสาทบนใบหน้า

           “คุณยายเพนนีน่ะไม่ได้เป็นยายแก่อ่อนแออย่างที่เธอคิดหรอกนะ ถ้าจะเข้าไปขโมยของล่ะก็ฉันว่าเธอคิดผิดแล้วแหละ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับยักไหล่และยิ้ม

           “ให้ตายเถอะเลิกยิ้มแบบนั้นซะทีได้มั้ย? มันดูราวกับว่าเธอกำลังยิ้มสมเพสฉันอย่างนั้นแหละ!” ยีวอนน่าว่าชายหนุ่ม

           ยีวอนน่าสังเกตดูชายหนุ่ม เขาดูน่าสนใจไม่น้อยทั้งหล่อ หุ่นดีและเท่ห์เป็นที่สุด ที่มอเตอร์ไซต์สีดำของเขาเพ้นท์เป็นรูปสิงโตและมีอักษรย่อตัววี แต่ในเวลานี้เธอรู้สึกหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้มากกว่าที่จะคิดว่าเขาน่าสนใจ และตัดสินใจอธิบายความจริงว่าทำไมเธอถึงต้องปีนประตูเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มมีทีท่าเข้าใจมากขึ้นนั่นทำให้ยีวอนน่าลดความหมั่นไส้ลงได้บ้างเล็กน้อย

           “อันที่จริงบ้านหลังนี้ต้อนรับทุกคนเสมอ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินไปยังกำแพงอิฐตรงกำแพงมีประตูเล็กๆที่มีความสูงขนาดสำหรับเด็กอายุแปดขวบจะเดินเข้าไปได้ เขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตและไขประตูพร้อมทั้งกวักมือเรียกให้ยีวอนน่ามาที่ประตู ยีวอนน่าเดินลอดเข้าไปก่อนตามมาด้วยชายหนุ่มที่ค่อยๆคลานเข้ามาทั้งตัวเต็มไปด้วยเศษใบไม้ที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ข้างๆทำให้ยีวอนน่าอดที่จะขำไม่ได้ ในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถลอดเข้ามาในบ้านได้ เขาปัดเอาเศษใบไม้ออกจากตัวและหัวพร้อมกับเสยผมขึ้นไป

           “ข้อเสียของผู้ชายขายาว” ชายหนุ่มพูดติดตลกพร้อมกับยิ้ม ยีวอนน่ายิ้มให้เล็กน้อย

           “เธออยู่ที่นี่เหรอ?” ยีวอนน่าถามชายหนุ่ม

           “เปล่า ฉันแค่สนิทกับคุณยายก็เท่านั้น ท่านไว้ใจฉันและให้กุญแจกับฉันไว้สำหรับเข้าออกบ้านได้แต่ต้องใช้ประตูเล็กนั่นเท่านั้นนะ” ชายหนุ่มบอก

           “แปลกจัง ทำไมต้องใช้ประตูนั่น มันเล็กจะตาย” ยีวอนน่าพูดขึ้น ชายหนุ่มยักไหล่ เขาเดินไปหยิบสัมภาระของยีวอนน่าที่เธอได้โยนเข้ามาในตอนแรกและรับอาสาจะถือไปส่งให้ถึงในบ้าน ทั้งสองคนเดินไปตามทางเดินยาวๆที่ปูด้วยอิฐสีแดงทรงแปดเหลี่ยมจนถึงประตูบ้าน น่าแปลกที่ประตูบ้านเปิดเอาไว้อยู่แล้วดังนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน ภายในบ้านตกแต่งสวยงาม น่าอยู่และเต็มไปด้วยของสะสมเก่าๆแต่ดูมีราคาที่วางโชว์อยู่ในตู้โชว์และพนัง ยีวอนน่านั่งลงที่เก้าอี้นวมที่มีที่วางแขนแกะสลักเป็นเถาวัลย์และกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆด้วยความชื่นชม ชายหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างๆพลางแอบอมยิ้ม

           “ฉันก็เป็นแบบเธอนี่แหละตอนเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก บ้านฉันเปิดร้านอาหารน่ะ คิดว่าถ้าเธอจะสังเกตเห็นมันเป็นร้านเดียวที่ตั้งอยู่ทางฟากนี้ของแม่น้ำ คุณยายติดใจฝีมืออาหารร้านเราก็เลยผูกขาดเป็นขาประจำ ฉันมักจะขับมอเตอร์ไซต์มาส่งอาหารอยู่บ่อยๆ” ชายหนุ่มกล่าว

           “ฉันขอโทษนะที่พูดกับเธอไม่ค่อยดี แต่ฉันก็จะมาอยู่ที่นี่แค่สามเดือนเท่านั้นแหละ” ยีวอนน่าพูดกับชายหนุ่ม

           “ฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่หาว่าเธอเป็นหัวขโมย เธอมาเฝ้าบ้านให้คุณยายงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มถามขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆเก้าอี้ที่ยีวอนน่านั่งอยู่ เขาสบตายีวอนน่าทำให้เธอรู้สึกเขินเล็กน้อยครั้งสุดท้ายที่เธอรู้สึกแบบนี้ก็นานมาแล้วตอนที่เธอเจอกับแฟนหนุ่มใหม่ๆ ยีวอนน่าหลบตาและพยายามชวนคุยเรื่องอื่น

           “คุณยายอยู่ไหนกัน?” ยีวอนน่าถาม ชายหนุ่มกวาดสายตาและเดินล้วงกระเป๋าไปรอบๆเป็นเชิงสำรวจ

           “คงอยู่ข้างบน แต่ฉันต้องไปก่อนนะ ต้องไปส่งอาหารบ้านที่อยู่เลยจากบ้านคุณยายอีกไกลเลย เธออยู่รอคุณยายไปละกัน ในนี้ปลอดภัยฉันรับรอง” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับยิ้มให้อีกครั้ง

           “บ๊าบ บาย” ยีวอนน่ากล่าวพร้อมยิ้มให้

           “ฉันชื่อแวนเนส หรือเธอจะเรียกว่า มิสเตอร์วี ก็ได้นะ” ชายหนุ่มกล่าว ดูท่าทางเหมือนเขาเองก็อยากจะอยู่คุยต่อแต่ก็อย่างว่าแหละเขาต้องทำงานนี่นา

           “ฉันยีวอนน่า” ยีวอนน่ากล่าวแลกเปลี่ยนชื่อกับแวนเนส

           “ชื่อเพราะนี่ บ๊าบ บาย” แวนเนสพูดพร้อมโบกมือให้ยีวอนน่า

           แวนเนสยิ้มให้อีกครั้งและเดินออกจากบ้านไป ดูเหมือนว่าแวนเนสจะชอบยิ้มเสียเหลือเกิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×