ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เพื่อนใหม่
      เป็นเวลากลางคืนแล้วและช่างเป็นคืนที่เงียบเหงายามที่ไม่มีคุณยายเพนนีมาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับยีวอนน่า เธอพยายามประหยัดไฟโดยการเปิดเพียงโคมไฟดวงเล็กๆบางดวงเท่านั้น และเธอยังคงนั่งอยู่ในห้องหนังสือพลางคิดว่าเธอจะต้องไปตามหาภูตกลางคืนให้เจอ อีกมุมหนึ่งของบ้านที่สวนดอกไม้แสงสว่างดวงเล็กๆกำลังขยับไปมา
    “ยีวอนน่ามีแฟนอย่างนั้นเหรอ?” จัสมินถามวิลโล่
      “ฉันคิดว่าเขาอาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้นะ” โรสพูด
      “นั่นสิ เธอเห็นเขาจูบกันหรือเปล่า? คนที่รักกันเขามักจะจูบกันไม่ใช่เหรอ?” ไวโอเล็ตถามบ้าง
      “โอ้ยยยย ฉันไม่รู้! ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นเด็กหนุ่ม ตัวสูงผอมและผมยาวและดูท่าทางยีวอนน่าจะชอบเขามากทีเดียว” วิลโล่ตอบ จัสมินเงียบไปครู่หนึ่งและเริ่มคิดอะไรบางอย่างได้
      “นี่พวกเราทำไมพวกเราไม่ไปหายีวอนน่ากันเดี๋ยวนี้เลยล่ะ? เพราะฉันเชื่อว่าเธอคงไม่ตกใจเมื่อเห็นพวกเราหรอกน่า” จัสมินพูด เธอขยับปีกไปมาด้วยความกระตือรือร้น
      “จะดีเหรอ เธอก็รู้ว่าฉันน่ะขี้อายและตื่นคน” โรสพูดและบิดไปมา
      “แหวะ” วิลโล่หันไปกระซิบข้างหลังไวโอเล็ต ไวโอเล็ตหัวเราะคิกคัก
      ยีวอนน่าเตรียมไฟฉายและตัดสินใจเดินออกไปที่สวนดอกไม้ เธออยากรู้เป็นอย่างมากว่าทำไมพวกภูตตัวเล็กๆพวกนั้นถึงเชิญเธอไปงานเลี้ยงและพวกภูตต้องการบอกอะไรเธออยู่หรือไม่ ระหว่างที่ยีวอนน่ากำลังจะเดินไปที่สวนดอกไม้ก็มีเสียงบางอย่างอยู่บริเวณประตูหน้าบ้านและเนื่องจากยีวอนน่าไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ที่หน้าประตูจึงทำให้บริเวณหน้าประตูค่อนข้างมืด ยีวอนน่าเปิดไฟฉายและเดินไปยังหน้าประตูบ้านมันว่างเปล่าไม่มีใครหรือสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ยีวอนน่าเดินถอยออกมาเธอชนเข้าอย่างจังกับบางอย่าง
      ที่สวนดอกไม้พวกภูตกลางคืนยังคงพูดคุยกันอยู่บนน้ำพุ พวกมันตกลงกันว่าจะไปพบยีวอนน่าด้วยตัวเอง
      “ก็ด้าย ก็ด้าย” โรสบอก
      “มันดูงี่เง่ามาก ถ้าเธอจะไม่ยอมไปเพียงเพราะเธอเป็นโรคตื่นคน” วิลโล่ประชด โรสค้อนและผลักวิลโล่ซึ่งยืนอยู่ยอดบนสุดของน้ำพุ
      “โอ้ย ยัยบ้า” วิลโล่เซ  จัสมินบินมาจับไว้ได้ทันก่อนที่วิลโล่จะหัวจิ้มตกลงไปในน้ำพุ
      “พวกเราควรจะเตรียมบทพูดไว้ก่อนนะ จะได้ไม่แย่งกันพูดไงล่ะ” ไวโอเล็ตแนะนำ
      ยีวอนน่าตกใจเมื่อเธอชนกับบางสิ่งบางอย่าง เธอหันตัวกลับมาและใช้ไฟฉายส่องไปเบื้องหน้า โล่งอกไปทีที่สิ่งที่เธอชนไม่ได้เป็นโจรหรือสัตว์ประหลาดหรือแม้แต่ผี แต่กลับเป็นคนและคนๆนี้ก็คือแวนเนสนั่นเองเขายืนยิ้มอยู่เบื้องหน้าของยีวอนน่า
      “เธอทำฉันตกใจ รู้มั้ยคนบ๊อง” ยีวอนน่าว่า แวนเนสหัวเราะชอบใจ
      “ขอโทษทีนะคือฉันไขกุญแจเข้ามาเองโดยไม่ได้ขออนุญาตเธอก่อน ฉันจะมาช่วยเธอจับหิ่งห้อยยักษ์น่ะ” แวนเนสพูด เขาเสยผมอีกเช่นเคยพร้อมขยิบตาให้ยีวอนน่าหนึ่งที ยีวอนน่ายิ้มอย่างมีความสุข
      “ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงรถของเธอเลยล่ะ?” ยีวอนน่าถาม
      “ฉันจอดมอเตอร์ไซต์เอาไว้ตรงหัวถนนน่ะ” แวนเนสบอก ยีวอนน่ายิ้มและรีบจูงมือแวนเนสเดินไปที่สวนดอกไม้ทันที ทั้งสองคนเดินเข้าไปในสวนเป็นจังหวะเดียวกันกับพวกภูตทั้งสี่ตัวกำลังจะบินออกไปหายีวอนน่าพอดีและในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากัน พวกภูตหยุดชะงักเมื่อเห็นยีวอนน่าเดินเข้ามาในสวน วิลโล่ ไวโอเล็ตและโรสบินไปหลบหลังจัสมิน ฝ่ายยีวอนน่าและแวนเนสกำลังยืนตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้าภูตเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์และงดงามมาก มันน่ารักราวกับตุ๊กตาและมีปีกเรืองแสงในตอนกลางคืนที่งดงาม จัสมินดูจะเป็นภูตที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดเธอค่อยๆโค้งคำนับยีวอนน่าและแวนเนสอย่างสุภาพ วิลโล่ภูตหนุ่มเพียงตัวเดียวโค้งตามเขาเป็นภูตหนุ่มหน้าตาน่ารัก แก้มแดงและผมสีน้ำตาล ตามมาด้วยไวโอเล็ตซึ่งอยู่ในชุดสีม่วงและผมของเธอก็เป็นสีม่วงเช่นกัน และตัวสุดท้ายก็คือโรสเธอออกจะเป็นเด็กหญิงขี้อายอยู่สักหน่อย โรสอยู่ในชุดสีชมพูและมีผมสีชมพูน่ารักยิ่งนัก
      “เธอคือยีวอนน่า และพวกเราก็คือภูตกลางคืน คงจะไม่ต้องแนะนำอะไรมากมายคุณยายเพนนีคงบอกอะไรกับเธอไว้บ้างแล้ว” จัสมินพูดขึ้น ยีวอนน่าพยักหน้า
      “เธอต้องการพบฉัน” ยีวอนน่าพูด เธอเอื้อมมือออกไปยังพวกภูตเพื่อสัมผัสพวกมัน ภูตกลางคืนมีไอเย็นๆแผ่ออกมาเมื่อยีวอนน่าสัมผัสพวกมันใกล้ๆความรู้สึกเหมือนการเอามือไปอังไว้ข้างๆน้ำแข็ง แวนเนสแบมือและยื่นมือออกไปบ้าง ไวโอเล็ตและโรสบินมายืนอยู่บนฝ่ามือของแวนเนสดูท่าทางแวนเนสจะชอบใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เขาเห็น
      ที่ห้องรับแขกยีวอนน่ากำลังนั่งอยู่บนโซฟายาวที่มีที่วางแขนสลักเป็นรูปเถาวัลย์และภูตกลางคืนสี่ตัวที่นั่งอยู่บนโต๊ะตรงหน้า จัสมินนั่งอยู่บนแจกันดอกไม้ในขณะที่วิลโล่ ไวโอเล็ตและโรสนั่งเรียงกันอยู่บนกล่องใส่กระดาษทิชชู่ จัสมินถือโอกาสแนะนำตัวเองและเพื่อนๆอีกครั้งในขณะที่แวนเนสกำลังเดินดูของตกแต่งบ้านไปรอบๆห้องรับแขกเขาหยุดดูและหัวเราะเมื่อเห็นนาฬิกาแขวนที่มีเข็มวินาทีเดินถอยหลังได้เองและเดินกลับมานั่งข้างๆยีวอนน่า เขายิ้มให้เธอในแบบที่เขาชอบยิ้มเสมอ
      “นาฬิกานั่นเป็นฝีมือของโรส ภูตงี่เง่า” วิลโล่บอกแวนเนส โรสหันมาทำตาเขียวและชกวิลโล่หนึ่งที วิลโล่บินไปหลบหลังจัสมินตามเคย
      “ฉันก็แค่จะช่วยคุณยายเพนนีซ่อมนาฬิกานั่น แต่บางทีเวทย์มนตร์ของฉันอาจจะยังไม่ดีเท่าทีควรมันก็เลยกลายเป็นนาฬิกาที่เดินถอยหลังน่ะ” โรสบอกอย่างอายๆ แวนเนสและยีวอนน่าหัวเราะพร้อมกัน แวนเนสแอบมองเวลาที่ยีวอนน่าหัวเราะ เธอช่างดูสดใสและเป็นธรรมชาติอย่างที่เขาไม่เคยเห็นจากหญิงสาวคนไหนมาก่อน
      “มาคุยกันเรื่องพวกเธอดีกว่า คุณยายเพนนีบอกว่าภูตบางตัวมีอายุเป็นร้อยปีแม้ว่าจะดูเป็นเด็กตลอดเวลาก็ตาม” ยีวอนน่าพูดขึ้น
      “ก็ไม่เชิงนะ อันที่จริงพวกเราก็ต้องแก่ไปตามเวลาแต่อาจจะแก่ช้ากว่าคนปกติเท่านั้นเอง พวกเราเป็นภูตรุ่นใหม่และก็ยังเป็นเด็กกันอยู่มาก พวกภูตรุ่นเก่าๆมักจะละทิ้งโลกมนุษย์ไปยังดินแดนที่พวกเราเรียกว่า นิรันดร์นคร เป็นเมืองที่ภูตอาศัยอยู่น่ะ” จัสมินอธิบาย
      “เรื่องราวของพวกเธอนี่เหมือนกันนิทานปรัมปราที่พ่อแม่ชอบเล่าให้เราฟังตอนเด็กๆเลยนะ” แวนเนสเสริม
      “เธอสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือเรื่อง ตำนานภูตพันปี ในห้องหนังสือของคุณยายเพนนีนะมันเป็นหนังสือเก่าแก่มากทีเดียวในนั้นมีเรื่องราวและรูปภาพของพวกเราเยอะแยะเลยแหละ” ไวโอเล็ตแนะนำ แวนเนสทำท่าทางประหลาดใจและหัวเราะออกมา
      จัสมินยังคงเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับภูตกลางคืนให้ยีวอนน่าฟัง โดยมีวิลโล่และโรสคอยทะเลาะกันอยู่แทบจะตลอดเวลาและไวโอเล็ตจะต้องคอยห้ามไม่ให้ภูตสองตัวนี้ลงไม้ลงมือใส่กันจนเหนื่อย
      “ฉันจำได้ว่าพวกเธอมีกันเป็นฝูงเลย ทำไมถึงมีแต่พวกเธอสี่คนท่านั้นล่ะที่มาหาฉัน?” ยีวอนน่าถาม
      “พวกเราทั้งสี่เป็นตัวแทนของพวกภูตทั้งหมดน่ะ เราเป็นหัวหน้า” จัสมินตอบ
      “พวกเรามาเป็นเพื่อนกันมั้ยล่ะ?พวกเธอสองคนเชื่อใจภูตอย่างพวกเราหรือเปล่า?” ไวโอเล็ตถามอย่างใคร่รู้
      “เชื่อสิ” แวนเนสตอบพลางยื่นมือออกไป ไวโอเล็ตยื่นมือเล็กจิ๋วของเธอจับมือกับแวนเนส ตามมาด้วยมือของยีวอนน่า วิลโล่ โรส และจัสมิน
      “พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ” ยีวอนน่าพูดเธอยิ้มให้กับภูตทุกตัวและหันไปยิ้มให้กับแวนเนส
    “ยีวอนน่ามีแฟนอย่างนั้นเหรอ?” จัสมินถามวิลโล่
      “ฉันคิดว่าเขาอาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้นะ” โรสพูด
      “นั่นสิ เธอเห็นเขาจูบกันหรือเปล่า? คนที่รักกันเขามักจะจูบกันไม่ใช่เหรอ?” ไวโอเล็ตถามบ้าง
      “โอ้ยยยย ฉันไม่รู้! ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นเด็กหนุ่ม ตัวสูงผอมและผมยาวและดูท่าทางยีวอนน่าจะชอบเขามากทีเดียว” วิลโล่ตอบ จัสมินเงียบไปครู่หนึ่งและเริ่มคิดอะไรบางอย่างได้
      “นี่พวกเราทำไมพวกเราไม่ไปหายีวอนน่ากันเดี๋ยวนี้เลยล่ะ? เพราะฉันเชื่อว่าเธอคงไม่ตกใจเมื่อเห็นพวกเราหรอกน่า” จัสมินพูด เธอขยับปีกไปมาด้วยความกระตือรือร้น
      “จะดีเหรอ เธอก็รู้ว่าฉันน่ะขี้อายและตื่นคน” โรสพูดและบิดไปมา
      “แหวะ” วิลโล่หันไปกระซิบข้างหลังไวโอเล็ต ไวโอเล็ตหัวเราะคิกคัก
      ยีวอนน่าเตรียมไฟฉายและตัดสินใจเดินออกไปที่สวนดอกไม้ เธออยากรู้เป็นอย่างมากว่าทำไมพวกภูตตัวเล็กๆพวกนั้นถึงเชิญเธอไปงานเลี้ยงและพวกภูตต้องการบอกอะไรเธออยู่หรือไม่ ระหว่างที่ยีวอนน่ากำลังจะเดินไปที่สวนดอกไม้ก็มีเสียงบางอย่างอยู่บริเวณประตูหน้าบ้านและเนื่องจากยีวอนน่าไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ที่หน้าประตูจึงทำให้บริเวณหน้าประตูค่อนข้างมืด ยีวอนน่าเปิดไฟฉายและเดินไปยังหน้าประตูบ้านมันว่างเปล่าไม่มีใครหรือสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ยีวอนน่าเดินถอยออกมาเธอชนเข้าอย่างจังกับบางอย่าง
      ที่สวนดอกไม้พวกภูตกลางคืนยังคงพูดคุยกันอยู่บนน้ำพุ พวกมันตกลงกันว่าจะไปพบยีวอนน่าด้วยตัวเอง
      “ก็ด้าย ก็ด้าย” โรสบอก
      “มันดูงี่เง่ามาก ถ้าเธอจะไม่ยอมไปเพียงเพราะเธอเป็นโรคตื่นคน” วิลโล่ประชด โรสค้อนและผลักวิลโล่ซึ่งยืนอยู่ยอดบนสุดของน้ำพุ
      “โอ้ย ยัยบ้า” วิลโล่เซ  จัสมินบินมาจับไว้ได้ทันก่อนที่วิลโล่จะหัวจิ้มตกลงไปในน้ำพุ
      “พวกเราควรจะเตรียมบทพูดไว้ก่อนนะ จะได้ไม่แย่งกันพูดไงล่ะ” ไวโอเล็ตแนะนำ
      ยีวอนน่าตกใจเมื่อเธอชนกับบางสิ่งบางอย่าง เธอหันตัวกลับมาและใช้ไฟฉายส่องไปเบื้องหน้า โล่งอกไปทีที่สิ่งที่เธอชนไม่ได้เป็นโจรหรือสัตว์ประหลาดหรือแม้แต่ผี แต่กลับเป็นคนและคนๆนี้ก็คือแวนเนสนั่นเองเขายืนยิ้มอยู่เบื้องหน้าของยีวอนน่า
      “เธอทำฉันตกใจ รู้มั้ยคนบ๊อง” ยีวอนน่าว่า แวนเนสหัวเราะชอบใจ
      “ขอโทษทีนะคือฉันไขกุญแจเข้ามาเองโดยไม่ได้ขออนุญาตเธอก่อน ฉันจะมาช่วยเธอจับหิ่งห้อยยักษ์น่ะ” แวนเนสพูด เขาเสยผมอีกเช่นเคยพร้อมขยิบตาให้ยีวอนน่าหนึ่งที ยีวอนน่ายิ้มอย่างมีความสุข
      “ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงรถของเธอเลยล่ะ?” ยีวอนน่าถาม
      “ฉันจอดมอเตอร์ไซต์เอาไว้ตรงหัวถนนน่ะ” แวนเนสบอก ยีวอนน่ายิ้มและรีบจูงมือแวนเนสเดินไปที่สวนดอกไม้ทันที ทั้งสองคนเดินเข้าไปในสวนเป็นจังหวะเดียวกันกับพวกภูตทั้งสี่ตัวกำลังจะบินออกไปหายีวอนน่าพอดีและในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากัน พวกภูตหยุดชะงักเมื่อเห็นยีวอนน่าเดินเข้ามาในสวน วิลโล่ ไวโอเล็ตและโรสบินไปหลบหลังจัสมิน ฝ่ายยีวอนน่าและแวนเนสกำลังยืนตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้าภูตเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์และงดงามมาก มันน่ารักราวกับตุ๊กตาและมีปีกเรืองแสงในตอนกลางคืนที่งดงาม จัสมินดูจะเป็นภูตที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดเธอค่อยๆโค้งคำนับยีวอนน่าและแวนเนสอย่างสุภาพ วิลโล่ภูตหนุ่มเพียงตัวเดียวโค้งตามเขาเป็นภูตหนุ่มหน้าตาน่ารัก แก้มแดงและผมสีน้ำตาล ตามมาด้วยไวโอเล็ตซึ่งอยู่ในชุดสีม่วงและผมของเธอก็เป็นสีม่วงเช่นกัน และตัวสุดท้ายก็คือโรสเธอออกจะเป็นเด็กหญิงขี้อายอยู่สักหน่อย โรสอยู่ในชุดสีชมพูและมีผมสีชมพูน่ารักยิ่งนัก
      “เธอคือยีวอนน่า และพวกเราก็คือภูตกลางคืน คงจะไม่ต้องแนะนำอะไรมากมายคุณยายเพนนีคงบอกอะไรกับเธอไว้บ้างแล้ว” จัสมินพูดขึ้น ยีวอนน่าพยักหน้า
      “เธอต้องการพบฉัน” ยีวอนน่าพูด เธอเอื้อมมือออกไปยังพวกภูตเพื่อสัมผัสพวกมัน ภูตกลางคืนมีไอเย็นๆแผ่ออกมาเมื่อยีวอนน่าสัมผัสพวกมันใกล้ๆความรู้สึกเหมือนการเอามือไปอังไว้ข้างๆน้ำแข็ง แวนเนสแบมือและยื่นมือออกไปบ้าง ไวโอเล็ตและโรสบินมายืนอยู่บนฝ่ามือของแวนเนสดูท่าทางแวนเนสจะชอบใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เขาเห็น
      ที่ห้องรับแขกยีวอนน่ากำลังนั่งอยู่บนโซฟายาวที่มีที่วางแขนสลักเป็นรูปเถาวัลย์และภูตกลางคืนสี่ตัวที่นั่งอยู่บนโต๊ะตรงหน้า จัสมินนั่งอยู่บนแจกันดอกไม้ในขณะที่วิลโล่ ไวโอเล็ตและโรสนั่งเรียงกันอยู่บนกล่องใส่กระดาษทิชชู่ จัสมินถือโอกาสแนะนำตัวเองและเพื่อนๆอีกครั้งในขณะที่แวนเนสกำลังเดินดูของตกแต่งบ้านไปรอบๆห้องรับแขกเขาหยุดดูและหัวเราะเมื่อเห็นนาฬิกาแขวนที่มีเข็มวินาทีเดินถอยหลังได้เองและเดินกลับมานั่งข้างๆยีวอนน่า เขายิ้มให้เธอในแบบที่เขาชอบยิ้มเสมอ
      “นาฬิกานั่นเป็นฝีมือของโรส ภูตงี่เง่า” วิลโล่บอกแวนเนส โรสหันมาทำตาเขียวและชกวิลโล่หนึ่งที วิลโล่บินไปหลบหลังจัสมินตามเคย
      “ฉันก็แค่จะช่วยคุณยายเพนนีซ่อมนาฬิกานั่น แต่บางทีเวทย์มนตร์ของฉันอาจจะยังไม่ดีเท่าทีควรมันก็เลยกลายเป็นนาฬิกาที่เดินถอยหลังน่ะ” โรสบอกอย่างอายๆ แวนเนสและยีวอนน่าหัวเราะพร้อมกัน แวนเนสแอบมองเวลาที่ยีวอนน่าหัวเราะ เธอช่างดูสดใสและเป็นธรรมชาติอย่างที่เขาไม่เคยเห็นจากหญิงสาวคนไหนมาก่อน
      “มาคุยกันเรื่องพวกเธอดีกว่า คุณยายเพนนีบอกว่าภูตบางตัวมีอายุเป็นร้อยปีแม้ว่าจะดูเป็นเด็กตลอดเวลาก็ตาม” ยีวอนน่าพูดขึ้น
      “ก็ไม่เชิงนะ อันที่จริงพวกเราก็ต้องแก่ไปตามเวลาแต่อาจจะแก่ช้ากว่าคนปกติเท่านั้นเอง พวกเราเป็นภูตรุ่นใหม่และก็ยังเป็นเด็กกันอยู่มาก พวกภูตรุ่นเก่าๆมักจะละทิ้งโลกมนุษย์ไปยังดินแดนที่พวกเราเรียกว่า นิรันดร์นคร เป็นเมืองที่ภูตอาศัยอยู่น่ะ” จัสมินอธิบาย
      “เรื่องราวของพวกเธอนี่เหมือนกันนิทานปรัมปราที่พ่อแม่ชอบเล่าให้เราฟังตอนเด็กๆเลยนะ” แวนเนสเสริม
      “เธอสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือเรื่อง ตำนานภูตพันปี ในห้องหนังสือของคุณยายเพนนีนะมันเป็นหนังสือเก่าแก่มากทีเดียวในนั้นมีเรื่องราวและรูปภาพของพวกเราเยอะแยะเลยแหละ” ไวโอเล็ตแนะนำ แวนเนสทำท่าทางประหลาดใจและหัวเราะออกมา
      จัสมินยังคงเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับภูตกลางคืนให้ยีวอนน่าฟัง โดยมีวิลโล่และโรสคอยทะเลาะกันอยู่แทบจะตลอดเวลาและไวโอเล็ตจะต้องคอยห้ามไม่ให้ภูตสองตัวนี้ลงไม้ลงมือใส่กันจนเหนื่อย
      “ฉันจำได้ว่าพวกเธอมีกันเป็นฝูงเลย ทำไมถึงมีแต่พวกเธอสี่คนท่านั้นล่ะที่มาหาฉัน?” ยีวอนน่าถาม
      “พวกเราทั้งสี่เป็นตัวแทนของพวกภูตทั้งหมดน่ะ เราเป็นหัวหน้า” จัสมินตอบ
      “พวกเรามาเป็นเพื่อนกันมั้ยล่ะ?พวกเธอสองคนเชื่อใจภูตอย่างพวกเราหรือเปล่า?” ไวโอเล็ตถามอย่างใคร่รู้
      “เชื่อสิ” แวนเนสตอบพลางยื่นมือออกไป ไวโอเล็ตยื่นมือเล็กจิ๋วของเธอจับมือกับแวนเนส ตามมาด้วยมือของยีวอนน่า วิลโล่ โรส และจัสมิน
      “พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ” ยีวอนน่าพูดเธอยิ้มให้กับภูตทุกตัวและหันไปยิ้มให้กับแวนเนส
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น